เรากับแฟนเริ่มต้นคบกันแบบต่างคนต่างมีแฟน แอบแซ่บกันแล้วไปเลิกคนของตัวเอง เราตั้งท้อง แฟนขอให้ยุติการตั้งครรภ์ เราก็ไปยุติเพราะท้องไม่พร้อม คบกันมา 4 ปี เขาขอกลับไปหาแฟนเก่าที่นอกใจมาตอนนั้น เหมือนเราไม่เหลืออะไรเลย

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เรากับแฟนเริ่มต้นคบกันแบบต่างคนต่างมีแฟน แอบแซ่บกันแล้วไปเลิกคนของตัวเอง เราตั้งท้อง แฟนขอให้ยุติการตั้งครรภ์ เราก็ไปยุติเพราะท้องไม่พร้อม คบกันมา 4 ปี เขาขอกลับไปหาแฟนเก่าที่นอกใจมาตอนนั้น เหมือนเราไม่เหลืออะไรเลย

16 ส.ค. 2024

เรากับแฟนเริ่มต้นคบกันแบบต่างคนต่างมีแฟน แอบแซ่บกันแล้วไปเลิกคนของตัวเอง

เราตั้งท้อง แฟนขอให้ยุติการตั้งครรภ์ เราก็ไปยุติเพราะท้องไม่พร้อม คบกันมา 4 ปี

เขาขอกลับไปหาแฟนเก่าที่นอกใจมาตอนนั้น เหมือนเราไม่เหลืออะไรเลย

เขาพูดให้ความหวังว่าอนาคตอาจจะกลับมาคบกันอีกก็ได้...

            “คุณเม (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (7 ส.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล – ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์กับแฟนคนล่าสุดที่มีจุดเริ่มต้นจากการแอบแฟนมาแซ่บกัน

            โดย “คุณเม (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘ความสัมพันธ์กับผู้ชายคนนี้เริ่มต้นที่หนูมีแฟนอยู่แล้ว คบกันมา 3 ปี แล้วหนูไปเจอกับผู้ชายคนนี้จากแอปพลิเคชันหาคู่ แล้วก็นัดกันแอบแซ่บ หลังจากนั้นเขาน่าจะติดใจหนู เลยขอหนูเป็นแฟน หนูก็เลยตอบว่า “ลองคบก็ได้” เลยกลายเป็นความสัมพันธ์แบบ 4 คน

            หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องขึ้น หนูพลาดท้องกับเขาในวันที่แอบแซ่บกัน แล้วต่างคนก็รู้ความจริงที่ว่าหนูมีแฟนแล้ว และเขาก็มีแฟนแล้วเช่นกัน โดยที่แฟนของหนู แล้วแฟนของเขาไม่รู้ พอหลังจากที่หนูรู้ว่าหนูท้องกับเขา หนูจึงไปเลิกกับแฟนที่คบกันมา 3 ปี แต่คนที่หนูแอบแซ่บเขายังไม่เลิกกับแฟนของเขา เขาบอกแค่ว่า “เขายังไม่พร้อมจริงๆ” ซึ่งหนูก็ยังไม่พร้อมเพราะเป็นช่วงที่เรียนใกล้จะจบแล้ว จึงตกลงกันที่จะยุติการตั้งครรภ์

            เวลาผ่านไปหลายเดือนกว่า เขาไปเลิกกับแฟนเขาแบบตัดขาด แล้วเขาก็มาคบกับหนูแบบจริงจัง จนตอนนี้คบกันมา 4 ปี จนล่าสุดเมื่อวานนี้ เขาบอกเลิกหนูด้วยเหตุผลที่ว่าหมดรักแล้ว บางทีที่ทะเลาะกัน เราพยายามปรับความเข้าใจกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้ พอจะดีขึ้นก็กลับมาทะเลาะเรื่องเดิมๆอีก และตอนนี้เขาก็กลับไปคุยกับแฟนเก่า และแฟนเก่าเขาไม่เคยรู้เรื่องหนูมาก่อน เขาขอให้เขาได้ไปลองใช้ชีวิต ไปจัดการกับชีวิตตัวเองก่อน ถ้ามันจะกลับมาหรือไม่ ก็ให้เป็นเรื่องของอนาคต

            ตอนนี้หนูฝังใจตอนเรื่องที่ยุติการตั้งครรภ์กับเขา หนูยังคงอยากให้เขาเป็นพ่อของลูก ล่าสุดที่คุยกับเขาก็ยังคงเหมือนเดิมอยู่ หนูเลยอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า หนูควรมูฟออนจากเรื่องนี้ยังไง? ควรรอเขาไหม? แล้วเรื่องที่ยังติดใจหนูอยู่ หนูควรจัดการยังไงดี?’

            ซึ่งทาง “ดีเจอั๋น” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่อั๋นยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยังติดใจอยู่ในเรื่องของการยุติการตั้งครรภ์ ในเมื่อเรื่องมันจบไปแล้ว หรือยังติดใจที่เขาเคยเป็นพ่อเด็ก เลยอยากให้เขาเป็นพ่ออยู่หรอ เป็นการติดใจที่แปลกอยู่นะ ถ้าตอบสั้นๆเลยคือ หนูไม่ต้องถามเลยว่าควรมูฟออนหรือเปล่า เพราะเขามูฟออนไปแล้ว ถ้าเรายืนก็แค่ยืนเฉยๆของเรา ไม่ต้องมูฟออนก็ได้ อยากยืนอยู่ตรงนั้นก็ได้ แต่เขาไปแล้วนะ มันคือความจริง และทุกๆเหตุผลที่เขาตอบ ไม่ต้องเป็นหรือจดจำรายละเอียดก็ได้

