เรื่องเล่าจากอุ๋มอิ๋ม คนเห็นผี 'ตามมาได้ยังไง' I อังคารคลุมโปง X อุ๋มอิ๋ม คนเห็นผี [ 24 ธ.ค. 2567 ]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากอุ๋มอิ๋ม คนเห็นผี 'ตามมาได้ยังไง' I อังคารคลุมโปง X อุ๋มอิ๋ม คนเห็นผี [ 24 ธ.ค. 2567 ]

08 ม.ค. 2025

          ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (24 ธันวาคม 2567) ที่ผ่านมา ‘คุณอุ๋มอิ๋ม คนเห็นผี’ ได้นำเรื่องขนลุก “ตามมาได้ยังไง” มาเล่าให้แฟนๆ รายการฟัง เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อชายคนหนึ่งเดินทางไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เมื่อกลับถึงบ้าน เขากลับพบหญิงสาวเสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ยนั่งอยู่ในรถของเขา! ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร? และตามมาจากที่ไหน? มาฟังเรื่องนี้พร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ แล้วจะรู้ว่า บางอย่างอาจจะตามมาในที่ที่เราไม่ทันตั้งตัว!!

          ‘คุณอุ๋มอิ๋ม’ เกริ่นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่ที่สนิทกันชื่อ ‘พี่ต้า’ เกิดขึ้นตอนที่พี่ต้ากำลังจะไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ซึ่งวันที่พี่ต้าเดินทางไปนั้น เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับเหตุการณ์ช้างป่าเข้ามาทำร้ายนักท่องเที่ยวจนเสียชีวิต คุณอุ๋มอิ๋มจึงได้ทักไปถามสถานการณ์ของพี่ต้า จากนั้นพี่ต้าก็ตอบกลับมาว่าทุกอย่างปกติดี

          เมื่อขึ้นไปถึงข้างบน พี่ต้าก็ได้ถามสถานการณ์คนที่อยู่ข้างบนว่าเป็นอย่างไรบ้าง และยังส่งรูปช้างมาให้คุณอุ๋มอิ๋มดู ในรูปนั้นช้างดูดุมาก พี่ต้าบอกว่าช้างน่าจะตกมัน โขลงจึงผลักออกมา แล้วช้างตัวนั้นก็ไม่รู้จะไปทางไหน จึงขึ้นมา ณ จุดที่ได้เจอนักท่องเที่ยว หลังจากนั้นก็เกิดเหตุสลดขึ้น

          แต่ในรูปที่คุณอุ๋มอิ๋มดูนั้น เห็นเป็นช้างที่มีออร่าสีดำอยู่รอบ ๆ ตัว คุณอุ๋มอิ๋มจึงบอกพี่ต้าว่าอย่าเข้าไปใกล้เด็ดขาด ซึ่งจุดที่พี่ต้าอยู่นั้น อยู่ใกล้กับเจ้าหน้าที่ เพราะว่าจะมีเจ้าหน้าที่อุทยานอยู่ตลอด เรียกได้ว่าเป็นจุดที่ปลอดภัย เนื่องจากเจ้าหน้าที่คอยกันไม่ให้ช้างเข้ามาใกล้นักท่องเที่ยว สถานการณ์ทุกอย่างเป็นไปอย่างนั้น จนกระทั่งคืนแรกผ่านไป

          คืนที่สอง เจ้าหน้าที่ทำการปิดกั้นพื้นที่ ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถไปเที่ยวที่อื่นได้ เพราะว่าช้างตัวนี้จะเดินในพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวเดิน คุณอุ๋มอิ๋มจึงบอกกับพี่ต้าว่า

          “มันยังไม่จบแค่นี้นะ หนูว่าเราอยู่กับที่ดีกว่า”

          นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ก็ได้มีการประกาศว่า ห้ามนักท่องเที่ยวไปสถานที่ต่าง ๆ ให้รออยู่จุดที่เป็นลานกางเต็นท์เท่านั้น จุดที่เป็นจุดชมวิวทั้งหมดห้ามไป รอจนถึงวันรุ่งขึ้นแล้วค่อยลงพร้อมกันทั้งหมด

          หลังจากที่ลงมาข้างล่าง คุณอุ๋มอิ๋มคิดว่าทุกอย่างโอเคแล้ว แต่ไม่ใช่แบบนั้น..

          เมื่อพี่ต้ากลับมาถึงบ้าน แฟนของพี่ต้าก็ได้ทักมาหาคุณอุ๋มอิ๋มว่า

          “เห้ย พี่อิ๋มช่วยดูในรถให้หน่อยสิ มีผู้หญิงคนหนึ่งตามมา”

          เนื่องจากแฟนของพี่ต้านั้นเป็นคนมีเซ้นส์ระดับหนึ่ง คุณอุ๋มอิ๋มจึงคิดในใจว่า ‘ใครจะตามมา ในเมื่อพี่เขาไม่ได้ไปอยู่ในจุดที่เป็นอันตรายเลย’ ซึ่งแฟนของพี่ต้าได้อธิบายเพิ่มเติมอีกว่าเห็น

          “เป็นผู้หญิง ผมสั้น ตัวเล็ก ๆ นั่งอยู่ที่ด้านหน้าฝั่งซ้ายคนขับ หนูขึ้นรถมา เขาก็ไม่ยอมไปไหนเลย พี่อิ๋มทำไงดี”

          คุณอุ๋มอิ๋มจึงบอกวิธีเบื้องต้นไปก่อนว่า

          “เอางี้ จุดธูปก่อน เพราะว่าในรถก็มีอากง มีของทำไมถึงขึ้นมาได้ แล้วให้เอาธูปวนในรถ เพราะถ้ามีอะไรที่ไม่ดีก็ขอให้ออกไปให้หมด”

          หลังจากนั้นก็ห่างหายกันไป..

