นอนอยู่ดี ๆ ก็รู้สึกเย็น ๆ ที่นิ้ว ลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่ามีผีดูดนิ้วอยู่! โดนดูดอยู่ 2 วัน ต้องทำบุญให้ถึงจะยอมไป พอมาคิดดูอีกที ก็จำได้ว่าเก็บนางกวักใส่กระเป๋าเดินทาง ทุกวันนี้ยังเก็บไว้แล้วบอกผีตนนั้นว่า “อยู่ด้วยกันไปเลยนะ ช่วยทำมาหากินกันไปเลย”

อังคารคลุมโปง RECAP

นอนอยู่ดี ๆ ก็รู้สึกเย็น ๆ ที่นิ้ว ลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่ามีผีดูดนิ้วอยู่! โดนดูดอยู่ 2 วัน ต้องทำบุญให้ถึงจะยอมไป พอมาคิดดูอีกที ก็จำได้ว่าเก็บนางกวักใส่กระเป๋าเดินทาง ทุกวันนี้ยังเก็บไว้แล้วบอกผีตนนั้นว่า “อยู่ด้วยกันไปเลยนะ ช่วยทำมาหากินกันไปเลย”

14 มิ.ย. 2023

       รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (6 มิถุนายน 2566) ครั้งนี้มีสายจาก ‘คุณอั้บ’ นักร้องนำวง WHAT’S UP มาส่งต่อประสบการณ์ชวนขนหัวลุกให้ ‘ดีเจเจ็ม’ และ ‘ดีเจแนน’ ได้ฟังกัน     เรื่องราวครั้งนี้เกี่ยวกับหญิงปริศนาที่มาดูดนิ้วคุณอั้บตอนกลางคืน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปตามอ่านกันเลย!

       ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว คุณอั้บพึ่งเริ่มเดินสายเล่นดนตรีกลางคืนได้ใหม่ ๆ มีวันหนึ่งเขาเหนื่อยมากหลังจากไปเที่ยวเกาะกูดและแสดงคอนเสิร์ตที่ระยองมา พอกลับมาที่ห้อง คืนนั้นเขาก็หลับเป็นตาย ทว่าขณะที่นอนหงายอยู่ คุณอั้บก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างเย็น ๆ อยู่ที่นิ้วกลางกับนิ้วนางข้างขวา พอลืมตาขึ้นมาก็ปรากฎให้เห็น ผู้หญิงผมยาว ตัวดำทั้งตัว เห็นแต่เพียงดวงตาสีขาว กำลังก้มดูดนิ้วของเขาอยู่!

       คุณอั้บเป็นคนไม่กลัวผี (ถึงขั้นที่ว่าสามารถกล่าวทักทายผีได้เลย) เขาจึงสบถด่าใส่ผีตนนั้นไปว่า “เห้ย มึงหื่นหรอ!” คุณอั้บเหนื่อยมากและไม่ต้องการให้ผีตนนี้มารบกวนเวลานอน จึงบอกกับผีตนนั้นไปว่าว่าเขาไม่กลัวเธอหรอก เมื่อผีเงยหน้ามองคุณอั้บ สีหน้าของเธอไม่ได้ดูดุร้ายแต่กลับดูเป็นมิตร เขาใช้เวลายื้อยุดอยู่กับเธอประมาณ 5-10 นาที  เพื่อให้เลิกดูดนิ้ว ตอนนั้นคุณอั้บไม่สามารถขยับตัวซีกขวาได้เลย และผีตนนี้ก็ยังดูดนิ้วเขาต่อไป สุดท้ายคุณอั้บก็พูดกับเธอไปว่า “ถ้าขยับตัวได้ จุดธูปแช่งจริง ๆ ด้วย แต่ถ้าเกิดเอาจนตาย ไปเจอกันตอนเป็นผี” พอพูดเช่นนี้ผีตนนั้นก็หายตัวไป และลำตัวด้านขวาก็เริ่มขยับได้อีกครั้ง คุณอั้บจึงนอนต่อ

       เช้าวันถัดมา คุณอั้บแทบจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปแล้ว กระทั่งถึงเย็นวันนั้น ขณะที่กำลังจะต้องออกไปทำงานข้างนอก คุณอั้บก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้... คุณอั้บเริ่มสงสัยกับตัวเองว่าเขาฝันไปหรือเป็นเรื่องจริงกันแน่ จากนั้นก็ลองพูดลอย ๆ ขณะยืนแต่งตัวในห้องว่า “เห้ย ตัวเมื่อคืนน่ะ ถ้ามีจริง ๆ คืนนี้มาอีก เดี๋ยวจะรอ” และพูดต่อด้วยว่าจะยังไม่ทำบุญไปให้ เพราะไม่แน่ใจว่าผีที่เขาเจอมามีจริงรึเปล่า จากนั้นก็ออกไปทำงานตามปกติ

