“จริง ๆ มันเริ่มมาจากการตั้งคำถามกับสังคม เรื่องของบิวตี้สแตนดาร์ด เจนเดอร์ สแตนดาร์ดต่าง ๆ ที่คนชอบมอบให้กับคนคนนึง ว่า success ต้องเป็นยังไง คนที่สวยงามคนที่ดีต้องเป็นยังไง ก็เลยทำให้เรามีไอเดียตรงนี้อยู่ แล้วพอได้เห็นคอลเลกชัน Black Tie ของ Valentino ก็เลยรู้สึกว่า คอนเสปมันเป็นเรื่องที่เรากำลังคิดอยากจะแต่งเพลงแบบนี้อยู่ เลยกลายเป็นเพลงที่ชื่อว่า Black Tie โดยที่ในเนื้อเพลงจะพูดถึงเรื่องของการตีความคำว่า Black Tie เป็นเรื่องของการที่ต้องอยู่ในกฎระเบียบ การที่ต้องอยู่ในสแตนดาร์ดของอะไรบางอย่าง ที่คนอื่นเป็นคนมาแขวนให้เรา ว่านี่คืออยู่ในกฎระเบียบ ต้องโตแล้ว ต้องทำงาน ต้อง success โดยที่มันไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้นก็ได้ เราสามารถมีเส้นทางเป็นของตัวเองก็ได้ มันก็เลยเหมือนคอลเลกชัน Black Tie ที่เป็นการตีความไทด์ในแบบที่ไม่เหมือนกันเลย เป็น Black Tie เหมือนกัน แต่ไม่มี Black Tie ธรรมดาเลย เป็น Black Tie ที่ต่างกันออกไปหมดเลย”
สำหรับซิงเกิลนี้ เจฟได้เนื้อร้องหรือเมโลดี้มาก่อน
“เป็นเมโลดี้ก่อน ผมขึ้นโครงดนตรีก่อน แล้วผมก็นั่งร้องไปกับดนตรีว่าจะขึ้นว่าอะไรดี ก็เลยขึ้นคำว่า Black Tie มา ที่ใส่ไปตรงท่อนฮุค หลังจากนั้นก็มีท่อนลาลาลาตามมา”
“Now I’m in the wedding of my tears and my despair ตอนนี้ผมอยู่ในงานแต่งงานของน้ำตาและความสิ้นหวัง Soon I’d be at the funeral of all the things I care หลังจากนั้นผมจะไปงานศพที่มีแต่สิ่งที่ผมแคร์ เพราะทั้งสองที่ ทั้งงานแต่งงาน และงานศพ เราต่างใส่ Black Tie ครับ”'
มีท่อนที่ร้องว่า “Seven years old losing that part of my soul” ทำไมต้องเป็น 7 ขวบ
“ผมเคย give up ไปหลายรอบแล้ว แล้วก็มันเป็นเรื่องปกติที่เราจะ give up เราก็เป็นมนุษย์ ถ้าเราทำไปแล้วมันไม่ work สักที อยากให้มองว่าความฝันมันค่อย ๆ ทำไปได้ มันไม่จำเป็นต้องอายุเท่านี้อายุเท่านั้นถึงจะทำสำเร็จ แล้วถ้าทำไม่สำเร็จก็ไม่จำเป็นต้องผิดหวัง ความฝันมันไม่จำเป็นต้องมีแค่อันเดียวนะครับ เราอาจจะทำอย่างอื่นด้วยก็ได้ แต่ลองทำมันดูก่อน แต่ถ้าเฟลก็ไม่เป็นไรนะ ผมก็เคยคิดอย่างนั้นแหละ มันก็เลยไม่มีแรงกดดัน แล้วก็ทำไปดู ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”
ฝากผลงานหน่อย ช่วงนี้เจฟมีอะไรให้ติดตามกันบ้าง
“ก็มีเพลง Black Tie นะครับ ฟังได้ใน YouTube และทุก Music Streaming แล้วก็มี Wuju Bakery เป็นซีรีส์ที่ไปถ่ายที่ประเทศเกาหลีกับบาร์โค้ด แล้วก็หนังกับ GDH น่าจะเป็นช่วงปีหน้า แล้วก็อัลบั้ม สุดท้ายจะเป็นทัวร์ 6 ประเทศ อ่อ แล้วก็มี Call Me by Fire เป็นเรียลลิตี้ที่จีน กำลังออนแอร์อยู่ครับ”
“Black Tie ในแบบของเจฟ คือ Black Tie ที่ไม่เหมือนคนอื่นเลย แล้วผมก็อยากให้ทุกคนมี Black Tie ที่ไม่เหมือนคนอื่นเลย เพราะว่า Black Tie ที่สวยงามที่สุด ก็คือ Black Tie ในแบบของเรา อะไรก็ตามที่เรามองกระจกแล้วรู้สึกว่ามันดูดีที่สุด มันก็ดูดีที่สุดแล้ว ไม่จำเป็นต้องดีที่สุดสำหรับคนอื่น แต่ดีที่สุดสำหรับเรา เราเป็นสแตนดาร์ดของตัวเอง”