Talk with NAP A LEAN ถึงเบื้องหลังเพลง “ใครเห็นก็ว่าแฟน”

Chill Talk

Talk with NAP A LEAN ถึงเบื้องหลังเพลง “ใครเห็นก็ว่าแฟน”

NAP A LEAN ชวนทุกคนมาตั้งคำถามกับความสัมพันธ์เบลอ ๆ แบบคู่จิ้น ผ่านซิงเกิลล่าสุด “ใครเห็นก็ว่าแฟน” เพลงช้าเศร้า ๆ ในสไตล์ของแนปอะลีนที่หลายคนคิดถึง เราจึงได้ชวน โต้–ธนพล ทองสวัสดิ์ (ร้องนำ), ฮั้ว–พิสิฐ สมบัติพินพง (กีตาร์), บาส–ปณิธิ สุขสายชล (เบส) และ ดอน–นภัสรพี ยาอินทร์ (กลอง) มาพูดคุยถึงเบื้องหลังการทำงานในเพลงนี้กัน

“ใครเห็นก็ว่าแฟน” ซิงเกิลนี้เริ่มต้นมาจากอะไร

โต้ – “ผมรู้สึกว่าวง NAP A LEAN ขาดเพลงช้าแบบเศร้ามาก ๆ มาสักพักแล้ว เพราะที่ผ่านมาเราก็ทำเพลงมีจังหวะแบบร็อค ๆ หน่อย ก็เลยรู้สึกว่าควรจะมีเพลงแบบนี้สักเพลงนึง บวกกับมีความสัมพันธ์ที่เราอยากเข้าไปเขียนเพลงเกี่ยวกับเรื่องนั้น ก็คือความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน เหมือนกับคนที่เป็นคู่จิ้นกัน เหมือนจะชอบ เหมือนจะเป็นแฟนกัน คนข้างนอกมองเข้ามาก็บอกว่าเหมือนเป็นแฟนกัน แต่สุดท้ายแล้วมันไม่ใช่ ก็เลยลองเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วก็ส่งให้พี่ฮั้ว พี่บาส พี่ดอน ไปทำดนตรีกันต่อ”

เพลงนี้แต่งมาจากประสบการณ์ส่วนตัวของใครมั้ย

โต้ – “จริง ๆ เรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนเนี่ย ผมว่ามันมีอยู่ทุกที่ทุกช่วงอายุอยู่แล้ว ตอนแต่งก็ไปคิดถึงช่วงม.ปลาย เป็นช่วงที่เราจะไม่ค่อยมีภูมิคุ้มกันทางความรักเท่าไหร่ อะไรก็ตามที่มันเริ่มพิเศษเนี่ย เราจะคิดว่าเขาก็รู้สึกแบบเดียวกัน แล้วก็ตอนม.ปลาย ถ้าเกิดอยู่ห้องเดียวกัน ทำการบ้านด้วยกัน หรือว่าอยู่ด้วยกันบ่อย ๆ เพื่อนก็จะเริ่มล้อ แล้วบางทีคำพูดของคนอื่นเนี่ยแหละก็ทำให้เราอินไปด้วย ทำให้เราเริ่มรู้สึกว่าใช่มั้ยนะ ทำให้เราคิด แต่ว่าสุดท้ายแล้วเพลงนี้มันเล่าถึงเหตุการณ์ที่เราเพิ่งมารู้ความจริงว่า จริง ๆ แล้วไม่ได้คิดแบบเดียวกันนี่หว่า อยู่ ๆ ก็กลายมาเป็นเพื่อนกัน ทั้ง ๆ ที่คิดว่าเป็นแฟนกันมาตลอด ก็เลยเขียนเนื้อร้องเพลงนี้ขึ้นมาครับ”

