เรื่องเล่าจากคุณเเนน ‘กรรมที่ไม่ได้ตั้งใจก่อ’ I อังคารคลุมโปง X ส้ม มัลนิการ์ คนตาทิพย์ [11 มิ.ย. 2567]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณเเนน ‘กรรมที่ไม่ได้ตั้งใจก่อ’ I อังคารคลุมโปง X ส้ม มัลนิการ์ คนตาทิพย์ [11 มิ.ย. 2567]

16 มิ.ย. 2024

       ‘คุณแนน’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนจากประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง พร้อมทั้งคุณแม่และพี่สาว มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (11 มิถุนายน 2567) เตรียมตัวขนหัวลุกไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘กรรมที่ไม่ได้ตั้งใจก่อ’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันได้เลย !

       เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรงของ ‘คุณแนน’ (นามสมมติ) โดยคุณแนนเริ่มเล่าว่า ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีที่แล้ว ตอนที่คุณแนนมีอายุ 7-8 ขวบ คุณแม่ของคุณแนนมักจะไปทำพิธีแก้กรรมเสมอ จนคุณแนนโตขึ้น จึงได้ทราบว่า คุณแม่ตั้งครรภ์ตอนอายุ 36-37 ปี ซึ่งถือว่าอายุมาก โดยก่อนหน้าที่จะตั้งครรภ์คุณแนน คุณแม่ได้เสียทารกในครรภ์ไปถึง 2 คน ในปัจจุบันคุณแนนมีอายุ 31 ปี

       เมื่อปีที่แล้ว คุณแม่ได้ไปร่วมงานตั้งศาล ก็มีคนเดินเข้ามาทักคุณแม่ว่า

       “เคยทำแท้งมาเหรอ ?”

       คุณแม่จึงตอบว่า “ไม่ได้ทำ เคยหลุดไป ส่วนอีกคนหมอให้เอาออก”

       เขาจึงบอกกับคุณแม่ว่า “ก็ยังอยู่นะ ยังเห็นอยู่เลยเนี่ย แล้วที่ลูกสองคนมีชีวิตแบบนี้ เพราะว่ามันจากผลกรรม”

       โดยชีวิตของคุณแนน ก็คล้ายกับที่เขาเตือน เพราะคุณแนนกับพี่สาวเคยผิดหวังเรื่องความรักคล้ายกัน ทำอะไรก็ไม่เจริญ เหมือนชีวิตจะดีแต่ก็ดีไม่สุด มีงานทำแต่ไม่มีเก็บ อาจจะเกิดจากกรรมที่คุณแม่ไม่ได้ตั้งใจทำในอดีต แต่อีกใจของคุณแนนก็คิดว่า ‘ไม่เชื่อหรอก เกี่ยวอะไรกัน เพราะเราก็ใช้ชีวิตของเรา ทำไมถึงต้องมีผลกรรมตามมา มีผลกับชีวิตของเรา’

       เมื่อถึงบ้าน หลังจากที่คุณแนนนอน คุณแนนก็ฝันถึงคุณพ่อที่เสียไปเมื่อ 7 ปีก่อน ซึ่งปกติแล้ว คุณแนนจะเป็นคนที่หลับสนิทไม่ค่อยฝัน แต่คืนนี้ดันฝันว่า คุณแนนนั่งอยู่ข้างคุณพ่อในสถานที่แห่งหนึ่ง แล้วก็มีเสียงพูดอยู่ตลอดว่า ก็ที่ลูกแกสองคนเป็นแบบนี้ เพราะนี่ไง ! ก่อนที่คุณพ่อจะแบมือ เห็นเป็นก้อนเด็กสองคนนอนกอดกันอยู่ ซึ่งเมื่อคุณแนนลองมองตามเสียงพูดไป ก็เห็นเป็นร่างลักษณะอาจารย์ที่ทักคุณแม่

       เมื่อคุณแนนนำเรื่องนี้ไปเล่าให้พี่สาวฟัง พี่สาวจึงบอกว่า “เขาอาจจะเตือน เพื่อที่จะให้เราไปทำพิธีกรรมกับเขา”

       พี่สาวของคุณแนนเป็นหมอดู และมีอาจารย์ที่นับถืออยู่ จึงนำเรื่องทั้งหมดนี้ไปปรึกษากับท่าน อาจารย์จึงบอกว่า

       “มันอาจจะถึงเวลาที่คุณแม่ต้องขอโทษจากใจจริง เริ่มจากการจุดธูปกำใหญ่ โดยที่ไม่ต้องนับ และไปกล่าวกลางแจ้ง พูดขอโทษจากเรื่องราวทั้งหมดด้วยใจจริง”

       ซึ่งเมื่อนำคำแนะนำของอาจารย์ไปบอกกับคุณแม่ คุณแม่ก็ปฏิเสธที่จะทำตาม เพราะคุณแม่เชื่อว่า ตัวของคุณแม่ได้ทำพิธีแก้กรรมไปหมดแล้ว

       หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 2 อาทิตย์ ซึ่งเดือนก่อนคุณแม่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง ตอนอายุ 68 ปี ทำให้ในเดือนนี้สุขภาพของคุณแม่ไม่ค่อยแข็งแรง ระหว่างที่คุณแม่กำลังจ่ายตลาด คุณแม่ก็หกล้ม ทำให้เข่าทั้ง 2 ข้างเกิดแผลฟกช้ำ และในระยะเวลาใกล้กัน พี่สาวของคุณแนนก็ขาพลิก พร้อมทั้งมีเหตุการณ์ที่ทำให้เอ็นข้อเท้าต้องฉีก ส่วนคุณแนนเองก็ขาถลอกจากการที่พื้นเกิดผุพัง หลังจากนั้นเครื่องทำกาแฟที่เป็นร้านธุรกิจส่วนตัวของคุณแนน ก็พังทุกตัว ทำให้ขาดรายได้แทบทุกทาง

       คุณแนนจึงตัดสินใจคุยกับคุณแม่ว่า

       “การที่เราไปจุดธูปบอกกล่าว มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรเราทำเพื่อความสบายใจกันดีไหม ?”

       คุณแม่ก็ตกลง หลังจากนั้นเราก็ทำพิธีตามคำแนะนำ เมื่อจุดธูปกำใหญ่ ปรากฏว่า ธูปทุกดอกในมือก็ติดไฟลุกโชน จนพี่สาวของคุณแนนต้องรีบดับเพราะกลัวที่จะโดนว่า แต่เมื่อคุณแม่มาจับธูปไฟก็ดับลงทันที จนทั้งคู่ต่างตกใจ จากนั้นคุณแม่ก็เดินไปกลางแจ้ง และกล่าวว่า

       “แม่ขออโหสิกรรมในทุกสิ่งที่คุณแม่ทำลงไป เพราะคุณแม่ไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นคุณแม่ก็อยากที่จะมีลูก แต่มันก็หลุด ส่วนอีกคนคุณหมอก็ไม่ให้เก็บไว้”

       ซึ่งคุณแนนรับหน้าที่เป็นคนถ่ายภาพบรรยากาศ จู่ ๆ ก็เกิดอาการจุกอกจนอยากที่จะร้องไห้ออกมา ตอนแรกคุณแนนเข้าใจว่าที่เป็นแบบนี้เพราะตัวเองเป็นคน sensitive สักพักไม่นานก็เริ่มรู้สึกว่า ไม่ใช่แล้ว จึงเดินเข้ามาในบริเวณบ้าน หลังจากที่แม่ปักธูปลงบนกระถาง คุณแนนก็อยากที่จะร้องไห้มาก ๆ จึงพยายามที่จะตั้งสติ และกำพระที่คอให้แน่นขึ้น พี่สาวก็เริ่มเห็นถึงความผิดปกติของคุณแนนจึงเข้ามาถามว่า “เป็นอะไร ?”

       คุณแนนจึงตอบว่า “หนูไม่รู้อะ แต่หนูอยากที่จะร้องไห้มาก ๆ”

       พี่สาวจึงเดินไปบอกกับคุณแม่ว่า “น้องน่าจะสื่อได้แล้ว”

       แล้วพี่สาวก็เดินกลับมาบอกกับคุณแนนว่า “อยากร้อง ร้องเลย”

       หลังจากนั้น คุณแนนก็ร้องไห้แทบขาดใจ ซึ่งคุณแนนก็รู้สึกว่ามันเป็นโทนเสียงที่คล้ายกับเด็กเล็ก และเป็นโทนเสียงที่คุณแนนไม่เคยร้องมาก่อน รวมถึงความรู้สึกเสียใจที่เอ่อล้นมากมายขนาดนี้ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คุณแม่เดินออกมาจากบ้าน พี่สาวจึงถามคุณแนนว่า “อยากกอดคุณแม่ไหม ?”

       คุณแนนได้แต่พยักหน้า และกอดคุณแม่ในความรู้สึกที่ว่า “คิดถึงและโหยหาคุณแม่มาก คิดถึงเหลือเกิน เราได้กอดและเจอคุณแม่สักที”

       เกิดเป็นคำถามในใจคุณแนนว่า เราเจอคุณแม่ทุกวัน ทำไมถึงคิดถึงขนาดนี้ ?

