เราเป็นทอม เคยคบกับแฟนผู้หญิงตอนมัธยม เลิกกันไป มาเจออีกที แฟนเก่าเราอุ้มลูก มีสามีแล้ว เราโกรธบล็อกเขาทุกช่องทาง แล้วเราก็มีแฟนใหม่ จนทราบข่าวว่าแฟนเก่าเสียชีวิต ย้อนดูในโซเชียลเขาไม่เคยลบรูปเราเลย พยายามติดต่อมาคุยกับเรา

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เราเป็นทอม เคยคบกับแฟนผู้หญิงตอนมัธยม เลิกกันไป มาเจออีกที แฟนเก่าเราอุ้มลูก มีสามีแล้ว เราโกรธบล็อกเขาทุกช่องทาง แล้วเราก็มีแฟนใหม่ จนทราบข่าวว่าแฟนเก่าเสียชีวิต ย้อนดูในโซเชียลเขาไม่เคยลบรูปเราเลย พยายามติดต่อมาคุยกับเรา

07 มิ.ย. 2024

เราเป็นทอม เคยคบกับแฟนผู้หญิงตอนมัธยม เลิกกันไป มาเจออีกที แฟนเก่าเราอุ้มลูก มีสามีแล้ว

เราโกรธบล็อกเขาทุกช่องทาง แล้วเราก็มีแฟนใหม่ จนทราบข่าวว่าแฟนเก่าเสียชีวิต

ย้อนดูในโซเชียลเขาไม่เคยลบรูปเราเลย พยายามติดต่อมาคุยกับเรา รู้สึกติดค้างไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลย

            “คุณนิค (นามสมมติ)” อายุ 27 ปี  สายที่สองในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [5มิ.ย.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาความรักที่ความรู้สึกยังค้างคา

            โดย “คุณนิค (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เป็นเรื่องราวที่เราเคยถูกผู้หญิงคนหนึ่งทิ้งไปนานมากแล้ว ซึ่งเรื่องมันจบไปแล้วแต่เรายังรู้สึกผิดอยู่ เริ่มจากเราเคยเป็นเพื่อนร่วมห้องกันมาก่อนตั้งแต่ม.ปลาย เค้าเคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อนแล้วก็ค่อยมาคบกับเราที่เป็นทอม เวลาที่เค้าทะเลาะกับเพื่อนเราก็จะอยู่ข้าง ๆ เค้าตลอด เค้าก็มักจะบอกกับเราว่า “อย่าทิ้งเค้าไปไหนนะ” เพราะเราเหมือนเป็นที่พึ่งทางใจให้กับเค้า

            จนจุดเปลี่ยนมันเกิดช่วงที่เราทั้งคู่เข้ามหาลัย เค้าสอบติดมหาลัยที่อยู่ต่างจังหวัด เราก็ไปส่งเค้าที่สนามบิน แต่หลังจากนั้นได้ 2 อาทิตย์เค้าก็โทรมาบอกเลิกเราเลย ทั้งๆไม่มีสัญญาณอะไรและเราก็ไม่ได้เตรียมใจไว้เลย ซึ่งเหตุผลที่เค้าบอกเราคือเราขี้หึงเกินไป งี่เง่าเกินไป โทษความผิดให้กับเราหมดเลย เราเลยไปส่องเฟซบุ๊คของเค้า และสิ่งที่เราเจอคือเค้าโพสรูปคู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นคนคุยใหม่ของเค้า เราเลยโกรธเค้ามาก ไล่ลบรูปคู่ทั้งหมด บล็อกเค้าทุกช่องทาง แต่ด้วยความที่พี่สาวของเราเรียนที่มหาลัยเดียวกับเค้า เราเลยยังได้ทราบข่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง 

            หลังจากจบมหาวิทยาลัย แฟนเก่าเราประกาศแต่งงานทันที เราก็แอบรู้สึกช็อคนิดนึงแต่ก็รู้สึกว่ามันผ่านมานานมากแล้วทำไมถึงต้องไปคิดอีก แต่มันดันมีเรื่องบังเอิญที่ทำให้เราต้องไปเจอเค้าและภาพที่เราเห็นคือเค้ากำลังอุ้มลูกอยู่ เราตัวชา ทำตัวไม่ถูก เลยเลือกที่จะเดินสวนไป ผ่านไปสักพักเราก็ได้ยินข่าวคราวอีกทีคือเค้าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ทั้งแม่และพี่สาวก็ไปให้กำลังใจเค้าและเหมือนจะดีขึ้น แต่สุดท้ายเค้าก็เสียชีวิต พอเราได้ยินแบบนั้นก็เหมือนโลกถล่ม สิ่งที่เราพยายามเกลียดเค้าหรือลืมเค้ามาโดยตลอดทำให้เราเสียศูนย์ไปเลย เราเลยขอแฟนคนปัจจุบันไปงานศพของเค้า และเราก็เสียใจที่คุยกับเค้าผ่านธูป และบอกกับตัวเองว่าทำไมเราไม่ทักไปคุยกับเค้า ทำไมเราถึงใจร้ายกับเค้า เราเลยกลับไปดูในเฟสบุ๊คคือเค้าไม่เคยลบรูปคู่กับเราเลย มันเลยยิ่งทำให้เราคิดว่าทำไมมีแต่เราที่มีทิฐิ และโกรธเค้าอยู่ฝ่ายเดียว ทำให้เราต้องไปปรึกษาจิตแพทย์และกินยา แต่เมื่อไหร่ที่นึกถึงเค้าเราก็จะร้องไห้ตลอด เลยอยากจะถามพี่ ๆ ว่าเราผิดมั้ยที่ตอนเลิกกันเราบล็อกเค้าทุกช่องทาง และถ้าอยากเลิกคิดเรื่องนี้พี่ช่วยแนะนำมุมมองใหม่ให้ได้มั้ยคะเพราะเราจมปลักกับตรงนี้มานานมาเกินครึ่งปีแล้ว’

            ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คุณนิคไม่ผิดที่บล็อกเค้าเพราะเค้าบอกเลิกเรา จริง ๆ สำหรับผู้หญิงเรื่องแบบนี้เค้าวางแผนมาแล้วว่าจะเลิก กะว่าไปถึงอีกจังหวัดเค้าจะหาวิธีบอกเลิก หรือเค้าอาจจะไปแล้วไปเจอใครที่นู้นภายใน 2 อาทิตย์ สำหรับหอมมันก็คือการนอกใจ ก็ไม่มีอะไรที่ทำให้เราต้องเสียดาย เป็นหอมหอมก็ไม่ทักหา อาจจะใช้เวลาไปสักพักถึงจะให้อภัย ฉะนั้นตรงนี้ไม่ผิดอยู่แล้วเพราะเลิกกันไม่ดี ส่วนรื่องเปลี่ยนมุมมอง หอมว่าเราไม่ใช่หมอดู ไม่มีใครรู้อนาคตว่าใครจะต้องไปเจออะไร แล้วสัจธรรมของชีวิตคน เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องปกติมาก ไม่วันหนึ่งคุณนิคไปเค้าก็ไป มันไม่ใช่ความผิดเรา สิ่งที่เราทำมันก็ถูกต้องแล้วคือต่างคนต่างใช้ชีวิตเพราะเลิกกันไปแล้ว นิคอาจจะรู้สึกเสียดายที่น่าจะให้อภัยและคุยกับเค้าเพราะนี่คือเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่ง หอมคิดว่ามันเป็นความเสียดายมากกว่าที่คุณนิคจะเก็บมาโทษตัวเองว่าเราทำผิดทำไมเราไม่คุยกับเธอ มันไม่ใช่แค่คุณนิคอย่างเดียว เค้าอยากคุยกับเรารึเปล่า อันนี้ก็ไม่รู้ แล้วที่บอกว่าไลน์เด้งมาหาเราก็มีคนให้ข้อสันนิฐานว่า จริง ๆ เค้าอาจจะไม่ได้แอดเรามา แต่ถ้ามีเบอร์เราไลน์มันก็จะเด้งอัตโนมัติเวลาที่เค้าเปลี่ยนมือถือ และในเมื่อเค้าเป็นคนทิ้งเราก่อนเราก็ไม่ผิดที่เราทักเค้าไป แล้วการที่คุณนิครู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และวันที่เค้าเสียชีวิตแล้วคุณนิคจะไปอโหสิกรรมอันนี้ก็เปนเรื่องที่ถูกต้อง เพราะเราไม่รู้เลยว่าวันหนึ่งเค้าจะเจออะไร เค้าจะจากเราไปตอนไหน ถ้าคุณนิครู้สึกว่านี่เป็นบทเรียนและไม่อยากเจอเรื่องแบบนี้อีก วันนี้คนที่อยู่ข้าง ๆ คุณนิค คุณนิคก็ต้องทำดีกับเค้าเช่น แฟนใหม่ที่เราคบ ถ้าวันหนึ่งเค้าเป็นอะไรขึ้นมาเราจะเสียดายอะไรที่เรายังไม่ได้ทำบ้าง ให้ทำกับคนนี้หรือทำกับคนรอบข้างเหมือนจะจากกันตลอดเวลา เพราะงั้นทำตีต่อกันกับคนที่ยังเหลืออยู่ อันนี้หอมว่าดีกว่า และเลิกคิดถึงคนที่จากไปแล้วและไม่ต้องโทษตัวเอง เพราะเค้าไปแล้วและไม่รับรู้อะไรแล้ว’

            ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็ใกล้เคียงกับหอม เพราะพี่ก็ถามว่าว่าทำไมนิคคิดว่าตัวเองผิด แต่ด้วยจังหวะของการเลิกกันมันอาจจะกระทันหัน ซึ่งการเลิกกันแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้นกับคู่อื่น ๆ คนเรามีการบอกบอกเลิกหรือวิธีหยุดความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนกัน บางคนก็หายไปเลย บางคนก็มานั่งคุย อันนี้ก็แล้วแต่คู่ แล้วพอเลิกกันไปผมมองว่าต่างคนต่างวางตัวกันดี เอาจริงคุณนิคก็ไม่ควรทักไปอยู่แล้ว เพราะมันไม่มีสาเหตุที่ต้องคุยกันในฐานะเพื่อนเก่าหรืออะไรก็ตาม ยิ่งทักคุยกันอาจจะยิ่งเป็นปัญหากับความสัมพันธ์ปัจจุบันของแฟนเค้าซะมากกว่า ผมว่าต่างฝ่ายต่างทำถูกแล้วที่ไม่ได้ติดต่อกัน และสุดท้ายคนที่จะติดค้างเรื่องคำขอโทษก็น่าจะเป็นฝ่ายเค้ามากกว่า ผมมองว่าทุกอย่างดำเนินไปตามปกติที่ควรจะเป็นอยู่แล้ว ไม่เห็นว่าจะมีความผิดอะไรจากคุณนิคเลย ในเรื่องของมุมมองคุณนิคต้องล้างความคิดว่าตัวเองผิดก่อน ผมไม่เห็นว่าคุนนิคจะต้องมีอะไรที่ติดค้างหรือรู้สึกผิด เพราะต่างฝ่ายก็ต่างไปมีชีวิต คนที่เลิกกันแล้วบางทีก็ไม่เหมาะไม่ควรที่เราจะคบหากันต่อ แม้จะเป็นเพื่อนกันก็ตามมันต้องย้อนกลับไปตั้งแต่เป็นเพื่อนกัน เมื่อไหร่ที่ตัดสินใจก้าวข้ามความเป็นเพื่อนมาเป็นแฟน มันคือการเปลี่ยนแปลงที่ย้อนกลับไปไม่ได้ พอเลิกกันก็ต้องทำใจว่าความสัมพันธ์แบบเพื่อนมันจะไม่กลับมา และทุกอย่างี่เกิดขึ้นมาผมมองว่ามันเป็นเรื่องปกติทุกอย่าง’

            สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่จะเสนอมุมมองที่ต่างพี่เผือกพี่หอมนิดนึง เท่าที่พี่ฟังมาพี่รู้สึกเสียดายชีวิตคุณนิคมากเลย พี่รู้สึกว่า 9 ปีตั้งแต่เลิกกับเค้าคุณนิคไม่ได้ไปไหนเลย อย่างตอนที่เจอเค้าอุ้มลูกแล้วคุณนิคหนี ถ้าเป็นคนที่มูฟออนแล้วพี่ว่าเค้าคงเดินไปถามสารทุกข์สุขดิบ แต่สำหรับเติ้ลมองว่าเหมือนคุณนิคยังอยากได้เค้าเป็นแฟน ยังเฝ้าดูชีวิตเค้าตลอด เรื่องของเค้ายังเข้ามากระทบจิตใจคุณนิคตลอด แล้วสุดท้ายคนที่ไม่ไปไหนก็คือตัวคุณนิค แต่วันนี้เค้าเสียไปแล้วแต่คุณนิคเองที่ยังไม่ไปไหน ซึ่งทำให้เติ้ลเสียดายเวลาที่คุณนิคจะไปมีความสุขกับตัวเอง ถ้าคุณนิคยังไม่เลิกคิดว่าตัวเองผิด ก็โปรดให้อภัยตัวเอง’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คบแฟนมา 4-5 ปี ไม่รู้เป็นอะไร ช่วงนี้เรารู้สึกเฉยๆกับความสัมพันธ์มาก เราทำงาน 6 วัน/สัปดาห์ วันว่างไปเที่ยวกับเขาก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้สนุกเกิน100% เหมือนเมื่อก่อนแต่ก็ไม่อยากเลิก เขาเป็นคนดีมาก แค่รู้สึกดาวน์ๆทำไมตัวเองรู้สึกแบบนี้ คนที่คบแฟนนานๆ

07 มิ.ย. 2024

คบแฟนมา 4-5 ปี ไม่รู้เป็นอะไร ช่วงนี้เรารู้สึกเฉยๆกับความสัมพันธ์มาก เราทำงาน 6 วัน/สัปดาห์ วันว่างไปเที่ยวกับเขาก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้สนุกเกิน100% เหมือนเมื่อก่อนแต่ก็ไม่อยากเลิก เขาเป็นคนดีมาก แค่รู้สึกดาวน์ๆทำไมตัวเองรู้สึกแบบนี้ คนที่คบแฟนนานๆ

