พี่ๆคะ หนูจะทำยังไงต่อไปดี... คุณแม่เหลือเวลาอยู่กับหนูแค่ 6 เดือน ก่อนหน้านี้คุณแม่แอบไปหาหมอเองโดยไม่บอกใครเลย เพิ่งมาบอกหนูว่าเป็น "มะเร็งไขสันหลัง" ระยะที่ 3 ตอนนี้หนูกลัวและเสียใจที่สุดเลยค่ะ

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

พี่ๆคะ หนูจะทำยังไงต่อไปดี... คุณแม่เหลือเวลาอยู่กับหนูแค่ 6 เดือน ก่อนหน้านี้คุณแม่แอบไปหาหมอเองโดยไม่บอกใครเลย เพิ่งมาบอกหนูว่าเป็น "มะเร็งไขสันหลัง" ระยะที่ 3 ตอนนี้หนูกลัวและเสียใจที่สุดเลยค่ะ

22 ม.ค. 2024

            “คุณเอ (นามสมมติ)” อายุ 21 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (17 มค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล – ดีเจเผือก เกี่ยวกับปัญหาที่พึ่งรู้ว่าคุณแม่เป็นมะเร็ง ซึ่งเหลือเวลาอีกแค่ 6 เดือน

          โดย ​“คุณเอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘คุณแม่อายุประมาณ 53 ปี เป็นมะเร็งระยะที่ 3 ที่ไขสันหลัง ซึ่งอาการตอนนี้กำลังลุกลามไปยังจุดอื่น ๆ คุณแม่รู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งแต่ไม่ได้บอกคนในครอบครัว และแอบไปรักษาคนเดียว คุณแม่มีลูก 2 คน หนูอายุ 21 ปี ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ และพี่ชายอายุ 25 ปี ทำงานฟรีแลนซ์ ได้คุยกับพี่ชายพี่ก็ทำใจไม่ได้เหมือนกัน คุณพ่อก็อยู่บ้านเดียวกันแต่ไม่ได้อะไรกับคุณแม่แล้ว แค่ทำหน้าที่พ่อและแม่เฉย ๆ หลังจากที่พ่อรู้ว่าแม่เป็นมะเร็งก็ช็อคเหมือนกัน เขาไม่ได้รักกันแล้ว แต่ก็ยังมีความผูกพันอยู่ ตอนนี้คุณแม่ไม่ได้นอนที่โรงพยาบาลแต่ต้องไปฉีดมุ่งเป้า (คือการฉีดเฉพาะจุด) อยู่เรื่อย ๆ

            ตอนนี้คุณแม่ก็ใช้ชีวิตได้ปกติ แต่จะปวดตามกระดูก ตามข้อ ซึ่งวันที่คุณแม่มาบอก ตอนนั้นอยู่ ๆ เขาก็พูดว่า แม่เป็นมะเร็งระยะที่สาม แล้วที่เขาบอกว่าอยู่ได้อีก 6 เดือนคือมันห่างจากตอนนั้นแค่ 3 เดือน หนูรู้สึกว่ามันเร็วมาก และช่วงนี้เขาชอบพูดเกี่ยวกับเรื่องเขาตายบ่อย ๆ มันก็ยิ่งทำให้หนูเครียด คุณแม่ก็เครียดมากเพราะเป็นห่วงว่าถ้าเกิดเขาไปแล้วจะอยู่กันยังไง...?

          ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘วันนี้คงเป็นการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน สถานการณ์นี้เป็นสถานการณ์ยากลำบาก คือสถานการณ์ของการสูญเสีย แต่ต้องยอมรับว่าไม่ว่าใครทุกคนบนโลก เขาก็ไม่สามารถอยู่กับเราไปได้ตลอด ทีนี้เรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเรื่องที่บ้านยังไม่ทันเตรียมตัว แล้วพี่ก็ไม่อยากให้คุณแม่เครียด ณ วันนี้ถ้าทุกคนที่บ้านเครียด ตัวคุณแม่เครียด มันก็จะทำให้ช่วงระยะเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ความสุขมันก็ลดน้อยลงไปอีก

            เราอาจจะต้องเติมพลังบวกให้กันและกัน เหมือนกับก่อนหน้านี้เคยมีข่าวคุณหมอคนหนึ่งที่เป็นมะเร็ง เค้าเองก็รู้ว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน เค้าก็เหมือนเติมพลังบวกให้กับตัวเอง ในการคิดว่ามันจะเป็นการออกเดินทางครั้งใหม่นะ เราอาจจะช่วยคุณแม่ ถ้าคุณแม่เป็นห่วงเรา เราอาจจะต้องทำตัวให้เราดูแข็งแกร่ง เป็นคนเก่ง แม่ไม่ต้องกังวลเลย เสาร์-อาทิตย์นี้อยากทำอะไรก็ทำด้วยกัน ให้รู้สึกว่าวันทุกวันเราสร้างความสุขแบ่งปันความสุขในทุก ๆ วันที่เราเจอกัน และก็เป็นกำลังใจให้กับเอและพี่ชายแล้วก็ครอบครัวทุกคนเลย

         ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าช่วงเวลามันมีแค่ 6 เดือนตามที่คุณหมอบอก ซึ่งจริง ๆ มันมีปาฏิหาริย์เยอะแยะมากมายว่าถ้ากำลังใจของคนไข้ดี บางทีมันอาจยาวนานกว่านั้น แต่ถ้า 6 เดือนตามนั้นจริง ๆ พี่ก็แค่อยากบอกน้องเอว่า อยากให้ใช้เวลากับท่านให้คุ้มค่าที่สุดเท่าที่เวลามันเดินถอยหลัง ถ้าท่านอยากทำอะไรโดยที่มันไม่ไปขัดขวางการรักษา พี่อยากให้น้องเอใช้เวลาตรงนี้ให้เต็มที่ แล้วก็สิ่งหนึ่งที่พี่ฟังเหมือนท่านยังเป็นห่วง พี่อยากให้น้องเอทำเพื่อให้ท่านได้รู้ว่าถ้าไม่มีท่านอยู่จริง ๆ หนูกับพี่ชายจะอยู่กันได้ดี เพื่อที่ท่านจะไปอย่างไม่มีห่วงอะไร แต่ถ้าน้องเอทำให้ท่านรู้สึกเป็นห่วงด้วยการเสียใจ ไม่มีกำลังใจที่จะทำให้ท่านเห็นรอยยิ้ม พี่ว่าอันนี้ท่านจะยิ่งเป็นห่วง

