นอนอยู่ดี ๆ ก็รู้สึกเย็น ๆ ที่นิ้ว ลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่ามีผีดูดนิ้วอยู่! โดนดูดอยู่ 2 วัน ต้องทำบุญให้ถึงจะยอมไป พอมาคิดดูอีกที ก็จำได้ว่าเก็บนางกวักใส่กระเป๋าเดินทาง ทุกวันนี้ยังเก็บไว้แล้วบอกผีตนนั้นว่า “อยู่ด้วยกันไปเลยนะ ช่วยทำมาหากินกันไปเลย”

อังคารคลุมโปง RECAP

นอนอยู่ดี ๆ ก็รู้สึกเย็น ๆ ที่นิ้ว ลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่ามีผีดูดนิ้วอยู่! โดนดูดอยู่ 2 วัน ต้องทำบุญให้ถึงจะยอมไป พอมาคิดดูอีกที ก็จำได้ว่าเก็บนางกวักใส่กระเป๋าเดินทาง ทุกวันนี้ยังเก็บไว้แล้วบอกผีตนนั้นว่า “อยู่ด้วยกันไปเลยนะ ช่วยทำมาหากินกันไปเลย”

14 มิ.ย. 2023

       รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (6 มิถุนายน 2566) ครั้งนี้มีสายจาก ‘คุณอั้บ’ นักร้องนำวง WHAT’S UP มาส่งต่อประสบการณ์ชวนขนหัวลุกให้ ‘ดีเจเจ็ม’ และ ‘ดีเจแนน’ ได้ฟังกัน     เรื่องราวครั้งนี้เกี่ยวกับหญิงปริศนาที่มาดูดนิ้วคุณอั้บตอนกลางคืน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปตามอ่านกันเลย!

       ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว คุณอั้บพึ่งเริ่มเดินสายเล่นดนตรีกลางคืนได้ใหม่ ๆ มีวันหนึ่งเขาเหนื่อยมากหลังจากไปเที่ยวเกาะกูดและแสดงคอนเสิร์ตที่ระยองมา พอกลับมาที่ห้อง คืนนั้นเขาก็หลับเป็นตาย ทว่าขณะที่นอนหงายอยู่ คุณอั้บก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างเย็น ๆ อยู่ที่นิ้วกลางกับนิ้วนางข้างขวา พอลืมตาขึ้นมาก็ปรากฎให้เห็น ผู้หญิงผมยาว ตัวดำทั้งตัว เห็นแต่เพียงดวงตาสีขาว กำลังก้มดูดนิ้วของเขาอยู่!

       คุณอั้บเป็นคนไม่กลัวผี (ถึงขั้นที่ว่าสามารถกล่าวทักทายผีได้เลย) เขาจึงสบถด่าใส่ผีตนนั้นไปว่า “เห้ย มึงหื่นหรอ!” คุณอั้บเหนื่อยมากและไม่ต้องการให้ผีตนนี้มารบกวนเวลานอน จึงบอกกับผีตนนั้นไปว่าว่าเขาไม่กลัวเธอหรอก เมื่อผีเงยหน้ามองคุณอั้บ สีหน้าของเธอไม่ได้ดูดุร้ายแต่กลับดูเป็นมิตร เขาใช้เวลายื้อยุดอยู่กับเธอประมาณ 5-10 นาที  เพื่อให้เลิกดูดนิ้ว ตอนนั้นคุณอั้บไม่สามารถขยับตัวซีกขวาได้เลย และผีตนนี้ก็ยังดูดนิ้วเขาต่อไป สุดท้ายคุณอั้บก็พูดกับเธอไปว่า “ถ้าขยับตัวได้ จุดธูปแช่งจริง ๆ ด้วย แต่ถ้าเกิดเอาจนตาย ไปเจอกันตอนเป็นผี” พอพูดเช่นนี้ผีตนนั้นก็หายตัวไป และลำตัวด้านขวาก็เริ่มขยับได้อีกครั้ง คุณอั้บจึงนอนต่อ

       เช้าวันถัดมา คุณอั้บแทบจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปแล้ว กระทั่งถึงเย็นวันนั้น ขณะที่กำลังจะต้องออกไปทำงานข้างนอก คุณอั้บก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้... คุณอั้บเริ่มสงสัยกับตัวเองว่าเขาฝันไปหรือเป็นเรื่องจริงกันแน่ จากนั้นก็ลองพูดลอย ๆ ขณะยืนแต่งตัวในห้องว่า “เห้ย ตัวเมื่อคืนน่ะ ถ้ามีจริง ๆ คืนนี้มาอีก เดี๋ยวจะรอ” และพูดต่อด้วยว่าจะยังไม่ทำบุญไปให้ เพราะไม่แน่ใจว่าผีที่เขาเจอมามีจริงรึเปล่า จากนั้นก็ออกไปทำงานตามปกติ

       ในคืนนั้นเอง คุณอั้บก็ลืมเรื่องที่ตัวเองได้พูดไปตอนเย็นเสียสนิท เขากลับมานอนอนที่ห้องเช่นเคย หลังจากที่ได้ไปสังสรรค์กับเพื่อนเล็กน้อย แต่เมื่อนอนไปได้สักพัก เขาก็รู้สึกแน่นที่ท้องมาก ๆ เมื่อลืมตาตื่นขึ้น ก็เห็นผีผู้หญิงคนเดิมอีกครั้ง เธอมองหน้าของเขาอยู่ สองมือประสานใต้คาง และเอาเท้ากดไปที่ท้องของคุณอั้บ เรียกได้ว่าแทบจะนั่งอยู่บนตัวคุณอั้บเลยก็ว่าได้! เมื่อเห็นดังนั้นจึงรับรู้ได้ว่าผีที่เห็นน่าจะมีตัวตนจริง เขาจึงพูดกับเธอว่า “โอเค เดี๋ยวทำบุญไปให้ ไปนะ” จากนั้นผีตนนั้นก็ยิ้มแล้วหายไป

       วันต่อมาคุณอั้บก็ได้ไปทำบุญให้เธอตามสัญญา และคิดว่า ที่ผ่านมาเขาก็อยู่ห้องนี้มานาน ยังไม่เคยเจออะไร ตอนไปเที่ยวก็ไม่เคยทำตัวลบหลู่สถานที่ แล้วผีตนนี้มาจากไหนกัน? จนคุณอั้บมาเก็บกระเป๋าเดินทาง เขาก็ถึงบางอ้อว่า มีนางกวักรูปหนึ่งอยู่ในกระเป๋าตัวเอง จึงนึกขึ้นมาได้ว่า เคยไปเที่ยวแล้วได้สิ่งนี้กลับมา ก่อนจะเก็บไว้ในกระเป๋าวางไว้ใต้เบาะ แล้วนั่งทับเธอมาตลอดทาง!