       ในคืนนั้นเอง คุณอั้บก็ลืมเรื่องที่ตัวเองได้พูดไปตอนเย็นเสียสนิท เขากลับมานอนอนที่ห้องเช่นเคย หลังจากที่ได้ไปสังสรรค์กับเพื่อนเล็กน้อย แต่เมื่อนอนไปได้สักพัก เขาก็รู้สึกแน่นที่ท้องมาก ๆ เมื่อลืมตาตื่นขึ้น ก็เห็นผีผู้หญิงคนเดิมอีกครั้ง เธอมองหน้าของเขาอยู่ สองมือประสานใต้คาง และเอาเท้ากดไปที่ท้องของคุณอั้บ เรียกได้ว่าแทบจะนั่งอยู่บนตัวคุณอั้บเลยก็ว่าได้! เมื่อเห็นดังนั้นจึงรับรู้ได้ว่าผีที่เห็นน่าจะมีตัวตนจริง เขาจึงพูดกับเธอว่า “โอเค เดี๋ยวทำบุญไปให้ ไปนะ” จากนั้นผีตนนั้นก็ยิ้มแล้วหายไป

       วันต่อมาคุณอั้บก็ได้ไปทำบุญให้เธอตามสัญญา และคิดว่า ที่ผ่านมาเขาก็อยู่ห้องนี้มานาน ยังไม่เคยเจออะไร ตอนไปเที่ยวก็ไม่เคยทำตัวลบหลู่สถานที่ แล้วผีตนนี้มาจากไหนกัน? จนคุณอั้บมาเก็บกระเป๋าเดินทาง เขาก็ถึงบางอ้อว่า มีนางกวักรูปหนึ่งอยู่ในกระเป๋าตัวเอง จึงนึกขึ้นมาได้ว่า เคยไปเที่ยวแล้วได้สิ่งนี้กลับมา ก่อนจะเก็บไว้ในกระเป๋าวางไว้ใต้เบาะ แล้วนั่งทับเธอมาตลอดทาง!

       “อยู่ด้วยกันไปเลยนะ ช่วยทำมาหากินกันไปเลย” คุณอั้บบอกกับนางกวักตนนี้ จนทุกวันนี้คุณอั้บก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย และที่น่าแปลกส่งท้ายคือ ห้องของคุณอั้บซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุนั้น ไม่เคยมีใครมาอยู่อีกเลย นับแต่เขาย้ายออกไป พอเขาย้ายกลับมาเจ้าของตึกก็บอกกับเขาว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่มา 5 ปีแล้ว…

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

               

related อังคารคลุมโปง RECAP

พิม ลัทธ์กมล เล่าเรื่อง ‘เคาะ 3 ครั้ง’ l อังคารคลุมโปง X เบคกี้ - พิม [8 เม.ย 2568]

13 เม.ย. 2025

พิม ลัทธ์กมล เล่าเรื่อง ‘เคาะ 3 ครั้ง’ l อังคารคลุมโปง X เบคกี้ - พิม [8 เม.ย 2568]