            พี่รู้สึกว่าสิ่งหนึ่งที่บางทีคนที่ป่วยเขาไม่อยากเห็น คือคนรอบข้างเป็นทุกข์เพราะมันจะยิ่งทำให้เขาเป็นทุกข์ มันอาจจะต้องฝืน หนูอาจจะร้องไห้ในห้องได้หรือคุยกับพี่แล้วเศร้าใจได้ แต่เวลาอยู่กับท่านอยากให้ส่งพลังบวกให้กันและกัน เพราะเรื่องกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับคนป่วย ถ้าทำได้อยากให้เป็นแบบนี้ เพราะท้ายที่สุดท่านจะได้รู้สึกว่าเราอยู่กันได้และมีชีวิตต่อไปได้อย่างดี เขาจะได้ไม่เป็นห่วงเรามาก

            อย่างสุดท้ายพี่ฝากไว้ละกันเผื่อถ้าเวลามันมาถึง บางทีคนที่ป่วยเป็นโรคแบบนี้ เวลาเชื้อมะเร็งกัดกินแล้วไม่รู้สึกอะไร ถ้าคุณหมอบอกว่าในอีกไม่กี่วันเขาจะไม่รับรู้แล้ว อยากให้น้องเอและคนในครอบครัวไปคุยกับเขาเป็นวาระสุดท้าย เพราะ ณ ตอนนั้นมันเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามาก สำหรับผู้ป่วยก่อนที่เขาจะไม่รู้ตัวและสื่อสารอะไรไม่ได้อีกแล้ว อันนี้พี่พูดในกรณีที่ถ้าเวลานั้นมาถึงจริง ๆ เหมือนเราเตรียมให้เขาไปอย่างสงบ เคลียร์ทุกอย่างบอกเขาว่าไม่ต้องห่วง หนูกับพี่กับพ่อจะอยู่กันอย่างมีความสุข แล้วเราจะคิดถึงเค้าด้วยรอยยิ้มทุกครั้งเมื่อที่เค้าจากไปแล้ว ขอเป็นกำลังใจให้น้องเอนะ

          สุดท้าย “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘จริง ๆ จะไม่พูดถึงว่าเวลาเหลืออีกเท่าไหร่ มันก็เป็นการประมาณการ สำหรับพี่ไม่อยากให้เอามาเป็นประเด็นเท่าไหร่ การที่เราเกิดมาเรารู้ว่ามันต้องมีอายุขัย สิ่งในชีวิตทุกอย่างบนโลกใบนี้มันมีอายุขัยของมัน ณ วันที่เราเกิด เราก็มาพร้อมกับแพ็กเกจคำว่าตายอยู่แล้ว มันอยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วแต่ไม่มีใครอยู่ได้ จริง ๆ มันเป็นสัจธรรมมากเลยเนาะ แต่ว่ามันก็ยากในวัย 21 ปีที่เราจะเข้าใจว่าไม่ว่าช้าหรือเร็วมันก็ต้องจากกันอยู่ดี ทีนี้ความรู้สึกกะทันหันของเอ ถ้าได้คุยกับคนอื่นที่ประสบเหตุกันคนละอย่างกับที่เอเจอ ในหลาย ๆ สายที่เค้าโทรมาว่าคนที่เขารักประสบอุบัติเหตุกะทันหันชนิดที่ว่าเราไม่ได้แม้แต่จะบอกลา ถ้าเค้าเลือกได้บางทีเค้าอาจจะอยากให้เค้ามีเวลาบ้างอย่างที่เอมี อันนี้พี่เปรียบเทียบให้ดูว่าในความที่เราคิดว่าเรากำลังเจอเรื่องราวที่เลวร้าย

            อย่างน้อยเรายังมีโอกาสทำให้ในทุก ๆ วันที่มันยังมีอยู่ด้วยกัน ย้อนไปในวัย 21 ปี พี่ก็เสียคุณแม่ไปตอนปี 2 ก็ ณ วันนั้นเรายังเป็นวัยรุ่นที่ยังไม่ได้เป็นพ่อคน เรายังไม่เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่มีต่อลูกมากพอ เรายังไม่ได้แสดงออก เรายังไม่ใช้โอกาสสุดท้ายในการบอกอะไรที่บางทีเรายังไม่ได้บอก เราก็แค่เขิน ไม่กล้าพูดอย่างที่เติ้ลบอก เพราะเราคิดว่ายังมีเวลา จนเมื่อเค้าไม่รู้ตัว เราถึงรู้ว่าคงไม่ได้บอกแล้ว

            ซึ่งถ้าเอได้ฟังอยู่ตอนนี้ก็คือ พี่ก็อยากให้เอมีโอกาสที่จะได้บอก บางครั้งเราแค่ไม่กล้าพูดว่ารัก เพราะว่าเราเป็นเด็กวัยรุ่นหรือเขิน ไม่กล้าพูด หรือคำพูดอื่น ๆ ที่เรายังไม่เคยบอก เพราะฉะนั้น ณ วันนี้ เอก็ยังมีเวลาที่จะทำให้ทุกวันที่ยังมีเค้าอยู่มันไม่มีอะไรติดค้าง ซึ่งสุดท้ายไม่ได้แปลว่าเราจะไม่เศร้าหรอก ทุกคนก็เศร้าทั้งนั้น วันสุดท้ายของมนุษย์มันเป็นสิ่งที่ประหลาดนะทุกคนต้องเจอ แต่เรามักจะถือสาว่าเราไม่ควรพูด เพราะมันเท่ากับแช่ง แต่ในความเป็นจริงถ้าเราได้พิจารณามันบ้าง ลองนึกดูบ้างว่าถ้าวันหนึ่งเราไม่มีคนที่อยู่ข้าง ๆ มันจะเป็นยังไง อย่างน้อย ๆ ในวันนั้นเหมือนเราได้ซ้อมรับแรงกระแทกไว้แล้วบ้าง ซึ่งวันนี้เอมีโอกาสละพี่ว่าอยากให้ใช้โอกาสที่เรามีอยู่ตอนนี้บอกหรือคุยกับเค้าไม่ให้มันมีอะไรติดค้าง’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คนกลางลำบากใจที่สุด... ลูกสาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ คุณพ่อจับได้ว่า คุณแม่คุยกับเพื่อนสนิทผู้หญิงคนหนึ่งในเชิงชู้สาว สุดท้ายแม่ยอมรับว่าทั้งคู่ “ต่างคนต่างรู้สึก” เหมือนกัน และต่างคนก็ต่างมีสามีกันอยู่แล้ว พีคสุด! สามีฝั่งนู้นก็รับรู้และรับได้

