พิม ลัทธ์กมล เล่าเรื่อง ‘เคาะ 3 ครั้ง’ l อังคารคลุมโปง X เบคกี้ - พิม [8 เม.ย 2568]

อังคารคลุมโปง RECAP

พิม ลัทธ์กมล เล่าเรื่อง ‘เคาะ 3 ครั้ง’ l อังคารคลุมโปง X เบคกี้ - พิม [8 เม.ย 2568]

13 เม.ย. 2025

        เป็นนักแสดงที่ทุ่มเท อยากรู้ความเป็นอยู่ของตัวละคร จึงขอไปนอนในสถานที่ถ่ายทำจริง แต่ใครจะคิด ว่าคืนนั้นจะไม่ได้นอนจนถึงเช้า และทำให้เปลี่ยนความเชื่อเรื่อง ‘ผี’ ไปตลอดกาล

        ติดตามเรื่องเล่าของ ‘คุณพิม ลัทธ์กมล’ ที่ได้นำเรื่อง ‘เคาะ 3 ครั้ง’ มาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (8 เมษายน 2568) พร้อมด้วย ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ต้องขนลุกไปพร้อมๆ กัน!

        ‘คุณพิม’ ได้นำเรื่อง ‘เคาะ 3 ครั้ง’ มาเล่า โดยคุณพิมได้เล่าว่า

        คุณพิมได้ไปถ่ายหนังที่จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับชายแดนเขมร ด้วยความที่คุณพิมเป็นนักแสดง จึงอยากลองเรียนรู้สถานที่ที่ใช้ถ่ายทำจริง ๆ ว่าตัวละครใช้ชีวิตอย่างไร คุณพิมจึงชวนเพื่อนมานอนด้วยกันที่สถานที่จริง

        สถานที่แห่งนี้เป็นกระต๊อบที่สร้างจากไม้ รอบ ๆ กระต๊อบที่คุณพิมและเพื่อนนอน ไม่มีบ้านคน มีแค่คนมาเฝ้าซึ่งเป็นชาวบ้านในแถบนั้น ที่ไม่มีโทรศัพท์ และไม่รู้เรื่องเทคโนโลยีมากนัก

        ในคืนนั้นเวลาตี 3 คุณพิมได้ตื่นขึ้นมา เพราะอุณหภูมิในกระต๊อบเริ่มลดลง จากที่อากาศร้อนกลายเป็นเย็นจนเหมือนอยู่ในห้องแอร์ และเมื่อคุณพิมตื่นก็รู้สึกยุกยิกตามร่างกาย พอหันไปทางเพื่อนที่นอนอยู่ด้านข้าง ก็มีเห็นว่ามีอาการยุกยิกเหมือนกัน 

        ขณะเดียวกัน คุณพิมก็เริ่มได้ยินเสียงระนาค ที่บรรเลงช้า ๆ คุณพิมจึงถามเพื่อนว่า

        “มีคนมาเปิดเพลงแกล้งเราไหม”

        เพื่อนคุณพิมจึงตอบกลับมาว่า “ไม่นะ ที่นี่มีแค่เรานอนกัน 2 คน คนที่มาเฝ้าก็เป็นชาวบ้านที่ไม่มีโทรศัพท์” 

        คุณพิมจึงเริ่มสงสัยว่ามันคือเสียงอะไร แต่ก็กลัวจนไม่กล้าขยับตัว และเสียงระนาดยังคงดังต่อไป และตอนนั้นเองคุณพิมและเพื่อนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเหมือนคนกำลังเดินขึ้นมา

        ตึก ตึก ตึก

        และเสียงนั้นก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องคุณพิม ในใจคุณพิมก็ยังคิดว่าอาจเป็นคนที่มาเฝ้าเดินขึ้นมา แต่สิ่งนั้นก็ยังหยุดอยู่ที่หน้าประตูเป็นเวลานาน และทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น

        ตึง! ตึง! ตึง!

        เสียงเคาะดังขึ้นที่หัวเตียง แต่คุณพิมก็ยังคิดว่ามีใครมาแกล้งหรือเปล่า คุณพิมและเพื่อนจึงลองตั้งสติด้วยการนอนหลับไปอีกหนึ่งครั้ง แต่อากาศก็ยังเย็นลงเรื่อย ๆ เพลงยังคงบรรเลงต่อไป จนเช้าถึงหายไป และในคืนนั้นคุณพิมกับเพื่อนจึงแทบไม่ได้นอน เพราะความกังวลจนไม่กล้าขยับตัวไปไหน

        ในช่วงเช้าคุณพิมจึงไปถามชาวบ้านเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ตัวเองได้เจอ ชาวบ้านแถวนั้นจึงบอกว่า

        “ที่แถวนั้นมันแรง ก่อนไปนอนได้ขอไหม”

        คุณพิมจึงตอบไปว่า “ไม่ได้ขอค่ะ  แค่ไปนอนเฉย ๆ”

        คุณพิมจึงได้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนคือ เขามาทักทาย คืนต่อมาคุณพิมได้เปลี่ยนที่นอน ไปนอนในบ้านที่ทางทีมงานเตรียมไว้ให้ และได้กราบไหว้ก่อนจะเข้านอน ทำให้ไม่เจออะไรอีกเลย เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้คุณพิมที่ไม่เคยเชื่อลี้ลับ กลายเป็นเชื่อ 100% ว่า ผีมีจริงแน่นอน

 (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

ไปร่วมงานเทศกาลกินเจที่ภูเก็ต จองโรงแรมที่ครอบครัวไปประจำ แต่ครั้งนี้ดันเจอหลอนไม่ได้นอนยันเช้า! เมื่อได้รู้ความลับของที่นั่นถึงกับอึ้ง!

20 ม.ค. 2024

ไปร่วมงานเทศกาลกินเจที่ภูเก็ต จองโรงแรมที่ครอบครัวไปประจำ แต่ครั้งนี้ดันเจอหลอนไม่ได้นอนยันเช้า! เมื่อได้รู้ความลับของที่นั่นถึงกับอึ้ง!

