ขับรถผ่านจุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงกระซิบว่า “ช่วยด้วย..” ไม่กี่วันคนร้ายมอบตัว เพราะลุงมาบอกว่าจะเอาชีวิต!

อังคารคลุมโปง RECAP

ขับรถผ่านจุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงกระซิบว่า “ช่วยด้วย..” ไม่กี่วันคนร้ายมอบตัว เพราะลุงมาบอกว่าจะเอาชีวิต!

13 มี.ค. 2023

(WARNING : เนื้อหานี้มีความรุนแรง, การทำร้ายร่างกาย และเป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

     เรื่องราวฆาตกรรมสุดโหดที่เกิดขึ้นนี้คือประสบการณ์หลอนที่ “คุณบี” ได้พบเจอกับตัวเอง และได้โทร.เข้ามาเล่าในรายการ “อังคารคลุมโปง X” (7 มีนาคม 2566) ที่ผ่านมา เป็นเรื่องของ “ลุงแถวบ้าน” ที่เสียชีวิตด้วยเหตุฆาตกรรมสุดโหดโชกไปด้วยเลือด..!

     คุณบีเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว คุณลุงแถวบ้านท่านนี้ ทำอาชีพดักจับหนู โดยปกติเมื่อตกเย็นก็มักจะล้อมวงสังสรรค์กับคนละแวกนั้นอยู่เสมอ คืนหนึ่งในวงสังสรรค์นั้น ก็มี “คู่อริเก่า” นั่งรวมอยู่ด้วย เรื่องของเรื่องก็คือคุณลุงท่านนี้เคยไปต่อว่าแม่ของคู่อริเมื่อ 4 ปีที่แล้ว พอน้ำเมาเริ่มทำงาน การสังสรรค์ก็เริ่มจะสังเสีย ทั้งคู่มีปากเสียงกัน ทันใดนั้นฝ่ายคู่อริก็กลับบ้าน เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่า คุณลุงคิดว่าคงไม่มีอะไรแล้วก็เลยจะออกไปดักหนูตอนกลางคืนตามปกติ จึงปั่นจักรยานออกไปห่างจากบ้านประมาณ 200 เมตร ไม่นานนัก ก็เจอเข้ากับคนร้ายดักฟันเข้าไปที่คอจากด้านหลัง! เท่านั้นยังไม่พอ คนร้ายยังจับเงยหน้าแล้วฟันที่คอ จนคอเกือบขาด! เหลือแค่ตรงกระดูกเพียงนิดเดียวเท่านั้น..

     เช้าวันต่อมา เวลาประมาณตี 4 คนแถวนั้นที่ออกไปทำงานแต่เช้าก็พบศพของคุณลุงและรีบโทรแจ้งตำรวจ สภาพที่เกิดเหตุจะเห็นคราบเลือดเป็นวงกลม แสดงให้เห็นว่าก่อนสิ้นลม คุณลุงเจ็บปวดและทรมานเพียงใด เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงก็ได้สอบถามคนละแวกใกล้เคียง แต่ก็ยังไม่เจอบุคคลน่าสงสัย แต่ทางด้านตำรวจก็ยังคงทำหน้าที่สืบคดีอย่างต่อเนื่อง

     ผ่านไปไม่กี่วัน ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนอยู่นั้น ทางด้านคุณบีเอง ก็ได้ขับรถมาที่บ้านแฟนซึ่งอยู่ห่างไปไม่กี่หลังจากที่เกิดเหตุ คุณบีเล่าว่า “หนูขี่ไป แล้วเห็นผู้ชายคนนึง ลักษณะคือผมขาวแต่ไม่ทั้งหัวนะคะ ใส่เสื้อสีเหลือง ใส่กางเกงขาม้า แล้วก็..ยืนยิ้มอยู่ตรงต้นขนุน” คุณบีบอกว่าตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร ก็เลยขับรถผ่านแล้วเข้าบ้านแฟนไป และเล่าให้แฟนฟังว่า “เนี่ย เห็นเขายืนยิ้มอยู่ ทำไมเขาไม่เข้าบ้าน มันดึกแล้วนะ” ทั้งสองคนไม่ได้คิดอะไร และปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป..

     วันถัดมา คุณบีก็ขับรถมาทางเดิมอีกครั้ง รอบนี้คุณบีได้ยินชาวบ้านคุยกันถึงเรื่องคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้น คุณบีที่อยากรู้จึงเข้าไปร่วมวงสนทนา และขอดูรูป พอเห็นรูปคุณบีถึงกับตกใจ! เธอบอกว่าคนในรูปคือคนเดียวกับที่เห็น! พอเล่าให้คนในครอบครัวของแฟนฟัง แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ คุณบีจึงเงียบไป

     2 วันถัดมา คุณบีขับรถมาทางเดิมอีกครั้ง แต่รอบนี้มีเพื่อนมาด้วยหนึ่งคน ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน พอขับผ่านบ้านของคุณลุงที่เสียชีวิตไปประมาณ 3-400 เมตร เพื่อนของคุณบีก็สะกิดบอกคุณบีว่า “มึง.. ลุงเขาบอกให้ช่วย” คุณบีเล่าเสริมอีกว่าอยู่ ๆ เพื่อนก็พูดขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้คุยอะไรกัน และไม่มีเสียงอะไรด้วย! เพื่อนคุณบีบอกว่า “ลุงเขาบอกว่า ไปบอกลูกสาวเขาหน่อย ว่าคนคนเนี้ย เป็นคนฆ่า แล้วเขาหนีไปที่ไหน” คุณบีได้ยินดังนั้นก็ขนลุกไปทั้งแขน แล้วก็รีบพากันขับรถกลับบ้านทันที!

     ทั้งสองคนเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่ได้บอกใคร ผ่านไปไม่กี่วันคนร้ายก็เข้ามามอบตัวกับตำรวจ แล้วก็บอกว่า “อยู่ไม่ได้ ลุงเขาไปกวน ลุงเขาจะเอาชีวิตให้ได้เลย” ทางด้านลูกสาวของผู้เสียชีวิตก็ถามว่าทำไมต้องฆ่าคุณลุง คนร้ายก็บอกว่า โมโหที่คุณลุงเคยต่อว่าแม่ของเขาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งคนร้ายคนนั้นก็คือ “คู่อริ” ที่ทะเลาะกันในคืนนั้นนั่นเอง คุณบียังเล่าเสริมอีกว่า คนร้ายคนนั้นก็คือคนที่คุณลุงบอกกับเพื่อนของคุณบีจริง ๆ แล้วคุณบีก็พึ่งมารู้ทีหลังว่าวันที่เจอคุณลุงพร้อมกับเพื่อนนั้น คุณลุงเขาวิ่งตามรถจนเกือบไปถึงวัด ด้วยสภาพที่เหมือนกับวันที่ถูกฆาตกรรม! ในตอนนั้นเพื่อนคุณบียังบอกให้รีบขับเร็ว ๆ แต่คุณบีไม่คิดว่าจะมีอะไรจึงไม่ได้ใส่ใจ

     ดีเจเจ็มถามย้อนกลับไปในวันแรกที่คุณบีเห็นคุณลุงสวมเสื้อสีเหลือง ตอนนั้นคุณลุงยังอยู่ในสภาพปกติ คุณบีจึงบอกว่า “อาจจะตอนนั้นเขายังไม่รู้ตัวหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่จำหน้าคุณลุงได้ชัดเลย”

ติดตามฟังเรื่องเต็มได้ที่

 

 

related อังคารคลุมโปง RECAP

ไปพักโรงแรมต่างจังหวัดแล้วเจอเด็กมาเขย่าที่ขาแถมยังหัวเราะคิกคัก! พอบอกให้ไป พ่อเด็กกลับบอกว่า “นี่ก็ห้องผมเหมือนกัน” กลับถึงบ้านก็เจอตามมาอีก! พยายามสวดมนต์ให้ แต่เด็กกลับบอกว่า “พี่พูดอะไร หนูไม่เข้าใจ พี่จะให้หนูไปจากพ่อหรอ หนูไม่ยอมหรอกนะ”

26 มิ.ย. 2023

ไปพักโรงแรมต่างจังหวัดแล้วเจอเด็กมาเขย่าที่ขาแถมยังหัวเราะคิกคัก! พอบอกให้ไป พ่อเด็กกลับบอกว่า “นี่ก็ห้องผมเหมือนกัน” กลับถึงบ้านก็เจอตามมาอีก! พยายามสวดมนต์ให้ แต่เด็กกลับบอกว่า “พี่พูดอะไร หนูไม่เข้าใจ พี่จะให้หนูไปจากพ่อหรอ หนูไม่ยอมหรอกนะ”