       คุณแนนจึงเข้าใจแล้วว่า “น่าจะเป็นพี่ที่มาหาจริง ๆ”

       คุณแม่กอดกับคุณแนนอยู่อย่างนั้น และพูดว่า “ให้แม่กับน้องรวยนะลูก แม่ขอโทษ”

       แล้วคุณแนนก็พูดในใจว่า “เกิดเป็นคนมันเหนื่อยนะ และต่อจากนี้ก็ให้พวกแนนดูแลแม่เองนะ”

       ซึ่งตอนนั้น คุณแนนก็นั่งร้องไห้ เกือบ 40 นาที และพูดว่า “เข้าใจทุกอย่างแล้ว ถอยออกเถอะนะ เดี๋ยวทำบุญให้”

       หลังจากจบเหตุการณ์ในวันนั้น คุณแนนก็ได้นำรูปที่ถ่ายเอาไว้ออกมาดู แล้วพบว่า ควันของธูปที่จุด คล้ายกับลักษณะใบหน้าของเด็กตัวอ่อนที่อยู่ในท้อง ทำให้คุณแนนกลัวและฝังใจกับเรื่องราวนี้มาก ก่อนที่จะตั้งข้อสงสัยว่า “แล้วทำไมคุณแนนถึงสัมผัสได้มากที่สุดในบ้าน ?” ก่อนที่จะพบความจริงว่า แท้จริงแล้ว พี่สาวของคุณแนนเป็นลูกสาวคนโตที่คลอดออกมาคนแรก ซึ่งสองคนที่เสียไปคือท้องที่ 2 และ 3 ของคุณแม่ โดยคุณแนนเป็นลูกคนสุดท้ายคนที่ 4

       ซึ่งเมื่อทบทวนเหตุการณ์ทุกอย่างอีกครั้ง ตอนที่คุณแนนยังเด็กมักจะโดนทักว่า “มีบุญมากนะที่ได้เกิดมา” อาจารย์ที่แนะนำก็บอกว่า “คุณแนนน่าจะแย่งเขามาเกิด อาจจะเป็นเวรกรรม หรือเจ้ากรรมนายเวรต่อกัน” หลังจากนั้นจากพิธี คุณแม่ของคุณแนนก็ได้ทางรักษา จนสามารถหายจากโรคร้ายได้ ซึ่งคุณแนนก็มักที่จะสวดมนต์ และระลึกถึงพี่อยู่เสมอ..

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณเต้ย ผีเหรียญ 'คนขวัญเเหลว' l อังคารคลุมโปง X เป้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก [25 ก.พ. 2568 ]

02 มี.ค. 2025

เรื่องเล่าจากคุณเต้ย ผีเหรียญ 'คนขวัญเเหลว' l อังคารคลุมโปง X เป้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก [25 ก.พ. 2568 ]

