เรากับแฟนเริ่มต้นคบกันแบบต่างคนต่างมีแฟน แอบแซ่บกันแล้วไปเลิกคนของตัวเอง เราตั้งท้อง แฟนขอให้ยุติการตั้งครรภ์ เราก็ไปยุติเพราะท้องไม่พร้อม คบกันมา 4 ปี เขาขอกลับไปหาแฟนเก่าที่นอกใจมาตอนนั้น เหมือนเราไม่เหลืออะไรเลย

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เรากับแฟนเริ่มต้นคบกันแบบต่างคนต่างมีแฟน แอบแซ่บกันแล้วไปเลิกคนของตัวเอง เราตั้งท้อง แฟนขอให้ยุติการตั้งครรภ์ เราก็ไปยุติเพราะท้องไม่พร้อม คบกันมา 4 ปี เขาขอกลับไปหาแฟนเก่าที่นอกใจมาตอนนั้น เหมือนเราไม่เหลืออะไรเลย

16 ส.ค. 2024

เรากับแฟนเริ่มต้นคบกันแบบต่างคนต่างมีแฟน แอบแซ่บกันแล้วไปเลิกคนของตัวเอง

เราตั้งท้อง แฟนขอให้ยุติการตั้งครรภ์ เราก็ไปยุติเพราะท้องไม่พร้อม คบกันมา 4 ปี

เขาขอกลับไปหาแฟนเก่าที่นอกใจมาตอนนั้น เหมือนเราไม่เหลืออะไรเลย

เขาพูดให้ความหวังว่าอนาคตอาจจะกลับมาคบกันอีกก็ได้...

            “คุณเม (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (7 ส.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล – ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์กับแฟนคนล่าสุดที่มีจุดเริ่มต้นจากการแอบแฟนมาแซ่บกัน

            โดย “คุณเม (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘ความสัมพันธ์กับผู้ชายคนนี้เริ่มต้นที่หนูมีแฟนอยู่แล้ว คบกันมา 3 ปี แล้วหนูไปเจอกับผู้ชายคนนี้จากแอปพลิเคชันหาคู่ แล้วก็นัดกันแอบแซ่บ หลังจากนั้นเขาน่าจะติดใจหนู เลยขอหนูเป็นแฟน หนูก็เลยตอบว่า “ลองคบก็ได้” เลยกลายเป็นความสัมพันธ์แบบ 4 คน

            หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องขึ้น หนูพลาดท้องกับเขาในวันที่แอบแซ่บกัน แล้วต่างคนก็รู้ความจริงที่ว่าหนูมีแฟนแล้ว และเขาก็มีแฟนแล้วเช่นกัน โดยที่แฟนของหนู แล้วแฟนของเขาไม่รู้ พอหลังจากที่หนูรู้ว่าหนูท้องกับเขา หนูจึงไปเลิกกับแฟนที่คบกันมา 3 ปี แต่คนที่หนูแอบแซ่บเขายังไม่เลิกกับแฟนของเขา เขาบอกแค่ว่า “เขายังไม่พร้อมจริงๆ” ซึ่งหนูก็ยังไม่พร้อมเพราะเป็นช่วงที่เรียนใกล้จะจบแล้ว จึงตกลงกันที่จะยุติการตั้งครรภ์

            เวลาผ่านไปหลายเดือนกว่า เขาไปเลิกกับแฟนเขาแบบตัดขาด แล้วเขาก็มาคบกับหนูแบบจริงจัง จนตอนนี้คบกันมา 4 ปี จนล่าสุดเมื่อวานนี้ เขาบอกเลิกหนูด้วยเหตุผลที่ว่าหมดรักแล้ว บางทีที่ทะเลาะกัน เราพยายามปรับความเข้าใจกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้ พอจะดีขึ้นก็กลับมาทะเลาะเรื่องเดิมๆอีก และตอนนี้เขาก็กลับไปคุยกับแฟนเก่า และแฟนเก่าเขาไม่เคยรู้เรื่องหนูมาก่อน เขาขอให้เขาได้ไปลองใช้ชีวิต ไปจัดการกับชีวิตตัวเองก่อน ถ้ามันจะกลับมาหรือไม่ ก็ให้เป็นเรื่องของอนาคต

            ตอนนี้หนูฝังใจตอนเรื่องที่ยุติการตั้งครรภ์กับเขา หนูยังคงอยากให้เขาเป็นพ่อของลูก ล่าสุดที่คุยกับเขาก็ยังคงเหมือนเดิมอยู่ หนูเลยอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า หนูควรมูฟออนจากเรื่องนี้ยังไง? ควรรอเขาไหม? แล้วเรื่องที่ยังติดใจหนูอยู่ หนูควรจัดการยังไงดี?’

            ซึ่งทาง “ดีเจอั๋น” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่อั๋นยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยังติดใจอยู่ในเรื่องของการยุติการตั้งครรภ์ ในเมื่อเรื่องมันจบไปแล้ว หรือยังติดใจที่เขาเคยเป็นพ่อเด็ก เลยอยากให้เขาเป็นพ่ออยู่หรอ เป็นการติดใจที่แปลกอยู่นะ ถ้าตอบสั้นๆเลยคือ หนูไม่ต้องถามเลยว่าควรมูฟออนหรือเปล่า เพราะเขามูฟออนไปแล้ว ถ้าเรายืนก็แค่ยืนเฉยๆของเรา ไม่ต้องมูฟออนก็ได้ อยากยืนอยู่ตรงนั้นก็ได้ แต่เขาไปแล้วนะ มันคือความจริง และทุกๆเหตุผลที่เขาตอบ ไม่ต้องเป็นหรือจดจำรายละเอียดก็ได้

            สรุปแล้วคือเขาจะกลับไปอยู่ที่เดิม กลับไปหาคนเก่า เราอาจจะต้องยอมรับว่าทั้ง 2 คนเริ่มต้นจากความไม่ซื่อสัตย์ทั้งคู่ ซึ่งแปลว่าเราทั้ง 2 คนคาดหวังความซื่อสัตย์จากกันและกันมันไม่ถูกต้อง เราควรมาเริ่มต้นกับตัวเอง ทบทวนว่าเราควรจะเริ่มต้นจากความสัมพันธ์แบบไหน แล้วรักตัวเองให้มากพอที่จะดูแลตัวเองด้วย เพราะว่าหนูไม่มีความปลดภัยในการมีเพศสัมพันธ์ และตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าวันนั้นหนูติดโรคหรือเชื้ออะไร มันก็ไม่แฟร์กับแฟนเก่าหนูด้วย เริ่มจากรักตัวเอง แล้วค่อยคิดว่าอยากได้คนนี้กลับมาเป็นพ่ออีกครั้ง พี่ว่าหนูยัวไม่พร้อมที่จะเป็นเมีย หรือยังไม่พร้อมจะเป็นแม่นะ’

            ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาเพิ่มต่อว่า ‘พี่พูดเพื่อหวังว่าจะให้หนูมูฟออนเลยแล้วกัน พี่แค่จะถามว่า “ผู้ชายคนนี้มีคุณสมบัติอะไรหรอ? หนูถึงจะให้เขามาเป็นสามี และพ่อของลูก”

            1. เขามีเมียแล้วแต่ยังไม่ยุ่งกับเราโดยที่เมียเขายังไม่รู้เรื่องเลย นี่คือคุณสมบัติของผู้ชายที่ดีหรอ

            2. พี่งงกับตรรกะหนูว่า หนูมีลูก แต่เขาไม่รับผิดชอบ จึงต้องยุติการตั้งครรภ์ คุณสมบัตินี้หรอที่ทำให้หนูจะให้เขามาเป็นพ่อของลูก เขาดูแลหนูมั้ยในตอนที่หนูยุติการตั้งครรภ์’

            และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘คนที่มันเดินไปแล้วก็คือเดินไปแล้ว ผู้ชายมันเริ่มต้นกับคนใหม่แล้ว โอกาศที่นะกลับมาก็ยาก แบ้วมันเป็นเรื่องอะไรที่เราต้องรอ สำหรับพี่ใครเดินไปจากชีวิตพี่คือพี่เป็นอิสระแล้ว พี่ลั้นลาได้แล้ว แต่พี่ไม่ยิงสด และก็ไม่นอกใจแฟนนะ ตอนนี้หนูจะลั้นลาก็ทำได้ เพราะหนูโสด แต่ต้องรู้จักป้องกันตัวเอง แต่ถ้ามีแฟนแล้วต้องเลิกลั้นลานะเม กลับไปเป็นเมที่รับผิดชอบและรักตัวเอง ตอนนี้อายุเพิ่งจะ 26 เริ่มต้นใหม่ได้ แต่ถ้ารู้สึกว่า ยังไม่อยากลั้นลา อยากรอเขาอยู่ ถ้ามีความสุขอยากทำแบบนั้นก็ได้ แต่อย่าถึงขั้นที่ทำให้ตัวเองไม่มีความสุข ทำงานไม่ได้ กินไม่ได้ ผู้ชายคือมายา ข้าวปลาคือของจริงนะ แฟนเป็นใครก็ได้ แต่พ่อของลูกไม่ใช่ใครก็ได้นะ’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เพิ่งเสียคุณแม่ไป แล้วมีทรัพย์สินแม่ เป็นชื่อพ่อ ทั้งบ้าน ทั้งที่ดิน ญาติก็มาเตือนให้ดูพ่อดีๆ จนมารู้ว่าพ่อกำลังจะไปผูกข้อมือ แต่งงาน กับ ผู้หญิงรุ่นน้องพ่อ 10 ปี จะพูดยังไงให้พ่อโอนมาเป็นชื่อลูกก่อนดีคะ? เพราะกลัวว่าพ่อจะจดทะเบียนสมรสเลย

24 ก.ค. 2024

เพิ่งเสียคุณแม่ไป แล้วมีทรัพย์สินแม่ เป็นชื่อพ่อ ทั้งบ้าน ทั้งที่ดิน ญาติก็มาเตือนให้ดูพ่อดีๆ จนมารู้ว่าพ่อกำลังจะไปผูกข้อมือ แต่งงาน กับ ผู้หญิงรุ่นน้องพ่อ 10 ปี จะพูดยังไงให้พ่อโอนมาเป็นชื่อลูกก่อนดีคะ? เพราะกลัวว่าพ่อจะจดทะเบียนสมรสเลย

