แฟนน้องสาวโดนยิงเสียชีวิตที่ทำงาน แต่น้องสาวยังต้องทำงานที่เดิมอยู่ ตอนนี้ในฐานะพี่สาวเป็นห่วงน้องมาก น้องมีลูกอีก 2 คน คนโตเรารับมาเลี้ยง คนเล็กให้อยู่กับตายาย แต่คุณตาขี้เหล้า แอบเอาเหล้าให้หลานชิม พ่นควันบุหรี่ใส่หน้าหลาน

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

แฟนน้องสาวโดนยิงเสียชีวิตที่ทำงาน แต่น้องสาวยังต้องทำงานที่เดิมอยู่ ตอนนี้ในฐานะพี่สาวเป็นห่วงน้องมาก น้องมีลูกอีก 2 คน คนโตเรารับมาเลี้ยง คนเล็กให้อยู่กับตายาย แต่คุณตาขี้เหล้า แอบเอาเหล้าให้หลานชิม พ่นควันบุหรี่ใส่หน้าหลาน

24 พ.ค. 2024

แฟนน้องสาวโดนยิงเสียชีวิตที่ทำงาน แต่น้องสาวยังต้องทำงานที่เดิมอยู่

ตอนนี้ในฐานะพี่สาวเป็นห่วงน้องมาก น้องมีลูกอีก 2 คน คนโตเรารับมาเลี้ยง

คนเล็กให้อยู่กับตายาย แต่คุณตาขี้เหล้า แอบเอาเหล้าให้หลานชิม พ่นควันบุหรี่ใส่หน้าหลาน

เป็นห่วงไปหมด เราควรให้กำลังใจน้องยังไงดีคะ?

            “คุณแมว (นามสมมติ)” อายุ 35 ปีสายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [22 พ.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาชีวิตของน้องสาว

            โดย “คุณแมว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ช่วงประมาณปลายเดือนมีนาที่ผ่านมา น้องสาวได้โทรมาว่า ‘ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล’ เพราะแฟนของน้องสาวถูกยิงเสียชีวิต หนูเลยรีบไปหาน้องสาวแล้วช่วยเคลียร์เรื่องงานศพ หลังจบงานก็แยกย้ายกันไปใช้ชีวิต แต่หลังจากงานศพ 1 - 2 อาทิตย์ น้องสาวของหนูก็ต้องไปกลับไปทำงานที่เดิม ซึ่งคือที่ที่แฟนของน้องสาวถูกยิง หนูก็โทรหาน้องทุกวัน ไม่อยากให้น้องเหงา เพราะเค้าก็ยังมีลูกสาวอีก 2 คนอยู่เป็นเพื่อน คนเล็กเป็นลูกของแฟนที่พึ่งเสียไป ส่วนคนโตเป็นลูกติด และน้องสาวจะพูดตลอดว่า เค้าอยู่ได้ เค้าไหว ซึ่งหนูรู้ว่าเค้าพยายามที่จะเข้มแข็ง

            โดยทุก ๆ 5 - 6 โมงเย็นจะเป็นเวลาพักของหนู หนูก็จะโทรหาน้องสาวตลอด น้องสาวก็จะร้องไห้เวลานี้ทุกวันแล้วก็จะมีคำว่า ผ่านไปไม่ได้เลย เพราะ 6 โมงเย็นเป็นเวลาที่น้องสาวกับแฟนจะไปกินข้าวด้วยกันในที่ทำงาน แล้วน้องสาวก็จะใจหายทุกครั้ง ไข้ขึ้นทุกวัน พอเป็นแบบนี้น้องสาวก็จะลางานกลับบ้านทุกครั้งที่รู้สึกไม่สบาย ที่ทำงานก็ใจดีให้กลับ จนตอนหลังที่ทำงานเรียกไปคุยว่าจะให้กลับไปพักผ่อนที่บ้าน ไปฮีลใจก่อน หลังได้กลับมาพักผ่อนที่บ้านมันก็มีเรื่องตามมา น้องสาวก็มาคุยกับหนูเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งค่าใช้จ่ายของเค้ามันพอดี ไม่สามารถกระดิกได้และยังไม่รวมค่ากิน

            ปกติแล้วเรื่องค่ากินของน้องสาวจะมีแฟนของเค้าเป็นคนซัพพอร์ต เพราะเค้าจะช่วยกันหา โดยคนหนึ่งจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้าน อีกคนจ่ายค่ากิน เค้าทั้งสองคนพยายามมาก ๆ ในการหาเงิน และใช้หนี้เพื่อที่จะได้ย้ายกลับมาอยู่บ้านด้วยกัน พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นมันพังหมดเลย ลูกสาว 3 ขวบต้องไปอยู่บ้านตายาย ซึ่งตายายค่อนข้างที่จะ Toxic ในตอนที่โรงงานให้กลับไปพักผ่อนน้องสาวอยู่ที่บ้านไม่ไหวเลยขอมาอยู่กับหนู หนูเลยบอกว่า มา มาอยู่กับพี่ก่อน ครอบครัวแฟนน้องสาวอยู่คนละจังหวัดแต่ใกล้ ๆ กัน พ่อแม่ฝั่งผู้ชายดูแลน้องสาวเราดีมาก ๆ ทุกคนคอยซัพพอร์ตจิตใจน้องสาวของเรา คอยซื้อข้าวให้กิน พยายามทำให้เค้ามีความสุข ซึ่งน้องสาวก็เครียดว่าจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ชีวิตต่อ จนหนูพึ่งมารู้ว่าน้องเครียดจนต้องกินยาแก้แพ้ทุกคืนให้หลับ หนูเลยอยากถามพี่ ๆ ว่าหนูควร ให้คำปรึกษาน้องยังไงในการใช้ชีวิตต่อ’

            ซึ่ง “ดีเจพี่เผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเป็นผม ผมอยากให้เปลี่ยนสภาพแวดล้อม เปลี่ยนที่ทำงานเลย ถ้าเหตุการณ์ประมาณนี้เกิดขึ้นกับผม ผมคงไปทำที่เดิมคงลำบากมาก ๆ และไม่ไหว แต่ถ้าติดปัญหาเรื่องเงินจริง ๆ ในระหว่างนี้เป็นไปได้มั้ยที่จะหางานใหม่ โดยที่ยังไม่ได้ทิ้งงานเก่า ไม่ให้มันมีรอยต่อ เช่น ในระแวกนั้นมีโรงงานอื่น หรือมีงานอื่นที่ทำได้มั้ย แต่ทั้งหลายทั้งมวลในคำแนะนำนี้ก็ต้องประเมินดูจากน้องสาวของคุณแมวอยู่ดี ว่าตัวน้องสาวคุณแมวไหวที่จะกลับไปไหม คือถ้าไม่ไหวจริง ๆ การเปลี่ยนงาน เปลี่ยนสถานที่ก็อาจจะจำเป็นที่จะลองทำ ลองไปหางานอื่น ลองไปดูโรงงานอื่น ที่อาจจะเทียบเคียงกันพอได้ แล้วค่อยออกเพื่อให้มันไม่มีรอยต่อเรื่องของค่าใช้จ่าย แต่ถ้าน้องสาวไหว ลองกลับไปดู ลองใช้ชีวิตดูกันสักตั้ง เพื่อให้งานและเรื่องรายได้ไปต่อไหว

