ถ้าตับเริ่มพัง จะมีอาการแบบนี้

HEALTHY LIFESTYLE

ถ้าตับเริ่มพัง จะมีอาการแบบนี้

04 เม.ย. 2025

ชี่ตับ ติดขัด ทำให้เกิดโรคหลายโรค หลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยกับชี่ติดขัด แพทย์แผนจีนกล่าวว่า สิ่งที่ติดขัดในร่างกายมักจะทำให้เกิดโรค วันนี้จะมาเล่าให้ฟังว่า ชี่ติดขัด มักจะมีอาการอะไรบ้างค่ะ

1.อารมณ์เสียบ่อย หงุดหงิดง่าย

2.มีอาการท้องอืดเป็นประจำ

3.ปวดชายโครง

4.ชอบถอนหายใจบ่อยๆ

5.ถ้าหากเป็นผู้หญิงประจำเดือนมักจะไม่มีตามปกติ

คนส่วนใหญ่ที่มีอาการของชี่ติดขัด ถ้าหากเป็นเวลานานๆมักจะเป็นโรคความดัน ไทรอยด์ กระเพาะอักเสบ กรดไหลย้อน โรคที่เกี่ยวกับตับ เข้ามาเกี่ยวข้อง

กลุ่มอาการเหล่านี้รักษาได้ไม่ยากค่ะ อาจจะใช้ 柴胡疏肝散 逍遥散 小柴胡汤 ซึ่งเป็นยาในทางแพทย์แผนจีน

แพทย์แผนจีนแนะนำคนที่มีอาการแบบนี้บ่อยๆ ควรนอนให้เป็นเวลา ออกกำลังกายแบบแรงๆได้ เพราะต้องได้ปล่อยพลัง การกินจะเน้นกินเกี่ยวกับส้ม เปลือกส้ม ส้มโอ ส้มเช้ง ชากุหลาบ ชามินต์ ชาเก๊กฮวย ชามะลิ ทานบ่อยๆ จะช่วยบำรุงตับ ช่วยลดความเครียดได้ค่ะ

 

ตับร้อน พลังตับสูงขึ้นจนปวดหัว

หลายคนมีปัญหาเรื่องตับร้อน ส่วนใหญ่จะมีอาการแบนี้ค่ะ

1.อารมณ์เสียง่าย

2.ปวดเบ้าตา ปวดหัว

3.นอนไม่หลับฝันบ่อย

4.ใจสั่น

5.ขี้ลืม

6.หนักหัวเหมือนจะวูบ ซึ่งคนที่มีอาการตับร้อน มักจะเป็นโรคที่เกี่ยวกับความดันสูง ไทรอยด์ ไมเกรน

เมื่อมีอาการเครียดบ่อยๆ ความร้อนในตับจะสูงขึ้น และทำให้ปวดหัวอยู่เป็นประจำ จะปวดปริเวณเบ้าตา ขมับ ตาจะพร่า บางคนเป็นจนเส้นเลือดในสมองแตกได้ ถ้าหากมีอาการของความดันสูง

แพทย์แผนจีนแนะนำสมุนไพรหาง่ายกินป้องกันตับร้อนได้ เช่น เก้ากี้ เก๊กฮวย ถั่วเขียวต้มน้ำตาล ใบหม่อน ลูกหม่อน ยาที่กินในตับหรับยาจีน จะเป็น 天麻钩藤汤 桑菊饮 逍遥散 ต้องอยู่ที่ดุลพินิจของแพทย์แผนจีนด้วยนะคะ

 

แพทย์แผนจีนได้กล่าวไว้ว่า ตับช่วยกักเก็บเลือด ถ้าหากตับไม่กักเก็บเลือด จะมีอาการ

1.เวียนศีรษะบ่อยๆ

2.มีเสียงในหู(เสียงเบา)

3.ตับเป็นทวารของตา มักจะมองไม่ชัด ตาพร่ามัว

4.ตับเป็นธาตุไม้ มักจะทำให้เกิดลม มือเท้าชอบสั่น

5.มือชา เท้าชา

6.กล้ามเนื้อชอบกระตุก เนื่องจากลมในร่างกายเยอะ ใครที่มีอาการแบบนี้ แนะนำพบแพทย์แผนจีนเพื่อบำรุงตับนะคะ

อาหารที่บำรุงเลือดตับได้ดีมาก คือ เลือดเป็ด เพราะมีฤทธิ์เย็น ช่วยลดร้อนในตับได้ คนที่อ่อนเพลียเป็นประจำ หรือแขนขาไม่มีแรง ลองทานได้นะคะ อย่างอื่นก็มี เก๋ากี้ บ๊วย พุทราจีน อาหารเหล่านี้ช่วยบำรุงเลือดในตับได้ด้วยค่ะ