“คุณมิ้น (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่หนึ่งในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [16 ก.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับเรื่องมรดกของเเม่หลังจากที่คุณเเม่เสีย โดย “คุณมิ้น (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘คุณเเม่เสียเมื่อประมาณปี 64 ด้วยโรคประจำตัว ซึ่งก่อนหน้านั้นครอบครัวอบอุ่นมาก ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเลย เเล้วคุณเเม่เป็นหญิงแกร่ง หญิงเก่ง เรียนมาน้อยเเต่เขาก็ขยันทำงานจนก่อร่างสร้างตัว ซื้อรถ ซื้อบ้านได้ จากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง มีคุณพ่อช่วยด้วย เเต่คุณพ่อมีรายได้น้อยกว่าคุณเเม่ เพราะเเม่ประกอบธุรกิจส่วนตัว ทำให้เขาผ่อนบ้าน ผ่อนรถหมดเร็ว เเล้วกะว่าจะเก็บไว้เป็นมรดกให้กับลูกทั้ง 2 คน พอคุณเเม่เสีย ตอนนั้นก็ค่อนข้างเคว้งว่าจะทำยังไงต่อ เเล้วก็มีญาติ ๆ ฝั่งเเม่เข้ามาเตือนว่า ‘ให้ระวังพ่อไปแต่งงานใหม่นะ’ ตอนนั้นก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เรามั่นใจในตัวคุณพ่อเพราะไม่เคยออกนอกลู่นอกทางเลย ไม่ค่อยได้ข่าวมีกิ๊กกั๊กหรือเจ้าชู้ เราก็เลยไว้ใจ เเต่พอคุณเเม่เสียได้ปีกว่า ๆ คุณพ่อก็ยอมรับกับเราว่ามีคุยกับผู้หญิงประปรายนะ อยากหาเพื่อนมาอยู่ด้วยช่วงบั้นปลาย เรากับพี่ชายก็ไม่ได้ว่าอะไร ถ้าเจอคนดีก็เเล้วเเต่ เเต่เราไม่ได้คิดว่าคุณพ่อจะเเต่งงาน จนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คุณพ่อก็โทรมาบอกว่า ‘จะจัดงานเเต่งเล็ก ๆ นะ’ กับผู้หญิงคนหนึ่งมีอายุน้อยกว่าคุณพ่อ 10 ปี ซึ่งตอนนี้คุณพ่ออายุ 63 ปี ตอนรู้เรื่องเราก็ค่อนข้างช็อก ก็เลยโทรหาพี่ชายว่า ‘คุณพ่อได้บอกหรือยังว่าเขาจะเเต่งงาน’ พี่ชายก็ตอบกลับว่า ‘บอกแล้ว’ ตอนแรกเหมือนคุณพ่อไม่ได้ตั้งใจจะบอกพี่ชายด้วย เหมือนพี่ชายเขาเป็นคนไปจี้ถามคุณพ่อก่อน เราก็เคยได้ยินมาว่าเขาคงคุย ๆ กันมา เจอกัน 2-3 ครั้ง เเต่เราไม่ได้รู้สึกโอเคขนาดนั้น รู้สึกเฉย ๆ คิดว่าคุณพ่อจะคบกันไปก่อน ดูกันไปก่อน ไม่คิดว่าจะตกล่องปล่องชิ้น แล้วเราก็กลัวว่าเขาจะมาปอกลอก เรากังวลไว้ก่อนเพราะเรายังไม่ได้รู้จักเขาดี เเล้วเราก็รู้สึกว่าคุณเเม่สร้างทรัพย์สมบัติไว้ให้ลูก เคยถามคุณพ่ออ้อม ๆ ว่า ‘ถ้าผู้หญิงให้จดทะเบียนสมรสจะจดมั้ย?’ คุณพ่อก็ตอบเเบบอ้อม ๆ ว่า ‘ก็ไม่อยากจด’ เเต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธว่าไม่จด ก่อนที่คุณเเม่จะเสียไปก็ไม่ได้จดพินัยกรรมไว้ เราเลยกลัวว่า ถ้าเกิดคุณพ่อลังเลเหมือนหลงคารมขึ้นมาเเล้วสุดท้ายยอมไปจด เเล้วทรัพย์สมบัติที่คุณเเม่สร้างมามันจะกลายเป็นสินสมรส เเล้วก็ต้องแบ่งให้คู่สมรสกับลูกในสัดส่วนที่เท่ากัน ซึ่งเรารู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับเราและพี่ชาย เรารู้สึกว่าคุณเเม่เขาตั้งใจสร้างมาให้ลูกจริง ๆ เขาก็อาจจะไม่โอเคที่ตกไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นของคุณพ่อ แต่เรายังไม่ได้คุยกับคุณพ่อเป็นกิจจะลักษณะว่าจะมาโอนเป็นชื่อลูกได้เเล้ว มิ้นก็เลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจว่า จะมีวิธีพูดยังไง? ให้คุณพ่อไม่รู้สึกว่าเราเหมือนเป็นลูกที่จ้องจะฮุบสมบัติ เราเเค่อยากจะรักษาสมบัติของคุณเเม่เอาไว้ ไม่รู้ว่าคุณพ่อจะเปลี่ยนใจมั้ย จะเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อลูกไปให้ภรรยาใหม่?’ ซึ่งดีเจทั้ง 3 คน (ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจอั๋น) ก็ได้ให้คำปรึกษาไปในทางเดียวกันว่า ‘ให้คุยพร้อมกันตรง ๆ ทั้งครอบครัว มีอะไรในใจพูดเลย ต้องการมั่นใจว่ายังคงเป็นไปตามเจตนาของคุณเเม่ที่ได้คุยกันไว้อยู่ อยากให้จดพินัยกรรมจัดการเรื่องสมบัติ จัดการเรื่องภายในครอบครัวให้เสร็จ เพื่อความสบายใจของทุกคนก่อนที่จะต้อนรับคนใหม่เข้ามา ไม่ได้เกลียดที่คุณพ่อจะมีคนใหม่ เเต่อยากป้องกันปัญหาที่มันอาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตถ้าคุณพ่อไม่อยู่ เราไม่รู้หรอกว่าในอนาคตเขาจะเป็นยังไง ถ้าไม่มีคนนอกเข้ามาเราอยู่อย่างงี้คุณพ่อจะไม่โอนก็ได้ เเต่พอมีคนนอกเข้ามา ก็อยากจะทำให้มันสบายใจว่าเจตนารมณ์ของคุณเเม่ยังคงอยู่เหมือนเดิม‘เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูเจอผู้ชายคนนึงที่ร้านเหล้า เค้าเข้ามาจีบ หลังจากนั้นก็นัดมีอะไรกันมาเรื่อยๆ ผ่านมาหลายเดือน เค้ามาบอกว่า เค้ามีแฟนแล้ว แฟนตัวจริงเขาจะกลับมาจากเมืองนอกเดือนหน้า ถ้าแฟนเขากลับมาเขาก็จะสร้างบ้านอยู่กับแฟนเค้า