เป็นนักแสดงที่ทุ่มเท อยากรู้ความเป็นอยู่ของตัวละคร จึงขอไปนอนในสถานที่ถ่ายทำจริง แต่ใครจะคิด ว่าคืนนั้นจะไม่ได้นอนจนถึงเช้า และทำให้เปลี่ยนความเชื่อเรื่อง ‘ผี’ ไปตลอดกาล ติดตามเรื่องเล่าของ ‘คุณพิม ลัทธ์กมล’ ที่ได้นำเรื่อง ‘เคาะ 3 ครั้ง’ มาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (8 เมษายน 2568) พร้อมด้วย ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ต้องขนลุกไปพร้อมๆ กัน! ‘คุณพิม’ ได้นำเรื่อง ‘เคาะ 3 ครั้ง’ มาเล่า โดยคุณพิมได้เล่าว่า คุณพิมได้ไปถ่ายหนังที่จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับชายแดนเขมร ด้วยความที่คุณพิมเป็นนักแสดง จึงอยากลองเรียนรู้สถานที่ที่ใช้ถ่ายทำจริง ๆ ว่าตัวละครใช้ชีวิตอย่างไร คุณพิมจึงชวนเพื่อนมานอนด้วยกันที่สถานที่จริง สถานที่แห่งนี้เป็นกระต๊อบที่สร้างจากไม้ รอบ ๆ กระต๊อบที่คุณพิมและเพื่อนนอน ไม่มีบ้านคน มีแค่คนมาเฝ้าซึ่งเป็นชาวบ้านในแถบนั้น ที่ไม่มีโทรศัพท์ และไม่รู้เรื่องเทคโนโลยีมากนัก ในคืนนั้นเวลาตี 3 คุณพิมได้ตื่นขึ้นมา เพราะอุณหภูมิในกระต๊อบเริ่มลดลง จากที่อากาศร้อนกลายเป็นเย็นจนเหมือนอยู่ในห้องแอร์ และเมื่อคุณพิมตื่นก็รู้สึกยุกยิกตามร่างกาย พอหันไปทางเพื่อนที่นอนอยู่ด้านข้าง ก็มีเห็นว่ามีอาการยุกยิกเหมือนกัน ขณะเดียวกัน คุณพิมก็เริ่มได้ยินเสียงระนาค ที่บรรเลงช้า ๆ คุณพิมจึงถามเพื่อนว่า “มีคนมาเปิดเพลงแกล้งเราไหม” เพื่อนคุณพิมจึงตอบกลับมาว่า“ไม่นะ ที่นี่มีแค่เรานอนกัน 2 คน คนที่มาเฝ้าก็เป็นชาวบ้านที่ไม่มีโทรศัพท์” คุณพิมจึงเริ่มสงสัยว่ามันคือเสียงอะไร แต่ก็กลัวจนไม่กล้าขยับตัว และเสียงระนาดยังคงดังต่อไป และตอนนั้นเองคุณพิมและเพื่อนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเหมือนคนกำลังเดินขึ้นมา ตึก ตึก ตึก และเสียงนั้นก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องคุณพิม ในใจคุณพิมก็ยังคิดว่าอาจเป็นคนที่มาเฝ้าเดินขึ้นมา แต่สิ่งนั้นก็ยังหยุดอยู่ที่หน้าประตูเป็นเวลานาน และทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น ตึง! ตึง! ตึง! เสียงเคาะดังขึ้นที่หัวเตียง แต่คุณพิมก็ยังคิดว่ามีใครมาแกล้งหรือเปล่า คุณพิมและเพื่อนจึงลองตั้งสติด้วยการนอนหลับไปอีกหนึ่งครั้ง แต่อากาศก็ยังเย็นลงเรื่อย ๆ เพลงยังคงบรรเลงต่อไป จนเช้าถึงหายไป และในคืนนั้นคุณพิมกับเพื่อนจึงแทบไม่ได้นอน เพราะความกังวลจนไม่กล้าขยับตัวไปไหน ในช่วงเช้าคุณพิมจึงไปถามชาวบ้านเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ตัวเองได้เจอ ชาวบ้านแถวนั้นจึงบอกว่า “ที่แถวนั้นมันแรง ก่อนไปนอนได้ขอไหม” คุณพิมจึงตอบไปว่า “ไม่ได้ขอค่ะ แค่ไปนอนเฉย ๆ” คุณพิมจึงได้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนคือ เขามาทักทาย คืนต่อมาคุณพิมได้เปลี่ยนที่นอน ไปนอนในบ้านที่ทางทีมงานเตรียมไว้ให้ และได้กราบไหว้ก่อนจะเข้านอน ทำให้ไม่เจออะไรอีกเลย เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้คุณพิมที่ไม่เคยเชื่อลี้ลับ กลายเป็นเชื่อ 100% ว่า ผีมีจริงแน่นอน(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณเเป้ง 'หมู่บ้านที่ห่างไกล' I อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [ 19 พ.ย. 2567 ]

22 พ.ย. 2024

เรื่องเล่าจากคุณเเป้ง 'หมู่บ้านที่ห่างไกล' I อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [ 19 พ.ย. 2567 ]