 

แต่ถ้าคุณ

1.ปวดหัวบ่อยๆ

2.หน้าแดงเป็นประจำ

3.ปากขม

4.โมโหง่าย

5.มีเสียงดังในหู

6.นอนไม่หลับ

แสดงว่ากำลังเข้าขั้นของตับร้อน ที่เรียกว่าไฟในตับลุกโชน จึงทำให้ปวดหัวค่ะ

ปวดหัวจะเป็นด้านข้างขมับ และตรงกลางกระหม่อม ความร้อนของเลือดขึ้นสูง ทำให้หน้าดูแดงกล่ำ ส่วนใหญ่ กระเพาะอาหารจะไม่แข็งแรง เพราะกระเพราะอาหารโดนพลังไฟของตับเผาไปด้วย จะทำให้เกิดปากขมในตอนเช้า  การที่ตับร้อนมาจากอารมณ์ที่แปรปรวน โมโหง่าย นอนไม่หลับ เป็นประจำ หรือฝันบ่อย ตื่นง่าย มีเสียงดังในหู ดังเหมือนมีจิงหรีด ทั้งหมดนี้คืออาการไฟตับลุกโชน ปัญหามาจากตับที่ไม่แข็งแรง

คนที่มีอาการแบบนี้ จะเป็นโรคความดันสูง อัมพาต โรคหัวใจ กรดไหลย้อนได้ง่าย 

แพทย์แผนจีนแนะนำ มะระ ความขมของมะระจะช่วยลดพลังไฟตับได้ เราอาจจะเอามะระไปทำอาหาร ต้มน้ำแกง ยัดไส้หมู ผัดไข่ ได้หมด อย่างอื่น อาจจะทานดอกเก๊กฮวย ถั่วเขียว ซาลารี่ ซานจา 

ยาจีนที่สามารถรักษาได้ดี คือ 柴胡疏肝散,逍遥散,天麻钩藤饮,天王补心丹

ไม่ควรดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หรือทานของเผ็ดมันบ่อยๆ จะทำให้การพัฒนาของโรคเป็นมากขึ้นค่ะ

 

ไหนใครมีอาการอะไร กี่ข้อกันบ้างคะ แอดเป็นหลายข้อเลย ขอตัวไปกินมะระก่อนนะคะ  

 

ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็ม

Collector by รุ่งโนรี ’Girl Music & Travel Lover

related HEALTHY LIFESTYLE

“น้ำเต้าหู้” ประโยชน์คับแก้ว

29 ส.ค. 2023

“น้ำเต้าหู้” ประโยชน์คับแก้ว

1.หลายคนดื่มน้ำเต้าหู้เพื่อลดความอ้วน ลดน้ำหนัก และไขมัน มีงานวิจัยหนึ่งที่ทดลองประสิทธิผลของนมวัว นมถั่วเหลืองปรุงแต่ง และอาหารเสริมแคลเซียมที่มีผลต่อการลดไขมันในผู้หญิงก่อนวัยทองที่มีภาวะอ้วนและภาวะน้ำหนักเกิน พบว่าการบริโภคนมไขมันต่ำอย่างนมถั่วเหลืองปรุงแต่ง ช่วยลดภาวะอ้วนและภาวะอ้วนลงพุงในกลุ่มตัวอย่างทดลองได้อย่างมีนัยสำคัญอีกหนึ่งการทดลองได้เปรียบเทียบประสิทธิผลของน้ำเต้าหู้กับนมวัวขาดมันเนยกับระดับไขมันในเลือดและการทำปฏิกิริยากับผนังเซลล์ไขมัน (Lipid Peroxidation)ในผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง ผลลัพธ์ที่ได้ชี้ว่าน้ำเต้าหู้มีส่วนช่วยในการลดระดับไขมันในเลือดและลดการเกิดปฏิกิริยาที่สารอนุมูลอิสระทำปฏิกิริยากับกรดไขมันไม่อิ่มตัวในผนังเซลล์ ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ป่วยภาวะไขมันในเลือดสูง ส่วนการทดลองเพื่อหาประสิทธิผลในการลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายด้วยเครื่องดื่มที่ทำมาจากถั่วเหลือง โดยทำการทดลองในกลุ่มตัวอย่างชาวฝรั่งเศสที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงในกลุ่มความเสี่ยงระดับปานกลาง ผลที่ได้คือ การบริโภคเครื่องดื่มจากถั่วเหลืองที่มีสารแพลนท์ สเตอรอล (Plant Sterol)ช่วยลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลชนิดเลว (non-HDLและLDL)ลงอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า น้ำเต้าหู้อาจช่วยควบคุมและลดระดับไขมันในผู้ป่วยที่มีคอเลสเตอรอลในเลือดสูงที่อยู่ในกลุ่มผู้มีความเสี่ยงเล็กน้อยไปจนถึงปานกลาง2.น้ำเต้าหู้บำรุงกระดูก การทดลองเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของนมถั่วเหลืองที่มีสารไอโซฟลาโวนที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตและกระบวนการสร้างหรือสลายกระดูกในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนชาวสเปน พบว่าการบริโภคนมถั่วเหลืองช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินดี และช่วยลดกระบวนการสลายกระดูก นอกจากนั้น การบริโภคสารไอโซฟลาโวนจากถั่วเหลืองเพิ่มเติม อาจช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของกลุ่มตัวอย่างได้ และช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูกได้อีกด้วย3.สำหรับคนที่ความดันสูงเป็นประจำ น้ำเต้าหู้ช่วยลดความดันโลหิต มีการทดลองศึกษาประสิทธิผลของเครื่องดื่มที่ทำมาจากถั่วเหลือง ในด้านคุณค่าทางโภชนาการและอิทธิพลต่อการลดน้ำหนัก พบว่าเครื่องดื่มที่ทำมาจากถั่วเหลืองอาจช่วยลดระดับความดันโลหิตซิสโตลิกและไดแอสโตลิกลงได้ ซึ่งเป็นความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัวและคลายตัว ในกลุ่มตัวอย่างเยาวชนเพศหญิงที่มีภาวะอ้วนและภาวะน้ำหนักเกิน อย่างไรก็ตาม ในการทดลองนี้ยังไม่พบผลลัพธ์ในด้านน้ำหนักตัวที่ลดลง หรือขนาดเส้นรอบเอวที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด อีกงานทดลองที่ศึกษาผลลัพธ์จากการบริโภคน้ำเต้าหู้ที่สัมพันธ์กับระดับความดันโลหิตในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2ที่มีภาวะไตผิดปกติร่วมด้วย พบว่าการบริโภคน้ำเต้าหู้มีผลต่อการควบคุมระดับความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ดีขึ้นในผู้ป่วยกลุ่มนี้ค่ะ4.มีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน จากการค้นคว้าหาประสิทธิผลของการบริโภคผลิตภัณฑ์นมและนมถั่วเหลืองเป็นประจำทุกวันทั้งก่อนมื้ออาหาร30นาที และพร้อมมื้ออาหารในกลุ่มทดลองเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี เพื่อศึกษาหาอิทธิพลต่อระบบย่อยอาหาร ระดับน้ำตาลและสารอินซูลินในเลือด พบว่า การดื่มนมทั้งนมถั่วเหลืองและนมวัวก่อนมื้ออาหาร30นาที จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหารได้มากกว่าการดื่มพร้อมมื้ออาหาร ซึ่งวิธีการนี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานจากการบริโภคอาหารที่มีค่าGIสูง (Glycemic Index:ค่าดัชนีน้ำตาล) ซึ่งยังต้องค้นคว้าทดลองในด้านนี้ต่อไป เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แน่ชัดและเป็นประโยชน์ในอนาคต5.ลดความเครียดแถมยังสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระได้ด้วย งานวิจัยมากมายได้นำเสนอประสิทธิผลของน้ำเต้าหู้และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วเหลือง มีงานวิจัยหนึ่งที่สนับสนุนคุณประโยชน์ของโปรตีนถั่วเหลืองเช่นกัน แต่นำเสนอในด้านที่แตกต่าง คือ การทดลองให้ผู้ป่วยกลุ่มอาการเมตาบอลิก (Metabolic Syndrome)บริโภคโปรตีนถั่วเหลืองในปริมาณแต่น้อยเพียง25กรัม ทุกวัน ผลคือกลุ่มทดลองได้บริโภคโปรตีนถั่วเหลืองปริมาณ25กรัม ทุกวัน เป็นเวลา90วัน โดยไม่พบผลข้างเคียงในการทดลองนี้ และยังเป็นประโยชน์ในทางรักษา คือ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและเพิ่มไขมันดี (HDL)ในผู้ป่วยกลุ่มอาการเมตาบอลิกอีกด้วยค่ะ พูดง่ายๆคือน้ำเต้าหู้อุดมไปด้วยโปรตีนและฮอร์โมนเอสโตรเจน น้ำเต้าหู้ มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มพลังและขจัดความอ่อนแอให้กับร่างกาย ลดสารตะกั่วในเลือดช่วยป้องกันตับไม่ให้ถูกทำลายได้ง่ายและยังช่วยให้เมทาบอริซึมในร่างกายเผาพลานทำงานดีขึ้นแนะนำผู้สูงอายุดื่มบ่อยๆจะช่วยไม่ให้ผนังหลอดเลือดแข็งตัวหรือโรคกระดูกพรุนได้ง่ายอีกด้วยนะคะขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