          จนเมื่อไม่นานมานี้ คุณอุ๋มอิ๋มก็ได้เจอกับพี่ต้า พี่ต้าได้เดินมาทักและพูดว่า

          “น้องอิ๋ม ๆ ช่วยหน่อยดิยังไม่ไปเลย”

          คุณอุ๋มอิ๋มตกใจและตอบกับไปว่า

          “เห้ย ถ้าไม่ไปมันไม่น่าใช่วิญญาณเจ้าป่าเจ้าเขาหรือวิญญาณอะไรที่ตามมาแล้วนะพี่ มันเป็นเจ้ากรรมนายเวรพี่หรือเปล่า”

          ซึ่งคุณอุ๋มอิ๋มเองก็ไม่แน่ใจ วันนั้นเป็นวันถ่ายงาน หลังจากถ่ายงานเสร็จประมาณเที่ยงคืน พี่ต้าเข้ามาบอกให้คุณอุ๋มอิ๋มไปดูรถของตน รถเป็นสีน้ำเงินสี่ประตู ในจังหวะที่คุณอุ๋มอิ๋มเดินเข้าไป ตรงส่วนของคนขับคุณอุ๋มอิ๋มเห็นว่ามี ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งเอามือพาดกันสองข้าง และวางอยู่หน้าพวงมาลัย แล้วก็หันมามองคุณอุ๋มอิ๋ม หลังจากเห็นอย่างนั้น คุณอุ๋มอิ๋มก็ได้เดินเข้ามาประชิดและเห็นว่า เสื้อผ้าของเขา มันขาดเป็นชิ้น ๆและพยายามถามเขาว่ามาได้อย่างไร แต่ก็ไม่มีการตอบกลับและหน้าของหญิงสาวคนนั้นก็เริ่มเขียว เริ่มช้ำ คุณอุ๋มอิ๋มจึงถามต่อไปอีกว่า

          “บอกได้ไหม ถ้าบอกไม่ได้ส่งภาพมาให้พี่ก็ได้ เดี๋ยวพี่จะได้พาไปถูก จะได้รู้ว่ามาจากที่ไหน”

          ปรากฎว่าเขาให้คุณอุ๋มอิ๋มเห็นว่าเขาเป็นผู้ประสบภัยที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พี่ต้ากำลังนั่งสมาธิหรือแผ่ส่วนกุศล แล้วผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จะไปที่ไหนจึงตามพี่ต้ามา

          หลังจากที่เขาขึ้นรถมา เขาก็มาเจออากง อากงก็บอกว่าเห็นตั้งแต่แรกแล้ว แต่คิดว่าเดี๋ยวก็คงไป เพราะว่าพี่ต้าทำบุญตลอดตั้งแต่กลับมา พี่ต้าใส่บาตรทุกวันและไปวัดตลอด ด้วยความที่พี่เขาไม่รู้ว่ามีวิญญาณตาม จึงไม่ได้บอกหลวงพ่อหรือใครที่วัดให้ส่งวิญญาณดวงนี้ให้ จึงทำให้วิญญาณดวงนี้ยังอยู่ที่รถ ในคืนนั้นที่คุณอุ๋มอิ๋มเจอ คุณอุ๋มอิ๋มจึงเชิญเขาออกและบอกว่า

          “หนูเดินไปทางนี้นะ แล้วหนูจะเจอโบสถ์ เดี๋ยวเราจะไปทำบุญให้ ก็ขอให้ไปอยู่คนละภพคนภูมิดีกว่า อย่าตามพี่เขาเลย เพราะว่าการตามนี้มันไม่ประโยชน์เลย ตอนนี้หนูลงมาได้แล้ว ดวงวิญญาณหนูไม่ได้ไปร่อนเร่อยู่ทางนั้นแล้ว ถือว่าวันนี้เราส่งกันแค่นี้นะ”

          สถานที่ถ่ายทำในวันนั้นอยู่ใกล้กับวัดพอดี แล้วหลังจากนั้นเขาก็หายไป..

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณเจน ‘ผีเเตงโม’ l อังคารคลุมโปง X เจน The Ghost [ 29 ก.ค.2568 ]

09 ส.ค. 2025

เรื่องเล่าจากคุณเจน ‘ผีเเตงโม’ l อังคารคลุมโปง X เจน The Ghost [ 29 ก.ค.2568 ]

