ลูกสาวไปเล่นที่สนามใกล้โรงเรียนกับเพื่อน แต่เจอร่างปริศนา เข้าไปดูใกล้ ๆ ก็พบว่าหัวแยกออกจากร่าง! ด้วยความหวังดี แม่จึงบอกไปว่า “กลับบ้านได้แล้ว” หลังจากนั้นก็เจอเรื่องแปลก ๆ ขณะจอดรถ เพราะเซนเซอร์รถร้องดัง ทั้ง ๆ ที่รอบรถไม่มีอะไรเลย!

อังคารคลุมโปง RECAP

ลูกสาวไปเล่นที่สนามใกล้โรงเรียนกับเพื่อน แต่เจอร่างปริศนา เข้าไปดูใกล้ ๆ ก็พบว่าหัวแยกออกจากร่าง! ด้วยความหวังดี แม่จึงบอกไปว่า “กลับบ้านได้แล้ว” หลังจากนั้นก็เจอเรื่องแปลก ๆ ขณะจอดรถ เพราะเซนเซอร์รถร้องดัง ทั้ง ๆ ที่รอบรถไม่มีอะไรเลย!

10 มี.ค. 2024

          ลูกสาวพบศพปริศนาอยู่ใกล้โรงเรียน แม่หวังดีจึงบอกกับศพว่า “กลับบ้านได้แล้ว” หลังจากนั้นสองสามวัน เซนเซอร์รถก็ดังทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรอยู่ใกล้รถ! เรื่องนี้ ‘คุณหนิง’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (5 มีนาคม 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘เซนเซอร์เจอผี’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปอ่านกันได้เลย!

          คุณหนิงเล่าว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่เมืองไทยและเกิดเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ตอนนั้นเป็นช่วงพายุเข้า อากาศหนาวอุณหภูมิติดลบประมาณ -17 ถึง -22 องศาเซลเซียส ปกติแล้วหากเป็นฤดูหนาวที่เมืองนี้จะมีหิมะตก แต่วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง โรงเรียนของ ‘หนูนิด’ (นามสมมติ) ลูกสาวของคุณหนิงจึงพาเด็ก ๆ ไปเล่นที่สนามกีฬาใกล้โรงเรียน หนูนิดเล่นอยู่บริเวณนั้นกับเด็กผู้หญิงอีก 2 คน ดูเหมือนว่าเด็กสาวทั้งสามจะชอบเล่นซ่อนแอบตามพุ่มไม้เป็นพิเศษ

          เวลาบ่ายสองเป็นช่วงที่โรงเรียนใกล้เลิก หนูนิดโทรมาหาคุณหนิงแล้วพูดว่า “แม่ หนูคิดว่าหนูเจอ Dead Body!” คุณหนิงจึงรีบใส่เสื้อกันหนาวแล้วกระโดดขึ้นรถ

          ระหว่างนั้นก็คุยกันว่า “ลูกอยู่ไหน?” คุณหนิงดู GPS ตำแหน่งของลูกไปด้วย เพราะหนูนิดอธิบายไม่ถูกและตื่นเต้น

          คุณหนิงถามว่า “มีผู้ใหญ่ไหม?”

          หนูนิดก็ตอบว่า “มี แต่โทรหาครูไม่ติด” ระหว่างนั้นเด็กอีก 2 คนก็วิ่งไปตามครู

          คุณหนิงจึงถามลูกว่า “ตายจริงหรือเปล่า”

          หนูนิดที่อยู่กับร่างปริศนาเพียงลำพังก็ตอบมาว่า “ไม่รู้ หนูไม่รู้”

          จากที่เห็นตำแหน่งของลูกใน GPS ตรงนั้นเป็นหน้าผาที่สามารถเล่นสกีได้ คุณหนิงจึงสันนิษฐานกับตัวเองไปว่าร่างนั้นอาจจะตกลงมาหรือเกิดอุบัติเหตุก็เป็นได้

          หนูนิดยังบอกว่า “มันอยู่ใกล้ทางเดิน แต่มันอยู่ในพุ่มไม้”

          คุณหนิงจึงบอกว่า “ไปดูซิ ว่าเขาตายไหม?”

          หนูนิดจึงเข้าไปดูคนเดียว บริเวณนั้นเป็นที่โล่ง ข้างหน้าฝั่งตรงข้ามเป็นสนามบอลซึ่งมีรั้ว 2 อัน คุณหนิงจึงคิดว่า ‘ใครจะมาตายตรงนั้นมันใกล้ทางคนเดินมากเกินไป’

          หนูนิดไปยืนตรงร่างนั้นแล้วถามว่า “ตายหรือยัง ถ้ายังไม่ตาย ยกมือขึ้น!” ร่างนั้นไม่ตอบสนอง

          หนูนิดรีบบอกคุณหนิงว่า “แม่ หนูว่าเขาตายนะ เขาไม่ตอบหนู”

          คุณหนิงจึงบอกให้ลูกออกมาให้ห่างจากศพ ทันทีที่คุณหนิงไปถึงที่เกิดเหตุก็รีบวิ่งเข้าไปกอดลูกสาว ในตอนนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งมายืนรอเป็นเพื่อนหนูนิดอยู่ก่อนแล้ว

----

          เมื่อครูมาถึงที่เกิดเหตุก็โทรแจ้งตำรวจ เพื่อนของหนูนิดอีก 2 คนก็อยู่ตรงนั้นเช่นกัน แต่เด็กทั้ง 3 คนไม่มีท่าทีตกใจ โดยเฉพาะเพื่อนของหนูนิด ระหว่างที่รอตำรวจ คุณหนิงก็บอกว่า “กลับบ้านได้แล้ว กลับดี ๆ ล่ะ” คุณหนิงคิดว่าคนตายอาจจะยังไม่รู้ตัว ด้วยความหวังดีจึงบอกออกไปแบบนั้น เมื่อตำรวจมาถึง ตำรวจหญิงคนหนึ่งก็พาคุณหนิงไปนั่งที่ไกล ๆ และเริ่มสอบสวน เด็ก ๆ บอกว่า ตรงนั้นมีศพ เห็นเชือก และคิดว่าอาจจะปีนขึ้นไปแล้วตกลงมาหรือผูกคอตาย ตอนที่คุณหนิงที่ไปยืนเฝ้าศพกับเด็ก ๆ คุณหนิงก็ถามผู้ใหญ่ที่มายืนเป็นเพื่อนน้องหนูนิดว่า “เธอว่าเขาตัดสินใจเองหรืออุบัติเหตุ?” เขาก็ตอบว่า “ตัดสินใจเอง” คุณหนิงก็เอะใจว่าคนนี้รู้ได้อย่างไร

          หลังจากนั้นเด็ก ๆ ก็ให้ปากคำ คุณหนิงเองก็นั่งอยู่ด้วย ได้ใจความว่า “ตัวอยู่ตรงนั้น จมหิมะ มีบุหรี่ ผ้าพันคอ หมวก ร่างและหัวตั้งอยู่อีกทาง”

          คุณหนิงจึงมีข้อสงสัยและข้อสังเกตผุดขึ้นมาเต็มไปหมด

          ถ้าผูกคอตายแล้วหล่นลงมา ทำไมหัวถึงหลุด?

          เรื่องอากาศที่ติดลบ -17 องศาเซลเซียส อาจจะมีคนที่เดินผ่านแต่ไม่ได้กลิ่น?

          และร่างนั้นนอนคว่ำมีหิมะบังอยู่ เมื่อมีรถหิมะผ่านมาทำไมถึงไม่เจอ?

          แล้วหัวนั้นไปตั้งอยู่ตรงนั้นอย่างเป็นระเบียบได้อย่างไร?

          เด็ก ๆ อธิบายเพิ่มเติมว่าร่างนั้นมีหนวดเครา หลับตาสนิท

          เมื่อให้ปากคำเสร็จ จึงแยกย้ายกันกลับบ้าน

----

          สองสามวันถัดมา คุณหนิงได้เจอกับน้องที่เปิดร้านอาหารที่มีการทำบุญอยู่เป็นประจำ คุณหนิงจึงพูดว่า “พี่ฝากทำบุญให้คนนี้หน่อย” เพราะคุณหนิงฝันเห็นจึงฝากทำบุญไปให้

          สองวันถัดมาเป็นวันอังคาร เวลาประมาณบ่าย 2 โมงกว่า คุณหนิงกำลังขับรถเข้าที่จอด ก็เห็นอะไรแว๊บ ๆ จึงถอยรถ จากนั้นก็ขับเข้าไปทำให้เสียงแจ้งเตือนของรถก็ดังขึ้น ซึ่งรถของคุณหนิงจะใช้กล้องเทสลาที่มีเรดาร์รอบรถ เมื่อขับเข้าไปแต่ไม่มีอะไร แปลกที่เรดาร์กลับทำงาน เมื่อดูภาพจากกล้องคุณหนิงเห็นเป็นเงาคนที่ไม่มีหัว! คุณหนิงจึงถอยเข้า-ถอยออก เซนเซอร์รถก็จับได้อีก 2 รอบ วันถัดมาคุณหนิงก็ลองอีกครั้งแต่ก็ไม่เจออะไรที่เป็นต้นเหตุให้เซนเซอร์ทำงาน วันที่ 3 ก็ลองอีกครั้ง ปรากฏว่าไม่มีเหมือนเดิม

          เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งอาทิตย์ ระหว่างที่คุณหนิงนอนหลับอยู่ ก็มีผู้ชายมาเข้าฝันซึ่งเป็นคนน่ารักมาก มาบอกว่า 054 และทะเบียนรถของคุณหนิง 644 คนรู้จักของคุณหนิงถูกหวยกัน แต่คุณหนิงไม่ถูกเพราะไม่ได้เล่น

          ก่อนที่คุณหนิงจะมาที่ประเทศไทย คุณหนิงบินมาเมื่อวันที่ 19 คืนวันที่ 18 ก็เคลียร์รถ ในท้ายรถว่างจึงนำกระเป๋ามาเก็บ หนูนิดรู้สึกหนาวจึงอยู่ในบ้าน คุณหนิงบอกกับหนูนิดว่า “เอากระเป๋ามาไว้หน้าบ้านนะ เดี๋ยวแม่จะยกขึ้นรถเอง” คุณหนิงก็ยกของไปวาง คุณหนิงเห็นหนูนิดมาช่วย ณ ตอนนั้นคุณหนิงอยู่ท้ายรถ ก็เห็นเป็นเงาอ้อมไปข้างหลัง จึงคิดว่าไม่พ่อก็ลูกมาเปิดท้ายรถ คุณหนิงหันไปปรากฏว่า ไม่มีใครและหนูนิดอยู่หน้าประตูบ้าน คุณหนิงก็คิดว่ามาอีกแล้ว… คุณหนิงบอกหนูนิดว่า “ขึ้นรถกับแม่ เดี๋ยวเข้าที่จอด” แต่วันนั้นจอดที่ประจำซึ่งสามารถชาร์จรถได้ หนูนิดบอกว่า “หนูหนาว” คุณหนิงก็บอกว่า “หนูหนาวไม่เป็นไร หนูนั่งในรถ พอแม่ชาร์จรถเสร็จ แล้วแม่เดินมาท้ายรถลูกค่อยออก” จากนั้นคุณหนิงก็เดินมาท้ายรถ และสงสัยว่าทำไมหนูนิดไม่ออกมาตามที่ตกลงกันไว้ หนูนิดนั่งอยู่พักหนึ่งก็เปิดประตูออกมาแล้วพูดว่า “แม่ ใครอยู่ข้างหลัง” คุณหนิงก็ถามว่า “เงาแม่หรือเปล่า?” สิ่งที่หนูนิดเห็นคือมันออกมาจากอีกเสา แล้วมาจบที่อีกเสา แล้วก็หายไป เป็นผู้ชายสูง ๆ ที่มีผ้าพันคอ แต่ไม่เห็นช่วงหัว! ซึ่งตอนนี้คุณหนิงบินมาไทยก็บอกว่า เขาก็คงเคว้งคว้าง ไม่รู้จะไปหาใคร…