จะเป็นอย่างไร ถ้านาน ๆ ทีจะได้กลับบ้านเกิด แต่ดันได้เจอกับ “คนที่ไม่อยู่แล้ว” แบบไม่รู้ตัว!? เรื่องนี้ ‘คุณเต้ย ผีเหรียญ‘ ได้นำมาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (25 กุมภาพันธ์ 2568) เมื่อเล่าจบทั้ง ’ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม‘ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพีคสุด! ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านกันเลย! ‘คุณเต้ย ผีเหรียญ’ เล่าว่าเจ้าของเรื่องคือ ‘คุณเม่น’ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในปี 2567 เมื่อ คุณเม่น เดินทางกลับมายังบ้านเกิด หลังจากทำงานขุดเจาะน้ำมันในต่างประเทศเป็นเวลานาน การเดินทางกลับล่าช้าไปมาก เนื่องจากสถานการณ์โควิดในช่วงก่อนหน้านั้น เมื่อกลับถึงบ้านในจังหวัดทางภาคเหนือ ทางบ้านของคุณเม่นได้จัด ‘พิธีฮ้องขวัญ’ หรือ ‘สู่ขวัญ’ ตามประเพณีท้องถิ่น โดยหมอทำขวัญทางภาคเหนือจะเรียกกันว่า ‘หมอมด’ (หมอมด หรือหมอทำขวัญ หรือหมอพื้นบ้าน ที่ทำหน้าที่ประกอบพิธีกรรมทางความเชื่อ เช่น พิธีสู่ขวัญ (ฮ้องขวัญ) เพื่อเรียกขวัญให้กลับมาอยู่กับร่างกาย หรือทำพิธีปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกจากตัวคน) โดยเขาได้เตือนคุณเม่นว่า ให้ระวังตัวเพราะว่าตอนนั้นอายุของคุณเม่นอยู่ในช่วงเบญเพสพอดี อีกทั้งยังกล่าวว่าคุณเม่นเป็น คนขวัญแหลว หรือ ขวัญอ่อน อาจถูกสิ่งไม่ดีรังควานได้ หลังจากทำพิธีผ่านไป 1 วัน คุณเม่นออกเดินทางไปเยี่ยมญาติ พร้อมนำของฝากไปมอบให้แต่ละบ้าน จนกระทั่งไปถึงบ้านหลังสุดท้าย ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน ‘พี่ตาล’ พี่ชายที่เคยสนิทกันมากในวัยเด็ก แต่ด้วยปัญหาความขัดแย้งระหว่างผู้ใหญ่ในครอบครัว ทำให้พวกเขาไม่ได้ติดต่อกันมานานหลายปี ด้วยความคิดถึง เม่นจึงตัดสินใจไปหาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า เนื่องจากขาดการติดต่อไปเป็นเวลานาน เลยทำให้ไม่มีช่องทางการติดต่อ เมื่อไปถึงหน้าบ้านพี่ตาล เวลาราว 6 โมงเย็น บริเวณรอบบ้านเปลี่ยนแปลงไปมาก จากพื้นที่ว่างเปล่ากลายเป็นบ้านเรียงราย และประตูหน้าบ้านของพี่ตาลถูกคล้องโซ่ปิดไว้ คุณเม่นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจกลับ ทันใดนั้น เสียงเรียกดังขึ้นจากในบ้าน “ใครมา?” เสียงนั้นเป็นของ ‘ยายไทย’ ยายของพี่ตาล คุณเม่นจึงตอบกลับไปว่าเขามาหาพี่ตาล ยายไทยกล่าวว่า “ตาลยังไม่กลับบ้าน” ก่อนจะชวนคุณเม่นเข้าไปนั่งรอในบ้าน ทั้งสองพูดคุยกันเกือบสิบนาที แต่พี่ตาลก็ยังไม่กลับมา เวลานั้น ฟ้าเริ่มมืด คุณเม่นจึงขอตัวกลับก่อน ขณะที่กำลังเดินออกไป เสียงตะโกนโวยวายก็ดังขึ้นจากข้างบ้าน “ใครน่ะ!? เข้ามาทำอะไรบ้านคนอื่น!?” คุณเม่นหันไปตามเสียง