เช็กตัวเองก่อนเป็น Burnout Syndrome

HEALTHY LIFESTYLE

เช็กตัวเองก่อนเป็น Burnout Syndrome

07 ต.ค. 2023

เป็นยังไงกันบ้างทุกคน ผ่านมาครึ่งทางแล้ว เหลืออีก 3 เดือนสุดท้ายของปี เหนื่อยกันไหมมม ??

หลาย ๆ คนประสบความสำเร็จมากขึ้น หลาย ๆ คนเติบโตมากขึ้น หลาย ๆ คนความสำเร็จอาจจะยังไม่มาถึง แต่เราเชื่อว่าอีกไม่นานต้องมาถึงคุณแน่นอนและก็มีอีกหลายคนรู้สึกว่า

เรากำลังจะหมดไฟในการทำงานแล้วรึเปล่านะ ?

อาการเครียด หดหู่ เบื่อ ไม่มีแรงจูงใจในการทำงาน หรือที่เราเรียกกันว่า Burnout Syndrome ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโรคใหม่จากองค์การอนามัยโลก (WHO) โดยเป็นโรคที่เป็นผลจากการความเครียดเรื้อรังในสถานที่ทำงาน เป็นปัญหาที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มพนักงานออฟฟิศ เนื่องจากความเครียด ความกดดันในการทำงาน

 เราจะรู้ได้ยังไง ว่าเรากำลังตกอยู่สภาวะ Burnout Syndrome

อาการ Burnout Syndrome คือ ภาวะความอ่อนล้าทางอารมณ์ เป็นการเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจที่เกิดจากความเครียดของงานที่มากเกินไป อย่างต่อเนื่องยาวนาน รวมถึงงานมีความซับซ้อน ต้องทำในเวลาเร่งรีบ จนทำให้คน ๆ นั้นรู้สึกหมดไฟ มองตัวเองในแง่ลบ ไม่มีแรงจูงใจในการทำงาน รู้สึกห่างเหินจากผู้ร่วมงาน และไม่รู้สึกผูกพันกับสถานที่ทำงาน

 ลองมาเช็กกันว่าคุณจะเสี่ยงเป็น Burnout Syndrome ไหม

  • ผู้ที่ทำงานหนัก มีภาระงานมาก ทำงานล่วงเวลา
  • งานมีความซับซ้อน รีบเร่ง ทำให้เกิดความกดดัน
  • จริงจังเกินไป ขาดความยืดหยุ่น ยึดติดในความสมบูรณ์แบบ
  • ทำงานที่ไม่ได้มีความรักหรือความปรารถนาที่จะทำ
  • ขาดอำนาจในการตัดสินใจ มีปัญหาการเรียงลำดับความสำคัญของงาน
  • ไม่ได้รับการตอบแทนหรือรางวัลที่เพียงพอต่อสิ่งที่ทุ่มเท
  • ไม่ได้รับความยุติธรรม ขาดความเชื่อใจ และไม่เปิดใจยอมรับ
  • รู้สึกไม่เป็นส่วนหนึ่งของทีม ไร้ตัวตน
  • ระบบบริหารงานหรือค่านิยมองค์กรขัดต่อคุณค่า และจุดมุ่งหมายในชีวิต
  • องค์กรไม่มั่นคง นโยบายบริหารไม่มีความชัดเจน

สัญญาณเตือนว่าคุณมีภาวะหมดไฟในการทำงาน

หลังจากที่เช็กจากด้านบนแล้วสงสัยว่าตัวเองจะมีภาวะหมดไฟในการทำงานรึเปล่า สามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้ดังนี้

  • อาการทางกาย สูญเสียพลังงานหรืออ่อนเพลีย (Exhaustion) นอนไม่หลับ ร่างกายอ่อนเพลีย เหนื่อย หมดแรง ปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดกล้ามเนื้อ ภูมิตก ไม่มีสมาธิ ความ สามารถในการจำลดลง
  • อาการทางอารมณ์ รู้สึกไม่อยากทำงาน หรือมีทัศนคติเชิงลบต่องานที่ทำ (Negativism) รู้สึกเบื่อ ไม่มีความสุข หดหู่ ไม่มีชีวิตชีวา สิ้นหวัง ไม่มีแรงจูงใจ อารมณ์แปรปรวน โกรธ หงุดหงิดง่าย มองโลกในแง่ร้าย ไม่สนใจความรู้สึกผู้อื่น มีความขัดแย้งระหว่างบุคคลมากขึ้น สงสัยในความสามารถของตัวเอง
  • อาการทางพฤติกรรม ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง (Professional Efficacy ) มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนน้อยลง แยกตัวออกจากกลุ่ม หมกมุ่นอยู่กับการทำงาน ไม่กระตือรือร้น ผัดวันประกันพรุ่ง บริหารจัดการเวลาไม่ได้ ขาดความคิดสร้างสรรค์ ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ไปจนถึงมีการใช้สารเสพติดหรือแอลกอฮอล์