       “อยู่ด้วยกันไปเลยนะ ช่วยทำมาหากินกันไปเลย” คุณอั้บบอกกับนางกวักตนนี้ จนทุกวันนี้คุณอั้บก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย และที่น่าแปลกส่งท้ายคือ ห้องของคุณอั้บซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุนั้น ไม่เคยมีใครมาอยู่อีกเลย นับแต่เขาย้ายออกไป พอเขาย้ายกลับมาเจ้าของตึกก็บอกกับเขาว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่มา 5 ปีแล้ว…

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

               

related อังคารคลุมโปง RECAP

กลายเป็นทริปทะเลทรายสุดหลอน เมื่อไกด์ทัวร์ไม่ยอมจองที่พักล่วงหน้าไว้ ทำให้ต้องไปนอนทับที่คนตายโดยไม่รู้ตัว และด้วยความชอบส่วนตัวจึงแต่งตัววาบหวิวออกมาถ่ายรูป จบที่คืนนั้นเกือบตาย! เพราะโดนหลอกแบบดับเบิ้ล!

22 พ.ค. 2023

กลายเป็นทริปทะเลทรายสุดหลอน เมื่อไกด์ทัวร์ไม่ยอมจองที่พักล่วงหน้าไว้ ทำให้ต้องไปนอนทับที่คนตายโดยไม่รู้ตัว และด้วยความชอบส่วนตัวจึงแต่งตัววาบหวิวออกมาถ่ายรูป จบที่คืนนั้นเกือบตาย! เพราะโดนหลอกแบบดับเบิ้ล!