ก็พบ อาม่าท่านหนึ่ง เดินถือไม้เท้า ขากะเผลกแล้วพูดว่า “บ้านนี้มีแต่อาตาลคนเดียว! ซี้ซั้ว! ขโมย! ขโมยขึ้นบ้าน!” คุณเม่นพยายามอธิบาย แต่ดูเหมือนอาม่าจะไม่ฟัง กลับตะโกนโวยวายเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ เวลานั้นฟ้ามืดสนิทแล้ว คุณเม่นกลัวว่าชาวบ้านจะเข้าใจผิด จึงรีบวิ่งออกจากบ้านไปขึ้นรถแล้วขับกลับบ้านทันที เมื่อกลับมาถึงบ้าน คุณเม่นพบว่าพ่อและแม่แต่งกายด้วยชุดดำ กำลังจะออกไปงานศพที่หมู่บ้านข้าง ๆ เขาจึงยังไม่ได้เล่าเรื่องที่เพิ่งพบเจอ จนกระทั่งสามทุ่มกว่า พ่อแม่กลับมาถึงบ้าน คุณเม่นจึงตัดสินใจเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ทันทีที่พูดจบ แม่ของคุณเม่นกลับมีสีหน้าตกใจ ก่อนจะเอ่ยว่า “ยายไทยเสียไปนานแล้วนะ…” คำพูดนั้นทำให้คุณเม่นขนลุกไปทั้งตัว “เป็นไปไม่ได้… ผมเพิ่งคุยกับท่านมา!” พ่อของคุณเม่นได้เดินเข้ามาสมทบ และยืนยันว่าจริง “ยายไทยเสียไปตั้งแต่ช่วงโควิด ตอนที่ลูกยังอยู่ต่างประเทศ” แม้จะมีการส่งข่าวไป แต่ด้วยความวุ่นวายในช่วงนั้น ทำให้เขาอาจลืมไปแล้ว เขาพยายามคิดทบทวนถึงสิ่งที่ได้ยิน แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน ตกลงแล้ว…เขาเจอผีจริง ๆ ใช่ไหม? เมื่อพ่อแม่ยืนยันเรื่องการเสียชีวิตของยายไทย รวมถึงสิ่งที่เขาได้พบเจอ มันทำให้เม่นแน่ใจว่านี่คือ ครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับวิญญาณแบบเต็ม ๆ โดยไม่รู้ตัว พ่อแม่พยายามปลอบใจ บอกว่า “ท่านคงคิดถึง เพราะเลี้ยงลูกมาตั้งแต่เด็ก” พร้อมกำชับให้คุณเม่นไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ยายไทย เช้าวันรุ่งขึ้น คุณเม่นไปทำบุญตามที่พ่อแม่แนะนำ และความหวาดกลัวก็เริ่มผ่อนคลายลง กลายเป็นเพียงความคิดถึง ตกเย็น พ่อแม่ชวนเม่นไปงานศพของเพื่อนบ้านเก่าสมัยเด็ก ๆ เม่นรับปากและเดินทางไปด้วยกัน เมื่อไปถึงศาลา เขากำลังจะเดินไปไหว้ศพ แต่แล้วภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เข่าทรุดลงแทบจะล้มทั้งยืน ในกรอบรูปของผู้เสียชีวิต คือใบหน้าของอาม่าที่ไล่เขาเมื่อวาน! เม่นพยายามตั้งสติ ก่อนจะสอบถามข้อมูลจากลูกหลานของอาม่าและได้ทราบว่า อาม่าเพิ่งเสียจากอาการหัวใจวายเมื่อสองวันก่อน ที่สำคัญ ลูกหลานยังบอกว่า “อาม่าขาไม่ค่อยดี เวลาจะเดินไปไหนต้องใช้ไม้เท้าพยุง” ทุกอย่างตรงกับสิ่งที่เขาเห็นไม่มีผิด… เท่ากับว่าเย็นวันนั้น คุณเม่นได้คุยกับวิญญาณถึง 2 ดวงในวันเดียวกันโดยที่ไม่รู้ตัวว่านั่นไม่ใช่คน ซึ่งเขาก็คิดว่ามันอาจจะเป็นเพราะเขาขวัญแหลวแบบที่หมอมดบอก จนทำให้เขาสื่อสารกับดวงวิญญาณได้(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากใหม่ รอเรน ’ร้องขอชีวิต‘ I อังคารคลุมโปง X ใหม่ รอเรน [ 18 มิ.ย. 2567]