คบแฟนมา 4-5 ปี ไม่รู้เป็นอะไร ช่วงนี้เรารู้สึกเฉยๆกับความสัมพันธ์มาก เราทำงาน 6 วัน/สัปดาห์วันว่างไปเที่ยวกับเขาก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้สนุกเกิน100% เหมือนเมื่อก่อนแต่ก็ไม่อยากเลิก เขาเป็นคนดีมากแค่รู้สึกดาวน์ๆทำไมตัวเองรู้สึกแบบนี้ คนที่คบแฟนนานๆ จัดการความรู้สึกยังไงหรอคะ? “คุณแพท (นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [5 มิ.ย. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาความรัก แฟนทำเหมือนเดิมทุกอย่างดูแลเทคแคร์ดี แต่เรากลับรู้สึกเนือยๆ เบื่อๆ หรือว่ามันถึงจุดอิ่มตัวของความรักครั้งนี้แล้ว โดย “คุณแพท (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘เป็นปัญหาเรื่องความรัก หนูมีแฟนที่คบกันมา 3 ปี จะ 4 ปี เขาอายุ 21 ปี หนูทำงาน ส่วนเขายังเรียนอยู่แต่ก็จะมีรับพาร์ทไทม์บ้าง เราไม่ได้อยู่กินด้วยกัน แต่อยู่จังหวัดเดียวกัน ซึ่งไม่ได้อยู่ไกลกันมาก แล้วก็ไม่ได้เจอกันทุกวันด้วย ส่วนใหญ่จะเจอกันแค่วันเสาร์ เดือนหนึ่งจะไปเที่ยวกัน 2 - 3 ครั้ง แล้วแต่โอกาสและเวลาว่างของทั้งคู่ แต่เราก็โทรคุยกันทุกวัน ซึ่งเราทั้งคู่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน เขาดีทุกอย่าง ไม่มีเรื่องนอกใจ เรื่องเที่ยวตอนกลางคืน คือไม่มีเรื่องอะไรที่ไม่ดีเลย แต่พอดีหนูเกิดความรู้สึกหนึ่งกับตัวเอง มันเป็นความรู้สึกแบบ เนือยๆ เบื่อๆ แบบว่าเหมือนอยากอยู่เงียบๆ เป็นบางที ซึ่งความรู้สึกแบบนี้มันเคยเกิดขึ้นครั้งแรกตอนที่คบกันได้ 1 ปี หรือ 2 ปี แล้วหลังจากนั้นก็ไม่เป็นอีกเลย พึ่งกลับมาเป็นอีกครั้งเมื่อตอนต้นปี แล้วก็เป็นถี่ขึ้นด้วย เกือบจะทุกเดือนเลยก็ว่าได้ ส่วนแฟนก็เหมือนเดิมทุกอย่าง ดูแลหนูดีทุกอย่าง แต่ว่าหนูมีภาระงาน ต้องทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ หนูแทบจะไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย แค่เดินทางไป - กลับ จากที่ทำงานก็เหนื่อยมากพอแล้ว เพราะที่ทำงานกับบ้านค่อนข้างอยู่ไกลกัน ซึ่งพอมีเวลาว่างก็จะทุ่มเวลาตรงนั้นให้กับเขาได้มากที่สุด อย่างเช่นวันนี้เลิกเร็วก็จะโทรหาเขา ชวนเขาเล่นเกม เหมือนว่าเป็นหน้าที่ไปแล้ว บางทีเขาถามหนูว่า “เราคอลกันมั้ย” แต่ตอนนั้นหนูใช้เวลานั่งพักของตัวเองอยู่ เลยรู้สึกไม่อยากคอลเลย แต่ก็ต้องหยุดสิ่งที่ทำอยู่เพื่อไปให้เวลาเขาก่อน แล้วก็มีเรื่องที่บ้านที่ต้องรับผิดชอบหลายเรื่อง ก็เลยไม่มั่นใจว่าตรงส่วนนี้ มันมาเกี่ยวด้วยรึเปล่า เพราะทุกครั้งที่มีอาการแบบนี้ หนูก็จะเนือยกับตัวเองแบบ “เฮ้ยเป็นอีกแล้วหรอ” อะไรอย่างเงี้ย และหนูก็กลัวว่า หนูจะพาให้เขาเครียดไปด้วย โดยตัวหนูเองก็ไม่ได้อยากจะเลิกกับเขาอยู่แล้ว เราทั้งคู่ก็มีคุยเรื่องนี้กันเพื่อหาทางแก้ แต่ก็ไม่รู้จะแก้ยังไง เพราะตัวหนูก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร และเขาก็ไม่รู้ว่าจะช่วยหนูได้ยังไง เคยลองห่างกันไป ไม่เชิงว่าเลิกกัน แค่แยกย้ายกันไปทำกิจวัตรของตัวเอง เขาโฟกัสเรื่องอ่านหนังสือ หนูก็โฟกัสเรื่องงาน พอทำแบบนี้มันก็เหมือนจะดีขึ้นมานิดนึง อย่างเมื่อก่อนที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยกัน สมมุติมาตรวัดมันอยู่ที่ 150 แต่ว่าหลังๆ มามันเหลือ 100 มันไม่ได้ลดลงมาแต่มันเนิ่บๆ นิ่งๆ แล้วหนูก็ไม่เคยมีแฟนที่คบมานานขนาดนี้ด้วย ก็เลยไม่มั่นใจว่าตัวเอง เป็นอะไร เคยคิดจะไปหาจิตแพทย์ด้วย เผื่อมันเกี่ยวกับเรื่องลึกๆ ภายใต้จิตใจ พอหนูเป็นแบบนี้ หนูก็ลองไปหาข้อมูลในเน็ต ในเน็ตเขาบอกว่า เวลาคนคบกันมานานส่วนใหญ่เขาก็จะมาตายกันตรงนี้ หนูก็เลยหาต่อว่ามันเป็นอาการหมดรัก อิ่มตัว อะไรอย่างงี้รึป่าว ไปหาดูหลายที่มาก หนูก็พยายามคิดว่าตัวเองคงไม่ได้หมดรักแฟนหรอก ก็เลยอยากจะถามว่าพี่ๆ ว่าถ้าเกิดว่าความรู้สึกแบบนั้นมันกลับมาเล่นงานหนูอีก หนูจะทำยังไง หรือว่าทำเหมือนที่เคยทำมาตลอดทุกครั้งดี โดย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ภาวะอย่างงี้ต้องคุยกัน คือ ตอนนี้มันเหมือนกับหน้าที่การงานของหนูมันเยอะมาก และด้วยวัยนี้มันจะมีปัญหาเรื่องการสร้างตัว เพราะเราอยากจะทำงานทุกอย่างที่เราทำได้ เป้าหมายของเรามันคือเงิน แล้วก็บางทีแฟนอาจจะเข้ามาในจังหวะที่ไม่พร้อม ไม่พร้อม หมายความว่า คือการที่มีแฟน นอกจากเราจะทำงานแล้ว เรายังต้องมีเวลาให้เขาด้วย เรามีเวลาส่วนตัวของเรา และเขาก็ต้องมีของเขา และเราต้องมีเวลาร่วมกันอีก ทีนี้ของหนูเนี่ย แม้กระทั่งเวลาของตัวเองหนูยังไม่มีเลย แล้วพอหนูจะต้องแชร์เวลาให้เขาอีก มันกลายเป็นเวลาก้อนเดียวกัน ที่เหมือนต้องเจียดแบ่งกัน มันเลยทำให้หนูรู้สึกอึดอัดว่าทำไมหนูเหนื่อยจังเลย ตอนนี้หนูแบกอะไรไว้เยอะเกินไป ฉะนั้นหอมรู้สึกว่าเราควรต้องคุยกันกับแฟนว่า “เฮ้ยตอนนี้งานมันยุ่งมากเลย แล้วเราแทบไม่มีเวลาส่วนตัวเลย ช่วงนี้อาจจะขอให้มันยืดหยุ่นหน่อยได้มั้ย อาจจะไม่ได้มีเวลาคอลบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อน หรืออาจจะไม่ได้ไปเดทกันทุกวันเสาร์ แต่อยากให้เข้าใจหน่อย ช่วงนี้มันเครียดจริงๆ” หอมคิดว่าการพูดคุยกับเขาน่าจะดีกว่าเพราะว่า เรารักกัน เท่าที่หอมเช็คแล้วเนี่ย แพทไม่ได้เบื่อแฟน ไม่ได้ถึงจุดอิ่มตัว แพทยังรู้สึก ภูมิใจในตัวแฟน ว่าแฟนเป็นคนดีอย่างนู้นอย่างนี้ แต่สิ่งที่แพทขาดมันเป็นเรื่องของเวลา ที่เวลาส่วนตัวกับเวลาของแฟนตอนนี้มันแย่งกันอยู่ แล้วแพทต้องการเวลาส่วนตัว ช่วงนี้มันอาจจะเป็นสถานการณ์ที่ยากนิดนึงสำหรับชีวิตคู่ แต่เรายังจะเดินไปด้วยกัน คือเราต้องวิเคราะห์ตัวเองให้ได้ก่อน ไม่งั้นอีกฝ่ายหนึ่งก็จะเหนื่อยกับเราเหมือนกัน