‘คุณแป้ง’ สายจากทางบ้านได้นำเรื่อง ‘หมู่บ้านที่ห่างไกล’ มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (19 พฤศจิกายน 2567) ฟังกัน ทำเอา ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ รู้สึกถึงความน่าสงสาร ความน่ากลัว และความน่าสงสัย ส่วนเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไรนั้น สามารถตามไปอ่านกันได้เลย! ‘คุณแป้ง’ ได้เล่าว่าเป็นเรื่องราวของเซลล์ที่รู้จักชื่อ ‘พี่วิทย์’ เขาเป็นเซลล์ที่ต้องไปทำงานต่างจังหวัดบ่อย แต่ละครั้งก็ใช้เวลาหลายวัน ครั้งนี้ใช้เวลา 1 เดือน ซึ่งมันนานกว่าปกติ พี่วิทย์จึงเป็นห่วงภรรยาอย่าง ‘พี่อุ้ม’ และได้ชักชวนให้ไปด้วย ทั้งคู่ออกเดินทางตั้งแต่เช้าไปยังบ้านเช่าที่ได้ทำสัญญากันไว้ บ้านเช่าหลังนี้เป็นบ้านปูนธรรมดาชั้นเดียว ในช่วงเวลากลางคืน บ้านหลังนี้จะเย็นมากเพราะรอบ ๆ เป็นป่าและภูเขาทั้งหมด และมีสัญญาณอ่อน ๆ ไว้ให้แค่พอโทรหากันได้ พอเช้าวันถัดมา พี่วิทย์ก็ได้ขับรถออกไปหาลูกค้าแต่เช้า ที่บ้านจึงเหลือพี่อุ้มอยู่แค่คนเดียว ในวันแรกที่มาอยู่ก็ปกติดีทุกอย่าง วันที่สอง หลังจากพี่วิทย์ขับรถออกไปสักพักหนึ่ง พี่อุ้มก็เห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนแอบมองอยู่ข้างต้นไม้ เมื่อเด็กเห็นว่าพี่อุ้มมองตนอยู่ก็วิ่งหนีออกไป วันถัดมา พี่อุ้มก็ยังเห็นเด็กชายคนนั้นอีก พอตะโกนเรียก เด็กก็วิ่งหนีไป พี่อุ้มรอจนตอนเย็นพี่วิทย์กลับมาจึงถามว่า “ตอนจะออกไปข้างนอกเห็นเด็กผู้ชายแถวนี้บ้างไหม” พี่วิทย์ตอบกลับมาว่า “ไม่เห็นเลยนะ แถวนี้มีเด็กด้วยเหรอ ตั้งแต่อยู่มายังไม่เคยเห็นเด็กนะ” วันต่อมา พี่อุ้มก็ได้ไปยืนรอแถวนั้นด้วยความข้องใจ เมื่อเวลาผ่านไปก็ได้เจอกับเด็กชายคนนั้นหน้าตามอมแมมยืนก้มหน้าอยู่จึงถามออกไปว่า “มาแอบมองพี่ทำไม หนูเป็นอะไรหรือเปล่า หนูชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหน” เด็กคนนั้นตอบเพียงแค่ว่า “ผม ผม ผม ผ...” เป็นเหมือนเสียงที่อยู่ในลำคอ เมื่อเด็กชายเห็นพี่อุ้มเผลอ ก็วิ่งหนีไปอีกไม่ยอมพูดอะไรต่อ ตกดึกคืนนั้นมีลมแรงมาก จากนั้นพายุและฝนก็เริ่มตกลงมา พี่วิทย์กับพี่อุ้มก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาเคาะประตูแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะคิดว่าลมมันอาจจะแรงจนพัดอะไรบางอย่างมากระทบประตูก็เป็นได้ สักพักก็มีเสียงเคาะประตูอีกครั้ง และคราวนี้มีเสียงเด็กพูดขึ้นมาว่า “เปิดประตูให้ผมหน่อย ผมหนาวมากเลยครับ” เมื่อพี่อุ้มได้ยินเสียงก็รู้สึกคุ้นหูเป็นพิเศษ เหมือนว่าเคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน ส่วนพี่วิทย์นั้นรู้สึกกังวลว่าอาจจะเป็นอันตราย ไม่นานเด็กคนนั้นก็ร้องไห้ใหญ่โต พี่อุ้มนั้นอยากจะเปิดประตูให้ จึงหันไปพูดกับพี่วิทย์ว่า “ดูสิเด็กร้องไห้ใหญ่เลยนะ พี่จะไม่ช่วยเด็กหน่อยเหรอ” พี่วิทย์ใจอ่อนจึงยอมให้พี่อุ้มเปิดประตู