สวยจากภายใน ไม่ต้องพึ่งมีดหมอ

01 พ.ย. 2023

สวยจากภายใน ไม่ต้องพึ่งมีดหมอ

เราทุกคนอยากดูเด็ก ชอบให้คนอื่นทักยิ่งมองยิ่งสวยนะทำอะไรมา? ทำอย่างไรให้สวยแบบธรรมชาติที่สุดโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี ฉะนั้นเราควรรู้ว่าอวัยวะภายในของเราทำงานอย่างไร มันทำให้เราสวยได้ยังไง สวยอยู่แล้วต้องบำรุงแบบไหน ตรงจุดไหม แล้วความสวยของเรานั้นมันเกี่ยวอะไรกับอวัยวะของเรา วันนี้แพทย์แผนจีน มีคำตอบค่ะ1. ใบหน้างามด้วยหัวใจที่สดใส หน้าที่ของหัวใจจะเกี่ยวข้องกับการสูบฉีดเลือดโดยตรง คือพลังของหัวใจนั้นจะผลักดันให้เลือดไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงร่างกาย ใบหน้านั้นเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยงมาก ถ้าหากระบบการทำงานของหัวใจไม่ดีจะแสดงออกมาในรูปสีบนใบหน้า เช่นพลังหัวใจแข็งแกร่งเลือดลมไหลเวียนดี ก็จะทำให้ใบหน้าผิวแดง ดูสดใส หากพลังของหัวใจไม่เพียงพอ เลือดลมไหลเวียนไม่ดี ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใสหัวใจพลังไม่พอ อาจจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น นอนไม่หลับ ใจสั่น ใจหวิว ฝันบ่อย ปัสสาวะเหลืองมาก แนะนำให้ทาน ลำใยแห้ง เมล็ดบัว อย่างละ30g ข้าวเหนียว 100g ต้มรวมกัน ทำเป็นโจ๊ก แล้วรับประทานบ่อยๆ จะช่วยในการบำรุงหัวใจ บำรุงเลือด ให้ความชุ่มชื่นกับผิว ทำให้ผิวแดงดูสดใส2. สวยได้ถ้าตับไม่ร้อน ในแพทย์แผนจีนตับมีหน้าที่เก็บเลือด ช่วยในเรื่องการขับเคลื่อนของชี่(气机คือพลังของร่างกายที่ เคลื่อนที่ ขึ้น ลง เข้า ออก ในร่างกาย) รักษาสมดุลของอารมณ์ ใบหน้าของเราเลือดลมไหลเวียนดี จะทำให้ใบหน้าแดงเรืองๆ ดูมีชีวิตชีวา หากตับมีปัญหา การขับเคลื่อนของชี่หยุดชงักเลือดลมไม่เดินเลือดคลั่งอยู่บริเวณใบหน้า ทำให้หน้าดูหมองเขียว เป็นสาเหตุให้เกิดฝ้าที่ใบหน้าได้ เลือดในตับพร่องทำให้ใบหน้าดูซีดเหมือนขาดเลือด ผิวแลดูไม่ชุมชื้น ผิวไม่มีประกาย อาจจะมีอาการของตาแห้งง่าย มองวัตถุไม่ค่อยเห็นอาการที่เกี่ยวกับตับ เช่น อารมณ์หงุดหงิดง่าย ปวดด้านข้าง เรอบ่อย พายลมบ่อย ตาแห้ง แนะนำให้ทาน เห็ดหูหนูขาว ดอกเก๊กฮวย อย่างละ 10g ต้มน้ำรับประทานบ่อยๆ หรือใส่น้ำผึ้งเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความหวาน จะสามารถช่วย รักษาตับบำรุงเลือดแก้ปวดหัวที่มาจากความร้อนในตับสูงทำให้ดวงตาสว่าง บำรุงผิว และยังรักษาฝ้าได้อีกด้วยค่ะ3. บำรุงม้ามทำให้ผิวสวย หน้าไม่เหลือง สิ่งที่เป็นคุณค่า สารอาหาร ต่างๆ ที่รับประทานและส่งไปทั่วร่างกาย