ค่อยๆ ปรับมันจะเป็นอย่างงี้แหล่ะ ช่วงเวลาสร้างตัว’ ต่อด้วย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เอาจากประสบการณ์ที่เคยเจอมาแล้วกัน อยากให้ลองตรวจสอบ “PMS อาการผิดปกติก่อนมีประจำเดือน” บางทีผู้หญิงบางคนไม่รู้ตัวว่ามันเกิดจาก ฮอร์โมน ที่สวิงเร็วมาก คือบางครั้งถ้าเรานอยด์อะไรแบบไม่มีเห็นผล แล้วเป็นทุกเดือน เป็นสักพักหนึ่งในช่วงประจำเดือนมา มันแทบจะใช่เลยนะ เท่าที่พี่เคยสัมผัสมา เพราะฉะนั้นเริ่มจากลงวันที่ประจำเดือนมาก็ได้ ลองบันทึกดูมันอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่ง สมมุติฮอร์โมนมันเปลี่ยนแบบรวดเร็วมาก บวกกับปัญหาเรื่องงาน ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ฮอร์โมนเราเปลี่ยนก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง แล้วอีก 1 สาเหตุสำคัญคือ การที่เราคบกันมา 3 - 4 ปี พี่ว่ามันเข้าสู่ช่วงนิ่งของความสัมพันธ์พอดีเลย พอสัก 3 ปี อะไรที่มันเคยหวือหวา หรือมันเคย 150 อย่างที่แพทว่า แล้วมันลดลงมาเหลือ 100 พี่ว่ามันก็ปกติ อาจจะมีอะไรหลายๆ อย่างที่ประกอบกันพอดี แล้วทำให้ทุกอย่างมันผสมรวมกันเป็นอารมณ์เดียวที่แพทสัมผัสได้ เพราะฉะนั้นลอง Checklist ดูทีละอย่าง แล้วก็ถึงแม้ว่าจะคบกันมา 3 - 4 ปี ความหวือหวามันจะลดลง หรือเราจะเริ่มรู้สึกมีความเบื่อ ปรากฎขึ้นมา ซึ่งมันยังปกติ ถ้าสุดท้ายแล้วคำถามที่เราลองถามตัวเองว่า ถ้าเบื่อแล้ววันหนึ่งไม่มีเขาอยู่ในชีวิต เราอยู่ได้มั้ย ลองดูเลยว่าถ้าเราไม่ได้คบกับคนนี้อีกต่อไป ชีวิตเราจะเปลี่ยนไปยังไงบ้าง ถ้าคำตอบคือ “อยู่ไม่ได้” นั่นแปลว่า ความเบื่อที่มันลดลง และความหวือหวาที่มันหายไป พี่ว่ามันคือเรื่องปกติของความสัมพันธ์ ทุกๆ คู่มันจะต้องผ่านจุดนี้ จุดที่เราไม่ได้หวานฉ่ำ ไม่ได้หลงไหลกันเท่ากับตอนที่เราจีบกันปี 2 ปีแรก หรือใดๆ ก็ตาม จะผ่านได้ ไม่ได้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างที่เขาว่าถ้าคบกันก็จะกลายเป็นเพื่อนกัน แพทคงเคยได้ยินประโยคนี้ แต่พี่ว่า ไม่ใช่ จริงๆ คบกันไปจะกลายเป็นคู่ชีวิตกัน แล้วยิ่งอยู่เป็นคู่ชีวิตแล้ว มันไม่ต้องการความหวือหวาและมานั่งตื่นเต้นอะไรกันแล้ว มันอยู่เพื่อสร้างครอบครัว อยู่กันเพื่ออนาคตมากกว่า มันคือความรักนั่นแหล่ะ แต่แค่เปลี่ยนรูปแบบ เปลี่ยนเป้าหมาย เปลี่ยนความรู้สึกไปบ้างตามธรรมชาติของมนุษย์’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ทุกอย่างที่พี่จดไว้บนกระดาษ ก็คือพี่หอมและพี่เผือกพูดไปหมดแล้ว เห็นตรงกันหมดเลย พี่ไม่ได้รู้สึกว่าคุณแพทไม่ได้ ไม่รักเขา เพียงแต่ว่า ณ ตอนนี้มันมีเรื่องงานที่พี่คิดว่าน่าจะเป็นปัญหาหลักๆ อันนี้จากที่ฟัง แล้วพี่คิดว่า ที่คุณแพทบอกว่าเหมือนเคยอยากจะไปปรึกษาจิตแพทย์ พี่ว่าลองดูก็ได้นะ เพราะพี่ไม่รู้ว่า ไอความเนือยๆ เบื่อๆ ของคุณแพท บางทีมันส่งผลจริงๆ โดยที่คุณแพทไม่ได้รู้ตัว บางคนพอเวลาเครียดกับงาน เหมือนมันอยู่ในจิตตลอดเวลา ไม่สามารถทำงานหรือเคลียร์งานได้ พะว้าพะวง หรืออะไรก็ตาม แล้วพี่ว่าอายุแบบคุณแพทเรื่องงานมันสำคัญจริงๆ ซึ่งบางครั้ง เวลาที่เราต้องโฟกัส กับงานมากๆ การมีแฟน บางทีมันอาจจะกลายเป็นภาระก็ได้ คือถ้าไม่เจ๋งจริงเอาไม่อยู่เหมือนกันนะ หมายถึงว่าต้องเป็นคนที่มีทักษะประมาณหนึ่งเลย ที่สมมุติเวลามันมีงานที่ต้องรับผิดชอบมากๆ โดยที่เราก็ยังไม่ขาดตกบกพร่องเรื่องแฟน มันหาไม่ได้ในทุกคน เราจะเห็นว่าบางคน งานสำเร็จมาก แต่ความรักคือพังพินาศ เพราะว่าเขาไม่สามารถจัดการมันได้จริงๆ พี่ก็รู้สึกว่า ถ้าคุณแพทมีโอกาสก็ลองคุยกับคุณหมอจิตแพทย์ดู บางทีมันอาจจะปลดล็อคก็ได้ หรือจะเป็น PMS อย่างที่พี่เผือกบอกก็เป็นไปได้หมด แต่ถ้าตอนนี้พี่รู้สึกว่า สิ่งหนึ่งที่มันน่าจะเป็นปัญหาเลยคือ ความโหลด ของคุณแพทที่ทำงานหนัก แต่ว่าสุดท้ายทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ไปอยู่ที่พี่เผือกพูดว่า ถ้าแพทจะทำงานจนรู้สึกว่า เฮ้ยเราอยู่กับงานแล้วเราอยู่คนเดียวได้ สุดท้ายถ้าวันนั้นแพทรู้สึกว่า เฮ้ยเราทุ่มเทกับงานแล้วได้อยู่กับตัวเองแล้วมันสบาย โดยที่แพทกลับบ้านแล้วไม่มีใครมาถามว่า วันนี้เป็นยังไงบ้าง เหนื่อยมั้ย ถ้าแพทโอเค มันก็อาจจะเหมาะกับชีวิตของแพทก็ได้ แต่ถ้าแพทรู้ตัวว่า หนูก็ยังเป็นคนที่เวลากลับบ้านมาเหนื่อยๆ แล้วอยากให้มีคนถามไถ่ว่า วันนี้เป็นไงบ้าง เหนื่อยมั้ย ให้มีคนได้พูดได้ปรึกษา แพทก็ต้องช่างน้ำหนักตัวเองดู มันต้องมีคำตอบให้ตัวเองว่า สุดท้ายการอยู่คนเดียวหรือว่ามีเขาอยู่ อะไรมันดีกับชีวิตเรามากกว่ากัน แล้วเรื่องสุดท้ายเช่นกัน พี่ว่าการที่หนูไม่เคยมีแฟนระยะยาวมันเลยยิ่งทำให้หนูงงว่า เฮ้ยก่อนหน้ามันหวือหวาตลอด เพราะหนูเวลาแค่นั้นไง สำหรับพี่ทุกวันนี้นั่งเล่นมือถือหรืออ่านหนังสือแล้วมีแฟนนั่งอยู่ข้างๆ ก็พอ มันก็ไม่ได้มีความหวือหวาใดๆ แล้ว แต่มันก็อาจจะต้องหากิจกรรมทำร่วมกัน ไปเดทกันเพื่อเติมความหวานกันหน่อย ไม่ใช่อยู่กันเฉยๆ ไม่หาอะไรทำด้วยกัน ถ้าในความโรแมนติกมันก็จะหมดกันไปได้ในสักวัน แต่ว่าความหวือหวามันไม่เท่าอยู่แล้วน้องแพท มันไม่มีทางเท่า ใครทำเท่าได้นี่คือ กราบเลยอ่ะ มันลดลงอยู่แล้วตามปกติ เพียงแต่ว่ามันลดลงในปริมาณที่เรารู้สึกว่า เออพอดีอ่ะ มันอยู่ด้วยกันแล้วเราสบายใจที่มีคนอยู่ข้างๆ มากกว่า’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูโดนพี่ที่อยู่ชมรมเต้นลวนลาม แต่แฟนเขาทักมาข่มขู่ว่า “ถ้ายังทำอะไรแบบนี้อยู่ เดี๋ยวเจอกูนะ เจอกูแน่” หลังจากนั้น เวลาเลิกเรียนก็มีคนขับรถตาม คนเดินตามบ้าง จนหนูประสาทหลอน หนูไม่ไหว หนูแพนิค หนูหวาดระแวง หนูควรทำยังไงดีคะ?