08 ก.ย. 2023

คนกลางลำบากใจที่สุด... ลูกสาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ คุณพ่อจับได้ว่า คุณแม่คุยกับเพื่อนสนิทผู้หญิงคนหนึ่งในเชิงชู้สาว สุดท้ายแม่ยอมรับว่าทั้งคู่ “ต่างคนต่างรู้สึก” เหมือนกัน และต่างคนก็ต่างมีสามีกันอยู่แล้ว พีคสุด! สามีฝั่งนู้นก็รับรู้และรับได้

คนกลางลำบากใจที่สุด... ลูกสาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการคุณพ่อจับได้ว่า คุณแม่คุยกับเพื่อนสนิทผู้หญิงคนหนึ่งในเชิงชู้สาวสุดท้ายแม่ยอมรับว่าทั้งคู่ “ต่างคนต่างรู้สึก” เหมือนกันและต่างคนก็ต่างมีสามีกันอยู่แล้ว พีคสุด! สามีฝั่งนู้นก็รับรู้และรับได้ตอนนี้พ่อเสียใจมาก อยากจะออกจากบ้าน แต่ไม่รู้จะไปนอนที่ไหน... “คุณกิ๊ฟ (นามสมมุติ)” อายุ 27 ปี สายแรกในรายการ “พุธทอล์ค พุธโทร” เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [6 ก.ย. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาเรื่องแม่ไปมีความสัมพันธ์กับเพื่อนที่เป็นผู้หญิง โดย “คุณกิ๊ฟ (นามสมมุติ)” เล่าว่า ‘เมื่อก่อนพ่อกับแม่เคยอยู่ที่กรุงเทพฯ แล้วก็ 3 ปีที่ผ่านมา กลับไปอยู่ที่ต่างจังหวัด ไปปลูกบ้านใกล้ๆกับบ้านของตา จะได้ดูเเลตากับยาย ในช่วงแรกแม่เขาก็รู้สึกนอยด์ๆ เพราะตอนที่เขาอยู่กรุงเทพฯ เขาเคยมีรายได้ รู้สึกมีประโยชน์ แต่พอมาอยู่ที่นี่เขาไม่มีรายได้ แล้วเขาก็เหงา ซึ่งพ่อของหนูก็หางานที่ใกล้ๆบ้านเเล้วก็ได้งาน โดยเงินที่ใช้ในแต่ละเดือนก็จะมาจากเงินเดือนของพ่อ เมื่อช่วงประมาณต้นปีที่ผ่านมา ก็มีเพื่อนของเเม่ที่เป็นผู้หญิง ไม่ได้คุยกันมาประมาณ 10 ปีเเล้ว เขาเหมือนตั้งใจจะมาที่บ้านตา เพื่อจะมาขอที่อยู่ของเเม่ที่กรุงเทพฯ เพราะคิดว่าเเม่ยังอยู่ที่กรุงเทพฯ หลังจากนั้นแม่กับเพื่อนของแม่ก็ได้เจอกันพอดี เหมือนเขาก็ปรับความเข้าใจ กลับมาคุยกันเป็นเพื่อนกัน สำหรับครอบครัวฝั่งเพื่อนของแม่ เหมือนครอบครัวเขาจะมีปัญหาหลายเรื่อง เขาก็เลยจะมาหาเเม่อาทิตย์ละครั้ง มานั่งคุย ปรึกษา ทำอะไรกินด้วยกัน เเล้วเวลาเขามา เขาก็จะคอยใส่ใจ ซื้อของกินมาให้ตลอด จนเมื่อช่วงประมาณต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แม่ก็ไปสารภาพกับเพื่อนว่าแม่รู้สึกกับเพื่อนคนนี้เกินเพื่อนไปแล้ว แล้วเพื่อนเเม่ก็ตอบกลับมาว่าก็รู้สึกเหมือนกัน เเต่ทางนั้นเขาก็มีสามี มีลูก ลูกอายุเท่าๆกับหนูเลย หลังจากนั้นเหมือนพ่อเริ่มสังเกตอาการได้ พ่อก็เลยแอบไปดูในไลน์ เขาก็เห็นว่าคุยกัน ใช้คำหวานๆ คลั่งรัก จากที่พ่อแคปแชทมาให้ดู เขาคุยเหมือนเป็นแฟนกัน พ่อรับไม่ได้ พ่อกับแม่ก็เลยทะเลาะกัน ทำให้พ่อต้องออกจากบ้านไป เเล้วเขาก็กลับมาคุยกัน พ่อก็ขอให้แม่หยุดได้ไหม? แล้วก็ให้กลับมาเป็นครอบครัวกันเหมือนเดิม แต่แม่บอกว่า เขาไม่ได้รู้สึกกับพ่อแบบนั้นแล้ว เขารู้สึกว่าที่ผ่านมาเหมือนพ่อละเลยเขา ไม่ค่อยสนใจเขา เวลาอยากจะไปไหนก็ไม่ไป จนมาวันนี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเเล้ว แต่เขาก็ไม่ได้อยากจะไล่พ่อออกไปนะ แต่ถ้าจะอยู่ก็อยู่เป็นเพื่อนกัน แต่พ่อก็รับไม่ได้ พ่อรู้สึกว่าอยากให้แม่รักพ่อเหมือนเดิม เหมือนเมื่อก่อน ไม่ใช่ไปรักคนอื่น พอเป็นคนกลางก็คือฟังจากทางเเม่ด้วย บางทีในมุมเเม่เขาก็จะรู้สึกว่า ฉันก็ถูกละเลยมาหลายปีเเล้ว ในมุมพ่อ แม่ไม่เคยพูดเขาก็ไม่รู้ เขารู้สึกว่าอันนี้ก็คือปกติที่เคยทำ แต่ก่อนก็ไม่เคยเห็นเป็นอะไร ก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องรักษาความรู้สึกทั้งพ่อกับแม่เราควรจะทำยังไงดี? เพราะเเม่ก็ไม่ได้อยากจะเลิกกับพ่อ เพื่อที่จะไปอยู่กับเพื่อนสองคน จริงๆพ่อก็อยากออกไป แต่ก็ไม่รู้จะไปไหน ก็เลยเป็นห่วงพ่อว่าจะไปอยู่ที่ไหน หนูเคยคุยกับเเม่ว่าไม่เอาได้ไหม? แม่ก็พูดมาคำหนึ่งว่า มันคือความสุขของเขา เเค่เหมือนได้คุยก็มีความสุขเเล้ว จากที่ถามเเม่มา ครอบครัวทางฝั่งนู้น เขารู้เเล้วเขาก็รับได้ มีเเต่พ่อที่รับไม่ได้ แม่เขาก็บอกว่าเหมือนเป็นเพื่อนคนนึงที่สบายใจของเขา