            สรุปแล้วคือเขาจะกลับไปอยู่ที่เดิม กลับไปหาคนเก่า เราอาจจะต้องยอมรับว่าทั้ง 2 คนเริ่มต้นจากความไม่ซื่อสัตย์ทั้งคู่ ซึ่งแปลว่าเราทั้ง 2 คนคาดหวังความซื่อสัตย์จากกันและกันมันไม่ถูกต้อง เราควรมาเริ่มต้นกับตัวเอง ทบทวนว่าเราควรจะเริ่มต้นจากความสัมพันธ์แบบไหน แล้วรักตัวเองให้มากพอที่จะดูแลตัวเองด้วย เพราะว่าหนูไม่มีความปลดภัยในการมีเพศสัมพันธ์ และตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าวันนั้นหนูติดโรคหรือเชื้ออะไร มันก็ไม่แฟร์กับแฟนเก่าหนูด้วย เริ่มจากรักตัวเอง แล้วค่อยคิดว่าอยากได้คนนี้กลับมาเป็นพ่ออีกครั้ง พี่ว่าหนูยัวไม่พร้อมที่จะเป็นเมีย หรือยังไม่พร้อมจะเป็นแม่นะ’

            ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาเพิ่มต่อว่า ‘พี่พูดเพื่อหวังว่าจะให้หนูมูฟออนเลยแล้วกัน พี่แค่จะถามว่า “ผู้ชายคนนี้มีคุณสมบัติอะไรหรอ? หนูถึงจะให้เขามาเป็นสามี และพ่อของลูก”

            1. เขามีเมียแล้วแต่ยังไม่ยุ่งกับเราโดยที่เมียเขายังไม่รู้เรื่องเลย นี่คือคุณสมบัติของผู้ชายที่ดีหรอ

            2. พี่งงกับตรรกะหนูว่า หนูมีลูก แต่เขาไม่รับผิดชอบ จึงต้องยุติการตั้งครรภ์ คุณสมบัตินี้หรอที่ทำให้หนูจะให้เขามาเป็นพ่อของลูก เขาดูแลหนูมั้ยในตอนที่หนูยุติการตั้งครรภ์’

            และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘คนที่มันเดินไปแล้วก็คือเดินไปแล้ว ผู้ชายมันเริ่มต้นกับคนใหม่แล้ว โอกาศที่นะกลับมาก็ยาก แบ้วมันเป็นเรื่องอะไรที่เราต้องรอ สำหรับพี่ใครเดินไปจากชีวิตพี่คือพี่เป็นอิสระแล้ว พี่ลั้นลาได้แล้ว แต่พี่ไม่ยิงสด และก็ไม่นอกใจแฟนนะ ตอนนี้หนูจะลั้นลาก็ทำได้ เพราะหนูโสด แต่ต้องรู้จักป้องกันตัวเอง แต่ถ้ามีแฟนแล้วต้องเลิกลั้นลานะเม กลับไปเป็นเมที่รับผิดชอบและรักตัวเอง ตอนนี้อายุเพิ่งจะ 26 เริ่มต้นใหม่ได้ แต่ถ้ารู้สึกว่า ยังไม่อยากลั้นลา อยากรอเขาอยู่ ถ้ามีความสุขอยากทำแบบนั้นก็ได้ แต่อย่าถึงขั้นที่ทำให้ตัวเองไม่มีความสุข ทำงานไม่ได้ กินไม่ได้ ผู้ชายคือมายา ข้าวปลาคือของจริงนะ แฟนเป็นใครก็ได้ แต่พ่อของลูกไม่ใช่ใครก็ได้นะ’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผมถูกผู้ใหญ่ LGBTQ คนนึง มาคัดตัวไปเป็นคนถือป้ายของจังหวัด คัดไป 5 คน ขอให้ไปลองชุดที่บ้านเขา เขาให้ผมถอดหมดจนเหลือแค่บอกเซอร์ แล้วเอามือมาขยำของผม ผมผลักพี่เขาแล้วหนีออกมา ปรากฏว่าทุกคนโดนเหมือนกัน อาจารย์โทรไปต่อว่า เขาขอโทษ

30 ส.ค. 2024

ผมถูกผู้ใหญ่ LGBTQ คนนึง มาคัดตัวไปเป็นคนถือป้ายของจังหวัด คัดไป 5 คน ขอให้ไปลองชุดที่บ้านเขา เขาให้ผมถอดหมดจนเหลือแค่บอกเซอร์ แล้วเอามือมาขยำของผม ผมผลักพี่เขาแล้วหนีออกมา ปรากฏว่าทุกคนโดนเหมือนกัน อาจารย์โทรไปต่อว่า เขาขอโทษ

