
10 พ.ค. 2024
งานเลี้ยงบริษัทอนุญาตให้พาลูกมาได้ รู้ตัวอีกที ลูกหัวหน้าอุ้มลูกเราแล้วปล่อย จนล้มที่พื้น เรารีบวิ่งไปพูดดีๆว่า "น้องหนัก อุ้มไม่ไหวหรอกค่ะ" คืนนั้นหัวหน้าเรียกไปคุยที่ห้อง "ดุลูกพี่ทำไม ถ้าลูกพี่เป็นอะไร พี่เอาตายเลยนะ"
งานเลี้ยงบริษัทอนุญาตให้พาลูกมาได้ รู้ตัวอีกที ลูกหัวหน้าอุ้มลูกเราแล้วปล่อยจนล้มที่พื้น เรารีบวิ่งไปพูดดีๆว่า "น้องหนัก อุ้มไม่ไหวหรอกค่ะ"คืนนั้นหัวหน้าเรียกไปคุยที่ห้อง "ดุลูกพี่ทำไม ถ้าลูกพี่เป็นอะไร พี่เอาตายเลยนะ"ได้ยินแบบนี้เสียใจมากเจอหน้าเขายังต้องไหว้ไหมคะ? “คุณเอ (นามสมมติ)” อายุ 32 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [8 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาที่เหตุเกิดจากลูกหัวหน้า โดย “คุณเอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูทำงานอยู่สำนักราชการแห่งหนึ่ง พึ่งเข้ามาทำงานได้ประมาณ 8 เดือน แล้วที่นี้ทางสำนักเขาจะทริปให้พนักงานไปเที่ยว และทางสำนักก็อนุญาติให้พาครอบครัว หรือ พาลูกไปด้วยก็ได้ หนูก็เลยพาลูกที่อายุ 4 ขวบไปด้วย ทริปนี้ก็จะมีลูกๆพนักงานไปกันเยอะ จากนั้นลูกของหนูก็ไปเล่นกับลูกหัวหน้าใหญ่ อายุของลูกเขาคือ 10 ขวบ เด็กๆก็เล่นๆกันไป แล้วที่นี้ก็เกิดอุบัติเหตุ คือลูกหัวหน้าเขาอุ้มลูกหนู เหมือนจะอุ้มไม่ไหว และสะดุดล้มอีก ตัวของลูกหนูก็เลยฟาดไปกับขอบโซฟา คือไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น แต่ลูกของหนูตกใจ แล้วก็ร้องไห้หนักมากตามประสาเด็กเล็ก หนูก็เลยพูดกับลูกหัวหน้าใหญ่ว่า น้องตัวหนัก อุ้มไม่ไหวหรอก พูดด้วยน้ำเสียงปกติเลย พอตกดึกหัวหน้าใหญ่ก็เรียกหนูไปคุยเป็นการส่วนตัว แล้วเขาก็พูดออกมาว่า ได้ไปตะหวาดหรือไปดุอะไรลูกพี่มั้ย เพราะลูกพี่มาเล่าให้ว่าคุณอ่ะไปตะหวาดเขา หนูก็เลยตอบไปว่า หนูไม่ได้ตะหวาดค่ะ หนูพูดปกติ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เห็นว่าหนูพูดกับน้องด้วยน้ำเสียงปกติ เขาก็พูดต่อว่า ถ้าลูกพี่เป็นอะไรไป พี่เอาเราตายเลยนะ หนูก็เลยตอบกลับไปว่า ค่ะ หนูทราบค่ะ หนูไม่ได้ตะหวาดจริงๆ หนูพูดกับน้องเขาดีๆค่ะ เขาไม่ถามหนูสักเลยคำว่า ลูกหนูเป็นยังไงบ้าง เรื่องก็จบไป คือหนูมีน้องชายที่ทำงานอยู่ด้วยกัน พอหนูโดนเรียกไปต่อว่าเสร็จ หนูก็เดินเข้าไปในห้อง Party Room แล้วน้องชายก็เห็นหนูเดินมาเขาก็ถามว่า หัวหน้าเรียกไปทำไม หนูก็ตอบน้องชายไปว่า เขาเรียกไปว่า เขาหาว่าพี่ไปตะหวาดลูกเขา แต่จริงๆคือทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้นเขาก็ได้ยินว่าพี่พูดว่าอะไรและน้ำเสียงแบบไหน พอหนูคุยกับน้องชายเสร็จหนูก็เลยขอพาลูกกลับห้อง แล้วทีนี้น้องชายก็มาเล่าให้ฟังหลังจากที่หนูพาลูกกลับห้องว่า เหมือนหัวหน้าจะเห็นว่า น้องชายของหนูแสดงอาการฉุนเฉียวฟึดฟัดอารมณ์ไม่ดี เขาก็เลยเรียกน้องชายหนูไปข้างหลังแล้วถามว่า มึงมีปัญหาอะไร!! แล้วก็พูดต่อด้วยว่า พี่มึงอ่ะชาวบ้าน!! น้องชายหนูก็ไม่พอใจที่ทำไมต้องพูดกับหนูว่าจะเอาตาย คือเขาไม่ถามสักคำว่าลูกพี่เป็นไงบ้าง แล้วมาด่าพี่ก็เหมือนด่าผม เหมือนโดนดูถูกกัน หนูกับน้องชายก็ร้องห่มร้องไห้ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็เดินมาปลอบ ประมาณว่า เอ่อไม่เป็นไรนะถ้าเขาจะเอามึงออกเพราะเรื่องแค่นี้ มันมีที่อื่นอีกเยอะแยะ แล้วก็มีหัวหน้าหนูที่เป็นรองหัวหน้าใหญ่คนนั้น เขาก็เข้ามาในห้องพักแล้วก็เดินมากอดหนู แล้วก็พูดว่า เข้าใจๆ พี่รู้ว่านิสัยเขาเป็นยังไง