
ความรักไม่ได้มีแต่ความสุข ทำไมเราเลือกที่จะมีมันอยู่ดี? l CLUB PRIDE DAY inside EP.11 ฟาอัล สุดติ่ง
CLUB PRIDE DAY inside EP.11 เมื่อ “ฟาอัล สุดติ่ง” อินฟลูเอนเซอร์และครีเอเตอร์ชื่อดัง เปิดใจเล่าเรื่องราวชีวิต ความรัก การเติบโตในครอบครัว รวมถึงเส้นทางที่ทำให้เธอกลายเป็นที่รักของผู้คนมากมาย บทสนทนาครั้งนี้เต็มไปด้วยแง่คิดและแรงบันดาลใจที่ทำให้ทุกคนรู้จักฟาอัลในมุมลึกซึ้งกว่าเดิมความรักที่เหมือนรถไฟเหาะ ฟาอัลมองว่าความรักสำหรับเธอเหมือน รถไฟเหาะ (Roller Coaster) ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น หวาดเสียว และเวลาเล่นบางครั้งก็เหนื่อย แต่ถึงแบบนั้นเราก็ยังเลือกที่จะรัก เพราะมนุษย์ต่างเสพติดความรู้สึกที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ฟาอัลเชื่อว่า “เรามักจะเป็นคนหนึ่งที่มีใครสักคนรออยู่ และเราก็กำลังรอเขาเหมือนกัน” มันเลยทำให้ฟาอัลไม่ได้โหยหาความรัก สำหรับสเปกของฟาอัลฟาอัลให้ความสำคัญกับ “ความใส่ใจ” มากกว่ารูปลักษณ์ และถ้าฟาอัลชอบใคร ฟาอัลจะกล้าบอกตรง ๆ เพราะเชื่อในการซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองการเติบโตท่ามกลางความต่าง แต่ไม่เคยถูกมองว่าแตกต่าง หนึ่งในหัวใจสำคัญของชีวิตฟาอัล คือการได้รับการเลี้ยงดูที่ “ไม่แบ่งแยก” จากครอบครัว ครอบครัวไม่เคยมองว่าฟาอัลเป็นเด็กพิเศษ แม้ร่างกายจะไม่สมบูรณ์เหมือนคนทั่วไป คุณตาของฟาอัลเคยสอนว่า “การที่เราเกิดมาแบบนี้ ไม่ได้แปลว่าเราผิดแปลกจากคนอื่น” คำสอนนี้หล่อหลอมให้ฟาอัลเติบโตอย่างเข้มแข็ง พร้อมรับมือกับโลกภายนอกแม้อาจไม่ยุติธรรมเสมอไป ช่วงวัยเด็ก ฟาอัลเคยรู้สึกไม่อยากออกจากบ้านเพราะคิดว่าตัวเอง “ผิดแปลกจากคนอื่น” แต่เมื่อโตขึ้น เธอเรียนรู้ว่าการสู้กลับแบบเด็ก ๆ ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลยจากการคลาน สู่การเดินได้ด้วยพระราชานุเคราะห์ ฟาอัลเริ่มต้นด้วยการ “คลาน” ก่อนที่จะได้รับพระราชานุเคราะห์ในการรักษา จนสามารถเดินได้ในวันนี้ และฟาอัลภูมิใจมากที่มาไกลจากจุดเริ่มต้น เมื่อถูกถามว่าอายไหมที่เดินไม่เหมือนคนอื่น ฟาอัลตอบอย่างมั่นใจว่า “ไม่เลย เพราะเมื่อก่อนเราต้องคลาน แต่ตอนนี้เราเดินได้แล้ว” สิ่งนี้ทำให้ฟาอัลมองว่ามันคือ เอกลักษณ์ มากกว่าข้อบกพร่องบาดแผลในโรงเรียนที่ไม่มีใครเห็น ชีวิตในโรงเรียนไม่ใช่ Safe Zone สำหรับฟาอัล เธอเคยถูกบุลลี่ทั้งจากเพื่อนและครู ทำให้ฟาอัลถึงขั้นต้องโกหกที่บ้านว่าไม่อยากไปโรงเรียน เพราะการบอกผู้ปกครองอาจทำให้สถานการณ์แย่ลง ฟาอัลมองว่า “การเรียนมันจะสนุกขึ้นมาก ถ้าสังคมในโรงเรียนทำให้เราอยากไป” ประสบการณ์เหล่านี้กลายเป็นปมสำคัญ แต่ก็เป็นแรงผลักดันที่ทำให้ฟาอัลเติบโตอย่างเข้าใจโลกมากขึ้นเรียนรู้ที่จะคิดบวกและเข้าใจความเป็นมนุษย์ ฟาอัลมองว่า “ทุกคนมีปม” ไม่ว่าเราจะเห็นหรือไม่ก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น เราอาจไม่ชอบนิสัยเพื่อนร่วมงานบางคน แต่เราไม่รู้เลยว่าเขาต้องเจออะไรในชีวิตประจำวัน เพราะเราไม่ได้อยู่กับเขาตลอด 24 ชั่วโมง หากเห็นทุกมุมของเขา เราอาจเข้าใจเขามากกว่านี้ก็ได้ นี่คือมุมคิดที่ทำให้ฟาอัลกลายเป็นคนที่เข้าใจผู้อื่นและพร้อมให้เกียรติทุกคนโรงเรียนพิเศษ vs โรงเรียนปกติ: มุมมองจากคนที่เคยผ่านเส้นทางนี้ ฟาอัลเชื่อว่า หากเด็กพิเศษช่วยเหลือตัวเองได้ ควรส่งเข้าเรียนใน โรงเรียนปกติ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและให้เด็กได้เรียนรู้การเข้าสังคม การแยกไปเรียนเฉพาะทางตั้งแต่แรกอาจยิ่งจำกัดโอกาส เพราะพ่อแม่ไม่สามารถอยู่ดูแลเด็กตลอดชีวิต ฟาอัลอยากให้สังคมมองเด็กพิเศษเป็น “มนุษย์คนหนึ่ง” ที่ควรได้รับเกียรติและโอกาสเท่าเทียมกับทุกคนการซัพพอร์ตคนพิการในไทยยังไปไม่ถึงเป้าหมาย ฟาอัลมองว่าระบบสนับสนุนคนพิการในไทยยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะเงินช่วยเหลือ 800 บาทต่อเดือนที่ไม่ครอบคลุมคุณภาพชีวิตพื้นฐาน แต่ถ้าเราสามารถปรับมาเป็นการซัพพอร์ตแบบยั่งยืน เช่น การสร้างอาชีพ มันอาจจะเป็นโครงการช่วยเหลือระยะยาวมากกว่าการช่วยแบบฉาบฉวยแบบในปัจจุบันแรงกดดันจากสังคม ศาสนา และตัวตนที่แท้จริง ฟาอัลเคยคิดจะเลิก “แต่งหญิง” เพราะแรงกดดันจากสังคมและศาสนา เธอไม่อยากทำผิดหลักความเชื่อ แต่ก็รู้ว่าการฝืนตัวเองทำให้ไม่มีความสุข เราอาจทำให้คนอื่นพอใจได้ แต่ถ้าเราไม่เป็นตัวเอง เราจะทุกข์ที่สุด โชคดีที่ครอบครัวของฟาอัลสนับสนุนและให้ฟาอัลใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการเส้นทางสู่วงการบันเทิงและอินฟลูเอนเซอร์ ฟาอัลฝันอยากเป็นนักแสดง และเริ่มต้นเส้นทางในฐานะอินฟลูเอนเซอร์ ความพยายามทำให้ฟาอัลมาถึงทุกวันนี้ แม้จะมีเสียงวิจารณ์ด้านลบ แต่เมื่อคนรู้จักมากขึ้น ก็เห็นความตั้งใจและเปิดใจยอมรับฟาอัลมากขึ้นสรุป: ฟาอัลไม่ใช่แค่ครีเอเตอร์ แต่คือแรงบันดาลใจของหลายคน จากบทความนี้ทำให้เห็นว่าฟาอัลเป็นคนที่ผ่านหลายสิ่ง แต่ยังคงมองโลกในมุมบวก กล้ารักตัวเอง กล้าเป็นตัวเอง และกล้าต่อสู้เพื่อความฝัน นี่คือเหตุผลที่ฟาอัลกลายเป็นแรงบันดาลใจของใครหลายๆคน และเป็นหนึ่งในตัวแทนที่สะท้อนว่าความแตกต่างคือความงดงามของมนุษย์ดูคลิปเต็มได้ที่ Atime Do Deeจัดทำโดย : พิชชาภรณ์ ผาสุขดี และ ชานนท์ ไชยศรี