ล้วนมาจากพลังม้ามทั้งสิ้นม้ามจะเป็นที่ผลิตพลังและเลือดให้กับร่างกายด้วย(ม้ามในหลักของแพทย์จีน)จะเห็นได้ว่าเมื่อเลือดลมไหลเวียนได้ดีแล้ว จะทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง ความยืดหยุ่นของผิวจะดี ผิวไม่แห้งกร้านและไม่เหี่ยวง่าย ถ้าหากม้ามไม่แข็งแรง การส่งอาหารให้กับร่างกายก็จะช้าลง เลือดลมไหลเวียนได้ไม่ดีเท่าที่ควร ไม่อาจจะไปหล่อเลี้ยงผิวหนังบนใบหน้าได้อาการที่เกี่ยวข้องกับม้ามพร่อง เช่น หน้าดูซีดเหลือง ไม่มีชีวิตชีวา เหนื่อยง่าย อาหารไม่ย่อย มีเสียงดังในลำไส้บ่อยๆ แนะนำให้ทาน พุทราแดง วันละ 10 เม็ด เพราะพุทราแดง จะช่วยบำรุงม้ามบำรุงเลือดจะทำให้ผิวพรรณดูแดงสดใส4. บำรุงปอดหน่อย ผิวจะได้ไม่แห้งกร้าน หน้าที่ของปอดคือหายใจ แต่ในทางแพทย์แผนจีนปอดจะช่วยนำพลังชี่(พลังจากสารอาหาร น้ำ)ส่งลงล่างเพื่อให้ เลือดลม น้ำ สารอาหารต่างๆกระจายสู่ร่างกาย ถ้าหากปอดทำงานผิดปกติ จะทำให้ผิวหนังของเราแห้งง่าย กระด้าง ใบหน้าดูหมองหม่น และขาวซีดผิดปกติอาการที่ร่วมกับปอดเช่น หายใจสั่น ติดขัด ผิวหนังแห้ง ไอ บ่อย เป็นภูมิแพ้ แนะนำให้ทาน ดอกแปะฮะหรือดอกลินลี่(百合หาได้ตามร้านยาจีนทั่วไป) 15g เห็ดหูหนูขาว30g ใบเตย 2 ใบ น้ำตาลกรวด 1 ก้อน พอให้หวาน ต้มรวมกัน ทานแทนน้ำ สรรพคุณจะทำให้ร่างกายเย็นบำรุงปอดทำให้ผิวชุ่มชื้นขับเสมหะ แก้ไอได้5. ถั่วดำต้มบำรุงไต ตามหลักแพทย์จีนไตทำหน้าที่เก็บสารจิง(精คือ สารจำเป็นพื้นฐาน ช่วยพยุงร่างกายให้ดำรงชีวิตและทำกิจกรรมต่างๆ และยังหมายถึงสารจำเป็นต่อการสืบพันธุ์) ถ้าหากไตมีสารจิงเพียงพอ อวัยวะในร่างกายก็จะสมบูรณ์ไปด้วย เลือดลมก็จะไหลเวียนดี หน้าจะไม่แก่ง่าย ผมก็จะไม่ขาวเร็ว ฟันจะไม่ร่วงง่าย และไม่แก่ก่อนวัยถ้าหากไตพร่องสามารถทาน ข้าวเหนียวถั่วดำ เพราะ ข้าวเหนียว จะช่วยบำรุงเลือดลมช่วยกระตุ้นเลือดลมให้ไหลเวียนดีขึ้น ถั่วดำมีฤทธิ์ช่วยบำรุงไตเสริมหลังอินในไต ในกะทิจะมีไขมันดี ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และใบหน้าของคุณได้ค่ะ หลายคนที่มองตัวเองแล้วรู้สึกใบหน้าดูแล้วไม่เปล่งประกาย ไม่บริ้ง รู้สึกว่าตัวเองหน้าแก่ ขาวซีด หรือใบหน้าคล้ำลง ผิวหนังไม่รื่นเรียบเหมือนสมัยก่อน ใบหน้ามีทั้งฝ้าทั้งกระ สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนแล้วมาจากอวัยวะต่างในร่างกายที่ขาดสมดุลทั้งสิ้น ฉะนั้นถ้าอยากจะสวย ต้องเพิ่มพลังให้กับอวัยวะนั้นๆ จะได้สวยโดยที่ไม่ต้องพึ่งมีดหมอนะคะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

