ผมผิดไปแล้ว... ภรรยาจับได้ว่าผมเซฟรูปเพื่อนภรรยาไว้ในไดร์ฟ ใช้ AI ตัดต่อให้เพื่อนภรรยาเปลือย จะเก็บไว้ดูคนเดียว เพราะไปอ่านเจอในกระทู้มาว่า ‘ลองกับคนใกล้ตัวจะตื่นเต้นดี’ พอภรรยาเห็น รับไม่ได้ ไม่ให้อภัยผม ต่อจากนี้ผมจะทำยังไงดีครับ?

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผมผิดไปแล้ว... ภรรยาจับได้ว่าผมเซฟรูปเพื่อนภรรยาไว้ในไดร์ฟ ใช้ AI ตัดต่อให้เพื่อนภรรยาเปลือย จะเก็บไว้ดูคนเดียว เพราะไปอ่านเจอในกระทู้มาว่า ‘ลองกับคนใกล้ตัวจะตื่นเต้นดี’ พอภรรยาเห็น รับไม่ได้ ไม่ให้อภัยผม ต่อจากนี้ผมจะทำยังไงดีครับ?

08 มี.ค. 2024

            “คุณปุ๋ย (นามสมมติ)” อายุ 39 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [6 มีนาคม 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาที่ภรรยาไปเจอรูปวาบหวิวของคนใกล้ตัวที่เราแอบเซฟไว้

            โดย “คุณปุ๋ย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนนี้ผมมีปัญหากับภรรยา เนื่องจากภรรยาเปิดคอมพิวเตอร์ผมเพื่อหารูปลูกสาวที่ภรรยาเผลอลบไป แล้วดันไปเจอรูปวาบหวิว หนังติดเรท ซึ่งเป็นรูปของเพื่อนสนิทและคนใกล้ตัวของภรรยาที่ผมเป็นคนตัดต่อ เพื่อเอาไว้ช่วยตัวเอง เพราะผมไปอ่านเจอในอินเทอร์เน็ตว่า “ลองช่วยตัวเองกับรูปคนใกล้ตัวจะตื่นเต้นมากกว่า” พอภรรยาเห็นรูปพวกนั้นก็พยายามคิดหาเหตุผลกับตัวเองว่าผมทำแบบนั้นทำไม จนภรรยาบอกกับผมว่าเราควรแยกทางกัน ส่วนลูกสาวภรรยาจะเป็นคนดูแลเอง

            อีกอย่างหนึ่งที่ผมยอมรับผิด คือ ผมเฉยชากับครอบครัวและมักจะผลักภาระทุกอย่างเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกให้ภรรยาดูแลทั้งหมด ซึ่งภรรยาก็ทำงานไปด้วยและเลี้ยงลูกไปด้วย เวลาที่ผมเหนื่อยกับการทำงานและกลับบ้านมาเจอลูกงอแง ผมก็จะผลักให้ภรรยา เรื่องนี้ก็สะสมมาเรื่อย ๆ จนทำให้ผมมองว่าความรักที่เคยมีให้กันจืดจางลง ยิ่งภรรยาไปเจอรูปวาบหวิวก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ ภรรยาก็พูดกับผมว่า “ผมทำหน้าที่พ่อได้ขาดตกบกพร่อง ในเรื่องของการดูแลภรรยาและลูก” ผมเองก็รู้สึกผิดกับภรรยามาก เพราะไม่ดูแลเหมือนตอนแรก ๆ ที่จีบกัน

            หลังจากที่ภรรยาขอหย่า ผมก็พยายามเปลี่ยนตัวเอง พยายามเข้าหาลูก ดูแลลูกมากขึ้น ผมยอมรับว่าเป็นเรื่องที่เหนื่อย แต่ลูกก็เข้าหาผมมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ผมคิดกับตัวเองว่าผมก็ทำได้แต่ทำไมผมถึงไม่ทำตั้งแต่แรก ตอนนี้ภรรยาก็เหมือนจะดีขึ้น แต่ภรรยาก็ยังมองว่าที่ผมทำอยู่เพราะรู้สึกผิดหรือเปล่า ทำแค่ช่วงแรก ๆ พอเวลาผ่านไปก็คงเป็นเหมือนเดิมอีก เพราะความเชื่อมั่นที่มีผมเป็นคนทำมันพังกับมือตัวเอง แล้วผมจะเป็นคนแก้ไขได้ยังไง?

            ซึ่งเหตุผลที่ภรรยาขอหย่าก็คือ ภรรยารับไม่ได้เรื่องรูปวาบหวิว เพราะภรรยาไม่รู้จะทำตัวยังไงเวลาเจอเพื่อน จะมองหน้าเพื่อนติดไหม? ทำไมภรรยาต้องมารู้สึกผิดกับเพื่อน ทั้งที่ภรรยาไม่ได้เป็นคนทำผิด แล้วยิ่งผมก็มีลูกสาว ผมทำอะไรไม่คิดถึงความรู้สึกลูกสาว ภรรยารู้สึกขยะแขยงผมมาก ผมก็รู้สึกแย่มาก ๆ อยากขอโอกาสแก้ตัว แก้ไขเรื่องนี้ ผมก็กลัวว่าภรรยากับลูกจะทิ้งผมไปก่อนที่ผมจะทำสำเร็จ เพราะภรรยามองว่ามันทรมานมาก เรื่องที่อยากขอคำปรึกษาคือ ผมจะสร้างความเชื่อใจใหม่ให้กับภรรยาได้ยังไง?

            งานนี้ “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘2 สิ่งที่ผู้หญิงจะดูคือ 1. คือความตั้งใจในการสำนึกผิดและเรื่องคำสัญญาที่ให้ไว้ว่าเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก 2. คือการกระทำ ซึ่งจุดอ่อนของผู้หญิงคือ ลูก เล่นกับลูกในสิ่งที่ภรรยาเล่นกับลูกไม่ได้ ทำให้ครอบครัวนี้ขาดคุณปุ๋ยไม่ได้ แต่ไม่ได้ทำเพื่อเอาคะแนน ทำเพื่ออยากรักษาครอบครัวไว้ เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องมาจากใจ ถ้าวันนี้ครอบครัวที่มีภรรยาและลูกคือความสุขของคุณปุ๋ย ทุ่มทุกอย่างให้สุด เพื่อที่จะดูแลครอบครัวนี้ ให้เวลา และชดเชยในสิ่งที่ผ่านมา ทำให้ภรรยาไม่เหนื่อย ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือทางจิตใจ ก็อยากอวยพรให้ภรรยายังอยากอยู่เป็นครอบครัวต่อ เพราะฉะนั้นรีบซื้อใจลูกให้ได้มากที่สุด’

            ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คุณปุ๋ยต้องบอกกับตัวเองก่อนว่าต้องเหนื่อยแน่ ๆ กับการที่จะทำทุกอย่างให้กลับมาเหมือนเดิม แต่ถ้าคุณปุ๋ยเห็นปลายทางว่า ความเหนื่อยที่เราจะต้องตัด เรื่องรสนิยมบางอย่างที่เราชอบออก เปลี่ยนแปลงนิสัยที่เคยทำกับครอบครัว และไม่รู้ว่าความไว้ใจจะกลับมาเมื่อไหร่ ซึ่งคุณปุ๋ยก็ไม่มีสิทธิ์ไปเร่งภรรยาว่าทำมาจะกี่ปีแล้วแต่ทำไมยังต้องทำอยู่ ทั้งหมดคือคุณปุ๋ยต้องทำใจยอมรับเลยว่า ไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรทั้งสิ้น ถ้าคุณปุ๋ยอยากให้ปลายทาง ยังคงเป็นครอบครัวเหมือนเดิมอย่างที่คุณปุ๋ยต้องการ