วิธีรับมือและจัดการกับภาวะหมดไฟในการทำงาน

  • พูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า เพื่อให้รับทราบปัญหา และหาทางออกด้วยกัน เช่นการลดปริมาณงาน การเรียงลำดับความสำคัญของงาน เพื่อทำให้งานสำเร็จตามเป้าหมายได้
  • พักผ่อนให้เพียงพอ นอนอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ขจัดความเหนื่อยล้าที่สะสมมา ช่วยปรับสมดุลร่างกาย
  • ลองมาออกกำลังกาย หรือหากิจกรรมทำ เพื่อช่วยลดความเครียดจากการทำงาน ช่วยให้ร่างกระปรี้กระเปร่า สดชื่น และถือว่าเป็นพักสมองจากเรื่องงานไปในตัว
  • ทำสมาธิ ผ่อนคลายความเครียด ยืดหยุ่นในสถานการณ์ต่าง ๆ ให้มากขึ้น ลดความกดดันตนเอง
  • สร้างความสัมพันธ์และบรรยากาศที่ดีในการทำงาน หรืออาจะหาช่วงเวลาสังสรรค์หลังเลิกงานกับเพื่อนในที่ทำงานบ้าง
  • หยุดพักบ้าง เราทุกคนมีวันลาพักร้อน เราก็ใช้วันลาพักร้อนเหล่านั้น ไปเที่ยวต่างจังหวัด เปิดหู เปิดตา ให้สมองปลอดโปร่ง ให้เวลากับตัวเองในการจัดการความเครียด

หากรู้สึกว่าเราจะหมดไฟในการทำงาน มีความเครียดมาก ๆ  การพูดคุยกับคนรอบข้างที่ไว้ใจและเข้าใจ อาจจะเป็นการได้ระบายอย่างหนึ่ง แต่ที่สำคัญเราควรมีเวลาพักผ่อน ได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง ได้ใช้เวลากับสิ่งที่ตัวเองรัก สิ่งที่ตัวเองสนใจ ให้ตัวเองได้จัดการอารมณ์ หา Work Life Balance ในการทำงาน เท่านี้อาจจะทำให้เราออกห่างจากภาวะหมดไฟในการทำงานได้บ้างแล้ว