22 มิ.ย. 2024

เรื่องเล่าจากใหม่ รอเรน ’ร้องขอชีวิต‘ I อังคารคลุมโปง X ใหม่ รอเรน [ 18 มิ.ย. 2567]

‘คุณใหม่ รอเรน’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (18 มิถุนายน 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเคเบิ้ล’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘ร้องขอชีวิต’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันได้เลย! คุณใหม่เล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของน้อง ‘เลิ่กลั่ก’ ดาว TikTok ที่เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเห็นคลิปของน้องมาไม่มากก็น้อย คนส่วนใหญ่มักจะมองว่าน้องมีเอเนอร์จี้เหลือล้น ตลก และสนุก แต่เรื่องราวที่น้องเจอมานั้นแฝงไปด้วยความเจ็บปวด เป็นเรื่องราวในวัยเด็กที่โหดร้ายมากเสียจนแทบจะเป็นหนังฆาตกรรมได้ แต่เลิกลั่กก็สามารถเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่ร่าเริงได้ขนาดนี้ คุณใหม่ถึงกับเอ่ยปากชมไม่หยุด เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในช่วงที่พี่ชายของน้องเลิ่กลั่กเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ขณะนั้น เลิ่กลั่กเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทั้งคู่อาศัยอยู่กับครอบครัวที่ภาคใต้ ซึ่งจะเป็นครอบครัวที่เป็นหมอคุณไสย์ มนตร์ดำ มีอยู่วันหนึ่ง คุณไสย์บอกว่าให้ลงไปงมในบ่อที่เป็นบ่อน้ำเหมือนทะเลสาบ บอกว่าใต้น้ำนั้นมีไม้ตะเคียนใหญ่ 2 ต้น และสั่งให้พ่อเอาขึ้นมา เพื่อเอามาทำเป็นเสาบ้าน คุณพ่อจึงลองงมตามที่บอกและปรากฎว่าเจอจริง ๆ จากนั้นก็นำกลับมาไว้ที่บ้าน ซึ่งน้องเลิ่กลั่กก็จะตกใจทุกครั้งที่กลับบ้านแล้วเจอไม้ใหญ่ หลังจากนั้น ก็เริ่มมีเรื่องราวประหลาดเกิดขึ้น อันดับแรก วันแรกที่เอาไม้ตะเคียนมาพ่อก็หนีออกจากบ้าน แล้วไปนอนบนภูเขา ตอนเช้าค่อยกลับมาบ้าน รอบแรกไปแค่วันเดียว แต่ไป ๆ มา ๆ ก็เริ่มเพิ่มเป็น 2 วัน บางทีเป็นอาทิตย์ ตอนที่ลงจากเขาก็ถามว่า “ไปไหนมา” พ่อก็บอก “ไปนอนบนภูเขา” ซึ่งมันแปลกมาก ทุกคนในบ้านก็งง และพ่อเริ่มมีอาการเปลี่ยนไป จู่ ๆ ก็หยิบปืนลูกซองขึ้นมาเล็งคนในบ้าน และพูดว่า “กูจะเอาชีวิตทุกคนในครอบครัว” ตอนนั้น เลิกลั่กพึ่งจะอายุ 12 ยังเด็กมาก ต้องไปหลบใต้ต้นพลูกับพี่ชายเพื่อหลบปืนจากพ่อ มีบางวัน พ่อก็ลุกขึ้นมาต่อยกระจกบ้านรอบบ้านจนแตก และมือก็เป็นแผลเลือดออกเต็มไปหมด หลังจากนั้นพ่อก็เอามือที่เต็มไปด้วยเลือดป้ายตามบ้านเต็มไปหมด ซึ่งทุกวันนี้รอยเลือดนั้นก็ยังอยู่ ในตอนกลางคืนที่น้องนอนก็มักจะได้ยินเสียงพ่อใช้เคียวกรีดยางขูดกับอะไรบางอย่างเหมือนในหนังฆาตกรรม เลิกลั่กจึงบอกกับแม่ว่าไม่ไหวแล้ว และในทุก ๆ วันแม่ก็ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปกรีดยาง ทุกครั้งที่ไปกรีดยางจะเห็นพ่อยืนอยู่ไกล ๆ เหมือนแอบส่องมาจากไกล ๆ แม่เดินไปทางไหนพ่อก็จะมองตาม พ่อเริ่มอาการหนักมาก จึงไปปรึกษาพระแถวบ้าน พระท่านบอกให้เอาต้นตะเคียนออกจากบ้านไป และนำมาไว้ที่วัดแล้วพรมน้ำมนต์ หลังจากทำตามที่พระบอก พ่อก็หายตัวไปเป็นระยะเวลา 10 ปี เลิกลั่กพึ่งจะมาได้ข่าวพ่อเมื่อ 2 ปีที่แล้วจากแม่ว่าเจอพ่อแล้ว แต่พ่อไม่มีสติแล้ว..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณแป้ง ‘บ้านเช่า 2 ชั้น’ I อังคารคลุมโปง X เฌอปราง-มิวสิค [ 6 ส.ค. 2567]