ผมถูกผู้ใหญ่ LGBTQ คนนึง มาคัดตัวไปเป็นคนถือป้ายของจังหวัด คัดไป 5 คนขอให้ไปลองชุดที่บ้านเขา เขาให้ผมถอดหมดจนเหลือแค่บอกเซอร์ แล้วเอามือมาขยำของผมผมผลักพี่เขาแล้วหนีออกมา ปรากฏว่าทุกคนโดนเหมือนกัน อาจารย์โทรไปต่อว่า เขาขอโทษแล้วให้ค่าตกใจมา แต่เรามีปมนี้ มาตลอดปีกว่า“คุณเจมส์ (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [29 ส.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล – ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับเรื่องถูกลวนลามจนกลายเป็นปมฝังใจ นึกถึงทีไรก็จะโกรธจนตัวสั่นโดย “คุณเจมส์ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เรื่องนี้ผ่านมา 1 ปีแล้ว คือ ตอนที่ผมยังเรียนอยู่ มีคนมาหาเด็กถือป้ายเเล้วผมก็เป็น 1 ใน 5 คนที่ได้รับคัดเลือกถือป้ายของมหาลัย ในงานประจำจังหวัด ตอนแรกผมไม่ได้ไป เเต่อาจารย์ที่เขารู้จักผมอยากให้ไปคัด ก็เลยลองไปคัดเเล้วผ่านการคัดเลือก เขาก็นัดให้ไปลองชุดวันอาทิตย์ 5 โมงเช้า แต่พอวันเสาร์เขาบอกว่าใครว่างก็ไปก่อนได้เลย ผมก็ไปเเล้วมันก็มีคนไปก่อนหน้าแล้ว ผมเป็นคนที่ 4 แล้วทีนี้มีพี่คนที่ 3 เขาลองชุดเสร็จแล้ว สีหน้าพี่เขาไม่ค่อยสู้ดีเลย เหมือนพยายามต้องการจะบอกอะไรกับผม เเต่เขาไม่พูดอะไรกับผม เพราะพี่เขาคนนั้นที่เขาเป็นคนฟิตติ้งอยู่ด้วย ซึ่งพี่เขาเป็น LGBTQ ค่อนที่มีอายุมาก ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก็เลยเข้าบ้านพอเข้าบ้านเขาก็ล็อคประตูเลย เขาก็ให้ผมถอดเสื้อผ้า ตอนแรกให้ถอดเเค่เสื้อ เเล้วเขาก็บอกให้ถอดกางเกงด้วยก็เลยถอด ไม่ได้ซีเรียสอะไรเพราะคิดว่าลองชุด พอลองชุดแรกเขาก็เริ่มมาจับอวัยวะเพศของผมอะครับ ผมก็ตกใจเเล้วถามเขาว่า “อันนี้คืออะไร?” เเล้วเขาก็ให้เหตุผลว่า “เป็นเเค่พี่น้องกัน เล่นกัน ไม่ต้องกลัว” ก็ลองชุดจนเสร็จ 2 ชุด ผมก็คิดว่ากลับได้เเล้ว เขาก็บอกว่าอย่าเพิ่งกลับ ให้ไปนั่งแต่งหน้าห้องเขาก่อน ผมก็ถามว่า “ทำไมต้องแต่งหน้าด้วย?” เขาก็บอกว่า “ต้องดูว่าหน้าเราอ่ะ เเต่งออกมาเเล้วเข้ากับชุดที่เราลองมั้ย” ผมก็โอเคไม่ติดอะไรก็ไปนั่งเเต่งหน้า เขาก็ชวนคุยไปเรื่อยเเล้วก็ไปหยิบเบียร์มาให้ ฟีลแบบว่ากินเป็นเพื่อนเขาหน่อย เหมือนผมไม่ได้นั่งเเต่งหน้า แต่เหมือนนั่งเล่น นั่งคุย เเล้วก็พยายามชวนคุยเรื่องลามก เเล้วเขาก็ขอประมาณว่า “ขอทำกับผมได้มั้ย?” เเบบทำเเล้วเสร็จด้วยกันไม่ถึงกับมีเซ็กส์ เหมือนผมไม่ยินยอมเเล้วเขาก็เริ่มรุนเเรง เริ่มมีการดึงกระชากแขน บีบเเขน พยายามดึงบ็อกเซอร์ผมลง จนสุดท้ายผมโมโห เลยพูดตรง ๆ ใส่เขาว่า “ไม่โอเคนะครับ อันนี้คือให้มาลองชุด ไม่ได้มาให้คุณลวนลาม” เขาก็ยอมปล่อยผมออกมา ผมก็เลยออกมาได้ พอออกมาจากบ้านก็เจอพี่คนก่อนหน้านี้ ที่บอกว่าเขาหน้าเสีย เขาก็ถามว่า “โดนอะไรบ้าง?” ก็เลยเล่าให้ฟัง กลายเป็นว่าพี่เขาก็โดนเหมือนกัน เเล้วโดนค่อนข้างหนักกว่าผมเลย เเละทุกคนที่ไปลองชุด 4 คนครับโดนหมดเลยเรื่องนี้อาจารย์เขาก็เคลียร์ให้หมดแล้ว เขาก็รับผิดชอบด้วยการทำขวัญเเละขอโทษเรียบร้อย เรื่องจบไปจบได้ปีนึงเเล้ว เรื่องจบเเต่ภาพในหัวมันยังไม่จบ เวลาที่ผมมหาลัยมันจะมีเพื่อนที่ชอบแกล้ง ชอบจับเนื้อต้องตัวเรา เวลาที่มาจับผมก็จะโมโหทันที เเล้วเหมือนเรื่องนั้นมันก็เด้งเข้ามาให้หัวอ่ะ บางทีผมจะนอนพออะไรว่าง ๆ ในหัวมันก็มีเรื่องนี้เด้งเข้ามาตลอด เเละเป็นคนที่อารมณ์เสียง่ายมาก โมโหมากๆ โกรธสุด ๆ กำหมัดทนกัดฟันตัวเองจนตัวสั่นเลย เคยยืนอาบน้ำเเล้วเหมือนระบายในกระจก เคยโมโหจนถึงขั้นที่ต่อยประตูห้องน้ำพังเลย โมโหจนเพื่อนตกใจเเล้วก็นั่งงงว่าเราเป็นอะไรเพราะเรื่องนี้ส่วนมากเพื่อนไม่รู้ ผมเคยเป็นซึมเศร้ากับแพนิคมาก่อน เป็นก่อนจะมาเกิดเหตุการณ์นี้ 3 ปี เเล้วก็ไม่เคยไปปรึกษาหมอเรื่องนี้เลย เรื่องอาการนี้ไม่ได้ใครเเต่เรื่องเหตุการณ์นั้นมีคุณเเม่ที่รู้เรื่องคนเดียว ก็เลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจทั้งสามคนว่า ผมไม่ชอบความทรงจำอะไรแบบนี้เลย ทำยังไงให้มันหายไปดี? ผมไม่อยากคิดเรื่องพวกนี้แล้ว ไม่มีความสุขเลยซึ่งดีเจทั้งสามคน (ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจอั๋น) ก็ได้ให้คำปรึกษาไปในทิศทางเดียวกันว่า ‘ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ มันเป็นจิตใต้สำนึกของเราไปแล้วว่าถ้าเจอสิ่งเหล่านี้เเล้วร่างกายกับความรู้สึกมันจะตอบโต้ มันเหมือนถ้าจะรักษาจริง ๆ จัง ๆ แบบถอนรากถอนโคนต้องปรึกษาคุณหมอจริง ๆ เเล้วค่อย ๆ บำบัดไปจนเราดีขึ้น อันนี้มันเหนือบ่ากว่าแรงที่เราจะรักษาด้วยตัวเอง พวกพี่เป็นได้แค่กำลังใจให้เเละทุกคนเข้าใจความรู้สึกของเราหมดเลย มันไม่ควรเกิดเหตุการณ์เเบบนี้ด้วยซ้ำ ถ้าเขาทำแบบนั้นกับทุกคนแสดงว่าเขาป่วย มันทำให้คนดูถูกเพศนี้เข้าไปอีก กลายเป็นเพศคุกคามเวลาคนมองทั้ง ๆ ที่มันเป็นปลาเน่าตัวเดียว ณ วันนี้พวกพี่ก็ถือว่าเพื่อนเรา เราไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวใด ๆ ทั้งสิ้น มีพวกพี่ที่รับฟังเเละเข้าใจ ถ้ายังโกรธ ยังเเค้นอยู่เราต้องให้เวลา การที่เราบอกว่าให้อภัย มันเป็นเรื่องที่ต้องขัดเกลาเเละกระบวนการต่าง ๆ ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องทำเองก็ได้ในวันที่เรายังไม่ได้เเข็งเเรงพอ ไม่ผิดที่เรายังโกรธยังเเค้นอยุ่ เเต่เราไม่ควรปล่อยมันไว้ มันไม่ได้มีค่าทำให้ชีวิตที่เหลือของเราย่ำแย่นะ หลุดพ้นจากตัวมันไปเลย ใช้ชีวิตที่เหลือของเราอย่างมีคุณภาพ อย่าให้คนเเบบนั้นมาลดทอนคุณภาพเรา‘เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูเจอผู้ชายคนนึงที่ร้านเหล้า เค้าเข้ามาจีบ หลังจากนั้นก็นัดมีอะไรกันมาเรื่อยๆ ผ่านมาหลายเดือน เค้ามาบอกว่า เค้ามีแฟนแล้ว แฟนตัวจริงเขาจะกลับมาจากเมืองนอกเดือนหน้า ถ้าแฟนเขากลับมาเขาก็จะสร้างบ้านอยู่กับแฟนเค้า