สัญญาณเตือนมะเร็งลำไส้

09 ม.ค. 2025

สัญญาณเตือนมะเร็งลำไส้

ท้องอืด ท้องเฟ้อ ถ่ายแข็งสัญญาณมะเร็งถามหามะเร็งลำไส้คร่าชีวิตคนหลายคน อาจจะเพียงแค่ติ่งเนื้อเล็กๆที่อยู่ในลำไส้ก็อาจจะพัฒนาเป็นมะเร็งได้ ซึ่งถ้าไม่รีบรักษา จะลามไปยังตับปอด ช่องท้อง หรือกระดูกได้อาการที่ฟ้องว่าเป็นมะเร็งลำไส้ง่ายๆถ่ายบ่อย ท้องผูก ถ่ายไม่สุด ปวดเบ่งบางคนมีปัญหาเรื่องท้องผูกมาตั้งแต่เด็กๆ อาจเป็นเพราะพฤติกรรมการกินที่ไม่กินผักผลไม้ ร่างกายไม่ได้รับไฟเบอร์เพียงพอ และดื่มน้ำน้อย ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานไม่ดี แต่ในบางคนอาจมีอาการท้องผูกเพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตในวัยทำงาน และปล่อยให้ท้องผูกเรื้อรังจนมองว่าเป็นเรื่องปกติในชีวิต พฤติกรรมนี้ล่ะค่ะคือสัญญาณหนึ่งที่บอกว่าคุณมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในอนาคตมีอาการท้องเสีย และสลับท้องผูกคือการอุจจาระแข็งและเหลวสลับกัน เป็นติดต่อกันแบบมีอาการเรื้อรัง ถึงแม้ว่าจะกินอาหารที่เหมาะสมไม่ได้เป็นสาเหตุให้ท้องเสียก็ยังมีอาการนี้อยู่ นี่อาจเป็นความผิดปกติที่เกิดจากภายในลำไส้ถ่ายออกมาเป็นเลือดสดๆ หรือเลือดแดงคล้ำออกมาจากอุจจาระอาจเกิดจากอุจจาระที่แข็ง เมื่อเบียดกับติ่งเนื้อที่ขึ้นผิดปกติภายในลำไส้เกิดเป็นแผลทำให้มีเลือดออกและปนออกมาในบางครั้งที่ขับถ่ายท้องอืด ปวดท้องแน่นท้องจุกเสียด มีลมมากน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุเหนื่อย และ อ่อนเพลียง่ายอาจเกิดจากการที่มีเลือดออกในลำไส้ ปนออกมากับอุจจาระ หากเสียเลือดจากการขับถ่ายมาก อาจมีภาวะซีด และโลหิตจางร่วมด้วย และยิ่งทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียอ่อนแรงต่อเนื่องมากขึ้นอีก ถึงแม้โรคมะเร็งลำไส้ จะเป็นมะเร็งร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับต้นๆในปัจจุบันนี้ แต่หากเราระวังในพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต และหมั่นสังเกตตัวเองได้ทันการ จะได้รีบทำการรักษาได้ทันท่วงที โอกาสรอดชีวิตก็ยิ่งสูงขึ้นนะคะระยะของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งลำไส้ใหญ่แบ่งเป็น 4 ระยะได้แก่ระยะที่ 1 โรคมะเร็งยังอยู่ในเยื่อบุลำไส้ระยะที่ 2 โรคมะเร็งทะลุเข้ามาในชั้นกล้ามเนื้อของลำไส้และ/หรือทะลุถึงเยื่อหุ้มลำไส้ลุกลามเข้าเนื้อเยื่อหรืออวัยวะข้างเคียงระยะที่ 3 มะเร็งลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองข้างเคียงระยะที่ 4 มะเร็งลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ไกลออกไป หรือลุกลามตามกระแสโลหิตไปยังอวัยวะที่อยู่ไกลออกไป เช่น ตับ ปอด หรือกระดูกเป็นต้นมะเร็งลำไส้ป้องกันได้ ง่ายๆมีอะไรบ้างหลีกเลี่ยงอาหารไหม้เกรียมหมูกระทะ ปิ้งย่างอาหารทอดหรือปิ้งย่างโดยเฉพาะอาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำหรือปิ้งย่างจนไหม้เกรียมหากจะกินควรตัดส่วนที่ไหม้เกรียมทิ้ง