บลู ขวัญ และ โดนัท จากวง ‘INDIGO’ กลับมาเยือน ‘อังคารคลุมโปง X’ (20 มิถุนายน 2566) อีกครั้ง พร้อมกับเรื่องหลอนสุนัขพร้อมหอนเช่นเคย จน ‘ดีเจเคเบิ้ล’ และ ‘ดีเจโซเซฟ’ นั่งไม่ติดเก้าอี้ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘สองพ่อลูก’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปอ่านพร้อมกันเลย! คุณขวัญเล่าว่าเรื่องนี้เริ่มจากการที่วง INDIGO ได้ไปทัวร์คอนเสิร์ตที่ต่างหวัดในภาคอีสาน เวลาประมาณ 4 โมงเย็นก็ถึงโรงแรม แต่โรงแรมยังจัดเตรียมห้องพักไม่เสร็จดี มีเพียงบลู โดนัท และนักดนตรีแบคอัพอีก 1 คน ที่จะได้เข้าห้องพักก่อน ‘เหียะ’ ผู้จัดการวงจึงชวนคุณขวัญไปไหว้พระรอ เมื่อไปถึงที่วัด ก็เข้าไปไหว้พระตามปกติ ขณะที่จุดธูปอยู่นั้น เมฆครึ้มฝนห่าใหญ่ก็ตั้งเค้ามา ทั้งสองคนจึงรีบไหว้เพราะกลัวจะเปียกฝน เนื่องจากที่ตรงนั้นเป็นลานกว้าง เมื่อไหว้เสร็จ ในใจคุณขวัญตอนนั้นอยากจะเดินเข้าไปดูว่าวัดกำลังจะสร้างอะไร ระหว่างทางเดินเข้าไป ก็มีคนงานก่อสร้าง และคุณขวัญก็สังเกตเห็นหลุม แต่ไม่ได้คิดอะไร จึงเดินผ่านไป พอเดินกลับออกมา ก็เห็นคุณป้าท่านหนึ่งยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ คุณขวัญจึงเล่าเพิ่มเติมว่า แม่ของเหียะบวชเป็นแม่ชีอยู่ ท่านก็จะสอนให้หยาดน้ำ ซึ่งจะคล้าย ๆ กับการกรวดน้ำที่ต้องนั่งกรวด แต่หยาดน้ำสามารถทำได้ตลอดเวลา เช่น ใช้น้ำอะไรก็ได้ หรือหากเห็นใครฉีดน้ำ หรือแม้กระทั่งฝนตก ก็สามารถแผ่เมตตาไปให้สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวได้ ซึ่งปกติแล้ว คุณขวัญจะไม่หยาดน้ำที่วัดเลย เพราะบางทีไม่มีน้ำหยาด จะกลับไปหยาดที่ห้องแทน เมื่อเห็นคุณป้าท่านนั้นรดน้ำต้นไม้ คุณขวัญก็คิดว่างั้นหยาดน้ำเลยดีกว่า ไม่นานฝนก็ตกลงมา คุณขวัญที่ยังท่องบทแผ่เมตตายังไม่จบ จึงคิดว่าจะกลับไปสวดที่ห้องต่อ เวลาประมาณ 6 โมงเย็น ก็มาถึงโรงแรม คุณขวัญรู้สึกเหนื่อยมาก จึงนอนพักผ่อน จากนั้นก็ฝันว่า ที่ปลายเตียงมีเด็กมาเล่นที่ขา แถมยังส่งเสียงหัวเราะคิกคักอีกด้วย คุณขวัญตื่นขึ้นมา ก็เห็นเป็นเด็กใส่แพมเพิร์ส หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ข้าง ๆ ก็มีผู้ชายคนนึงใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว เล่นกับลูกอยู่โดยที่ไม่ได้สนใจคุณขวัญเลย ตอนนั้นคุณขวัญรู้สึกสับสนว่านี่คือความฝันหรือความจริง จากนั้นเด็กคนนั้นก็กระโดดมานั่งทับที่เข่าคุณขวัญ! ทำให้คุณขวัญสะดุ้งตื่นขึ้นมาจริง ๆ ไม่นานก็ได้ยินเสียงคุณเหียะเคาะประตู คุณขวัญก็เล่าความฝันที่เจอให้ฟัง แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ พอคุณเหียะเดินออกจากห้องไป คุณขวัญก็ตั้งใจจะนอนต่อ แล้วก็ฝันเห็นเหมือนเดิมทุกอย่าง คุณขวัญก็ถามไปว่า “มาทำอะไร นี่ห้องขวัญนะ” ผู้ชายเสื้อเชิ้ตขาวคนนั้นก็ตอบกลับมาว่า “นี่ก็ห้องผมเหมือนกัน” จากนั้นก็กลับไปเล่นกับลูกต่อเหมือนเดิม คุณขวัญเล่าว่าหลังจากนั้นก็เดินไปเข้าห้องน้ำ พอกลับออกมา ก็ยังเห็นสองพ่อลูกอยู่ที่เดิม จึงพูดขึ้นอีกว่า “ออกไป จะนอนแล้ว นี่ห้องขวัญ” เขาก็ตอบกลับมาว่า “ก็บอกแล้วไง นี่ก็ห้องผมเหมือนกัน” ทั้งคู่ก็มองหน้ากันสักครู่ ไม่นานคุณขวัญก็สะดุ้งตื่นอีกครั้ง หลังจากตื่นขึ้นมา คุณขวัญก็รีบเปลี่ยนชุดลงไปวิ่งออกกำลังกายข้างนอก เพื่อให้ตัวเองเลิกคิดฟุ้งซ่าน ระหว่างเดินลงมาก็ส่งข้อความหาคุณเหียะว่า “โดนแล้วว่ะ ไม่รู้ว่าฝัน หรือของที่โรงแรม หรือตามมาจากวัด” จากนั้นก็ออกวิ่งไปตามสถานที่ต่าง ๆ รอบ ๆ โรงแรม หลังจากวิ่งเสร็จก็ทำใจอยู่นานกว่าคุณขวัญจะกล้าขึ้นห้อง พอเปิดประตูห้องเข้าไป ก็พยายามบอกตัวเองว่านั่นคือความฝัน จากนั้นก็ข่มตาให้หลับไป ทุกอย่างดูเป็นปกติ กระทั่งกลับมาถึงบ้านที่กรุงเทพฯ ในวันหนึ่ง ขณะที่ขับรถกลับมาที่บ้าน ก็เห็นผู้ชายคนนึงยืนจับมือเด็กอยู่ที่หน้าบ้าน โดยหันมองไปที่บ้านของคุณขวัญ คุณขวัญอึ้งไปสักพัก แล้วก็พูดขึ้นมาว่า “ไม่อนุญาตให้ใครเข้าบ้าน!” จากนั้นก็ถอยรถเข้าบ้าน จังหวะที่ถอยรถเข้ามานั้น คุณขวัญก็มองเห็นสองพ่อลูกนั้นอย่างชัดเจน! นั่นยิ่งทำให้คุณขวัญทำตัวไม่ถูกและไม่กล้าที่จะลงจากรถ จึงเสิร์ชหาวิธีจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งก็แนะนำให้สวดมนต์ คุณขวัญสวดบทอิติปิโส แต่เขาก็ไม่ไป คุณขวัญจึงตั้งชื่อให้สองพ่อลูกนั้นว่า ‘พี่ศักดิ์’ กับ ‘น้องน้ำหวาน’ และบอกไปว่า “ถ้าอยากได้อะไร ให้มาบอกขวัญ ขวัญไม่รู้ว่าพี่เป็นใครมาจากไหน พรุ่งนี้จะไปทำบุญให้” พูดจบก็เปิดประตูลงจากรถเข้าบ้านไป คุณขวัญบอกว่าตอนนั้น รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างตามตัวอยู่ตลอดเวลา จนบางครั้งก็แทบจะเป็นบ้า และด้วยความที่อยากรู้ที่มาที่ไป จึงโทรกลับไปถามโรงแรมว่าเคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ แต่ทางโรงแรมก็ปฏิเสธ อ้างว่าเป็นโรงแรมใหม่ และบอกว่า “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ พอดีเป็น Reception” เมื่อเห็นว่าไม่ได้อะไรจึงวางสายไป จากนั้นก็เข้าห้องพระเพื่อสวดมนต์ขอขมาเจ้ากรรมนายเวร แต่ก็ยังไม่หายไป วันรุ่งขึ้นจึงไปทำบุญใส่บาตรที่วัด พอกลับมาที่บ้านก็เข้าห้องพระแล้วสวดมนต์อีกครั้ง “ขวัญจะสวดบทนี้ให้พี่ศักดิ์และน้องน้ำหวานนะ ถ้าอยู่แถวนี้ มาฟังด้วย” เมื่อเริ่มสวดไปได้เพียงนิดเดียว ก็มีมือเล็ก ๆ มาเขย่าที่ต้นขาและได้ยินเสียงเล็กแหลมดังขึ้นมาว่า “พูดอะไรหนูไม่เข้าใจ พูดให้หนูเข้าใจด้วย พี่จะให้หนูไปจากพ่อหนูหรอ หนูไม่ไปหรอกนะ” คุณขวัญตกใจสุดขีด เริ่มร้องไห้ จะลุกไปไหนก็ไม่มีแรง จึงรีบโทรหาพระอาจารย์ ท่านก็แนะนำว่าให้ทำบุญบ้าน ช่วงนี้ก็สวดมนต์ให้ได้ทุกวัน ทำบุญใส่บาตรตอนเช้าไปก่อน เมื่อพระอาจารย์มาที่บ้าน ท่านก็ให้หุ่นพยนต์มาปกป้องตัว ซึ่งทุกวันนี้คุณขวัญยังคงพกสิ่งนี้ติดตัวไว้ตลอด และสิ่งที่น่าตกใจคือทุกที่ที่พระอาจารย์เดินไปพรมน้ำมนต์ คือที่ที่คุณขวัญสัมผัสน้องน้ำหวานได้! นอกจากนี้ ท่านยังให้คุณขวัญนำปากกามา จากนั้นก็เขียนยันต์ไว้ให้ หลังจากนั้น คุณขวัญก็ไม่เห็นพี่ศักดิ์อีกเลย แต่ยังคงเห็นน้องน้ำหวานบ้างในบางครั้ง แต่ไกลตัวมากขึ้น(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