            พี่อยากให้กำลังใจว่า สักวันมันต้องมีวันที่คุณปุ๋ยเหนื่อยมาก ๆ ทั้งเอาใจภรรยาและดูแลลูก ก็อยากให้คุณปุ๋ยนึกถึงภาพสุดท้ายว่า วันนั้นเรายังมีกันและกันเป็นครอบครัว พ่อ แม่  ลูก สุดท้ายไม่ว่าคุณปุ๋ยจะพยายามสักเท่าไหร่ แต่ภรรยาไม่สามารถเอาความเชื่อใจนั้นกลับมาได้ คุณปุ๋ยก็ต้องยอมรับให้ได้ หลังจากนั้นก็หาวิธีที่จะเป็นพ่อแม่ของลูกให้ดีที่สุด เท่าที่เราจะทำได้ อย่าเอาแต่ความต้องการเราอย่างเดียว จนอีกคนเขาไม่มีความสุข’

            สุดท้าย “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เรื่องนี้ต้องขอบคุณลูกสาวให้เยอะ ๆ คุณปุ๋ยต้องใช้ชีวิตที่เหลือทั้งหมดเพื่อภรรยาและลูก คุณปุ๋ยทำเพื่อตัวเองมาตลอด ละเลยครอบครัวจนลูกสาว 4 ขวบ ซึ่งเป็นเวลาที่นานมาก ต่อจากนี้ไม่ว่าภรรยาจะไม่มีเหตุผล หรืองี่เง่าอะไร คุณปุ๋ยคงต้องยอมทุกอย่าง เพื่อที่จะให้ได้ใช้ชีวิตครอบครัวอยู่ด้วยกัน ซึ่งเรื่องนี้สำหรับผมมันหนักเหลือเกิน’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คบกับแฟนมา เขาหวงหนู มีข้อห้ามต่างๆ ไปผับห้ามเต้นกับเพื่อน ห้ามใส่เสื้อโป๊ ใส่ได้แค่เสื้อยืดหลวมๆ บางทีให้หนูใส่กางเกงบอล ล่าสุดสงกรานต์ห้ามหนูออกจากบ้าน ด้วยเหตุผล "เปอเซ็นต์ผู้หญิงโดนปะแป้งเยอะกว่าผู้ชาย" หนูไม่โอเคเค้าก็บอกเลิกหนูเลย จะง้อยังไงดีคะ?

12 เม.ย. 2024

คบกับแฟนมา เขาหวงหนู มีข้อห้ามต่างๆ ไปผับห้ามเต้นกับเพื่อน ห้ามใส่เสื้อโป๊ ใส่ได้แค่เสื้อยืดหลวมๆ บางทีให้หนูใส่กางเกงบอล ล่าสุดสงกรานต์ห้ามหนูออกจากบ้าน ด้วยเหตุผล "เปอเซ็นต์ผู้หญิงโดนปะแป้งเยอะกว่าผู้ชาย" หนูไม่โอเคเค้าก็บอกเลิกหนูเลย จะง้อยังไงดีคะ?