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากอ๊อฟ อัครพล 'จุดเเสดงฤทธิ์' I อังคารคลุมโปง X หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - อ๊อฟ อัครพล [7 ม.ค. 2568]

11 ม.ค. 2025

เรื่องเล่าจากอ๊อฟ อัครพล 'จุดเเสดงฤทธิ์' I อังคารคลุมโปง X หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - อ๊อฟ อัครพล [7 ม.ค. 2568]

เมื่อไม้ที่ถูกโยนเข้าไปในถ้ำที่คนไม่สามารถเข้าไปได้กลับถูกโยนออกมา! พร้อมทั้งได้เห็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้! ติดตามเรื่องราวลึกลับและศาสตร์ความเชื่อจาก ‘หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - อ๊อฟ อัครพล’ ได้ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (7 มกราคม 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ที่จะพาคุณขนลุกไปกับบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในมุมมืด! ‘คุณอ๊อฟ’ ได้เกริ่นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของน้องอาสาคนหนึ่งที่ได้ตามหลวงพ่อไปบิณฑบาตที่ ‘วัดถ้ำผาปู่’ ในจังหวัดเลย ซึ่งมีหมอบีร่วมเดินทางไปด้วย แต่ตัวคุณอ๊อฟเองไม่ได้ไป จึงรับชมผ่านไลฟ์สดแทน ซึ่งการรับชมอาจจะดูได้แบบติด ๆ ขัด ๆ เนื่องจากสถานที่ที่ไปอยู่นั้นเป็นถ้ำบนภูเขา ทำให้สัญญาณใช้ได้ไม่ดีมากนัก นอกจากนี้ คุณอ๊อฟยังเคยได้ศึกษาประวัติและคำสอนขอครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับวัดแห่งนี้มาก่อน เมื่อไลฟ์สดเดินทางไปถึงถ้ำแห่งนั้น และได้เดินลงไปข้างล่าง เจ้าหน้าที่ก็ได้บอกว่า “ที่ตรงนี้เมื่อก่อนน้ำท่วมเต็มถ้ำเลย แต่ตอนนี้จะมีจุดหนึ่ง เขาเรียกกันว่า Holy water หรือน้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นน้ำที่หยดมาจากธรรมชาติ เป็นหนึ่งในที่ที่นำน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปทำพิธีกรรมต่าง ๆ” ระหว่างที่ลงไปในถ้ำ ทุกคนที่ชมไลฟ์สดอยู่นั้น ไม่มีใครได้ยินเสียงจากไลฟ์เพราะสัญญาณเข้าไปไม่ถึง เห็นเป็นเพียงภาพไกล ๆ ว่าในนั้นทำอะไรบ้าง แต่คนที่อยู่ใกล้ ๆ หมอบีบอกว่า “มีบาตรคว่ำ” ทุกคนก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น? มีบาตรคว่ำจริงหรือไม่? ต่างคนต่างเดินหากัน จนไปเจอบาตรพระที่คว่ำอยู่ 3 บาตร ซึ่งหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินคำว่า ‘คว่ำบาตร’ กัน หมอบีจึงคิดว่าอาจจะมาจากคำนี้ และรู้สึกว่าอาจจะเป็นสัญญาณบางอย่างของคนที่เจตนาไม่ดี หลังจากที่ออกมา ก็ได้ขึ้นไปด้านบนซึ่งเป็นกุฏิและถ้ำต่าง ๆ ซึ่งระหว่างทางนั้น จำเป็นต้องปีนขึ้นไปเพราะทางค่อนข้างชัน ปรากฏว่าไปเจอกุฏิของ ‘หลวงปู่คำดี’ ตั้งอยู่ด้านบนเป็นกุฏิไม้ เมื่อหมอบีมาถึง ก็ได้เข้าไปกราบไหว้ก่อน และยังไม่ได้เข้าไปในตอนแรก แต่รู้อยู่แล้วว่าสถานที่ตรงนี้หลวงปู่เคยมาพํานักอยู่เพราะเจ้าหน้าที่ได้บอกเอาไว้ หลังจากนั้น ทุกคนก็ได้ขึ้นไปในส่วนบนสุด ซึ่งตอนก่อนที่จะขึ้นไปหมอบีได้ขออนุญาตเข้าไปในกุฏิด้านบน เมื่อเข้าไปก็ได้บอกเหตุผลว่าที่เข้ามาก็เห็นมินิตว่า ที่แห่งนี้คือสถานที่ที่ ‘หลวงปู่คำดี’ กับ ‘หลวงตามหาบัว’ มาเจอกัน ในมินิตนั้น หมอบีเห็นว่า หลวงปู่คำดีจุดธูปอธิฐานแล้วกล่าวว่า ‘มีข้อสงสัยอยากจะถาม อยากให้หลวงตามหาบัวมาตอบ’ จากนั้นวันรุ่งขึ้น หลวงตามหาบัวก็เดินทางจาก จ.อุดรธานี มาที่ จ.เลย เพื่อมาตอบคำถามที่กุฏินี้ และนี่คือสิ่งที่หมอบีเห็น.. หลังจากที่หมอบีได้ทราบเรื่องราวแล้ว ก็ได้เดินทางขึ้นไปด้านบนกุฏิ เมื่อขึ้นไปก็จะเห็นเป็นถ้ำสองฝั่ง ฝั่งที่เป็นจุดแสดงฤทธิ์มีชื่อว่า ‘ถ้ำนาคะ’ เป็นสถานที่ห้ามเข้าเพราะมีผนังปิดกั้นไว้ทั้งหมด แต่จะมีเพียงช่องว่างอยู่ช่องหนึ่ง หมอบีบอกว่าในตำนานสมัยก่อน หลวงปู่ท่านแสดงฤทธิ์ให้ดู โดยที่ท่านยืนอยู่ข้างล่าง จากนั้นก็โยนไม้ขึ้นไป ไม้นั้นก็ขึ้นไปค้ำอยู่ด้านบนสุดของถ้ำ อยู่ในที่ ๆ คนไม่สามารถปีนขึ้นไปได้ ซึ่งทุกวันนี้ไม้นั้นก็ยังคงอยู่ หมอบีจึงหาไม้ตรงหน้าถ้ำ หักเป็นท่อนเล็ก ๆ จากนั้นก็โยนเข้าไปแล้วเกิดเป็นเสียง ‘กึก กึก กึก กึก’ สักพักหนึ่ง มีเสียงไม้โยนกลับมา ทุกคนจึงเกิดความสงสัยว่า ใครเป็นคนโยนขึ้นมาเพราะถ้ำเป็นมีเพียงช่องแคบ ๆ เท่านั้น ซึ่งคนไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ จึงพากันเดินอ้อมไปข้างหลังเพื่อดู ซึ่งในระหว่างนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงเหมือนมีสัตว์บินอยู่ ‘ฟึบ!’ เป็นเสียงที่คล้ายเครื่องบินเจ็ท ในตอนที่ทุกคนกำลังมองหาต้นตอของเสียง มีบางคนได้เหลือบไปเห็นบางอย่าง ‘สิ่งนั้นมีลักษณะเป็นสีขาว อยู่ไกล ๆ ตัวค่อนข้างใหญ่ บินด้วยความเร็ว โดยไม่กางปีก’ โดยมีการเฉลยตอนหลังว่าเป็นสีของ ‘ครุฑ’ ซึ่งในตำนานเล่าว่าหลวงปู่มีความเชื่อมโยงกับครุฑ ถ้ำนั้นเป็นสถานที่ที่ครุฑมาอาศัยอยู่ เพื่อมาคอยปกปักรักษาและไม้ที่ถูกโยนกลับมาเป็นเหมือนการแสดงฤทธิ์ของท่าน..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจาก ขวัญ INDIGO 'นิมิตประหลาดพระจมน้ำ' I อังคารคลุมโปง X INDIGO [ 12 พ.ย. 2567 ]

21 พ.ย. 2024

เรื่องเล่าจาก ขวัญ INDIGO 'นิมิตประหลาดพระจมน้ำ' I อังคารคลุมโปง X INDIGO [ 12 พ.ย. 2567 ]

ขนลุกกับเศรัทธาความเชื่อใน ‘อังคารคลุมโปง X (12 พฤศจิกายน 2567) ที่ ‘ขวัญ INDIGO’ มาเล่าสิ่งที่เห็นจากภาพจิตสัมผัสทำเอา ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ อ้าปากค้าง! จะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันเลย! คุณขวัญได้เล่าว่า ตนมักจะไปกินข้าวที่บ้านเพื่อนที่ชื่อ ‘ป๋อง’ (นามสมมุติ) บ่อยครั้ง บ้านหลังนี้มีลักษณะเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น เปิดประตูเข้าไปฝั่งขวาเป็นโทรทัศน์ ข้างหน้าเป็นโต๊ะอาหาร เลี้ยวไปทางขวาจะเป็นห้องครัว ที่ประจำของคุณขวัญคือโต๊ะอาหาร พวกเขามักจะนั่งกินข้าวและพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ นอกจากนี้คุณป๋องยังเลี้ยงแมวหลายตัว เวลานั่งคุยกันก็มักจะอุ้มแมวมาเล่นด้วย และส่วนตัวของคุณป๋องไม่ค่อยเชื่อเรื่องพระ บ้านของเขาจึงไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ในบ้าน ปกติคุณขวัญเป็นคนตื่นเช้า เมื่อก่อนจะสวดมนต์ทุกเช้า นั่งสมาธิ ทำบุญตักบาตร แต่อยู่มาวันหนึ่ง คุณขวัญนั่งสมาธิหลับตาแล้วเห็น ‘หลวงพ่อโสธร’ ท่านจมน้ำ ภาพที่เห็นเป็นองค์พระพุทธรูปสีทอง หลังจากนั้น คุณขวัญก็ไม่สามารถนั่งสมาธิได้ จึงเปลี่ยนมาสวดมนต์แทน แต่ระหว่างสวดมนต์ภาพที่เห็นก็ยังเป็นภาพเดิม คุณขวัญถึงกับเอะใจกับสถานที่ที่เห็นในภาพนั้นว่า ‘ทำไมเห็นบ้านหลังนี้ ทำไมเห็นบ้านป๋องที่น้ำกำลังท่วมแล้วเขารู้สึกถึงความอึดอัด ทรมาน’ หลังจากนั้นก็เห็นเป็นภาพโต๊ะอาหาร คุณขวัญเริ่มเอะใจ จึงตัดสินใจทักไลน์ไปหาคุณป๋องว่า “มึงเป็นไง มีอะไรอยู่ตรงใต้โต๊ะอาหารไหม ช่วยดูให้หน่อย กูเห็นอะไรสักอย่างหนึ่งเป็นของศักดิ์สิทธิ์อยู่ใต้โต๊ะอาหาร มันเหมือนกับมีน้ำอะไรราดท่านอยู่หรือเปล่า” คุณป๋องก็ตอบกลับบอกว่า “บ้านกูเนี่ยนะ จะมีของศักดิ์สิทธิ์” เนื่องจากคุณป๋องไม่ได้เชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุณขวัญจึงบอกไปว่า “รบกวนดูให้หน่อยนะ ขอร้อง” พอผ่านไปถึงช่วงเย็นคุณป๋องก็ทักมาบอกว่า “ไม่มีนะ” คุณขวัญคิดว่าตัวเองน่าจะคิดไปเอง.. วันรุ่งขึ้น คุณขวัญก็เห็นภาพนั้นอีกเหมือนเดิม แต่เห็นสถานที่ชัดเจนกว่าครั้งแรก ‘ท่านอยู่ใต้โต๊ะอาหารโต๊ะตรงนั้นจริง ๆ’ คุณขวัญจึงทักหาคุณป๋องอีกครั้ง คุณป๋องถามกลับมาว่า “เป็นอะไรเนี่ย” ด้วยความที่บอกไปอย่างไรคุณป๋องก็ไม่เชื่อ คุณขวัญจึงบอกว่า “โอเคไม่เป็นไรกูคงคิดไปเอง” พอผ่านไป 2 อาทิตย์ คุณพ่อของแฟนคุณป๋องก็เสียชีวิต คุณป๋องจึงต้องขับรถกลับเชียงใหม่เพื่อไปงานศพ คุณขวัญได้บอกกับเพื่อนว่า “เฮ้ย ขับรถดี ๆ นะ ก่อนออกไหว้ที่บ้านสักหน่อย กวาดบ้านก็ได้ พ่อเสียแล้วทำบ้านให้สะอาดก่อนค่อยเดินทางไปหาพ่อที่เชียงใหม่ไหม” ในใจคุณขวัญรู้สึกไม่สบายใจเนื่องจากคุณขวัญยังไม่สามารถลบภาพนั้นได้ จึงพยายามบอกกับคุณป๋องทำใจดี ๆ ขับรถดี ๆ คุณป๋องบอก “โอเค เดี๋ยวจะทำ” คุณขวัญบอกอีกว่า “ถ้าเชื่อกู กูขออย่างหนึ่ง เอาน้ำถวายหิ้งพระหน่อยก่อนออกเดินทาง หิ้งไม่มีอะไรเลยใช่ไหม” คุณป๋องก็ได้ทำตามที่คุณขวัญบอกทั้งหมด ส่วนแฟนของคุณป๋องในช่วงนั้นรู้สึกจิตใจแย่ พอคุณขวัญทักบอกให้กวาดบ้านทำบ้านให้สะอาดเขาจึงทำตามที่คุณขวัญบอกเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ก็มีไลน์เด้งมาพร้อมรูปที่โชว์ถุงพลาสติก ถุงพลาสติกนั้นมีน้ำอยู่ข้างในคือฉี่แมว แล้วมีหลวงพ่อโสธรเป็นตลับอยู่ประมาณ 20-30 ตลับ คุณป๋องถามคุณขวัญว่า “ขวัญ.. มึงเห็นได้ยังไง” คุณขวัญจึงถามกลับมาว่า “แล้วมันมาได้ยังไงมากกว่า!” เพราะคุณป๋องไม่ได้เชื่อเรื่องพระแต่ในบ้านมีพระหลายตลับอยู่ได้อย่างไร สุดท้ายคุณป๋องก็ได้มารู้ว่า คนที่มาทานข้าวด้วย เขาเป็นคนเล่นพระ ช่วงนั้นที่จะมีหลวงพ่อหลายองค์ที่เขาซื้อมาเป็นกล่อง แล้วเขาก็ลืมไว้ซึ่งอยู่ใต้กระเช้าปีใหม่ แมวจึงฉี่ใส่ถุงนั้นมาตลอด จากนั้นกลายเป็นว่าคุณป๋องก็เชื่อเรื่องที่คุณขวัญบอกทุกอย่าง พอคุณป๋องและแฟนทำความสะอาดบ้านเสร็จ พระที่ได้มานั้น คุณขวัญก็บอกให้คุณป๋องขอขมาท่าน(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณเป็ดน้อยลูกหมอผี 'มันใกล้เข้ามาเเล้ว' l อังคารคลุมโปง X เป้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก [25 ก.พ. 2568 ]