ไม่มีผีสักตัว แต่โคตรหลอน! เพื่อนที่ห่างหายไปนานติดต่อมาอยากให้ไปหา พอไปเจอก็ต้องตกใจ เพราะเพื่อนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน! สุดท้ายก็ได้รู้ความจริงเมื่อเพื่อนสารภาพความลับก่อนตาย!

03 ก.พ. 2024

ไม่มีผีสักตัว แต่โคตรหลอน! เพื่อนที่ห่างหายไปนานติดต่อมาอยากให้ไปหา พอไปเจอก็ต้องตกใจ เพราะเพื่อนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน! สุดท้ายก็ได้รู้ความจริงเมื่อเพื่อนสารภาพความลับก่อนตาย!

เพื่อนสมัยวัยรุ่นที่ห่างหายกันไปนาน อยู่ ๆ ติดต่อมาอยากให้ไปหาและมีเรื่องสำคัญอยากบอกก่อนที่จะสายไป เมื่อเจอเพื่อนก็ถึงกับตกใจเพราะโดนกินไปครึ่งตัว! ระหว่างที่อยู่ด้วยกันมีแต่ความหวาดระแวง และสุดท้ายความจริงก็ปรากฏเมื่อได้ฟังคำสารภาพของเพื่อนทำเอาพูดไม่ออก! เรื่องนี้ ‘พี่เเจ็ค The Ghost Radio’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (30 มกราคม 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘11.11’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปอ่านกันได้เลย! เรื่องนี้เป็นเรื่องของ ‘คุณฟ้าลั่น’ ที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวนี้ให้พี่แจ็คได้ฟัง ซึ่งก่อนหน้านี้คุณฟ้าลั่นเคยโทรมาเล่า ‘เรื่องผีพรายตายโหง’ ใน The Ghost Radio มาก่อน และเรื่องที่กำลังจะเล่านี้มีความเกี่ยวโยงกัน โดยคุณฟ้าลั่นเล่าว่า คุณฟ้าลั่นใช้ชีวิตตามปกติ ในครอบครัว มีภรรยา, ลูก, คุณแม่ของภรรยา, และคุณแม่ของตน คุณฟ้าลั่นเป็นคนที่มีอาจารย์ดี เป็นคนที่อยู่ในศีลธรรม และมีรอยสักติดตัวบ้าง คุณฟ้าลั่นจะมีเพื่อนกลุ่มหนึ่งสมัยเป็นวัยรุ่น แต่เมื่อโตมามีครอบครัวก็ไม่ได้เจอกันอีก จนกระทั่งได้รับการติดต่อจากเพื่อนคนหนึ่ง เพื่อนคนนี้ชื่อว่า ‘คุณบี’ (นามสมมุติ) ซึ่งไม่ได้ติดต่อกันมานาน ตั้งแต่งานศพของคุณเคที่อยู่ในเรื่อง ผีพรายตายโหงครั้งที่แล้ว อยู่ ๆ คุณบีก็โทรมาว่า “เฮ้ยเพื่อน จำเราได้ป่ะ เราบีเอง” คุณฟ้าลั่นก็ตอบไปว่า “อ๋อ จำได้” แต่ก็คิดในใจว่าโทรมาทำไม คุณบีก็บอกว่า “พอดีเราคิดถึงและเราอยากเจอ ถ้านายว่าง นายช่วยมาหาเราหน่อยได้ไหม?” คุณฟ้าลั่นก็ไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องไป จึงพยายามพูดบ่ายเบี่ยง ปลายสายก็บอกว่า “ถ้าครั้งนี้มันเป็นการเจอกันครั้งสุดท้ายจะมามั้ย เราอยากให้นายมา และเรามีเรื่องบางอย่างอยากจะบอกนาย และที่สำคัญคือเราอยากจะขอโทษนาย” เมื่อได้ยินแบบนั้นคุณฟ้าลั่นก็คิดในใจว่าจะขอโทษเรื่องอะไร ในเมื่อไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกัน ก็คุยกันต่อจนทางปลายสายโน้มน้าวให้คุณฟ้าลั่นไปหาเขาให้ได้ แต่เขาบอกว่า “อยากให้คุณฟ้าลั่นไปวันที่ 11 พฤศจิกายน” (ในปี 2566) คุณฟ้าลั่นจึงตอบกลับไปว่า “งั้นเดี๋ยวลองไปปรึกษาภรรยากับลูกก่อนละกัน เพราะเวลาจะไปไหนจะพาพวกเขาไปด้วย” ทางนั้นก็ตอบกลับมาว่า “มาคนเดียวได้มั้ย? อยากให้มาคนเดียวอะ” หลังจากนั้นเขาก็ตัดพ้อว่า “กำลังชดใช้กรรมอยู่ กำลังแย่” คุณฟ้าลั่นก็ถามว่า “เป็นอะไร ทำไมถึงพูดอะไรอย่างนั้น” ทางนั้นก็บอกว่า “ต้องมา เพราะนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน อยากจะขอโทษและก็คิดว่าตัวเองไม่น่าจะอยู่พ้นปีนี้” เมื่อได้ยินคำนี้คุณฟ้าลั่นก็คิดว่าเพื่อนคงแย่จริง ๆ จึงตอบกลับไปว่า “งั้นเดี๋ยวขอปรึกษาทางครอบครัวก่อน” แล้ววางสายไปปรึกษาภรรยา ภรรยาก็ไม่ติดอะไร และคุณฟ้าลั่นก็ไปถามคุณแม่ของตน ปรากฏว่าคุณแม่พูดมาว่า “ไปสิลูก เผื่อจะได้บุญกลับมา” หลังจากนั้น คุณฟ้าลั่นก็ไม่คิดอะไร ปล่อยให้เวลาผ่านไปรอเพื่อนติดต่อกลับมา บางครั้งโทรไปเพื่อนก็ไม่รับสาย แชทก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง จนกระทั่งมีแชทจากคุณบีบอกว่า “ตกลงจะมามั้ย? ” คุณฟ้าลั่นจึงตอบว่า “เออ ๆ มา ๆ” หลังจากนั้นก็ขาดการติดต่อไป จนเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ คุณบีก็ทักมาถามอีกว่า “ตกลงจะมาใช่ไหม?” คุณฟ้าลั่นนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้นัดเวลาและสถานที่ จึงโทรกลับไปถามและเพื่อเช็คว่าใช่เพื่อนของตัวเองหรือเปล่า เมื่อได้คุยกันก็ใช่เพื่อนของตนจริง ๆ แต่เสียงของคุณบีนั้นเสียงเหมือนคนหอบ เหมือนคนหายใจไม่ออก คุณฟ้าลั่นก็ถามว่า “ทำไมเวลาคุยต้องกระซิบวะ” คุณบีก็ตอบว่า “ตอนนี้อาการไม่ค่อยดี” และพูดย้ำคำเดิมว่า “อาจจะอยู่ได้ไม่นาน” คุณฟ้าลั่นจึงตอบตกลงไป ทางคุณบีก็วางสายทันที คุณฟ้าลั่นก็งง เพราะจะให้ไปเจอแต่กลับไม่บอกอะไรเลย จึงพยายามติดต่อกลับไป แต่คุณบีไม่รับสาย