หนูก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะร้องไห้อย่างเดียว พอวันรุ่งขึ้นก็แยกย้ายกันกลับไม่ได้มีปัญหาอะไร ตอนนี้หัวหน้าใหญ่คนนั้นก็ไม่ได้มาทำงาน เพราะเขาลาพักผ่อน แล้วความรู้สึกของตัวหนูตอนนี้คือยังไม่โอเคมากๆ และพรุ่งนี้เขาจะกลับมาทำงานตามปกติ หนูก็คิดในใจว่า จะไหว้ดีมั้ยวะ? เพราะก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์นี้คือ หนูมองเขาน่ารักมาตลอด เขาเฟรนลี่ ไม่ถือตัว แต่พอมาเป็นแบบนี้หนูก็มองเขาเปลี่ยนไปเลย ซึ่งหนูก็พึ่งเข้ามาทำงานได้ 8 เดือน และหนูก็รู้สึกว่าคือ กูต้องออกหรอวะ? คิดวนแบบนี้ตลอดตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง ทุกคนในที่ทำงานก็ช่วยกันหาทางออก แต่ทีนี้หัวหน้ารองหนูก็อยู่ด้วย เขาก็เสนอว่า หรือยังไงดี จะให้เอาพวงมาลัยไปไหว้มั้ย หนูก็เลยตอบกลับไปว่า หนูไม่ทำนะที่จะให้เอาพวงมาลัยไปไหว้ เพราะหนูไม่ผิด แล้วมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่หนูจะต้องเอาพวงมาลัยไปไหว้ หนูก็ไม่เคยพูดจาไม่ดีกับเขา พูดคะขาทุกคำ หนูก็งงว่าทำไมต้องเอาพวงมาลัยไปไหว้ ตอนแรกหนูจะถามพี่ๆดีเจว่า หนูลาออกดีมั้ย? แต่คิดไปคิดมา กว่าหนูจะเข้ามาทำงานที่นี่ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายก็เลยตัดคำถามนี้ไป เพราะไหนจะสวัสดิการต่างๆของลูกอีก เอาเป็นว่าหนูอยากถามพี่ๆว่า ถ้าพรุ่งนี้หนูเจอเขา หนูจะไหว้เขาดีมั้ย ?’ งานนี้พี่ๆดีเจทั้ง 3 คนก็ได้ให้คำปรึกษา “คุณเอ (นามสมมติ)” พร้อมกันว่า ‘ไหว้ครับ/ค่ะ’ โดย “ดีเจเผือก” เป็นคนแรกที่ให้คำปรึกษาว่า ‘ไม่รู้นะสำหรับผมอ่ะ เคารพ ไม่เคารพไม่รู้ เราสามารถไหว้ได้นะ แต่สำหรับในใจผมอ่ะ คนต่อหน้าคนนี้เราเคารพแค่ไหน อันนี้คืออีกเรื่องหนึ่งนะ การไหว้สำหรับพี่มันเป็นเหมือนการ Say Hello อ่ะ มันเป็นแค่เครื่องมือ แล้วก็การสวัสดีครับ ของเรามันไม่ได้แปลว่า เราเคารพคนนั้นมาน้อยแค่ไหน สำหรับผมก็เลยไหว้ได้ ไหว้ตามมารยาท’ ต่อด้วย “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คือเข้าใจว่าสิ่งที่เขาทำ มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกนะ แต่เราไม่รู้ว่าเขากลับมาทำงานแล้วมันจะยังไงต่อ เขาอาจจะไม่ได้สนใจอะไรแล้วก็ได้ สำหรับเขาเรื่องลูก คงจะเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะมันสามารถทำให้เขาขึ้นได้ขนาดนี้ ซึ่งมันก็มีแบบนี้จริงๆนะ เรื่องลูกคือใหญ่บึ้ม แต่เขาก็เป็นคนที่ไม่มีวุฒิภาวะจริงๆ พี่ไม่ได้เข้าข้างนะ แต่แค่รู้สึกว่า คุณเออย่าพึ่งคิดไปถึงขนาดนั้นว่า ต้องลาออก ต้องนั่นนู่นนี่ แต่การที่เราจะไม่ไหว้ เขาอาจจะหันมาเล็งเราเลยก็ได้ พี่ว่าต้องรอดูสถานการณ์ก่อน ตอนนี้อย่าพึ่งฟังธงว่าเขาจะยังไงกับเรา พี่ขออวยพรให้เขาไม่อะไรกับคุณเอต่อ แต่คุณเอไหว้ไปแล้ว แล้วเขาไม่รับไหว้ อันนี้ค่อยโทรมาใหม่’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ไหว้ ถ้าไม่ไหว้ฉิบหายแน่คนแบบนี้ การไหว้มันเป็นการเอาตัวรอดของเราอ่ะ เขาอาจจะไม่ได้สนใจอะไรแล้ว เพราะได้โชว์พาวไปแล้ว ไหว้แล้วก็ต่างคนต่างทำงาน แต่การที่ไม่ไหว้อาจจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เขาอาจจะแสดงแสนยานุภาพอีกก็ได้ ไหว้ไปเลย ไหว้แบบปกติ ไหว้เพื่อเอาตัวรอด ส่วนเด็กก็ช่างมัน เด็กมันก็ไม่รู้เรื่องหรอก โทษเด็กก็ไม่ได้ อวยพรให้ลูกเขาโตมาดีๆเถอะ เพราะเขามีพ่อแม่แบบนี้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