10 ส.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณแป้ง ‘บ้านเช่า 2 ชั้น’ I อังคารคลุมโปง X เฌอปราง-มิวสิค [ 6 ส.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ‘คุณแป้ง‘ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (6 สิงหาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน-ดีเจเจ็ม‘ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ’บ้านเช่า 2 ชั้น‘ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! คุณแป้งเล่าว่ามีพี่ที่รู้จักกัน ชื่อ ‘พี่หญิง’ เธอทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งต้องหาที่พัก ได้มาเจอกับบ้าน 2 ชั้นคล้ายตึกพาณิชย์ พี่หญิงได้เข้าไปเช่าอยู่ชั้น 1 วันหนึ่งเพื่อนของพี่หญิง 2 คนมานอนด้วย ในขณะที่นอนมีเพื่อนคนหนึ่งที่นอนติดหน้าต่าง ได้ลืมตาขึ้นแล้วมองไปที่หน้าต่าง ก็เห็นเป็นเงาหญิงชรายืนอยู่ สักพักร่างนั้นก็ลอยเข้ามาใกล้ ๆ สีหน้าของร่างนั้นดูโกรธมาก เพื่อนของพี่หญิงก็รู้สึกกลัวจนร่างกายขยับไม่ได้ จึงตัดสินใจหลับตา สักพักพี่หญิงเห็นว่าเพื่อนคนนั้นนอนอึกอัก ๆ ท่าทางแปลก ๆ จึงปลุกเเล้วถามว่า “เป็นอะไรหรือเปล่า?” เพื่อนคนนั้นตอบกลับว่า “ฉันเจอผี! เมื่อกี้เห็นคนแก่อยู่ข้างนอกตรงหน้าต่าง น่ากลัวมากเลย” พี่หญิงตอบกลับว่า “ไม่มีนะ ฝันร้ายหรือเปล่า“ เเละบอกอีกว่า ”อยู่มาตั้งนานไม่เคยเจอเลย คิดมากหรือเปล่า“ หลังจากนั้นทุกคนก็พากันนอนจนเช้า ในตอนเช้าก็แยกย้ายกันไปทำงาน จนกลับมาหลังจากเลิกงาน พี่หญิงก็สงสัยว่าทำไมวันนี้ชั้น 2 ไฟเปิดเพราะปกติกลับมาไม่เคยเปิด สักพักพี่หญิงก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้มาจากชั้น 2 ในคืนนั้นขณะที่พี่หญิงกำลังนอนอยู่ ก็รู้สึกแปลก ๆ นอนไม่หลับ จึงลืมตาขึ้นมา ก็เจอกับหญิงชรากำลังนั่งทับอกอยู่ จนรู้สึกหายใจไม่ออก! พี่หญิงจึงใช้จิตเพื่อสื่อสารกับยายคนนั้นว่า ”หนูไปทำอะไรให้ยายหรือเปล่า อย่าทำหนูเลย หนูขอร้อง“ พอสื่อสารกับเสร็จก็สะดุ้งตื่น เเล้วร่างยายคนนั้นก็ค่อย ๆ ลอยหายจากอกขึ้นไปบนเพดาน… ในคืนถัดมาห้องชั้น 2 ไม่ได้เปิดไฟเเต่ยังคงได้ยินเสียงร้องไห้อยู่ ก็เข้านอนเเล้วก็เจอหญิงชราคนเดิม เเต่คืนนี้มาบีบคอเเละก็ทำสีหน้าโกรธใส่ พี่หญิงดิ้น เเล้วร่างหญิงชราคนนั้นก็ลอยขึ้นหายไปบนเพดานเหมือนเดิม! ในตอนเช้าตื่นมาก็พบกับรอยมือเต็มคอ ตนจึงเอาผ้าพันคอไปทำงาน กลับมาตอนเย็นหลังเลิกงานก็ได้ยินเสียงร้องไห้อีก จนครั้งนี้พี่หญิงทนไม่ไหวจึงขึ้นไปเคาะประตูชั้น 2 สักพักก็มีผู้หญิงมาเปิดประตูให้ เเล้วถามกับพี่หญิงว่า “คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า” พี่หญิงตอบกลับไปว่า “พอดี ได้ยินเสียงคนร้องไห้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” ผู้หญิงคนนั้นได้ตอบกลับว่า ”อ๋อ ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีเเม่เพิ่งเสียไป ก็เลยร้องไห้อาจจะดังไปถึงคุณ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะคะ” พี่หญิงมองเข้าไปในห้อง ก็ได้เห็นรูปคุณยายคนที่ฝันถึงเเขวนอยู่ เเล้วก็รีบถามกลับไปว่า “ผู้หญิงคนนี้คือใคร” เขาก็ตอบกลับว่า “เป็นเเม่ของดิฉันเองค่ะ ที่เพิ่งเสียไปได้ไม่นาน” เเละได้ถามพี่หญิงอีกว่า “คุณมาเจอเเม่ดิชั้นหน่อยมั้ยคะ” พี่หญิงก็ตกใจเเต่ก็เดินเข้าไปในห้อง เเละได้พบกับโลงศพอยู่ในห้องเเละภายในโลงก็มีศพของคุณยายคนนั้นอยู่ด้วย ตนจึงได้บอกกลับไปว่า “เนี่ย ฉันฝันเห็นเเม่คุณมา 2 คืนเเล้วก็มาบีบคอฉัน มีอะไรอะหรือเปล่า” เขาก็มีท่าทีสงสัยว่าเเม่ไปทำพี่หญิงทำไม จึงได้เดินไปเปิดโลงศพดู ปรากฏเห็นร่างกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่ เเล้วตำแหน่งที่โลงศพตั้งก็ตรงกับเตียงที่พี่หญิงนอนอยู่ เเล้วผู้หญิงคนนั้นก็ได้บอกกับพี่หญิงว่า “ช่วยเอาศพพลิกกลับมาเหมือนเดิมได้มั้ย” พี่หญิงก็ช่วยผู้หญิงคนนั้นพลิกศพกลับมา เสร็จเเล้วก็ออกจากห้องเเล้วกลับไปพักผ่อนที่ห้อง ในตอนเช้าพี่หญิงจึงได้ขอไปนอนกับเพื่อนจนกว่าเรื่องพิธีนี้จะเสร็จ เมื่อพิธีที่บ้านเสร็จ ตนก็กลับมายังบ้านพัก ตนก็เห็นคนกำลังขนของขึ้นไป เเล้วไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นจึงเดินไปถามผู้ชายที่อยู่หน้าบ้านว่า “ผู้หญิงที่อยู่ข้างบนเขาไม่อยู่เเล้วหรอ ไม่เช่าต่อแล้วหรอ” ผู้ชายคนนั้นก็ตอบกลับมาว่า “ผู้หญิงไหนครับ ไม่มีนะครับ ไม่มีใครเช่านานเเล้วนะครับ” พี่หญิงก็ได้เเต่ยืนงง เเล้วได้ถามผู้ชายคนนัันกลับไปว่า “เเล้วคุณคือใคร” เขาก็ตอบกลับมาว่า “เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้” พี่หญิงจึงขอเจ้าของบ้านขึ้นไปดู เเล้วพบกับรูปของทั้ง 2 คนนั้นเเละกระถางธูปตั้งอยู่ สุดท้ายตนได้ถามกับเจ้าของบ้านว่า 2 คนนี้คือใคร ก็ได้คำตอบว่ารูปคุณยายนั้นคือเเม่ของเขาเเละอีกคนคือพี่สาวของเขา ก่อนหน้านี้คุณเเม่เสียเพราะโรคประจำตัว ในวันที่จัดงานศพก็ฝันว่าคุณเเม่อยากให้จัดงานศพที่บ้าน ส่วนพี่สาวเขารักเเม่มาก เฝ้าเเม่ไม่ยอมกินอะไร จนเป็นโรคขาดสารอาหาร จนสุดท้ายตรอมใจเสียชีวิตตามเเม่ไป..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