‘คุณเจน The ghost’ ได้เข้ามาเล่าเรื่องราวสุดหลอนเกี่ยวกับการไปตั้งแคมป์ในป่า แล้วเจอลุงปริศนาคนหนึ่ง ลุงคนนี้ได้ยื่นปลามาให้กิน และยังหาแตงโมที่เป็นของหวานมาให้ปิดท้ายมื้ออาหารอีกด้วย แต่เรื่องราวกลับเปลี่ยนไปตาลปัตร เพราะนั่นไม่ใช่ปลาและแตงโมธรรมดา! เรื่องราวทั้งหมดจะน่าขนลุกขนาดไหน สามารถติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X’ (29 กรกฎาคม 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ผีแตงโม’ ‘คุณเจน The ghost’ ได้เล่าว่าเรื่องนี้มาจาก ‘คุณเป้’ ซึ่งเจ้าของเรื่องคือคนที่คุณเป้รู้จักชื่อว่า ‘คุณชิว’ โดยครอบครัวของคุณชิวนั้นทำอาชีพเกี่ยวกับการนำเข้าเครื่องจักรทางการเกษตร ฉะนั้นคุณชิวก็จะมีการไปลงพื้นที่ เช่น เอาเครื่องสูบน้ำไปเสนอขายให้กับชาวบ้าน ไลฟ์สไตล์ของคุณชิวเป็นคนสบาย ๆ สายธรรมชาติ ชอบออกไปกางเต๊นท์-ตั้งแคมป์คนเดียว วันหนึ่ง คุณชิวต้องนำเครื่องสูบน้ำไปเสนอขายให้ชาวบ้านที่ต่างจังหวัด ขณะนั้นเองก็ได้มองไปรอบ ๆ บริเวณและเกิดความรู้สึกว่าที่นี่บรรยากาศดี อยู่ใกล้กับฝาย ทำให้อากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การตั้งแคมป์กางเต็นท์มาก หลังจากเสนอขายสินค้าจนจบ คุณชิวก็ได้ไปพบผู้ใหญ่บ้าน เพื่อขออนุญาตตั้งเต็นท์ริมฝาย และนอนเฝ้าเครื่องสูบน้ำก่อนจะนำกลับด้วย แต่ผู้ใหญ่กลับมีท่าทีกระอักกระอ่วนใจ และพูดว่า “เมื่อ 2-3 เดือนก่อน มันมีน้ำป่าไหลหลาก ฉะนั้นตลิ่งตรงนี้มันจะไม่แข็งแรง มันจะอันตราย แต่ถ้าเกิดว่าคุณชิวอยากจะมาตั้งเต็นท์ก็ได้ ไม่ว่า ให้พิจารณาเอา” คุณชิวได้ฟังแล้วก็คิดว่าไม่น่าจะอันตราย จึงตอบไปว่า “โอเค” และยังบอกอีกว่า “มันสวย วิวดี” จากนั้นก็ตั้งแคมป์จนเสร็จ ขณะนั้นพระอาทิตย์ยังไม่ตก คุณชิวก็สังเกตุเห็นผู้ชายในอยู่น้ำ เขากำลังดำผุดดำว่ายแต่ไม่เหมือนคนจมน้ำ คุณชิวจึงคิดว่าอาจจะเป็นชาวบ้านมาหาปลา ระหว่างนั้นคุณชิวก็เตรียมเครื่องดื่มและกับแกล้มพลางมองผู้ชายในน้ำเป็นระยะ ไม่นานหลังจากนั้นพระอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้า แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่ไปไหน คุณชิวจึงตัดสินใจดื่มแอลกอฮอลล์ที่เตรียมมา เสียงเปิดจุกดัง ป๊อก! ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัด ไม่นานคุณชิวก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาใกล้ ๆ หันมาอีกที ก็พบกับลุงที่เห็นในน้ำ เขาเข้ามาประชิดตัวและพูดกับคุณชิวว่า “เห้ยไอ้หนุ่ม จะกินไม่ชวนเลย ใจร้ายใจดำจัง” คุณชิวจึงตอบกลับไปว่า “อ๋อ ได้สิครับ มากินด้วยกัน” จากนั้นก็จัดแจงหาแก้วมาเทเครื่องดื่มให้ พร้อมทั้งปลากระป๋องสำหรับกินแกล้มคู่กัน