ว่าแล้ววันหยุดนี้ก็ออกไปเที่ยวกัน ^^

related HEALTHY LIFESTYLE

5 โรค ที่ทำให้คุณง่วงกลางวัน กลางคืนก็นอนไม่หลับ

24 ม.ค. 2022

5 โรค ที่ทำให้คุณง่วงกลางวัน กลางคืนก็นอนไม่หลับ

หลายๆคนโดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศหรือนักเรียนนักศึกษารวมถึงแอดก็ชอบมีอาการแบบนี้ประจำจะชอบง่วงมากเวลาบ่ายเริ่มตาปรือสัปหงกหรือบางทีก็ต้องลุกไปชงกาแฟดื่มแก้ง่วงดื่มกาแฟและกลางคืนก็นอนไม่ค่อยจะหลับถ้านานๆทีง่วงทีก็พอจะเข้าใจได้แต่ถ้าง่วงมันทุกวันต้องลองเช็คสุขภาพแล้วนะคะ เพราะคุณอาจกำลังเป็นโรคบางอย่างหรือเปล่าวันนี้จะมาเล่าให้ฟังว่าโรคอะไรชอบง่วงกลางวัน1.โรคนอนไม่หลับหลายต่อหลายคน เพราะกลางคืนนอนไม่หลับก็เลยง่วงลองสังเกตตัวเองดูนะคะว่าที่นอนไม่หลับหรือนอนดึกมากๆเพราะทำงานหนักงานเยอะตี1ตี2ยังนอนไม่หลับหรือเครียดจนนอนไม่หลับหรือเปล่าถึงทำให้วันต่อมาง่วงนอนจัด บางครั้งก็อยากจะงีบพองีบ กลางคืนนอนไม่หลับซะงั้นถ้าเป็นอย่างนั้นก็ควรคลายเครียดลดการทำงานในตอนกลางคืนแพทย์แผนจีนแนะนำพุทราจีนเก๊กฮวย ช่วยบำรุงเลือดเพราะถ้าหากนอนไม่พอ เลือดจะพร่องเก๊กฮวยจะช่วยลดอาการร้อนในจากการนอนไม่หลับเป็นเวลานานๆได้ค่ะ2.โรคอ่อนเพลียล้าเรื้อรังคนไข้อาจจะมีโรคนอนไม่หลับด้วยซึ่งก็หมายถึงการนอนไม่หลับติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนาน และเมื่อร่างกายสะสมความอ่อนเพลียหนักขึ้นเรื่อยๆนอกจากนี้ยังอาจมีสาเหตุจากการบริโภคอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลมากเกินไปจนส่งผลให้มีอาการเพลียล้าง่วงนอนความจำไม่ค่อยดีปวดหัวเป็นประจำปวดเมื่อยกล้ามเนื้อบ่อยๆและหลับไม่สนิทนอนเท่าไรก็ไม่พออาการเหล่านี้กลุ่มวัยทำงานมีความเสี่ยงสูงที่สุดแพทย์แผนจีนแนะนำโสมจะช่วยเสริมภูมิเพิ่มพลังให้กับร่างกายและยังช่วยเรื่องนอนหลับด้วยนะคะ3.โรคเบาหวานโรคเบาหวานก็ทำให้อ่อนเพลียเรื้อรังได้ เพราะเลือดมีปริมาณน้ำตาลสูงและอาการง่วงนอนเป็นสัญญาณแรกๆที่แสดงหรือเตือนให้ร่างกายทราบว่ากำลังอยู่ในภาวะน้ำตาลในเลือดสูงนำไปสู่โรคเบาหวานได้ในอนาคตการบริโภคแป้งและน้ำตาลจำนวนมาก ทำให้เกิดอาการง่วงนอนได้สามารถลดเบาหวานด้วยมะระขี้นกโสม4.โรคลมหลับง่วงกลางวันค้างกลางคืนง่วงนอนมากในตอนกลางวันแต่ตอนกลางคืนกลับตาใสแป๋วและนอนไม่หลับหรือชอบหลับไม่สนิทซึ่งทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลงเรื่อยๆถ้าเป็นเด็ก การพัฒนาการสมองจะช้าเรียนไม่เก่งหรือถ้าเป็นผู้ใหญ่ ก็อาจมีประสิทธิภาพในการทำงานลดลงหรือแม้กระทั่งเป็นอันตรายต่อการใช้ชีวิตด้วยเช่นง่วงระหว่างขับรถหรือใช้เครื่องจักรกลต่างๆ นอกจากนี้ยังส่งผลถึงสุขภาพจิตที่อาจกลายเป็นคนหงุดหงิดง่ายจากการพักผ่อนไม่เพียงพออีกด้วยแพทย์แผนจีนจะช่วยบำรุงด้วยปั๊กคี้โสมตังกุยแป๊ะตุ๊กฟกเหล็งเป็นต้น5.โรคโลหิตจางผู้หญิงจะมีโอกาสเป็นโรคโลหิตจางได้ง่ายเพราะสูญเสียเลือดจากการมีประจำเดือน สาเหตุอาจมาจากการได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ไม่เพียงพอ(จากดัชนีชี้วัดผู้หญิงเลือกกินมากกว่า)ส่วนสาเหตุอื่น ยังมาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอจึงรู้สึกอ่อนเพลียหน้ามืดบ่อยเหนื่อยง่ายเชื่องช้าเซื่องซึมไม่สดใสจึงทำให้รู้สึกง่วงนอนบ่อยๆนั่นเองแพทย์แผนจีนแนะนำตังกุยเส็กตี่โสมและสมุนไพรที่ช่วยบำรุงเลือด5 โรคที่ทำให้เราอ่อนเพลีย แต่ละโรคไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยนะคะทางที่ดีลองปรับชีวิตให้เป็นปกติแบบแพทย์แผนจีนนอนให้เร็วตื่นให้เช้าหรือหากนอนไม่หลับลองเลี่ยงพฤติกรรมที่สงผลต่อการนอนหลับหรือกินอาหารที่ช่วยนอนหลับข้างต้นที่แพทย์แผนจีนแนะนำ เพื่อให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น หรือกดจุดช่วยอาการนอนไม่หลับ ก็เป็นอีกทางเลือกนึงค่ะนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ส่วนเรื่องพักใจ ยกให้Green Waveเสิร์ฟ เพลงดีดีกับความรู้สึกดีดีให้คุณเองค่ะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะFacebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’GirlMusic Travel Lover

album

0
0.8
1