คุณฟ้าลั่นก็รอและคิดว่าถ้าถึงวันที่ 8-9 ยังไม่ติดต่อกลับมาก็จะไม่ไป จนถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน คุณบีโทรมาบอกว่า “เอาโลเคชันไป เดี๋ยวให้มาที่นี่นะ อยู่ที่จังหวัดนี้ แต่ถ้าจะมาขอให้มาถึงซักช่วงเย็น ๆ หน่อย ออกเช้า ๆ หน่อยไม่อยากให้มาถึงมืด มาถึงก่อน 2 ทุ่มได้ไหม” หลังจากที่คุยเสร็จก็ได้โลเคชัน เวลาผ่านไปจนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน เพื่อนก็โทรมาย้ำอีกครั้ง “พรุ่งนี้มาใช่ไหม แต่ออกมาเช้าหน่อยนะ” คุณฟ้าลั่นก็รับปาก จนกระทั่งเช้าวันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 คุณฟ้าลั่นก็ได้ออกเดินทางไปคนเดียว ขับรถจากจังหวัดที่อาศัยอยู่มุ่งหน้าไปยังจังหวัดที่นัดหมาย และไปถึงที่หมายประมาณ 5-6 โมงเย็น คุณฟ้าลั่นบอกว่าเหมือนทางคุณบีจะรู้ว่าตนมาถึงแล้ว จึงโทรมาบอกว่า “เดี๋ยวพอจะเข้าบ้านอะ ทางเข้าบ้านมันเปลี่ยวหน่อยนะ มันเป็นทุ่งนา แต่ไม่เป็นไรขับเข้ามาไม่มีหลง มึงเชื่อกู ขับเข้าไปจะเจอบ้านกูอยู่กลางทุ่งนา เดี๋ยวแม่กูเปิดประตูให้” คุณฟ้าลั่นจึงขับรถไปตามโลเคชัน ปรากฏว่าเจอทางเปลี่ยว พอเข้าไปก็เจอบ้านหลังหนึ่งอยู่กลางทุ่งนาอย่างที่บอกจริง เมื่อขับเข้าไปก็เห็นคุณแม่ยืนรออยู่หน้าประตู ขณะนั้นคุณฟ้าลั่นก็คิดว่ามันต้องเป็นเหมือนเรื่องเล่า ต้องเจอเพื่อนตัวเองตาย เจอรูปชาตะมรณะแน่นอนเหมือนเรื่องเล่าทั่วไป แต่กลับกลายเป็นว่า ลงรถเสร็จเจอคุณแม่ทักทาย คุณฟ้าลั่นก็ถามว่า “แล้วบีล่ะ” คุณแม่ตอบว่า “บีอยู่ในบ้านลูก เปิดประตูเดินเข้าไปเลย แต่เดินเข้าไปถ้าเห็นบีอย่าตกใจนะลูก” คุณฟ้าลั่นลงจากรถ เปิดประตูเข้าไปในบ้าน ตอนแรกที่เข้าไป คุณฟ้าลั่นตกใจ เพราะจากคนที่เคยหล่อ เท่ หุ่นดี กลับนั่งอยู่บนวีลแชร์ ตัวผอมแห้งติดกระดูก และใช้วิธีการประคองตัวเองโดยการเอาแขนสองข้างเท้าวีลแชร์ แล้วก็ดีใจที่เห็นเพื่อนมาหา ซึ่งโต๊ะมีอาหารและเครื่องดื่มรออยู่ คุณฟ้าลั่นเห็นแบบนั้นจึงเข้าไปนั่งคุย และสิ่งแรกที่คุณฟ้าลั่นทำคือชงเครื่องดื่มก่อน เมื่อเห็นเพื่อนมีสภาพแบบนั้นก็นั่งคุยกันถามถึงความเป็นมา คุณฟ้าลั่นก็ถามว่า “เฮ้ย บีเป็นอะไร” คุณพ่อของคุณบีก็บอกว่า “ไปรักษามาหลายโรงพยาบาลละ รักษาไม่ได้ รักษาไม่หาย พอไปหลายโรงพยาบาลหมอบอกว่าหาอาการไม่เจอ อยู่ ๆ ร่างกายมันก็เป็นอย่างนี้ หมดแรง ผอมแห้ง ตัวดำ ไม่มีแรง แล้วก็หนังติดกระดูก พอรักษาทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ก็ไปรักษาทางหมอผี ปรากฏว่าเช็คไปเช็คมา คุณบีโดนกินไปครึ่งตัว” เมื่อครอบครัวคุณบีพูดแบบนั้น คุณฟ้าลั่นก็งงว่าตกลงมันคืออะไร คุณบีก็ถามว่า “เฮ้ย กูได้ฟังเรื่องที่ไปเล่าในเดอะโกสต์นะเรื่องผีพรายตายโหงอะ ที่ไปโดนของกันมาหลังจากไปงานศพ ตั้งแต่จังหวัดนี้จนไปถึงจังหวัดนี้ ถามหน่อยดิ ทำไมไม่เล่าให้กูเป็นตัวนำวะ” คุณฟ้าลั่นก็บอก “เฮ้ย มันไปเกี่ยวอะไร เราก็แค่ไปงานศพกับเพื่อนที่เสียไป แล้วมึงจะเป็นตัวนำได้ยังไง” เขาก็นั่งคุยกันไป คุณบีก็บอกว่า “เล่าดีนะ แต่มีเรื่องอื่นป่ะ อยากฟังเรื่องอื่นก่อน พอฟังเรื่องอื่นเสร็จปุ๊บอะ เดี๋ยวกูมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง” ด้วยความที่งงคุณฟ้าลั่นจึงบอกว่า “มีเรื่องหนึ่งที่เตรียมจะมาเล่า แต่ยังไม่ได้เรียบเรียง” จากนั้นคุณฟ้าลั่นก็นั่งเล่าให้คุณบีฟัง เมื่อฟังจบคุณบีบอกว่า “เออ เรื่องมันก็น่ากลัวดีหนิ เล่าอย่างงี้เลยไม่ต้องไปเรียบเรียงอะไรใหม่” คุณฟ้าลั่นก็ถามว่า “แล้วเรื่องมึงอะ?” คุณบีก็บอกว่า “สิ่งที่กูจะพูดกับมึงต่อไปนี้ มึงอย่าโกรธกูนะ กูอยากจะขอโทษ กูอยากจะเล่าเรื่องของกูให้มึงฟัง” คุณบีก็ได้เล่าย้อนกลับไปว่า “บ้านกูทั้งบ้านเป็นบ้านคนเล่นของ ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวดส่งต่อกันมาเรื่อย ๆ มีพ่อกูคนเดียวที่ไม่เอา มันก็เลยตกมาถึงกู กูเอาหมดเพราะชอบ เลยไปเรียนกับตา ไปเรียนกับปู่ เลยได้วิชาทุกอย่างจากตาจากปู่ส่งมาที่ตัวกูทั้งหมด หลังจากนั้นก็หยิ่งผยองในตัวเอง กูอยากได้อะไรกูต้องได้ ไม่ได้ด้วยเล่ห์กูต้องเอาด้วยมนต์ จนกระทั่งกูมาเจอแก๊งพวกมึงในยุควัยเรียน รู้สึกว่าแก๊งพวกมึงสนุกดี เป็นกลุ่มเดียวที่จะพากูออกไปจากที่ตรงนั้นได้ คิดว่าไม่อยากไปยุ่งกับมันละ มึงจำได้ไหมตอนที่เราไปนั่งดื่มกันอะ ทุกคนจีบสาวได้หมดเลยยกเว้นกู ไปนั่งอยู่ร้านหนึ่งพอทุกคนได้สาวก็ทิ้งกูไปหมด จนกูรู้สึกว่ากูมานั่งทำอะไรตรงนี้วะ วันนั้นกูเลยคิดว่ากลุ่มนี้มันไม่ใช่ที่ของกูละ กูจะกลับไปอยู่ในที่ของกูดีกว่า” คุณบีก็กลับไปสู่วังวนเดิมในการเล่นของ แล้วคุณบีก็ถามว่า “มึงจำไอ้พีได้ไหม