คิดว่าอะไรคือส่วนที่ยากที่สุดของการทำเพลงนี้

ฮั้ว – “ผมคิดว่าน่าจะเป็นการดีไซน์ ถ้าใครฟังเพลงนี้จะรู้สึกว่าพาร์ทดนตรีมันแตกต่างไปจากที่ผ่าน ๆ มา คือเราจะมีความเป็นป็อปร็อค อินดี้ป็อป อัลเทอร์เนทีฟมาตลอด เพลงนี้ความยากคือเราลดทอนเคมีความเป็นแบนด์บางอย่างลง แล้วก็ดีไซน์ดนตรีให้มันอยู่ในพีเรียดของยุค 90’s - 2000 ที่เป็นเพลงป็อป R&B ของบอยแบนด์เกิร์ลกรุ๊ปในยุคนั้น เพราะเนื้อเพลงมันสื่อสารความรักกุ๊กกิ๊ก ผมรู้สึกว่าช่วงอายุของคนที่อยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้ มันน่าจะเป็นมัธยม นักศึกษา อะไรประมาณนี้ อยู่ในคณะ ไปไหนมาไหนด้วยกัน ลงเรียนเซคเดียวกัน แล้วก็กลับบ้านด้วยกัน ใครเห็นก็ว่าแฟนแน่เลย ผมก็เลยอยากทำดนตรีในยุคนั้น แล้วอีกอย่างนึงในปี 2020 เป็นต้นมา ผมรู้สึกว่าซาวน์ ไซเคิลเหมือนมันวนกลับมา ดนตรีในยุคนั้น ยุค 2000 ยุค 90’s เหมือนวนกลับมา ก็เลยคิดว่าเราลองทำแบบนั้นบ้างมั้ย แต่ว่าพวกเรา ด้วยความที่เกิดไม่ทัน (หัวเราะ) ก็เกิดทันแหละ ทันแป๊บ ๆ”

โต้ – “แต่ว่าเราอาจจะมือไม่ถึงในการจะไปหยิบจับซาวน์นั้นมา”

ฮั้ว – “ใช่ เพราะเราเล่นเป็นแบนด์กันมาตลอด แล้วก็อย่างที่บอก ตอนเริ่มก็เป็นอัลเทอร์เนทีฟ เป็นป็อปร็อค เป็นแบนด์อะไรแบบนี้มา เราก็เลยรู้สึกว่าอยากได้ความช่วยเหลือ อันนี้ก็คือเป็นความยากของเราละ ถ้าถามว่ามันยากตรงไหน ก็คือมันยากในเรื่องดีไซน์ของดนตรีครับ พอพูดถึงความยากตรงนี้ เราก็มีโซลูชั่น คือเรามีน้องอยู่คนนึง น้องนาว วง mirrr เขาเป็นคอมโพสเซอร์แล้วก็เป็นโปรดิวเซอร์ที่ผมติดตามผลงานเขามาตลอด แล้วก็รู้สึกว่าเขาทำเพลงด้วยการหยิบจับซาวน์ของยุค 90’s ยุค 2000 มาใช้กับวง ผมรู้สึกว่าเป็นศิลปินที่น่าสนใจก็เลยติดต่อไป ว่าอยากเอาเคมีบางอย่างตรงนี้ ที่วง mirrr เขาใช้ ลองเอามาใช้กับ NAP A LEAN บ้างได้มั้ย ก็เลยชวนเขามาทำเป็นโคโปรดิวซ์ แล้วก็ให้เขาคอมโพสมิวสิค ดีไซน์เสียงต่าง ๆ ในเพลง ให้มันมีกลิ่นอายของยุคนั้น”

โต้ – “พอพูดถึงพาร์ทที่ยากที่สุด คือการดีไซน์ใช่มั้ย แต่การติดต่อน้อง มันเป็นอะไรที่กลายเป็นว่าง่าย เพราะว่าน้องเขาบอกว่าน้องเขาเป็นแฟนเพลงวงเรา คือเราเป็นเด็กเชียงใหม่ด้วยกันนะครับ ตั้งแต่พวกเราเริ่มทำเพลง น้องเขาก็ฟังมา หลังจากจบงานน้องก็มาเฉลย เราก็รู้สึกว่า เรื่องยากของเรา สุดท้ายพอไปเจอนาว มันกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย”

มีคอมเมนต์บอกว่า MV นี้เป็นเรื่องของสเตรทเล่นกับใจ ทำไมถึงเลือกทำเป็นเส้นเรื่องนี้