“คุณน้ำ (นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (10 เม.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อย นภาพร’ เกี่ยวกับปัญหาโดนแฟนหวงห้ามเล่นสงกรานต์ โดย ​“คุณน้ำ(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘แฟนไม่ให้หนูไปเล่นน้ำสงกรานต์ เขาให้เหตุผลว่า ผู้หญิงมีเปอร์เซ็นต์ที่จะโดนปะแป้ง โดนลวนลามมากกว่าผู้ชาย เขาเป็นแฟนหนูเขาจะไม่ยุ่งเรื่องนั้นอยู่แล้ว แต่ว่าตัวหนูเป็นผู้หญิงมีโอกาสเสี่ยงเขาเลยไม่ให้หนูไป แต่เขาออกไปเล่นได้ เขาไม่พาหนูไปด้วยเพราะว่าอยู่ไกลกันก็เลยไม่ได้เล่นน้ำด้วยกัน เขาเป็นคนหวงหนูมาก ชอบห้ามหนูในสิ่งที่เป็นตัวหนู เช่น เรื่องการแต่งตัว เรื่องไปเที่ยวกับเพื่อน เขาก็จะห้ามนู่นห้ามนี่ หนูก็รู้ว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่ Toxic แต่หนูก็รักเขาเลยยังอยู่ หนูกับเขาอายุ 22 ปีเท่ากัน คบกันมาประมาณปีกว่า ๆ ถ้ารวมคุยด้วย สิ่งที่เขาห้ามมีเรื่องแต่งตัว แล้วก็ถ้าไปร้านเหล้าก็ห้ามเต้นกับเพื่อน ให้นั่งเฉย ๆ ต้องใส่เสื้อยืดเท่านั้น กางเกงขาสั้น บางทีก็ให้ใส่กางเกงบอล ชุดนักศึกษาหนูใส่ได้แค่ทรงพลีท ไม่สามารถใส่ทรงเอได้เลย แต่เรื่องที่กำลังเป็นปัญหาในตอนนี้คือ เรื่องเล่นน้ำสงกรานต์ หนูแค่ไม่เข้าใจว่าเขาไปเล่นได้ ทำไมหนูถึงไปเล่นไม่ได้ หรือว่าถ้าเขาไม่ให้หนูเล่น เขาก็ไม่ควรออก เพราะคนที่นอนอยู่บ้านรู้สึกกังวล เป็นห่วงเขา หนูอยากออกไปสักแค่วันนึง แต่หนูไม่ได้อยากไปสาดน้ำ แค่อยากออกไปเจอเพื่อนเฉย ๆ เวลาหนูโดนเขาห้ามเยอะ หนูก็เลยพูดกับเขาว่า เนี่ย ถ้าเกิดเธอมาห้ามในสิ่งที่เราชอบ งั้นเราก็ห้ามเธอไปร้านเหล้าเหมือนกัน เขาก็ตอบว่า ได้ แต่สุดท้ายก็มีไปอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ไปบ่อยเท่าเดิม ล่าสุดหนูพยายามไกล่เกลี่ยขอเขาว่า ขอให้เขาเล่นน้ำแค่ 2 วันได้ไหม เขาก็บอกว่า ไม่ได้เลย ทีนี้ก็ทะเลาะกันหนักมาก เพราะว่าหนูก็ขอเขา เขาไม่ยอม เถียงกันไปเถียงกันมาก็บอกเลิกหนูเลย พอเขาบอกเลิกหนูก็ง้อ หนูรู้สึกว่าไม่ควรบอกเลิกเพราะเรื่องแค่นี้ หนูก็เลยพยายามง้อเขา ตอนนี้เขาก็ไม่ค่อยจะคุยกับหนูเท่าไหร่ ค่อย ๆ เฟดตัวออกไป แต่หนูก็พยายามทำตัวดี ๆ ก็บอกเขาว่า โอเค เธอไปเล่นได้เลย เราอยู่บ้านเฉย ๆ ก็ได้ แต่สิ่งที่อยากถามพี่ๆดีเจ คือ มีวิธีไหนบ้างที่จะบอกให้เขาแฟร์ ๆ กับเรา หรือวิธีพูดให้เขาเปลี่ยนความคิดสักนิดนึงได้ไหม? ซึ่ง “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าคนลักษณะนี้ ด้วยอายุเท่านี้ พูดไปเขาก็ไม่น่าจะฟังเหตุผลหรอก น้ำก็เคยคุยกันไปแล้วเรื่องสงกรานต์จบที่เลิกกัน พี่ยังคิดไม่ออกเหมือนกันจะมีเหตุผลอะไร ที่ทำให้คนคนนึงเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกซะจากว่าวันหนึ่งเขาจะอายุมากพอ ความคิดโตพอที่จะแยกแยะได้ ระหว่างความหึงหวงใดใดก็ตามกับความไว้ใจคนของเรา แล้วก็เหมือนใจกว้างมากขึ้น ถ้าหนูพยายามที่จะหาจุดกึ่งกลางกับผู้ชายคนนี้ ณ เวลานี้พี่ว่ายังยากอยู่ ถ้ารักจริง ๆ พร้อมที่จะยอมจริง ๆ ก็อาจจะต้องทนก่อนระยะนี้ แต่พี่คิดว่าเขาไม่น่าจะเปลี่ยนเร็ว ๆ นี้ ด้วยความที่อายุ 22 ปีเท่ากันอยู่ แล้วหนูก็ไม่อยากให้เขามาเปลี่ยนตัวตนหนู แต่เอาเข้าจริงหนูก็ยอมเขา เพราะฉะนั้นถ้ายังคบกับเขา พี่ว่ายังไงก็ต้องยอมแบบนี้ ให้เอาเหตุผลอะไรไปพูด เดี๋ยวก็เลิกกันอีก เอาเป็นว่าถ้าเขามาฟัง สิ่งเดียวที่พี่พอจะช่วยได้ก็คือ ไอ้หนุ่มเอ้ย พ่อหนุ่ม เมื่อก่อนพี่ก็เป็น แต่เดี๋ยวเราโตขึ้นมันจะค่อย ๆ ใจกว้างขึ้นแหละ แล้วถ้ายิ่งโตขึ้นได้เร็วเมื่อไหร่ แฟนเราก็จะได้หายใจหายคอ แล้วความอึดอัดที่อยู่ด้วยกันก็จะยิ่งน้อยลงไปเรื่อย ๆ ชีวิตจะยิ่งมีความสุขขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเรารู้จักปล่อยวางนะไอ้หนุ่มนะ’ ต่อมา “ดีเจอ้อย” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าก่อนจะไปคุยกับเขา หนูคุยกับตัวเองก่อน ไม่รู้สิเวลาที่คนเรารักกันมันก็ต้องอยากให้เขามีความสุขในการอยู่ข้าง ๆ เรา ไม่ได้แปลว่าอยู่กับฉัน แล้วเธอต้องทำสิ่งสิ่งนั้น สิ่งนี้ นี่มีแฟนไม่ได้เข้าคุก การที่บอกว่าต้องแฟร์กับหนูหน่อย หนูก็ต้องแฟร์กับตัวเองด้วยเหมือนกันว่า เฮ้ย ชีวิตฉัน ฉันอยากมีแฟนแล้วทำให้ฉันมีความสุขในทางของฉันเช่นเดียวกัน และเมื่อไหร่ก็ตามทีที่เขาเองบังคับใด ๆ แล้วน้องก็ทำตามสิ่งที่เขาบังคับมาโดยตลอด อะไรจะเข้าฝันเขาหรอว่า เขาฝันเสร็จปั๊บ พรุ่งนี้ปล่อยให้น้ำเป็นอิสระบ้างดีกว่า สงสารน้ำจังเลย ไม่มีทาง วันนี้พี่ยังเป็นคนที่เชื่อเสมอว่า คนเราอะไรก็ได้ ไม่มีอยู่จริงหรอก ความรักของคนที่เป็นผู้ใหญ่ มันจะไม่ใช่แค่ห้ามทำสิ่งนั้น สิ่งนี้ พี่ว่านิดนึงน้ำเองก็ดันมีความรู้สึกว่า พี่ แต่เขาก็หวงหนูไงคะ หนูก็เลยรู้สึกว่าการหวงถือว่าเป็นการรักมาก แต่พี่ไม่ได้อยากพูดให้น้องนอยด์นะ พี่เห็นมาเยอะมากว่า ไอ้คนที่หวงแฟนระดับเกินเบอร์ไปมาก ตัวเองทำทุกอย่างเลย แล้วยิ่งถ้าน้องทำตัวเองเป็นดาวบริวารที่โคจรรอบตัวเขา ยอมเขาอะไรก็ได้ ขนาดเรื่องนี้คนที่ควรโกรธคือเราด้วยซ้ำ น้องกลับกลายเป็นง้อ พี่ว่าคน 2 คนเวลารักกัน เราต้องแคร์ความสุขของกันและกันด้วย ไม่ใช่พยายามบังคับให้เราเป็นแบบนั้นแบบนี้ และเราเองก็ดันพยายามบังคับตัวเองให้เป็นแบบนี้ด้วย อึดอัดก็อึดอัด แต่แสดงออกก็ไม่ได้กลัวเขาไม่รัก พี่รู้สึกว่าหึงนิด ๆ น่ารักนะ แต่หึงมากไปคล้ายดูถูก หึงมากไม่ได้แปลว่ารักมาก แต่แค่อยากเป็นเจ้าของชีวิต พี่เป็นคนที่เชื่อว่าคนรักกันเป็นเจ้าของหัวใจ แต่ไม่ใช่เจ้าของชีวิต เขาควรจะรู้ว่าน้ำมีความสุขกับเรื่องนี้ และถ้าเกิดเขาหวงมากก็แค่มาเล่นน้ำกับหนู พาหนูไปด้วย เขาไม่แฟร์กับหนูไม่เท่าหนูไม่แฟร์กับตัวเอง คือรักเขาพี่เข้าใจ แต่การรักเขาไม่ได้แปลว่าต้องยอมทุกสิ่ง จนกระทั่งเบียดบังความสุขของตัวเอง’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าจะให้พี่พูดอะไรกับแฟนหนู พี่ก็จะบอกเขาว่า ต้องรู้จักที่จะให้เกียรติคนรักมากกว่านี้ สิ่งเดียวที่เขาทำตอนนี้มันมาจากเรื่องเดียวที่พี่รู้สึกคือ เขาไม่ไว้ใจ เหมือนเขาจะตัดสินว่าการที่น้องน้ำแต่งตัวแบบนี้ มันจะทำให้น้องน้ำนอกใจเขา สำหรับพี่รู้สึกว่าแฟนกันมันต้องไม่ทำให้พี่ไม่ชอบตัวเอง เราชอบแต่งตัวแบบนี้ เรามีความสุขกับการแต่งตัวแบบนี้ ซึ่งมันอยู่ในขอบข่ายที่ไม่ได้อนาจาร คนทั่วไปเขาก็แต่งกัน อยู่ ๆ ก็ไม่ให้เราแต่ง น้ำต้องตื่นมาใส่กางเกงบอล ใส่เสื้อตัวใหญ่ ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี แต่ตัวเองไม่ได้ชอบ พี่รู้สึกว่ามันคือคนรักที่เราจะมีความสุขจริง ๆ หรอ คนที่อยู่ด้วยกันแต่ทำให้เราไม่ชอบตัวเองอยู่คนเดียวดีกว่าหรือเปล่า’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

โดนเพื่อนร่วมงานเกลียดตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน! เพราะเขาไปถาม HR ว่าเราเริ่มงานด้วยเรทที่สูงกว่าคนในแผนก ทำงานดีจนตอนนี้ผ่านโปรตั้งแต่ 2 เดือนครึ่ง ยิ่งโดนแซะหนักกว่าเดิม จะรับมือยังไงดี?