ระหว่างที่พี่อุ้มกำลังจะเดินไปเปิดประตู โทรศัพท์พี่วิทย์ก็ดัง กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง เป็นสายของผู้ใหญ่บ้านที่โทรมาแจ้งว่าตอนนี้มีพายุแรงมาก ห้ามออกจากบ้าน และย้ำอีกว่าถ้าหากมีใครมาเรียกให้เปิดประตู ห้ามเปิดเด็ดขาด พี่วิทย์ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสงสัย แต่ผู้ใหญ่บ้านตอบกลับมาว่า “รอให้เช้าก่อนแล้วผมจะเล่าให้ฟัง” นอกจากนี้ผู้ใหญ่บ้านยังย้ำอีกครั้งว่า “อย่าเปิดประตูเด็ดขาด! ถ้ามีอะไรเร่งด่วนให้โทรหาผม” เมื่อพูดเสร็จก็วางสายไป พี่วิทย์จึงห้ามไม่ให้พี่อุ้มเปิดประตู และเสียงเด็กผู้ชายคนนั้นก็หายไป หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เข้านอน แต่ก็นอนไม่หลับเพราะอยากรู้เรื่องราวทั้งหมดว่าทำไมมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่... เช้าวันต่อมา ทั้งคู่รีบไปหาผู้ใหญ่บ้าน ระหว่างทางพี่อุ้มก็ไม่เห็นเด็กชายที่ปกติจะมายืนแอบมองอยู่ข้างต้นไม้คนนั้นแล้ว พอถึงบ้านของผู้ใหญ่บ้านก็ได้เล่าว่า “เมื่อก่อนที่ตรงนี้ยังไม่มีไฟฟ้าใช้มากนัก ทำให้คนที่อยู่ท้ายหมู่บ้านลำบาก จนอยู่มาวันหนึ่ง ฝนตกหนักมากทำให้ดินถล่มลงมาพังบ้านผู้คนที่อาศัยอยู่แถวนั้น ช่วงที่เกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ทำให้มีความยากลำบากในการแจ้งข่าวชาวบ้าน คนที่อยู่ต้นหมู่บ้านก็รอดชีวิตกันมาได้เพราะได้รับข่าวก่อน แต่ทว่าคนที่อยู่ท้ายหมู่บ้านเขาออกมาไม่ทัน ส่วนบ้านสุดท้าย เป็นบ้านของผู้ชายคนหนึ่ง เขาอาศัยอยู่กับลูกชายและลูกสาวที่ยังเล็กทั้งคู่ คนในหมู่บ้านเชื่อว่าตอนนั้นลูก ๆ ของเขากำลังหลับอยู่ ทำให้ไม่รู้เรื่องว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น เวลานั้น ดินได้ถล่มลงมาพังบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ว่าลูกชายของเขายังมีชีวิตอยู่สังเกตจากการที่มีรอยมือและรอยเท้าที่เปื้อนโคลน คาดว่าเด็กคนนั้นคงจะไล่เคาะประตูบ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครมาเปิดเพราะทุกคนล็อคประตูบ้านและหนีไปกันหมด และคาดว่าเด็กคนนั้นสิ้นใจไปก่อนเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว” ตั้งแต่นั้นมา พอมีพายุมาทีไร ใครที่เปิดประตูให้ วันถัดมาก็จะถูกพบเป็นศพนอนอยู่บริเวณบ้านของเด็กคนนั้น มีหลายคนเจอเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกัน คนในหมู่บ้านจึงสั่งห้ามทุกคนว่า ห้ามเปิดประตูในคืนที่มีพายุ พี่วิทย์จึงถามไปว่า “ทำไมไม่ทำพิธีให้เด็กคนนั้นหละครับ” ผู้ใหญ่บ้านตอบทันทีว่า “จะไปทำได้ยังหละคุณ แม้แต่ศพยังหาไม่เจอเลย..” หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็รีบย้ายบ้านออกไปอยู่ในเมืองแทนเพราะรู้สึกไม่สบายใจที่จะอยู่ต่อ(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากอาจารย์มิ้ม ‘ตายตาไม่หลับ’ l อังคารคลุมโปง X อาร์ต คืนลอยอังคาร [ 7 ต.ค.2568 ]