เข้าใจเขา... หนูก็เลยอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า ทำยังไง จะไม่ให้พ่อกับเเม่เสียใจดี? งานนี้ “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คนที่ดูน่าสงสารที่สุดคือ คุณพ่อ คนที่จะได้รับการเยียวยาคนแรกจากกิ๊ฟก็คือคุณพ่อ คนอยู่ด้วยกันเป็น 20 - 30 ปี คำว่าละเลยกับการทำทุกอย่างเป็นปกติ มันมีเส้นบางๆ ถ้ายังรักกันอยู่ ก็มองว่ามันเป็นปกติ มันไม่เคยเป็นเรื่อง เเต่พอวันหนึ่งไม่ได้รักกันเเล้ว มันก็กลายเป็นเรื่องละเลย มันก็แอบไม่เเฟร์กับคุณพ่อเหมือนกัน ส่วนวิธีเยียวยาคุณพ่อ กิ๊ฟก็ชวนพ่อคุยทำนู้นนี่ แล้วค่อยๆแอบถามพ่อมีอะไรจะคุยหรือเปล่า? หลังจากนั้นก็ค่อยว่ากัน คือดูแลให้เขามีเพื่อน และฝั่งคุณเเม่ก็ทำไรมากไม่ได้ ทำได้เเค่เตือนว่าสิ่งที่เเม่มองว่าเป็นเรื่องเล็ก เป็นเพื่อนกัน เป็นความสุข กิ๊ฟอยากให้เเม่ระวังว่า ผลกระทบของความสุขของเเม่เนี่ยมันทำให้คนรอบข้างเป็นทุกข์หรือเปล่า มันก็ทำได้เเค่เตือน ทางด้าน “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็น่าจะเป็นคุณพ่อ เป็นการนอกใจที่ชอบผู้หญิงเหมือนกันอีก ซึ่งก่อนหน้าก็ไม่น่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เพราะว่าเขาเป็นภรรยาของคุณพ่อมานานมากแล้ว พี่จะไม่บีบบังคับให้พ่อยอมรับ เพราะตอนนี้เเม่คุณกิ๊ฟต้องการแบบนั้น ซึ่งพี่รู้สึกว่ามันไม่แฟร์ ถ้าสถานการณ์กลับกันไม่ว่าจะฝั่งไหน มันก็ยอมรับไม่ได้เลย มันเห็นแก่ตัวไปนิดนึง พี่ก็คงบอกว่าถ้าพ่อไม่ไหว พ่อมีสิทธิ์ที่จะไปนะ มันเศร้าตรงที่พอรู้ว่า ภรรยาตัวเองมีคนอื่นเเล้ว เเต่ตัวเองยังอยู่ในพื้นที่บ้านตาบ้านยาย ณ ตอนนี้พี่คิดว่าเเม่จะอยู่บ้านคนเดียวได้อย่างมีความสุข ส่วนฝั่งคุณเเม่ ถ้าตอนนี้คุณแม่ค้นพบว่าฉันชอบเพศเดียวกัน พี่ก็จะตามใจเขา แต่ที่เเม่บอกพ่อละเลย ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง อาจจะเป็นคำอ้างก็ได้ แต่ถ้าเป็นจริงพี่ก็คงพูดกับเเม่ว่า ลองให้โอกาสพ่อไหม เพราะเขาไม่เคยพูดกับพ่อเลย ตอนนี้มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เราเป็นลูก เราก็ทำได้เเค่ใครที่เสียใจเราก็ให้กำลังใจ เป็นเรื่องที่เขามีสิทธิ์ที่เขาจะทำได้ เลือกทางเดินชีวิตตัวเองเเล้ว สุดท้าย...เขาเลือกเเล้ว ถ้าเขามีความสุขกับทางที่เขาเลือกจริงๆ พี่ก็โอเคกับทั้งสองฝ่าย สำหรับพี่เขาก็คือพ่อเเละเเม่ที่พี่ก็ยังรักอยู่ดี และ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สิ่งที่ทำ มันก็คือการนอกใจ ส่วนบ้านนู้นก็ถามเลยว่า เขารับได้จริงๆใช่ไหมที่เขาคบกัน ถ้ารับได้จริงๆ ทางนี้ก็จะได้เปิดทางให้ที่รับได้นี่ทางนู้นอาจจะรู้เเค่ว่าเป็นเเค่เพื่อนหรือเปล่า ไม่ได้คลั่งรักขนาดนี้ ถ้าบ้านเขารับได้จริงๆเราทำได้เเค่ปล่อยอย่างเดียวเลย เราต้องมาฮีลใจคุณพ่อ แล้วก็คุยกับเเม่ ถ้าเเม่พูดว่านี่ คือความสุขของเเม่ เราก็บอกแม่ไปเลยว่า มันเป็นความสุขที่ได้มาโดยไม่ถูกต้อง ความสุขเเบบนี้มันเรียกเห็นแก่ตัว แล้วเราก็หันมาทางพ่อ การที่อยู่กับคนที่ไม่ได้รักเรามันเจ็บกว่าการที่จบเเล้วเดินออกไปมากกว่า สิ่งที่เยียวยาพ่อได้ดีที่สุดก็คือลูก เพราะตอนนี้ดูแล้วแม่กู้ไม่กลับเเล้ว เพราะฉะนั้นต้องดูเเลพ่อให้รู้สึกว่าอย่างน้อยลูกคือความหวังของพ่อ ให้กำลังใจพ่อ ถ้าพ่อคิดว่าตอนนี้พ่อทนได้ พ่ออยู่ไปก่อน แต่บอกล่วงหน้าเลย สิ่งที่พ่อทำอยู่มันเสียเวลา เเต่ถ้าพ่อรู้สึกว่าพอแล้ว พ่อปิดประตูบานนี้เเล้วเดินออกมา ให้ทางเลือกกับเขา บอกเขาว่าเราเข้าใจเขา... สุดท้ายนี้...พี่ๆดีเจก็เข้าใจคุณกิ๊ฟ ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณกิ๊ฟ ขอให้เรื่องราวผ่านไปได้ด้วยดีเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ก่อนคบสามีเราพอรู้นิสัยว่าแม่เขาเป็นคนยังไง พอแต่งงานเข้าไปอยู่บ้านเขาได้ 1 เดือน หนูท้อง แม่สามีจับผิดทุกอย่าง ห่วงเราเกินเหตุ อึดอัดจนหนูเก็บเสื้อผ้าหนีออกจากบ้าน สามีพาแม่มาขอโทษขอให้กลับไป ตอนนี้หนูย้ายออกมาอยู่บ้านหนูแล้ว