            เรื่องของหลานสาวน่าเป็นห่วงมากเหมือนกัน ด้วยวัยที่กำลังจดจำและเลียนแบบกับสิ่งที่เห็นและจะแสดงออกแบบนั้น อันนี้น่าเป็นห่วงมาก อาจจะต้องปรึกษากับน้องสาวว่าเราจะทำยังไงได้บ้างให้เอาหลาน 3 ขวบออกมาได้ และเป็นไปได้ไหมที่น้องสาวจะมาอยู่กับคุณแมวก่อน เพราะถ้าน้องสาวอยู่คนเดียวอาจจะไม่สามารถที่จะเอาลูก 3 ขวบออกมาได้ แต่ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนสถานที่ให้เด็กคนหนึ่งได้ ก็ต้องพร่ำสอนในสิ่งที่ถูกต้องไปก่อน พยายามสอนทุกวิถีทาง ให้เวลากับเด็กเยอะ ๆ  เพราะผู้ใหญ่บางคนเค้าห้ามตัวเองไม่ได้ แล้วก็จะทำสิ่งที่ไม่ดีออกมาบ้าง เพราะทุกครั้งที่เราปล่อยห่างออกไปอยู่กับตายายก็อาจจะได้เห็นพฤติกรรมที่มันไม่ควร แล้วในอนาคตสามารถตั้งหลักได้แล้วก็ต้องพยายามเอาลูก ๆ หลาน ๆ ออกมาให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น และน้องสาวคุณแมวที่ตอนนี้อยู่คนเดียวจะเป็นไปได้มั้ยที่จะย้ายมาอยู่กับคุณแมวเพื่อที่จะอยู่ใกล้ ๆ กัน ในเมื่อชีวิตมันมีเฟืองตัวหนึ่งที่เป็นเฟืองใหญ่แล้วมันหายไป แน่นอนการเดินต่อไปมันจะไม่เหมือนเดิม ผมมองว่าถ้ามันไม่เหมือนเดิมและถ้าอยู่แล้วมันไม่ราบรื่น เราควรเปลี่ยนมั้ยเพื่อที่จะได้ตั้งหลักอีกครั้งหนึ่ง’

            ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับน้องสาวคุณแมวถ้าเค้าเลือกที่จะกลับไป สำหรับพี่ พี่คิดว่าน่าจะบอกกับน้องสาวว่าลองกลับไปได้เลยถ้าไหว ทางนี้จะซัพพอร์ตเต็มที่ แต่ถ้าไม่ไหวก็คือไม่ไหวไม่ต้องฝืน คือพี่ไม่รู้ว่าน้องสาวอาจจะอยากกลับไป เพราะน้องสาวคิดว่าถ้าเค้าไม่กลับตอนนี้จะไม่มีรายได้ แต่การที่น้องสาวกลับไปแล้วเค้าต้องผ่านสถานที่เกิดเหตุ แล้วทำให้เค้าผ่านไปไม่ได้ เป็นพี่พี่จะไม่บังคับและบอกกับน้องสาวคุณแมวว่าอย่าบังคับตัวเองถ้าไปแล้วมันทำไม่ได้จริง ๆ เพราะมันคือสิ่งที่ยากมากในการที่จะบอกว่ามันจะผ่านมันไปได้ พี่ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น เพราะมันจะส่งผลระยะยาวกับเรื่องนี้มาก ๆ ถ้าเค้ายังฝืนต่อไปเรื่อย ๆ โดยที่น้องสาวคุณแมวไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น คุณแมวต้องบอกน้องว่าวันไหนเสียใจก็คือเสียใจ มันเป็นเรื่องปกติ 

            อย่างที่ 2 ถ้าข้อจำกัดมันทำให้หลานคนเล็กต้องไปอยู่อีกบ้านตากับยายที่มีปัญหาจริง ๆ ถ้ามันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริง ๆ คุณแมวกับคุณแม่และญาติทุก ๆ คนก็ต้องคอยหมั่นตรวจสอบ คอยโทรไปหา ถ้ามีเวลาว่างต้องไปเยี่ยมแล้วถามหลานว่าเป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้น และคุณแมวต้องทำให้น้องสาวรู้สึกว่าเราคือที่ปลอดภัยที่เค้าสามารถโทรหาเราได้ทุกเมื่อ และสำหรับตัวคุณแมวพี่รู้สึกว่าคุณแมวต้องมองเรื่องนี้เหมือนคุณแมวเป็นคนนอก คุณแมวต้องไม่เอาตัวเองเข้าไปเป็นน้องสาว และรู้สึกมากไปซึ่งบางทีมันอาจจะมากกว่าตัวน้องสาวเพราะมันจะทำให้คุณแมวไม่มีสติและไม่แข็งแรงพอที่จะแก้ปัญหานี้’

            และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สิ่งที่จะให้ไปบอกน้องสาวคือให้น้องสาวรับรู้ถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากที่เกิดขึ้น ไม่ว่าใครเจอสถานการณ์นี้ก็ก้าวข้ามไปได้ยากเหมือนกัน แต่มันคือสัจธรรมหรือเรื่องที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกหนึ่งเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่น้องสาวคุณแมวจะต้องเผชิญ คือความเจ็บปวด แต่ถ้ารู้สึกเจ็บปวดก็ปล่อยให้ตัวเองเจ็บปวด ให้น้องสาวรู้ไว้ว่าเค้าไม่ได้อยู่คนเดียว ถ้าจะเจ็บเราจะเจ็บไปด้วยกัน ความโชคดีของน้องสาวคุณแมวคือเค้าไม่ได้อยู่คนเดียว เค้ายังเหลือครอบครัวญาติพี่น้องและคุณแมวที่จะช่วยแก้ปัญหาไปพร้อม ๆ กัน ณ ตอนนี้กำลังจะเข้าสู่เรื่องการแก้ปัญหา ความเจ็บปวดจะเดินทางไปคู่กับเราแต่การแก้ปัญหาก็จะไปกับเราเช่นเดียวกัน ปัญหาตอนนี้คือปัญหาเรื่องเงิน ถ้ายังเลือกที่จะทำงานที่เดิมเพราะฉะนั้นต้องยอมรับความเจ็บปวดที่มันจะยังอยู่กับเรา และในเรื่องการหาเงินคุณแมวสามารถบอกน้องสาวว่าตัวคุณแมวจะช่วยน้องคิด เราจะค่อย ๆ คุยกันถ้าวันนี้มันเครียดจนคิดไม่ออก วันพรุ่งนี้ค่อยคิดใหม่ ถ้าได้ไอเดียอะไรมาก็มาปรึกษากันนะ ในส่วนของเด็ก 3 ขวบถ้ามีเวลาว่างทยอยกันไปดู อย่างน้องยังมียายอยู่ที่สามารถเป็นที่พึ่งได้ ตัวคุณแมวเองก็ต้องพูดกับคุณพ่อเรื่องที่กังวล และสิ่งสำคัญคือคุณแมวต้องเข้มแข็ง ไม่ต้องไปกดดันว่าเราจะต้องหาทางออกให้ได้ภายในวันนี้ ค่อย ๆ หาคำตอบ เพราะบางทีคำตอบอาจจะอยู่ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งที่เราไปเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูอายุ 19 แต่น้องชายหนูที่บ้านตามใจทุกเรื่อง แฟนก็มีได้ แต่หนูที่บ้านห้ามไม่ให้มี รู้สึกว่าไม่มีความเท่าเทียมเลย ความเท่าเทียมควรเริ่มต้นจากที่บ้านรึเปล่า? พอหนูถามไปผู้ใหญ่ที่บ้านก็ว่า Toxic ที่หนูคิดมันผิดมากเลยหรอคะ