ขณะที่กำลังจะเปิดปลากระป๋องอยู่นั้น ลุงก็ห้ามเอาไว้และบอกว่า “ไอ้หนุ่มจะกินทำไมปลาที่มันอยู่ในกระป๋องอ่ะ กินปลาสด ๆ ของลุงดีกว่า” จากนั้นลุงก็ได้เอื้อมมือไปด้านหลังแล้วดึงปลาออกมาออกมาจากข้อง คุณชิวจึงรับมาและนำไปปิ้งกิน แต่ความแปลกก็เกิดขึ้น เพราะกินเท่าไหร่ก็รู้สึกไม่อิ่มเสียที จนกระทั่งกินตัวที่ 10 ก็ยังไม่อิ่มท้อง และเริ่มรู้สึกเลี่ยน จึงบอกลุงไปว่า “ผมไม่กินแล้ว” ลุงก็ตอบกลับมาว่า “ไม่เป็นไร งั้นไม่กินเนาะ เดี๋ยวลุงไปหาของหวานมาให้” จากนั้นลุงจึงได้ลุกแล้วหายไปในแถบป่ากล้วยใกล้ ๆ ฝายและกลับมาพร้อมกับแตงโมลูกหนึ่ง ซึ่งแตงโมลูกนี้ยังไม่ค่อยสุกดี ยังลูกเล็กอยู่ แต่คุณชิวก็รับนำไปผ่ากินและได้ยื่นอีกซีกให้ลุงด้วย แต่ลุงดันตอบกลับมาว่า “ไม่ ลุงไม่กิน กินได้เลย” คุณชิวจึงกินแตงโมคนเดียว รสชาติแตงโมก็ปกติดี ระหว่างที่กินก็พยายามชวนลุงให้กินด้วยกัน แต่ลุงกลับทำหน้าขยะแขยงและบอกว่า “แหยะ ๆ อี๋ ๆ ไม่กินอ่ะ กินเข้าไปได้ยังไง” ซึ่งตัวคุณชิวเขาก็งงเพราะลุงเป็นคนหามาให้กินเอง จึงคิดในใจว่า ‘เอ๊ะ หรือลุงเขามองเหมือนทุเรียน คนไม่ชอบอาจจะไม่ชอบจริง ๆ’ เมื่อคุณชิวกินแตงโมเสร็จ คุณลุงจึงถามมาอีกรอบว่า “กินปลาต่อไหม” แล้วลุงก็เอื้อมมือไปด้านหลังเพื่อที่จะหยิบมาให้อีก คุณชิวจึงตอบกลับไปว่า “ไม่ ๆ ไม่กินแล้วครับ โหลุง ลุงจับปลาได้เยอะใช่ไหมเนี่ย หยิบออกมาไม่หมดสักที” ลุงจึงตอบกลับมาว่า “อ๋อใช่ ลุงจับปลาได้เยอะมากเลย” คุณชิวจึงพูดไปอีกว่า “งั้นผมขอดูข้องหน่อยได้ไหม เหลืออีกเยอะหรือเปล่า” พลางทำท่าทางเหมือนกำลังจะลุกไปหา ลุงเห็นเช่นนั้นก็บอกไปว่า “เห้ย ไม่ต้อง ๆ อย่าดูเลยเดี๋ยวเสียเรื่อง” คุณชิวไม่ได้เอะใจอะไร จากนั้นก็แยกย้าย ลุงลุกขึ้นและหันมาบอกกับคุณชิวอีกรอบว่า “อย่าลืมนะเรื่องแตงโม” ซึ่งคุณชิวเข้าใจในหัวว่า ‘ถ้าแตงโมเหลือ พวกสัตว์ป่าจะมากิน ให้ขุดหลุมฝัง’ แต่แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก เขาจึงเข้านอน เช้าวันรุ่งขึ้น คุณชิวตื่นขึ้นมาเก็บเต็นท์และอุปกรณ์ต่าง ๆ จนเสร็จ จากนั้นก็เดินไปทางป่ากล้วยที่ลุงหยิบแตงโมออกมา เพราะคุณชิวคิดว่าแตงโมเป็นผลไม้ที่ต้องมีคนปลูก ไม่น่าจะมีแตงโมป่าแบบที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งพอเดินไปก็พบว่ามีแตงโมป่าจริง หลังจากนั้นเขาก็ได้เดินลงไปทางหมู่บ้าน เพื่อไปพบผู้ใหญ่บ้าน เมื่อมาถึง กลับพบชาวบ้านมามุงดูอะไรบางอย่างกันเต็มไปหมด จากนั้นผู้ใหญ่บ้านจึงได้เอ่ยถามขึ้นมาว่า “เป็นไงบ้างเมื่อคืน อยู่คนเดียวสนุกไหม” ตัวคุณชิวจึงตอบกลับไปว่า “โอโห สนุกมากเลยครับ” ผู้ใหญ่บ้านแสดงท่าทีมึนงง พลางถามว่า “อยู่คนเดียวจะสนุกได้ไง ชาวบ้านเขามารอฟังอยู่ว่าจะเจออะไร” คุณชิวก็ตอบกลับไปว่า “สนุกครับเพราะผมไม่ได้อยู่คนเดียว” จากนั้นทุกคนจึงเริ่มฮือฮา ชาวบ้านเริ่มซุบซิบกัน จากนั้นคุณชิวยังบอกอีกว่า “ผมไม่ได้อยู่คนเดียว มีลุงคนนึงมาแบ่งแตงโมให้ผมกินและอยู่คุยด้วย” พอทุกคนได้ยินแบบนี้มา เสียงก็เริ่มดังฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นผู้ใหญ่บ้านจึงได้ตะโกนขึ้นมาว่า “พ่อ!” แล้วก็วิ่งเข้าบ้านไปหยิบรูปภาพออกมาให้คุณชิวดู แต่เมื่อคุณชิวดู เขากลับบอกกลับมาว่า “ไม่ใช่ ไม่ใช่คนนี้” ชาวบ้านส่งเสียงซุบซิบกันอีกว่า “ว่าแล้ว ๆ / นั่นไงลุงอร / ลุงอรจริง ๆ ด้วย” คุณชิวทำหน้างง เพราะไม่รู้ว่าใครคือลุงอร แต่ยังไม่ทันจะถามอะไรไป ผู้ใหญ่บ้านก็เริ่มน้ำตาซึมและขอให้คุณชิวพาไปจุดที่เจอแตงโม แต่คุณชิวได้ตอบกลับไปว่า “กว่าผมจะเดินมาถึงตรงนี้ ใช้เวลา 2 ชั่วโมงเลย ไม่อยากเดินกลับไปแล้ว” ทางผู้ใหญ่บ้านจึงได้บอกกับคุณชิวไปว่า “ไม่เป็นไร ถ้าคุณเหนื่อย คุณไม่อยากเดิน เดี๋ยวผมแบกคุณขึ้นหลังไปก็ได้ ขอแค่พาผมไป” เมื่อคุณชิวได้ยินเช่นนั้น ก็คิดว่านี่คงเป็นเรื่องสำคัญ จึงตอบตกลงพาผู้ใหญ่บ้านไป และแล้วก็ถึงจุดที่พบแตงโม ผู้ใหญ่บ้านรีบวิ่งเข้าไปกอดลูกแตงโมและพูดว่า “พ่อ ๆๆ” จากนั้น ผู้ใหญ่บ้านก็ได้เอื้อมมือไปหยิบรากแตงโมแล้วดึงขึ้นมา ปรากฏว่ามีกระดูกสันหลังของคนติดขึ้นมาด้วย! ไม่นานผู้ใหญ่บ้านก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงดัง เมื่อสงบสติได้ก็เล่าให้คุณชิวฟังว่า วันหนึ่ง เขาได้ผ่าแตงโมให้พ่อกิน แต่ลุงอรมาชวนพ่อไปหาปลาที่ฝายด้วยกัน วันนั้นมีน้ำป่าไหลหลากรุนแรง ทั้งลุงอรและพ่อหายไปกับน้ำทันที เวลาผ่านไป ชาวบ้านพบศพลุงอรในลักษณะที่ด้านหลังมีร่องรอยการกระแทกกับขอนไม้จนเป็นรูใหญ่ และยังพบว่าที่ข้างตัวของลุงมีฝูงปลาเข้าไปกินอวัยวะภายในอีกด้วย แต่ศพของพ่อผู้ใหญ่บ้านยังหาไม่พบ กระทั่งได้มาพบว่าแตงโมงอกขึ้นมาในป่าเช่นนี้ ผู้ใหญ่บ้านก็เชื่อว่าน่าจะเป็นพ่อของตน เพราะพ่อมักกินแตงโมแต่ไม่คายเม็ด ร่างของพ่อที่กลายเป็นปุ๋ยจึงช่วยให้แตงโมเติบโตขึ้นมาได้ ส่งผลให้รากแตงโมติดกระดูกขึ้นมาด้วย แม้ว่าจะมีแค่ท่อนบน เพราะหาท่องล่างไม่เจอก็ตาม ส่วนในเรื่องที่คุณชิวกินปลาแต่กินยังไงก็ไม่อิ่ม คุณเจนคิดว่าจริง ๆ แล้วเขาอาจจะไม่ได้กินก็ได้ อาจจะมโนไปเองว่ากิน และที่ชาวบ้านมารุมพูดตอนที่คุณชิวออกมา คุณเจนก็เดาว่าพวกชาวบ้านคงจะรู้กันอยู่แล้วว่าน่าจะมีโอกาสเจอลุงอรและเดาว่าชาวบ้านคงรู้ว่าลุงอรตายตรงนี้ วิญญาณยังอยู่ อาจจะมีบางคนเห็นแต่ไม่กล้านอน จึงมารอฟังแทน..เขียน: กชกร สมโภชน์เรียบเรียง: วันทนีย์ ไชยชาติภาพ: กิตติพงษ์ นาคทอง(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเต็ม ๆ ได้ที่