25 เม.ย. 2025

ก่อนคบสามีเราพอรู้นิสัยว่าแม่เขาเป็นคนยังไง พอแต่งงานเข้าไปอยู่บ้านเขาได้ 1 เดือน หนูท้อง แม่สามีจับผิดทุกอย่าง ห่วงเราเกินเหตุ อึดอัดจนหนูเก็บเสื้อผ้าหนีออกจากบ้าน สามีพาแม่มาขอโทษขอให้กลับไป ตอนนี้หนูย้ายออกมาอยู่บ้านหนูแล้ว

ก่อนคบสามีเราพอรู้นิสัยว่าแม่เขาเป็นคนยังไง พอแต่งงานเข้าไปอยู่บ้านเขาได้ 1 เดือนหนูท้อง แม่สามีจับผิดทุกอย่าง ห่วงเราเกินเหตุ อึดอัดจนหนูเก็บเสื้อผ้าหนีออกจากบ้านสามีพาแม่มาขอโทษขอให้กลับไป ตอนนี้หนูย้ายออกมาอยู่บ้านหนูแล้วแต่แม่เขาอยากให้หนูจดทะเบียนสมรสกับลูกเขา “คุณเเพรว (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [23 เม.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาระหว่างตัวเองกับเเม่ของสามี โดย “คุณเเพรว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เหตุการณ์ที่หนูเจอคือปัญหาโลกเเตกระหว่างหนูกับเเม่ผัว จนตอนนี้ทำให้หนูต้องออกจากบ้านของเเฟน เเละหนีกลับมาอยู่กับครอบครัวของตัวเอง มันทำให้หนูคิดว่าหนูจะต้องกลายเป็นเเม่เลี้ยงเดียวเลยหรือป่าว ปัญหาในตอนนี้เกิดขึ้นตอนที่หนูพึ่งจะเเต่งงานกับเเฟนได้เเค่ 4 เดือน เเต่ว่าหนูท้องตั้งเเต่เดืิอนเเรกที่เเต่งงาน ช่วงเเรกๆ ความสัมพันธ์ของหนูกับเเม่เเฟนก็ยังดีอยู่เพราะหนูไม่ค่อยได้ไปนอนที่บ้านของเขา ส่วนมากจะเป็นการไปๆมาๆ มากกว่า จนเเต่งงานในเดือนเเรก เเม่ของเเฟนจะจ้องจับผิดหนูเเทบจะตลอดเวลา เช่น การหยุดงานของที่ทำงานหนู เขาจะไม่ได้มีวันหยุดเเบบตายตัว เเล้ววันไหนที่หนูหยุดเเล้วไม่ได้บอกเขา เขาก็จะเเสดงออกว่าโกรธ งอน เเต่หนูก็ไม่รู้ว่าการที่หนูหยุดงานเเล้วไม่ได้บอก มันส่งผลอะไรกับเขา เขาก็จะเป็นเเบบนี้กับหนูเเค่คนเดียว เเล้วหนูก็ไม่สามารถบอกเเฟนได้ทุกครั้ง เพราะเขาจะเอาเรื่องที่หนูบอกไปคุยกับเเม่ ทำให้เขาก็จะทะเลาะกัน เเต่ว่าก็ไม่ได้มีเเค่เรื่องนี้ อีกเรื่องนึงคือ เเม่ของเเฟนเขาจะชอบทำกับข้าวให้หนูไว้ไปกินที่ทำงาน เวลาเลิกงานกลับมาหนูก็จะบอกเขาว่า เอ่อ วันนี้อร่อยนะ วันนี้เเซ่บมาก เเต่ครั้งไหนที่หนูเหนื่อยๆเเล้วกลับมาเข้าห้องนอนเลยเเล้วไม่ได้บอกเขา เขาก็จะมาพูดกับหนูว่า วันหลังจะไม่ทำให้กินเเล้ว พอหนูเล่าให้เเฟนฟัง เเม่ของเเฟนก็จะพูดว่า ก็ไม่เห็นบอกเลยว่าอร่อยไม่อร่อยใครจะไปรู้ ใครจะไปอยากทำให้กิน เเละอีกเรื่องนึงคือ เวลาที่เป็นวันหยุด บางครั้งหนูก็จะกลับบ้านไปหาพ่อ เพราะบ้านหนูกับบ้านเเฟนอยู่ไม่ได้ห่างกันมาก เเค่ประมาณ 10 นาที เขาก็จะพูดว่า ไปอีกเเล้ว คือไปอีกละ หรือบางทีที่หนูหยุดงานนานๆ หนูจะจองตั๋วเครื่องบินเพื่อจะไปหาเเม่ ตอนเเรกเขาก็บอกว่าไปได้ เเต่พอวันถัดมา เขาก็จะมาบอกให้หนูยกเลิกเพราะเขาไปหาข้อมูลมาว่า เราท้องอยู่ไม่อยากให้ไป มันไม่ดีอะไรเเบบนั้น จนมาถึงเรื่องล่าสุดที่ทำให้หนูทนไม่ไหวคือเรื่อง ในช่วงวันสงกรานต์ หนูก็บอกเขาว่า เอ่อ หนูขอเวลาสัก 3 วันนะ หนูจะกลับไปนอนกับพ่อ ตอนเเรกเขาก็เหมือนเดิมคือ บอกว่า โอเค อยากไปก็ไปสิ พอวันถัดมา เขาก็บอกว่า เเม่ว่าหนูไม่ต้องไปดีกว่า เเม่ว่ามันนานเกินไป เเละก็จะได้ใช้เวลาครอบครัวกับบ้านนี้ด้วย เเต่คือหนูก็บอกพ่อไปเเล้ว ในความคิดของหนูคือ ถ้าเขาจะไม่ให้เราไป ทำไมเขาไม่บอกเราตั้งเเต่เเรก อีกอย่างนึงคือ ทำไมเขาไม่บอกเราเลยว่าเขาไม่ชอบอะไร ทำไมต้องให้หนูทำก่อนเเล้วค่อยมางอน ในเมื่อเขาก็เป็นผู้ใหญ่เเล้ว ในวันเเรกที่หนูหนีออกมาจากบ้านเขา เเม่เเฟนถึงขั้นที่ ตามไปดักรอหนูถึงที่ทำงานเเล้วถามว่า ทำไมหนูถึงไม่บอกเเม่ว่าจะย้ายไป จะให้เเม่ปรับตัวยังไงหนูก็บอกเเม่สิ เเต่หนูก็คือรู้ว่าเเม่เขาปรับไม่ได้เเล้ว เเละหนูก็ไม่ได้ต้องการอะไร เเค่ต้องการใช้ชีวิตคู่ของหนู หนูอยากอยู่กับเเฟน