22 ส.ค. 2024

หนูเจอผู้ชายคนนึงที่ร้านเหล้า เค้าเข้ามาจีบ หลังจากนั้นก็นัดมีอะไรกันมาเรื่อยๆ ผ่านมาหลายเดือน เค้ามาบอกว่า เค้ามีแฟนแล้ว แฟนตัวจริงเขาจะกลับมาจากเมืองนอกเดือนหน้า ถ้าแฟนเขากลับมาเขาก็จะสร้างบ้านอยู่กับแฟนเค้า

หนูเจอผู้ชายคนนึงที่ร้านเหล้า เค้าเข้ามาจีบ หลังจากนั้นก็นัดมีอะไรกันมาเรื่อยๆผ่านมาหลายเดือน เค้ามาบอกว่า เค้ามีแฟนแล้ว แฟนตัวจริงเขาจะกลับมาจากเมืองนอกเดือนหน้าถ้าแฟนเขากลับมาเขาก็จะสร้างบ้านอยู่กับแฟนเค้าแล้วความสัมพันธ์ของหนูกับเขาล่ะ จะทำยังไงต่อไปดี? “คุณเนย (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [21 ส.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับเรื่องกลายเป็นมือที่สามโดยไม่รู้ตัว โดย “คุณเนย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคบกับผู้ชายคนนึง อายุ 30 ปี คบกันมาได้ 4 เดือน หนูเป็นคนชอบเที่ยวกลางคืนเป็น One night มาเรื่อย ๆ เเต่จะไม่หลงรักใคร คืนนั้นหนูไปกับเพื่อน เขาเป็นคนเข้ามาหาหนูก่อนเเล้วถามว่า “หนูไม่มีแฟนหรอ?” หนูก็บอกว่า “ไม่มี” เเล้วเราก็เเลกคอนเเทคเเละเราก็นัดกัน คืนนั้นก็จบไป หนูก็คิดว่ามันจะจบเเค่คืนนั้น เเต่ไป ๆ มา ๆ เขาก็มีการโทรหา มีการทักหาว่า “มาเจอกันมั้ย?” หนูเจอเขาบ่อยมากเพราะเขาทำงานอยู่ที่ร้านนั้น เเล้วหนูก็จะเที่ยวเเต่ร้านนี้ เป็นร้านประจำเลยของหนูเลย หลังจากนั้นก็ได้พัฒนาความสัมพันธ์เป็นแฟนกัน จนมาซักพักหนึ่ง เขาก็เพิ่งมาบอกว่า “เขามีแฟนแล้วนะ!” เเต่เขาไม่ได้อยู่กับแฟน เเฟนไปทำงานต่างประเทศได้ประมาณเดือนกว่า ๆ เเล้ว กว่าจะกลับก็สิ้นปี ซึ่งตัวหนูเองก็เลยรู้สึกว่าหรือเราจะถอยดีเพราะตอนนี้ยังไม่ได้รู้สึกอะไรขนาดนั้น เเต่ถ้าถามว่ารู้สึกมั้ย ก็รู้สึกแหละ เพราะไปไหนด้วยกันบ่อย ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน อยู่ด้วยกันทั้งวัน พอแยกกัน เขาก็เป็นคน Facetime มาคุยกัน มีอยู่ครั้งหนึ่งเราเคยลองไม่ไปด้วยกัน ลองต่างคนต่างไปหาคนอื่นดูบ้าง เเต่ตัวหนูเองทำไม่ได้ รู้สึกว่าเหมือนมันต้องไปกับเขา ส่วนเขาไปมาเเล้วรู้สึกผิดกับหนูมากเลย ทำแล้วนึกถึงเเต่หน้าหนู ซึ่งตอนนั้นหนูก็โกรธนะ หนูรู้สึกว่า “เอ้า ก็แกไปทำกับเขามาเเล้วนะ ละทำไมแกยังมาบอกว่าคิดถึงเเต่หน้าชั้น” มันย้อนแย้งหนูก็เลยมองว่าเราถอยออกมาดีกว่า ความรู้สึกของเรามันจะได้ไม่ถลำลึกลงไปมากกว่านี้ จนวันนั้นเขาเป็นคนบอกหนูเองว่าเขารู้สึกกับหนูยังไง ชอบหนูเเค่ไหน เวลาไปเจอเพื่อนเขาก็จะบอกว่า “แฟนใหม่กูนะ แฟนใหม่กูเอง” ซึ่งตัวหนูเองอะไม่ได้พูดอะไรออกไป หนูอึดอัดมากพูดอะไรออกไปไม่ได้เลย วันนั้นเขาพูดกับหนูประโยคนึงว่า “อย่าเพิ่งโทรมานะ พี่ขอคุยกับแฟนพี่ก่อน” หรือในช่วงกลางวันเขาก็จะเเบบว่า “เดี๋ยวขอคุยกับแฟนก่อนนะ หนูไปนอนรอพี่ที่ห้องก่อนนะ ซักตี 2 พี่ไปหา” คือหนูมองว่าถ้าเขาจะให้หนูรับรู้เเล้ว เขาควรที่เลี่ยงใช้คำอื่นก็ได้มั้งว่าไปทำธุระหรือทำอะไรก็ได้ โกหกเราหน่อยก็ยังดี ความรู้สึกหนูตอนนั้นคือมันพังมากเลย