04 ธ.ค. 2023

โดนเพื่อนร่วมงานเกลียดตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน! เพราะเขาไปถาม HR ว่าเราเริ่มงานด้วยเรทที่สูงกว่าคนในแผนก ทำงานดีจนตอนนี้ผ่านโปรตั้งแต่ 2 เดือนครึ่ง ยิ่งโดนแซะหนักกว่าเดิม จะรับมือยังไงดี?

“คุณปาย (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (29 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม ว่าถูกเพื่อนร่วมงานไม่ชอบหน้า ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงาน จนตอนนี้สถานการณ์เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ โดย “คุณปาย (นามสมมติ)” ได้เริ่มเล่าว่า ‘วันแรกที่เราเข้ามาทำงาน ก็มีพี่ในทีมมาเล่าให้ฟังว่า รุ่นพี่ที่ทำงานจับกลุ่มเม้าส์เรา ไม่ชอบเราตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มงาน เพราะรู้ว่าเงินเดือนเราสูงกว่าพวกเขา เพราะก่อนที่เราจะเข้ามาทำงานที่นี่ พวกรุ่นพี่ไปถามกับฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) เกี่ยวกับเรื่องเงินเดือนของเรา มันจึงเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมด เพราะเงินเดือนเราสูงเทียบเท่ากับเขาที่ต้องทำงานถึง 3 ปีจึงจะมีเงินเดือนเท่าเรา เรายังรู้สึกไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องจับกลุ่มเม้าส์เรา ทั้งที่เราก็มีวุฒิการศึกษา และประสบการณ์การทำงานมาก่อน ตอนยื่นใบเสนอเงินเดือนกับทางหัวหน้างาน ก็เป็นที่น่าพอใจทั้งสองฝ่าย เราจึงไม่เข้าใจว่าทำไมจึงเป็นที่จับตามองของรุ่นพี่ที่ทำงาน ในช่วงแรก ๆ พี่ในทีมก็คอยมาบอกข่าวตลอด เราก็ทำงานมาเรื่อย ๆ จนเราก็ทำมาได้สักระยะประมาณสองเดือนครึ่ง หัวหน้าก็แจ้งว่าเราน่าจะผ่านโปรได้แล้ว จนเรื่องนี้ก็เป็นที่น่าจับตามองของพวกรุ่นพี่อีกครั้งเพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีใครผ่านโปรเร็วขนาดนี้ บางคนก็ต้องยืดระยะเวลาออกไปอีกถึงจะผ่านโปร ช่วงแรก ๆ ก็มีพี่ในทีมก็คอยถามไถ่เราบ้าง เราก็คิดว่าเขาหวังดี จนเราเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาแฟน แฟนก็คอยเตือนเราว่าที่เขาเข้ามา เขาเข้ามาเพราะหวังดีจริงมั๊ย หรือเพราะผลประโยชน์อื่น เราก็ตอบแฟนตลอดว่า “ ไม่รู้สิ ไม่ได้คิดอะไร ” แฟนก็มักจะเตือนว่านิสัยของแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง แต่พี่ในทีมคนนี้ก็จะบอกเราตลอดว่าเราโดนนินทาในกลุ่มว่าเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ ไม่ชอบเราต่าง ๆ นา ๆ ทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนสักครั้ง ตอนนี้เราก็ทำงานที่นี่มาเข้าเดือนที่ 6 แล้ว สถานการณ์ก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ เรารู้สึกว่าต่อหน้าทำอีกอย่าง แต่ลับหลังเรารู้ว่าเขาชอบนินทาเรา วันนึงหัวหน้ามอบหมายงานให้เรารับผิดชอบ พอเราทำงานชิ้นนี้เสร็จ มันก็เป็นที่น่าพอใจของหัวหน้า จนหัวหน้าเรียกทุกคนมารวมกัน และบอกว่างานของเราดีมาก อยากให้เอาเป็นแบบอย่าง จนคนในบริษัทบอกเราจะทำงานนี้ทำไม ทำให้คนอื่นดูไม่ดี เขาก็ชอบพูดเหน็บแนมเราตลอด “ถ้าคิดว่าเก่งมากก็มาทำแทนเลย เดี๋ยวจะลาออกให้” จนตอนนี้พี่ในทีมที่เคยเตือนเราก็ย้ายฝั่งไปอยู่ฝั่งนู้นแล้วเพราะเราก็เคยมีปัญหากัน เพราะเขาชอบพูดให้เราดูผิด จนเราขึ้นเสียงใส่เขาเพื่ออธิบาย เขาเลยไม่มาคุยกับเราอีกเลย จนตอนนี้เราก็ไม่มีเพื่อนคบเลยในที่ทำงาน หลังจากที่เราทะเลาะกับพี่ในทีมไปตอนนั้น ถึงตอนนี้ทุกคนในทีมเราก็เริ่มตีตัวออกห่างจากเรา พยายามไม่คุยกับเรา และเริ่มมาเยอะกับเรามากขึ้น จากงานที่เคยส่งมาแล้วผ่านตลอด แต่รอบนี้กลับกลายเป็นว่าไม่ผ่าน ทั้ง ๆ ที่เราก็ทำเหมือนเดิมตลอด เขาให้คำตอบแค่ว่า “ไม่ได้ มันไม่ได้” จนเราเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาหัวหน้าเขาก็บอกแค่ว่าทีมน่าจะลืมบอก เราเลยตัดสินใจกลับไปคุยกับทีมว่าถ้างานพลาด ให้รีบแจ้งเราเลยได้มั๊ย เรายินดีที่จะแก้ แต่ในระหว่างที่เรากำลังเจรจากับพี่ ๆ ในทีม เราก็รู้สึกว่าบรรยากาศก็ไม่ได้ชวนอยู่สักเท่าไหร่ ก็เลยแอบบันทึกเสียงในมือถือ ก่อนจะเดินออกไปเพราะเราอยากรู้ว่าเขาคุยกันเกี่ยวกับเรายังไง ปรากฏว่าสิ่งที่เขาคุยกันคือบอกว่า “เราขี้เกียจ ขึ้เกียจก็คือขี้เกียจ อย่าไปเล่นละครตบตาหัวหน้าว่าตัวเองขยัน” จริง ๆ เราก็อยากจะหักหน้าเขาเหมือนกันว่าอยากให้ทำได้เหมือนเรา ไม่ใช่ให้เราทำได้คนเดียว ตอนนี้เรารู้สึกอึดอัดที่เพื่อนร่วมงานชอบพูดเหน็บแนมข้ามหัวกันไปมา ไม่ต้องเป็นเพื่อนร่วมกันที่ดีกันก็ได้ แต่ขอทำงานโดยที่ไม่ต้องมาจิกกัดเราแบบนี้ เราอยากรู้วิธีการรับมือ เพราะเราไม่ได้สนใจเรื่องนินทาเราแล้ว แต่บางทีได้ยินมันก็รู้สึกโมโห เพราะเราไม่ได้ลาออกจากที่นี่ อยากทำงานที่นี่ เพราะงานมันโอเคกับเราแล้ว ซึ่ง “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าถ้าเราไม่อยากได้ยินเสียงไหน เรามีวธีการจัดการกับมันอยู่ สำหรับพี่คงเลือกวิธีไม่กี่วิธี อย่างเช่น 1. คิดซะว่าหมาเห่าอยู่ตรงนั้น หรือว่าเช้า ๆ เสียงนกอีแร้งมาร้องอยู่ข้างบ้านไม่หยุด หาอะไรมาอุดหูซะ แก้ที่เรา 2. แก้ที่ความคิดของเรา ลองไม่สนใจเสียงเหล่านั้น ลองคิดซะว่าเป็นเสียงนกเสียงกา สุดท้ายแล้วพี่ค้นพบว่าเราไปอุดปากนกไม่ได้ อุดปากหมาที่มันเห่าไม่ได้ แต่ว่าเราอยู่ที่วิธีคิดเรามากกว่า ทำไปตามความสบายใจของเรา ความเป็นมืออาชีพของเรา เสียงด่าทอพี่เข้าใจนะว่ามันน่าลำคาญ แต่ว่าถ้าเทียบกันแล้วพี่อยากให้ปายอยู่มากกว่า แล้วให้พวกนั้นลาออก ทำงานให้เป็นมืออาชีพต่อไป ถ้าสุดท้ายมันมีอะไรตัดขัดเกี่ยวกับเรื่องงานก็บอกหัวหน้าว่าเราทำเต็มที่แล้ว เอาจริง ๆ ทางเลือกตอนนี้มันก็มีไม่มากก็คือ 1. ทนอยู่ต่อ 2. ลาออกไปเลย เพราะฉนั้นไม่ต้องใส่ใจ การจะรุ่งเรือง บางทีมันต้องมีอุปสรรคบ้าง เราทำงานให้หัวหน้าเห็น ให้บริษัทเห็น เป้าหมายเราคือตรงนั้น ระหว่างทางอย่าไปใส่ใจ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เพราะว่าปายรักงานนี้ ปายอยากทำงานนี้ เพราะปายเห็นความเจริญเติบโตของมัน และปายก็ยังมีเจ้านายที่พี่เชื่อว่าเขาก็อยู่ทีมปายนะ เพราะฉะนั้นพี่ว่าปายต้องอดทน อย่างที่พี่เผือกบอกว่าเห็นพวกเขาเป็นอุปสรรคขวากหนามที่จะขัดขวางให้เราไปถึงเป้าหมาย ซึ่งมันก็เป็นเป้าหมายของปายที่ชัดเจนด้วยนะ ซึ่งต่างจากพวกเขาที่ไม่มีแต่อนาคตเลย ถ้าหัวหน้าปายมีคุณสมบัติมากพอ วันนึงเขาก็จะเห็นสิ่งที่พวกนั่นทำเอง และคงจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้หัวฟน้าเขาก็รับรู้แล้วแหละว่าเพื่อนร่วมงานไม่ชอบเรา เขาก็ดูมีเป้าหมทยที่ชัดเจนให้ปายนะ ว่าปายมาที่บริษัทเพื่อทำงาน ไม่ได้มาหาเพื่อน ซึ่งปายไม่จำเป็นต้องสนใจด้วยซ้ำ หรือถ้าเราไม่ไหวกับเพื่อนร่วมงานพวกนั้นแล้ว เพราะมันส่งผลกับงาน พี่ว่าก็เปิดใจคุยกับหัวหน้าได้นะ เดี๋ยวหัวหน้าก็ต้องจัดการปัญหาตรงนี้เอง ปายสามารถรายงานปัญหาได้เลย ส่วนเสียงนกเสียงกาเล่านั้น วันนี้พี่จะให้ไป 2 ทางเลือกคือ 1. พยายามไม่สนใจ ไม่เก็บมาใส่ใจ เพราะเราต้องเข้าใจว่าพวกเขาเป็นแบบนั้น หมาคือหมา จะไปห้ามหมาให้มันเห่าไม่ได้ พี่เข้าใจแหละว่ามันยาก พี่ไม่รู้หรอกนะว่าปายนิสัยยังไง แต่ถ้าเป็นพี่วันนึงถ้าทนไม่ไหว พี่จะหันไปแล้วพูดกับเขาเลยว่า ไม่ได้ให้มาชอบ ไม่ได้ให้มารัก ไม่ต้องมาเอ็นดูอะไรทั้งสิ้น เกลียดหรือด่าได้เลย แต่อย่ากระทบงาน ถ้ากระทบงานเมื่อไหร่ฟาดทันที! แต่ตอนี้เราก็ต้องทำได้แค่ทน ถ้าถึงเป้าหมายเมื่อไหร่ คนเหล่านั้นก็แค่วุ้น หรือเป็นแค่จุลินทรีย์เท่านั้นแหละ เพราะพี่เชื่อว่าถ้ามารไม่มี บารมีไม่เกิด ปิดจบที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ เราต้องเก็บหลักฐาน แล้วพร้อมต่อสู้ ปายต้องไม่ทนไปตลอด ไม่งั้นสภาพจิตปายเสียแน่นอน พวกนั้นต้องแบ่งไปบ้าง แต่ตัวแรง ๆ ไปเลย ให้รู้ว่าเราพร้อมบวก! อีกอย่างทำทีว่าคุยโทรศัพท์ให้พวกมันได้ยินไปเลยให้รู้ว่าเราสายตบ มัสันดานดิบที่ร้ายแรง! พี่ว่าทุกคนก็พูดมาหมดแล้วแหละ ซึ่งพี่ก็เห็นด้วยหมดเลย แต่ถ้าถึงจุดที่มันกระทบกับงานเมื่อไหร่ ให้ไปฟ้องเจ้านายแล้วเรียกคุยเลยทั้งห้อง แล้วบอกสาเหตุทุกอย่างไปว่าเกิดอะไรขึ้น และเหตุผลของเราว่าแค่ต้องการชีวิตการทำงานที่พาไปสู่เป้าหมายการทำงาน เรื่องส่วนตัวพวกเขาก็ควรที่จะเก็บไว้ในใจบ้าง ไม่ต้องฟ่นออกมา เพราะอาจจะทำให้เรา Toxic เพราะบริษัทไหนก็ตามที่ไม่ดูแลคนดี สักวันหนึ่งคนดีทั้งหมดก็จะลาออกหมด แล้วมันจะเหลือแต่พวก Toxic หรืออีกอย่างน้องก็พูดกับเขาไปตรง ๆ ไปเลยว่าการกระทำพวกพวกเขาเหล่านี้มัน Toxic จนทำให้เราหมดกำลังใจทำงาน เรามาทำงานในบริษัทนี้ก็เพราะอยากให้บริษัทมันเติบโต ตอนนแรกเราโคตรมีไฟเลย แต่ตอนนี้เราโคตรหมดไฟเลย เราทนเรื่องนี้มาสักพักนึงแล้ว แต่ก่อนที่เราจะพูดอย่างนั้น ปายก็ต้องมีหลักฐานนะว่าคนพวกนี้ทำให้งานของเราไม่ก้าวหน้า ให้เขารู้สึกว่าอารมณ์เราถึงที่สุดแล้วถึงออกมาพูดแบบนี้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมแต่งงานกับแฟนมา 10 ปี ล่าสุดแฟนผมเปลี่ยนไป สารภาพ มีผู้ชายอีกคน ผมดูแลเค้าอย่างดีมาตลอด สุดท้ายเค้าเอากระเป๋าแบรนด์เนม ทองคำ ไปจำนำแล้วเอาเงินไปให้ผู้ชายอีกคน ตอนนี้เค้าขอหย่ากับผม อยากลองไปคบผู้ชายอีกคนก่อน แต่ขออยู่บ้านเดิม ให้ผมเลี้ยงดูเค้าเหมือนเดิม

