
ความชอบของคนเรา เปลี่ยนไปได้ทุกวัย ทุกวัน l CLUB PRIDE DAY inside EP.9 นินิว เพชรด่านแก้ว
นินิว หรือ คริตตินา แซ่แต้จาก “เด็กขี้อาย” สู่ “เด็กกิจกรรม”ครอบครัว การยอมรับตัวตน นินิวเกิดในครอบครัวที่คุณพ่อเป็นตำรวจ ในสังคมตำรวจสมัยนั้นมักมองว่าการมีลูกเป็น LGBTQ+ เป็นเรื่องแปลก ทำให้นินิวรู้สึกเหมือนถูก “ฟรีซ” จากสายตาคนอื่น ถูกบอกว่าเป็นกะเทยแล้วไม่ควรเปิดเผย จึงไม่กล้าพูดหรือแสดงออก ตอนเด็กนินิวเคยถูกป้าข้างบ้านพูดใส่ว่า “ดีนะ ที่บ้านเราไม่มีลูกเป็นตุ๊ด” คำพูดนั้นฝังใจ แต่นินิวเลือกปล่อยผ่าน ให้เขาอยู่กับทัศนคติแบบเดิมของเขาไป อย่างไรก็ตาม นินิวมองว่าตัวเอง “โชคดีมาก” เพราะครอบครัวเปิดกว้าง เข้าใจ และไม่กดดัน ไม่คาดหวังให้นินิวต้องพิสูจน์ตัวเองเพียงเพราะเป็น LGBTQ+ อยากเรียนอะไร ทำอะไร ทางบ้านก็พร้อมที่จะสนับสนุนนินิวอย่างเต็มที่ทดลอง-เรียนรู้-ค้นหาความชอบ นินิวชอบลองสิ่งใหม่เพื่อรู้จักตัวเอง เคยฝันอยากเป็นนักร้อง พอได้ทำจริงกลับพบว่า “ไม่ชอบ” ถ้าว่าแล้วอาชีพนักแสดง นินิวก็ “ทำได้” แต่ยังไม่ใช่สิ่งที่ใช่ เพราะนินิวคิดว่า“ความชอบของคนเราเปลี่ยนได้ทุกวัย ทุกวัน”จึงไม่รีบการันตีว่าอะไรคือสิ่งที่ชอบที่สุด เปิดพื้นที่ให้ตัวเองได้ลองเสมอจุดเริ่มต้นสายท่องเที่ยว เริ่มจากอยากไปต่างประเทศเลยเรียนเป็น “ไกด์” ชอบเมืองชนบทต่างประเทศ ได้เห็นมุมชีวิตเรียบง่ายจนตกผลึกว่า“ความสุขจริง ๆ ไม่ได้ยากขนาดนั้น มันอยู่รอบตัวและไม่เหมือนกันในแต่ละคน” นินิวมองว่าตัวเองเป็น introvert ที่เข้าสังคมได้ รักการท่องเที่ยวพอ ๆ กับการอยู๋กับตัวเองในพื้นที่ที่มีความสงบและธรรมชาติการสูญเสีย มุมมองต่อความตาย การสูญเสียคุณพ่อคือบทเรียนครั้งใหญ่ นินิวไม่ร้องไห้ในวันนั้น เพราะรู้ว่าตัวเองทำหน้าที่ลูกได้เต็มที่แล้ว ถ้าถามว่านินิวกลัวตายมั้น นินิวตอบได้เลยว่าไม่กลัวความตาย“ถ้าเรากลัวความตาย เราอาจลืมความสุขที่ทำได้ในปัจจุบัน”เลยตั้งใจอยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุดรับมือคอมเมนต์ ดราม่า นินิวชอบอ่านทุกคอมเมนต์ไม่ว่าจะมาในทางที่ดีและไม่ดี โดยวิธีรับมือของนินิวคือ “ไม่รับมือ” เพราะนั่นคือความคิดของเขา ไม่ใช่ตัวเรา ถ้าเขาไม่สำคัญกับชีวิตเรา เราก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร นินิวยอมรับว่าเคยโต้ตอบบ้างในอดีต ก่อนจะตกผลึกว่ามันไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรเลย และอาจกลายเป็น Digital Footprint ที่ว่าถ้าวันนึงเรามองย้อนกลับมา เราอาจจะไม่ชอบตัวเองในตอนนั้นก็ได้มุมมองเรื่องเพื่อน ถ้าพูดถึงเพื่อนสนิทของนินิวก็ต้องเป็น ฝน (monsterfon) จุดเริ่มต้นของพวกเรามาจากการไลฟ์เล่น ๆ กัน จนมีลูกค้าจ้าง ฝนเป็นเพื่อนที่คุยได้ทุกเรื่อง ทั้งไร้สาระและ deep talk เพราะมีตรรกะชีวิตคล้ายกัน รับฟังและเตือนกันได้ สำหรับมุมมองเรื่องเพื่อนของนินิว นินิวมองว่ามันสำคัญที่ “ทัศนคติที่ต้องไปด้วยกันได้” นินิวมักเป็นฝ่ายประนีประนอม เพราะคนรอบตัวส่วนใหญ่ใจร้อนความรักสเป็กของนินิว คือ “หนุ่มขาวตี๋” นินิวเคยอกหักครั้งแรกตอนมัธยม คบกันราวหนึ่งปี อีกฝ่าย “ยืมหูฟังบลูทูธของเราแล้วหายไป” มันจบลงด้วยการที่เขาหายไปเลย นั้นเป็นครั้งแรกที่เข้าใจความรู้สึกอกหัก จากนั้นเวลาอกหักนินวจะมีสเต็ปการอกหักที่ทำคือ ร้องไห้ เปิดเพลงเศร้า ดื่มกับเพื่อน ขับรถไปทะเล กินเหล้าจุดพลุถ่ายรูปลงรูปเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา จนวันหนึ่งนินิวเลือกไปเที่ยวคนเดียว ปล่อยให้ธรรมชาติช่วยเรียงความคิด นินิวรู้สึกชัดเจนขึ้นว่า ที่เราเจ็บก็เพราะนินิวยังรักตัวเองไม่พอ จากนั้นนินิวก็คิดได้ว่า ถ้าจะรักใคร ต้องรักในแบบที่เขาเป็น ไม่ผูกความคาดหวังของนินิวไว้กับชีวิตอีกคน“ความรักเหมือนอากาศ” อยู่รอบตัวในหลายรูปแบบ ทั้งครอบครัว เพื่อน ตัวนินิวเอง หรือสิ่งเล็ก ๆ ที่ทำให้ยิ้มได้ วันนี้นินิวไม่ได้ตามหามัน แต่ถ้ามีคนเดินเข้ามา นินิวก็ยินดีที่จะค่อย ๆ เรียนรู้กันงานที่ใช่ เส้นทางครีเอทีฟ อยากใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ ถ้ามีโอกาสก็ทำให้เต็มที่ แต่รู้ชัดอย่างหนึ่งคือ “ไม่ชอบร้องเพลงตามร้าน” เพราะควบคุมปัจจัยรอบตัวไม่ได้ ยอมรับว่า “ทำตามใจตัวเอง” เงินซื้อไม่ได้ ถ้าใจไม่อยาก นินิวก็จะไม่ทำ นินิวค้นพบความเป็นคนตลกและสร้างสีสันแบบ “ไม่วางแผน” มาจากอินเนอร์ ไม่ค่อยตามกระแส ชอบหาความต่าง เลยออกมาเป็นธรรมชาติและถูกจริตผู้คนความกังวล แผนชีวิต นินิวรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ตอนนี้ “นินิวไม่มีเรื่องให้ต้องกังวล” เพราะนินิววางแผนคร่าว ๆ ของชีวิตไว้แล้ว ทั้งเรื่องการย้ายกลับต่างจังหวัด และเรื่องทำประกัน นินิวรู้ว่าอะไรสำคัญกับตัวเองที่สุด นินิวให้ความสำคัญกับความสุขเป็นลำดับแรก สำหรับคนที่ยังไม่เจอสิ่งที่ใช่ นินิวอยากให้ “ลองไปเรื่อยๆ” เพื่อค้นเจอความสุขของตัวเอง เพราะสิ่งที่ใช่วันนี้ พรุ่งนี้อาจไม่ใช่ ไม่เป็นไร แค่ลอง นินิวคิดว่าทุกเรื่องที่ผ่านมาคือ บทเรียน เราต้องอยู่กับปัจจุบัน สิ่งไหนไม่ดีเราก็เรียนรู้แล้วแก้มันเลย ไม่ต้องรอให้อนาคตย้อนกลับมารักตัวเองฉบับนินิว เข้าใจตัวเองให้มาก ทบทวนตัวเอง คุยกับตัวเอง ฟังเสียงตัวเอง เราไม่จำเป็นต้องให้ใครมายอมรับ แค่เรายอมรับตัวเอง ชีวิตก็จะ “สุขง่ายขึ้น”ดูคลิปเต็มได้ที่ Atime Do Deeจัดทำโดย : พิชชาภรณ์ ผาสุขดี และ ชานนท์ ไชยศรี