22 ส.ค. 2024

หนูเจอผู้ชายคนนึงที่ร้านเหล้า เค้าเข้ามาจีบ หลังจากนั้นก็นัดมีอะไรกันมาเรื่อยๆ ผ่านมาหลายเดือน เค้ามาบอกว่า เค้ามีแฟนแล้ว แฟนตัวจริงเขาจะกลับมาจากเมืองนอกเดือนหน้า ถ้าแฟนเขากลับมาเขาก็จะสร้างบ้านอยู่กับแฟนเค้า

หนูเจอผู้ชายคนนึงที่ร้านเหล้า เค้าเข้ามาจีบ หลังจากนั้นก็นัดมีอะไรกันมาเรื่อยๆผ่านมาหลายเดือน เค้ามาบอกว่า เค้ามีแฟนแล้ว แฟนตัวจริงเขาจะกลับมาจากเมืองนอกเดือนหน้าถ้าแฟนเขากลับมาเขาก็จะสร้างบ้านอยู่กับแฟนเค้าแล้วความสัมพันธ์ของหนูกับเขาล่ะ จะทำยังไงต่อไปดี? “คุณเนย (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [21 ส.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับเรื่องกลายเป็นมือที่สามโดยไม่รู้ตัว โดย “คุณเนย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคบกับผู้ชายคนนึง อายุ 30 ปี คบกันมาได้ 4 เดือน หนูเป็นคนชอบเที่ยวกลางคืนเป็น One night มาเรื่อย ๆ เเต่จะไม่หลงรักใคร คืนนั้นหนูไปกับเพื่อน เขาเป็นคนเข้ามาหาหนูก่อนเเล้วถามว่า “หนูไม่มีแฟนหรอ?” หนูก็บอกว่า “ไม่มี” เเล้วเราก็เเลกคอนเเทคเเละเราก็นัดกัน คืนนั้นก็จบไป หนูก็คิดว่ามันจะจบเเค่คืนนั้น เเต่ไป ๆ มา ๆ เขาก็มีการโทรหา มีการทักหาว่า “มาเจอกันมั้ย?” หนูเจอเขาบ่อยมากเพราะเขาทำงานอยู่ที่ร้านนั้น เเล้วหนูก็จะเที่ยวเเต่ร้านนี้ เป็นร้านประจำเลยของหนูเลย หลังจากนั้นก็ได้พัฒนาความสัมพันธ์เป็นแฟนกัน จนมาซักพักหนึ่ง เขาก็เพิ่งมาบอกว่า “เขามีแฟนแล้วนะ!” เเต่เขาไม่ได้อยู่กับแฟน เเฟนไปทำงานต่างประเทศได้ประมาณเดือนกว่า ๆ เเล้ว กว่าจะกลับก็สิ้นปี ซึ่งตัวหนูเองก็เลยรู้สึกว่าหรือเราจะถอยดีเพราะตอนนี้ยังไม่ได้รู้สึกอะไรขนาดนั้น เเต่ถ้าถามว่ารู้สึกมั้ย ก็รู้สึกแหละ เพราะไปไหนด้วยกันบ่อย ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน อยู่ด้วยกันทั้งวัน พอแยกกัน เขาก็เป็นคน Facetime มาคุยกัน มีอยู่ครั้งหนึ่งเราเคยลองไม่ไปด้วยกัน ลองต่างคนต่างไปหาคนอื่นดูบ้าง เเต่ตัวหนูเองทำไม่ได้ รู้สึกว่าเหมือนมันต้องไปกับเขา ส่วนเขาไปมาเเล้วรู้สึกผิดกับหนูมากเลย ทำแล้วนึกถึงเเต่หน้าหนู ซึ่งตอนนั้นหนูก็โกรธนะ หนูรู้สึกว่า “เอ้า ก็แกไปทำกับเขามาเเล้วนะ ละทำไมแกยังมาบอกว่าคิดถึงเเต่หน้าชั้น” มันย้อนแย้งหนูก็เลยมองว่าเราถอยออกมาดีกว่า ความรู้สึกของเรามันจะได้ไม่ถลำลึกลงไปมากกว่านี้ จนวันนั้นเขาเป็นคนบอกหนูเองว่าเขารู้สึกกับหนูยังไง ชอบหนูเเค่ไหน เวลาไปเจอเพื่อนเขาก็จะบอกว่า “แฟนใหม่กูนะ แฟนใหม่กูเอง” ซึ่งตัวหนูเองอะไม่ได้พูดอะไรออกไป หนูอึดอัดมากพูดอะไรออกไปไม่ได้เลย วันนั้นเขาพูดกับหนูประโยคนึงว่า “อย่าเพิ่งโทรมานะ พี่ขอคุยกับแฟนพี่ก่อน” หรือในช่วงกลางวันเขาก็จะเเบบว่า “เดี๋ยวขอคุยกับแฟนก่อนนะ หนูไปนอนรอพี่ที่ห้องก่อนนะ ซักตี 2 พี่ไปหา” คือหนูมองว่าถ้าเขาจะให้หนูรับรู้เเล้ว เขาควรที่เลี่ยงใช้คำอื่นก็ได้มั้งว่าไปทำธุระหรือทำอะไรก็ได้ โกหกเราหน่อยก็ยังดี ความรู้สึกหนูตอนนั้นคือมันพังมากเลย ทำไมมันต้องอยู่จุด