เสียงปริศนาหลังกระต๊อบทำเสียวสันหลัง! พอมองลอดผ่านช่อง ก็เห็น...ระยะประชิดจนภาพติดตา!

10 มี.ค. 2023

เสียงปริศนาหลังกระต๊อบทำเสียวสันหลัง! พอมองลอดผ่านช่อง ก็เห็น...ระยะประชิดจนภาพติดตา!

ความเชื่อเรื่อง "ผีกระสือ" ที่มักจะเรืองแสงออกหากินของสดคาวและเน่าเหม็นในยามวิกาลมีมาอย่างยาวนานในบ้านเรา “พี่วิทย์ พชรพล” และครอบครัวก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เชื่อว่ากระสือมีจริง โดยอิงจากประสบการณ์ขนหัวลุก ที่พี่สาวแท้ ๆ ของพี่วิทย์เห็นมากับตา! โดยเรื่องนี้พี่วิทย์ได้นำมาเล่าให้ชาว “อังคารคลุมโปง X” (7 มีนาคม 2566) ได้เสียวสันหลังไปพร้อม กัน เรื่องจะเป็นยังไงนั้น ติดตามอ่านกันได้เลย! พี่วิทย์เล่าว่าต้องย้อนกลับไปเมื่อประมาณพี่วิทย์อายุแค่ 3 ขวบ ขณะที่ยังอาศัยอยู่ในย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี ครอบครัวที่เริ่มมีฐานะดีขึ้น จึงมีแพลนว่าจะสร้างบ้านที่สวนฝรั่ง ระหว่างที่กำลังสร้างบ้าน ก็พักอาศัยอยู่ในกระต๊อบหลังเล็กชั่วคราวไปก่อน พี่วิทย์และพี่ ๆ ในครอบครัวก็ชอบไปตกปลาหลังกระต๊อบ เพราะมีน้ำท่วมบ่อย และมีปลิงตัวเล็ก ๆ ทำให้พ่อมักจะห้ามไม่ให้เด็ก ๆ ในครอบครัวมาเล่นบริเวณนี้ นอกจากนั้น หลังกระต๊อบก็มีไส้ไก่ หรือพวกของเน่าเสียถูกนำมาทิ้งไว้ พี่วิทย์อธิบายกระต๊อบหลังนั้นคร่าว ๆ ว่าทำจากไม้อัดยาว ๆ เรียงต่อกันทำให้จะมีช่องเล็ก ๆ ส่วนหลังคาเป็นสังกะสี ในทุก ๆ คืน จะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างอยู่ข้างหลัง พี่สาวของพี่วิทย์ 2 คน ที่นอนอยู่ติดกับกำแพงไม้ก็นึกสงสัย และอยากรู้ให้ได้ว่ามันคือเสียงอะไร ทั้ง 2 ส่องลอดผ่านช่องแผ่นไม้กระต๊อบในระยะประชิด ก็เห็นเป็นผู้หญิงแก่ผมยาวยุ่งรุงรังกำลังกินไส้ไก่ด้วยความมูมมาม ที่สำคัญคือมีแสงไฟเล็ก ๆ ส่องสว่างขึ้นแล้วก็ดับ! พี่สาวของพี่วิทย์บอกว่า “ทุกครั้งที่พี่เล่า ภาพนั้นยังติดตาพี่อยู่เลยวิทย์” พี่วิทย์เชื่อว่าสิ่งนั้นคือ “กระสือ” ทั้งยังย้ำอย่างชัดเจนว่าไม่ได้โกหก และเล่าเสริมว่า “พี่สาวพี่ยังบอกอีกนะ ว่าตอนนั้นเขากินอย่างอร่อย เห็นหน้าไม่ชัดแต่ก็เห็นเป็นคนแก่ หลังจากเขากินเสร็จ เขาก็ลอยออกไป แต่ลอยต่ำ ๆ นะไม่ได้ลอยสูง จากนั้นก็หายไป!” และยังเล่าอีกว่าพอเช้าวันถัดมา “ลุงขาว” พี่ชายแท้ ๆ ของพ่อพี่วิทย์เดินมาบอกว่า “เนี่ย ยายคนนี้ (กระสือ) แกเอาปากไปเช็ดคราบเลือกที่ผ้าขาวม้า” พ่อพี่วิทย์ก็บอกว่า “เมื่อคืนลูกสาว 2 คนก็เห็น” แม้ตอนนั้นพี่วิทย์จะยังเด็กมาก แต่ก็จำได้ว่าหลังกระต๊อบนั้นมีน้ำท่วมขัง พี่วิทย์ชอบเอาขาไปเล่นแล้วก็ไปตกปลากับพวกพี่ ๆ แต่พ่อก็จะมาอุ้มพี่วิทย์ออกไป เพราะมีปลิงมาเกาะ แล้วยังจำได้อีกว่าหลังกระต๊อบจะมีกลิ่นเหม็นมาก เพราะทิ้งของเน่าของเสีย อย่างไส้ไก่ไว้..(เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ติดตามฟังเรื่องเต็มได้ที่