เเต่ต้องเล่าย้อนกลับไปอีกเรื่องนึง คือตอนเเรกเเม่ของเเฟนจะ บังคับให้หนูจดทะเบียนสมรสด้วย เเต่หนูก็ไม่ได้จดทะเบียน อีกเหตุผลนึงคือไม่ใช่เเค่เรื่องนิสัยของเขา เเต่เป็นเรื่องสภาพเเวดล้อมภายในบ้านด้วย คือที่บ้านจะมีกลิ่นทีิ่่อับ เหม็นสาบ เเละเขาก็จะชอบตะโกนเสียงดัง ด่ากันด้วยซึ่งมันทำให้หนูคิดภาพไม่ออกว่า เราจะเลี้ยงลูกของเราในสภาพเเวดล้อมในบ้านเเบบนี้ได้ยังไง จนในตอนที่หนูย้ายกลับมาบ้านตัวเอง เเฟนหนูก็เงียบๆไปเลย เเต่จะมีทักมาถามเรื่องลูกบ้าง ว่าถ้าเราเเยกกันอยู่เเบบนี้เราจะเเบ่งกันเลี้ยงลูกยังไง หนูก็ได้เเต่คิดว่าทำไมต้องเเบ่งกันเลี้ยงละ ลูกไม่ใช่สิ่งของ หนูสามารถที่จะเลี้ยงลูกด้วยตัวหนูเองได้ในตอนนี้ปัญหาที่หนูเจอหนูคิดว่า อาจจะเพราะเขาเเค่อยากจะเลี้ยงหลาน เพราะลูกหนูเป็นหลานคนเเรกของเขา ในส่วนของพ่อหนู เขาก็โอเคที่เราย้ายกลับมาที่บ้าน ตอนเเรกที่หนูได้เจอที่บ้านเขา ในตอนที่คบกัน 6 ปี ก่อนที่จะมาเเต่งงาน หนูคิดว่าหนูสามารถที่จะทนได้ อยากลองที่จะเปิดใจ จน 4 เดือนที่ผ่านมา หนูเริ่มท้อง หนูก็ต้องรองรับอารมณ์ตัวเอง เเต่พอมาเจออารมณ์ของเเม่เเฟนเเบบนี้หนูก็เหนื่อย หนูเลยอยากที่จะปรึกษาพี่ๆดีเจว่า คือหนูใจร้ายกับลูกหรือเเฟนมากกว่าเกินไปหรือป่าวที่ทำเเบบนี้?’ เริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คือด้วยความที่ว่า พี่เอาตัวเองเป็นที่ตั้งยิ่งเป็นลูกเรา เราต้องการที่จะเลี้ยงเองในเเบบของเรา ยิ่งเป็นเเม่ผัวคือยิ่งห้ามมาวุ่นวายเลย ถ้าฉันจะให้เล่น ฉันจะให้เล่นเอง เเละถ้าฉันจะสอนลูกเเบบนี้คืออย่ามาขัด อันนี้คือตัวของพี่เพราะพี่ก็เป็นเเม่เลี้ยงเดี่ยว เเต่คือการที่มีพ่อเเม่เป็นคนเลี้ยงลูกก็จะดีอีกเเบบเพราะมี 2 ความคิดในการเลี้ยงดูเด็ก ฉะนั้นสำหรับพี่ ถ้าใครที่ทำให้เราอึดอัด เราก็จะออกมาเลย อีกอย่างเด็กอ่อนไม่ควรที่จะอยู่ในสภาพเเวดล้อมที่ไม่ดี เเละบอกกับเเฟนว่าถ้าอยากเลี้ยง ก็มาที่บ้านนี้ เอาตัวของลูกกับสุขภาพจิตของตัวเองไว้ก่อน’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อันนี้ก็เป็นหนึ่งในสายที่ทำให้รู้ว่า เราอาจจะต้องลองใช้ชีวิตด้วยกันเเบบ 24 ชม. ก่อนที่จะเเต่งงาน ลองเรียนรู้การใช้ชีวิตคู่ก่อนที่จะตกลงเป็น สามี - ภรรยา กัน ถ้าถามว่าใจร้ายไหม สำหรับผม ผมว่าไม่ ถ้าเรามองในมุมของเเม่คนนึงที่จะปกป้องลูกในท้องจากปัจจัยหลายๆอย่างที่จะกระทบต่อการตั้งท้อง อย่างบ้านของพี่ ตอนที่กำลังตั้งท้องอยู่คนทั้งบ้านก็คือสามัคคีกันมาก เพราะไม่อยากให้มีอะไรมากระทบต่อเด็กในท้อง เพราะฉะนั้นถือว่าเเพรว เก่งมากเเละน่านับถือในความเป็นเเม่มากๆ สนับสนุนการตัดสินใจทุกอย่าง เเละที่สำคัญตัวของเเฟนคุณเเพรวก็ต้องทำอะไรสักอย่างนึงเพราะเขาก็เป็นคนกลาง’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ใจร้ายไหมกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกคนพูดชัดเจนได้เลยกับสิ่งที่เกิดขึ้นว่า ไม่ใจร้าย เพราะเเพรวทำเพื่อลูก เพราะลูกคือสิ่งสำคัญที่สุด ในตอนนี้ยังไม่ใจร้าย เเต่ในอนาคตที่เเฟนคุณเเพรวเริ่มพยายามที่จะจัดการ หรือเเก้ปัญหา เช่นพยายามที่จะมาหา จัดการด้วยการที่มาอยู่กับเเพรวด้วย เเละเเม่เขาก็ยังโอเค ถ้าเขาทำเเบบนี้เเล้วในตอนนั้นเเพรวยังยืนยันที่จะเป็นเเม่เลี้ยงเดี่ยว สำหรับพี่ก็อาจจะดูใจร้ายนิดนึง เเต่ถ้าเขาไม่ทำอะไรเลย เเพรวก็มีสิทธิ์เต็มที่ เพราะเขาไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูมีแฟนเป็นผู้หญิง คบกันได้เกือบปีแล้ว แต่หนูมีความลับที่ไม่ได้บอกเขา ว่าหนูมีเสี่ยเลี้ยง หนูทำงานเป็นเด็กเอ็น ปรากฎว่าไม่นานมานี้ เพิ่งจับโป๊ะได้ ว่าแฟนหนูก็มีเสี่ยเลี้ยงเหมือนกัน ตอนนี้แฟนหนูเขารับเงินก้อนจากเสี่ยฝั่งนู้นมาแล้ว