ๆ นี้ด้วยที่เเบบว่าเขามีแฟนอยู่เเล้ว รู้อยู่เเล้วเเต่ออกมาไม่ได้ถ้าออกมาก็เจ็บ เขาเคยถามหนูว่า “ถ้าพี่เลิกกับแฟนพี่อ่ะ เราจะมาคบกับพี่มั้ย?” เเต่ตอนนั้นตัวหนูเองมองว่าหนูคงไม่คบ หนูคงไม่เอาเพราะว่าเขายังทำเเบบนี้กับแฟนได้เลย ถ้ามาคบกับหนู หนูต้องระเเวงขนาดไหน ตอนนี้แฟนเขากำลังจะกลับมาจากต่างประเทศเเล้วเดือนหน้า เเล้วเขาก็กำลังจะซื้อบ้านหลังใหม่ด้วยกัน ซึ่งหนูก็เลยรู้สึกว่าต้องทำยังไงต่อ เเล้วเขาก็บอกกับหนูว่า “ถ้าแฟนพี่กลับมา เราไปคุยกันในแอปอื่นได้มั้ย ในไลน์คุยไม่ได้เเล้ว เพราะถ้าคุยกันเเล้วแฟนไปเปิดคอมมันก็จะขึ้น” หนูก็เลยพูดกับเขาไปว่า “ถ้าแฟนพี่กลับมา หนูก็คงไม่อยู่ต่อแล้ว” เเต่พอถึงเวลาจริง ๆ มันก็ทำไม่ได้ เหมือนหนูต้องอยู่จนไม่รู้สึกอะไรไปเอง เเล้วทีนี้มันอึดอัดเพราะหนูไม่รู้ต้องไปในทางไหน ต้องทำยังไงกับความสัมพันธ์นี้ หนูต้องหยุดยังไง ก็เลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจทั้งสามคนว่า หนูจะต้องทำยังไงกับเหตุการณ์นี้ดี?’ ซึ่งดีเจทั้งสามคน (ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจอั๋น) ได้ให้คำปรึกษาไปในทิศทางเดียวกันว่า ‘กรรมมันเกิดจากการกระทำของเรา มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพียงเเต่ว่าทำไม่ได้ มี 2 เเพ็คเกจให้เลือก 1.สนุก หวือหวา ใจเต้นชั่วครั้งชั่วคราว แลกกับความเจ็บเเล้วยอมเป็นคนไม่สำคัญตลอดไป 2.เจ็บเเต่จบ หลังจากนั้นรอรางวัลความสุขตามหลังมา เพราะฉะนั้นต้องเลือกเอา เขาตั้งใจด้วยซ้ำมั้งที่ให้เราอยู่ใน Position นี้ ด้วยการใช้คำเหล่านั้นพยายามทำให้เราชินเเล้วยอมรับ เเล้วเขาก็ไม่ได้มีเจตนาอะไรเลยว่าเขาจะเลือกเรา ถ้าตอนนี้ยังไม่อยากออกมาก็อยู่ไปก่อน เมื่อไหร่ที่ความสุขจากการอยู่ตรงนั้นมันน้อยกว่าความทุกข์หนูจะออกมาเอง หรือไม่งั้นก็รอวันหมดกรรม ไม่รู้ว่ากรรมจะจบลงยังไงเเต่คนควบคุมมันตอนนี้ก็คือหนู สุดท้ายก็ต้องเลิกกันอยู่ดีเพราะถึงเขาเลิกกันหนูก็จะอยู่เเบบระเเวงไม่มีความสุขอยู่ดี ยังไงคำตอบก็คือต้องไปจากผู้ชายคนนี้ ในระหว่างนี้ก็ค่อย ๆ ใช้เวลาหันมารักตัวเองให้มากขึ้น ควรเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของตัวเองนิดนึง โฟกัสที่ชีวิตตัวเองเพราะว่าอนาคตของเขาไม่ได้มีเราอยู่เเน่นอน บ้านหลังนั้นก็ไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่คนที่อยู่ในบ้านหลังนั้นที่เขาจะซื้อ ขยี้ตัวเองก็ได้ไม่ต้องรีบ ไม่มีอะไรจะเสียมากกว่านี้เเล้วนอกจากเวลา ก็ขอให้คิดได้เร็ว ๆ ขอให้ไหวเเละเเข็งแรงพอที่จะเดินออกมาได้เร็ว ๆ ขอให้รู้เเล้วว่าตรงไหนคือทางออกเเล้วเเข็งแรงพอที่จะลุกเอาตัวเองออกมาได้เร็ว ๆ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูเปลี่ยนที่ทำงานมาหลายที่เจอแต่ "หัวหน้าผู้ชาย" สังคมง่ายๆ ตรงๆ ไม่จุกจิก ย้ายมาทำงานที่ใหม่ เจอ "หัวหน้าผู้หญิง" สังคมทำงานมีแต่ผู้หญิงๆ จุกจิก แบ่งพรรค แบ่งพวก นินทากัน จนตอนนี้รู้สึกอึดอัดมาก แต่งานดี เงินโอเค จะทนอยู่ หรือ ไปหาที่ใหม่ดีคะ?