‘คุณอ้วน รีเทิร์น’ ได้มาเยือนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ ที่ผ่านมา (9 พฤษภาคม 2566) เพื่อมาเล่าเรื่องหลอนของตัวเองที่เจอดีระหว่างท่องทริปทะเลทราย ให้กับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเคเบิ้ล’ ฟัง ว่าได้เจอผีถึง 2 ตน! เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปติดตามกันได้เลย! คุณอ้วนเล่าว่าตัวเองนั้นชอบไปเที่ยวทะเลทรายช่วงเดือนธันวาคมของทุกปีมาก เพราะมันดูมีมนต์ขลัง ดูมีเสน่ห์ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม และเมื่อย้อนกลับไปประมาณ 6 ปีที่แล้วในวันที่ 31 ธันวาคม เป็นวันที่คุณอ้วนวางแพลนว่าจะไปเคาท์ดาวน์ที่กลางทะเลทราย มีเพื่อนคนไทยไปด้วย 2 คน หนึ่งในนั้นสามารถพูดอาหรับได้ และมีไกด์ทัวร์ด้วยอีกหนึ่งคน ซึ่งได้วานให้ไกด์ทัวร์รีบโทรไปจองเต็นท์ที่อยู่ในแคมป์กลางทะเลทราย เพราะกลัวว่าเต็นท์จะเต็ม แต่ไกด์ทัวร์บอกว่าไม่เต็มแน่นอน พอไปถึงปรากฏว่าเต็นท์เต็ม! จะกลับก็ไม่ได้เพราะใช้เวลาเดินทางมากว่า 4 ชั่วโมง ด้วยความโมโห คุณอ้วนจึงโวยวายด่าไกด์ทัวร์หนักมาก จนเจ้าของแคมป์เดินมาเห็นเหตุการณ์และสงสารไกด์ทัวร์คนนั้น จึงเดินเข้ามาบอกว่า “ขอโทษนะ ถ้าไม่รังเกียจ เขามีห้องเล็ก ๆ อยู่ห้องหนึ่ง ซึ่งจะนำเตียง 3 ฟุต 3 เตียง มาเติมให้แต่ห้องสภาพไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ เพราะไม่เคยมีคนมานอน” คุณอ้วนชั่งใจอยู่สักครู่ ก็หยวน ๆ ให้เพราะไม่รู้ว่าจะไปพักที่ไหนแล้ว แถมตอนนั้นอากาศก็เริ่มเย็นลงแล้ว... ก่อนที่ฟ้าจะมืดคุณอ้วนได้ไปถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ ซึ่งชุดที่คุณอ้วนสวมใส่ค่อนข้างที่จะโป๊ เมื่อไกด์ทัวร์เดินมาเห็น เขาก็เข้ามาเตือนว่าอย่าถ่ายรูปแบบนี้ แต่ด้วยความที่ยังคงโกรธไกด์ทัวร์คนนั้นอยู่ คุณอ้วนจึงไม่สนใจและยืนยันว่าจะถ่ายต่อ เพราะบนสันของเนินทะเลทรายนี้มีแค่กลุ่มของคุณอ้วนเท่านั้น และคิดว่าไม่น่ามีใครมาเห็น เมื่อถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณอ้วนรู้สึกเหนื่อยมาก จึงไม่ได้ออกไปปิ้งย่างบาร์บีคิวกับเพื่อน ๆ และได้อาบน้ำเข้านอนทันที คุณอ้วนนอนที่เตียงด้านในสุด ขณะที่กำลังล้มตัวนอนและกำลังจะเคลิ้มหลับ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเปิดเต็นท์ตรงเข้ามายังเตียงที่นอนอยู่ เมื่อลืมตามอง ก็เห็นเป็นผู้ชายคนหนึ่งคล้ายคนอินเดีย ผมสั้นแต่พะรุงพะรัง มีหนวด ใส่เสื้อเป็นลายสก็อตแขนสั้นเก่า ๆ ในใจคุณอ้วนก็คิดสงสัยว่าเป็นใคร เป็นคนงานหรือเปล่า และพอเขามาหยุดที่เตียงของคุณอ้วน เขาก็มายืนจ้องหน้าพร้อมกับทำตาเหลือกถลนใส่ ในขณะนั้นคุณอ้วนก็เหมือนกับมองชายคนนั้นอยู่ในภวังค์กึ่งหลับกึ่งตื่น และรู้สึกได้ทันทีว่าเขาไม่ใช่คนแน่ ๆ และรู้สึกว่าอยากจะลุกหนีไปให้เร็วที่สุด จึงพยายามร้องให้คนช่วย! และเพื่อนทั้ง 2 คนของคุณอ้วนก็เดินเข้ามาในเต็นท์พอดี จึงพยายามร้องเรียกให้ช่วย ด้วยอาการเหมือนจะขาดใจเพราะเริ่มหายใจไม่ออก แต่เพื่อนทั้ง 2 คนนั้นคิดว่าคุณอ้วนแค่ละเมอ จึงไม่ได้สนใจและพากันเข้านอน และผีผู้ชายคนนั้นก็ได้หายไป แต่คุณอ้วนรู้สึกว่าเหมือนมีตัวอะไรไม่รู้มุดเข้ามาในผ้าห่มแทน! และเมื่อมันมุดมาถึงตรงหน้าอก คุณอ้วนก็พยายามเอามือดันตรงหน้าอกไว้ คุณอ้วนกลัวมาก ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงตัดสินใจสวดมนต์และคิดถึงพ่อกับแม่ ซึ่งในตอนนั้นอาการหายใจไม่ออกเหมือนจะขาดใจตายให้ได้ก็หนักขึ้น