18 ต.ค. 2025

เรื่องเล่าจากอาจารย์มิ้ม ‘ตายตาไม่หลับ’ l อังคารคลุมโปง X อาร์ต คืนลอยอังคาร [ 7 ต.ค.2568 ]

‘อาจารย์มิ้ม’ ได้มาเล่าเรื่องราวของ ‘คุณไม้’ เขาได้เสียน้องสาวไปอย่างกะทันหัน การเสียชีวิตที่ผิดธรรมชาติและไม่รู้สาเหตุ ทำให้ครอบครัวของไม้เจอเรื่องหลอนกันแทบทุกคืน ชาวบ้านต่างหวาดกลัวกับความเฮี้ยนจนทนไม่ไหว จนไม้ต้องตกเป็นจำเลยสังคม เพราะทุกคนเข้าใจว่าไม้เป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องสาวตาย! แต่ความจริงของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X อาร์ต คืนลอยอังคาร’ (7 ตุลาคม 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ตายตาไม่หลับ’ ย้อนกลับไปเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ตอนที่ ‘ไม้’ ยังเป็นเด็ก ในครอบครัวไม้เป็นพี่คนโต มีน้องสาวชื่อ ‘ส้ม’ แต่ชื่อที่ไม้ชอบเรียกคือ ‘ส้มจี๊ด’ ข้างบ้านของไม้เป็นบ้านเพื่อนสนิทที่ชื่อ ‘ทวน’ ทั้งสามเป็นเพื่อนเล่นในวัยเด็ก ดังนั้นในทุก ๆ เย็นในซอยมักจะมีเสียงดังคึกคักของเด็กกลุ่มนี้อยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่ง พ่อแม่ไม้เดินทางไปต่างจังหวัดแต่เช้าตรู่และจะกลับมาในช่วงหัวค่ำ ส่วนไม้และส้มก็จะอยู่ที่บ้าน แม้สองพี่น้องจะอยู่บ้านเพียงลำพัง แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่ากังวลอะไร เพราะแม่ของทวนมักจะทำอาหารมาแบ่งไม้กับส้มอยู่เป็นประจำ ในเย็นวันนั้นก็เช่นเคย ทวนได้ยกหม้อแกงส้มมาให้ไม้ ขณะกำลังเดินลัดรั้วเขตบ้านของไม้ แต่ทันใดนั้น มีเสียงร้องดังขึ้น “ใครก็ได้! ช่วยส้มด้วย!” ปรากฏว่าเป็นเสียงของไม้ ที่กำลังตะโกนขอความช่วยเหลือ ทวนตกใจจนหน้าถอดสี แล้วรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน ภาพตรงหน้าทำเอาทวนถึงกับขาอ่อนลงทันที เป็นภาพส้มนอนอยู่ที่ตีนบันไดด้วยร่างกายเปลือยเปล่า คอหักผิดรูป ตาเบิกโพลงกว้าง จากสิ่งที่เห็นตรงหน้าก็คิดกันว่าส้มเสียชีวิตแล้ว แต่ตากลับไม่ปิดสนิท ไม้ยืนตัวสั่นเครือ และมีใบหน้าซีดเผือด ทวนตะโกนเรียกสติไม้ไปทันทีว่า “ไม้! มึงทำอะไร?” แต่ไม้กลับส่ายหัว พร้อมน้ำตาไหลอาบลงแก้ม หลังจากนั้นพ่อแม่ก็กลับมาที่บ้านและได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ทุกคนต่างร้องไห้เสียใจ หลังจากเกิดเรื่อง ได้มีลุงสัปเหร่อมาที่บ้านแล้วได้พูดว่า “ส้มมันตายตาไม่หลับ แบบนี้หมู่บ้านของพวกเรา อยู่ไม่เป็นสุขแน่ ๆ” ในคืนแรกของงานศพ งานได้จัดขึ้นที่บ้านของไม้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าของคนเป็นพ่อแม่ที่ทำใจไม่ได้ คนในหมู่บ้านต่างเห็นใจจึงพากันแวะเวียนมาช่วยงาน แต่บางคนไม่กล้าแม้แต่จะมาร่วมงานศพ เพราะหวาดกลัวความเฮี้ยนของส้มและกลัวว่าจะโดนตามกลับบ้าน แต่ในคืนนั้นเอง ขณะที่ทุกคนได้นั่งล้อมวงดื่มเพื่อปลอบใจพ่อกับแม่ ทันใดนั้นก็มีเสียงเหมือนของตกลงมาบริเวณบันได ตึง..ตึง… ทุกคนพร้อมใจกันหันกลับไปมอง ปรากฏว่าเป็นลูกบอลสีเหลือง ของเล่นชิ้นโปรดของส้ม มันค่อย ๆ กลิ้งลงมาจากชั้นบน กลิ้งมาเรื่อย ๆ จนถึง..