พิม ลัทธ์กมล เล่าเรื่อง ‘เคาะ 3 ครั้ง’ l อังคารคลุมโปง X เบคกี้ - พิม [8 เม.ย 2568]

13 เม.ย. 2025

พิม ลัทธ์กมล เล่าเรื่อง ‘เคาะ 3 ครั้ง’ l อังคารคลุมโปง X เบคกี้ - พิม [8 เม.ย 2568]

เป็นนักแสดงที่ทุ่มเท อยากรู้ความเป็นอยู่ของตัวละคร จึงขอไปนอนในสถานที่ถ่ายทำจริง แต่ใครจะคิด ว่าคืนนั้นจะไม่ได้นอนจนถึงเช้า และทำให้เปลี่ยนความเชื่อเรื่อง ‘ผี’ ไปตลอดกาล ติดตามเรื่องเล่าของ ‘คุณพิม ลัทธ์กมล’ ที่ได้นำเรื่อง ‘เคาะ 3 ครั้ง’ มาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (8 เมษายน 2568) พร้อมด้วย ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ต้องขนลุกไปพร้อมๆ กัน! ‘คุณพิม’ ได้นำเรื่อง ‘เคาะ 3 ครั้ง’ มาเล่า โดยคุณพิมได้เล่าว่า คุณพิมได้ไปถ่ายหนังที่จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับชายแดนเขมร ด้วยความที่คุณพิมเป็นนักแสดง จึงอยากลองเรียนรู้สถานที่ที่ใช้ถ่ายทำจริง ๆ ว่าตัวละครใช้ชีวิตอย่างไร คุณพิมจึงชวนเพื่อนมานอนด้วยกันที่สถานที่จริง สถานที่แห่งนี้เป็นกระต๊อบที่สร้างจากไม้ รอบ ๆ กระต๊อบที่คุณพิมและเพื่อนนอน ไม่มีบ้านคน มีแค่คนมาเฝ้าซึ่งเป็นชาวบ้านในแถบนั้น ที่ไม่มีโทรศัพท์ และไม่รู้เรื่องเทคโนโลยีมากนัก ในคืนนั้นเวลาตี 3 คุณพิมได้ตื่นขึ้นมา เพราะอุณหภูมิในกระต๊อบเริ่มลดลง จากที่อากาศร้อนกลายเป็นเย็นจนเหมือนอยู่ในห้องแอร์ และเมื่อคุณพิมตื่นก็รู้สึกยุกยิกตามร่างกาย พอหันไปทางเพื่อนที่นอนอยู่ด้านข้าง ก็มีเห็นว่ามีอาการยุกยิกเหมือนกัน ขณะเดียวกัน คุณพิมก็เริ่มได้ยินเสียงระนาค ที่บรรเลงช้า ๆ คุณพิมจึงถามเพื่อนว่า “มีคนมาเปิดเพลงแกล้งเราไหม” เพื่อนคุณพิมจึงตอบกลับมาว่า“ไม่นะ ที่นี่มีแค่เรานอนกัน 2 คน คนที่มาเฝ้าก็เป็นชาวบ้านที่ไม่มีโทรศัพท์” คุณพิมจึงเริ่มสงสัยว่ามันคือเสียงอะไร แต่ก็กลัวจนไม่กล้าขยับตัว และเสียงระนาดยังคงดังต่อไป และตอนนั้นเองคุณพิมและเพื่อนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเหมือนคนกำลังเดินขึ้นมา ตึก ตึก ตึก และเสียงนั้นก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องคุณพิม ในใจคุณพิมก็ยังคิดว่าอาจเป็นคนที่มาเฝ้าเดินขึ้นมา แต่สิ่งนั้นก็ยังหยุดอยู่ที่หน้าประตูเป็นเวลานาน และทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น ตึง! ตึง! ตึง! เสียงเคาะดังขึ้นที่หัวเตียง แต่คุณพิมก็ยังคิดว่ามีใครมาแกล้งหรือเปล่า คุณพิมและเพื่อนจึงลองตั้งสติด้วยการนอนหลับไปอีกหนึ่งครั้ง แต่อากาศก็ยังเย็นลงเรื่อย ๆ เพลงยังคงบรรเลงต่อไป จนเช้าถึงหายไป และในคืนนั้นคุณพิมกับเพื่อนจึงแทบไม่ได้นอน เพราะความกังวลจนไม่กล้าขยับตัวไปไหน ในช่วงเช้าคุณพิมจึงไปถามชาวบ้านเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ตัวเองได้เจอ ชาวบ้านแถวนั้นจึงบอกว่า “ที่แถวนั้นมันแรง ก่อนไปนอนได้ขอไหม” คุณพิมจึงตอบไปว่า “ไม่ได้ขอค่ะ แค่ไปนอนเฉย ๆ” คุณพิมจึงได้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนคือ เขามาทักทาย คืนต่อมาคุณพิมได้เปลี่ยนที่นอน ไปนอนในบ้านที่ทางทีมงานเตรียมไว้ให้ และได้กราบไหว้ก่อนจะเข้านอน ทำให้ไม่เจออะไรอีกเลย เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้คุณพิมที่ไม่เคยเชื่อลี้ลับ กลายเป็นเชื่อ 100% ว่า ผีมีจริงแน่นอน(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1