เมื่อต้องเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง แต่เกิดเหตุการณ์ให้ต้องย้ายห้อง จากนั้นก็ต้องเจอกับเรื่องราวที่ทำให้ต้องขนหัวลุกจนนอนไม่ได้! เรื่องนี้ ‘คุณกิ๊ฟ’ ได้นำเรื่องราวมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (16 มกราคม 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘โรงแรมหลอน นอนไม่ได้’ จะหลอนแค่ไหนนั้น ไปอ่านกันได้เลย! ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว คุณกิ๊ฟและครอบครัวได้ไปร่วมงานเทศกาลกินเจที่จังหวัดภูเก็ต ได้จองตั๋วเครื่องบินรอบเช้าสุดเพื่อรีบไปร่วมงาน ส่วนเรื่องที่พักนั้น คุณพ่อกับคุณแม่ของคุณกิ๊ฟเป็นคนจองโรงแรมให้ ซึ่งท่านจะมาพักที่โรงแรมนี้ทุกครั้ง เพราะใกล้กับศาลเจ้าที่นับถือมากที่สุด เมื่อไปถึง ก็เช่ารถขับไปยังโรงแรม เข้าเช็คอินเวลาประมาณ 8 โมงเช้า เมื่อเช็คอินเสร็จก็นำของขึ้นไปเก็บบนห้องและเช็คความเรียบร้อยต่าง ๆคุณกิ๊ฟเล่าว่า ห้องอยู่ชั้น 4 แต่จำเลขห้องไม่ได้ และอธิบายห้องเพิ่มเติมว่า หากหันหน้าเข้าห้อง ด้านหลังจะเป็นบันได ด้านขวามือจะเป็นลิฟต์ ซึ่งโรงแรมนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ส่วนบริเวณนี้จะเป็นตึกแถวเก่าที่นำมารีโนเวทเป็นโรงแรม อาคารนี้มีไม่เกิน 10 ชั้น ฝั่งที่คุณกิ๊ฟอยู่นั้นจะเป็นฝั่งห้องพัก ตรงข้ามจะเป็นฝั่งห้องอาหาร ห้องที่คุณกิ๊ฟและครอบครัวเข้าพักนั้นมี 2 ห้อง เป็นห้องของคุณพ่อกับคุณแม่ และอีกห้องจะเป็นของคุณกิ๊ฟกับน้องชายอีก 2 คน หลังจากเข้าห้องไป คุณกิ๊ฟก็เช็คไฟ เช็คแอร์ และเปิดแอร์ทิ้งไว้ จากนั้นก็ออกไปรับประทานอาหารและไปตะลุยไหว้เจ้า เมื่อกลับมาถึงโรงแรมประมาณบ่าย 2 คุณกิ๊ฟก็ขึ้นไปอาบน้ำเพื่อพักผ่อน เพราะเวลา 5 โมงเย็น จะต้องออกไปไหว้เจ้ากันต่อ คุณกิ๊ฟก็ขึ้นไปห้องของคุณพ่อและคุณแม่ ทุกอย่างก็เป็นปกติ แต่ห้องของคุณกิ๊ฟกับน้องชายนั้น อยู่ดี ๆ แอร์ก็ดับเปิดไม่ได้ ‘คุณโก้’ (นามสมมุติ) ที่เป็นน้องชายคนเล็ก จึงโทรไปที่ล็อบบี้แล้วบอกว่า “ช่วยมาดูหน่อย แอร์มันเสีย” หลังจากนั้น ช่างก็ขึ้นมาทันที ช่างใช้เวลาซ่อมอยู่นานมากประมาณ 1-2 ชั่วโมง แต่ก็ซ่อมไม่ได้ ช่างจึงโทรไปที่ล็อบบี้ ทางล็อบบี้จึงแจ้งว่าจะเปลี่ยนห้องให้ หลังจากนั้น ก็ส่งแม่บ้านขึ้นมาช่วยขนของ ‘คุณกร’ (นามสมมุติ) ที่เป็นน้องชายคนกลาง ก็บอกว่า “เดี๋ยวผมขอขึ้นไปดูห้องใหม่ด้วย” คุณกิ๊ฟบอกเสริมว่า คุณกรเป็นคนที่ค่อนข้างมีเซ้นส์ แล้วคุณกรก็พูดภาษาจีนว่า “เดี๋ยวเราส่งสัญญาณนะ เธอรอฟังสัญญาณ” จากนั้น คุณกรก็ตามแม่บ้านขึ้นไปซึ่งชั้นที่จะให้คุณกิ๊ฟย้ายไปคือชั้น 7 ห้อง 705 ขณะที่คุณกรขึ้นไป อยู่ดี ๆ เขาก็ตะโกนลงมาจากชั้น 7 เป็นภาษาจีนว่า “เฮ้ย ไม่เอานะห้องนี้ มันมีผี!” คุณกิ๊ฟก็สงสัยว่าทำไมคุณกรตะโกนมาแบบนั้น ก็เลยบอกให้คุณโก้โทรไปที่ล็อบบี้และบอกว่า “ขอไม่ย้ายห้อง ทำยังไงก็ได้ให้ห้องนี้มันอยู่ได้” ทางโรงแรมก็แจ้งว่า “มันไม่ได้จริง ๆ ค่ะ ช่างแจ้งว่าแอร์มันเปิดไม่ติด แล้วก็ไม่รู้ว่าแอร์เป็นอะไร” คุณโก้ก็ยังยืนยันว่าจะไม่ย้าย จนโรงแรมหงุดหงิดและถามกลับมาว่า “ทำไมถึงไม่ย้ายคะ อยากทราบสาเหตุ” คุณโก้จึงตอบกลับไปว่า “ผมว่าคุณน่าจะมีคำตอบในใจนะว่าเพราะอะไร” หลังจากนั้นโรงแรมก็เงียบไปและตอบว่า “โอเคค่ะ” เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง พนักงานโรงแรมก็โทรกลับมาว่า “มีอีกห้องนึงนะคะ อยู่ชั้น 5” ซึ่งก็อยู่ในมุมเดิมแถวหน้าลิฟต์ คุณกิ๊ฟตกลง คุณกรจึงขอไปดูห้องใหม่อีกครั้ง เมื่อเข้าไปทุกห้องก็เป็นเหมือนกัน คือเมื่อเปิดประตูเข้าไป หันหน้าเข้าห้อง ด้านขวามือจะเป็นห้องน้ำ ด้านซ้ายมือจะเป็นที่วางกระเป๋า ตู้เสื้อผ้า ถัดไปจะเป็นเตียง ถัดไปอีกก็จะเป็นมุมโซฟาเล็ก ๆ และด้านถัดมาจากโซฟาทางซ้ายก็จะเป็นประตูที่จะออกไประเบียง คุณกรก็ตกลง เพราะห้องนี้ดูใหม่จึงตัดสินใจเลือกห้องนี้ ทางโรงแรมจึงให้พนักงานขึ้นมาขนของ และย้ายไปอยู่ที่ชั้น 5 เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ต้องรีบทำเวลา เพราะอยู่ที่ภูเก็ตแค่ 3 วัน 2 คืน จึงรีบไปตะลุยไหว้เจ้าต่อ เสร็จก็กลับมาถึงโรงแรมประมาณ 5 ทุ่ม-เที่ยงคืนทุกวัน จึงเตรียมตัวเข้านอน ซึ่งคุณกิ๊ฟนอนตรงกลางขนาบด้วยน้องชายทั้ง 2 คน เวลาผ่านไปประมาณตี 3 คุณกรก็ปลุกคุณกิ๊ฟ แล้วบอกว่า “เจ้ ตื่นเร็ว!! อยู่ไม่ได้แล้ว นอนไม่ได้เลย” คุณกิ๊ฟก็บอกว่า “อะไรของแก ฉันพึ่งจะได้นอนเอง” คุณกรบอกต่อว่า “ถ้าไม่ตื่น จะไปแล้วนะ” ด้วยความที่คุณกิ๊ฟเคยเที่ยวกับคุณกรมา ก่อน เวลาคุณกรเจออะไรเขาก็จะพูดแบบนี้ คุณกิ๊ฟจึงรู้สึกว่าต้องมีอะไรแน่ ๆ จากนั้นก็รีบลุกขึ้น แล้วหันไปปลุกคุณโก้ หลังจากนั้นก็ออกจากห้อง และคุณกรก็บอกว่า “เจ้ ไปเจอกันที่ล็อบบี้เลยนะ เดี๋ยวจะไปปลุกป๊ากับม๊าก่อน” คุณกิ๊ฟก็ลงลิฟต์ไปกับคุณโก้ และลงไปนั่งที่ล็อบบี้ จากนั้นก็รอกันจนถึงตี 5 เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อห้องอาหารเปิดก็ไปรับประทานอาหาร ในระหว่างนั้น คุณกิ๊ฟก็ถามคุณกรว่า “แกเจออะไร? ” คุณกรตอบว่า “เดี๋ยวค่อยเล่า ๆ” หลังจากนั้นก็ขึ้นรถออกจากโรงแรม ซึ่งคุณกิ๊ฟรับหน้าที่เป็นคนขับรถ คุณกิ๊ฟจึงถามอีกครั้งว่า “เกิดอะไรขึ้น?” คุณกรเล่าว่า หลังจากที่ล้มตัวลงนอน เขาฝันว่ามีคนมาเคาะประตู ซึ่งในฝันเขาอยู่คนเดียว เขาจึงส่องไปที่ตาแมวเห็นเป็นพนักงานที่ล็อบบี้ คุณกรก็สังสัยว่ามาทำไม จึงเปิดประตูและถามว่า “มีอะไรครับ” พนักงานก็ตอบว่า “พี่คะ ผู้หญิงที่อยู่ห้อง 705 ที่พี่เจออะค่ะ ตอนประมาณเย็น ๆ เขามีเรื่องให้หนูมาบอกพี่” คุณกรก็พูดว่า “บอกอะไร? ผมไม่อยากรู้” คุณกรรู้สึกว่ามันไม่ปกติจึงบอกต่อไปว่า “ผมไม่ฟัง ผมไม่รับรู้ ผมมาทำบุญคุณไม่ต้องมาบอกผม” พนักงานก็บอกว่า “พี่คะ ขอร้องค่ะ ช่วยฟังหน่อย คือเขาอะบอกให้หนูมาบอกพี่จริง ๆ เขามีเรื่องทุกข์ใจมาก” แต่คุณกรก็ไม่ฟัง และพยายามดันประตูปิด จากนั้นฝั่งตรงข้ามก็คุกเข่าและพูดว่า “อ๋อ โอเคได้” เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นกลับกลายเป็นหน้าผู้หญิงที่อยู่ห้อง 705! คุณกรตกใจมาก แล้วเขาก็บอกว่า “กูบอกให้มึงฟัง มึงก็ไม่ฟัง มึงอยากลองดีหรอ?!” จากนั้นก็อาเจียนออกมาเป็นเลือดและนำเลือดมาทาตัว หลักจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน และเดินเข้ามาหาคุณกรเรื่อย ๆ คุณกรบอกว่า เมื่อเขาเดินเข้ามา รู้สึกว่าภาพบรรยากาศในห้องมันเปลี่ยนไป ห้องนั้นกลายเป็นห้องมืด ๆ มีม่านเก่า ๆ โซฟาเก่า ๆ จากนั้นเขาหันไปที่ระเบียง เตรียมตัวจะเปิดประตูออกไป แต่ตรงนั้นกลับเปลี่ยนเป็นลูกกรงเล็ก ๆ คุณกรก็ตกใจ หันมาอีกที