06 มิ.ย. 2025

หนูมีแฟนเป็นผู้หญิง คบกันได้เกือบปีแล้ว แต่หนูมีความลับที่ไม่ได้บอกเขา ว่าหนูมีเสี่ยเลี้ยง หนูทำงานเป็นเด็กเอ็น ปรากฎว่าไม่นานมานี้ เพิ่งจับโป๊ะได้ ว่าแฟนหนูก็มีเสี่ยเลี้ยงเหมือนกัน ตอนนี้แฟนหนูเขารับเงินก้อนจากเสี่ยฝั่งนู้นมาแล้ว

หนูมีแฟนเป็นผู้หญิง คบกันได้เกือบปีแล้ว แต่หนูมีความลับที่ไม่ได้บอกเขา ว่าหนูมีเสี่ยเลี้ยง หนูทำงานเป็นเด็กเอ็นปรากฎว่าไม่นานมานี้ เพิ่งจับโป๊ะได้ ว่าแฟนหนูก็มีเสี่ยเลี้ยงเหมือนกัน ตอนนี้แฟนหนูเขารับเงินก้อนจากเสี่ยฝั่งนู้นมาแล้วเสี่ยเสนอให้ทดลองอยู่กัน 2 เดือนก่อน ถ้าไปต่อได้ จะเพิ่มเป็น 5 เดือน แฟนหนูเขาย้ายออกไปจากหนูแล้ว5 เดือนต่อจากนี้ หนูควรจะรอเขาไหม? หรือ หนูควรหาคนใหม่คุยไปเลย ... “คุณเรย์ (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [4 มิ.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาความรักเพศเดียวกัน แต่ดันทำอาชีพเด็กเอนเหมือนกัน โดย “คุณเรย์ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูกับแฟนคบกันมาประมาณ 11 เดือน ที่ผ่านมาเราอยู่ด้วยกันมาตลอด อยู่กินด้วยกันที่บ้าน แต่หลัง ๆ เริ่มขอดูโทรศัพท์ของกันและกัน ก็เลยจับโป๊ะเรื่องที่ปิดบังกันได้ว่า ต่างคนต่างทำอาชีพเหมือนกันก็คือเขาเป็นเด็กเอน หนูก็เป็นเด็กเอนเหมือนกัน แล้วก็มีเสี่ยเลี้ยงกันทั้งคู่เลย เขาเป็นฝ่ายจับได้ก่อนแต่ปิดบังมาตลอด เขาพยายามรับให้ได้ เพราะไม่อยากเสียเราไป แต่พอหนูมารู้ความจริงของเขาทีหลังหนูเลือกที่จะถามไปตรง ๆ ว่า ไปเจอมาจากไหน? ทำไมถึงทำแบบนี้? ที่ถามออกไปแบบนี้ เพราะหนูไม่คิดว่าเขาจะทำงานแบบนี้ ฐานะที่บ้านเขาดีมาก ๆ แตกต่างกับหนูที่ทำเพื่อความจำเป็น แต่เขาก็พูดกับหนูตรง ๆ ว่าเงินไม่พอใช้สำหรับเขา ถึงจะมีมากแค่ไหนก็อยากจะใช้ฟุ่มเฟือย หลังจากนั้นเราก็พยายามปรับความเข้าใจกัน ซึ่งบอกว่าหนูทำเพราะจำเป็นนะ เขาก็บอกเขาทำเพราะอยากใช้เงินฟุ่มเฟือยและหนูไม่สามารถดูแลเขาได้ในตรงนี้ ก็เลยต้องยอมรับในส่วนนี้ด้วย เราก็เหมือนฝืนกันทั้งคู่ จนหลัง ๆ ทะเลาะกันบ่อยขึ้นในเรื่องงาน เริ่มฝืนไม่ได้แล้ว จนวันหนึ่งเราออกไปทำงานกันทั้งคู่ แต่เขากลับมาที่ห้องก่อน แล้วโทรให้เรารีบกลับได้ไหม มีเรื่องจะคุยด้วย แต่พอเรากลับมาเขาก็หลับไปแล้ว ตื่นเช้ามาแฟนพิมพ์แชทมาบอกว่า เขาจำเป็นต้องไปอยู่กับคนที่จะรับเลี้ยงดูแลวันนี้เลย ต้องเก็บของเลย ขอลองไปอยู่สัก 2 อาทิตย์ก่อน ถ้าเขาอึดอัดเขาจะรีบกลับมา ตอนนี้เขาไปอยู่ที่นั่น 4 วันแล้ว ซึ่งการไปอยู่กับเสี่ยคนนั้นเขาต้องแลกด้วยอิสระ เวลาจะไปไหนมาไหนต้องพาเสี่ยคนนี้ไปด้วยตลอดเวลา จะออกไปไหนก็ยากมาก ๆ และที่สำคัญห้ามมีแฟน ซึ่งเขาตัดสินใจไวมากแค่ภายในคืนเดียว เพราะเสี่ยบอกไว้ว่า อยากได้อะไรสามารถให้ได้ทุกอย่าง มีความฝันอะไร อยากเรียนพิเศษอะไร อยากไปไหน อยากดูแลตัวเองมากขึ้น เสี่ยสามารถให้ได้หมดเลย ณ ตอนนั้นหนูไม่คิดว่าเขาจะไปจริง ๆ เพราะเราไม่ได้ร่ำลากันเลย จนวันนี้เราเลิกกันแล้ว แต่หนูก็ยังอยู่ในห้องเดิมของเรา 2 คน ตอนแรกเขาบอกจะไปแค่ 2 สัปดาห์ แต่หลังจากเสี่ยให้ไปตรวจโรค ถ้าพบว่าปกติ ก็ต้องอยู่ต่ออีก 5 เดือนเพราะรับเงินไปแล้วก้อนนึง เขาไปดินเนอร์กับเพื่อนก็มีเสี่ยไปด้วย แล้วหนูก็สงสัยทำไมเขาไม่บอกว่าหนูเป็นเพื่อน แล้วให้หนูไปเจอ ทำไมหนูไปหาเขาไม่ได้ เขาก็บอกว่า เขากลัวหนูเจ็บที่เห็นภาพแบบนั้น หนูไม่เคยเห็นหน้าเสี่ยแต่เขาบอกว่าเสี่ยเป็นผู้มีอิทธิพล หนูเลยอยากถามพี่ๆดีเจว่า