โต้ – “จริง ๆ ผมก็เพิ่งเข้าใจศัพท์นะครับ ยอมเลย เพราะว่าพี่ดอนเขาแคปมาให้ดู ก็ปรึกษา นี่มันแปลว่าอะไรนะ (หัวเราะ) คือเรื่องนี้ ถ้าใครดู MV มันจะเป็นหญิงหญิงมาก่อนใช่มั้ยครับ คือเราไม่ได้ต้องการให้รู้สึกพิเศษมาก ๆ ว่าเราเอาหญิงหญิงหรือว่าชายชายมาเล่นนะ คือเราไม่ได้โฟกัสเรื่องนั้น เพราะเรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แต่เราต้องการพรีเซนต์ความรู้สึกของการกระทำที่แบบนี้ก็เป็นเพื่อนได้นี่นา อย่างเช่นการจับมือกันเดิน การกอดคอ การทัดผมให้กัน ถ้าสมมุติว่าเป็นผู้ชายทำกับผู้หญิง มันจะรู้สึกว่าอันนี้คือแฟน แต่พอเป็นผู้หญิงกับผู้หญิงเนี่ย เราสามารถมองว่า นี่เพื่อนเขาก็ทำกัน แต่แฟนก็เป็นไปได้นี่นา เราต้องการบาลานซ์ระหว่างความเป็นเพื่อนกับความเป็นแฟน ให้มัน 50 50 ให้คนคิดว่าตกลงเขาเป็นอะไรกันตามเนื้อเพลงอะครับ ก็เลยใช้ตัวแสดงที่เป็นผู้หญิงกับผู้หญิงมา แล้วทางผู้กำกับก็เพิ่มตัวแสดงที่เป็นผู้ชายเข้ามาอีกคน เพื่อให้ความสัมพันธ์มันดูซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงบรรยากาศใน MV มันก็จะเป็นปาร์ตี้ที่รวมเพื่อนไว้เยอะมาก เพื่อให้เข้ากับเพลงใครเห็นก็ว่าแฟน ตัวแสดงสองคนนี้ ทุกคนในปาร์ตี้ก็มองว่าแฟนกันนี่นา เพื่อให้เพลงมันสื่อสารออกไปได้ถูกต้องที่สุดอะครับ”

มีฉากที่ชอบที่สุดใน MV กันมั้ย

บาส – “จริง ๆ ชอบฉากที่น้องผู้หญิงกับน้องผู้ชายเขาเคลียร์กัน เหมือนอยู่กันสองคน แล้วน้องผู้หญิงอีกคนนึงก็หันไปมองพอดี เพราะว่าเขาแสดงดีจนอินไปกับมัน ฉากที่รู้ความจริง ว่าจริง ๆ แล้วเราเป็นอะไรกันเนี่ย”

ถ้าสมมุติตัวเองตกอยู่ในความสัมพันธ์เบลอ ๆ แบบนี้ จะทำยังไง

ดอน – “ความจริงก็คงจะทำเหมือนใน MV อะครับ เคลียร์ให้ชัดเจนไปเลยว่าตกลงเราเป็นอะไรกัน จะได้ทำตัวถูก”

การกระทำไหนที่ NAP A LEAN รู้สึกว่า ถ้าไม่ได้คิดอะไรด้วย ห้ามทำเด็ดขาด

ดอน – “อย่าสะกิด อย่าเอาขามาเกี่ยวกันแบบใน MV อย่าควงแขนเล่น อะไรแบบนี้อะครับ”

บาส – “อย่ามาลูบหัว ที่มันรู้สึกว่าเกินเพื่อน”

โต้ – “การบอกฝันดีทุกคืนแบบเป็นรูทีน เพราะการที่เกิดขึ้นทุกคืน แต่วันนึงหายไป มันจะทำให้อีกฝ่ายเริ่มสงสัยแล้ว แล้วการทำรูทีนเนี่ย มันจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าชัวร์ ว่ามันใช่ แล้วก็บางทีไม่ได้คุยอะไรกัน แต่มาบอกฝันดีนะเธอทุกคืน มันจะเริ่ม เอ๊ะ แปลก ๆ”