ผู้หญิงคนนั้นก็บอกว่า “กูบอกมึงแล้วไง มึงอยากลองดี!” ด้วยความที่คุณกรกลัวมากจึงสวดมนต์ เมื่อสวดมนต์เสร็จ เขาก็บอกว่า “สวดมนต์หรอ กูไม่กลัวหรอก” คุณกรคิดว่าทำอย่างไรดีที่จะให้ตัวเองตื่น จึงสวดมนต์บทที่แรงขึ้น หลังจากนั้นก็หลุดออกมาได้! เมื่อหลุดออกมา จึงมาปลุกคุณกิ๊ฟกับคุณโก้ และในระหว่างที่คุณกรลงบันไดมานั้น คุณกรบอกว่า เมื่อมองเข้าไป ตรงบันได ถ้าหันหน้าเข้าห้อง ขวามือจะเป็นเหมือนทางเดินเข้าไปที่เป็นห้อง ๆ เป็นทางเดินระเบียง มีผู้หญิงมากวักมือเรียกกันเยอะมาก คุณกิ๊ฟจึงบอกว่า “ไม่เป็นไร เราไปไหว้เจ้า ทำใจสบาย ๆ ทำบุญให้เขาละกัน” คุณกรตัดสินใจจึงโทรหาเพื่อนที่เป็นคนภูเก็ตเพื่อจะถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น และได้นัดเจอกัน เมื่อเพื่อนรู้ชื่อโรงแรมที่คุณกรเข้าพักก็ถามขึ้นมาว่า “ทำไมถึงตัดสินใจนอนโรงแรมนี้หรอ?” คุณกรก็บอกว่า “ป๊ากับม๊ามาทีไรก็พักที่นี่ เพราะใกล้กับศาลเจ้าที่นับถือ” เพื่อนของคุณกรจึงบอกว่า “แกไม่รู้หรอว่าคนภูเก็ต ไม่มีใครเขามานอนที่นี่สักคน” คุณกรถามกลับว่า “ทำไมอะ มันเกิดอะไรขึ้น? ” เพื่อนของคุณกรก็ไม่อยากเล่า แต่ในที่สุดเขาก็ยอมและให้คุณแม่ของเขาเป็นคนเล่าแทน คุณแม่เล่าย้อนไปเมื่อ 20-30 ปีก่อน บริเวณที่โรงแรมนั้นตั้งอยู่เคยเป็น ‘ซ่องโสเภณีเก่า’ ได้เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ตึก ผู้หญิงที่อยู่ในนั้นถูกไฟคลอกเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เมื่อทราบที่มาที่ไป คุณกิ๊ฟยังต้องนอนต่ออีก 1 คืน แต่ก็คิดว่าคงไม่มีอะไร เพราะย้ายห้องแล้วคงตามมาไม่ได้ และรุ่งเช้าก็ได้กลับบ้านแล้ว คืนสุดท้ายจะเป็นคืนทำบุญใหญ่ รุ่งเช้าจะมีการส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ คุณกิ๊ฟก็เดินไปร่วมงานเทศกาลที่โรงเจ ในระหว่างนั้นก็ทำบุญ คุณกิ๊ฟก็บอกกับคุณกรว่า “ไม่เป็นไร เมื่อคืนเราเจอแล้ว วันนี้เราตั้งใจอุทิศบุญให้เขาเลย เธอเห็นหน้าเขาแล้วหนิ” คุณกิ๊ฟเล่าว่า ภาพที่คุณกรเห็นครั้งนั้นในห้อง 705 คือเห็นเป็นโซฟาเก่า ๆ มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งเหม่อมองไปข้างนอกหน้าต่าง แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ว่าคุณกรเห็น ลักษณะการแต่งตัวคือใส่เสื้อคอกระเช้า และนุ่งผ้าถุงลายดอกเก่า ๆ คุณกิ๊ฟจึงบอกให้คุณกรนึกถึงหน้าผู้หญิงคนนั้น คุณกรก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้และขอให้มารับบุญนี้ หลังจากนั้นคุณกรก็ได้ยินเสียงผู้หญิงพูดขึ้นมาว่า “กูไม่เอา!” คุณกรไม่รู้จะทำอย่างไร คุณกิ๊ฟจึงบอกว่า “ช่างเถอะ เราจิตเป็นกุศลแต่ถ้าเขาไม่รับก็เรื่องของเขา” แล้วคุณกิ๊ฟก็ได้ของขลังกลับมา จึงนำมาวางรอบ ๆ เตียงเพื่อไม่ให้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาได้ แต่ปรากฏว่าคืนนั้นกลับไม่ได้นอนอีกคืน เพราะผู้หญิงคนนั้นมาระราน เคาะตู้ เคาะเตียง และเหมือนมีเสียงคนเดินรอบ ๆ เตียงตลอดเวลา จนกระทั่งเช้าจึงรีบออกจากห้องไปที่ล็อบบี้ แล้วเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมแห่งนั้น(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจาก นนท์ อินทนนท์ ’คืนสยองวันรับน้อง‘ I อังคารคลุมโปง X นนท์ อินทนนท์ [ 9 ก.ค. 2567]