ขณะที่กำลังสวดมนต์อยู่นั้นก็เห็นเป็นผู้ชายตัวเล็ก ชุดขาว หน้าเหี่ยวย่น มีหนวดเคราและใส่ผ้าโพกหัวสีขาว เดินเข้ามาหาที่เตียงซึ่งในตอนนั้นคุณอ้วนรู้สึกว่าเหมือนตัวเองลุกขึ้นมาอยู่ในท่านั่งเรียบร้อยแล้ว และผู้ชายคนนั้นก็เอามือหนึ่งกดบ่าคุณอ้วน อีกมือหนึ่งดันเต็นท์ไว้ แล้วก็มองหน้าคุณอ้วนด้วยสายตาที่ดูน่ากลัว นึกในใจตอนนั้นคิดว่าตัวเองต้องตายแน่ ๆ จึงพยายามเอามือไปหยิบพาวเวอร์แบงค์เพื่อจะโยนใส่เพื่อนที่นอนอยู่ แต่พอจะโยนมันกลับหลุดมือตกลงพื้นเสียงดัง ทำให้ในตอนนั้นคุณอ้วนก็รู้สึกตัว และลุกขึ้นมาตะโกนร้องว่า “ช่วยด้วย ๆ ผีหลอก” เพื่อนทั้งสองคนจึงสะดุ้งตื่นขึ้นมาและเห็นว่าหน้าของคุณอ้วนนั้นเขียวไปหมดเลยเหมือนคนกำลังจะช็อก เพื่อน ๆ ก็ถามว่าเป็นอะไรคุณอ้วนจึงเล่าทุกอย่างให้ฟัง หลังจากนั้นคุณอ้วนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ เพราะเวลาตี 2 แล้ว จะนอนก็ไม่ได้ จึงพากันออกไปนอกเต็นท์ เพื่อนคนหนึ่งจึงไปตามไกด์ทัวร์มาและเล่าทุกอย่างให้ฟัง พร้อมกับขอให้เขาหาที่นอนใหม่ให้ แต่จนแล้วจนรอดก็หาที่นอนใหม่ให้ไม่ได้ จะพากันไปนอนที่รถก็ไม่ได้ จึงจำใจต้องกลับไปนอนที่เต็นท์นั้น เพื่อนคุณอ้วนก็ช่วยกันปลอบว่าอย่ากลัว ให้ตั้งสติ และทุกคนจึงตัดสินใจไปนอนกองรวมกันอยู่ที่มุมเต็นท์ คุณอ้วนเองก็ให้เพื่อนทั้ง 2 คนมานอนประกบสองข้าง และเอาขามากอดคุณอ้วนไว้ด้วย ส่วนไกด์ทัวร์คนนั้นไปนอนที่เตียงของคุณอ้วนแทน แต่คุณอ้วนและเพื่อน ๆ ก็นอนไม่ลงอยู่ดี แถมพากันสวดมนต์แทบทั้งคืนจนถึงเช้า รุ่งเช้า คุณอ้วนก็ลุกออกไปชงกาแฟกิน เพื่อน ๆ และไกด์ก็ตามออกมา เจ้าของแคมป์เดินมาเห็นเข้าพอดี จึงถามว่าทำไมถึงพากันออกเต็นท์มาเช้าจัง ปกตินักท่องเที่ยวจะตื่นสายกว่านี้ ไกด์ทัวร์จึงบอกไปว่าเมื่อคืนแขกของเราโดนผีหลอก ทำให้นอนไม่ได้ ด้วยความที่คนอาหรับมักจะเป็นคนที่พูดตรงและไม่โกหก เจ้าของแคมป์จึงเล่าว่าจริง ๆ เต็นท์ตรงนั้นถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่ได้อยากขายให้ เพราะย้อนกลับไปตอนที่เขาเข้ามาทำกิจการแคมป์ตรงพื้นที่นี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว มีคนงานเป็นคนอินเดียมาฆ่าตัวตายตรงเต็นท์ที่คุณอ้วนนอน คุณอ้วนได้ฟังดังนั้นก็ขนลุกหนักมาก เพราะตอนที่เจอเหตุการณ์นั้นก็นึกสงสัยในใจอยู่ว่าคนอินเดียจะมาอยู่ทำไมในพื้นที่อาหรับ หลังจากนั้น ตามแพลนคุณอ้วนและเพื่อน ๆ จะต้องนอนค้างอีกหนึ่งคืน แต่ทุกคนก็ตัดสินใจยกเลิกทริป และนั่งรถกลับเข้าเมืองทันที ระหว่างที่ขับรถอยู่นั้น ไกด์ทัวร์ก็พูดว่า “ผมบอกคุณแล้วใช่ไหม ว่าไม่ให้แต่งตัวโป๊ออกมาถ่ายรูป เพราะที่นี่เจ้าที่แรงมาก และศาสนาเขาไม่ชอบเรื่องอะไรแบบนี้” นั่นทำให้คุณอ้วนนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น ว่าจริง ๆ แล้วตนเจอผีผู้ชาย 2 คน และผีผู้ชายคนที่สองที่เข้ามาในเต็นท์คงต้องเป็นเจ้าที่เจ้าทางแน่ ๆ คุณอ้วนถึงกับขนลุกขึ้นมาอีกครั้งทันที และบอกกับตัวเองว่าจะไม่ไปในพื้นที่ตรงนั้นอีกแล้ว เมื่อกลับมาถึงยังในตัวเมืองจึงได้ทำพิธีของไทยเพื่อกราบขอขมาลาโทษผีเหล่านั้น และเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็ทำให้คุณอ้วนไม่กล้าแต่งตัวโป๊ถ่ายรูปอีกเลย พร้อมกับบอกว่าเวลาเราจะไปยังสถานที่ไหน เราควรให้ความเคารพต่อสถานที่ตรงนั้นทั้งสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็นด้วย (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