08 พ.ย. 2024

หนูโดนพี่ที่อยู่ชมรมเต้นลวนลาม แต่แฟนเขาทักมาข่มขู่ว่า “ถ้ายังทำอะไรแบบนี้อยู่ เดี๋ยวเจอกูนะ เจอกูแน่” หลังจากนั้น เวลาเลิกเรียนก็มีคนขับรถตาม คนเดินตามบ้าง จนหนูประสาทหลอน หนูไม่ไหว หนูแพนิค หนูหวาดระแวง หนูควรทำยังไงดีคะ?

“คุณเม (นามสมมติ)” อายุ 16 สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (6 พ.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหา การถูกลวนลามจากคนรู้จักในชมรม แล้วส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดย “คุณเม (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า เดิมทีหนูเป็นคนชอบเต้นได้เข้ามาเรียน แล้วมันจะมีชมรมนึงที่รวมทุกสายชั้นทุกเพศทุกวัยชอบเต้นก็สามารถมาเข้าได้ หนูก็เลยเข้าไปอยู่ได้สักพักนึง แล้วทีนี้มันมีพี่คนนึงเขาบอกว่าเหมือนอยากจะเต้นวงผู้ชายบ้าง เขาก็เลยโพสต์หาในเพจของโรงเรียนว่าแบบมีใครสนใจไหม แล้วมีพี่ผู้ชายคนนึงทักมาแล้วเขาก็มาขอเข้า เขาดูเป็นคนที่แบบว่าหน้าตาคือโอเคเลยดูเป็นคนดีหล่อด้วยในระดับนึง ทุกคนก็เลยจะว่าชอบก็ชอบ แต่ว่าเขาคนนั้นก็มีแฟนแล้วด้วย แล้วทีนี้ก็คือมันมีวันนึงที่เราซ้อมกันอยู่ แล้วก็คือโรงเรียนหนูมันจะมีลิฟต์ พอซ้อมเสร็จหนูก็รอซ้อมทีมหญิงต่อ ซ้อมทีมหญิงเสร็จทุกคนก็จะแยกย้ายกลับบ้าน แต่ทางกลับก็คือมันต้องไปลงลิฟต์กันหนูเดินรั้งท้ายสุดเลย แล้วก็มีพี่ผู้ชายเขารั้งท้ายกับหนูก็คืออยู่หลังหนู เขาก็เหมือนเอามือมาจับก้นหนู แต่ว่าหนูหันไปแล้วก็แบบว่าเอ้ยอะไรอะพี่ แล้วเขาก็เฉย ๆ หนูก็เลยคิดว่าเขาน่าจะมือโดนหรือเปล่าอะไรแบบนี้ ก็เลยลงไปข้างล่าง ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับพี่เขาก็เลยถามหนูว่า ตอนนั้นก็มีหนูกับพี่เขาสองคนก็เลยถามว่าไปซื้อส้มตำเป็นเพื่อนพี่ได้ไหม หนูก็ไม่ได้คิดไรมาก หน้าตาเขาก็ดูเป็นคนดีหนูก็เลยบอกว่าโอเคค่ะได้เดี๋ยวหนูไปเป็นเพื่อน อันนี้ก็คือนั่งรถมอเตอร์ไซค์ไป สั่งส้มตำปกติแล้วสักพักนึงเขาก็บอกว่าเดี๋ยวพาพี่ไปเอาของแป๊บนึงนะ หนูก็เลยตามเขาไปแต่ว่ามันเป็นเหมือนร้านที่ปิดอยู่ แล้วก็มันมีช่องเล็ก ๆ ให้เข้าไปหนูก็เดินตามเขาไป แล้วสักพักเขาก็เหมือนหันมาแล้วก็แบบจับหน้าอกหนูเลย แบบจับหน้าอกหนูแล้วก็บีบหน้าอกหนูเลย แล้วหนูก็เลยถามว่าพี่ทำอะไร เขาก็เลยบอกว่าพี่ชอบเรา พี่อยากได้เรามากเลย หนูก็บอกว่าหนูไม่โอเค คือพี่มีแฟนแล้ว หนูก็บอกตรง ๆ ว่าตอนนั้นหนูก็กลัวด้วย แล้วทีนี้ก็เลยพยายามเดินออกมาจากตรงนั้น แล้วพี่เขาก็เลยแบบเอามือหนู กระชากมือหนูแล้วก็ไปจับตรงเป้าของพี่เขา แล้วก็เลยถามว่า พี่พอจะได้ไหมขนาดพี่แบบโอเคไหม หนูก็เลยแบบเออพี่หนูไม่โอเคค่ะพี่ จนหนูพยายามเดินหนีหรือพยายามกลับมาเอารถที่โรงเรียน เพราะว่าหนูมีรถของหนูอยู่หนูก็พยายามกลับมาเอารถที่โรงเรียนหนูก็เดินมาเลย พี่เขาก็ขับรถตามมาแล้วก็แบบโอเคเดี๋ยวพี่ไปส่ง หนูก็ให้เขาไปส่ง ครั้งนี้เขาไปส่งที่โรงเรียนจริงๆ พี่เขาก็บอกว่าเรื่องนี้เก็บไว้เป็นความลับระหว่างเรานะ แต่หนูเป็นคนที่คิดมากด้วย หนูก็เลยไปปรึกษาพี่คนนึงที่เขาแบบเต้นเก่งมาก เขามีคนรู้จักเยอะ พี่เขาก็เอาไปโพสต์ในสตอรี่ ว่าถ้ายังอยากมีที่ยืนในสังคมเต้นอยู่ไหมแล้วเขาก็มาเห็น เขาก็ทักเข้าไปใน DM ไอจีของพี่เขาแล้วก็แบบเออเหมือนขอโทษ พี่เขาก็เลยให้ทักมาขอโทษหนูพอขอโทษหนูเสร็จ เรื่องก็จบเลยวันสองวัน หลังจากนั้นก็มีผู้หญิงคนนึงเขาทักมาพี่หนูในวงที่เป็นหัวหน้าวงที่เป็นผู้หญิง เขาก็ทักมาแล้วก็เชิงประมาณด่าลง ๆ ในกลุ่มว่าแบบไปทำอะไรกับผัวคนอื่นไว้ก็แบบรับหน่อยนะ แบบมารับความจริงหน่อย เขาก็ทักไปหาพี่หัวหน้าวงว่าแบบอยากจะให้หนูมาขอโทษ แต่พอหนูทักไปเขาก็แบบเหมือนด่าหนูอย่างเดียวจนไม่ฟัง หนูก็เลยบอกว่าถ้าไม่ฟังกันก็ไม่ต้องทักมา จะฟังเมื่อไหร่ค่อยทักมาจนพี่หัวหน้าวงเขาตั้งกลุ่มให้เลยแล้วเคลียร์กันในกลุ่ม หนูก็บอกว่าหนูโอเคหนูก็พยายามขอโทษที่หนูเอาไปบอกคนอื่นคือเขาโกรธที่หนูเอาไปบอกคนอื่น เขาด่าประมาณว่าทำอะไรไว้กับผัวคนอื่นหัดมารับเรื่องรับความจริงหน่อยนะ แล้วก่อนหน้านี้หนูเพิ่งมารู้เรื่องจากรุ่นพี่ที่เป็นหัวหน้าวงว่าเขาโทรมาบอกว่า เขาอยู่กับแฟนเขาเขาอยู่กับผัวเขาใช่ไหมค่ะ เขาก็เหมือนโทรมาแล้วผัวเขาก็แย้งว่าแบบไม่น้องมันมาอ่อยก่อน เหมือนพี่หัวหน้าวงเขาก็ได้ยินแต่พี่หัวหน้าวงเขาก็เข้าข้างหนูเขาก็แบบว่า ถ้าแฟนมันไม่คิดอะไรจริง