11 เม.ย. 2025

หนูอายุ 19 แต่น้องชายหนูที่บ้านตามใจทุกเรื่อง แฟนก็มีได้ แต่หนูที่บ้านห้ามไม่ให้มี รู้สึกว่าไม่มีความเท่าเทียมเลย ความเท่าเทียมควรเริ่มต้นจากที่บ้านรึเปล่า? พอหนูถามไปผู้ใหญ่ที่บ้านก็ว่า Toxic ที่หนูคิดมันผิดมากเลยหรอคะ

“คุณเอ (นามสมมติ)” อายุ 18 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [9 เม.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาความไม่เท่าเทียมกันในครอบครัว โดย “คุณเอ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูไม่รู้ว่านิสัยเด็ก Gen Z เเบบหนูเรียกว่า Toxic รึป่าว หนูมีน้องชายเเท้ๆ อายุ 17 ปี อยู่ด้วยกัน แต่หนูก็มีความรู้สึกว่าคนทั้งบ้าน รัก เเละเอ็นดูน้องชายมากกว่าตัวหนู ตอนเเรกหนูไม่ได้สังเกต จนตอนที่เพื่อนหนูมาที่บ้านและถามว่า ทำไมรู้สึกว่าน้ามึงพูดกับน้องอย่างนึง พูดกับมึงอีกอย่าง ทั้งน้ำเสียงเเละคำพูด ท่าทาง ตอนเเรกหนูก็ไม่ได้คิดว่าจริงรึป่าว เเต่พอมานึกดูดีๆ บางอย่างก็จริงอย่างที่เพื่อนบอก จนหนูก็ลองสังเกตดู เเละเห็นว่าสิ่งที่น้องได้รับเเละหนูได้รับมันก็ต่างกัน เลยมีความรู้สึกน้อยใจ ไม่เท่าเทียมว่าทำไมน้องของหนูถึงมีสิทธิ์ทำอะไรได้มากกว่าหนู เช่น อิสระเรื่องความรัก เเละอีกหลายอย่าง ด้วยความที่บ้านของหนูเป็นเชื้อสายจีนเลยอาจจะเอ็นดูเด็กผู้ชายมากกว่า เวลาน้องหนูจะไปไหน ไปกับสาว ไปกับเเฟนเขาก็จะบอกที่บ้านตรงๆ เเต่พอเป็นหนู หนูไม่สามารถที่จะบอกเเบบนั้นได้เหมือนน้อง เพราะเวลาบอกไป เขาจะทำท่าทางไม่พอใจ และด้วยความที่น้องหนูเรียนโรงเรียนประจำห่างจากบ้าน ทำให้เวลาเสาร์ - อาทิตย์ น้องของหนูจะไปกรุงเทพ ไปเที่ยว เขาก็ไปได้ เเต่พอเป็นหนูที่ขอเขาไปอำเภอใกล้เคียง เขาก็จะถามมาเลยว่า กลับกี่โมง ไปกับใคร สมมติหนูบอกว่าจะกลับบ้านตอนเที่ยง สิบเอ็ดโมงครึ่ง เขาก็จะโทรมาตามหนูเเล้วว่า อยู่ไหนเเล้ว มันเลยทำให้หนูเกิดความอึดอัด เเล้วค้างคาใจ พอมีวันหนึ่งที่หนูมาหาเเม่ที่บ้าน เเล้วนั่งกินข้าวกัน 3 คน มีเเม่ น้องชาย แล้วก็หนู เเม่ก็เปิดประเด็นว่า ถ้าคราวหน้าน้องชายหนูจะพาเเฟนมานอนที่บ้านด้วยก็ได้ หนูเลยเเกล้งๆพูดไปว่า หนูทำบ้าง เเม่ของหนูก็พูดขึ้นมาเลยว่า ถ้าเป็นหนูต้องรอจนกว่าจะขึ้นมหาลัยก่อน หนูเลยไม่พอใจ เเล้วถามว่า เเล้วน้องหนูมีสิทธ์อะไรมากกว่าหนูถึงทำได้ อายุก็ไล่เลี่ยกัน เเม่ก็เลยบอกว่า ผู้ชาย กับ ผู้หญิง มันไม่เท่าเทียมกัน เกิดว่าหนูไปนอนบ้านเเฟนเเล้วพลาดท้อง ผู้หญิงอนาคตก็คือจบไปเลย เเต่ผู้ชายก็ยังไปเรียนต่อได้หรือว่าทำอะไรได้มากกว่าหนู อาจจะเพราะเเม่มีลูกตั้งเเต่ยังเด็กเลยทำให้เป็นห่วงหนู และสังคมรอบตัวหนู เพื่อนๆของหนูก็ท้อง มีลูกกันหมดแล้วด้วย หลังจากที่ทะเลาะกับเเม่เสร็จ น้องชายหนูก็เอาเรื่องนี้ไปฟ้องน้า เขาเลยอธิบายว่าทำไมเเม่ถึงพูดว่าไม่เท่าเทียม พยายามที่จะทำให้หนูเข้าใจ เเต่หนูก็คิดว่า ถึงหนูจะเป็นผู้หญิงเเต่หนูก็รับผิดชอบตัวเองได้ ไม่ต้องทำให้ใครเป็นห่วงเหมือนกับน้องชาย เเต่หนูยิ่งพูดก็เหมือนน้าจะยิ่งไม่เข้าใจ เขาบอกว่ายังไม่ถึงเวลา หนูก็เลยยิ่งสงสัยว่าทำไมน้องหนูเขาถึงทำได้ สุดท้ายหนูก็ได้ไปพูดกับเเม่ว่า ถ้าเเม่รู้สึกผู้หญิงกับผู้ชายไม่เท่าเทียมกัน เเม่ก็อย่าเเสดงออกเเบบนี้ได้ไหม ถ้าเเม่ไม่ให้หนูทำ ก็ต้องห้ามน้องทำเหมือนกัน พอหนูพูดไปเเบบนี้ เเม่เขาก็พูดสวนกลับมาว่า หนูเป็นลูก หนูมีสิทธิ์อะไรที่จะไปสั่งเขาเเบบนั้น ก็เลยทะเลาะกันใหญ่โต น้าเลยต้องเข้ามาคุยด้วย เเต่หนูก็ยังมีคำถามในหัวว่า ทำไม! ทำไม! หนูเลยไม่ได้คุยกับเเม่ ส่วนน้องชายก็มาเยาะเย้ย ซ้ำเติม ทำให้หนูรู้สึกว่าตอนนั้นไม่เหลือใครเลย เพราะน้าหนูก็เหมือนจะไม่เข้าใจตัวหนูเลย เเล้วบอกว่าหนู Toxic บอกให้หนูลองย้อนมามองตัวเองบ้าง เเละใน 2 เดือนที่หนูทะเลาะกับที่บ้าน ที่มี ลุง ป้า น้า น้องชาย ในบ้านไม่มีใครคุยกับหนูเลย พอหนูกลับไปเล่าเรื่องนี้ให้เเม่ฟัง เเม่ก็ถามว่า ให้หนูมาอยู่กับเเม่ไหม เเต่ป้าก็เหมือนจะไม่อยากให้ไป เพราะเเม่หนูไม่สามารถซัพพอร์ตเรื่องค่าใช้จ่ายให้หนูได้ จนตอนนี้พอน้าได้มาคุยกับหนู เขาบอกว่า เขาไม่สามารถเอ็นดูหนูได้เหมือนเมื่อก่อน เพราะทิฐิที่หนูมีกับคนในบ้านมันมากเกินไป หนูเลยอยากปรึกษาพี่ๆ ดีเจว่า หนูผิดไหมที่หนูทิฐิกับคนในบ้านมากเกินไป เเละ ความเท่าเทียมมันควรเริ่มจากคนในบ้านรึป่าว?’ เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันยากมากที่จะทำให้คนที่มีอายุต่างกัน มองในมุมกันเเละกัน พวกพี่ที่นั่งกันตรงนี้ก็มีลูก เเละหลาน การพยายามปรับตัวเรื่องการสื่อสาร หรือมุมมอง คำเดียวที่พี่จะบอกเอได้ คือในวันที่เอมีลูก เอจะเข้าใจเพราะฉะนั้น ณ วันนี้เอรู้สึกไม่เเฟร์ เออาจจะต้องอดทนเพราะอีกนิดเดียวเอก็จะเข้ามหาลัย มีชีวิตเป็นของตัวเองเเล้ว เพราะเราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนความคิดของคนที่มีอายุห่างกันเยอะๆได้อยู่เเล้ว เพราะงั้นอีกนิดเดียว เอก็จะได้กำหนดชีวิตตัวเองเเล้ว ใช้ชีวิตให้มันดี’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าน้องเอเป็นตัวเเทนของเด็กหลายๆบ้านที่มีความคิดเเบบเดียวกัน เเละที่น้องเอถามว่า เพศสภาพ ควรเริ่มที่จะเท่าเทียมกันตั้งเเต่ในครอบครัวรึเปล่า อันนี้พี่เห็นด้วย เเต่ความเท่าเทียมในสังคมเป็นเรื่องที่ยากมากในบางประเทศ ผู้หญิงยังไม่มีสิทธิ์ได้รับการศึกษาเลย เพราะฉะนั้นพี่รู้สึกดีที่น้องเอ เข้าใจถึงข้อนี้ เเต่สำหรับเรื่องที่บ้านของน้องเอ พี่ว่าเขารักน้องเอเเหละ เเต่อาจจะสื่อสารไม่ดี เเละที่เขาเข้มงวดกับเอ เพราะเขามองเห็นว่าเอเป็นผู้หญิงเลยอาจจะดูเเลตัวเองได้ไม่ดีเท่ากับน้องชายตัวเอง เพราะผู้หญิงมีความเสี่ยงกว่า มีพันธะมากกว่า เพราะงั้นเออาจจะลองมองในมุมว่าเขาเข้มงวด เพราะเขาเป็นห่วงเรา ลองหาความสุขในบ้านหลังนี้จนกว่าเอจะย้ายออกจากบ้านไปใช้ชีวิตของตัวเอง น้อยใจเรื่องเพศสภาพได้ เเต่อย่าน้อยใจว่าเขาไม่รักเรา พิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเราดูเเลตัวเองได้’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เอมีทางเลือกอยู่อย่างเดียวคือ พิสูจน์ตัวเอง ทำในสิ่งที่ที่บ้านทำไม่ได้ เอาชนะในเรื่องความสำเร็จ ไม่ใช่เอาชนะในเรื่องคำพูด เมื่อเราทำงานได้ หาเงินได้ นั่นเเหละคือตอนที่เราจะมีอิสระจากครอบครัว อย่าเกลียดคนในบ้านเช่น ป้า น้า น้องชาย เพราะสุดท้ายทุกคนก็คือครอบครัวของเอ อาจจะไม่ต้องใช้เหตุผลคุยกัน เพราะทั้งเหตุผลของเอ เเละเหตุผลของครอบครัว ทั้งคู่เป็นเหตุผลที่ถูก ไม่ได้ผิด เเต่เเค่ต่างมุมมองกัน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผิดหรอครับที่ผม Move on จากความเศร้าได้ไว... คุณพ่อเพิ่งเสียชีวิต ผมร้องไห้หนักชั่วโมงเดียว แล้วบอกตัวเองเดินหน้าต่อ แต่ญาติไปบอกแม่ว่า "ถ้าร้องแค่นี้แสดงว่าไม่รักพ่อเลย หวังแค่สมบัติพ่อรึเปล่า?"

01 เม.ย. 2024

ผิดหรอครับที่ผม Move on จากความเศร้าได้ไว... คุณพ่อเพิ่งเสียชีวิต ผมร้องไห้หนักชั่วโมงเดียว แล้วบอกตัวเองเดินหน้าต่อ แต่ญาติไปบอกแม่ว่า "ถ้าร้องแค่นี้แสดงว่าไม่รักพ่อเลย หวังแค่สมบัติพ่อรึเปล่า?"