โดนหมอดูทักว่ามีคนตามแต่ไม่เชื่อ ระหว่างที่อาบน้ำก็ได้ยินเสียงคนบอกให้ช่วย ตอนเล่นเกม เพื่อนก็ได้ยินอีก! ทำใจกล้าเปิดประตูเข้าไปดูก็เจอผู้หญิงหน้าไหม้ ยืนหลังโค้งติดเพดานเป็นรูปตัวแอลในห้องนอนตัวเอง!

17 พ.ย. 2023

โดนหมอดูทักว่ามีคนตามแต่ไม่เชื่อ ระหว่างที่อาบน้ำก็ได้ยินเสียงคนบอกให้ช่วย ตอนเล่นเกม เพื่อนก็ได้ยินอีก! ทำใจกล้าเปิดประตูเข้าไปดูก็เจอผู้หญิงหน้าไหม้ ยืนหลังโค้งติดเพดานเป็นรูปตัวแอลในห้องนอนตัวเอง!

โดนหมอดูทักว่ามีผู้หญิงและเด็กตามอยู่แต่ไม่เชื่อ จนไปพบเจอกับตัวเอง เริ่มด้วยการได้ยินเสียงแปลก ๆ ขอให้ช่วย ต่อมาแอพลิเคชันจับสัญญาณเสียงได้ สุดท้ายเจอเองกับตาด้วยภาพสุดหลอนที่ไม่อาจลืม ‘พี่แจ็ค The Ghost Radio’ ได้นำมาเล่าให้ ‘อังคารคลุมโปง X’ (14 พฤษจิกายน 2566) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ช่วย’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันได้เลย! พี่แจ็ค The Ghost Radio บอกว่า ‘คุณแน๊ป’ นำเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเขาและบ้านของเขาเอง ซึ่งในปัจจุบันเขาก็ได้ขายบ้านหลังนี้ไปแล้ว ต้องเกริ่นก่อนว่าโครงสร้างของบ้านจะมี 2 ชั้น ซึ่งชั้นล่างเป็นร้านขายของ มีคุณพ่อคุณแม่อาศัยในชั้นนั้น ส่วนชั้นที่ 2 ก็จะเป็นชั้นของคุณแน๊ปทั้งชั้น คุณพ่อคุณแม่จึงมักจะไม่ขึ้นมายุ่งที่ชั้นสอง แต่โดยปกติแล้วคุณแน๊ปไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ เพราะว่าทำงานต่างจังหวัด นาน ๆ ทีจะได้กลับบ้าน ซึ่งช่วงที่เกิดเรื่องเป็นช่วงวันแม่พอดี เมื่อกลับบ้านมา คุณแม่ก็พาไปทำบุญที่วัดและก็ได้ดูดวงกับหมอดูตามปกติ แต่คุณแน๊ปสังเกตเห็นว่าหมอที่ดูดวงให้คุณแม่เขาชอบหันมามองหน้าคุณแน็ปบ่อย ๆ หลังจากที่คุณแม่ดูดวงเสร็จ หมอดูก็เดินมาหาคุณแน๊ปแล้วบอกว่า “ช่วงนี้ไปทำอะไรมาหรือเปล่าเห็นเหมือนมีคนตามเป็นผู้หญิงกับเด็ก” ด้วยความที่คุณแน๊ปเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องหมอดูและไม่เชื่อเรื่องผี จึงคิดว่าถ้ามีคนมาทักว่ามีผีผู้หญิงหรือว่ามีคนตามยังพอเข้าใจได้ แต่พอบอกว่ามีเด็กตามก็แสดงว่าต้องทำแท้งหนิ ซึ่งคุณแน๊ปไม่เคยทำ ไม่เคยไปเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ จึงคิดว่าหมอดูมั่ว หลังจากทำบุญกลับมา คุณแน๊ปก็ขึ้นไปชั้น 2 ตามปกติ ในระหว่างที่กำลังอาบน้ำ คุณแน๊ปก็ได้ยินเสียงแทรกเข้ามาว่า “ช่วย” พร้อมกับเสียงน้ำที่ออกมาจากฝักบัว แต่คุณแน๊ปก็คิดว่าตัวเองหูแว่วไปเอง คืนนั้นจึงนอนตามปกติ แต่ก็ฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งมีสภาพแปลก ๆ มายืนเกาะหน้าต่าง พร้อมเด็กยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็กวักมือพูดว่า “ช่วย ช่วย ช่วย” อยู่ซ้ำ ๆ คุณแน๊ปตกใจสะดุ้งตื่น และเริ่มเอะใจ เพราะทั้งหมอดูทัก ทั้งได้ยินเสียงตอนอาบน้ำ และความฝันชวนขนหัวลุกนี้ วันต่อมา คุณแน๊ปนั่งเล่นเกมอยู่กับเพื่อน โดยใช้โปรแกรมที่ชื่อว่า Discord เอาไว้คุยกันระหว่างเล่นเกม ซึ่งลักษณะพิเศษของโปรแกรมคือ เมื่อพูดตรงไมค์จะมีไฟสีเขียวขึ้น ระหว่างที่กำลังจะเริ่มเกมคุณแน๊ปยังไม่ทันได้พูดอะไร เพื่อนของคุณแน๊ปก็ตอบกลับมาว่า “ช่วยไรวะ” และพอคุณแน๊ปสังเกตตรงไมค์ก็ไม่มีไฟอะไรขึ้น จากนั้นก็เล่นเกมกันต่อไม่ได้คิดอะไร แต่ในระหว่างเล่น เพื่อนคุณแน๊ปก็พูดขึ้นมาว่าอีกว่า “เสียงอะไรวะ ที่บ้านมึงเสียงโครมครามเหมือนมีคนเคาะอะไร” คุณแน๊ปจึงลองถอดหูฟังออก ปรากฏว่าก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร พอเล่นเกมเสร็จ เพื่อนก็ทักขึ้นมาอีกว่า “ได้ยินเสียงจริง ๆ นะ ตอนนี้ก็ได้ยินอยู่” คุณแน๊ปจึงลองมองไปที่รูปไมค์ แต่พอครั้งนี้มีไฟเขียวขึ้นเหมือนได้รับสัญญาณเสียง! คุณแน๊ปจึงถอดหูฟังออก ปรากฏว่าได้ยินเสียงคนเคาะประตู “ก๊อก ๆ” เขาจึงถามกลับไปว่า “แม่หรอ” แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ คุณแน๊ปลุกเอาหูไปแนบประตูปรากฏว่าได้ยินเสียงเป็นเสียงเด็กร้อง เสียงของตก และเสียงผู้หญิงร้องว่า “ช่วย ช่วย ช่วย….” คุณแน๊ปตัดสินใจเปิดประตู พอเปิดออกไปก็เจอแต่ความว่างเปล่า! จากนั้นจึงเดินออกมาสำรวจ พอมองไปห้องพระก็ไม่เจออะไร แต่พอเปิดประตูห้องนอนตัวเองเท่านั้นแหละ! ปรากฏว่าสิ่งที่เขาเห็นคือ ผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่บนเตียง แต่หลังของผู้หญิงคนนั้นโค้งไปตามเพดานที่อยู่ข้างบน เหมือนรูปตัวแอล ซึ่งผู้หญิงคนนั้นสูงมาก หันมามองหน้าคุณแน๊ปแล้วอ้าปาก ใบหน้าส่วนหนึ่งมีผมปิดไว้ ส่วนที่มองเห็นเต็มไปด้วยรอยไฟไหม้ คุณแน๊ปตกใจทำอะไรไม่ถูกจึงค่อย ๆ เดินถอยหลังลงบันได ทำให้คุณแน๊ปค่อย ๆ เห็นภาพทั้งห้องกว้างขึ้น ซึ่งนอกจากมีผู้หญิงแล้ว ยังเห็นเป็นเด็กอีก 3 คน นอนดิ้นทับกันอยู่ใต้เตียง ในขณะที่ผู้หญิงบนเตียงก็มองเขาอยู่ คุณแน๊ปจึงวิ่งเสียงดังลงมาข้างล่างจนพ่อกับแม่ตื่น! คุณแน๊ปรีบบอกว่าข้างบนมีผีและขอไปอยู่บ้านเพื่อน ซึ่งเพื่อนคนนี้คือคนที่เล่นเกมด้วยกันนั่นเอง เมื่อมาถึงบ้านเพื่อน เพื่อนก็ตกใจและงงเพราะว่ายังได้ยินเสียงคุณแน๊ปคุยกับใครไม่รู้ใน Discord ที่บ้าน คุณแน๊ปลองเอาหูฟังมาใส่แต่ว่าก็ไม่ได้ยิน พอตอนเช้ามาก็เล่าเรื่องนี้ให้คุณพ่อคุณแม่ฟังว่าสิ่งที่เห็นมีลักษณะอย่างไร พ่อกับแม่จึงบอกกับคุณแน๊ปว่า ย้อนกลับไปเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมก่อนที่คุณแน๊ปจะมา ซอยฝั่งตรงข้ามเกิดเหตุไฟไหม้บ้าน ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นลูกค้าของบ้านคุณแน๊ปที่คุณแน๊ปรู้จักเป็นอย่างดี คนที่เสียชีวิตโดนไฟคลอก คือ คุณแม่และลูก 3 คน ซึ่งคุณแน๊ปก็สนิท ก่อนหน้านั้นไม่กี่เดือนก็ไปบ้านเขา และยังคุยกันอยู่เลยว่าจะซื้อของมาฝากลูกเขา แต่เรื่องหลอนที่คุณแน๊ปเจอนั้น ชาวบ้านแถวนั้นก็ไม่ได้เจออะไร หรืออาจเพราะเคยเกริ่นว่าจะซื้อของมาฝากทำให้มีจิตสื่อกันบางอย่างก็เป็นได้(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณหมิง ‘คอร์สเสริมเพิ่มหลอน’

11 พ.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณหมิง ‘คอร์สเสริมเพิ่มหลอน’

เรื่องราวนี้ ‘คุณหมิง’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (7 พฤษภาคม 2567) ขนหัวลุกไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘คอร์สเสริมเพิ่มหลอน’ จะหลอนแค่ไหนนั้น ไปอ่านกัน! โดยคุณหมิงเริ่มเล่าว่า ย้อนกลับไปสมัยที่คุณหมิงยังเรียนอยู่ปี 1 คณะที่คุณหมิงกำลังศึกษาอยู่นั้น ได้เปิดสอนรายวิชาอนาโตมีหรือกายวิภาคศาสตร์ ซึ่งต้องเรียนกับอาจารย์ใหญ่ เพื่อที่สุดท้ายแล้วจะต้องเอาความรู้ทั้งหมดไปสอบ ‘แล็บกริ๊ง’ หรือการสอบดูชิ้นส่วนอวัยวะของมนุษย์ เช่น กล้ามเนื้อ สมอง ลำไส้ และกระดูก โดยต้องแข่งกับเวลาที่จำกัด คุณหมิงจึงตัดสินใจอยู่ที่ห้องเรียนจนดึก เพื่อต้องการศึกษาด้วยตนเองนอกรอบ ภายในห้องเรียนนั้น จะพบกับร่างของอาจารย์ใหญ่ ซึ่งอาจารย์ใหญ่บางท่านที่ผ่านการดองมานาน หรือผ่านมือลูกศิษย์มาหลายคน ยิ่งเวลานานเข้า สภาพศพก็ยิ่งเน่าเปื่อยไปตามกาลเวลา อาจารย์ใหญ่บางท่านก็อาจจะถูกตัดชิ้นเนื้อบางส่วนออกไป หรือมีการเลาะเส้นเลือดออก เพื่อศึกษาอวัยวะ คุณหมิงใช้เวลาในห้องเรียนนี้มาถึงช่วงตีหนึ่งกว่า ความมืดทำให้การมองเห็นยากขึ้น คุณหมิงต้องใช้ความพยายามที่จะเพ่งดูเส้นเลือดขนาดเล็ก บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความกดดันและความเครียด คุณหมิงจึงเริ่มสติหลุด ด้วยความเหนื่อยจึงบ่นกับตัวเองว่า “โอ้ย ! อะไรเนี่ย… จะจำได้ไหม สอบไม่ได้แน่เลย” และยังปากพล่อยออกไปอีกว่า “ท่านคะ มาสอนหนูหน่อย หนูจำอะไรไม่ได้” ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีเทคโนโลยี คุณหมิงไม่สามารถใช้โทรศัพท์บันทึกภาพหรือวิดีโอได้ คุณหมิงทำได้เพียงจดจำทุกอย่างเท่าที่จะจำได้ จากนั้นไม่นาน คุณหมิงก็ตัดสินใจกลับหอพัก หลังจากที่ทำภารกิจส่วนตัวเสร็จ คุณหมิงก็พร้อมนอน ระหว่างที่กำลังจะหลับสนิท คุณหมิงก็เห็นภาพในห้วงนิมิต เป็นภาพคล้ายร่างของอาจารย์ใหญ่ มายืนจ้องเขม็งสายตามองตรงมาที่คุณหมิง โดยร่างมีสภาพเปลือยเปล่าเหมือนศพ สักพักภาพก็ค่อย ๆ ใกล้ขึ้น เป็นภาพกล้ามเนื้อตรงหน้าอก ซึ่งอาจารย์ใหญ่ท่านก็กำลังยืนฉีกและแหวกหน้าอกของตนโชว์ต่อหน้าคุณหมิง! ท่านค่อย ๆ ฉีก ค่อย ๆ แหวก ทำให้หนังด้านนอกหลุดออก จนสามารถเห็นกล้ามเนื้อด้านในชัดเจนมากขึ้น ซึ่งภาพตรงเข้ามาหาคุณหมิงเรื่อย ๆ! ความรู้สึกของคุณหมิงตอนนั้น คือ ช็อคจนทำอะไรไม่ถูก ตกใจสุดขีด แต่จะร้องก็ร้องไม่ออก กลัวจนตัวสั่น คุณหมิงจึงรีบลุกขึ้นจากเตียง ลงมานั่งยกมือไหว้ พูดขอขมาซ้ำไปซ้ำมาว่า “หนูขอโทษ ไม่ต้องมาสอนหนูแล้ว หนูรับไม่ไหว… หนูขอโทษค่ะ” หลังจากนั้นไม่นานภาพก็หายไป แล้วคุณหมิงก็ไม่เห็นภาพอาจารย์ใหญ่อีกเลย ซึ่งพอคุณหมิงดึงสติกลับมาได้ จึงมานั่งคิดว่า “ถ้าหากตนทนต่อตอนนั้น มีหวังอาจารย์ใหญ่ก็คงจะสอนต่อจนหมดทั้งร่างแน่นอน”(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ย้ายเข้าหอใหม่ แต่มีห้องว่างอยู่ห้องเดียวคือห้องตัวอย่าง ตั้งแต่เข้าไปพักก็เจอเรื่องแปลก ๆ มากมาย ทั้งตัวโดนผ้ามัดแน่น ทั้งโดนแก้ผ้าและตื่นมาก็ปากฉีกอีก! แถมเจอผีเยาะเย้ยว่าสวดมนต์ไปก็ทำอะไรไม่ได้!

16 พ.ย. 2023

ย้ายเข้าหอใหม่ แต่มีห้องว่างอยู่ห้องเดียวคือห้องตัวอย่าง ตั้งแต่เข้าไปพักก็เจอเรื่องแปลก ๆ มากมาย ทั้งตัวโดนผ้ามัดแน่น ทั้งโดนแก้ผ้าและตื่นมาก็ปากฉีกอีก! แถมเจอผีเยาะเย้ยว่าสวดมนต์ไปก็ทำอะไรไม่ได้!