01 มี.ค. 2025

เรื่องเล่าจากคุณเป็ดน้อยลูกหมอผี 'มันใกล้เข้ามาเเล้ว' l อังคารคลุมโปง X เป้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก [25 ก.พ. 2568 ]

เมื่อสิ่งที่คืบคลานเข้ามาคือสิ่งที่มองไม่เห็น มันเป็นเสียงเหยียบหญ้าดัง สวบ สวบ สวบ แต่กลับไม่พบใคร จนต้องปั่นจักรยานหนีสุดชีวิต! แต่ใครจะคิดว่าเสียงนั้น ดันตามมาหลอกหลอนถึงในฝันเกือบทั้งอาทิตย์! เรื่องราวสุดหลอนในวัยเด็กจะจบลงอย่างไร? ติดตามได้กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘มันใกล้เข้ามาแล้ว’ ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’(25 กุมภาพันธ์ 2568) พร้อมด้วย ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีีเจเจ็ม’ ที่จะเป็นเพื่อนหลอนไปกับคุณ!! ‘คุณเป็ดน้อย’ เล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวคุณเป็ดน้อยเอง เกิดขึ้นตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2534 สมัยก่อนคุณเป็ดน้อยชอบปั่นจักรยานไปเล่นบ้านคนนั้นคนนี้ ซึ่งในวันนั้นคุณเป็ดน้อยได้ปั่นจักรยานไปงานวันเกิดเพื่อนคนหนึ่ง พอถึงช่วงเย็นคุณเป็ดน้อยและเพื่อน ๆ ก็นัดกันเพื่อจะมารวมตัวที่บ้านคุณเป็ดน้อย ที่อยู่ซอยที่ 3 ถัดมาจากนั้นหนึ่งซอย จะเป็นซอยที่มียาวที่สุดในหมู่บ้าน ตรงกลางซอยจะมีสะพานข้ามคลองเล็ก ๆ เมื่อนัดแนะกันเสร็จ เด็ก ๆ ก็ปั่นจักรยานออกมา แต่เพื่อนคนอื่นปั่นกันเร็วมาก ยกเว้นคุณเป็ดน้อยที่ปั่นช้า พอไปถึงกลางซอยทางขึ้นสะพาน คุณเป็ดน้อยเริ่มรู้สึกเหนื่อยจึงหยุดพักที่กลางสะพาน ซึ่งทั้งสองข้างของคลองจะเป็นตลิ่ง พอมองไปก็จะเห็นเป็นต้นไม้เรียงรายไม่มีบ้านคน และในตอนที่นั่งพักอยู่นั้น คุณเป็ดน้อยก็ได้ยินเสียง สวบ สวบ สวบ เหมือนเสียงคนเดินผ่านกอหญ้ามาจากตลิ่งริมคลอง ด้วยความปากไว จึงพูดไปว่า “ใครหน่ะ” แต่ก็ไม่เห็นใคร และยังได้ยินเสียงเดินอยู่ แล้วเสียงนั้นก็เริ่มใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ คุณเป็ดน้อยก็ยังคงถามว่าใคร จนกระทั่งคุณเป็ดน้อยเริ่มคิดว่า เสียงที่ดังอยู่คงไม่มีใครหรอกแต่กอหญ้ายวบเหมือนเป็นรอยเท้า และรอยที่กอหญ้ายวบก็มาทางคุณเป็ดน้อยเรื่อย ๆ โดยที่คุณเป็ดน้อยไม่เห็นอะไรเลย ตอนนั้นความคิดในหัวของคุณเป็ดน้อยคิดว่า ‘หญ้ามันยวบได้ยังไง มันเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมมันถึงมาทางเรา’ จนกระทั่งหญ้ายวบมาถึงส่วนปูนที่เป็นสะพาน และเสียงก็เงียบไป คุณเป็ดน้อยจึงได้สติจากเสียงที่เพื่อนตะโกน แล้วรีบปั่นจักรยานต่อ คุณเป็ดน้อยปั่นแบบไม่คิดชีวิตจนล้มได้แผล เมื่อถึงบ้านจึงเข้าไปทำแผลเป็นอันดับแรก ในคืนนั้น คุณเป็ดน้อยก็ฝันว่า ตัวเองมายืนอยู่หน้าบ้าน แล้วมองไปที่สะพาน แล้วก็ได้เห็นผู้ชายคนหนึ่ง ใส่เสื้อสีขาว กางเกงสแลค ค่อย ๆ เดินมาจากสะพาน จนผ่านบ้านหลังแรก คุณเป็ดน้อยก็สะดุ้งตื่น และวันต่อมาคุณเป็ดน้อยได้ฝันแบบเดิม แต่ผู้ชายคนนั้นก็เดินผ่านมาเรื่อย ๆ จนผ่านบ้านหลังที่สอง คุณเป็ดน้อยสะดุ้งตื่นเช่นเดิม โดยที่คุณเป็ดน้อยก็ฝันแบบนี้ทุก ๆ คืน เป็นเวลาเกือบอาทิตย์ จนเริ่มเห็นผู้ชายคนนั้นชัดเจนขึ้น ผู้ชายคนนั้นใส่เสื้อเซิ้ตสีขาวตรงกลางเสื้อมีสีน้ำตาล และก็ไม่ได้ยินเสียงผู้ชายคนนั้นพูด เพราะมองยังเห็นไม่ชัดพอ มีอยู่คืนหนึ่งที่คุณเป็ดน้อยฝันว่าอยู่ในบ้าน ประตูหน้าบ้านเปิดอยู่ และผู้ชายที่เห็นในฝันก็ยืนอยู่หน้าบ้าน ผู้ชายคนนั้นมีแผลขนาดใหญ่อยู่ที่คอ และตรงที่คุณเป็ดน้อยเห็นเป็นสีน้ำตาลคือรอยคราบเลือด ผู้ชายคนนั้นยื่นมือมาและโวยโวยว่าอะไรบางอย่าง ซึ่งได้ยินเสียงไม่ชัด ในตอนที่คุณเป็ดน้อยกำลังตกใจอยู่ ก็ได้มีคนมาจับไหล่จากด้านหลัง และคนที่ยื่นมือมาจับนั้นก็เป็นคุณอาของคุณเป็ดน้อย และคุณอาก็พูดว่า “มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง” พอคุณเป็ดน้อยรู้สึกตัว ก็ไม่เห็นอะไรแล้ว ประตูบ้านก็ปิดสนิท และคุณอายังบอกต่อว่า ทุกคืนคุณเป็ดน้อย มักจะละเมอเดินออกมายืนหน้าบ้าน จนทุกคืนคนในบ้านต้องออกมาอุ้มคุณเป็ดน้อยกลับไปนอนที่เตียงตามเดิม ซึ่งตัวคุณเป็ดน้อยเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นได้อย่างไร คุณเป็ดน้อยจึงพยายามเล่าเรื่องที่ฝันให้คุณอาฟัง แต่คุณอาก็บอกว่า “โอ๊ย เด็กฝัน ไร้สาระ” จากนั้นก็พาคุณเป็ดน้อยกลับไปนอน คืนต่อมาคุณเป็นน้อยก็เห็นผู้ชายที่อยู่ในฝัน มายืนอยู่ตรงหน้าต่างปลายเตียง ในฝันผู้ชายคนนั้นก็ได้ยื่นมือมาจับขาคุณเป็ดน้อย แล้วดึงลงมาจากเตียง จนหล่นลงมาที่พื้น คุณเป็ดน้อยก็ร้องไห้โวยวาย จนปัสสาวะราดอยู่ตรงนั้น ในที่สุดคุณเป็ดน้อยก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาที่ปลายเตียง เพราะเสียงของคนในบ้านที่วิ่งมาในห้อง ทุกคนจึงเริ่มเชื่อในสิ่งที่คุณเป็ดน้อยเล่าเกี่ยวกับความฝัน จึงพาไปทำพิธีที่วัด และหลังจากนั้นคุณเป็ดน้อยก็ไม่เคยเห็นผู้ชายคนนั้นอีกเลย คุณเป็ดน้อยยังบอกต่ออีกว่า เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เป็นคนกลัวผีจนขึ้นสมองไปเลย(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เจอดีทั้งบ้าน! เมื่อเข้าพักโรงแรมดังในห้องหมายเลข 329