จะช่วยลดสารพิษได้บ้าง แต่ก็ไม่ควรรับประทานบ่อยจนเกินไปนะคะอาหารที่ขึ้นราง่ายเช่น พริกแห้ง กระเทียม และถั่วลิสง ก่อนกินควรดูให้แน่ใจว่าไม่ได้ทิ้งไว้นานจนเกิดเชื้อราค่ะอาหารหมักดอง อาหารสำเร็จรูป ใส่สี รมควัน หรือใส่ดินประสิวเช่น ไส้กรอก แหนม ปลาร้า ขนม หรือเนื้อแดงที่สีสดมากๆอาหารสุกๆ ดิบๆ อาหารที่ปรุงไม่สุกอาจทำให้เกิดการติดเชื้อพยาธิ ส่งผลให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง จนกลายเป็นมะเร็งได้ค่ะกินผักหลากสีต้านมะเร็งสีแดง อุดมด้วยไลโคปีน (Lycopene) พบมากในมะเขือเทศ พริกแดง บีทรูท และแอปเปิ้ลสีแดงสีเหลืองและส้มอุดมด้วยวิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน (Betacarotene) พบมากใน ฟักทอง แครอท และส้มสีเขียว อุดมด้วยอัลฟ่าแคโรทีน (Alpha Carotene)และคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) พบมากใน ผักโขม คะน้า บล็อคโคลี่สีม่วงอุดมด้วยสารแอนโทไซยานิน(Anthocyanin) พบมากในกะหล่ำม่วง ดอกอัญชัน บลูเบอร์รี่ ลูกพรุน และข้าวเหนียวดำสีขาว อุดมด้วยสารแซนโทน (Xanthone) พบมากในกระเทียม กล้วย ขิง หัวไชเท้า กะหล่ำ รวมถึงเห็ดต่างๆเพิ่มถั่วและธัญพืชธัญพืชเต็มเมล็ดที่ไม่ผ่านการขัดสีและถั่วต่างๆ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งวิตามิน เกลือแร่ ไฟเบอร์ และโปรตีน รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ ธัญพืชและถั่วที่แนะนำ ได้แก่ ข้าวกล้อง ลูกเดือย อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ พิสตาชิโอ ถั่วขาว นอกจากช่วยรักษาระดับน้ำตาลให้สมดุลแล้ว กากใยในธัญพืชและถั่วยังช่วยในการขับถ่าย ช่วยลดอาการท้องผูก ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่หมั่นเสริมเครื่องเทศในอาหารเครื่องเทศส่วนใหญ่นอกจากช่วยเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมให้อาหารแล้ว ยังมีสรรพคุณลดการอักเสบ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง เช่นพริก ขมิ้น กระเทียม และขิงเลี่ยงอาหารรสจัด ไขมันสูง เนื้อแดงอาหารรสจัดโดยเฉพาะเค็มจัดและอาหารหมักดองที่ใช้เกลือจำนวนมาก ส่งผลให้ความดันเลือดสูงอาหารที่มีไขมันสูงจะส่งผลให้น้ำหนักตัวเกิน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ เช่น เนื้อติดมัน ไขมันสัตว์ เนย และกะทิการบริโภคเนื้อแดงปริมาณมากเป็นประจำส่งผลให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และอาจกลายเป็นมะเร็งลำใส้ใหญ่ได้ หากต้องการโปรตีนควรรับประทานอาหารประเภทปลา“You are what you eat” “กินอะไรก็เป็นอย่างนั้น” ยังใช้ได้เสมอนะคะ เพราะส่วนหนึ่งของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ก็มาจากการกินอาหารรสจัด ไขมันสูง เนื้อแดง ในปริมาณที่มากเกินไป มาเริ่มลด ละ ดูแลสุขภาพไปด้วยกันนะคะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