ผิดหรอครับที่ผม Move on จากความเศร้าได้ไว... คุณพ่อเพิ่งเสียชีวิต ผมร้องไห้หนักชั่วโมงเดียวแล้วบอกตัวเองเดินหน้าต่อ แต่ญาติไปบอกแม่ว่า "ถ้าร้องแค่นี้แสดงว่าไม่รักพ่อเลย หวังแค่สมบัติพ่อรึเปล่า?"คุณแม่ก็ฟังคำพวกเขา ตอนนี้ทุกคนในบ้านยังเสียใจร้องไห้ไม่หยุด ผมจะทำยังไงดี “คุณมิน(นามสมมติ)” อายุ 29 ปี สายที่ 4 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [27 มี.ค. 67] ได้โทรมาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล และ ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับมูฟออนจากการเสียคุณพ่อเร็วเกินไป จนที่บ้านคิดว่าไม่เสียใจเลยหรอ... โดย “คุณมิน(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมมูฟออนไวจากการเสียคุณพ่อ ผมผิดหรือเปล่า? คือคุณพ่อของผมเสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว และผมสนิทกับพ่อมาก พ่อผมเสียชีวิตที่กรุงเทพแต่ผมนั่งรถขนศพคุณพ่อ มาทำพิธีที่บ้านเกิดของพ่อ ที่บ้านก็เตรียมไว้เรียบร้อยและจัดการทุกอย่าง หลังจากเอาศพของพ่อไปไว้ที่วัด ผมก็กลับมาที่บ้าน พอมาที่บ้านก็เห็นบรรยากาศและนึกถึงพ่อว่า... ต่อไปนี้บ้านที่พ่อสร้างจะไม่มีพ่อตลอดไปแล้วนะ ผมก็ร้องไห้ชั่วโมงเดียว แล้วก็จบนั่นคือการร้องไห้ครั้งเดียวตอนที่ผมสูญเสียคุณพ่อ ผมก็ไปช่วยงานศพปกติ แต่อยู่ๆก็มีญาติของแม่บอกว่าไม่คิดจะร้องไห้ให้พ่อหน่อยหรอ? ผมก็บอกว่าผมร้องไปแล้ว ผมทำใจได้แล้ว จะร้องทำไมเยอะแยะ เขาก็พูดกับมาว่า ถ้าร้องแค่นี้แสดงว่าไม่รักพ่อจริงนะ ส่วนแม่ผมก็ร้องไห้เหมือนขาดสติก็มีญาติคนนี้แหละที่คอยปลอบเขา คอยให้กำลังใจ ผมเป็นคนที่ปลอบคนไม่เก่ง เพราะผมเป็นคนที่สนิทกับพ่อและมูฟออนไวไม่ยึดติดอะไรมาก น้าเค้าก็บอกว่าเนี้ยไม่รักพ่อจริงนี่น่า ถ้ารักจริงก็ต้องร้องไห้มากกว่านี้สิ อย่างนี้ก็ดูออกว่าไม่รัก หวังสมบัติ เขาก็ไปบอกแม่ผม ซึ่งแม่ก็สนิทกับเขาอยู่แล้ว แม่ผมก็เชื่อเขา แม่ผมก็มาต่อว่าผมด้วยทำนองเดียวกันว่าทำไมถึงไม่ร้องไห้เลย ระหว่างช่วงงานศพเวลากลางวันผมก็มีการเข้ายิมปั้นหุ่น เพราะนอกจากงานประจำผมรับงานนายแบบด้วย ผมมีถ่ายงานช่วงก่อนสงกรานต์ที่ต้องใช้รูปร่างเลยไปเข้าฟิตเนส เขาเลยบอกว่า เนี่ยช่วงงานศพพ่ออยู่ยังมีอารมณ์ไปเล่นฟิตเนส เข้ายิมอีกหรอ? พอหลังจากจบงานศพจากพระสวดเสร็จ ผมก็กลับมาที่บ้าน และผมเป็นคนที่ชอบเต้นตามเทรน ผมก็เต้นอยู่ในห้องของผมในจังหวะเดียวกัน แม่เปิดประตูมาเจอและบอกว่าทำไมอารมณ์ดีในช่วงงานศพพ่อ แต่ผมก็เต้นในห้องของผมไม่ได้ไปเต้นในวัดผมก็รู้กาลเทศะ แค่บรรยากาศในบ้านก็อึมครึมพอแล้ว เพราะว่าทุกคนก็มานอนกันอยู่ที่บ้านและมีแต่เสียงร้องไห้ แล้วผมเป็นคนเดียวที่มูฟออนอยู่คนเดียวในบ้าน ผมก็ฟังเพลง เต้นของผมอยู่คนเดียวในบ้าน ผมก็โดนด่า แต่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่รักพ่อนะ ถ้าพ่อยังอยู่พ่อก็คงโอเคกับการที่ผมทำอย่างนี้ด้วยซ้ำ แต่ในมุมมองของคนอื่นเขาอาจจะไม่โอเค แล้วแม่ก็จะเชื่อคำพูดของญาติ ๆ มาก ตอนนี้ก็เหลือผมที่ Work form home อยู่ที่บ้านกับแม่แค่ 2 คน แม่ก็เอาแต่โทษผมว่าผมไม่รักพ่อ ผมก็พูดกับแม่แบบจริงใจสุด ๆ แล้วว่าที่ผมไม่เศร้าไม่ใช่ว่าผมไม่รักนะ ผมอยากกลับ กทม. มากเลยแต่ผมก็เป็นห่วงแม่ อยากถามพี่ๆดีเจว่า ผมจะ Work form home ต่อดีไหม? หรือจะหนีความ toxic ไปเลย ซึ่ง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าถามว่าพี่รู้สึกยังไงถ้าสมมุติพี่เป็นญาตินั่งอยู่ตรงนั้น เรื่องร้องไห้ตัดไปเลยเพราะมันไม่เกี่ยวการร้องไห้ไม่ได้แสดงรักหรือไม่รัก การร้องไห้คือการแสดงออกของอารมณ์ ณ ตอนนั้น บวกกับใครที่สามารถควบคุมและกลั้น คนบางคนที่เขาไม่ร้องเขาอาจจะกลั้นมันอยู่มือเค้าอาจจะกำ แทบจะจิกเข้าไปในเนื้อแต่แค่ว่าน้ำตาเขาไม่ได้อยากให้ไหลออกมาด้วยหลากหลายสาเหตุ เพราะฉะนั้นอย่าเอาการที่ว่าร้องไห้เยอะหรือร้องไห้น้อยมาวัดว่ารักหรือไม่รัก ถ้ามีญาติมาคุยกับพี่แบบนี้พี่ด่า อันนี้พี่มองว่ามันไม่เกี่ยว แต่พี่มาสะดุ้งนิดนึงตอนเต้นอันนี้พี่ตกใจพี่พูดตรง ๆ แต่พี่ก็จะแค่ตกใจที่เต้นพี่ก็คงจะไม่ไปผูกกับเรื่องที่ว่าไอ้นี่ไม่รักพ่อถึงเต้น อย่างมากพี่ก็จะคิดแค่ว่า อ๋อ มันทำใจได้เร็ว เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าเวลานี้แล้วเอายังไงต่อ ก็ถ้าที่บ้านเขาอยู่กันได้แล้วเราก็สามารถ Work form home ได้ก็อยู่ดูอีกสักหน่อย ให้เขาค่อย ๆ ทำใจกันได้ เพราะถ้าคนใดคนหนึ่งในครอบครัวเสียชีวิตบรรยากาศความเศร้ามันก็ตลบอบอวลอบอยู่ในนั้นสักพักนึง แต่สุดท้ายแล้วทุกชีวิตมันก็จะค่อย ๆ เดินต่อตามความจำเป็นของแต่ละคน บางคนชีวิตเขาไม่ต้องมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบมากหรือไม่ได้มีสิ่งที่จะต้องลุกขึ้นและเดินต่อ เขาก็สามารถปล่อยให้มันจมอยู่กับความเศร้าได้เต็มที่ แต่สำหรับคนที่พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงาน มันก็ต้องตื่นก็ต้องหยุดร้องไห้ เพราะฉะนั้นเราก็คงไม่ตัดสินว่าใครจะร้องมากร้องน้อย ชีวิตแล้วสุดท้ายจะ ช้าหรือเร็วมันก็ต้องเดินต่อ และถ้ามินถามว่ามินจะต้องอยู่ต่อไหมก็กลับมาที่พี่พูดเมื่อกี้ แล้วชีวิตมินจำเป็นที่จะต้องเดินต่อหรือยัง งานการมันต้องลุยเลยไหม ถ้ามีก็ไปทำแต่ถ้ามันยังอยู่ดูแลกันได้ใช้เวลาตรงนี้ได้ ก็ลองอยู่อีกสักหน่อย สุดท้ายชีวิตมันก็ต้องเดิน’ ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่แยกก่อนนะเรื่องร้องไห้ พี่ว่าหลายคนเป็นบางทีเจอเรื่องเศร้าแล้วมันไม่ร้อง พี่เองก็เป็นพี่เสียน้ำตาให้เรื่องที่ตัวเองมีความสุข แต่คนตายหรืออะไรอย่างเงี้ยไม่ร้อง ไม่รู้ว่าเป็นอะไรแต่ว่าพี่เป็นนิสัยอย่างเงี้ย ซึ่งพี่ว่าหลาย ๆ คนเป็น บางทีเราอาจจะรู้สึกเสียใจข้างในแต่แค่ว่ามันไม่ร้องออกมา อีกเรื่องหนึ่งเท่าที่พี่ฟังมินมาพี่ว่ามินเป็นคนสุขนิยมจริง ๆ หมายถึงว่าพร้อมที่จะบล็อกเรื่องที่ไม่สบายใจได้เลย แล้วก็มีความสุขกับตัวเองได้เลย กับอีกแบบนึงมินเป็นคนที่ ถ้าบรรยากาศรอบข้างมันทำให้มินไม่มีความสุข มันจะทำอะไรบางอย่างเพื่อที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกว่า ไม่อยากเป็นแบบนั้นมันก็เลยเกิดอาการเต้นออกมาถ้าให้เราวิเคราะห์ แต่ไม่ว่าอย่างไรพี่รู้สึกว่าเหมือนมินจะลืมนึกถึงความรู้สึกคนรอบข้างไปหน่อยในกรณีนี้ สำหรับพี่นะคือมินรู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่าคนรอบข้างบ้านมินเขาเป็นแบบนี้กันหมด เหมือนเขาต้องการให้เราอยู่ฝั่งเดียวกับเขา ด้วยการแสดงออกหรืออะไรก็ได้ พี่ไม่ได้หมายความว่าให้มินไปร้องห่มร้องไห้กับเขานะ แต่พี่รู้สึกว่าถ้าบางอย่างทำได้เช่นเรารู้อยู่แล้วว่าเขาจับตามองเราแล้วการเต้นของมินอาจจะรู้ว่าเค้าจะเห็นเราก็ต้องห้ามตัวเอง ซึ่งมินต้องนึกถึงแม่ด้วยว่าตอนนี้เขาเศร้าอยู่ เราอ่ะไม่อยากเศร้าอยากมูฟออนนั่นมันไม่ผิด แต่ ณ ตอนนี้เขายังไปไหนไม่ได้ ณ ตอนนี้เขายังไม่มีใคร เพราะฉะนั้นมินอาจจะต้องบังคับตัวเองอยู่เป็นเพื่อนเขาก่อนนะตอนนี้ ในฐานะลูก ที่จะทำให้แม่ได้ พี่รู้สึกว่าถ้ามินแบบไม่เอาแล้วว่ะไม่อยากเศร้าแล้ว พี่ว่าอันนี้มันก็สนใจแต่เรื่องเราเกินไป มันก็ต้องฝืนใจตัวเองแหละพี่รู้ว่ามินไม่อยากเศร้าอยู่ในบ้านหลังนี้ แต่ทำยังไงได้ถ้าแม่ที่เขารักเราแล้วเขายังเศร้าอยู่ เราก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนเขาก่อน แล้วรอเวลาที่เขาดีขึ้นเราก็กลับมา ใช้ชีวิตของเราได้’ ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เป็นคนหนึ่งที่เห็นด้วยว่าตอนนี้ควรอยู่ดูใจแม่ เพราะบรรยากาศในบ้านตอนนี้แม่เขาดูเจ็บมากถ้าเราทิ้งไปอีกคนนึงแม่ก็ไม่เหลือใคร อยากให้มินมองภาพรวมของบ้านมากกว่าเรื่องราวของตัวเอง การมูฟออนได้เป็นสิ่งที่ไม่ได้ดูแย่อะไรเลยเพียงแต่ว่าบรรยากาศในบ้านเราต้องไม่สวนทางกับเขา เราอาจจะต้องสำรวมสักนิดนึงแต่การที่เราไม่ร้องไห้มันไม่ผิดเลยแล้วญาติคือผิด ส่วนมินพี่ว่าอยู่ที่นั่นก็ปั้นหุ่นได้นะ จะเข้ายิมหรือเล่นฟิตเนสไปได้เลย เพราะว่าเราต้องทำงานแล้วเมษาเรามีงานเราก็กลับไปทำงานเท่านั้นเอง แต่พี่ว่าเวลานี้เราไม่ควรทิ้งคุณแม่ เพราะว่าสภาพจิตใจเขาแย่ถ้าเราไม่ดูเขาก็ไม่มีใครดูเขา แล้วสภาพจิตใจเขาตอนนี้คือแกว่งมาก เหมือนลอยอยู่กลางน้ำ มินอาจจะต้องทำอะไรที่ไม่ขัดหูขัดตาเพิ่ม เราบอกตัวเองเลยว่าเรามีหน้าที่เป็นยารักษาเขา เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นพิษต่อเขามินเลี่ยงแค่ช่วงนี้ที่เขาจะหนัก อดทนหน่อยเพราะตอนนี้เราคือที่พึ่ง เวลานี้เขาต้องการเราก็มีมินนั่นแหละที่ต้องอยู่ตรงนี้กับเขา’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมเป็นผู้ชายเรียบร้อย ที่บ้านผมค่อนข้างหัวโบราณ ผมถือคติว่า จะมีอะไรกับแฟนได้ก็ต่อเมื่อแต่งงานกันแล้ว ตอนนี้คบกับแฟนมา 7 ปี แฟนผมเขาก็เรียบร้อยมาก 7 ปีที่ผ่านมา มากสุดของคู่เราคือ “จับมือ” ไม่เคยหอมแก้ม ไม่เคยทำอะไรเกินเลยไปกว่านี้