19 ม.ค. 2024

ผมแต่งงานกับแฟนมา 10 ปี ล่าสุดแฟนผมเปลี่ยนไป สารภาพ มีผู้ชายอีกคน ผมดูแลเค้าอย่างดีมาตลอด สุดท้ายเค้าเอากระเป๋าแบรนด์เนม ทองคำ ไปจำนำแล้วเอาเงินไปให้ผู้ชายอีกคน ตอนนี้เค้าขอหย่ากับผม อยากลองไปคบผู้ชายอีกคนก่อน แต่ขออยู่บ้านเดิม ให้ผมเลี้ยงดูเค้าเหมือนเดิม

“คุณโอ (นามสมมติ)” อายุ 36 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [17 มกราคม 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาที่ภรรยาขอหย่าไปอยู่กับผู้ชายอื่น แต่ยังอยากเป็นแม่ของลูกอยู่ โดย “คุณโอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ผมแต่งงานกับภรรยามา 10 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน ทุกเทศกาลวันหยุดยาว ผมก็จะพาครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศเสมอ เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาได้พาครอบครัวไปเคาท์ดาวที่ญี่ปุ่น พอกลับจากญี่ปุ่น ผมจับได้ว่าภรรยาแอบไปคุยกับผู้ชายคนอื่น ผมถามถึงสาเหตุ กลับได้คำตอบว่า ‘หมดรักผมแล้ว รักผู้ชายคนใหม่มากกว่า’ เพราะที่ผ่านมาภรรยารู้สึกเจ็บปวดที่อยู่กับผม เพราะเขารู้สึกเหมือนผมไปบงการชีวิต และพูดหักน้ำใจภรรยาอยู่บ่อย ๆ หลังจากที่จับได้ ภรรยาก็บอกอีกว่า ‘ทั้งทองและกระเป๋าแบรนด์เนม เอาไปจำนำเพื่อเอาเงินไปให้ผู้ชายคนใหม่ยืม’ ฝั่งผู้ชายคนใหม่ก็รู้ว่าภรรยามีครอบครัวอยู่แล้ว ผมเป็นห่วง กลัวว่าภรรยาจะโดนหลอก จึงขอประชุมสายกัน 3 คน ผมขอให้ผู้ชายคนใหม่คืนเงิน สิ้นเดือนมกราคมนี้ เพื่อแลกกับการจะไปฟ้องร้อง เป็นสิ่งที่ภรรยาขอไว้ว่าถ้าไม่ฟ้องผู้ชายคนใหม่ ก็อาจกลับไปเป็นครอบครัวเหมือนเดิม พอจบการสนทนา ผมก็แอบโทรศัพท์ไปหาผู้ชายคนใหม่อีกครั้ง เพื่อยื่นข้อเสนออีกว่า ‘เงินที่ยืมไปจะไม่เอาคืน แต่ให้แลกกับการบอกความจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้น’ ผู้ชายคนใหม่ ก็เล่าให้ฟังว่า ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ วีดิโอคอลกันไปจนถึงเรื่อง Sex แล้ว พอรู้แบบนี้ผมยิ่งกลัวว่าภรรยาตัวเองจะถูกแบล็คเมล์ ผมก็เลยดาวน์โหลดข้อมูลการสนทนาและรูปภาพทางแชทมาเก็บไว้ ตอนแรกยังไม่กล้าเปิดดู จนล่าสุดเปิดดู ก็ปรากฏว่ามีรูปภาพตามที่คิดไว้จริง ซึ่งผมกับภรรยาเคยเดินทางไปที่อำเภอ 1 ครั้งแล้ว เพื่อจดทะเบียนหย่า แต่ผมร้องไห้ ขอร้องว่าไม่อยากหย่า เพราะ พ่อ-แม่ ของผมก็หย่ากัน เลยไม่อยากให้ครอบครัวตัวเองเป็นแบบนั้นอีก ก่อนหน้านี้ 2 วัน ก่อนที่จะโทรมาหาทางรายการ ภรรยาบอกกับผมว่า ‘รักลูก และก็ยังรักผู้ชายคนใหม่ด้วย เราหย่ากัน แต่ยังขออยู่เป็นครอบครัวได้ไหม’ ไม่ได้เป็น สามี-ภรรยา เป็นแค่ พ่อ-แม่ของลูก “คุณโอ” จึงโทรมาปรึกษาดีเจทั้ง 3 คนว่า ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับดีเจทั้ง 3 คน จะทำยังไง? งานนี้ “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำแนะนำว่า ‘ถ้าเป็นพี่คงไม่พยายาม ไม่ฝืน ในสิ่งที่มันจะไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ภรรยาเลือกทุกอย่างไว้แล้ว เหลือแค่คุณโอยอมรับความจริง และปล่อยไป การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของครอบครัวครั้งนี้ สิ่งสำคัญคือ หนึ่งลูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สองก็ต้องถามภรรยาให้แน่ว่า ถ้าไปแล้วดีกว่าเรา ยังทำใจได้ แต่ถ้าไปแล้วยังเอาของที่คุณโอซื้อให้ไปจำนำแล้วเอาเงินไปให้ผู้ชายคนนั้น มันเป็นทางเลือกที่ดีกว่าตอนนี้จริง ๆ หรอ’ “ดีเจเติ้ล” ให้คำแนะนำว่า ‘สเตปแรก คุณโอต้องยอมรับให้ได้ว่า ภรรยาเขาไม่ได้รักคุณโอแล้ว จะด้วยระหว่างทางที่คุณโอได้ทำผิดพลาดอะไรกับภรรยา หรือที่จริงแล้วเป็นแค่ข้ออ้างที่จะไปรักผู้ชายคนใหม่ คุณโอต้องผ่านสเตปนี้ไปให้ได้ก่อน ถึงจะไปสเตปสอง คือการอยู่ด้วยกันแบบ พ่อ-แม่ ของลูก สิ่งที่คุณโอเคยบอกว่า พ่อ-แม่ เลิกกันและไม่อยากให้ครอบครัวตัวเองเป็นแบบนั้น ถ้าคุณโอยังฝืน รู้ทั้งรู้ว่าภรรยาไม่รัก แต่รั้งไว้เพื่อให้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ พี่เติ้ลว่ามันผิด เหมือนว่าหนึ่งการมีเป้าหมายแบบนั้น กระทำแบบนี้ มันไม่ได้ทำให้ครอบครัวดีขึ้น สองเราคิดว่าเราหลอกว่าเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ แต่ลูกก็คงรู้ แบบนี้มันแย่กว่าครอบครัวที่แตกซะอีก หรือสเตปต่อไป ถ้าอยากทำให้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แต่ พ่อ-แม่ ไม่ได้รักกันแล้วก็ทำได้นะ แต่ไม่อยากให้คุณโอ ส่งเสียหรือดูแลภรรยาแบบเกินไป ในเมื่อภรรยาเลือกคนใหม่แล้ว ภรรยาก็ต้องดูแลตัวเองและเขาก็ต้องทำหน้าที่แม่ของลูก ตามที่เขาอยากจะเป็น จะมาใช้ข้ออ้างว่าเป็นแม่ของลูก แล้วคุณโอต้องมารับผิดชอบทุกอย่าง ให้เงินให้ทอง แบบนี้ไม่ได้’ “ดีเจต้นหอม” ให้คำแนะนำว่า ‘ความจริงเจ็บปวดเสมอ เวลาเราเลิกกัน มันมีคนบาดเจ็บ คนที่บาดเจ็บคือคนที่ยังไม่มีคนใหม่ ถ้าเขารักลูกมากพอ เขาจะไม่มีคนอื่น เขาจะรักษาครอบครัวไว้มากกว่านี้ การที่ภรรยายังเลือกอยู่กับคุณโอ แล้วอ้างความเป็นแม่ เขายังรักสบายอยู่ ในเมื่อสถานะ สามี-ภรรยา สิ้นสุดแล้ว เราไม่ควรรับผิดชอบภรรยาเก่า คุณโอกับเขาแยกกันอยู่ถึงเวลาก็มาดูแลลูก ถ้าเขาทำหน้าที่แม่ได้ไม่ดี เงินที่เคยให้ภรรยา เอามาจ้างคนดี ๆ เลี้ยงลูกคุณโอ สิ่งที่ไม่ให้ทำคือ เลี้ยงดูปูเสื่อ ถ้าผู้ชายคนใหม่สุภาพบุรุษจริง เขาจะไม่เอาเงินผู้หญิง ถ้าสุภาพบุรุษจริง คุณโอที่เป็นสามีโทรศัพท์ไปหาเขา ผู้ชายดี ๆ เขาเลิกยุ่งไปแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคุณโอต้องสงสารตัวเอง ทำหน้าที่ พ่อ-แม่ เท่านั้น สามี-ภรรยามันจบแล้ว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