19 พ.ย. 2024

หนูเปลี่ยนที่ทำงานมาหลายที่เจอแต่ "หัวหน้าผู้ชาย" สังคมง่ายๆ ตรงๆ ไม่จุกจิก ย้ายมาทำงานที่ใหม่ เจอ "หัวหน้าผู้หญิง" สังคมทำงานมีแต่ผู้หญิงๆ จุกจิก แบ่งพรรค แบ่งพวก นินทากัน จนตอนนี้รู้สึกอึดอัดมาก แต่งานดี เงินโอเค จะทนอยู่ หรือ ไปหาที่ใหม่ดีคะ?

“คุณบันนี่” สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [13 พ.ย. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับปัญหาเรื่องสังคมที่ทำงาน โดย “คุณบันนี่” ได้เล่าว่า ‘ต้องเกริ่นก่อนว่าหนูย้ายที่ทำงานมา ทำงานมาได้ 6 ปีแล้ว เปลี่ยนที่ทำงานมาหลายที่ ซึ่งทุกที่เคยมีหัวหน้าผู้ชายมาตลอด ตอนนี้เปลี่ยนบริษัทที่ทำงานมา 3 เดือน แล้วก็เปลี่ยนหัวหน้ามาเป็นผู้หญิง หนูอึดอัดกับสังคมที่ทำงานที่เพิ่งเข้ามาใหม่มาก ตอนที่ทำงานที่เก่าในสังคมที่ทำงานนั้นๆก็จะมีเพื่อนผู้ชาย เพื่อนผู้หญิง และ LGBTQ ครบหมด แต่มันน่าจะเป็นที่หัวหน้า ตอนนี้เป็นฟีลเหมือนโรงเรียนหญิงล้วน ข้างบนก็เป็นผู้หญิง ข้างล่างก็ผู้หญิง ทุกคนเป็นผู้หญิงหมดเลย ความแตกต่าง คือ หนูรู้สึกว่ามันหยุมหยิม ปัญหาที่เจอตอนนี้เหมือนไม่ได้โฟกัสปัญหาที่งาน แต่ปัญหาไปกองอยู่ที่คนมากกว่าที่งาน มีดราม่าบ้าง ทุกวันนี้เหมือนมีมที่โซเชียลทำกันเลยที่เราเดินเข้าออฟฟิศ แล้วต้องแสดงละครเป็นอีกคนนึง หรือเวลาเลิกงานปุ๊บ ร่างนั้นโดนถอดออกไป บางทีก็มีเหตุการณ์ที่เขามีลูกรักในที่ทำงาน ก็เข้าใจว่าทุกที่มี แต่หนูไม่รู้ว่ามันเกี่ยวมั้ย คือ หนูก็ไม่ได้อยากจะโทษว่าเป็นเพศอะไร แล้วจะเป็นอีกแบบนึง เหมือนเขาจะพูดกับน้องๆ Gen ใหม่อีกอย่างนึง แล้วมาพูดกับหนูอีกอย่างนึง บางครั้งหนูก็จะกลายเป็นคนดูดุ จริงๆเราไม่ได้มีอะไรเลย แต่เขาวางคาแรคเตอร์หนูอีกแบบนึง เขาอาจจะหวังดีที่ให้น้องเกรงใจ แต่สำหรับตัวเขาเอง คาแรคเตอร์ดูเป็นคนใจดี มันอาจจะเป็นการวางตัวของเขามั้ง หนูอาจจะไม่ชิน จริงๆหนูก็ใจดีกับน้องๆ แต่ด้วยอำนาจหน้าที่การรับผิดชอบของหนูต้องประสานกับน้อง ซึ่งในที่ทำงานนี้หนูก็มีเพื่อนที่เป็น Gen เดียวกับเรา วัยใกล้กันมากๆ ห่างกันปีนึง เขาอยู่มาก่อน มีตำแหน่งโตกว่าหน่อย เขาก็เคยพูดกับหนูว่าอยากให้เราคีพเก็บอารมณ์ หรือการแสดงออก ใจเย็นกว่านี้ เพราะหนูเป็นคนใจร้อน เขาอยากให้บรรยากาศการทำงานมันดี เขาไม่อยากให้มีความปะทะอะไรกันเลย แต่ในความเป็นจริงมันก็จะมีปัญหาที่ซุกอยู่ใต้พรม ปัญหาที่เราจะไม่แก้ ปัญหาที่เราจะเก็บ จะไม่พูดกันตรงๆ อย่างตอนที่หนูทำงานกับหัวหน้าผู้ชายที่ผ่านมา มันอาจจะเป็นความชินของหนู เช่น หัวหน้าไม่ชอบใจ หรือรู้สึกว่างานนี้ทำทำไม เขาก็จะพูดออกมาเลยว่า ทำทำไมวะ ไม่ดีนะ แต่พอเป็นสังคมผู้หญิงล้วนมันเหมือนต้องไปหาเหตุผลอ้อมมาก่อนว่ามันไม่ดีเพราะอะไร มันก็เลยทำให้หนูอึดอัดหนูรู้สึกว่าระดับความอดทนประมาณ 6.5/10 ซึ่งทั้ง Career Path , เงินเดือน , ตำแหน่ง ตอนนี้มันดีหมดเลย หนูติดแค่ปัญหาเรื่องนี้ คำถามที่อยากจะถามพี่ๆคือ หนูควรจะปรับตัวให้เข้ากับเขา เพื่อด้านอื่นๆในหน้าที่การงานที่มันดี หรือหนูควรจะรู้สึกว่าพอแล้วไปหางานใหม่?เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูมีลูกอายุ 6 ขวบ ให้เขาเรียนเทควันโด 5 วันต่อสัปดาห์ วันละ 4 ชั่วโมง กว่าลูกจะได้นอนก็ 4-5 ทุ่ม อยากให้ลูกป้องกันตัวและสร้างพอร์ตเรียนต่อได้ด้วย จนหลังๆลูกเริ่มเพลีย ไปนอนหลับตอนเรียนในสนาม เราผู้เป็นแม่ เห็นก็อดห่วงไม่ได้