ไอ้พีบ้า” (พีคือเพื่อนที่อยู่กลุ่มเดียวกัน ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) คุณฟ้าลั่นจึงตอบว่า “เออจำได้มันเป็นบ้า” คุณบีจึงบอกว่า “ใช่มันเป็นบ้า กูทำของใส่มัน” คุณฟ้าลั่นก็ตอบว่า “เฮ้ย ขนาดนี้เลยหรอ?” คุณบีตอบ “เออมึงไม่ต้องกลัวกูนะ ฟังกูต่อ มึงจำไอ้เคได้ป่ะ ที่อยู่ในเรื่องผีพรายตายโหงที่ไปงานศพมา ก่อนหน้านั้นตอนเรียนมึงจำได้ไหมที่อยู่ ๆ เคมันขึ้นไปบนดาดฟ้าแล้วจะกระโดดตึกลงมา แล้วทุกคนไปช่วยกันห้ามไว้ แล้วก็มีคนบอกว่าเคเหมือนมันจะติดยา แต่ไปตรวจก็ไม่เจอ กูทำของใส่มันเอง เรื่องเดียวคือเรื่องผู้หญิง แล้วมึงจำได้ไหม วันที่มึงไปงานศพแล้วมึงรู้สึกเหมือนมึงโดนของ ใช่กูทำของใส่มึงเอง เพราะตอนนั้นกูมีแฟน แล้วแฟนกูเวลาอยู่กับกูเขาชอบพูดถึงมึง กูก็เลยคิดไปเองว่ามึงเป็นกิ๊กกับแฟนกู กูก็เลยถือโอกาสวันที่ไปดื่มกันกูเอาน้ำมันหยดใส่แก้วมึง และให้มึงกินเข้าไป แล้วมึงก็เห็นเด็กกูก็คือผีพรายตายโหง หลังจากนั้น 1 เดือนแฟนก็เลิกกับกูไป แล้วมันไปอยู่กับคนอื่น กูก็เลยรู้ว่ามึงไม่ใช่กิ๊กของแฟนกู หลังจากรู้ว่ามึงไม่ใช่อย่างที่คิดก็หยุดทำ กูเอามึงไม่ลงเพราะมึงมีอาจารย์ดี” และคุณบีก็เล่าต่อว่าหลังจากที่แฟนทิ้งไป ตัวเขาหมดทุกสิ่งทุกอย่าง อะไรที่เคยเลี้ยงก็ไม่เลี้ยง อะไรที่เคยให้กินสิ่งที่เขาเลี้ยงเอาไว้ก็ไม่ให้ สิ่งเหล่านั้นก็เลยย้อนกลับมาหาตัวเขา จนเขาค่อย ๆ ป่วย ค่อย ๆ ผอม และก็เป็นอย่างที่เห็น นั่นคือบทสนทนาที่อยู่ตรงโต๊ะอาหาร หลังจากที่คุณฟ้าลั่นฟังจบก็บอกว่า “งั้นเดี๋ยวกูขอไปนอนในเมืองดีกว่าว่ะ กูไม่สะดวกนอนที่นี่” คุณบีบอกว่า “ไม่ต้องกลัวกูหรอก มึงดูสภาพกูดิเพื่อน กูไม่ทำอะไรมึงหรอก คืนนี้มึงนอนกับกูนะ เพราะว่ากูยังมีอะไรบางอย่างให้มึงดูที่อยู่ในห้องนอนกู” เมื่อพูดเสร็จคุณบีก็บอกอีกว่า “แม่พาฟ้าลั่นไปเตรียมตัวอาบน้ำ ส่วนพ่อพาผมเข้าห้องครับ” เหมือนเป็นการบังคับไปในตัว ณ ตอนนั้นคุณฟ้าลั่นก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ด้วยความไว้ใจจึงอยู่ต่อ คุณฟ้าลั่นก็พยายามดื่มให้เมาแต่ทำอย่างไรก็ไม่เมา ก่อนที่จะเข้าไปอาบน้ำ ตอนนั้นคุณบีเข้าไปในห้องกับคุณพ่อ อยู่ ๆ คุณแม่ของคุณบีเดินมาข้างหลังพูดกรอกหูว่า “คืนนี้นอนเป็นเพื่อนมันนะ บีมันไม่ค่อยมีใครมาหาหรอก” หลังจากนั้นคุณฟ้าลั่นก็เข้าไปอาบน้ำและไม่กล้าสระผม ไม่กล้าล้างหน้า หรือแม้แต่จะหลับตาก็ไม่กล้าเพราะกลัว เมื่ออาบน้ำเสร็จก็ได้มาเจอกับคุณแม่และบอกกับคุณฟ้าลั่นว่าห้องของคุณบีอยู่ทางนั้น คุณฟ้าลั่นรู้สึกหวั่น ๆ เพราะดื่มไปเท่าไหร่ก็ไม่เมาจึงพยายามทำใจดีสู้เสือ เดินไปหน้าประตูและเปิดเข้าไป คุณฟ้าลั่นใจตกไปอยู่ตาตุ่ม! เพราะในห้องของคุณบีนั้นมีแต่รูปคนตายแขวนอยู่เต็มไปหมด ชาตะมรณะประมาณ 10 กว่ารูป คุณบีก็บอกว่า “เนี่ยคือรูปของคนที่กูไม่มีโอกาสได้ขอโทษเขา” และสิ่งที่คุณฟ้าลั่นเห็นจนตกใจมากกว่านั่นก็คือ ตรงที่คุณฟ้าลั่นต้องนอนมีรูปของตนตั้งอยู่ แต่ไม่ใช่รูปชาตะมรณะ คุณฟ้าลั่นจึงถามว่า “มึงจะเอากูให้ถึงตายเลยหรอเนี่ย” คุณบีบอกว่า “ใช่ กูเคยจะเอามึงถึงตาย แต่อาจารย์มึงดี กูเลยไม่ได้ทำ” เมื่อเห็นแบบนั้นคุณฟ้าลั่นก็ใจฟ่อจะกลับตัวก็ไม่ได้จึงตัดสินใจนอนที่นั่น คุณบีก็เล่าให้ฟังเพิ่มอีกว่า “คนที่เอามาแขวนคือคนที่เคยทำของใส่ แล้วแต่ละคนก็มีอันเป็นไป เนี่ย กูกำลังรับกรรมในสิ่งที่กูทำเอาไว้” นั่งคุยไปได้สักพักก็พากันนอน โดยที่คุณฟ้าลั่นนอนหันหลังให้กับคุณบี และไม่กล้าจะหันไปมอง ด้วยความระแวงจึงหันไปเหลือบดู ก็เห็นคุณบีนอนตะแคงข้างแล้วมองมาพร้อมกับยิ้มให้คุณฟ้าลั่น คุณฟ้าลั่นตกใจ หันตัวพลิกกลับมาแล้วก็นอนไปได้สักพักก็คิดว่าคุณบีคงไม่มองตนแล้ว จึงหันไปดูใหม่อีกครั้ง ปรากฏว่าคุณบีก็ยังนอนอยู่ท่าเดิม และคุณฟ้าลั่นก็เผลอหลับไป คืนนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งเช้า คุณฟ้าลั่นก็เจอคุณแม่ออกมาจากห้อง คุณแม่ก็ถามว่า “กินข้าวเช้าก่อนนะลูก นอนที่นี่อีกสักคืนไหม?” คุณฟ้าลั่นจึงตอบว่า “ที่ทำงานโทรมาเรียกตัว ผมคงต้องกลับ” หลังจากนั้นก็กินข้าวเช้าเสร็จเตรียมตัวกลับ โดยที่มีคุณพ่อเข็นวีลแชร์คุณบี และคุณแม่ออกมาส่งลาคุณฟ้าลั่น คุณบีก็พูดขึ้นว่า “ขอบใจมากเพื่อนที่รับคำขอโทษ ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้ถึงขนาดไหน แต่ขอบคุณมากที่มึงมา” จากนั้นคุณฟ้าลั่นก็ขับรถกลับ จนเวลาผ่านไปวันที่ 25 ธันวาคม ทางบ้านของคุณบีก็ส่งข่าวมาบอกว่า คุณบีเสียชีวิตแล้ว และสุดท้ายคุณบีก็อยู่ไม่พ้นปีนั้นจริง ๆ(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