เมื่อต้องย้ายเข้าหอใหม่ แต่ชั้นที่จะไปอยู่ดันไม่มีห้องว่าง มีแค่ห้องตัวอย่างที่อยู่ใกล้กับลิฟต์ ทำให้ต้องเจอเรื่องแปลกประหลาดชวนขนหัวลุก! เรื่องหลอนจาก ‘คุณต้น “Wolftone’ ที่มาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (7 พฤศจิกายน 2566) พร้อมเจอกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เรื่องนี้จะประหลาดอย่างไรนั้น ไปอ่านพร้อมกันเลย! เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในสมัยที่คุณต้นเรียนอยู่มหาวิทยาลัยย่านนครปฐม เป็นช่วงระหว่างปี 1 ขึ้นปี 2 ช่วงนั้นเขาย้ายหอพักจากหอพักเก่าไปหอพักหนึ่ง ซึ่งมีเพื่อนที่เรียนด้วยกันอยู่ที่นั่นชื่อ ‘คุณเบนซ์’ เขาจึงชวนคุณต้นย้ายเข้าไป คุณเบนซ์พักอยู่ที่ชั้น 2 ในวันที่ไปเลือกห้อง คุณต้นจึงไม่ได้ไปดูชั้นอื่นเลยนอกจากชั้น 2 เพราะว่าต้องการที่จะอยู่ใกล้ ๆ กัน ไปเรียนจะได้สะดวก แต่ชั้น 2 ไม่มีห้องไหนว่าง ยกเว้นห้องตัวอย่าง เลขที่ 207 ลักษณะของห้องนี้คือ เมื่อออกจากลิฟต์แล้วเลี้ยวซ้ายก็จะถึงเลย เรียกได้ว่าอยู่เยื้องกับลิฟต์ หากเปิดประตูเข้าไปก็เหมือนห้องทั่วไป ทางซ้ายมีห้องน้ำ มีเตียง ถัดไปเป็นโซฟาและตู้ คุณต้นจึงตัดสินใจเลือกห้องนั้น เขาใช้ชีวิตอยู่ในห้องนั้นประมาณ 1 - 2 เดือน จนคุณต้นเริ่มสนิทกับคนในหอ สนิทกับ รปภ. คุณป้าแม่บ้าน และคุณป้าพนักงาน ซึ่งพวกเขาก็มักจะนั่งสังสรรค์อยู่ใต้หอพักก่อนจะขึ้นนอนเป็นประจำ ส่วนคุณต้นก็จะนั่งอยู่กับคุณลุงรปภ. เป็นประจำ มีอยู่วันหนึ่งพวกเขานั่งสังสรรค์กันตามปกติ แต่มีเพื่อนของคุณต้น ชื่อ ‘คุณคิน’ เข้ามานั่งร่วมวงด้วย พวกเขาก็นั่งกินกันไปเรื่อย ๆ จนถึงตี 1 - 2 ก็เริ่มเมา จากนั้นจึงขึ้นไปนอน คุณคินก็ไม่ได้กลับไปที่หอพักตัวเองเพราะหอพักเขาอยู่ไกล คุณต้นจึงพาคุณคินขึ้นมานอนที่ห้องของตัวเอง โดยคุณคินนอนบนเตียง ส่วนคุณต้นนอนอยู่ที่โซฟา ไม่นานทั้งคู่ก็หลับไป เช้าวันต่อมา คุณต้นตื่นเพราะเสียงของเพื่อนที่พูดว่า “ต้น มึงทำอะไรอยู่เนี่ย มึงแกล้งมึงเล่นอะไรอยู่เนี่ย” ด้วยความสะลึมสะลือ เขาจึงตื่นขึ้นไปดู สิ่งที่เขาเห็นคือ คุณคินโดนห่อด้วยผ้าห่มแน่น ๆ เหมือนกับนุ่งผ้าออกมาจากห้องน้ำ เหมือนกับข้าวต้มมัดที่แน่น ๆ ซึ่งผิดธรรมชาติจากการห่มผ้าทั่วไป แล้วที่แปลกกว่านั้นคือ คุณคินไม่ได้สวมเสื้อผ้า แต่เสื้อผ้าทั้งหมดไปกองอยู่หน้าห้องน้ำ และชุ่มไปด้วยน้ำ! คุณคินตกใจมากจึงหันมาถามคุณต้นว่า “แกล้งอะไร” คุณต้นยังมึนงง เพราะตนไม่ได้ทำอะไร จำได้ว่าต่างคนต่างนอน พอตื่นมาก็เจอสภาพแบบนี้แล้ว แต่หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ไปเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง ทุกคนก็ขำขันคิดเพียงว่าเป็นเรื่องโจ๊กเล่าสนุกเท่านั้น หลังจากนั้นผ่านไป 2 สัปดาห์ คุณคินก็ไปสังสรรค์กับเพื่อนอีกกลุ่มที่บ้านพักของเพื่อน คราวนี้ก็คล้าย ๆ กัน คือนั่งดื่มกันไปเรื่อย ๆ แต่ครั้งนี้ คุณคินขึ้นไปนอนที่ห้องของเพื่อน ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กันกับห้องพักคุณต้น หลังจากภาพตัดหลับไป เหตุการณ์แปลก ๆ ตอนเช้า ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หนักกว่าครั้งแรก เพราะคุณคินตื่นมาพร้อมกับเสื้อที่ชุ่มไปด้วยน้ำ เมื่อจับที่ปากก็รู้สึกเจ็บมาก เขาจึงรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำเพื่อดูตัวเองในกระจก ก็เห็นว่าตัวเอง ปากแตก ปากข้างล่างฉีกประมาณ 4 เซนติเมตร มีเลือดอาบเต็มเสื้อ ฟันแตกผ่าครึ่งแล้วฝังไปในริมฝีปากล่าง และที่แปลกไปกว่านั้นคือ เขามีสำลีอยู่รอบตัว ทีแรกคิดว่าอาจจะล้มแล้วเพื่อนมาช่วยทำแผล จึงถามเพื่อน ๆ ที่นอนด้วยกัน