บ้านพักข้าราชการในวันที่ไม่มีคนอยู่

24 มี.ค. 2024

บ้านพักข้าราชการในวันที่ไม่มีคนอยู่

เรื่องนี้เป็นเรื่องของ ‘บอม Retrospect’ ที่ ได้นำเรื่องมาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (19 มีนาคม 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เกี่ยวกับประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านของตัวเอง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านเลย คุณบอมเล่าว่า สมัยที่คุณพ่อเป็นข้าราชการทหารอากาศ ก็จะพักอยู่ที่บ้านพักทหารอากาศใกล้สนามบินดอนเมือง ในสมัยก่อนที่จะมาเป็นบ้านพัก ที่ตรงนี้เป็นเหมือนที่อยู่ของกลุ่มคนอินเดียเมื่อประมาณ 100 ปีที่แล้ว ซึ่งคุณบอมเล่าว่าเวลาที่ไม่มีคนอยู่บ้านเขาจะเปิดแต่ไฟโรงรถไว้ วันหนึ่งมีเพื่อนบ้านที่รู้จักกันเข้ามาถามคุณบอมว่า “บอม เมื่อวาน รถไม่อยู่แต่เหมือนใครเต้นเหมือนแขก ๆ อยู่ในบ้านอ่ะ” แต่คุณบอมก็ไม่ได้คิดอะไร ช่วงนั้นเป็นช่วงมอปลาย คุณพ่อและคุณแม่ไปธุระต่างจังหวัดคุณบอมจึงต้องอยู่บ้านคนเดียว ช่วงกลางคืนรู้สึกเหมือนจะไม่สบายเลยคิดว่าวันนี้จะเข้านอนเร็ว หลังจากนอนหลับไปสักพักก็รู้สึกว่ามีแสงจากข้างนอกเข้ามาแยงตา เพราะเขาจะเปิดไฟหน้าห้องไว้ พอลืมตาขึ้นมาดูและเห็นว่า ประตูห้องนอนที่ตรงใต้ลูกบิดมีโซ่คล้องไว้เหมือนจะแง้มออกมานิดนึงและเห็นเหมือนคนจากช่องประตูตรงนั้นเข้ามาครึ่งตัวแต่ไม่เห็นลูกตา แต่รู้ว่าเขาจ้องมาที่คุณบอม คุณบอมก็จ้องกลับไปและตัวก็ไม่สามารถขยับได้ความรู้สึกเหมือนโดนผีอำ เขาก็จ้องอยู่แบบนั้น จนรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยมากเพราะไม่สบายอยู่ด้วยจึงคิดในใจไปว่า “อย่ามายุ่งกับกูเลย กูเหนื่อยไม่ไหวแล้วจะนอน” หลังจากนั้นก็หลับไป เช้าตื่นมาก็เห็นประตูปิดสนิท โซ่ตึงปกติ คิดว่าตัวเองคงฝันหรือละเมอไปเอง จนบ่ายวันนั้น คุณบอมเผลอหลับไปตรงโซฟาตอนช่วงเวลาโพล้เพล้ และรู้สึกได้ยินเสียงเหมือนมีคนพูดแต่จับใจความไม่ได้ และรู้สึกคันที่หน้าจึงลืมตาขึ้นมาแต่มันมืดไปหมด แล้วก็ค่อย ๆ ปรับโฟกัสเห็นเป็นคนนั่งยอง ๆ ก้มหน้าลงมาจากพนักพิงของโซฟา ผมยาวลงมาที่หน้าคุณบอมแล้วก็พูดว่า “ไปอยู่กับกูๆๆๆๆๆๆ” คุณบอมก็คิดว่าตัวเองแค่ฝันไปหรือเปล่าแต่เขาก็โดนแบบนี้อีก 2-3 รอบ หลังจากนั้นคุณบอมก็พยายามลืมตาและลุกขึ้นมา เหตุการณ์ตรงนั้นก็หายไป แต่ความรู้สึกคันหน้าก็ยังคันอยู่ หลังจากวันนั้นก็ไม่เจออีก แต่บ้านหลังนั้นจะมีอะไรแปลก ๆ อยู่เรื่อย ๆ ข้างหลังบ้านก็จะมีต้นโพธิ์ปลูกอยู่ และต้นโพธิ์จะอยู่ตรงกับห้องรับแขกที่เขานั่งยอง ๆ จ้องคุณบอมตรงโซฟา ก็จะมีบางคนที่เจอเหมือนกันตรงต้นโพธิ์บางคนเห็นว่าเป็นผู้ชายและของเซ่นไหว้จะหายไปเป็นอย่าง ๆ แต่ส่วนมากจะเป็นยาเส้นที่หายไป(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณโดนัท 'พี่สาวสไบเเดง' I อังคารคลุมโปง X บอย ธิติพร [ 10 ธ.ค. 2567 ]