ๆ มันไม่ไปทำกับน้องแบบนั้นหรอก หลังจากนั้นพี่ผู้หญิงเขาก็เหมือนทักมาขู่หนูว่า ถ้ายังอะไรแบบนี้อยู่ เดี๋ยวเจอกูนะ เจอกูแน่อะไรแบบนี้ ช่วงหลังจากนั้นมันก้มีคนขับรถตามมั่ง คนเดินตามบ้าง จนหนูประสาทหลอนจนหนูไม่ไหวหนูแพนิคเพราะว่าเดิมทีหนูก็เป็นซึมเศร้ากับแพนิคอยู่แล้วด้วย หนูก็เลยแบบไปกันใหญ่เลยหวาดระแวง หนูเลยอยากถามพี่ ๆ ว่า หนูควรทำยังไงคะ? เพราะว่าหนูไปพบจิตแพทย์แล้วหนูก็แบบไม่ดีขึ้นเลยแถมยังได้ยามาเพิ่มด้วย! เริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘แนะนำให้พ่อแม่พาไปลงบันทึกประจำวัน แล้วก็อาจจะแบบขอเบอร์ที่ติดต่อคุณตำรวจว่า ถ้าสมมุติเรากำลังขับรถหลังจากเลิกเรียน แล้วถ้าเกิดเราเจออะไรแบบนี้ให้เราโทรหาเขาได้ไหม เพื่ออย่างน้อยมันจะได้อุ่นใจว่าก่อนที่มันจะทำอะไรเรา เรายังมีเวลาโทรหาคุณตำรวจหรือโทรหาใครสักคนนึงที่เป็นผู้ใหญ่ ที่พอรับรู้ว่าอีนี่มันมาแล้วนะอะไรอย่างงี้ แล้วก็ถ้าเกิดเขามีการข่มขู่อะไรอีก ต้องเก็บหลักฐานไว้ถ้าคราวหน้ามันมีอีก มีคนคำแนะนำว่ากลับดึกๆ พกอุปกรณ์ป้องกันตัวเอาไว้ด้วยจะได้อุ่นใจ แล้วพี่ก็จะบอกให้หนูสบายใจอย่างนึงว่า ด้วยความที่เขาอยู่โรงเรียนเดียวกับเราการที่เขาจะทำอะไรบุ่มบ่ามมันก็จะมีผลกับเขาตอนเรียนเหมือนกัน ส่วนใหญ่ที่มันตีกันมันจะต่างโรงเรียนที่มันจะเอาเรื่องกันส่วนใหญ่จะต่างโรงเรียน แล้วถ้าโรงเรียนเดียวกัน ถ้ามันจะทำมันทำไปแล้ว ครั้งหน้าว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็คือว่าต้องเด็ดขาดในการไม่เข้าไปกับเขา เคสนี้ยังมองว่าโชคดีที่ผู้ชายยังไม่กล้าที่จะข่มขืน หรือซื้ออุปกรณืเพื่อป้องกันตัวเยอะแยะ ติดตัวไว้ พวงกุญแจสำหรับส่งสัญญาณเสียงขอความช่วยเหลือก็สามารถช่วยได้ให้คนร้ายมันรู้สึกตกใจ หรือ อะไรอื่นๆเมลองไปศึกษาดู ต่อมา “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ลองดูถ้าไม่อยากได้คนปรึกษาที่ไม่ใช่จิตแพทย์ก็ มีแบบที่เขาจะเป็นคนที่เคยถูกล่วงละเมิดคือจริง ๆ เราหาคนที่มีประสบการณ์คล้ายๆกัน มันอาจจะแชร์ความรู้สึกกันได้มากกว่าหมอที่เราไปคุยแล้วมันไม่ชอบ คือจริงๆแล้วจิตแพทย์มันก็เปลี่ยนคนได้แต่ว่าด้วยความที่อยู่ต่างจังหวัด การจะเข้าถึงจิตแพทย์ที่อาจจะดีๆ กรุงเทพมันก็ไม่ได้ง่ายบางคนก็ถูกจริตเรา บางคนให้คำแนะนำไม่ถูกก็ยิ่งหนัก ก็ถ้าอยู่ต่างจังหวัดแล้วจิตแพทย์มันหาไม่ได้ก็ลองทางเพจ มันมีคนที่เคยเป็นเหยื่อมาก่อนแล้วเขาก็ผ่านพ้นมาได้ มันมีวิธีที่จะจัดการกับความคิดตัวเองอยู่บ้าง ถ้าเรามีโอกาสได้คุยกับคนเหล่านั้นอาจจะดีขึ้น ลองหาพวกช่องทางเสิร์ช Google ดูก็ได้ เพจผู้หญิงที่ชื่อข้างกาย สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า เลี่ยงไปไหนที่เปลี่ยว ๆ คนเดียวสุ่มเสี่ยงทางไหนที่ไม่ใช่ทางปกติที่คนชุมชน หนูเลี่ยงดีกว่าช่วงนี้ แล้วก็ลองคุยกับนักจิตบำบัดพี่เห็นมีสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ลองดูได้เผื่อเราลองหานักจิตบำบัดหรืออะไรที่เรารู้สึกว่า ถ้าคนแนะนำแล้วเราโอเค เราแบบอยากฟังอย่างที่เหมือนว่ามันดูถูกจริตกับเราที่เราสามารถทำได้ แต่มีอันนึงที่ฟังแล้วแบบเหมือนอยากจะให้ข้อคิดน้องเมย์นะ คือบางทีเราแบบเห็นคนคนนึงหน้าตาไว้ใจได้อะไรแบบนี้ บางทีเราแบบไปกับเขาสองต่อสองอาจจะต้องระวังตัวมากกว่านี้ เพราะว่าคือเอาจริงๆถ้าวันนั้นรู้สึกว่าเขาเป็นคนมาจับก้นเราแล้ว ก็ไม่ควรไปกับเขาแล้วแม้ว่าเราจะแบบใช่ไม่ใช่ แต่พี่รู้สึกว่าสัญชาตญาณมันไม่ควรไปกับเขาแล้วกับการที่เห็นว่าบ้านหลังนั้นต้องเดินเข้าไปในช่องลึก ๆ พี่ว่าเราต้องรู้สึกตัวแล้วว่าห้ามเขาไป หนูอาจจะต้องมีกลไกลป้องกันตัวเองมากกว่านี้ที่มันจะต้องรู้สึกว่ามันอันตรายนะมันดูสุ่มเสี่ยง คือสำหรับพี่รู้สึกว่าเขาบอกว่าเขาจะไปส่งเป็นพี่พี่ไม่ไปกับเขาแล้วนะ ตอนท้ายคือหลังจากเกิดเรื่องทั้งหมดแล้วเขาบอกว่าเดี๋ยวเขาจะไปส่งเป็นพี่พี่ไม่ไปกับเขาแล้ว แต่เมย์ยังตัดสินใจไปกับเขาอันนี้พี่ว่ามันเหมือนเอาตัวเองกลับไปอยู่กับเขาอีก มันก็เลยรู้สึกว่ามันเสี่ยงเกินไป ถ้าอนาคตสถานการณ์มันแบบนี้อีกเมย์ต้องคิดให้รอบคอบกว่านี้ ขอให้มันผ่านไปวันนี้หนูไม่เป็นไรก็ดีแล้วก็ระวังตัวไม่ให้มันสุ่มเสี่ยงแบบนั้นอีกเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin#พุธทอล์คพุธโทร #พุธทอล์คพุธโทรRECAP #ดีเจเผือก #ดีเจเติ้ล #ดีเจเผือก #EFM94