แฟนน้องสาวโดนยิงเสียชีวิตที่ทำงาน แต่น้องสาวยังต้องทำงานที่เดิมอยู่ ตอนนี้ในฐานะพี่สาวเป็นห่วงน้องมาก น้องมีลูกอีก 2 คน คนโตเรารับมาเลี้ยง คนเล็กให้อยู่กับตายาย แต่คุณตาขี้เหล้า แอบเอาเหล้าให้หลานชิม พ่นควันบุหรี่ใส่หน้าหลาน

24 พ.ค. 2024

แฟนน้องสาวโดนยิงเสียชีวิตที่ทำงาน แต่น้องสาวยังต้องทำงานที่เดิมอยู่ ตอนนี้ในฐานะพี่สาวเป็นห่วงน้องมาก น้องมีลูกอีก 2 คน คนโตเรารับมาเลี้ยง คนเล็กให้อยู่กับตายาย แต่คุณตาขี้เหล้า แอบเอาเหล้าให้หลานชิม พ่นควันบุหรี่ใส่หน้าหลาน

แฟนน้องสาวโดนยิงเสียชีวิตที่ทำงาน แต่น้องสาวยังต้องทำงานที่เดิมอยู่ตอนนี้ในฐานะพี่สาวเป็นห่วงน้องมาก น้องมีลูกอีก 2 คน คนโตเรารับมาเลี้ยงคนเล็กให้อยู่กับตายาย แต่คุณตาขี้เหล้า แอบเอาเหล้าให้หลานชิม พ่นควันบุหรี่ใส่หน้าหลานเป็นห่วงไปหมด เราควรให้กำลังใจน้องยังไงดีคะ? “คุณแมว (นามสมมติ)” อายุ 35 ปีสายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [22 พ.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาชีวิตของน้องสาว โดย “คุณแมว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ช่วงประมาณปลายเดือนมีนาที่ผ่านมา น้องสาวได้โทรมาว่า ‘ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล’ เพราะแฟนของน้องสาวถูกยิงเสียชีวิต หนูเลยรีบไปหาน้องสาวแล้วช่วยเคลียร์เรื่องงานศพ หลังจบงานก็แยกย้ายกันไปใช้ชีวิต แต่หลังจากงานศพ 1 - 2 อาทิตย์ น้องสาวของหนูก็ต้องไปกลับไปทำงานที่เดิม ซึ่งคือที่ที่แฟนของน้องสาวถูกยิง หนูก็โทรหาน้องทุกวัน ไม่อยากให้น้องเหงา เพราะเค้าก็ยังมีลูกสาวอีก 2 คนอยู่เป็นเพื่อน คนเล็กเป็นลูกของแฟนที่พึ่งเสียไป ส่วนคนโตเป็นลูกติด และน้องสาวจะพูดตลอดว่า เค้าอยู่ได้ เค้าไหว ซึ่งหนูรู้ว่าเค้าพยายามที่จะเข้มแข็ง โดยทุก ๆ 5 - 6 โมงเย็นจะเป็นเวลาพักของหนู หนูก็จะโทรหาน้องสาวตลอด น้องสาวก็จะร้องไห้เวลานี้ทุกวันแล้วก็จะมีคำว่า ผ่านไปไม่ได้เลย เพราะ 6 โมงเย็นเป็นเวลาที่น้องสาวกับแฟนจะไปกินข้าวด้วยกันในที่ทำงาน แล้วน้องสาวก็จะใจหายทุกครั้ง ไข้ขึ้นทุกวัน พอเป็นแบบนี้น้องสาวก็จะลางานกลับบ้านทุกครั้งที่รู้สึกไม่สบาย ที่ทำงานก็ใจดีให้กลับ จนตอนหลังที่ทำงานเรียกไปคุยว่าจะให้กลับไปพักผ่อนที่บ้าน ไปฮีลใจก่อน หลังได้กลับมาพักผ่อนที่บ้านมันก็มีเรื่องตามมา น้องสาวก็มาคุยกับหนูเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งค่าใช้จ่ายของเค้ามันพอดี ไม่สามารถกระดิกได้และยังไม่รวมค่ากิน ปกติแล้วเรื่องค่ากินของน้องสาวจะมีแฟนของเค้าเป็นคนซัพพอร์ต เพราะเค้าจะช่วยกันหา โดยคนหนึ่งจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้าน อีกคนจ่ายค่ากิน เค้าทั้งสองคนพยายามมาก ๆ ในการหาเงิน และใช้หนี้เพื่อที่จะได้ย้ายกลับมาอยู่บ้านด้วยกัน พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นมันพังหมดเลย ลูกสาว 3 ขวบต้องไปอยู่บ้านตายาย ซึ่งตายายค่อนข้างที่จะ Toxic ในตอนที่โรงงานให้กลับไปพักผ่อนน้องสาวอยู่ที่บ้านไม่ไหวเลยขอมาอยู่กับหนู หนูเลยบอกว่า มา มาอยู่กับพี่ก่อน ครอบครัวแฟนน้องสาวอยู่คนละจังหวัดแต่ใกล้ ๆ กัน พ่อแม่ฝั่งผู้ชายดูแลน้องสาวเราดีมาก ๆ ทุกคนคอยซัพพอร์ตจิตใจน้องสาวของเรา คอยซื้อข้าวให้กิน พยายามทำให้เค้ามีความสุข ซึ่งน้องสาวก็เครียดว่าจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ชีวิตต่อ จนหนูพึ่งมารู้ว่าน้องเครียดจนต้องกินยาแก้แพ้ทุกคืนให้หลับ หนูเลยอยากถามพี่ ๆ ว่าหนูควร ให้คำปรึกษาน้องยังไงในการใช้ชีวิตต่อ’ ซึ่ง “ดีเจพี่เผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเป็นผม ผมอยากให้เปลี่ยนสภาพแวดล้อม เปลี่ยนที่ทำงานเลย ถ้าเหตุการณ์ประมาณนี้เกิดขึ้นกับผม ผมคงไปทำที่เดิมคงลำบากมาก ๆ และไม่ไหว แต่ถ้าติดปัญหาเรื่องเงินจริง ๆ ในระหว่างนี้เป็นไปได้มั้ยที่จะหางานใหม่ โดยที่ยังไม่ได้ทิ้งงานเก่า ไม่ให้มันมีรอยต่อ เช่น ในระแวกนั้นมีโรงงานอื่น หรือมีงานอื่นที่ทำได้มั้ย แต่ทั้งหลายทั้งมวลในคำแนะนำนี้ก็ต้องประเมินดูจากน้องสาวของคุณแมวอยู่ดี ว่าตัวน้องสาวคุณแมวไหวที่จะกลับไปไหม คือถ้าไม่ไหวจริง ๆ การเปลี่ยนงาน เปลี่ยนสถานที่ก็อาจจะจำเป็นที่จะลองทำ ลองไปหางานอื่น ลองไปดูโรงงานอื่น ที่อาจจะเทียบเคียงกันพอได้ แล้วค่อยออกเพื่อให้มันไม่มีรอยต่อเรื่องของค่าใช้จ่าย แต่ถ้าน้องสาวไหว ลองกลับไปดู ลองใช้ชีวิตดูกันสักตั้ง เพื่อให้งานและเรื่องรายได้ไปต่อไหว เรื่องของหลานสาวน่าเป็นห่วงมากเหมือนกัน ด้วยวัยที่กำลังจดจำและเลียนแบบกับสิ่งที่เห็นและจะแสดงออกแบบนั้น