13 ก.ค. 2024

เรื่องเล่าจาก นนท์ อินทนนท์ ’คืนสยองวันรับน้อง‘ I อังคารคลุมโปง X นนท์ อินทนนท์ [ 9 ก.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ‘คุณนนท์ อินทนนท์‘ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (9 กรกฎาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’, ‘ดีเจเจ็ม’ และ ‘ดีเจมดดำ‘ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ’คืนสยองวันรับน้อง‘ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! คุณนนท์เล่าว่า ตนเป็นรุ่นพี่ที่ไปดูรุ่นน้องในค่ายรับน้อง 3 วัน 2 คืน จึงจองรีสอร์ทกับเพื่อน ซึ่งเป็นรีสอร์ทกลางนา ในห้องน้ำมีต้นไม้ใหญ่อยู่กลางห้อง ส่วนห้องนอนรวมกันประมาณ 7 คน เเละสุนัขของเพื่อนอีก 1 ตัว หลังจากเหนื่อยจากการรับน้องจึงแยกย้ายกันไปอาบน้ำเเล้วมาเข้านอน คืนนั้นมีเพื่อนคนหนึ่งตื่นมาเวลาประมาณตี 2 เเล้วก็สังเกตเห็นใครบางคนกำลังแสดงอะไรบางอย่างอยู่ในห้อง แล้วสุนัขก็เห่าเเล้วมองไปทางเดียวกันกับที่เพื่อน จนคุณนนท์ตื่นเเล้วมองไปที่สุนัข เเต่ก็ไม่เห็นอะไร เพื่อนถามคุณนนท์ว่า “มึง มึงไม่เห็นหรอ เขารำใหญ่เลย” ตนจึงตอบไปว่า “ใครรำ ใครจะรำตอนนี้ บ้าปะเนี่ย” เพื่อนจึงบอกให้คุณนนท์ตั้งสติ เเล้วคุณนนท์ก็เห็นเป็นร่างหนึ่งนั่งอยู่ตรงที่วางทีวี หัวของร่างนั้นติดอยู่ตรงพัดลมที่กำลังส่าย คุณนนท์เเละเพื่อนรู้สึกช็อคจึงสวดมนต์กับเพื่อน สักพักร่างนั้นก็หายไป..! วันต่อมา คุณนนท์ได้คุยกับเพื่อนว่าอยากให้ย้ายออกจากรีสอร์ท เเล้วจากนั้นตนก็เล่าเรื่องที่เจอเมื่อคืนให้เพื่อนฟัง เมื่อเล่าเสร็จก็มีเพื่อนคนหนึ่งพูดท้าทายว่า “จะรำได้ขนาดไหน เดี๋ยวมารอดูสิว่าการรำกับการนอนของกูอันไหนจะพังกว่ากัน” เเต่คุณนนท์รู้สึกไม่สบายใจจึงบอกให้เพื่อนขอโทษขอขมากับคำพูดที่ได้พูดลบหลู่ไป คืนนั้นเวลาตี 3 ขณะที่ทุกคนนอนอยู่ ก็มีกลิ่นน้ำอบลอยเข้ามาในห้อง ทำให้ทุกคนในห้องตื่น สักพักทุกคนก็ได้ยินเสียงดนตรีขึ้น ทุกคนจึงหลับตากอดกัน เเล้วก็มีลมแรงมาก ๆ พัดเข้ามาในห้อง! คุณนนท์รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ดี จึงทำสัญญาณบอกเพื่อนว่า ออกไปเถอะ เเล้วก็รีบเก็บของไปนอนที่อื่น วันต่อมา คุณนนท์ได้ไปพูดคุยกับเจ้าของรีสอร์ทว่า “หนูนอนไม่ได้เลย” เขาก็ตอบกลับว่า “ห้องนั้นเคยมีเด็กที่เป็นนางรำมานอน เเล้วเหมือนโรคประจำตัวเขากำเริบ เเล้วก็ชัก” คุณนนท์จึงคิดว่าสิ่งที่ตนเเละเพื่อน ๆ เจอนั้น คงเป็นวิญญาณของเด็กที่เป็นนางรำนั่นเอง…(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ปริศนาที่ต้องใช้เวลาในการหาคำตอบ! หลังจากจบทริปเที่ยว ‘อาร์ต พศุตม์’ ก็เจอวิญญาณตามติด! สืบสาวราวเรื่องจึงได้พบว่า “รอยยิ้มที่มอบให้กันในวันนั้น ทำให้จิตสุดท้ายของเขาผูกไว้กับเรา”

04 เม.ย. 2023

ปริศนาที่ต้องใช้เวลาในการหาคำตอบ! หลังจากจบทริปเที่ยว ‘อาร์ต พศุตม์’ ก็เจอวิญญาณตามติด! สืบสาวราวเรื่องจึงได้พบว่า “รอยยิ้มที่มอบให้กันในวันนั้น ทำให้จิตสุดท้ายของเขาผูกไว้กับเรา”