กลางวง แม่ตกใจเพราะก่อนหน้า แม่ได้เก็บของเล่นทุกชิ้นลงหีบไปแล้ว ทางผู้ใหญ่บ้านก็ตกใจจนหน้าถอดสี แต่ได้พูดปลอบใจแม่ไปว่า “ลมมันคงจะพัดละมั้ง” ทุกคนได้แต่นั่งเงียบ เพราะตั้งแต่ขอบบันได้จนมาถึงเสื่อกลางวง มีรอยเปียกน้ำปรากฏออกมาเป็นรอยเท้าเด็ก พ่อลุกขึ้นพร้อมกับพูดว่า “ส้ม!! บอกพ่อทีสิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?” เหตุการณ์หลังจากคืนนั้น ความหลอนค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในกลางดึกแม่ส้มมักจะตื่นขึ้นมา เพราะเสียงกรีดร้องของส้ม บางคืนเป็นไม้ที่ได้ยินเสียงเหมือนคนวิ่งอยู่รอบเตียง ในหลายครั้งที่ส่องกระจก ก็จะเห็นเป็นเงาส้มยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง มาในร่างที่คอหัก หน้าเริ่มอืด และมีรอยแผล เรื่องราวความหลอนถูกเล่าไปปากต่อปากจนลามไปทั้งหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างหวาดกลัว และไม่กล้าเข้ามาใกล้ในช่วงค่ำ ทุกคนเชื่อว่าวิญญาณส้มยังไม่ไปไหน เพราะตายผิดธรรมชาติ ในคืนหนึ่ง ไม้ได้ยินเสียงลาก ครืด..ครืด… อยู่ใต้เตียง ไม้ก้มลงไปมอง ภาพตรงหน้าปรากฏเป็นส้มนอนมุดอยู่ใต้เตียงด้วยลักษณะตาแดงคล้ำ คอหักผิดรูป ไม้ตกใจตะโกนร้องลั่นบ้าน พ่อแม่รีบวิ่งมาเปิดกลับพบเห็นอะไร แต่พบว่าบริเวณใต้เตียงมีรอยเปียกของน้ำ เวลาผ่านไป ไม้เจอเรื่องหลอนเข้าไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มมีอาการซูบผอม ไม่กล้านอนคนเดียว ทุกครั้งที่หลับตามักจะเห็นส้มมายืนอยู่ปลายเตียงเสมอ ชาวบ้านเริ่มพากันนินทาไปต่าง ๆ นานา ว่าไม้เป็นคนผลักส้มตกบันได พูดแรงไปจนถึงว่า ‘ไม้คิดอะไรไม่ดีกับน้องสาว ถึงได้ตายไปในสภาพเปลือยเปล่า’ จนพ่อแม่ไม่กล้าสู้หน้าใคร เดินทางมาถึงวันทำบุญครบ 49 วัน ชาวบ้านหลายสิบคนและผู้ใหญ่บ้าน พร้อมใจกันมารวมตัวกันที่ใต้ถุนบ้าน ทุกสายตาจับจ้องไปที่พ่อแม่และไม้ที่เดินลงมา จากนั้นก็ส่งเสียงตะโกนว่า “พูดออกมาเถอะไม้! มึงทำอะไรส้ม มึงจะปิดบังความจริงไปทำไม!?” ไม้ร้องไห้ตัวสั่นเครือ ชาวบ้านเริ่มหยิบหินเขวี้ยงใส่หัวไม้ หินโดนไม้แบบเต็ม ๆ ไม้ร้องด้วยความเจ็บปวด พร้อมเลือดค่อย ๆ ไหลหยดลงมา ชาวบ้านวิ่งกรูเข้าไป ไม้ก็ล้มลงไปนอนกับพื้น พ่อแม่ตะโกนห้ามแต่ไม่มีใครฟัง ผ่านไปสักพักมีเสียงหัวเราะดังขึ้น ทุกคนหันไปมองต้นเสียง ปรากฏว่าเป็นทวนยืนตาแดงก่ำ กำลังเดินโซซัดโซเซมากลางวง พร้อมชี้ไปที่บันได แล้วพูดว่า “กูอะ ทำมันเองแหละ” เสียงชาวบ้านที่ฮือฮาก่อนหน้า เงียบกริบในทันที ทวนพูดต่อว่า “วันนั้นกูขึ้นไปหามันเอง กูอยากได้มันแต่มันหนี กูเลยต้องผลักมันไง มันตกไปคอหักตายต่อหน้ากูนี่แหละ” ทวนเงยหน้าขึ้นเหมือนกับคนโดนผีสิง พร้อมพูดต่อว่า “มันตามกูทุกคืน! มันเรียกชื่อกู! มันตามกูไปทุกที่! กูจะบ้าอยู่แล้ว ส้มมึงจะเอายังไงกับกู!!” ไม้ต่อยเข้าไปอย่างเต็มแรงที่หน้าทวนด้วยความโมโห พร้อมกระชากคอเสื้อขึ้นมาแล้วพูดด้วยความโกรธว่า “มึงทำแบบนี้กับน้องกูได้ยังไงวะ มันเหมือนน้องสาวมึงเลยนะ” ทวนเก็บตัวนั่งกับพื้น เหมือนคนอยู่ในอาการหวาดกลัว เขาใช้สองมือตบไปที่หน้าของตัวเองอยู่ซ้ำๆ แล้วเหตุการณ์หลังจากวันนั้น ผู้ใหญ่บ้านพร้อมชาวบ้าน ก็เข้ามาขอโทษพ่อแม่และไม้ ที่ด่วนตัดสินใจกันไปเอง ตัวของทวนกลายเป็นคนบ้า เมื่อเวลาผ่านไปกลับไปพบว่าทวนได้จมน้ำเสียชีวิตที่คลองท้ายหมู่บ้าน พ่อแม่ทวนทำใจไม่ได้กับเรื่องที่ทวนก่อแล้วยังมาเสียชีวิตไปอีก จึงได้ย้ายออกจากหมู่บ้านไป..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณเป็ดน้อยลูกหมอผี 'มันใกล้เข้ามาเเล้ว' l อังคารคลุมโปง X เป้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก [25 ก.พ. 2568 ]