อันนี้น่าเป็นห่วงมาก อาจจะต้องปรึกษากับน้องสาวว่าเราจะทำยังไงได้บ้างให้เอาหลาน 3 ขวบออกมาได้ และเป็นไปได้ไหมที่น้องสาวจะมาอยู่กับคุณแมวก่อน เพราะถ้าน้องสาวอยู่คนเดียวอาจจะไม่สามารถที่จะเอาลูก 3 ขวบออกมาได้ แต่ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนสถานที่ให้เด็กคนหนึ่งได้ ก็ต้องพร่ำสอนในสิ่งที่ถูกต้องไปก่อน พยายามสอนทุกวิถีทาง ให้เวลากับเด็กเยอะ ๆ เพราะผู้ใหญ่บางคนเค้าห้ามตัวเองไม่ได้ แล้วก็จะทำสิ่งที่ไม่ดีออกมาบ้าง เพราะทุกครั้งที่เราปล่อยห่างออกไปอยู่กับตายายก็อาจจะได้เห็นพฤติกรรมที่มันไม่ควร แล้วในอนาคตสามารถตั้งหลักได้แล้วก็ต้องพยายามเอาลูก ๆ หลาน ๆ ออกมาให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น และน้องสาวคุณแมวที่ตอนนี้อยู่คนเดียวจะเป็นไปได้มั้ยที่จะย้ายมาอยู่กับคุณแมวเพื่อที่จะอยู่ใกล้ ๆ กัน ในเมื่อชีวิตมันมีเฟืองตัวหนึ่งที่เป็นเฟืองใหญ่แล้วมันหายไป แน่นอนการเดินต่อไปมันจะไม่เหมือนเดิม ผมมองว่าถ้ามันไม่เหมือนเดิมและถ้าอยู่แล้วมันไม่ราบรื่น เราควรเปลี่ยนมั้ยเพื่อที่จะได้ตั้งหลักอีกครั้งหนึ่ง’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับน้องสาวคุณแมวถ้าเค้าเลือกที่จะกลับไป สำหรับพี่ พี่คิดว่าน่าจะบอกกับน้องสาวว่าลองกลับไปได้เลยถ้าไหว ทางนี้จะซัพพอร์ตเต็มที่ แต่ถ้าไม่ไหวก็คือไม่ไหวไม่ต้องฝืน คือพี่ไม่รู้ว่าน้องสาวอาจจะอยากกลับไป เพราะน้องสาวคิดว่าถ้าเค้าไม่กลับตอนนี้จะไม่มีรายได้ แต่การที่น้องสาวกลับไปแล้วเค้าต้องผ่านสถานที่เกิดเหตุ แล้วทำให้เค้าผ่านไปไม่ได้ เป็นพี่พี่จะไม่บังคับและบอกกับน้องสาวคุณแมวว่าอย่าบังคับตัวเองถ้าไปแล้วมันทำไม่ได้จริง ๆ เพราะมันคือสิ่งที่ยากมากในการที่จะบอกว่ามันจะผ่านมันไปได้ พี่ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น เพราะมันจะส่งผลระยะยาวกับเรื่องนี้มาก ๆ ถ้าเค้ายังฝืนต่อไปเรื่อย ๆ โดยที่น้องสาวคุณแมวไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น คุณแมวต้องบอกน้องว่าวันไหนเสียใจก็คือเสียใจ มันเป็นเรื่องปกติ อย่างที่ 2 ถ้าข้อจำกัดมันทำให้หลานคนเล็กต้องไปอยู่อีกบ้านตากับยายที่มีปัญหาจริง ๆ ถ้ามันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริง ๆ คุณแมวกับคุณแม่และญาติทุก ๆ คนก็ต้องคอยหมั่นตรวจสอบ คอยโทรไปหา ถ้ามีเวลาว่างต้องไปเยี่ยมแล้วถามหลานว่าเป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้น และคุณแมวต้องทำให้น้องสาวรู้สึกว่าเราคือที่ปลอดภัยที่เค้าสามารถโทรหาเราได้ทุกเมื่อ และสำหรับตัวคุณแมวพี่รู้สึกว่าคุณแมวต้องมองเรื่องนี้เหมือนคุณแมวเป็นคนนอก คุณแมวต้องไม่เอาตัวเองเข้าไปเป็นน้องสาว และรู้สึกมากไปซึ่งบางทีมันอาจจะมากกว่าตัวน้องสาวเพราะมันจะทำให้คุณแมวไม่มีสติและไม่แข็งแรงพอที่จะแก้ปัญหานี้’ และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สิ่งที่จะให้ไปบอกน้องสาวคือให้น้องสาวรับรู้ถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากที่เกิดขึ้น ไม่ว่าใครเจอสถานการณ์นี้ก็ก้าวข้ามไปได้ยากเหมือนกัน แต่มันคือสัจธรรมหรือเรื่องที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกหนึ่งเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่น้องสาวคุณแมวจะต้องเผชิญ คือความเจ็บปวด แต่ถ้ารู้สึกเจ็บปวดก็ปล่อยให้ตัวเองเจ็บปวด ให้น้องสาวรู้ไว้ว่าเค้าไม่ได้อยู่คนเดียว ถ้าจะเจ็บเราจะเจ็บไปด้วยกัน ความโชคดีของน้องสาวคุณแมวคือเค้าไม่ได้อยู่คนเดียว เค้ายังเหลือครอบครัวญาติพี่น้องและคุณแมวที่จะช่วยแก้ปัญหาไปพร้อม ๆ กัน ณ ตอนนี้กำลังจะเข้าสู่เรื่องการแก้ปัญหา ความเจ็บปวดจะเดินทางไปคู่กับเราแต่การแก้ปัญหาก็จะไปกับเราเช่นเดียวกัน ปัญหาตอนนี้คือปัญหาเรื่องเงิน ถ้ายังเลือกที่จะทำงานที่เดิมเพราะฉะนั้นต้องยอมรับความเจ็บปวดที่มันจะยังอยู่กับเรา และในเรื่องการหาเงินคุณแมวสามารถบอกน้องสาวว่าตัวคุณแมวจะช่วยน้องคิด เราจะค่อย ๆ คุยกันถ้าวันนี้มันเครียดจนคิดไม่ออก วันพรุ่งนี้ค่อยคิดใหม่ ถ้าได้ไอเดียอะไรมาก็มาปรึกษากันนะ ในส่วนของเด็ก 3 ขวบถ้ามีเวลาว่างทยอยกันไปดู อย่างน้องยังมียายอยู่ที่สามารถเป็นที่พึ่งได้ ตัวคุณแมวเองก็ต้องพูดกับคุณพ่อเรื่องที่กังวล และสิ่งสำคัญคือคุณแมวต้องเข้มแข็ง ไม่ต้องไปกดดันว่าเราจะต้องหาทางออกให้ได้ภายในวันนี้ ค่อย ๆ หาคำตอบ เพราะบางทีคำตอบอาจจะอยู่ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งที่เราไปเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1