18 ธ.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณโดนัท 'พี่สาวสไบเเดง' I อังคารคลุมโปง X บอย ธิติพร [ 10 ธ.ค. 2567 ]

‘คุณโดนัท’ สายจากทางบ้านได้นำเรื่อง ‘พี่สาวสไบแดง’ มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (10 ธันวาคม 2567) ฟังกัน มาดูกันว่า ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ จะรู้สึกอย่างไร เรื่องราวจะน่ากลัวขนาดไหน ไปอ่านพร้อมกันเลย! ‘คุณโดนัท’ เล่าว่าเรื่องนี้เป็นประสบการณ์ร่วมกันของคุณโดนัทและเพื่อน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ช่วงที่ทุกคนในบริษัททำงานหนักและจะต้องกลับบ้านดึกเป็นประจำ วันที่เกิดเรื่องขึ้นเป็นช่วงกลางดึก ในห้องออฟฟิศจะมีพนักงานอยู่ทั้งหมด 7 คน ห้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเห็นหัวหน้านั่งอยู่ทางซ้ายมือ และตรงกลางมีพนักงาน 4 คนที่นั่งหันหน้าชนกัน 2 คนด้านหลังนั่งหันหน้าออกมาทางประตู วันนั้นเป็นอีกหนึ่งวันที่ต้องทำงานอยู่ที่บริษัทจนดึก ในหน่วยงานจะมีการแบ่งทีมทำงาน โดยมีคน 3 คนทำงานเอกสาร ซึ่งเยอะมาก ๆ ขณะที่พวกเขาทำงานเอกสารกันอยู่ และเอกสารเหล่านี้จะต้องไปยื่นกับทางราชการ ถ้าไปยื่นเลยกำหนดเดดไลน์ จะทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายหลักหมื่น ซึ่งพวกเขาเคยส่งมาแล้วหลายรอบ แต่ไม่ผ่านสักครั้ง จนหัวหน้าได้มีการพูดล้อเล่นลอย ๆ ว่า “ถ้ายื่นเอกสารผ่านสักทีนะ จะซื้อรีเจนซี่ถวายเลย” หลังจากนั้น 2-3 วัน เป็นวันที่คุณโดนัทและเพื่อนกลับก่อน ในห้องทำงานจะเหลืออยู่ 2 คน คนหนึ่งสมมติว่าชื่อ ‘พี่ปอ’ อีกคนชื่อ ‘คุณออ’ คุณอออายุรุ่นเดียวกันกับคุณโดนัท วันนั้นทั้งสองคนอยู่ในห้องด้วยกัน ช่วงเวลาประมาณ 1 – 2 ทุ่ม พี่ปอนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงานคนเดียว ซึ่งหน้าห้องจะเป็นกระจกใสทั้งบาน มีไว้เพื่อเวลาคนมาติดต่อจะเห็นกันได้ง่าย ส่วนคุณออได้ออกจากห้องเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ในขณะที่คุณออเดินกลับมา หางตาเหลือบไปเห็นว่ามีใครบางคนอยู่ในห้อง ซึ่งไม่ใช่พี่ปอแต่เป็นคนอื่น คุณออจึงหันหน้าไปดู และสิ่งที่เห็นคือ ผู้หญิงนั่งอยู่ด้านหลังสุด เป็นเก้าอี้ที่หันมาทางประตู ใส่ชุดไทยสไบสีแดง หน้าสีขาว ปากแดง ใส่ชฎา นั่งระหว่างโต๊ะสองตัวที่อยู่ด้านในสุด นั่งตรงกลาง และมองออกมาทางคุณออ คุณออตกใจมาก จึงรีบเปิดประตูเข้าไปในห้อง และบอกพี่ปอว่า “กลับบ้าน กลับบ้านเดี๋ยวนี้ กลับเลย หยิบกระเป๋ากลับ” พี่ปอก็ทำหน้างง แต่ก็ทำตามสิ่งที่คุณออบอก หยิบของและเดินออกมา ในระหว่างนั้น คุณโดนัทที่อยู่บ้าน ก็เห็นแชทไลน์เด้งขึ้นมา ซึ่งเป็นไลน์จากคุณออ ไลน์มาว่า “พี่โดนัท ผีอีเม้ยกับผีหนูแดงหน้าตาเป็นยังไง” ‘ผีอีเม้ย’ เกิดจากการที่คุณโดนัทเคยทำคลิปวิดีโอในองค์กร ซึ่งคุณโดนัทเล่นเป็นผีอีเม้ย ที่อยู่ในห้องทำงาน จึงเป็นที่จดจำว่าในห้องนี้มีผีอีเม้ย ส่วนผีหนูแดงเป็นสิ่งที่คุณโดนัทพูดเล่น ไม่ได้มีกุมารหรือว่าอะไรอยู่บางครั้งในห้องก็จะมีเสียงกดปากกา เสียงพิมพ์ดีด เสียงกระดาษพลิกหน้าบ่อย ๆ จึงทำให้มีคำเรียกผีหนูแดงขึ้นมา หลังจากนั้นคุณออก็ได้โทรมาหาคุณโดนัท และเล่าเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้น คุณโดนัทก็คิดว่าตัวเองยังไม่เคยเจอ เพราะปกติคุณโดนัทเป็นคนที่เจอผีบ่อยมาก แต่ไม่เคยเจอผีชุดไทยสีแดงนี้ ในห้องยิ่งไม่เคยเจอ คุณโดนัทจึงนึกไม่ออกว่าเป็นอย่างไร และพูดตอบไปว่า “ไม่เคยเจอนะ ไม่น่าใช่หนูแดงแล้วก็ไม่น่าใช่อีเม้ยหรือเปล่า” หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ย้ายไปคุยกันในไลน์กลุ่มแทน คุณออได้ส่งรูปมาให้ดูเป็นรูปของ ‘นุ่น-วรนุช’ ที่แสดงละคร ใส่ชุดแดง หน้าขาว ปากแดง คุณโดนัทจึงนึกขึ้นได้อย่างหนึ่งคือ คล้ายกับนางรำในศาลหน้าที่ทำงานหรือเปล่า แต่คุณโดนัทก็นึกไม่ออกว่านางรำในศาลหน้าที่งานใส่ชุดสีอะไร จะใช่หรือเปล่า หลังจากนึกขึ้นได้ คุณโดนัทก็พิมพ์ไปในกลุ่มว่า ‘เอ้ะ หรือว่าเป็นนางรำหน้าที่ทำงานของเรา’ ข้างหน้าที่ทำงานของคุณโดนัท จะมีศาลพระพรหมและศาลตายายติดกัน ในศาลพระพรหมจะมีนางรำ ใส่สไบแดงทั้งหมด ด้วยความสงสัยคุณโดนัทจึงเข้าไปเสิร์ช Google ว่า ศาลพร้อมกับชื่อที่ทำงานของคุณโดนัท พอมีรูปศาลขึ้นมา พอคุณโดนัทซูมเข้าไปดู ปรากฏว่านางรำที่อยู่ศาลใส่ชุดสีแดง สไบแดง มีชฎา คุณโดนัทจึงได้บันทึกรูปนี้ แล้วส่งเข้าไปในกลุ่ม คุณออก็พิมพ์ตอบกลับมาว่า ‘ใช่เลย แบบนี้เลย’ วันรุ่งขึ้น คุณออก็ได้นำเรื่องนี้ไปบอกกับหัวหน้า หัวหน้าก็ค่อนข้างตกใจกับสิ่งที่น้องในห้องเจอ สุดท้ายก็ต้องไปซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปถวายอย่างที่บอกไว้จริง ๆ เพราะ คาดว่าเขาน่าจะมาทวงสิ่งที่หัวหน้าเคยพูดไปแบบลอย ๆ เพราะหลังจากที่หัวหน้าพูดไปแบบนั้น ในวันเดดไลน์ตอนที่นำเอาเอกสารไปส่ง เจ้าหน้าที่ที่ตรวจเอกสารนั้น แค่เปิดก็ให้ผ่านไปแบบง่าย ๆ โดยที่ไม่ตรวจ ดังนั้นคุณโดนัทจึงคิดว่าสิ่งนี้เหมือนกับการบนบาน จึงได้ซื้อแอลกอฮอล์มากล่าวไหว้กันในห้อง หลังจากนั้นก็ไม่เจอผู้หญิงใส่ชุดไทยสีแดงอีกเลย...(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1