ฮั้ว – “ถ้าเป็นยุคนี้ละกัน การที่เรามักจะอัปรูปคู่ ถ่ายสตอรีกันสองคนลงโซเชียลบ่อย ๆ แล้วแท็กเรามา แล้วเราก็คงคิดอะ โพสต์รูปคู่เรา ลงสตอรีเราสองคนอีกแล้ว หรือว่ามันจะคิดอะไรกับเรา”

อยากให้เพลงนี้ เป็นอะไรสำหรับคนฟัง

โต้ – “อยากให้เพลงนี้เป็นเพื่อนร่วมทาง ไม่ว่าจะตกอยู่ในความสัมพันธ์แบบนั้นหรือเปล่า ผมว่าเพลงนี้สามารถฟังได้ตลอดเวลา ให้เพลงนี้เป็นเพื่อนระหว่างคุณทำงาน กินข้าว อาบน้ำ เดินทาง หรือถ้าเกิดวันนึงคุณเจอความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน ให้เพลงนี้เป็นคำเตือนแล้วกัน ว่าให้รีบไปชัดเจนซะ”

สปอยล์ซิงเกิลหน้าได้มั้ย จะมาแนวไหน จะเป็นความรักที่สมหวังมั้ย

โต้ – “ผมคิดว่าสปอยล์ลำบากมากเลย เพราะเรายังไม่ได้เลือกว่าเพลงไหนจะเป็นเพลงต่อไป เพลงมีสต๊อกไว้เป็นเดโม่ ๆ”

ในสต๊อกนั้นมีเพลงที่เป็นความรักสมหวังใช่มั้ย

โต้ – “ในสต๊อกนั้น ก็ ไม่มี (หัวเราะ) สิบกว่าเพลงนั้นไม่มีนี่หว่า แต่อาจจะแต่งใหม่ก็ได้ ด้วยความที่ช่วงนี้เราเพิ่งปล่อยเพลงใหม่ไป ก็อยากจะฝากเพลงนี้เป็นหลักก่อนแล้วกันนะครับ”

พูดถึงแฟน ๆ ที่ติดตามผลงาน NAP A LEAN กันอยู่หน่อย

ฮั้ว – “ขอบคุณ อย่างแรกเลย เพราะว่าพวกเรามีอายุวงถึง 12 ปี ก็รู้สึกว่า 12 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยขาดการซัพพอร์ตจากคนฟังเลย ไม่ว่าเราจะทำเพลงอะไรออกมา ก็ยังมีคนให้กำลังใจ แล้วก็ซัพพอร์ตอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นคนเดิม ๆ หรือคนใหม่ ๆ ก็แล้วแต่ ไม่ว่าเราจะทดลองทำอะไรที่มันแตกต่างจากเดิม หรือว่าเราจะทำในสิ่งที่เราชอบ อยากลอง หรือว่าทำในสิ่งที่เราไม่รู้ว่าเขาจะถูกใจมั้ย แฟนเพลงเขาก็ยังซัพพอร์ต ไม่ว่าเราจะเลือกทำอะไรแบบไหน ผมรู้สึกขอบคุณ แล้วก็อยากให้ซัพพอร์ตกันต่อไป อย่าเพิ่งเบื่อกัน เรายังมีงานเพลงอีกมากมาย อยู่ในช่วงระหว่างการเดินทางสู่อัลบั้มเต็มอัลบั้มที่สอง ก็เดินทางมาเกือบ ๆ ครึ่งทางแล้ว ก็อยากให้อยู่ด้วยกันต่อ แล้วก็ฝากเพลงนี้ก่อน หวังว่าเพลงนี้จะเป็นสะพานเชื่อมไปสู่เพลงอื่น ๆ แล้วก็เป็นหมุดหมายที่หลาย ๆ คนบอกว่า คิดถึงเพลงที่มันเศร้าในมู้ดของ NAP A LEAN มานานแล้ว ตั้งแต่เพลงไม่คิดถึงเลย หายไปตั้ง 7-8 ปี เพลงอารมณ์แบบนี้ เราก็หวังว่าเพลงนี้จะถูกใจ แล้วก็หวังว่าเพลงนี้จะเป็นเพื่อนที่อยู่กับคนเหงา ๆ อย่างแฟนเพลงของ NAP A LEAN แบบพวกเรานะ”

you may also like

album

0
0.8
1