21 ส.ค. 2023

เจอดีทั้งบ้าน! เมื่อเข้าพักโรงแรมดังในห้องหมายเลข 329

‘ตั้ม The Shock’ กลับมาเล่าเรื่องหลอนในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (15 สิงหาคม 2566) ได้ฟังอีกครั้ง กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ห้อง 329’ ซึ่งมีพื้นฐานมาจากคดีจริงเมื่อปี 2550 เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ปิดไฟแล้วไปอ่านเลย! เรื่องนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากคดีฆาตกรรมเมื่อปี 2550 ที่จ.นครราชสีมา มีแม่บ้านจากโรงแรมแห่งหนึ่ง ได้ขึ้นไปทำความสะอาดห้องพักที่ชั้น 3 หมายเลขห้อง 329 เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ถึงกับต้องผงะ เพราะกลิ่นเหม็นสาบคาวเลือดพุ่งกระแทกจมูกเข้าอย่างจัง แถมยังลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งชั้น 3 อีกด้วย แม่บ้านจึงแจ้งเจ้าหน้าที่โรงแรม และติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมทั้งหน่วยกู้ภัย เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงก็ตรวจสอบพบว่า มีคราบเลือด คราบน้ำเหลืองอยู่บนเพดานห้อง กู้ภัยจึงเปิดฝ้าเพดานและได้เจอกับศพผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งร่างมีคราบน้ำเหลืองและเลือดไหลปะปนกัน ยิ่งเข้าไปใกล้ ๆ ก็ยิ่งส่งกลิ่นให้แรงทวีคูณ เจ้าหน้าที่จึงทำการเคลื่อนย้ายร่างผู้ตายเพื่อส่งไปชันสูตรหาตัวตนและสาเหตุการตายต่อไป ตัดภาพมาที่ ‘คุณโก้’ เจ้าของเรื่องหลอนในครั้งนี้ คุณโก้เป็นคนเชียงใหม่ มีธุรกิจอยู่ที่โคราช ทำให้ต้องไป ๆ มา ๆ ระหว่าง 2 จังหวัดนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่หลังจากเจอวิกฤตโควิด-19 คุณโก้ก็ไม่ได้เดินทางมาที่โคราชเป็นเวลากว่า 3 ปี หลังจากนั้น สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย คุณโก้จึงเดินทางไปที่โคราชอีกครั้ง ในครั้งนี้มีครอบครัวที่ประกอบไปด้วย คุณแจง (นามสมมุติ) ผู้เป็นภรรยาและ น้องจอย (นามสมมุติ) ลูกไปด้วย เมื่อถึงวันเดินทาง คุณโก้ก็ได้มาพักที่โรงแรมแห่งนี้ เป็นห้องชั้น 3 หมายเลข 329 ซึ่งปกติแล้วคุณโก้ก็เคยมาพักที่นี่ แต่ก็ได้ห้องชั้นอื่นตลอด คุณโก้เช็คอินเข้าห้องพัก กระเป๋าและสัมภาระก็ถูกขนขึ้นไปไว้บนห้อง ระหว่างนั้นครอบครัวคุณโก้ก็ออกไปรับประทานอาหารร้านประจำซึ่งมีพนักงานเสิร์ฟสาวที่รู้จักคุ้นหน้าคุ้นตากันดี เธอกล่าวทักทายคุณโก้ “สวัสดีค่ะคุณโก้ มาเที่ยวเหมือนเดิมเหรอคะ? แล้วพักที่ไหนคะ?” คุณโก้บอกชื่อโรงแรมไป แล้วเธอก็ถามต่ออีกว่า “แล้ว.. ห้องไหนคะ?” คุณโก้ก็ตอบไปตามปกติว่า “เมื่อก่อนได้ห้องชั้น 1 บ้าง ชั้น 2 บ้าง แต่รอบนี้ได้ห้อง 329 เหมือนจะเลขสวยด้วยน้า” เด็กเสิร์ฟที่กำลังตักข่าวอยู่ก็หยุดชะงัก จากนั้นก็เดินหนีออกไปโดยที่ไม่พูดอะไรเลย! คุณโก้ได้แต่สงสัยว่าทำไมเธอจึงเดินหนีออกไปแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ครอบครัวของคุณโก้ก็กลับมาที่โรงแรม เมื่อถึงโรงแรม คุณแจงและน้องจอยโก้ก็ขึ้นไปบนห้อง ส่วนคุณโก้นั้นลงมาซื้อขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มเผื่อหิวกลางดึก ในระหว่างนั้น น้องจอยก็เข้าไปแปรงฟันในห้องน้ำ สักพักก็เดินออกมาแล้วบอกว่า “แม่ มีผู้หญิงอยู่ในห้องน้ำ” คุณแจงบอกกับลูกว่า “ไม่มีหรอกลูก ผู้หญิงที่ไหน เราอยู่กันสองคน” น้องจอยก็ยืนยันว่ามีจริง คุณแจงคิดว่าน้องจอยไม่ได้โกหกแต่อาจจะเป็นจินตนาการของน้องจอยที่คิดไปเอง “งั้นพาแม่ไปดูหน่อยสิ้” น้องจอยก็พาคุณแจงเดินเข้าไปในห้องน้ำ แต่คุณแจงก็ไม่เจออะไร จึงถามน้องจอยว่าเจอผู้หญิงตรงไหน น้องจอยก็ชี้ไปที่อ่างน้ำ แต่ในเมื่อไม่เห็นอะไรผิดปกติ คุณแจงจึงพาน้องจอยออกมาเพื่อเตรียมตัวเข้านอน เป็นจังหวะเดียวกับที่คุณโก้กลับมาเข้าที่ห้องพอดี คุณโก้และคุณแจงนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน ส่วนน้องจอยจะนอนอยู่บนเตียงเด็กที่เตรียมมาเองในตำแหน่งปลายเตียงของพ่อแม่ คุณโก้บอกให้คุณแจงและน้องจอยรีบนอน เพราะพรุ่งนี้หลังจากทำธุรเสร็จแล้ว จะพาไปเที่ยวสวนสัตว์ด้วยกัน ทุกคนดูกระตือรือร้นที่จะได้ไปเที่ยว คุณโก้จึงปิดไฟเหลือไว้เพียงแสงจากโทรทัศน์ หลังจากนอนไปได้สักพัก คุณแจงที่มักจะนอนหงายอยู่ฝั่งขวา ก็เริ่มรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก รู้สึกอบอ้าวและร้อนไปหมดทั้งตัว แถมยังรู้สึกระคายเคืองที่คอ และยังได้ยินเสียงเหมือนคนสำลักออกมาด้วย คุณแจงตื่นขึ้นมาแต่ก็ขยับตัวไม่ได้ ทำได้เพียงชำเลืองหางตาไปทางขวามือที่คุณโก้นอนอยู่ ก็เห็นว่ามีผู้หญิงผมยาวนั่งก้มหน้าในมุมมืดข้างเตียง ลิ้นจุกอยู่ที่ปากส่งเสียงสำลักในคอมาเป็นระยะ! คุณแจงที่ยังขยับตัวไม่ได้ก็สังเกตเห็นอีกว่ามือของผู้หญิงคนนั้นเอือมมาบีบคอตัวเองอยู่! คุณแจงพยายามดิ้นและนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สักพักก็หลุดพ้น คุณแจงลุกขึ้นมานั่งแล้วสะกิดคุณโก้เสียงเบาเพราะกลัวว่าลูกจะตื่น คุณแจงบอกว่าตนนั้นโดนผีหลอก คุณโก้ปลอบใจและพยายามบอกว่าอาจจะเหนื่อยมากไปเพื่อให้คุณแจงใจเย็นลง หลังจากใช้เวลาสักพัก คุณแจงก็ยอมนอนต่อแต่โดยดี เมื่อคุณแจงหลับไป คุณโก้ที่ปกติแล้วชอบนอนตะแคงก็รู้สึกได้ว่าเหมือนมีคนมากอดจากข้างหลัง จึงคิดว่าอาจจะเป็นคุณแจง แต่มันแปลกตรงที่การกอดมันแน่นรุนแรงขึ้น และยังรู้สึกอีกว่าแขนที่มากอดมันหนักเกินกว่าจะเป็นแขนของภรรยาได้! จากนั้นก็เริ่มได้กลิ่นแปลก ๆ และรู้สึกว่าแขนนั้นมันเปียกชื้นแฉะ คุณโก้จึงหันไปมอง ก็เห็นเป็นผู้หญิงผมยาว ลิ้นจุกปาก น้ำเหลืองและน้ำเลือดไหลออกจากตา สำลักในลำคอของเธอก็ดังขึ้นเป็นระยะพร้อมกับสายตาน่ากลัวที่มองคุณโก้! คุณโก้ตกใจดิ้นหลุดจนตกลงมาซอกเตียง หลังจากควบคุมสติได้ก็มองขึ้นบนเตียงอีกที ทุกอย่างก็หายไป! คุณโก้ใช้มือยันพื้นหลังติดผนังแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน จังหวะนั้นก็ได้ยินเสียงกุกกักจากข้างบนฝ้าตามมาด้วยเสียงสำลักในลำคอดังขึ้นมาอีก! คุณโก้รู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ข้างบนนั้นมันกำลังจะร่วงลงมา จากนั้นฝ้าก็เผยอเปิดออก! คุณโก้รีบไปดึงตัวคุณแจงและน้องจอยออกจากห้องโดยที่ไม่พูดอะไรและทิ้งของทุกอย่างไว้ที่ห้องนั้น แล้วขับรถออกจากโรงแรมทันที! เมื่อมาถึงอีกโรงแรม คุณโก้ก็บอกน้องจอยแค่ว่า “พ่อนัดเพื่อนไว้ ลูกขึ้นไปนอนก่อนนะ” คุณแจงและน้องจอยก็ขึ้นไปบนห้อง คุณโก้นั่งอยู่ที่ฟร้อนโรงแรมเพื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จากนั้นก็เห็นป้อมยามของโรงแรม จึงไปเดินถามเพราะคิดว่าถ้าเป็นเรื่องผีจริง คนที่จะรู้มากที่สุดก็คงจะเป็นคนในพื้นที่ ก็เจอลุงคนหนึ่งนั่งอยู่ในป้อมยาม คุณโก้เล่าให้คุณลุงฟังว่าเจออะไรมาบ้าง พร้อมกับบอกชื่อโรงแรมที่เจอ คุณลุงถามกลับมาทันทีว่า “329 ใช่มั้ย?” คุณโก้พยักหน้าตอบ คุณลุงจึงเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น นั่นทำให้คุณโก้ตัดสินใจว่าหลังจากนี้ จะไม่มาพักที่โรงแรมต้นเรื่องอีก ต้นตอของคดีฆาตกรรมห้อง 329 คือมีผู้หญิงคนหนึ่ง เธอมีสามีอยู่ที่กรุงเทพฯ ทำอาชีพเป็นพนักงานนวดแผนโบราณ และมีงานพิเศษเป็นสาวอาบอบนวด ทำให้มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาพัวพันด้วย ผู้ชายคนนี้ทำอาชีพเป็นช่างแอร์ เมื่อคบกันไปได้สักพัก ผู้ชายก็จับได้ว่าเธอมีสามีอยู่แล้ว ทั้งคู่นักมาเคลียร์ใจกันที่โรงแรมนี้ในห้อง 329 เมื่อตกลงกันไม่ได้ ฝ่ายชายเกิดบันดาลโทสะบีบคอฝ่ายหญิงจนเสียชีวิต ด้วยความที่เขาเป็นช่างแอร์ จึงนำศพของผู้หญิงอำพรางไว้ในช่องข้างฝ้าเพดานข้างบน จากนั้นก็ลงไปซื้อเครื่องดื่มขึ้นบนดื่มบนห้องอย่างใจเย็น จนกระทั่งถึงเช้าอีกวัน เขาก็เช็คเอาท์ออก หลังจากนั้น 3 วัน แม่บ้านก็เข้ามาทำความสะอาดในห้อง จากนั้นก็แจ้งเจ้าหน้าที่และพบศพอยู่ข้างบนฝ้าในห้อง..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1