13 มิ.ย. 2025

ผมเป็นผู้ชายเรียบร้อย ที่บ้านผมค่อนข้างหัวโบราณ ผมถือคติว่า จะมีอะไรกับแฟนได้ก็ต่อเมื่อแต่งงานกันแล้ว ตอนนี้คบกับแฟนมา 7 ปี แฟนผมเขาก็เรียบร้อยมาก 7 ปีที่ผ่านมา มากสุดของคู่เราคือ “จับมือ” ไม่เคยหอมแก้ม ไม่เคยทำอะไรเกินเลยไปกว่านี้

ผมเป็นผู้ชายเรียบร้อย ที่บ้านผมค่อนข้างหัวโบราณ ผมถือคติว่า จะมีอะไรกับแฟนได้ก็ต่อเมื่อแต่งงานกันแล้วตอนนี้คบกับแฟนมา 7 ปี แฟนผมเขาก็เรียบร้อยมาก 7 ปีที่ผ่านมา มากสุดของคู่เราคือ “จับมือ” ไม่เคยหอมแก้มไม่เคยทำอะไรเกินเลยไปกว่านี้ ตอนนี้วางแผนจะขอแฟนแต่งงานแล้วครับ แต่ก็กลัวว่าถ้าแต่งไปแล้ว เรื่องบนเตียงเข้ากันไม่ได้จะเป็นปัญหาของชีวิตคู่เรา ซึ่งถ้าแฟนเขาไม่อยากมีอะไรจริงๆ ผมก็พร้อมจะไม่มีอะไรกับเขา เพราะผมอยากมีเขาในชีวิตทุกคนว่ามันจะกลายเป็นปัญหาในอนาคตไหมครับ? “คุณกู๊ด (นามสมมติ)” อายุ 30 ปี เป็นสายที่ 4 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [11 มิ.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับเรื่องปัญหาชีวิตคู่กับแฟนที่คบกันมานานหลายปีแต่เป็นคนเรียบร้อยทั้งคู่ เลยยังไม่เคยมีอะไรกันเลย โดย “คุณกู๊ด (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมคบกับแฟนอยู่ว่ากำลังจะขอเขาแต่งงาน ก่อนที่จะขอก็ลองคิดดูว่าเราพร้อมไหม ทุกอย่างดีไปหมด ผมชอบเขามาก เรามีทุกอย่างตรงกัน มองอนาคตเหมือนกัน แต่ติดอยู่อย่างเดียว ผมกับเขาค่อนข้างเนิร์ด หัวโปบราณนิดนึง เราคบกันมานานแล้วตั้งแต่ปี 2018 เคยแค่จับมือกัน ไม่เคยหอมแก้มกัน นอนกอดบ้าง แต่ไม่เคยเกินเลยไปกว่านั้นเลย เกือบ 7 ปี เขาไม่ได้ห้ามแต่เราทั้ง 2 คนไม่ได้คิดที่จะเริ่มทำอะไรกันไปมากกว่านี้ เอาจริง ๆ ก็อยากจะมี sex life เหมือนกัน จนถึงทุกวันนี้ผมก็ยังซิงอยู่เลย แต่ว่าไม่เคยกล้าที่จะคุยกับเขา เราก็เคารพเขามาก กลัวว่าถ้าวันนึงแต่งงานกันไป แล้วเขาไม่ชอบเรื่องนี้ ผมไม่รู้ว่าผมจะโอเคไหม แต่ก็คุยกับตัวเองระดับนึงว่าผมโอเค คิดว่ามันเป็นการเสียสละแล้วกัน แต่ผมก็เคยเห็นเคสต่าง ๆ ที่อยู่ในข่าว มันอาจจะเป็นจุดแตกหักให้ความสัมพันธ์ไปต่อไม่ได้ไหม ผมกังวลมาก เลยอยากถามพี่ๆดีเจว่า ผมควรจะทำยังไงดี ควรจะลองมีอะไรกันก่อนหรือจะลองทีเดียวหลังแต่งงานเลย?’ ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับหอมยังไงก็ต้องมี sex ก่อนแต่งงานเพื่อเป็นการดูว่าทุกอย่างจะไปด้วยกันได้ไหม แต่จะเริ่มยังไง ก็ให้ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป อาจจะเริ่มจากการหอมแก้ม ถ้าเขาปฏิกิริยาตอบสนอง พอถึงเวลาที่จะต้องทำอะไรกันแล้วเขาไม่ได้ขัดขืน ให้เอ่ยปากขอไปเลย’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้คำคำปรึกษาว่า ‘โลกนี้มันก็มีคู่รักที่เขาอยู่ได้โดยไม่มี sex นะ แต่ถ้าอยากจะมีผมแนะนำว่าให้ขอก่อนจะเริ่มทำอะไรเพราะเดี๋ยวเขาอาจจะงง ลองเริ่มจากการ skinship ไปก่อนก็ได้’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้คำคำปรึกษาว่า ‘ลองเปิดหนัง หรือ ซีรีส์โรแมนติกดู เลือกหนังที่มี love scene แล้วค่อย ๆ เริ่มไปทีละ step แล้วดูปฏิกิริยาเขาอีกทีหรือให้อยู่ในบรรยากาศดี ๆ ที่เหมาะกับการจะลองทำได้’ และสุดท้ายดีเจทั้ง 3 คนได้ให้ความเห็นตรงกันว่า ‘ให้ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป เริ่มจากอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะทั้งคู่ยังไม่เคย อาจจะทำให้แฟนตกใจ ถ้าสุดท้ายแล้วเขาไม่ชอบ ก็สามารถคุยกันก่อนที่จะแต่งงาน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

มีเพื่อนคนนึง ไม่ค่อยสนิทกัน แต่เค้าส่งคลิปมาให้หนูไม่หยุด ส่งมาให้ทั้งวัน ทั้งคืน คลิปตลก คลิปไวรัล คลิปโซเชียลต่างๆ บางทีหนูก็ไม่ได้เข้าไปดู ลองไม่ตอบไป 2-3 วัน ก็ยังส่งมาไม่หยุด จะบล็อกก็ไม่รู้ว่าจะเสียเพื่อนไปไหม ถ้าเจอแบบนี้ทำไงกันคะ?

26 ก.ค. 2024

มีเพื่อนคนนึง ไม่ค่อยสนิทกัน แต่เค้าส่งคลิปมาให้หนูไม่หยุด ส่งมาให้ทั้งวัน ทั้งคืน คลิปตลก คลิปไวรัล คลิปโซเชียลต่างๆ บางทีหนูก็ไม่ได้เข้าไปดู ลองไม่ตอบไป 2-3 วัน ก็ยังส่งมาไม่หยุด จะบล็อกก็ไม่รู้ว่าจะเสียเพื่อนไปไหม ถ้าเจอแบบนี้ทำไงกันคะ?