พายุฝนโหมกระหน่ำ จะขับรถต่อไปก็กลัวอันตราย จึงเลี้ยวเข้าไปพักในโรงแรมหนึ่ง ได้เจอกับผู้ชายใส่เสื้อลายสก็อตท่าทางแปลกพิลึก! แล้วหลังจากนั้นก็เจอเรื่องหลอนจนนอนไม่ได้! รุ่งสางรีบขับรถออกมาก็พบว่า โรงแรมที่เข้าพักไปมันเป็นโรงแรมร้าง!

02 มิ.ย. 2023

พายุฝนโหมกระหน่ำ จะขับรถต่อไปก็กลัวอันตราย จึงเลี้ยวเข้าไปพักในโรงแรมหนึ่ง ได้เจอกับผู้ชายใส่เสื้อลายสก็อตท่าทางแปลกพิลึก! แล้วหลังจากนั้นก็เจอเรื่องหลอนจนนอนไม่ได้! รุ่งสางรีบขับรถออกมาก็พบว่า โรงแรมที่เข้าพักไปมันเป็นโรงแรมร้าง!

กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้อง ‘พี่แจ็ค The Ghost Radio’ ในรายการ ‘อังคารคลุมโปงX’ ที่ผ่านมา (30 พฤษภาคม 2566) กับเรื่องหลอน 100/100 ทำเอา ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เสียวสันหลังตลอดการเล่า! เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ปิดไฟแล้วอ่านไปพร้อมกันเลย! พี่แจ็คเล่าว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวของ ‘คุณแอมแปร์’ เมื่อ 4 ปีก่อน ครอบครัวคุณแอมแปร์ประกอบไปด้วย ตัวคุณแอมแปร์เอง แฟน คุณแม่ และน้องสาว ทั้งหมด 4 คน ซึ่งต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ตอนแรกทุกคนก็ตั้งใจว่าจะออกเดินทางซัก ตี 3 – 4 จะได้ไปถึงจุดหมายเวลาเที่ยงพอดี แต่คืนนั้นทุกคนกลับนอนไม่หลับ จึงตกลงกันว่าไหน ๆ ก็นอนไม่หลับแล้ว เราออกเดินทางกันเลยแล้วกัน ตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงคืน และฝนก็ตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย.. หลังจากขับรถไปได้ 2 ชั่วโมง ก็เป็นเวลาตี 2 แล้ว พายุฝนยิ่งโหมซัดกระหน่ำเข้าไปใหญ่ คุณแอมแปร์เล่าว่าตอนนั้นขับรถไม่ไหวจริง ๆ จึงคุยกับทุกคนว่าต้องหาที่จอดพัก ระหว่างหาที่จอดพักอยู่นั้น คุณแอมแปร์ก็นึกขึ้นมาในใจเล่น ๆ ว่า “ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ขอให้ลูกได้เจอโรงแรมในการพักหลบฝนหน่อยเถอะ” หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปสักพักใหญ่ แฟนคุณแอมแปร์ก็พูดขึ้นมาว่า “นี่ไง ๆ ข้างหน้านี่ไง!” ข้างหน้าเป็นป้ายไฟที่เขียนว่า ‘โรงแรม’ ทุกคนจึงเห็นพ้องต้องกันว่าจะเข้าไปพักที่นี่ ดีกว่าฝืนขับไป เพราะพายุฝนไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลย พอเลี้ยวซ้ายเข้าไป คุณแอมแปร์บอกว่ามันเข้าไปลึกมากเกือบ 400 เมตร จนในที่สุดก็เจอ สถานที่ตรงนั้นเป็นเหมือนกับสำนักงาน เข้าในมีไฟเปิดทิ้งไว้อยู่ คุณแอมแปร์จึงเปิดไฟรถให้สัญญาณและบีบแตรให้คนข้างในได้ยิน แต่ก็ไม่มีพนักงานคนไหนสนใจออกมาดูเลย เวลาผ่านไปสักพัก ทุกคนในรถก็ต้องตกใจ! เพราะเสียงเคาะดัง “ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก!” อยู่ที่กระจกด้านขวาของรถ! เจ้าของเสียงคือร่างของผู้ชายใส่เสื้อลายสก็อตยืนกางร่มแล้วเอาหน้าแนบกระจกอยู่! อีกมือหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นก็ทำสัญญาณบอกให้หมุนกระจกรถลง คุณแม่คิดว่าคงจะเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงแรม จึงบอกให้คุณแอมแปร์ลดกระจกลง แล้วถามไปว่า “พอดีมาหาห้องพักอ่ะค่ะ” ผู้ชายคนนั้นชี้มือไปทางด้านขวาแล้วพูดว่า “เข้าไปในซอยนั้น แล้วตรงเข้าไปอีก 300 เมตร อยู่ซ้ายมือ ขับรถเข้าไปจอดได้เลย” คุณแอมแปร์ก็คิดในใจว่ามันเข้าไปอีกลึกมาก แต่ก็ไม่มีทางเลือกอะไร นอกจากขับต่อไป หลังจากขับเข้าไปได้ประมาณ 300 เมตร ก็เห็นแสงไฟจากตึกแถวเรียงกัน คล้าย ๆ กับโรงแรมม่านรูด ที่สามารถเอารถเข้าไปจอดหน้าห้องแล้วเข้าพักได้เลย คุณแอมแปร์เลือกห้องที่ 3 ขณะที่กำลังจอดรถอยู่นั้น ผู้ชายเสื้อลายสก็อตที่เจอเมื่อกี้ ก็ปรากฏตัวขึ้น! คุณแอมแปร์มั่นใจว่าเขาไม่ได้ขับรถจักรยานยนต์ตามหลังมาแน่นอน ผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ที่ประตูห้องหนึ่ง แต่ไม่ยอมเดินเข้ามาหา ทางครอบครัวคุณแอมแปร์ที่กำลังขนของเข้าห้องพักก็ตะโกนถามไปว่า “พี่! ค่าห้องเท่าไหร่ หนูต้องจ่ายเลยมั้ย” ผู้ชายคนนั้นก็พูดว่า “จ่ายเลย” คุณแอมแปร์รู้สึกแปลก ๆ แต่ก็หยิบเงิน 500 บาทเอาไปให้ ระหว่างที่เดินเอาไปให้ก็รู้สึกกลัว ๆ สั่น ๆ เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย จึงอยากจะคลายความกลัวด้วยการชวนผู้ชายเสื้อลายสก็อตคุย “ฝนตกหนักเลยเนอะพี่ ดีนะมาเจอโรงแรมนี้ ไม่งั้นพวกหนูแย่แน่เลย” แล้วผู้ชายเสื้อลายสก็อตก็หัวเราะในลำคอ “หึ! ก็มีแต่พวกไปไม่รอดเท่านั้นแหล่ะ ที่เข้ามาพักตรงนี้” คุณแอมแปร์ก็ถามกลับไปว่า “เอ่อ.. แล้วค่าห้องเท่าไหร่คะ?” เขาก็ตอบมาว่า “500” เป็นจำนวนเงินพอดิบพอดีที่คุณแอมแปร์หยิบมา เมื่อจ่ายค่าห้องเสร็จ คุณแอมแปร์ก็รีบเดินกลับไปที่หน้าห้อง และเล่าให้ทุกคนฟัง คุณแม่ก็บอกว่า “ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เรามากันตั้ง 4 คน คงไม่เป็นไร” หลังจากนั้นก็เตรียมจะเปิดประตูห้องเข้าไป แต่คุณแม่ก็หยุดเดินไปเสียดื้อ ๆ ! “แม่ แม่ แม่! แม่เป็นไร?” คุณแอมแปร์ถาม แต่คุณแม่ก็บอกว่าไม่มีอะไร แล้วพาทุกคนเข้าห้องไป.. ขณะที่กำลังจัดเตรียมข้าวของ เสียงของแฟนคุณแอมแปร์ก็ดังขึ้นว่า “อาย! ก่อนจะขึ้นไปนอนอ่ะ ไปล้างเท้าก่อนเลย!” เป็นการบอกให้ ‘อาย’ น้องสาวไปล้างเท้าก่อนนอนนั่นเอง แต่คุณแอมแปร์กับแม่ก็ต้องหันมามองหน้ากัน และคิดในใจว่า ก็น้องอายกำลังล้างเท้าอยู่ในห้องน้ำ แล้วแฟนพูดกับใคร? แต่ทุกคนก็ไม่พูดอะไร รวมถึงแฟนคุณแอมแปร์ที่หลังจากพูดแบบนั้นออกมา เขาก็หยุดกึ้ก! ไม่พูดอะไรอีก เนื่องจากอากาศเย็นเพราะฝน ทุกคนจึงไม่อาบน้ำ แค่ล้างมือล้างเท้าแล้วเข้านอน จนกระทั่งตี 3 ลำดับการนอนคือ น้องอายนอนติดกำแพง ถัดมาเป็นคุณแม่ คุณแอมแปร์ และแฟนคุณแอมแปร์ นอนเรียงกัน 4 คน ระหว่างที่นอนอยู่ คุณแอมแปร์ก็ได้ยินเสียงหายใจฮึดฮัด เหมือนคนกำลังดิ้นอยู่ ปรากฏว่าเป็นคุณแม่ จึงพยายามปลุกคุณแม่ พอตื่น คุณแม่ก็บอกว่า “แอม! เอาสร้อยครุฑมาให้แม่หน่อยสิ” แล้วก็เอาสร้อยครุฑมาใส่ แม้คุณแอมแปร์จะพยายามถามว่าเป็นอะไร แต่แม่ก็บอกว่า “ไม่มีอะไร” สิ้นเสียงแม่ เสียงชักโครกในห้องน้ำก็ดังขึ้น! ทุกคนก็ตื่นขึ้นมา แฟนคุณแอมแปร์จึงพยายามปลอบใจทุกคนว่าคงเป็นเสียงห้องข้าง ๆ แต่คุณแอมแปร์ก็รีบบอกไปว่า “ฝักบัวในห้องน้ำมันเปิด! เหมือนกับมีคนกำลังอาบน้ำอยู่เลย!” แล้วทุกคนก็เกาะกลุ่มกัน เพื่อที่จะเดินเข้าไปดูในห้องน้ำ พอแฟนเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป ก็รู้สึกได้ถึงไออุ่น เหมือนมีคนพึ่งจะอาบน้ำเสร็จ มีไอน้ำอยู่ที่กำแพงจริง พอดูที่เครื่องทำน้ำอุ่น ก็เห็นว่ามันเปิดอยู่! พอเจอแบบนี้ คุณแอมแปร์ก็ชวนทุกคนออกจากห้อง แต่คุณแม่ก็บอกว่า “มันออกไปไหนไม่ได้ ฝนมันตกหนัก ออกไปก็อันตราย” จึงคิดกันว่าจะสวดมนต์และพยายามหลับ เพราะต้องเดินทางต่อ หลังจากสวดมนต์เสร็จ ทุกคนก็ดูจะสงบมากขึ้น จึงเตรียมจะนอนอีกรอบ คุณแอมแปร์ในตอนนั้นกลัวคนมากกว่าผี จึงใช้เวลาอยู่นานกว่าจะหลับ และฝันว่า มีเสียงเคาะประตู พอเปิดประตูก็เห็นผู้ชายเสื้อลายสก็อตไว้ผมรากไทร แล้วเขาก็บอกว่า “กูไม่ใช่คนดี กูจะมาปล้น” คุณแอมแปร์ก็ตอบไปว่า “อย่ามาปล้นพวกหนูเลย พวกหนูไม่มีของมีค่าอะไร มีแค่ร่มคันหนึ่งกับเงิน 500 ที่ให้พี่ไป” ผู้ชายคนนั้นก็ตอบว่า “ถ้าไม่มีกูฆ่า!” แล้วเขาก็เดินออกไปเปิดรถคุณแอมแปร์เพื่อคุ้ยข้าวของ แล้วก็หอบเอาข้าวของพยายามจะเดินหนี! คุณแอมแปร์ก็เรียกแฟนให้ช่วยกันวิ่งตาม ผู้ชายคนนั้นก็วิ่งหนีพลางหันมามองไปด้วย พอวิ่งไปถึงถนนใหญ่ ก็มีรถบรรทุกวิ่งมาชนจนร่างของผู้ชายคนนั้นแหลกไม่มีชิ้นดี! ร่างขาดออกเป็นส่วน ๆ จนส่วนหัวของผู้ชายคนนั้นกลิ้งมาหยุดอยู่ตรงหว่างขา แถมยังจ้องตาแข็งอีก! คุณแอมแปร์เห็นดังนั้นก็ร้องกรี๊ด พอกรี๊ดเสร็จ เหตุการณ์ทุกอย่างก็วนลูปกลับไปที่เดิม คือมีเสียงเคาะประตู เปิดไปเป็นผู้ชายคนนั้น เขาบอกจะปล้น แล้วก็หอบของวิ่งหนี จากนั้นก็ถูกรถบรรทุกชน วนไปวนมา จนคุณแอมแปร์ทนไม่ไหว ตะโกนออกมาว่า “ไม่เอาแล้ว ไม่อยากเห็นแบบนี้แล้ว!” สิ้นเสียงนั้นก็สะดุ้งตื่นขึ้น เพราะคุณแม่มาปลุกและผูกข้อมืออยู่ พอตื่นขึ้นก็หันไปมองหน้าน้องสาว แล้วน้องก็พูดขึ้นว่า “ผู้ชายที่ใส่เสื้อลายสก็อตเขาเป็นโจร เขาจะมาปล้น เขาจะมาฆ่าเรา!” กลายเป็นว่าทั้งสองคนฝันเรื่องเดียวกัน! ทุกคนคิดว่านี่เป็นเรื่องผิดปกติ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ออกไปไหนก็ไม่ได้ จึงคิดว่าจะไม่นอน และนั่งรวมตัวกันอยู่อย่างนั้นจนถึงตี 5 ฝนก็เริ่มซา ทุกคนเก็บของแล้วเตรียมจะถอยรถออกไป ก็เห็นว่าตึกที่เหมือนจะมีคนอยู่ มันกลายเป็นตึกร้าง! ไม่มีไฟ ไม่มีลูกค้า ไม่มีใคร เป็นเหมือนพื้นที่รกร้าง! คุณแอมแปร์พยายามจะสังเกตว่าที่นี่มันคืออะไรกันแน่ แต่คุณแม่ก็เร่งเร้าบอกให้รีบขับรถออกไป พอขับออกไปก็เห็นว่าสำนักงานเมื่อคืนนี้ มันกลายเป็นศาลารอรถเก่า ๆ โทรม ๆ ขับออกมาอีกก็เห็นป้ายที่เมื่อคืนเห็นเป็นป้ายไฟ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นป้ายไม้เก่า ๆ เขียนด้วยถ่านสีดำว่า ‘โรงแรมXXX’ หลังจากนั้นก็ขับออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร ก็เห็นร้านอาหารที่เปิด 24 ชั่วโมง ทุกคนจึงเข้าไปนั่งคุยกันในร้าน.. คุณแอมแปร์ถามว่า “ทำไมตอนจะเข้าห้อง แม่ถึงหยุดเดิน” แม่ก็ตอบว่า “เห็นผู้หญิงเดินแว๊บเข้าไปห้องน้ำ” แต่ตอนนั้นแม่คิดว่าไม่พูดออกไปจะดีกว่า แล้วคุณแอมแปร์ก็ถามแฟนต่อว่า “ทำไมตอนที่พี่บอกให้อายไปล้างเท้า แล้วพี่หยุดอ่ะ พี่หยุดทำไม” แฟนก็บอกว่า “เห็นผู้หญิงนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง ก็เลยคิดว่าเป็นน้อง ก็เลยบอกให้น้องไปล้างเท้า แต่พอดูอีกทีก็เห็นว่าน้องอยู่ในห้องน้ำแล้ว หันกลับมาที่เตียงอีกที ก็ไม่มีผู้หญิงคนนั้นแล้ว ก็เลยเงียบไป” ระหว่างที่คุยกัน พนักงานในร้านที่ยืนรอหาจังหวะเข้ามารับออเดอร์ก็เดินเข้ามาถามว่าจะสั่งอะไร คุณแอมแปร์ก็ถามไปเลยว่า “พี่รู้จักโรงแรมที่อยู่ตรงนี้มั้ย?” พนักงานก็ตอบว่ารู้จัก และบอกว่า “เข้าไปพักได้ยังไง โรงแรมนั้นมันร้างมาตั้งนานแล้ว!” ด้วยความสงสัย คุณแอมแปร์จึงถามต่อไปว่า “แล้วนอกจากร้าง มันมีอะไรอีกมั้ย?” หลังจากนั้นก็เริ่มเล่าสิ่งที่เจอเมื่อคืนให้พนักงานฟัง แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า “อ๋อ.. มันมีเหตุการณ์เกิดขึ้น แต่ก่อนโรงแรมนี้มันคล้าย ๆ กับม่านรูด แล้วก็มีคนสวนคอยดูแล แล้วมันก็มีเหตุฆ่าข่มขืนผู้หญิงคนนึง แต่ไม่รู้นะว่าเป็นห้องไหน คนที่ทำก็เป็นคนสวน ไอ้คนที่ทำเนี่ย ผมรู้จักดี เขามากินข้าวบ่อย แล้วก็หลังจากที่ทำเสร็จปุ๊บ เขาก็โดนรถชนตาย! ผู้ชายคนนี้ชอบใส่เสื้อลายสก็อตสีแดง ไว้ผมทรงรากไทรด้วย!” ปรากฏว่าทุกอย่างมันตรงกับที่เจอพอดี! หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็เดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง และทำบุญไปให้ นอกจากนี้พี่แจ็คก็ยังเสริมอีกว่า ตอนที่คุณแอมแปร์เปิดประตูเข้าไปในห้อง ก็เห็นว่าในห้องมีแอร์เก่า ๆ ตู้เย็นไม่ได้เสียบปลัก ฝุ่นหนา แต่ก็มองว่าโรงแรมมันคงสกปรกแบบนี้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องเงิน 500 บาท คุณแอมแปร์บอกว่าจ่ายไปจริง ๆ และคุณแม่ก็บอกว่าคิดซะว่าทำบุญให้เขา ก่อนปิดรายการพี่แจ็คทิ้งท้ายไว้ว่า ถ้าจะขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ระบุไปด้วยว่า “ขอให้เจอที่ที่ไม่มีผี นอนรอดปลอดภัย”(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