คบกับแฟนมา บ้านเขามีฐานะ แต่พอเลิกกันแล้ว หนูเอาของขวัญ 3 ชิ้นที่เขาเคยให้หนูไปขาย ปรากฏว่าเป็นแบรนด์เนมปลอมทั้งหมด ตอนคบกัน หนูซื้อทั้งทอง เสื้อลิขสิทธิ์แท้ให้เขา เจอแบบนี้เจ็บใจ ควรทำให้เขารู้ตัวไหมคะ ว่าอย่าสนับสนุนของปลอมและอย่าทำแบบนี้กับใครอีก!

10 ม.ค. 2025

คบกับแฟนมา บ้านเขามีฐานะ แต่พอเลิกกันแล้ว หนูเอาของขวัญ 3 ชิ้นที่เขาเคยให้หนูไปขาย ปรากฏว่าเป็นแบรนด์เนมปลอมทั้งหมด ตอนคบกัน หนูซื้อทั้งทอง เสื้อลิขสิทธิ์แท้ให้เขา เจอแบบนี้เจ็บใจ ควรทำให้เขารู้ตัวไหมคะ ว่าอย่าสนับสนุนของปลอมและอย่าทำแบบนี้กับใครอีก!

“คุณนา (นามสมมติ)” อายุ 21 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (8 ม.ค. 68) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาแฟนเก่าซื้อของแบรนด์เนมปลอมให้ โดย “คุณนา (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘แฟนเก่าซื้อของแบรนด์เนมให้ แต่หนูพึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นของปลอม ของที่เขาซื้อให้ก็มี นาฬิกา สร้อย และกำไล ที่หนูรู้เพราะหนูเอากำไลกับสร้อยไปเช็ค แล้วเขาบอกว่ามันไม่ใช่ของแท้ คือแฟนเก่าหนูเขาอายุ 24 เริ่มจากที่เราทั้งคู่คุยกันประมาณ 4 เดือนเราเคยนัดเจอกันหลายครั้ง เราได้ตกลงคบกันในวันศริสต์มาส เขาซื้อของขวัญชิ้นแรกให้ ในวันที่เราตกลงคบกัน ซึ่งเป็นของขวัญวันคริสต์มาสไปด้วย ตอนนั้นเขาซื้อนาฬิกาชิ้นแรกให้หนู คือจริง ๆ ตอนนั้นหนูดูออกนิดนึงมันจะมีความเอ๊ะอยู่ แพคเกจ วัสดุมันดูแปลก ๆ แต่ไม่อยากมีปัญหา ด้วยความที่เขาให้เพราะว่าหนูกลัวเราทะเลาะกัน หนูก็เลยปล่อยผ่านไป หลังจากนั้นหนูก็ถ่ายลงสตอรี่ไอจีปกติ ผ่านไปสักพักนึงเพื่อนหนูก็ไปรับสารมาจากเพื่อนอีกคนนึงมีคนบอกว่า ‘นาฬิกาเนี่ยเป็นของปลอมนะ ไม่เคยเห็นผู้ชายพาเข้าช็อปแบรนด์เนมเลย ผู้ชายรวยเหรอ นารวยเหรอ’ ได้รับสารมาประมาณนี้ ก็เลยรู้สึกว่าไม่ค่อยพอใจที่โดนคำพูดแบบนี้ หนูเลยไปเล่าให้เขาฟัง เขาก็ไม่พอใจ แต่เขาก็มีความมั่นใจว่ามันคือของแท้ วันต่อมาหนูก็เลยทักไปหาร้านที่รับซื้อแบรนด์เนมให้เขาเช็คนาฬิกา ซึ่งเขาก็บอกว่ามันไม่ใช่ของแท้ หนูก็เลยไปบอกเขา จนเป็นเรื่องขึ้นเราทั้งคู่ทะเลาะกัน เขาไม่พอใจที่หนูเอาไปเช็ค เขาบอกให้หนูปล่อยไป ไม่ต้องสนใจว่ามันเป็นของแท้หรือว่าของปลอม สุดท้ายเขาก็ทำเหมือนว่าความรู้สึกแย่ ๆ ทั้งหมดตกมาที่เขาทั้งหมด เพราะเขาเสียเงินไปแล้ว เขาซื้อมาจากร้านคนรู้จักพ่อ เขาเลยไม่อยากมีปัญหากระทบไปถึงผู้ใหญ่ แต่คือสิ่งที่หนูจะสื่อคือไม่อยากให้เขาไปซื้อซ้ำหรือโดนหลอกจากร้านนั้นอีก พอมาชิ้นที่ 2 ตอนนั้นหนูได้กำไลมาแล้ว แต่อันนี้ดูไม่ออก ก็มีเพื่อนมาบอกว่าแฟนหนูให้ของปลอม หนูก็เลยส่งใบเซอร์ของแบรนด์ไปให้ หนูเอาไปเช็คในเน็ตใบเซอร์มันก็เหมือนของจริง หนูก็เลยไม่ได้เอะใจ พอเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เราเลิกกันแล้ว หนูก็ไปรู้ว่าเขามีแฟนคนใหม่เป็นสาวสอง หนูก็เลยจะกำไลทิ้ง ก็เลยทักไปหาร้านที่รับซื้อแบรนด์เนม เขาก็บอกว่ามันเป็นของปลอม อีกร้านนึงเขาก็บอกว่าไม่รับซื้อ คือของทุกอย่างที่เขาให้หนู หนูเอาไปเช็คคือของปลอมหมดเลย ตอนแรก ๆ หนูก็โกรธ เพราะหนูให้เสื้อเขาไปตัวละ 4 – 5 พัน พอเขาให้นาฬิกาหนูมา หนูก็เลยรู้สึกต้องอัพราคาของที่จะให้ ก็เลยให้ทอง 1 สลึงให้เขาไป เขายังบอกกับหนูเลยว่าทองหนูเนี่ยแพงไม่เท่ากำไลที่เขาให้หรอก หนูอยากจะปรึกษาพี่ ๆ ดีเจว่า ถ้าเจอแบบนี้หนูควรจะปล่อยวาง หรือว่าทำให้เขารับรู้ว่าสิ่งที่เขาซื้อมามันเป็นของปลอมนะ แล้วเขาก็ใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้’ เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าอยู่ที่อารมณ์ปัจจุบันว่ามันยังแค้นไหม มันเลิกกันด้วยดีไหม ถ้าเลิกกันด้วยดีแล้วอยากจะทำให้เขารู้ว่ากูไม่ได้โง่นะก็ส่งไปบอกได้ว่าฉันเช็คหมดแล้วนะว่ามันปลอม แต่ก็ไม่ได้จะมาอะไรหรอกแค่ให้รู้ไว้ แค่บอกให้เขารู้ว่ากูไม่ได้โง่ แต่ถ้ารู้สึกว่ามันแยกย้ายกันไปแล้วไม่ได้อยากจะก่อเวรก่อกรรมกันไปอีก ไม่อยากจะยุ่งไม่อยากจะเสียจิตเสียอะไรก็ถ้าจะไม่บอกมันก็เป็นสิทธิ์ของนาเหมือนกัน มันอยู่ที่ว่า ณ เวลานี้อารมณ์มันเป็นแบบไหนซึ่งจะทำยังไงก็ได้แล้วแต่ แต่ถ้าเป็นพี่พี่แค้นพี่ก็คงจะทักไปบอกแหละแต่ก็จะเลือกคำบอกแบบที่ว่าเราลอยตัวอยู่เหนือปัญหา บอกแบบมีฟอร์ม แต่เราคงพูดลำบากว่าเขารู้จริง ๆ หรือว่าเขาโดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำอีกมันก็คงฟันธงลำบากถึงแม้ว่าฟังดูเหมือนเขาจะรู้ก็ตาม เขาจะตั้งใจห็ตามเพราะฉะนั้นถึงบอกว่าถ้านาอยากจะแค่บอกว่า ฉันไม่ได้โง่ก็บอกเขาได้’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าอยากให้ตัวเองสบายใจพี่ว่าก็บอกได้ ในมุมที่ให้รู้ว่าเธอซื้อของปลอม ไม่ว่าเธอจะจงใจไม่จงใจแต่ว่าความจริงที่ฉันจะบอก 3 ชิ้นที่ฉันได้รับมันปลอมหมดเลยก็แจ้งให้ทราบแล้วฉันก็สบายใจว่า ฉันไม่ได้ถูกเธอหลอกนะ แค่นี้ก็แยกย้ายได้แต่ถ้าหวังว่าเขาจะเลิกซื้อของปลอมหวังว่าเขาไม่ทำแบบนี้กับคนอื่นพี่ว่าไม่จำเป็น เราไปเปลี่ยนทางเดินเขาไม่ได้หรอกเขาเลือกทางเดินแบบนั้น’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาเสริมอีกว่า ‘เท่าที่ฟังรู้สึกว่านางตั้งใจ เพราถ้ารู้ว่ามันปลอมเขาต้องรู้สึกกับร้านมากกว่าจะมารู้สึกกับนา เขาต้องรู้สึกว่าโดนหลอกมากว่านี้ อันนี้มันเหมือนเขารู้ทั้งรู้ อีกอย่างที่พี่อยากให้มองอีกมุมนึงคือเขาไม่ได้มองว่าการใส่ของปลอมเป็นสิ่งผิดเพราะเขาใส่อยู่ แต่ถ้าสมมุติเขาทำอะไรบางอย่างให้เราแค้นนะ โพสต์ไอจี แต่มันต้องแค้นจริง ๆ นะ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สรุปเรื่องนี้หนูทำถูกไหมคะ? ไปตลาดเจอป้าขาย Art Toy ปลอม แล้วเราเจอน้องสองคนที่ตั้งใจเก็บเงินมาซื้อ เลยเขียนโน๊ตในมือถือแล้วยื่นให้ 'ของปลอม ตามน้ำไป’ แกล้งทำเป็นรู้จักน้องแล้วบอกความจริงตอนออกร้าน