ทำไมมันต้องอยู่จุด ๆ นี้ด้วยที่เเบบว่าเขามีแฟนอยู่เเล้ว รู้อยู่เเล้วเเต่ออกมาไม่ได้ถ้าออกมาก็เจ็บ เขาเคยถามหนูว่า “ถ้าพี่เลิกกับแฟนพี่อ่ะ เราจะมาคบกับพี่มั้ย?” เเต่ตอนนั้นตัวหนูเองมองว่าหนูคงไม่คบ หนูคงไม่เอาเพราะว่าเขายังทำเเบบนี้กับแฟนได้เลย ถ้ามาคบกับหนู หนูต้องระเเวงขนาดไหน ตอนนี้แฟนเขากำลังจะกลับมาจากต่างประเทศเเล้วเดือนหน้า เเล้วเขาก็กำลังจะซื้อบ้านหลังใหม่ด้วยกัน ซึ่งหนูก็เลยรู้สึกว่าต้องทำยังไงต่อ เเล้วเขาก็บอกกับหนูว่า “ถ้าแฟนพี่กลับมา เราไปคุยกันในแอปอื่นได้มั้ย ในไลน์คุยไม่ได้เเล้ว เพราะถ้าคุยกันเเล้วแฟนไปเปิดคอมมันก็จะขึ้น” หนูก็เลยพูดกับเขาไปว่า “ถ้าแฟนพี่กลับมา หนูก็คงไม่อยู่ต่อแล้ว” เเต่พอถึงเวลาจริง ๆ มันก็ทำไม่ได้ เหมือนหนูต้องอยู่จนไม่รู้สึกอะไรไปเอง เเล้วทีนี้มันอึดอัดเพราะหนูไม่รู้ต้องไปในทางไหน ต้องทำยังไงกับความสัมพันธ์นี้ หนูต้องหยุดยังไง ก็เลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจทั้งสามคนว่า หนูจะต้องทำยังไงกับเหตุการณ์นี้ดี?’ ซึ่งดีเจทั้งสามคน (ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจอั๋น) ได้ให้คำปรึกษาไปในทิศทางเดียวกันว่า ‘กรรมมันเกิดจากการกระทำของเรา มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพียงเเต่ว่าทำไม่ได้ มี 2 เเพ็คเกจให้เลือก 1.สนุก หวือหวา ใจเต้นชั่วครั้งชั่วคราว แลกกับความเจ็บเเล้วยอมเป็นคนไม่สำคัญตลอดไป 2.เจ็บเเต่จบ หลังจากนั้นรอรางวัลความสุขตามหลังมา เพราะฉะนั้นต้องเลือกเอา เขาตั้งใจด้วยซ้ำมั้งที่ให้เราอยู่ใน Position นี้ ด้วยการใช้คำเหล่านั้นพยายามทำให้เราชินเเล้วยอมรับ เเล้วเขาก็ไม่ได้มีเจตนาอะไรเลยว่าเขาจะเลือกเรา ถ้าตอนนี้ยังไม่อยากออกมาก็อยู่ไปก่อน เมื่อไหร่ที่ความสุขจากการอยู่ตรงนั้นมันน้อยกว่าความทุกข์หนูจะออกมาเอง หรือไม่งั้นก็รอวันหมดกรรม ไม่รู้ว่ากรรมจะจบลงยังไงเเต่คนควบคุมมันตอนนี้ก็คือหนู สุดท้ายก็ต้องเลิกกันอยู่ดีเพราะถึงเขาเลิกกันหนูก็จะอยู่เเบบระเเวงไม่มีความสุขอยู่ดี ยังไงคำตอบก็คือต้องไปจากผู้ชายคนนี้ ในระหว่างนี้ก็ค่อย ๆ ใช้เวลาหันมารักตัวเองให้มากขึ้น ควรเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของตัวเองนิดนึง โฟกัสที่ชีวิตตัวเองเพราะว่าอนาคตของเขาไม่ได้มีเราอยู่เเน่นอน บ้านหลังนั้นก็ไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่คนที่อยู่ในบ้านหลังนั้นที่เขาจะซื้อ ขยี้ตัวเองก็ได้ไม่ต้องรีบ ไม่มีอะไรจะเสียมากกว่านี้เเล้วนอกจากเวลา ก็ขอให้คิดได้เร็ว ๆ ขอให้ไหวเเละเเข็งแรงพอที่จะเดินออกมาได้เร็ว ๆ ขอให้รู้เเล้วว่าตรงไหนคือทางออกเเล้วเเข็งแรงพอที่จะลุกเอาตัวเองออกมาได้เร็ว ๆ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูมีลูกอายุ 6 ขวบ ให้เขาเรียนเทควันโด 5 วันต่อสัปดาห์ วันละ 4 ชั่วโมง กว่าลูกจะได้นอนก็ 4-5 ทุ่ม อยากให้ลูกป้องกันตัวและสร้างพอร์ตเรียนต่อได้ด้วย จนหลังๆลูกเริ่มเพลีย ไปนอนหลับตอนเรียนในสนาม เราผู้เป็นแม่ เห็นก็อดห่วงไม่ได้