เรื่องหลอนสุดพีคเกี่ยวกับการเจอวิญญาณปริศนามาตามติดจาก ‘อาร์ต พศุตม์’ ที่ได้เล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ ที่ผ่านมา (21 มีนาคม 2566) ชวนให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเคเบิ้ล’ นั่งเกร็งขนลุกและลุ้นไปกับการไขปริศนาในครั้งนี้ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น เชิญอ่านไปพร้อมกันได้เลย! คุณอาร์ตเล่าว่าเรื่องราวที่เป็นปริศนานี้ ต้องใช้เวลาและการสืบสวน จนเรื่องค่อย ๆ ถูกเฉลยไปทีละอย่าง และปะติดปะต่อกันจนเข้าล็อค เรื่องมันเริ่มจากคุณอาร์ตไปถ่ายรายการ ‘One ArtArt’ ซึ่งเป็นคอนเทนต์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวบนช่อง YouTube ของตัวเอง ในครั้งนี้คุณอาร์ตไปถ่ายทำถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานี และสถานที่ที่จะไปนั้น คือ ‘สะพานศรีสุราษฎร์’ และ ‘แพ 500 ไร่’ เมื่อมาถึงสะพานศรีสุราษฎร์ในเวลาโพล้เพล้ แสงและบรรยากาศกำลังลงตัว คุณอาร์ตจึงเก็บภาพบรรยากาศด้วยโดรนและกล้องโกโปร เมื่อได้ภาพสวย ๆ ที่ต้องการแล้ว คุณอาร์ตและทีมงานก็พากันกลับไปที่โรงแรม มาเที่ยวทั้งทีก็ต้องมีสังสรรค์ กระทั่งเวลาเที่ยงคืน ทุกคนก็แยกย้ายกันเข้านอน คุณอาร์ตที่แยกห้องนอนอยู่คนเดียวก็พลันเหลือบไปเห็นเงาดำ ๆ พอมองชัด ๆ ก็เห็นว่าเป็นผู้หญิงผมยาวประบ่ายืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง คุณอาร์ตคิดในใจว่าไม่ใช่คนอย่างแน่นอน และด้วยความที่ไม่ได้กลัวและเหนื่อยมาก จึงพูดกับวิญญาณตนนั้นไปว่า “ขอนอนนะ เพราะพรุ่งนี้ทำงาน” พูดจบก็ผล็อยหลับไป เช้าวันรุ่งขึ้น คุณอาร์ตก็ออกถ่ายรายการต่อที่แพ 500 ไร่ สถานที่ท่องเที่ยวที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาและผืนน้ำสีฟ้ามรกต ทีมงานเห็นว่าคุณอาร์ตชอบเล่นน้ำมาก จึงชวนให้มาเล่นน้ำด้วยกัน แต่วันนั้น คุณอาร์ตกลับรู้สึกแปลกไปและไม่อยากลงเล่นน้ำ แม้แต่ตอนที่ต้องไปพายเรือคายัก คุณอาร์ตก็รีบพายเพื่อเก็บภาพแล้วรีบกลับขึ้นฝั่ง นั่นสร้างความแปลกใจให้ทีมงานแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร หลังจากนั้นไม่นาน หนึ่งในทีมงานก็ขอกลับเข้าฝั่งเพื่อไปทำธุระก่อน และเนื่องจากที่นี่ไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์ ทีมงานคนนั้นจึงกลับมาแจ้งข่าวร้ายว่าคุณพ่อของเขารถคว่ำ ทุกคนจึงต้องกลับอย่างกะทันหัน 2 – 3 วันหลังจากนั้น ก็มีข่าว ‘ผู้หญิงโดดสะพานศรีสุราษฎร์’ ขึ้นมาที่หน้าฟีดในโซเชียลมีเดียของคุณอาร์ต แต่ก็ไม่ได้กดเข้าไปอ่านรายละเอียดของข่าวแต่อย่างใด ผ่านไปอีก 2 – 3 วัน ข่าวนี้ก็ขึ้นหน้าฟีดอีกครั้ง คราวนี้คุณอาร์ตรู้สึกตงิดใจแปลก ๆ ขึ้นมา จึงตัดสินใจกดเข้าไปอ่าน ปรากฏว่าผู้หญิงที่โดดสะพานวันนั้น เป็นวันเดียวกัน และอยู่ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับตอนที่คุณอาร์ตอยู่บนสะพานนั้นพอดิบพอดี คุณอาร์ตจึงเช็คภาพจากกล้องที่ได้บันทึกมา ก็พบว่ามีภาพผู้หญิงคนนั้นติดอยู่ในกล้องด้วย! และภาพความทรงจำในหัวของคุณอาร์ตก็ย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น ว่าผู้หญิงคนนี้ได้มองมาที่ตนพร้อมกับส่งยิ้มให้ หลังไล่ดูภาพจบคุณอาร์ตก็คิดว่านี่คงเป็นแค่การบังเอิญเจอกันก่อนที่ผู้หญิงคนนี้จะตัดสินใจจบชีวิตลง.. เวลาผ่านไปจนกระทั่งมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้น คุณอาร์ตรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังตามติดตัวคุณอาร์ต จึงได้ถามผู้หญิงที่นับถือ (คุณอาร์ตไม่ได้ให้ข้อมูลว่าเป็นใคร) ว่าวิญญาณที่ตามอยู่เป็นใคร มาจากไหน แต่คำตอบที่ได้ก็ยิ่งทำให้คุณอาร์ตทวีความสงสัย