สรุปว่าไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพิ่งมารู้ตอนเช้าพร้อมกันนี่เอง ทุกคนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นคุณต้นก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องผิดปกติ แต่แล้วเหตุการณ์แบบนั้นก็ไม่เกิดขึ้นกับคุณคินอีก ไปเกิดกับคุณต้นแทน.. ผ่านเหตุการณ์นั้นไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ วันหนึ่งหลังจากกลับจากเรียนคุณต้นก็มานอนพักที่ห้องตามปกติ ไม่ได้ดื่มหรือมีอาการมึนเมาแต่อย่างใด เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นตอนเช้าอีกครั้ง คุณต้นโดนห่อเป็นข้าวต้มมัด โดนรัดแน่นมากและโดนแก้ผ้าด้วย ส่วนเสื้อผ้าไปกองอยู่หน้าห้องน้ำ และชุ่มไปด้วยน้ำเหมือนครั้งก่อน! แล้วหลังจากนั้น คุณต้นก็เจอเหตุการ์ณแบบนี้อีก 3 – 4 ครั้ง กระทั่งคืนก่อนจะถึงครั้งสุดท้ายที่คุณต้นทนไม่ไหว คืนนั้นเขาก็นอนปกติ เขารู้สึกว่าเขาโดนกดที่หน้าอกแรงมาก เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตนมีอาการผีอำ เมื่อเขาพยายามลืมตา ก็รู้สึกได้ว่าสิ่งที่กำลังกดเขาอยู่คือผู้หญิง! เขาพยายามลืมตาและสวดมนต์ แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ตอบกลับมาว่า “มึงไม่ได้ผลหรอก มึงทำไปเลย มันไม่ได้ผล สวดไปเลย มีพระหรอ” ราวกับกำลังเยาะเย้ยคุณต้น ผ่านไปไม่นาน คุณต้นก็ลุกขึ้นมาได้ จากนั้นก็รีบหยิบโทรศัพท์โทรหาคุณเบนซ์บอกว่า “กูโดนแล้ว กูเริ่มไม่ไหวแล้ว มันมากเกินไปแล้วนี่มันครั้งที่ 4 ครั้งที่ 5 แล้วไม่ไหวแล้ว” แต่คุณต้นก็ตอบกลับไปว่า “โอเค ไม่เป็นไร งั้นอยู่ไปก่อน ดูกันไปก่อน” จนมาถึงเหตุการณ์สุดท้าย เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้คุณต้นตัดสินใจย้ายออกจากห้องนั้นไปห้องอื่นเลยคือ…! วันนั้นคุณต้นนั่งดื่มกับเพื่อนตามปกติ แต่ครั้งนี้เพื่อนเล่าให้ฟังว่า เวลาประมาณ 5 ทุ่ม อยู่ ๆ คุณต้นก็เดินขึ้นไปบนห้องแบบไม่บอกใคร หายไปจากวงสังสรรค์นั้นแล้วก็ขึ้นไปนอน ซึ่งคุณต้นรู้ตัวแค่ว่าตอนนั้นเหมือนมีบางอย่างบอกเขาว่าต้องขึ้นไปข้างบนและไปนอนได้แล้ว ความจำสุดท้ายของคุณต้นคือ เขาเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วก็วาร์ปหลับไป ตื่นเช้ามาอีกที ก็ได้ยินเสียงคุณเบนซ์เรียก “ต้น มึงโดนอีกแล้วว่ะ มึงย้ายห้องเหอะ กูสงสารมึง” ทันทีที่คุณเบนซ์เห็นหน้าคุณต้นก็อึ้งไปสักพักเพราะว่าเสื้อผ้าของคุณต้นนั้นชุ่มไปด้วยเลือด ปากของคุณต้นนั้นฉีกไปประมาณ 3 เซนติเมตร นั่นทำให้คุณต้นไม่อยากทนอีกต่อไป จึงไปถามกับรปภ. และคุณป้าพนักงานว่า ชั้น 2 มีเหตุการณ์อะไรมาก่อนหรือไม่ แต่พวกเขาก็ไม่ยอมปริปากบอกจนคุณต้นต้องพยายามเค้นถาม จึงได้คำตอบมาว่า บริเวณลิฟท์ชั้น 2 จะมีผู้หญิงคนหนึ่งวนเวียนอยู่ตรงนั้น ป้าแม่บ้านเห็นประจำ และมักจะเห็นเดินไปเดินมาบริเวณห้อง 207 ที่คุณต้นอยู่ รปภ.และแม่บ้านบอกมาแค่นั้น คุณต้นก็สืบไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร จนกระทั่งเหตุการณ์สุดท้าย หลังจากที่คุณต้นย้ายห้องไปแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นการการันตีว่าสิ่งที่คุณต้นเห็นและทำทั้งหมดเป็นคนคนเดียวกัน นั่นคือเมื่อคุณต้นย้ายห้องไป ในคืนหนึ่งก็ฝันว่า กำลังจะไปเรียน พอเปิดประตูแล้วหันไปทางซ้าย ซึ่งเป็นห้อง 207 ที่เคยอยู่ เขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผิวสีเหลือง ผมประบ่า แต่ไม่เห็นหน้า แล้วร่างนั้นก็ถอยหลังค่อย ๆ หายไปในเงา แล้วคุณต้นก็สะดุ้งตื่น! นั่นทำให้คุณต้นได้รู้ว่าคือคนเดียวกันกับที่เคยกดคุณต้น แต่ว่าก็หาสาเหตุไม่ได้ว่าสิ่งที่เจอมันคืออะไร แล้วผู้หญิงคนนั้นคือใคร..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1