โมโห ทำลายตับ

24 ก.พ. 2023

โมโห ทำลายตับ

ตับเป็นอวัยวะสำคัญของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นของเสีย พิษที่อยู่ในร่างกายหรืออาหารมีพิษที่เรารับประทานกันเข้าไปล้วนแต่ต้องผ่านการกรองสารพิษของตับทั้งสิ้นถ้าหากคุณยังไม่เคยคำนึงถึงการทำงานหนักของตับ คุณอาจจะมีโรคตามมาได้นะคะ1. ดื่มเหล้า ปัจจุบันการดื่มเหล้าสังสรรค์ เป็นเรื่องปกติ สำหรับชีวิตประจำวันไปแล้วไม่ว่าคุณจะมีเรื่องทุกข์ เรื่องสุขก็ขาดเหล้าไม่ได้ เหล้ามีทั้งคุณและโทษเหล้าในหลักแพทย์แผนจีนนั้น มีรสเผ็ด ร้อน สามารถขับเลือด กระตุ้นชีพจรขับความหนาวเย็น นำพายาไปสู่ที่ต่างๆในร่างกายเหล้าเป็นสารที่เข้าทำลายตับโดยตรง เพราะเหล้านั้นจะผ่านตับเพื่อกรองสารพิษดังนั้นตับจะทำงานหนัก ดื่มเหล้ามากๆจะทำให้เกิดโรคต่างๆตามมาได้ เช่นตับอักเสบ ตับแข็ง เป็นต้นค่ะ2. หงุดหงิด และโกรธง่าย ไม่ว่าจะเป็นความเครียด คิดมาก ความโกรธ ล้วนแต่เป็นประตูสำหรับโรคภัยไข้เจ็บทั้งสิ้น ดังนั้นเราไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยง เรื่องเช่นนี้ได้ในหลักแพทย์แผนจีนความโกรธ จะไปลงอยู่ที่ตับ ทำให้ตับร้อนและทำให้เกิดโรคต่างๆมากมาย วิธีทำให้หายหงุดหงิด ลองตะโกนดังๆ หรือว่าฟังเพลงสบายๆที่ Green Wave เพื่อให้ อารมณ์ calm down ลงนะคะ3. กินยามั่ว ยาต่างๆมีอันตรายต่อตับและไต ตามสำนวนจีนที่ว่า"ขอแค่เป็นยาล้วนมีพิษ" มนุษย์เราก็ไม่ค่อยที่จะระวังเรื่องการทานยาตอนร่างกายแข็งแรงก็กินยาโด๊ปยาบำรุง พอร่างกายอ่อนแอ ก็กินยารักษาแต่รู้ไหมว่า สิ่งที่ทำงานหนักที่สุดคือ ตับและไตฉะนั้นเราควรที่จะออกกำลังกายรักษาสุขภาพ ไม่ให้เราเจ็บไข้ไม่สบายเท่านี้เราก็ไม่ต้องทานยาเหล่านั้นแล้วและเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วงดูแลตับให้ไม่ต้องทำงานหนักได้อีกด้วยค่ะ4. นอนไม่เพียงพอ การนอนไม่เพียงพอนั้นทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า แล้วยังทำให้ตับทำงานแย่ลงอีกด้วย บางคนไม่นอนกลางคืน ทำให้ระบบหยินหยางเสียสมดุลบางคนออกไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์ กลับมาก็รุ่งเช้าในทางแพทย์แผนจีนตับทำงานตั้งแต่ 5 ทุ่มถึงตี 1ฉะนั้นเราต้องนอนก่อนเพื่อรักษาสมดุลของตับนะคะ5. ทานอาหารที่เป็นน้ำมันเยอะ หรืออาหารเลี่ยนมากๆ ไขมัน หรือน้ำมันนั้นเป็นอาหาร ที่ต้องมีในชีวิตประจำวันเพราะเป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการนำมาใช้เป็นพลังงาน แต่ทราบไหมคะว่าพวกไขมันจะไปเกาะตับ ทำอันตรายต่อตับ ทำให้เกิดโรคอื่นๆตามมา เช่นโรคไขมันในเลือดสูง ไขมันที่ตับ หรือโรคอ้วนด้วย6. ทานอาหารมื้อดึก การทานอาหารดึกทำให้มีการหลั่งน้ำดีออกมาโดยไม่เป็นเวลา เพื่อที่จะมาช่วยย่อยอาหารที่เรากินเข้าไปทำให้ตับมีการผลิตน้ำดีเพิ่มขึ้นแล้วทำให้ตับทำงานหนักอีกทั้งการเผาผลาญพลังงานในร่างกายก็จะลด ทำให้อ้วนได้ง่ายอีกด้วยค่ะ ตับเป็นเพื่อนที่อยู่ข้างคุณเสมอ ถ้าอยากให้ตับอยู่คู่กับคุณไปนานๆ โปรดหยุดทำร้ายเขาเพราะถ้าตับไม่แข็งแรง สุขภาพโดยรวมของเราก็จะแย่ไปด้วยนะคะ อยากสดใส สุขภาพดี ภูมิคุ้มกันแข็งแรง ก็อย่าลืมดูแลตับของเรานะคะขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

album

0
0.8
1