เพราะรู้แค่เพียงว่าเป็นผู้หญิง แต่ไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร.. ความสงสัยรังแต่จะทำให้คุณอาร์ตไม่สบายใจและตงิดใจขึ้นมาอีกครั้ง จึงเปิดดูภาพฟุตเทจที่ถ่ายติดผู้หญิงที่โดดสะพานดูอีกครั้ง เมื่อสังเกตดูดี ๆ อีกครั้ง คุณอาร์ตก็แทบช็อค! เพราะรูปร่างหน้าตาลักษณะของผู้หญิงคนนี้ตรงกับสิ่งที่เห็นในมุมมืดตรงประตูที่โรงแรม! คุณอาร์ตจึงคิดว่าใช่แน่ ๆ เพราะหากเทียบทามไลน์วันเวลาที่เขาเสียชีวิตก็จะตรงกันพอดีกับเหตุการณ์ที่คุณอาร์ตเจอ คำถามผุดขึ้นมาในหัวทันทีว่า “เขาตามเรามาทำไม? และตามมาเพื่ออะไร?” ปริศนาและวิญญาณที่ตามติดอยู่กับคุณอาร์ตร่วมเดือน คุณอาร์ตจึงพยายามหาจุดเชื่อมโยงของเหตุการณ์ทั้งหมดอีกครั้ง จนพบว่า ตอนที่ไปเที่ยวแพ 500 ไร่ แล้วรู้สึกว่าไม่อยากลงเล่นน้ำ เพราะผู้หญิงคนนั้นเสียชีวิตในน้ำ ราวกับเขามองดูอยู่ในน้ำอย่างไรอย่างนั้น และยังพบอีกว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่คุณพ่อของหนึ่งในทีมงานเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ พอได้รับการรักษาแล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่ามีผู้หญิงใส่เสื้อสีน้ำตาลตัดหน้ารถเขา จนเกิดอุบัติเหตุนั่นเอง เมื่อคุณอาร์ตวิเคราะห์ดูแล้วก็ตรงกับลักษณะของผู้หญิงที่กระโดดสะพานเสียชีวิต! คุณอาร์ตนำเรื่องนี้ไปเล่าให้ผู้หญิงที่นับถือฟังอีกครั้ง และถามว่าคุณพ่อของทีมงานคนนั้นเกี่ยวข้องกันอย่างไร เธอจึงตอบว่า ในคืนที่นั่งดื่มสังสรรค์กันที่โรงแรม ถ้ามีใครจิตอ่อนหรือมีญาติที่จิตอ่อนที่สุด ผู้หญิงคนนั้นก็จะไปหาทันที! นั่นทำให้คุณอาร์ตมั่นใจว่าเขาเองคิดถูก เมื่อปริศนาเริ่มคลี่คลาย แต่วิญญาณตนนั้นยังคงตามติดคุณอาร์ตอยู่เรื่อย ๆ และเมื่อไม่รู้จะทำอย่างไร จึงไปขอคำปรึกษาจากพระรูปหนึ่ง พระท่านก็ตอบว่า “ช่วยอะไรไม่ได้ เขาอยากอยู่กับคุณอาร์ต” เมื่อไม่พบหนทางแก้ไขและผูกใจสงสัย “จะอยากอยู่เพื่ออะไร? ทั้ง ๆ ที่เจอกันแค่เสี้ยวนาที” คุณอาร์ตตัดสินใจนำภาพฟุตเทจที่ถ่ายติดผู้หญิงคนนี้โพสต์ลงโซเชียลมีเดีย เพื่อเช็คว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันจริงหรือไม่จริงกันแน่.. และแล้วปริศนาทุกอย่างก็กระจ่าง เมื่อมีข้อความหนึ่งส่งรูปตัวเองที่ถ่ายคู่กับผู้หญิงคนนั้น พร้อมกับประโยคชวนขนหัวลุกว่า “คนนี้ไงคะ ที่โดดน้ำตาย” และอธิบายว่าสาเหตุมาจากทะเลาะกับแฟน ส่วนคนที่ส่งมาคือพี่สะใภ้นั่นเอง เมื่อคุณอาร์ตเพ่งมองดูรูปนั้นอีกครั้งก็จำได้ทันทีว่าก่อนที่จะไปถ่ายรายการ คุณอาร์ตไปที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีมาแล้ว ผู้หญิงที่เสียชีวิตเป็นแฟนคลับที่บังเอิญเจอกับคุณอาร์ตในร้านค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งความทรงจำดี ๆ ในวันนั้นจบลงที่ผู้หญิงคนนี้พูดไว้ว่า “ถ้าพี่อาร์ตมาอีกเมื่อไหร่ มาหาหนูอีกนะคะ” คุณอาร์ตก็ตบปากรับคำไปว่า “ได้ครับ เดี๋ยวมาหานะครับ” ในที่สุดเรื่องราวทุกอย่างก็ปะติดปะต่อกันจนครบ “รอยยิ้มที่มอบให้กันในวันนั้น ทำให้จิตสุดท้ายของเขาได้ผูกไว้กับเรา ที่พระท่านบอกว่า ช่วยอะไรเราไม่ได้ เพราะตัวเราต้องรู้เองว่าเขาเป็นใคร” คุณอาร์ตกล่าว หลังจากนั้นคุณอาร์ตจึงตัดสินใจพาเขากลับไปส่งยังที่สะพานแห่งนั้นพร้อมบอกกับเขาว่า“มาส่งแล้วนะ ไปอยู่ในที่ของตัวเอง ใครเชิญไปไหนก่อนหน้านี้ก็ไปตามเสียงเรียกนั้นนะ” และเขาก็หายไปและไม่ปรากฏให้คุณอาร์ตเห็นอีกเลย...(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ติดตามฟังเรื่องเต็มได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณต้น ‘ของฝาก จากเพื่อนเก่า’ I อังคารคลุมโปง X ครูตรีมีเรื่องเล่า [ 21 พ.ค. 2567]