16 ส.ค. 2024

หนูมีลูกอายุ 6 ขวบ ให้เขาเรียนเทควันโด 5 วันต่อสัปดาห์ วันละ 4 ชั่วโมง กว่าลูกจะได้นอนก็ 4-5 ทุ่ม อยากให้ลูกป้องกันตัวและสร้างพอร์ตเรียนต่อได้ด้วย จนหลังๆลูกเริ่มเพลีย ไปนอนหลับตอนเรียนในสนาม เราผู้เป็นแม่ เห็นก็อดห่วงไม่ได้

หนูมีลูกอายุ 6 ขวบ ให้เขาเรียนเทควันโด 5 วันต่อสัปดาห์ วันละ 4 ชั่วโมงกว่าลูกจะได้นอนก็ 4-5 ทุ่ม อยากให้ลูกป้องกันตัวและสร้างพอร์ตเรียนต่อได้ด้วยจนหลังๆลูกเริ่มเพลีย ไปนอนหลับตอนเรียนในสนาม เราผู้เป็นแม่ เห็นก็อดห่วงไม่ได้อยากรู้ว่ามันหนักเกินไปไหมสำหรับเด็ก 6 ขวบ “คุณพลอย (นามสมมติ)” อายุ 33 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [14 ส.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล – ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับปัญหาอยากให้ลูกเรียนเทควันโด เเต่ลูกเริ่มงอแงไม่อยากเรียน โดย “คุณพลอย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนนี้น้องอายุ 6 ขวบ เป็นผู้หญิง คุณเเม่ให้น้องเรียนเทควันโด น้องเรียนมาได้ 8 เดือน เเล้วน้องเริ่มบ่นว่าเหนื่อย ไม่อยากเรียนเเล้ว ด้วยความที่คุณแม่อยากให้น้องออกกำลังกาย เเล้วด้วยสภาพเเวดล้อมสังคมปัจจุบันมันน่ากลัว เราก็อยากให้ลูกมีวิชาป้องกันตัว มีวันหนึ่งที่น้องรู้สึกเหนื่อยเเล้วหลับในคลาสเรียนเทควันโด น้องเรียนประมาณ 4 ชั่วโมงต่อวัน ตั้งเเต่วันพุธถึงวันอาทิตย์ เรียนหลังเลิกเรียนตั้งเเต่ 5 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม น้องเคยไปเรียนที่หนึ่งเเต่เรียนเเค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งเเม่มองว่ามันเรียนเเล้วไม่ค่อยได้อะไร เหมือนไม่ได้ออกกำลังกายจริง ๆ ถ้าน้องขาดเรียนไม่ได้เรียนทุกวันเเล้ว เรียนแค่เสาร์-อาทิตย์เขาจะเริ่มปวดตัว ถ้าเขาไม่ได้ออกกำลังกายหรือไปยืดเส้น คือเรียนเทควันโดมันจะมี 2 รอบ รอบแรกเรียนธรรมดาเพื่อปรับสายเลื่อนสายปกติ เเล้วรอบที่ 2 มันจะเป็นรอบนักกีฬา แม่กะจะให้ลูกเรียนยาว ๆ เเล้วเราก็เพิ่งรู้ว่าทุกวันนี้เวลาสมัครสอบเข้ามหาลัย หรือมัธยมบางที่มันต้องใช้พอร์ต บางทีอาจจะได้โควต้า ก็คิดว่าถ้าลูกสอบไม่ติด พอร์ตมันสามารถช่วยในการเข้าเรียนมหาลัยได้ พอกลับมาบ้าน น้องก็จะอาบน้ำเเล้วก็เข้านอนเลย เพราะน้องทานอะไรมาเรียบร้อยเเล้ว น้องจะนอนประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง บางทีก็เกือบ 5 ทุ่มเเล้วตื่นประมาณ 6 โมง แม่ก็มีคุยกับหมอ หมอก็แนะนำว่าให้น้องนอนเร็ว เเต่ก็มองว่าเด็กที่เรียนเทควันโดส่วนมากเขาก็ตัวสูงหมดเลย เขาก็เรียนเหมือนกันหมดกับน้อง เด็กที่เรียนด้วยเขาก็ตัวสูงทุกคนเเล้วเหมือนกับได้โควต้านักกีฬาเยอะ เราก็มองว่ามันก็เป็นใบเบิกทางนะ ถึงลูกเราจะไม่เก่งขนาดนั้นเเต่ว่ายังไงมันก็มีประสบการณ์ เคยให้น้องไปเทสเปียโน เเต่น้องก็เลือกเทควันโด ก็อยากให้น้องเป็นกีฬา เเต่ไม่ได้คาดหวังว่าต้องเก่งขนาดนั้น ที่เรียนจะมีการส่งเด็กไปแข่งในแมตซ์เล็ก ๆ เลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจว่า เราให้ลูกเรียนหนักเกินไปมั้ย? เพราะลูกเริ่มงอแงว่าเหนื่อย ไม่อยากไป โดยเริ่มให้คำปรึกษาที่ “ดีเจอั๋น” ว่า ‘สำหรับพี่ ในวัยนี้พี่ยังเน้นให้เขามีความสุขกับชีวิต