16 ส.ค. 2024

หนูมีลูกอายุ 6 ขวบ ให้เขาเรียนเทควันโด 5 วันต่อสัปดาห์ วันละ 4 ชั่วโมง กว่าลูกจะได้นอนก็ 4-5 ทุ่ม อยากให้ลูกป้องกันตัวและสร้างพอร์ตเรียนต่อได้ด้วย จนหลังๆลูกเริ่มเพลีย ไปนอนหลับตอนเรียนในสนาม เราผู้เป็นแม่ เห็นก็อดห่วงไม่ได้

หนูมีลูกอายุ 6 ขวบ ให้เขาเรียนเทควันโด 5 วันต่อสัปดาห์ วันละ 4 ชั่วโมงกว่าลูกจะได้นอนก็ 4-5 ทุ่ม อยากให้ลูกป้องกันตัวและสร้างพอร์ตเรียนต่อได้ด้วยจนหลังๆลูกเริ่มเพลีย ไปนอนหลับตอนเรียนในสนาม เราผู้เป็นแม่ เห็นก็อดห่วงไม่ได้อยากรู้ว่ามันหนักเกินไปไหมสำหรับเด็ก 6 ขวบ “คุณพลอย (นามสมมติ)” อายุ 33 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [14 ส.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล – ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับปัญหาอยากให้ลูกเรียนเทควันโด เเต่ลูกเริ่มงอแงไม่อยากเรียน โดย “คุณพลอย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนนี้น้องอายุ 6 ขวบ เป็นผู้หญิง คุณเเม่ให้น้องเรียนเทควันโด น้องเรียนมาได้ 8 เดือน เเล้วน้องเริ่มบ่นว่าเหนื่อย ไม่อยากเรียนเเล้ว ด้วยความที่คุณแม่อยากให้น้องออกกำลังกาย เเล้วด้วยสภาพเเวดล้อมสังคมปัจจุบันมันน่ากลัว เราก็อยากให้ลูกมีวิชาป้องกันตัว มีวันหนึ่งที่น้องรู้สึกเหนื่อยเเล้วหลับในคลาสเรียนเทควันโด น้องเรียนประมาณ 4 ชั่วโมงต่อวัน ตั้งเเต่วันพุธถึงวันอาทิตย์ เรียนหลังเลิกเรียนตั้งเเต่ 5 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม น้องเคยไปเรียนที่หนึ่งเเต่เรียนเเค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งเเม่มองว่ามันเรียนเเล้วไม่ค่อยได้อะไร เหมือนไม่ได้ออกกำลังกายจริง ๆ ถ้าน้องขาดเรียนไม่ได้เรียนทุกวันเเล้ว เรียนแค่เสาร์-อาทิตย์เขาจะเริ่มปวดตัว ถ้าเขาไม่ได้ออกกำลังกายหรือไปยืดเส้น คือเรียนเทควันโดมันจะมี 2 รอบ รอบแรกเรียนธรรมดาเพื่อปรับสายเลื่อนสายปกติ เเล้วรอบที่ 2 มันจะเป็นรอบนักกีฬา แม่กะจะให้ลูกเรียนยาว ๆ เเล้วเราก็เพิ่งรู้ว่าทุกวันนี้เวลาสมัครสอบเข้ามหาลัย หรือมัธยมบางที่มันต้องใช้พอร์ต บางทีอาจจะได้โควต้า ก็คิดว่าถ้าลูกสอบไม่ติด พอร์ตมันสามารถช่วยในการเข้าเรียนมหาลัยได้ พอกลับมาบ้าน น้องก็จะอาบน้ำเเล้วก็เข้านอนเลย เพราะน้องทานอะไรมาเรียบร้อยเเล้ว น้องจะนอนประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง บางทีก็เกือบ 5 ทุ่มเเล้วตื่นประมาณ 6 โมง แม่ก็มีคุยกับหมอ หมอก็แนะนำว่าให้น้องนอนเร็ว เเต่ก็มองว่าเด็กที่เรียนเทควันโดส่วนมากเขาก็ตัวสูงหมดเลย เขาก็เรียนเหมือนกันหมดกับน้อง เด็กที่เรียนด้วยเขาก็ตัวสูงทุกคนเเล้วเหมือนกับได้โควต้านักกีฬาเยอะ เราก็มองว่ามันก็เป็นใบเบิกทางนะ ถึงลูกเราจะไม่เก่งขนาดนั้นเเต่ว่ายังไงมันก็มีประสบการณ์ เคยให้น้องไปเทสเปียโน เเต่น้องก็เลือกเทควันโด ก็อยากให้น้องเป็นกีฬา เเต่ไม่ได้คาดหวังว่าต้องเก่งขนาดนั้น ที่เรียนจะมีการส่งเด็กไปแข่งในแมตซ์เล็ก ๆ เลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจว่า เราให้ลูกเรียนหนักเกินไปมั้ย? เพราะลูกเริ่มงอแงว่าเหนื่อย ไม่อยากไป โดยเริ่มให้คำปรึกษาที่ “ดีเจอั๋น” ว่า ‘สำหรับพี่ ในวัยนี้พี่ยังเน้นให้เขามีความสุขกับชีวิต เเละเปิดโอกาสให้เขาเลือก ให้ Play กับ Learn ให้มันมาคู่กัน เเละรู้สึกว่าในวัยนี้ Play เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก การที่เขาเลือกเทควันโดเอง เขาเลือกโดยที่เขาอาจจะไม่เข้าใจก็ได้ว่าในชีวิตเขามีทางเลือกอะไรบ้าง ผมไม่แน่ใจถ้าเราพยายามยัดเยียดแบบนี้ ถึงจุด ๆ หนึ่งที่เขาเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง กล้าพอที่จะเเสดงออกมากขึ้น เขาอาจจะเกิดพฤติกรรมต่อต้าน ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ เขาอาจจะไม่ได้เกลียดเทควันโดก็ได้ เเต่เขารู้สึกว่ามันมากเกินไป’ ต่อด้วย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่ามันเร็วเกินไปเเละยังไม่จำเป็นสำหรับเด็ก 6 ขวบ มันยังมีวิธีอื่นอีกมาก ถ้า ณ ตอนนี้ลูกเริ่มไม่มีรวามสุขกับเทควันโดในปริมาณที่มันมากขนาดนี้เเล้ว พี่ว่ามันยังกิจกรรมอื่น ๆ ที่จะพาเขาไปลองดูเผื่อเขาอาจจะชอบ อาจจะทำได้ดี ทั้งร่างกายเเละจิตใจตอนนี้สำหรับเด็ก 6 ขวบมันอาจจะไม่ดีสำหรับเขา สำหรับเรื่องป้องกันตัวมันยังมีอีกวิธีอื่นอีกมากมาย เทควันโดก็ได้เเต่ไม่ใช่ปริมาณที่เยอะขนาดนี้’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าความสุขของลูกสำคัญ ไม่ต้องการที่ลูกจะเข้ามหาลัยเลยค่ะ นั่นคือสิ่งที่คุณพลอยวางไว้ให้ลูกโดยที่ลูกไม่ได้เลือกด้วยซ้ำ วันนี้ลูกอยากเรียนให้เรียน เเต่ถ้าไม่อยากเรียน ลูกเหนื่อย จบเลยค่ะ หยุดการเรียนทั้งหมดเลย เวลาที่เด็กนอนน้อยนอนไม่พอ ตื่นมาเขาจะเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งเเล้ว เวลาที่ลูกอยากจะทำอะไรให้คุณเเม่ถามทุกครั้งว่านี่คือสิ่งที่หนูอยากทำมั้ย? ทั้งนี้ทั้งนั้นให้ถามลูกทุกครั้ง การเสนอหรือการตัดสินใจอะไรให้ลูกเป็นคนร่วมตัดสินใจกับเรา ให้เขาได้ทำหรือได้ใช้ชีวิตในสิ่งที่เขาเลือก ถ้ามันไม่ได้ออกนอกลู่นอกทาง อยากให้อะรุ่มอะร่วยเรื่องความสุขของลูก เอาความสุขกับความเเข็งแรงทางด้านร่างกาย การที่ลูกได้เล่นได้ใช้ชีวิตอยากมีความสุข เขาจะเติบโตมาในสังคมที่เขามีทัศนคติที่ดี มีพัฒนาการทางอารมณืที่ดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันอาจจะไม่ถูกสอนในโรงเรียนด้วยซ้ำ‘ และดีเจทั้งสามคน ก็มีความคิดเห็นที่ไปในทิศทางเดียวกันก็คือ ‘ในเรื่องของจำนวนเวลาในการเรียนมันมากเกินไปสำหรับเด็ก 6 ขวบ ลองจำนวนวันเเละเวลาเรียนของเขามั้ย เป็นเรียนเเค่เสาร์อาทิตย์ก็ได้ เเล้วไปเพิ่มเวลาเล่นกับเวลานอนให้เขาดีกว่า ตอนนี้รู้สึกว่ามันมากเกินไปสำหรับเขา เเล้วคุณเเม่ส่วนก็ยังไม่ต้องกังวลเรื่องการเรียนต่อมากขนาดนั้นหรอก เพราะยังไม่รู้เลยว่าเขาอยากจะเรียนอะไร ตอนเขาโตการศึกษามันก็จะเปลี่ยนไปอีกนะ ไม่ได้บอกว่าไม่ต้องเรียนมหาลัย เเต่เราไม่รู้ว่ามหาลัยในยุคนั้นจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องกังวลสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นในอนาคต ปล่อยให้เขาเติบโตตามธรรมชาติเเล้วใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถ้าตอนนี้มีทางเลือก การได้อยู่กับลูก ใช้เวลาด้วยกันที่ไม่ใช่อยู่เเต่คลาสเทควันโด มันอาจจะดีกว่าก็ได้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูมีแฟนแต่เหมือนมีพ่ออีกคน เค้าอายุ 50 เรา 31 อยากไปไหนเค้าไปรับไปส่งทุกที่ ไม่ให้ไปเจอคนอื่น ให้อยู่บ้านเทรดหุ้นอย่างเดียว เค้าให้เงินหนูทุกเดือน หนูไม่ได้เจอใคร อยากไปประกวดนางงาม เขาก็ห้ามกลัวว่าหนูจะไปเจอผู้ชายคนอื่น