26 พ.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณต้น ‘ของฝาก จากเพื่อนเก่า’ I อังคารคลุมโปง X ครูตรีมีเรื่องเล่า [ 21 พ.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ‘คุณต้น’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอน มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (21 พฤษภาคม 2567) เตรียมตัวขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเคเบิ้ล’ กับเรื่องราวทีมีชื่อว่า ‘ของฝากจากเพื่อนเก่า’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! คุณต้นเล่าว่านี่เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง ประกอบไปด้วยสมาชิก 3 คน คือ ลุงชัย เมียลุงชัย และลูกสาว (นามสมมุติ) ชาวบ้านในระแวกนั้นมักจะรู้กันดีว่าลุงชัยมีอาชีพเป็นช่างทำมีดและดาบที่เก่ง วันหนึ่งมีเพื่อนสมัยวัยรุ่นมาหาลุงชัย ชื่อว่าลุงแดง (นามสมมุติ) เมื่อเจอหน้ากันก็ทักทายกันตามประสาเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน หลังจากที่พูดคุยกันไปสักพัก ลุงแดงก็นำสิ่งของบางอย่างมาให้ลุงชัย ลักษณะเป็นแท่งเหล็กสีหม่น ๆ ยื่นให้ลุงชัย แล้วลุงแดงก็บอกกับลุงชัยว่า “ข้าได้ยินฝีมือการตีมีดของเอ็งมานาน วันนี้ที่มามีเรื่องจะวานให้เอาเหล็กท่อนนี้ไปเปลี่ยนเป็นมีดได้ไหม?” ลุงชัยเห็นเหล็กก็รู้สึกสงสัย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่ามันก็คือเหล็กทั่วไป จึงรับมา จากนั้นลุงแดงก็บอกลุงชัยว่า “เดี๋ยวกลับก่อนออกมานานไม่ได้ อาทิตย์หน้าจะมาเอามีด” แล้วลุงแดงก็กลับไป ลุงชัยเล่าว่าลักษณะนิสัยของลุงแดงจะเป็นคนชอบดื่ม อีกทั้งยังเป็นคนเล่นของ มีคาถาอาคมเป็นของตัวเอง ซึ่งคืนแรกหลังจากที่ลุงชัยรับเหล็กแท่งนั้นมา ในระหว่างที่ลุงชัยกำลังนอนอยู่นั้นก็รู้สึกว่าเหมือนมีคนเดินอยู่บนบ้าน สักพักหนึ่งก็ได้ยินเหมือนเสียงคนวิ่ง จนเมื่อเสียงเงียบไปลุงชัยจึงหลับ เมื่อถึงตอนเช้าลุงชัยก็ตื่นขึ้นมาเพื่อที่จะไปตีมีดตามปกติ ลุงชัยได้ไปนำเหล็กที่ลุงแดงเอามาให้มาตี แต่เมื่อตีไปตีมา แกก็รู้สึกว่าทำไมมีดเล่มนี้ตียาก ขึ้นรูปยาก แต่ลุงชัยก็พยายามตีต่อไป แต่ด้วยความที่มันขึ้นรูปยาก ทำให้ไม่ว่าจะตียังไงมีดเล่มนี้ก็เบี้ยว คด ไม่เป็นรูปเสียที เมื่อถึงช่วงเวลาพักของลุงชัย ลูกสาวของลุงชัยมักจะนำอาหารมาให้ แต่ในระหว่างที่ลูกสาวเดินมานั้นก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่าง ทำให้อาหารที่ลูกสาวถือมาร่วงหล่นไปทั้งหมด ลุงชัยจึงถามลูกสาวว่า “เป็นอะไร ใจลอยไปไหนข้าวหกหมดแล้ว” เพราะเห็นหน้าลูกสาวที่ซีดแปลกตาไป เมื่อเก็บอาหารที่ตกเสร็จ ลูกสาวก็รีบออกไปทันที ลุงชัยสังเกตเห็นว่าข้าวที่ตกลงไปที่พื้นนั้นค่อย ๆ หายไปทีละเม็ด ลุงชัยรู้สึกแปลกใจแต่ก็ไม่ได้อะไร คืนนั้นลุงชัยเข้านอนปกติ แต่นอนไม่ค่อยหลับ เพราะรู้สึกปวดเมื่อยตามตัว ลุงชัยก็ได้ฝันว่าในขณะที่ลุงชัยตีมีดอยู่นั้น เหมือนมีคนเดินผ่านไปผ่านมาเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างในบริเวณที่ลุงชัยตีมีดอยู่ ลุงชัยจึงสะดุ้งตื่นและคิดว่าฝันแปลก ๆ เมื่อตื่นขึ้นมาลุงชัยก็ไปตีมีดต่อและนึกในใจว่า ‘วันนี้ก็วันที่ 2 แล้วยังไงก็ต้องตีให้เสร็จให้ได้’ แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนกับเมื่อวาน คือไม่สามารถขึ้นรูปได้ จนถึงเวลาเที่ยง ลุงชัยรู้สึกตาพร่ามัว รู้สึกหนักแขนเหมือนมีคนฉุดรั้งไว้ ซึ่งตอนนั้นก็เป็นเวลาเดิมที่ลูกสาวของลุงชัยจะเอาอาหารมาให้ จังหวะที่ลูกสาวเดินเข้ามาในประตูแล้วเห็นลุงชัย ลูกสาวก็กรี๊ดออกมา ลุงชัยก็ถามลูกสาวว่า “เป็นอะไร!” ลูกสาวจึงเล่าว่า “เห็นคนกำลังจับแขนซ้ายและแขนขวาของพ่ออยู่!” เหมือนกับว่าพยายามไม่ให้ลุงชัยตีมีด และแต่ละคนสภาพเป็นศพที่มีคราบเลือดและคราบน้ำเหลือง คนหนึ่งพยายามจับแขนลุงชัย อีกคนขี่คอและเอามือปิดตาลุงชัยไว้ ในตอนแรกลุงชัยไม่เชื่อลูกสาว ลุงชัยจึงไปกินข้าวตามปกติ หลังจากกินเสร็จก็กลับมาตีดาบต่อ พอตีไปได้สักพักลุงชัยก็รู้สึกเจ็บหน่วง บริเวณหน้าอกจึงตัดสินใจเลิกตีมีด แล้วรีบกลับไปนอนในช่วงหัวค่ำ ในระหว่างที่นอนลุงชัยก็รู้สึกไม่สบายตัว เจ็บหน้าอก และไอ อาการคล้ายกับคนจะไม่สบาย แต่เมื่อถึงกลางดึกลุงชัยก็สะดุ้งตื่น สิ่งที่ลุงชัยเห็นเป็นอย่างแรกเมื่อลืมตา คือผู้หญิงยืนเหยียบอยู่บนหน้าอกของลุงชัย และเมื่อหันไปฝั่งซ้ายก็เห็นผู้ชายสูงอายุนั่งทับแขนลุงชัยอยู่ ฝั่งขวาเป็นผู้หญิงตาแดงก่ำจ้องมาที่ลุงชัย! ในตอนที่ลุงชัยกำลังตกใจ ผู้หญิงที่เหยียบหน้าอกลุงชัยอยู่ก็ค่อย ๆ ยื่นมือมาล้วงปากลุงชัยเหมือนจะดึงลิ้นของลุงชัยออกมา ลุงชัยก็อาเจียนออกมาเป็นเลือด ส่วนร่างที่ทับแขนลุงชัยอยู่ทั้งสองฝั่งเหมือนขึงลุงชัยไว้ ก็เอาค้อนมาทุบที่มือลุงชัยจนเลือดไหลออกมา ลุงชัยกำลังจะหันไปเรียกเมียแต่ก็ไม่สามารถเรียกได้เพราะร่างที่เหยียบบนหน้าอกล้วงปากอยู่! ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงลูกสาวเดินมาดู บรรดาร่างที่อยู่ด้านซ้ายและขวาของลุงชัยก็หายไปเหลือเพียงแต่ร่างที่เหยียบหน้าอกของลุงชัย ลูกสาวลุงชัยบอกว่า “ได้ยินเสียงคนเดินไปเดินมาทั้งบนบ้าน และข้างล่างเพราะนึกว่าพ่อตีมีดอยู่” แต่ความเป็นจริงกลับเห็นพ่ออาเจียนออกมาเป็นเลือด มือทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยเลือด ในขณะนั้นเมียของลุงชัยก็ตื่นและบอกว่าได้ยินเสียงลุงชัยไอแต่ลุกขึ้นมาดูไม่ได้เพราะมีคนแก่สองคนจับตัวเมียลุงชัยไม่ให้หันไปช่วย! จนตอนเช้าลุงชัยก็รีบไปหาหลวงตาที่วัดและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ซึ่งในระหว่างที่เล่าอยู่ลุงแดงก็ตามมาที่วัด เพราะลุงแดงไปหาที่บ้านแล้วไม่เจอ หลวงตาจึงบอกให้ลุงชัยถามลุงแดงว่าให้อะไรมา เพราะถ้ามาช้ากว่านี้เขาเอาถึงตายนะ ลุงชัยจึงพยายามถามลุงแดง ลุงแดงจึงตัดสินใจบอกว่า “เหล็กที่ให้ไป เป็นเหล็กที่เอามาจากตะปูตอกฝาโลงศพ” เพราะลุงแดงเป็นคนเล่นของจึงสะสมตะปูมานาน และงานที่ลุงแดงทำ คือสัปเหร่อ และแกคิดว่าถ้าเอาตะปูที่ใช้ตอกฝาโลงศพมาทำมีดน่าจะขลัง หลวงพ่อจึงบอกให้เอาเหล็กชิ้นนี้ไปทิ้งหรือทำลาย ด้วยคาวมที่ลุงแดงเสียดาย จึงนำเหล็กนั้นกลับไป ส่วนลุงชัยก็ขอให้หลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้ หลังจากวันนั้นลุงแดงก็หายหน้าหายตาไป แต่ลุงชัยก็ได้ข่าวหลังจากนั้น 4-5 เดือนว่าลุงชัยนั้นเสียสติไปแล้ว เวลาเดินผ่านตะปูที่ไหนก็จะงัดออกมาทุกครั้ง..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1