เเละเปิดโอกาสให้เขาเลือก ให้ Play กับ Learn ให้มันมาคู่กัน เเละรู้สึกว่าในวัยนี้ Play เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก การที่เขาเลือกเทควันโดเอง เขาเลือกโดยที่เขาอาจจะไม่เข้าใจก็ได้ว่าในชีวิตเขามีทางเลือกอะไรบ้าง ผมไม่แน่ใจถ้าเราพยายามยัดเยียดแบบนี้ ถึงจุด ๆ หนึ่งที่เขาเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง กล้าพอที่จะเเสดงออกมากขึ้น เขาอาจจะเกิดพฤติกรรมต่อต้าน ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ เขาอาจจะไม่ได้เกลียดเทควันโดก็ได้ เเต่เขารู้สึกว่ามันมากเกินไป’ ต่อด้วย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่ามันเร็วเกินไปเเละยังไม่จำเป็นสำหรับเด็ก 6 ขวบ มันยังมีวิธีอื่นอีกมาก ถ้า ณ ตอนนี้ลูกเริ่มไม่มีรวามสุขกับเทควันโดในปริมาณที่มันมากขนาดนี้เเล้ว พี่ว่ามันยังกิจกรรมอื่น ๆ ที่จะพาเขาไปลองดูเผื่อเขาอาจจะชอบ อาจจะทำได้ดี ทั้งร่างกายเเละจิตใจตอนนี้สำหรับเด็ก 6 ขวบมันอาจจะไม่ดีสำหรับเขา สำหรับเรื่องป้องกันตัวมันยังมีอีกวิธีอื่นอีกมากมาย เทควันโดก็ได้เเต่ไม่ใช่ปริมาณที่เยอะขนาดนี้’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าความสุขของลูกสำคัญ ไม่ต้องการที่ลูกจะเข้ามหาลัยเลยค่ะ นั่นคือสิ่งที่คุณพลอยวางไว้ให้ลูกโดยที่ลูกไม่ได้เลือกด้วยซ้ำ วันนี้ลูกอยากเรียนให้เรียน เเต่ถ้าไม่อยากเรียน ลูกเหนื่อย จบเลยค่ะ หยุดการเรียนทั้งหมดเลย เวลาที่เด็กนอนน้อยนอนไม่พอ ตื่นมาเขาจะเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งเเล้ว เวลาที่ลูกอยากจะทำอะไรให้คุณเเม่ถามทุกครั้งว่านี่คือสิ่งที่หนูอยากทำมั้ย? ทั้งนี้ทั้งนั้นให้ถามลูกทุกครั้ง การเสนอหรือการตัดสินใจอะไรให้ลูกเป็นคนร่วมตัดสินใจกับเรา ให้เขาได้ทำหรือได้ใช้ชีวิตในสิ่งที่เขาเลือก ถ้ามันไม่ได้ออกนอกลู่นอกทาง อยากให้อะรุ่มอะร่วยเรื่องความสุขของลูก เอาความสุขกับความเเข็งแรงทางด้านร่างกาย การที่ลูกได้เล่นได้ใช้ชีวิตอยากมีความสุข เขาจะเติบโตมาในสังคมที่เขามีทัศนคติที่ดี มีพัฒนาการทางอารมณืที่ดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันอาจจะไม่ถูกสอนในโรงเรียนด้วยซ้ำ‘ และดีเจทั้งสามคน ก็มีความคิดเห็นที่ไปในทิศทางเดียวกันก็คือ ‘ในเรื่องของจำนวนเวลาในการเรียนมันมากเกินไปสำหรับเด็ก 6 ขวบ ลองจำนวนวันเเละเวลาเรียนของเขามั้ย เป็นเรียนเเค่เสาร์อาทิตย์ก็ได้ เเล้วไปเพิ่มเวลาเล่นกับเวลานอนให้เขาดีกว่า ตอนนี้รู้สึกว่ามันมากเกินไปสำหรับเขา เเล้วคุณเเม่ส่วนก็ยังไม่ต้องกังวลเรื่องการเรียนต่อมากขนาดนั้นหรอก เพราะยังไม่รู้เลยว่าเขาอยากจะเรียนอะไร ตอนเขาโตการศึกษามันก็จะเปลี่ยนไปอีกนะ ไม่ได้บอกว่าไม่ต้องเรียนมหาลัย เเต่เราไม่รู้ว่ามหาลัยในยุคนั้นจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องกังวลสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นในอนาคต ปล่อยให้เขาเติบโตตามธรรมชาติเเล้วใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถ้าตอนนี้มีทางเลือก การได้อยู่กับลูก ใช้เวลาด้วยกันที่ไม่ใช่อยู่เเต่คลาสเทควันโด มันอาจจะดีกว่าก็ได้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1