22 ส.ค. 2024

หนูมีแฟนแต่เหมือนมีพ่ออีกคน เค้าอายุ 50 เรา 31 อยากไปไหนเค้าไปรับไปส่งทุกที่ ไม่ให้ไปเจอคนอื่น ให้อยู่บ้านเทรดหุ้นอย่างเดียว เค้าให้เงินหนูทุกเดือน หนูไม่ได้เจอใคร อยากไปประกวดนางงาม เขาก็ห้ามกลัวว่าหนูจะไปเจอผู้ชายคนอื่น

หนูมีแฟนแต่เหมือนมีพ่ออีกคน เค้าอายุ 50 เรา 31 อยากไปไหนเค้าไปรับไปส่งทุกที่ไม่ให้ไปเจอคนอื่น ให้อยู่บ้านเทรดหุ้นอย่างเดียว เค้าให้เงินหนูทุกเดือน หนูไม่ได้เจอใครอยากไปประกวดนางงาม เขาก็ห้ามกลัวว่าหนูจะไปเจอผู้ชายคนอื่น ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็น นกน้อยในกรงทอง “คุณหวาน (นามสมมติ)” อายุ 31 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [21 ส.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจอั๋น – ดีเจเติ้ล’ เกี่ยวกับปัญหาแฟนทำตัวเหมือนพ่อ โดย “คุณหวาน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูมีแฟนที่เหมือนพ่อ แฟนหนูอายุ 50 คบกันมา 5 ปี เค้าจะทำเหมือนเราเป็นง่อย เช่น เวลาจะออกไปไหนต้องไปกับเค้าตลอด จากที่หนูขับรถไปนู่นนี่ได้ในตอนที่ยังไม่ได้อยู่ด้วยกัน พออยู่ด้วยกันเค้าก็ห้าม แล้วบอกว่าเป็นห่วง กลัวอุบัติเหตุ ตั้งแต่มาอยู่ด้วยกัน หนูก็ไม่เคยทำให้ไม่ไว้ใจ หนูอยากไปทำงานเค้าก็ไม่ให้หนูทำงาน หนูกับเค้าเจอกันตอนช่วงโควิด และงานหนูคืองานสายบริการ แล้วมันไม่มีลูกค้าเลย ทางที่ทำงานก็เลยแจ้งมาว่าขอไม่คอนเฟิร์มว่าถ้ากลับไปทำงานจะได้เงินเท่าเดิมมั้ย? แฟนหนูเลยเสนอว่าไม่ต้องทำงานหรอก ไปอยู่กับเค้า เค้าจะสอนเทรดหุ้น พอหนูไปอยู่กับเค้าจากคนที่เคยมีรูทีนทำงาน ตื่นเช้ามาทำงาน ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าอยู่แต่หน้าจอ เทรดหุ้น กินข้าว ใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้าน หนูอยากทำอะไรเค้าก็ห้าม ตอนนี้ก็คืออยู่ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ หนูจะขอกลับไปทำงาน เค้าก็บอกว่าหนูทำงานกับใครไม่ได้ เพราะหนูก็มีส่วนที่ทำให้เค้าเป็นแบบนี้ คือตอนแรก ๆ หนูไม่เถียงเค้าเลย เวลาเค้าพูดมาหนูก็ฟัง เวลาไม่โอเคหนูก็เฉย ๆ ไป เพราะรู้ว่าถ้าหนูบอกเค้าไปหรือพูดอะไรไป เค้าก็จะหาว่าหนูเถียง หนูไม่ฟัง ในตอนช่วงโควิดหนูอยากลงประกวดนางงาม เค้าก็บอกว่าเดี๋ยวต้องไปเจอคนนู้นคนนี้ เช่น ช่างแต่งหน้าที่อาจจะพาเราไปเจอผู้ชายใหม่ เพราะเค้ากลัวหนูจะทิ้งเค้า หนูเลยอยากถามว่าหนูควรจะเป็นแบบนี้ต่อไป หรือควรจะพูดให้เค้าเปลี่ยนความคิดมากกว่านี้?’ งานนี้ “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คุยตรง ๆ เลย วันนี้หนูอึดอัดเรื่องไหนหนูเรียกเค้ามาคุยแล้วบอกเค้าไปเลย เช่น ชีวิตที่ตอนนี้หนูไม่ได้แแสดงความคิดเห็นเลย เรามาอยู่ด้วยกันไม่ได้แปลว่าหนูจะทิ้งชีวิตหนูทั้งหมดไว้ที่นี่ หนูรักคนนี้หนูก็ไม่ได้ไปไหน เพียงแต่ว่าหนูก็ต้องมีชีวิตของหนูที่มันทำให้หนูมีความสุขบ้าง ตอนนี้หนูอึดอัดเรื่องนี้ หนูไม่ได้ทำความฝันของหนูเลย และพี่ไม่ต้องกังวลว่าหนูจะมีคนใหม่ การที่หนูมีคนใหม่แปลว่าหนูไม่ซื่อสัตย์ พี่ไม่ต้องเสียดายหนูเลย แต่ ณ วันนี้หนูไม่ได้อยากเลิกกับพี่เพราะถ้าหนูอยากเลิกกับพี่หนูไปนานแล้ว แล้วหนูอสากจะบอกพี่ว่าไม่ต้องคาดหวังให้ใครมาอยู่กับเราตลอดชีวิต ณ วันนี้เรามีความสุข แต่ถ้าพี่ทำให้หนูอึดอัด หนูอาจจะอยากออกจากตรงนี้ก็ได้ พูดตรง ๆ เลย ว่า ที่หนูเรียกพี่มาคุยวันนี้เพื่อที่จะบอกว่าหนูต้องการใช้ชีวิตในแบบของหนู อะไรที่หนูอยากทำหนูจะบอกพี่หนูจะให้เกียรติพี่ แต่หนูไม่อยากให้พี่มาห้ามหนูอีกแล้วเพราะหนูไม่อยากทะเลาะ ไม่ใช่ว่าหนูทำเพื่อพี่อยู่แล้วตัวหนูก็มาอึดอัด’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าหวานต้องทำตัวให้แข็งแรง พี่รู้สึกว่าหวานอ่อนแอเหมือนอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเค้า อีกอย่างที่มีปัญหาคือหวานไม่มีพื้นที่ของตัวเอง และหวานต้องไปพูดกับแฟนว่า 1. พี่ต้องไว้ใจว่าหนูจะไม่นอกใจ เรื่องหึงหวงหยุดคิดได้แล้วค่ะห้าปีแล้ว 2. ไว้ใจว่าหนูสามารถดูแลตัวเองได้เพราะฉะนั้นต้องมีพื้นที่ให้หนูทำอะไรที่หนูอยากทำ แต่ถ้าทั้งหมดทั้งมวลเค้ายังไม่ยอมหวานก็ต้องนึกถึงตัวเอง’ สุดท้าย “ดีเจอั๋น” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘หวานปล่อยให้ภาวะนี้เกิดขึ้นเอง เรายอมตัวเล็กเอง ไม่ได้แปลว่าให้กร่างนะ เราแค่เป็นตัวเองยืนแบบอกผายไหล่พึ่ง แล้วก็รักตัวเองมีศักดิ์ศรีในแบบของตัวเองแค่นั้นเอง และมีอะไรก็พูดกันดี ๆ มีอะไรต้องคุยกัน และไม่ได้อยู่ด้วยความกลัว ลองคุยกับเค้าเลยแล้วดูอาการของเค้า และอย่าเอาความเสียดายมาเป็นตัวตั้ง เพราะเรามีความรู้เรามีงานเราหางานได้ และเรายังสามารถดูแลตัวเองได้ เพราะถ้าเราปล่อยเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เราอาจจะโดนเค้าถีบออกจากบ้านเองก็ได้ แล้วถ้าคิดว่าต้องแต่งงาน คุยเคลียร์ให้จบ แล้วลองดูว่ามันคุยกันมีแพลนนั้นมั้ย เพราะถ้าเราคิดว่าจะฝากผีฝากไข้ไว้กับคนนี้มันก็ต้องได้อะไรบ้าง แต่ก่อนที่เราจะหวังให้เค้าฟังเรา เราก็ต้องทำตัวให้น่าฟัง ถ้าอยากให้เค้ารักก็ต้องทำตัวน่ารักถ้าอยากได้รับเกียรติก็ต้องทำตัวให้มีเกียรติ อยากให้เค้าเห็นค่าเราก็ต้องทำตัวมีค่าและเห็นค่าตัวเองก่อน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1