ซื้อที่ใหม่ไว้สร้างบ้าน หลังจากมาอยู่ก็เจอแต่เรื่องแปลก ๆ ทั้งเจองูตัวใหญ่ เจอผู้หญิงปริศนา ประตูเปิดเอง ทำไรไม่ได้ เลยจำใจต้องอยู่!

08 ธ.ค. 2023

ซื้อที่ใหม่ไว้สร้างบ้าน หลังจากมาอยู่ก็เจอแต่เรื่องแปลก ๆ ทั้งเจองูตัวใหญ่ เจอผู้หญิงปริศนา ประตูเปิดเอง ทำไรไม่ได้ เลยจำใจต้องอยู่!

อ่านความแปลกจากเรื่อง ‘บ้านหลังใหม่’ โดย ‘คุณป๊อบ’ ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ในรายการอังคารคลุมโปง X (5 ธันวาคม 2566) เรื่องราวนี้จะหลอนแค่ไหน แล้วคุณป๊อบต้องเจอกับอะไรระหว่างที่อยู่ในบ้านหลังนี้ ไปอ่านพร้อมกันเลย! เรื่องราวความสยองนี้ เป็นประสบการณ์ตรงจากคุณป๊อบ ย้อนกลับไปเมื่อ ปี พ.ศ. 2557 ครอบครัวคุณป๊อบอยากได้ที่ไว้เพื่อปลูกบ้าน จึงไปดูที่คลอง 5 จังหวัดปทุมธานี แต่ในปีนั้นเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จึงตัดสินใจว่าจะหาซื้อแถวบ้านที่ต่างจังหวัดแทนช่วงแรก ครอบครัวคุณป๊อบได้แวะไปดูที่ดินแถวบ้านญาติ ในสมัยนั้นที่ดินตรงนี้ยังเป็นป่าต้นยูคาลิปตัส ปรากฏว่าชอบมาก จึงคิดว่าจะซื้อที่ตรงนี้แทน ตอนนั้นก็มีคนต้องการซื้อที่ดินแปลงนี้เหมือนกัน และเสนอราคาที่สูงกว่าครอบครัวคุณป๊อบ ตอนนั้นคิดว่าคงไม่น่าได้ แม่ของคุณป๊อบจึงไหว้ขอเจ้าที่เจ้าทางขอให้ได้ที่ตรงนี้ ไม่นานก็ได้รับการติดต่อมาจากเจ้าของ ทุกคนดีใจมาก จึงรีบตอบตกลงไปทันที หลังจากที่ได้ที่ดินนี้มาแล้ว พวกเขาคิดว่าจะถางป่ายูคาลิปตัสออก แต่ในระหว่างวันที่กำลังถางป่า ปรากฏว่าไปเจองูเห่าตัวใหญ่ประมาณ 2 เมตร จึงขอให้คนงานจับไปปล่อยที่อื่น เรื่องราวแปลก ๆ ก็เกิดขึ้นหลังจากนี้ตลอด ทุกครั้งที่ที่ดินตรงนี้นี้มีการเปลี่ยนแปลง ก็มักจะเจอกับงูเง่าทุกรอบ ซึ่งแต่ละรอบขนาดของงูก็แตกต่างกันออกไป คุณป๊อบต้องเจอเรื่องราวแปลก ๆ แบบนี้จนบ้านสร้างเสร็จเรียบร้อย วันหนึ่ง ‘คุณแม่อร’ (นามสมมุติ แม่ของคุณป๊อบ) มีธุระจะพูดคุยกับ ‘ป้าอ้าย’ (นามสมมุติ ป้าของคุณป๊อบ) จึงนัดหมายว่าจะมาที่บ้านหลังนี้ ในระหว่างที่แม่อรกำลังเดินอยู่ในบ้าน ก็สังเกตเห็นผู้หญิงใส่ผ้าไหมมัดหมี่ (ผ้าซิ่นในภาคอีสาน) กำลังเดินเข้าไปในห้องนอนของเธอ ตอนนั้นคิดว่าเป็นป้าอ้ายที่นัดกันไว้ จึงรีบเดินตามไป หลังจากที่แง้มประตูเข้าไปก็ไม่เจอใคร จากนั้นแม่อรจึงไปรอที่หน้าบ้าน ไม่นานป้าอ้ายก็มาถึง ตอนนั้นเธอไม่เห็นใครจึงเข้ามาในบ้าน ปรากฏว่าระหว่างที่เดินอยู่ก็สังเกตเห็นผู้หญิงใส่ผ้าไหมมัดหมี่เดินเข้าไปในห้องเหมือนกัน จึงรีบตามไป ในระหว่างที่กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตู ป้าอ้ายได้ยินเสียงเรียกของแม่อรจากนอกบ้าน ป้าอ้ายจึงชะโงกหน้าเข้าไปดูในห้อง ก็ไม่เจอใครเลย และรีบออกไปหาแม่อรทันที เรื่องราวแปลก ๆ ก็เกิดขึ้นตลอดเวลา ทั้งน้าสะใภ้ คุณตา รวมถึงตัวคุณป๊อบเอง ต่างพากันเจอเรื่องราวสุดขนหัวลุกแบบนี้เหมือนกัน วันหนึ่ง น้าสะใภ้อยู่ในครัว ก็สังเกตเห็นมือปริศนาเปิดประตูเอง หรือแม้กระทั่งคุณตากำลังนั่งสมาธิอยู่ก็ได้ยินเสียงเด็ก “หนูขออยู่ด้วย หนูกลัวผี” คุณตาตอบไปทันที “หนูก็เป็นผีอยู่แล้วหนิ หนูจะกลัวทำไม” ไม่นานเด็กคนนั้นก็ตอบกลับมาว่า “หนูกลัวผีตัวอื่นในบ้านหลังนี้ !” คุณตาจึงตัดสินใจเปิดประตูให้ผีตนนี้เข้ามาอยู่ด้วย รวมถึงตัวคุณป๊อบก็เคยเจอผู้หญิงใส่ชุดสีขาว ตอนแรกก็คิดว่าเป็นแม่ แต่พอสังเกตดูดี ๆ มันคือใครก็ไม่รู้! หรืออีกเหตุการณ์ก็คือประตูเปิดเอง ทั้ง ๆ ที่ล็อกไว้แล้ว ด้วยความที่คุณป๊อบเป็นคนปากไวจึงด่าไปว่า “ไม่มีมารยาทเลยอะ เปิดประตูแล้วไม่รู้จักปิด” จากนั้นประตูก็ค่อย ๆ ปิดเอง ! มีอยู่วันหนึ่ง หมู่บ้านมีการทำบุญใหญ่ และจะมีหมอธรรมมาทำพิธีรดน้ำมนต์ให้บ้านทุกหลังในหมู่บ้าน พอจังหวะที่หมอธรรมมาถึงบ้านของคุณป๊อบก็ว่าทักขึ้นว่า “เคยเจอเรื่องราวแปลก ๆ กันบ้างมั๊ย อย่างคนเดินอยู่ในบ้าน รู้ไหมว่าที่นี่เป็นทางผ่าน บ้านหลังนี้เป็นเมืองบังบด” ทุกคนเงียบกันหมด และต้องจำใจอยู่เพราะตอนนั้นก็ลงทุนกันไปเยอะมาก จึงไม่คิดจะย้ายไปไหน เพราะตั้งแต่อยู่มาก็ไม่ได้เกิดเรื่องร้ายอะไรกับครอบครัว ซ้ำยังได้โชคถูกหวยกันบ่อยครั้ง จึงไม่ได้กลัวอะไรมาก..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1