“คุณเบ (นามสมมติ)” อายุ 30 ปี สายที่ห้าในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [24 ก.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับเรื่องเพื่อนที่ไม่สนิทชอบส่งคลิปมาให้เรามากเกินไปจนมันน่ารำคาญ โดย “คุณเบ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูมีปัญหาคือจะมีเพื่อนที่ไม่สนิท ที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานานมากเเล้ว เเต่ว่ามีโซเชี่ยลกัน ติดต่อในโซเชียลบ้าง คือเขาจะชอบส่ง Reels ส่งคลิปมาใน DM ไอจี แชร์มาตลอดเวลาทั้งวันเป็นสิบ ๆ อัน เป็นคลิปตลกบ้าง คลิปศิลปิน คลิปทั่วไปเรื่อยเปื่อย ด้วยความที่มันส่งมาทั้งวัน เเล้วหนูก็รำคาญ คนที่มีพฤติกรรมเเบบนี้มี 2 คน แรกๆ หนูก็ตอบค่ะ ก็ตามมารยาท เพื่อนแชร์อะไรมาให้หนูก็ดู รีเเอคชั่นกลับไป เเต่มันเหมือนหนูยิ่งตอบมันก็ยิ่งส่ง เเล้วหนูเป็นคนตอบเร็วเเล้วไม่ชอบให้มีโนติค้าง เเล้วเป็นว่าก็ส่งมาไม่หยุดเลย คนที่ 1 เขาจะชอบส่งศิลปินที่เขาชอบมา หนูรู้จักแต่ไม่ได้ชอบ เหมือนส่งมาหวีดเมนตัวเองว่า “แก เมนเราน่ารัก ทำแบบนั้นแบบนี้น่ารักมั้ย” หนูเลยตอบรีเเอคไปแบบกว้าง ๆ ไปไม่ได้ลงดีเทลเหมือนที่เขาต้องการ เพราะหนูคิดไปเองว่า ถ้าหนูรีเเอคแบบคนไม่มีใจ เขาจะส่งมาน้อยลง เเต่ว่าไม่ ชีก็ส่งมาเรื่อย ๆ เลย ขอแค่หนูตอบอะไรก็ได้ คนที่ 2 เนี่ยหนักเลย คนนี้เขาชอบแชร์มีม เเชร์เรื่องตลกเรื่อยเปื่อย คือมาทุกช่องทางโซเชี่ยลที่หนูมีกับเขาเลย คือหนูจะมีเฟสบุ้ค ไอจีเขา เขาก็ส่งมาหมดเลย เฟสบุ้คนี่หนักเลย คือมันจะแบ่งเป็น 2 อย่างใช่มั้ยคะ แท็กหนูใต้โพสต์มาเป็นสิบ เเล้วก็ยังเเชร์มาในเเมสเซนเจอร์ของเฟสบุ้คมาอีก ด้วยความที่หนูไม่ค่อยเล่นเฟสบุ้คเเล้วเพราะว่ามีพ่อแม่มีญาติอยู่ หนูก็ไม่ค่อยตอบ เขาก็เหมือนย้ายแพลตฟอร์มมาที่ไอจี มาส่ง เเต่เขาก็ไม่ได้หยุดส่งในเฟสนะคะ เขาก็เเชร์ 3 แพลตฟอร์มเลย คือมันเยอะมาก หนูก็เคยเห็นเขาเเท็กหลายคนอยู่นะคะในโพสต์ที่เขาเเท็กหนู หนูก็กดเข้าไปอ่านไม่ตอบ เพื่อให้โนติมันหายไป มีครั้งนึงชีคนที่ 2 เขาก็ทักหนูกลับมาว่า “เป็นอะไรอะ ไม่ตอบเลย ป่วยหรอ?” หนูก็ตอบกลับไปว่า “ส่งมาเยอะขนาดนี้ตอบไม่ไหวหรอกจ้า” เขาก็อ่านไม่ตอบเเล้วก็หายไปสักพัก ไม่ถึงวันเขาก็แชร์มาอีก หนูทำมาทุกวิถีทางเเล้ว ไม่อ่านไม่ตอบ ทิ้งไว้หลาย ๆ วันเเล้วค่อยไปกดออก เเต่เหมือน 2 คนนี้เขาไม่ลดละความพยายามเลย เขาเห็นหนูอ่านเเล้วก็จะส่งมาใหม่ทันที ไม่สนใจว่าหนูจะไม่ตอบนานเเค่ไหนเเล้วส่งมาเรื่อย ๆ ทีเนี่ย เเจ้งเตือนหนูก็จะชึ้น 2 อัน เป็นเขา 2 คนอยู่ตลอดเลย ไม่เคยหายไปเลย หนูก็เลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจว่า หนูจะทำยังไงดีให้เขาเลิกส่งมาให้หนู หรือว่าส่งมาให้มันปริมาณไม่เยอะขนาดนี้’ ซึ่ง “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเเชร์มีมลอย ๆ มาในกรุ๊ปจะไม่ตอบ เเต่ถ้าเขายิงตรงถึงเรา อาจจะเข้าไปอ่านแล้วตอบนิด ๆ หน่อย ๆ ตามมารยาท เเต่ถ้ารัว ๆ จะไม่ตอบจะไม่สนใจเลย บางคนเขามีความสุขกับการแชร์มีม โดยไม่ต้องการคำตอบด้วย เเค่รู้สึกว่าให้เพื่อนได้เห็นอะไรตลก ๆ เหมือนเรา’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าไม่มีโอกาสได้เจอ เป็นพี่พี่บล็อกไปแล้ว พี่ไม่เหนื่อยมาลบหรอก หรือเบไปตั้งไม่ให้เเท็กได้นะในเฟสบุ้ค เเต่ในไอจีพี่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ถ้ามันทำให้รำคาญ พี่จะบล็อก! ไม่เห็นต้องเเคร์เขาเลยถ้าไม่ใช่เพื่อนที่สนิทเเบบจะเจอกันอยู่เเล้วอะ ถ้าบอกไปแล้ว ทำให้เขารู้ไปเเล้วว่าไม่อยากรับสารเหล่านี้ เเล้วเขายังทำอยู่ก็ต้องบล็อกอะ เพราะไม่รู้จะทำยังไงเเล้ว’ เเละสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘เป็นพี่ถ้าไม่สนิทพี่จะไม่อ่านเลย พี่จะลบ ถ้าเขาถามว่าเป็นอะไรทำไมไม่อ่าน ก็ตอบไปเลยว่ารู้ว่าที่ส่งอะไรมามันไม่สำคัญ ขี้เกียจอ่าน พูดตรงๆ เเต่ถ้าไม่อยากพูดตรง ๆ อีกวิธีคือให้อันฟอลเขาเเล้วไปตั้งค่าให้เเค่คนที่เราติดตามเท่านั้นส่งข้อความได้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1