05 ก.พ. 2024

สรุปเรื่องนี้หนูทำถูกไหมคะ? ไปตลาดเจอป้าขาย Art Toy ปลอม แล้วเราเจอน้องสองคนที่ตั้งใจเก็บเงินมาซื้อ เลยเขียนโน๊ตในมือถือแล้วยื่นให้ 'ของปลอม ตามน้ำไป’ แกล้งทำเป็นรู้จักน้องแล้วบอกความจริงตอนออกร้าน

สรุปเรื่องนี้หนูทำถูกไหมคะ? ไปตลาดเจอป้าขาย Art Toy ปลอมแล้วเราเจอน้องสองคนที่ตั้งใจเก็บเงินมาซื้อ เลยเขียนโน๊ตในมือถือแล้วยื่นให้ 'ของปลอม ตามน้ำไป’แกล้งทำเป็นรู้จักน้องแล้วบอกความจริงตอนออกร้าน ไปเล่าให้เพื่อน เพื่อนบอกไม่ควรทำเหมือนเราช่วยน้อง แต่กำลังทำร้ายป้าอยู่ “คุณหยก(นามสมมติ)” อายุ 32 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [31 ม.ค 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับการถ้าเราห้ามคนไม่ให้ซื้อของปลอม ถือว่าผิดมั้ยคะ? โดย “คุณหยก(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หนูไปเดินตลาดกลางคืนแห่งหนึ่ง เพื่อจะดูของเล่น เราก็ไปเดินกับเพื่อนแล้วก็ไปหยุดอยู่ร้านหนึ่ง คนขายเป็นคุณป้า อายุเยอะหน่อย เราก็เดินดูของเล่นไป ด้วยความที่เราเป็นสาย Art Toy พอเราดู เราก็รู้แหละว่าเป็นของปลอม ก็หยิบ ๆ ถามราคาขำ ๆ แต่คงไม่ซื้อหรอก สักพัก มีเด็กวัยรุ่น น่าจะเป็นแฟนกัน เดินมายืนข้าง ๆ แล้วก็พูดประมาณว่า “เนี้ย นู้น นี่ นั้น เราอยากได้ เราเก็บเงินมาซื้อ” เราก็เหล่ ๆ พอเห็นจังหวะที่น้องหยิบขึ้นมา 2-3 กล่อง เหมือนจะซื้อ เราก็แบบคิดในใจว่า “น้องโดนแน่ ๆ ” หนูก็เลยพิมพ์ข้อความใส่โน้ตมือถือประมาณว่า “ปลอม ตามน้ำ อยู่นิ่ง ๆ” ด้วยความที่หนูเป็นกุลสตรี หนูก็เข้าไปหาน้องผู้หญิง จับมือน้อง แล้วบอกว่า (นามสมมติ น้องแอน) “น้องแอน วันนั้นเราไปเจอน้องที่นั่นใช่ไหม พี่จำเราได้ เรายังถ่ายรูปด้วยกันอยู่เลย” หนูก็เอามือถือไปจ่อที่หน้าน้อง พอน้องเห็นข้อความ น้องก็นิ่งไปเลย หนูก็พูดว่า “ป่ะ ไปกินข้าวกับพี่ไหม เราจะซื้อของตรงนี้ใช่ป่ะ มา BTS เดี๋ยวมันจะเกะกะหรือเปล่า ไปกินข้าวกันก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมาซื้อ” แล้วหนูก็ลากน้องเดินออกไป แล้วก็อธิบายให้น้องฟังว่า “แกลองดูตรงนี้สิ จุดสังเกตมันตรงนี้ คือมันปลอม” น้องก็พูดว่า “อ้าวหรอพี่ หนูเกือบโดนแหนะ” เรื่องมันจะจบอยู่แค่นี้แหละ หนูก็ไม่อะไรหรอก แต่พอดีที่แยกย้ายกับเด็ก 2 คนนั้นไป หนูก็คุยกันกับเพื่อน เพื่อนมันก็บอกประมาณว่า “เฮ้ย คือจริง ๆ แล้ว การที่แกทำแบบนี้มันไม่โอเคหรือเปล่า เพราะว่าการซื้อขายมันเป็นเรื่องของคนสองคนที่เขาดีลกัน การที่เราเอาตัวเองไปแทรก มันไปขัดวงจรเขา แกช่วยน้องเขา แต่ในขณะเดียวกัน แกก็ทำร้ายป้าเขานะเว้ย” มันเป็นความนอยด์ในใจเรา ด้วยตรรกะของหนู หนูคิดว่าทำถูกแต่เพื่อนกลับมองว่าหนูเผือก ที่ไปยุ่งกับเขา ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เป็นห่วงเรื่องที่หยกเอาตัวเองเข้าไปแทรก โดยที่มันอาจมีเอฟเฟคกับตัวหยกเอง เช่น ป้านั้นอาจจะมารุมตีหยก คือเหมือนหาเรื่องใส่ตัว เรื่องที่ป้าขายของผิดลิขสิทธิ์ เราไม่ใช่ตำรวจ เรื่องลิขสิทธิ์ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ป้าเขาก็อาจหลบหลีกตำรวจอยู่ หรือตำรวจอาจจะเล็งป้าอยู่ แต่มันไม่ใช่หน้าที่เราที่จะจับกุมเขา หรือในกรณีแบบนี้ สมมติว่าเรานั่งอยู่ แล้วเห็นผู้ชาย/ผู้หญิงนั่งอยู่ ผู้หญิงลุกไปแล้วผู้ชายใส่อะไรลงไปในแก้ว เคสแบบนี้อันตรายถึงชีวิตเราได้’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘การที่หยกเข้าหาด้วยวิธีการแบบนั้น ถ้าคนจิตไม่แกร่งเอาดี ๆ เขาตกใจ เขาอาจจะเหวอ ทำตัวไม่ถูก ประมาณว่า “คนนี้เป็นอะไรอ่ะ” พี่รู้สึกว่าวิธีนี้ทำได้นะในกรณีที่มันซีเรียสจริง ๆ ถ้าเป็นพี่ พี่ก็อาจจะหยิบมาแล้วก็พูดประมาณว่า “เอ๊ะ มันต้องมีตัวเลขตรงนี้หรือเปล่า ไม่แน่ใจเพราะหนูเคยเห็น” แล้วให้ดูรีแอคว่าคนขายเขาจะตอบยังไง แล้วให้น้อง 2 คนนั้น คิดด้วยตัวเอง พี่ชื่นชมในความตั้งใจของหยกที่จะช่วยเหลือคน แต่ว่าหยกต้องหาวิธีที่มันไม่ทำให้ตัวเองสุ่มเสี่ยงกว่านี้’ และสุดท้าย “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘วิธีการเข้าหาน่ากลัวมาก ถ้าเราจะใช้วิธีนี้ต้องเป็นเหตุการณ์เหมือนโดนลากไปเพื่อโดนปล้น เราเองไม่สนับสนุนของไม่ถูกลิขสิทธิ์ มันถูกต้องแล้ว แต่การที่เราเข้าไปแล้วเป็นนาตาชา โรมานอฟ ยื่นข้อความลับแบบนี้ พวกเรา 3 คน ตกใจกับวิธีการนี้มาก แล้วก็คิดว่าถ้าพี่เจอแบบนี้ พี่อาจจะไม่สนใจ แล้วซื้อตรงนั้นเลยก็ได้ หยกอยากช่วยน้องเขาจริง ๆ แต่เลือกวิธีการที่ซับซ้อนไปหน่อย หรือวิธีการแบบนี้มันอาจทำให้เพื่อนหยกตกใจ แล้วหาเหตุผลมา108 มาบอกว่าวิธีนี้ไม่เวิร์คหรอก เจตนาดีแต่หาวิธีการที่ไม่เป็นอันตรายขนาดนี้’ ก่อน “คุณหยก(นามสมมติ)” วางสาย พี่ ๆ ดีเจทั้ง 3 คน ได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า ‘เจตนาหยกดี พี่ไม่อยากให้หยกทิ้งเจตนานี้ แต่ใช้กับสถานการณ์ให้ปลอดภัยกว่านี้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1