01 มี.ค. 2025

เรื่องเล่าจากคุณเป็ดน้อยลูกหมอผี 'มันใกล้เข้ามาเเล้ว' l อังคารคลุมโปง X เป้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก [25 ก.พ. 2568 ]

เมื่อสิ่งที่คืบคลานเข้ามาคือสิ่งที่มองไม่เห็น มันเป็นเสียงเหยียบหญ้าดัง สวบ สวบ สวบ แต่กลับไม่พบใคร จนต้องปั่นจักรยานหนีสุดชีวิต! แต่ใครจะคิดว่าเสียงนั้น ดันตามมาหลอกหลอนถึงในฝันเกือบทั้งอาทิตย์! เรื่องราวสุดหลอนในวัยเด็กจะจบลงอย่างไร? ติดตามได้กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘มันใกล้เข้ามาแล้ว’ ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’(25 กุมภาพันธ์ 2568) พร้อมด้วย ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีีเจเจ็ม’ ที่จะเป็นเพื่อนหลอนไปกับคุณ!! ‘คุณเป็ดน้อย’ เล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวคุณเป็ดน้อยเอง เกิดขึ้นตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2534 สมัยก่อนคุณเป็ดน้อยชอบปั่นจักรยานไปเล่นบ้านคนนั้นคนนี้ ซึ่งในวันนั้นคุณเป็ดน้อยได้ปั่นจักรยานไปงานวันเกิดเพื่อนคนหนึ่ง พอถึงช่วงเย็นคุณเป็ดน้อยและเพื่อน ๆ ก็นัดกันเพื่อจะมารวมตัวที่บ้านคุณเป็ดน้อย ที่อยู่ซอยที่ 3 ถัดมาจากนั้นหนึ่งซอย จะเป็นซอยที่มียาวที่สุดในหมู่บ้าน ตรงกลางซอยจะมีสะพานข้ามคลองเล็ก ๆ เมื่อนัดแนะกันเสร็จ เด็ก ๆ ก็ปั่นจักรยานออกมา แต่เพื่อนคนอื่นปั่นกันเร็วมาก ยกเว้นคุณเป็ดน้อยที่ปั่นช้า พอไปถึงกลางซอยทางขึ้นสะพาน คุณเป็ดน้อยเริ่มรู้สึกเหนื่อยจึงหยุดพักที่กลางสะพาน ซึ่งทั้งสองข้างของคลองจะเป็นตลิ่ง พอมองไปก็จะเห็นเป็นต้นไม้เรียงรายไม่มีบ้านคน และในตอนที่นั่งพักอยู่นั้น คุณเป็ดน้อยก็ได้ยินเสียง สวบ สวบ สวบ เหมือนเสียงคนเดินผ่านกอหญ้ามาจากตลิ่งริมคลอง ด้วยความปากไว จึงพูดไปว่า “ใครหน่ะ” แต่ก็ไม่เห็นใคร และยังได้ยินเสียงเดินอยู่ แล้วเสียงนั้นก็เริ่มใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ คุณเป็ดน้อยก็ยังคงถามว่าใคร จนกระทั่งคุณเป็ดน้อยเริ่มคิดว่า เสียงที่ดังอยู่คงไม่มีใครหรอกแต่กอหญ้ายวบเหมือนเป็นรอยเท้า และรอยที่กอหญ้ายวบก็มาทางคุณเป็ดน้อยเรื่อย ๆ โดยที่คุณเป็ดน้อยไม่เห็นอะไรเลย ตอนนั้นความคิดในหัวของคุณเป็ดน้อยคิดว่า ‘หญ้ามันยวบได้ยังไง มันเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมมันถึงมาทางเรา’ จนกระทั่งหญ้ายวบมาถึงส่วนปูนที่เป็นสะพาน และเสียงก็เงียบไป คุณเป็ดน้อยจึงได้สติจากเสียงที่เพื่อนตะโกน แล้วรีบปั่นจักรยานต่อ คุณเป็ดน้อยปั่นแบบไม่คิดชีวิตจนล้มได้แผล เมื่อถึงบ้านจึงเข้าไปทำแผลเป็นอันดับแรก ในคืนนั้น คุณเป็ดน้อยก็ฝันว่า ตัวเองมายืนอยู่หน้าบ้าน แล้วมองไปที่สะพาน แล้วก็ได้เห็นผู้ชายคนหนึ่ง ใส่เสื้อสีขาว กางเกงสแลค ค่อย ๆ เดินมาจากสะพาน จนผ่านบ้านหลังแรก คุณเป็ดน้อยก็สะดุ้งตื่น และวันต่อมาคุณเป็ดน้อยได้ฝันแบบเดิม แต่ผู้ชายคนนั้นก็เดินผ่านมาเรื่อย ๆ จนผ่านบ้านหลังที่สอง คุณเป็ดน้อยสะดุ้งตื่นเช่นเดิม โดยที่คุณเป็ดน้อยก็ฝันแบบนี้ทุก ๆ คืน เป็นเวลาเกือบอาทิตย์ จนเริ่มเห็นผู้ชายคนนั้นชัดเจนขึ้น ผู้ชายคนนั้นใส่เสื้อเซิ้ตสีขาวตรงกลางเสื้อมีสีน้ำตาล และก็ไม่ได้ยินเสียงผู้ชายคนนั้นพูด เพราะมองยังเห็นไม่ชัดพอ มีอยู่คืนหนึ่งที่คุณเป็ดน้อยฝันว่าอยู่ในบ้าน ประตูหน้าบ้านเปิดอยู่ และผู้ชายที่เห็นในฝันก็ยืนอยู่หน้าบ้าน ผู้ชายคนนั้นมีแผลขนาดใหญ่อยู่ที่คอ และตรงที่คุณเป็ดน้อยเห็นเป็นสีน้ำตาลคือรอยคราบเลือด ผู้ชายคนนั้นยื่นมือมาและโวยโวยว่าอะไรบางอย่าง ซึ่งได้ยินเสียงไม่ชัด ในตอนที่คุณเป็ดน้อยกำลังตกใจอยู่ ก็ได้มีคนมาจับไหล่จากด้านหลัง และคนที่ยื่นมือมาจับนั้นก็เป็นคุณอาของคุณเป็ดน้อย และคุณอาก็พูดว่า “มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง” พอคุณเป็ดน้อยรู้สึกตัว ก็ไม่เห็นอะไรแล้ว ประตูบ้านก็ปิดสนิท และคุณอายังบอกต่อว่า ทุกคืนคุณเป็ดน้อย มักจะละเมอเดินออกมายืนหน้าบ้าน จนทุกคืนคนในบ้านต้องออกมาอุ้มคุณเป็ดน้อยกลับไปนอนที่เตียงตามเดิม ซึ่งตัวคุณเป็ดน้อยเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นได้อย่างไร คุณเป็ดน้อยจึงพยายามเล่าเรื่องที่ฝันให้คุณอาฟัง แต่คุณอาก็บอกว่า “โอ๊ย เด็กฝัน ไร้สาระ” จากนั้นก็พาคุณเป็ดน้อยกลับไปนอน คืนต่อมาคุณเป็นน้อยก็เห็นผู้ชายที่อยู่ในฝัน มายืนอยู่ตรงหน้าต่างปลายเตียง ในฝันผู้ชายคนนั้นก็ได้ยื่นมือมาจับขาคุณเป็ดน้อย แล้วดึงลงมาจากเตียง จนหล่นลงมาที่พื้น คุณเป็ดน้อยก็ร้องไห้โวยวาย จนปัสสาวะราดอยู่ตรงนั้น ในที่สุดคุณเป็ดน้อยก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาที่ปลายเตียง เพราะเสียงของคนในบ้านที่วิ่งมาในห้อง ทุกคนจึงเริ่มเชื่อในสิ่งที่คุณเป็ดน้อยเล่าเกี่ยวกับความฝัน จึงพาไปทำพิธีที่วัด และหลังจากนั้นคุณเป็ดน้อยก็ไม่เคยเห็นผู้ชายคนนั้นอีกเลย คุณเป็ดน้อยยังบอกต่ออีกว่า เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เป็นคนกลัวผีจนขึ้นสมองไปเลย(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1