ทำยังไงดี? ใจนึงก็อยากเปิดโอกาสให้ตัวเองได้คุยกับคนอื่นบ้าง หรือหนูควรจะรอเขาแต่ในระหว่างที่รอก็คุยกับคนอื่นไปด้วย’ ทางด้าน “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาเป็นคนแรกว่า ‘มันขึ้นอยู่กับว่าเรย์อยากมูฟออนไหม ถ้าอยากมูฟออนก็ออกมาจากห้องนั้นซะ แต่ถ้าอยากรอคนที่เขาไม่เห็นคุณค่าในตัวเราแล้วไม่มูฟออน ก็อยู่ในห้องนี้ต่อไป แบกความเจ็บปวด หรือการรอคอยแบบนี้ไปเรื่อย ๆ มันเป็นสิ่งที่เรย์ต้องได้รับอยู่แล้ว เพราะเขาไปโดยที่ไม่เหลือคุณค่าให้เราเลย เรย์ก็ต้องอยู่อย่างไม่มีคุณค่าและรอต่อไป ซึ่ง ณ เวลานี้เรย์ก็เหมือนไม่มีใจจะมูฟออน ถึงจะเป็นแผลสดเรย์ก็ดูไม่ได้อยากจะรักษาด้วย ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะกลับมาหรือไม่กลับมา ถ้าเรย์เลือกที่จะรอ ก็อยู่กับความเจ็บปวดต่อไปจนกระทั่งถึงที่สุด แล้วบอกตัวเองว่าไม่ไหวแล้ว เรื่องนี้มันมีสองทางระหว่างเขากลับมากับเรย์ทนไม่ไหว ถ้าถามพี่ว่าทำยังไงได้ พี่บอกเลยว่าก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้เวลามันผ่านไปและถามตัวเองบ่อย ๆ ว่ารู้สึกแบบไหนแล้ว ’ ต่อด้วย “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเรย์จะอยู่วงการนี้ต้องจิตแข็งกว่านี้ เรย์ดูอ่อนต่อโลกใบนี้เกินอาชีพที่ทำอยู่เยอะเลย มากกว่าความสัมพันธ์ที่ลงไปเล่น มากกว่าเงื่อนไขที่เจอมากมาย เรย์มองตัวเองด้านเดียว เรย์ไม่มองด้านอื่นเลย พี่ว่าอันตราย เรื่องราวที่เล่าก็ดูประหลาด ๆ ไม่สมเหตุสมผล ตรรกะของตัวละคร ถ้าเขียนบทก็คงไม่กล้า ซึ่งถ้าพูดถึงแค่ประเด็นที่เขารีบเก็บของออกไปไม่ถึง 24 ชั่วโมงที่เขากลับมา มันเป็นการที่เขาตัดเราไปง่าย ๆ โดยไม่ต้องคิดหน้าคิดหลังเลย สำหรับพี่เท่านี้ก็เพียงพอแล้วกับการที่ไม่ต้องรอคนนี้ รอทำไม ความจริงเดียวคือเขาทิ้งเราไป จบ’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเพียงเพราะเหตุผลที่เขาบอกว่าเขาต้องการใช้ชีวิตที่ฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่ายแล้วต้องเอาอิสระของชีวิตไปอยู่กับผู้ชายเพื่อแลกกับเงิน ถ้าเป็นพี่ พี่ไม่เอาคนนี้มาเป็นคู่ชีวิต เพราะเขากลวงเหลือเกิน สำหรับพี่พอแล้ว เรย์ก็คิดเอาว่าจะเอาคนนี้มาเป็นคู่ชีวิตเพื่ออะไร แต่ถ้าจะรอก็แล้วแต่เรย์เลย’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูหมั้นกับแฟน มั่นใจในรักครั้งนี้ ก็ตัดสินใจท้องกับแฟน แต่เพิ่งรู้ว่ามีผู้หญิงอีกคนก็ท้องกับแฟนหนูเหมือนกัน พอถามแฟน แฟนบอกว่าถ้าจะต้องเลือกคนใดคนนึง ขอเลือกตัวเองดีกว่า หนูจะทำยังไงต่อไปดีคะ?

13 ก.ย. 2024

หนูหมั้นกับแฟน มั่นใจในรักครั้งนี้ ก็ตัดสินใจท้องกับแฟน แต่เพิ่งรู้ว่ามีผู้หญิงอีกคนก็ท้องกับแฟนหนูเหมือนกัน พอถามแฟน แฟนบอกว่าถ้าจะต้องเลือกคนใดคนนึง ขอเลือกตัวเองดีกว่า หนูจะทำยังไงต่อไปดีคะ?

“คุณตาล (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (11 ก.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาหมั้นกับแฟนเลยปล่อยท้อง แต่จับได้ว่าแฟนไปทำผู้หญิงคนอื่นท้องเหมือนกัน โดย “คุณตาล (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนมาเกือบ 3 ปี เขาดีกับหนูทุกอย่างจนทำให้หนูไว้ใจเขา และช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเขาบอกหนูว่า เขาอยากมีลูก ด้วยความที่พวกเรามีแพลนที่จะหมั้นกัน หนูจึงตัดสินใจว่า ถ้าอยากมีหนูก็จะมีให้ พอผ่านมาไม่กี่เดือน ก็รู้ว่าตัวเองท้องตามที่อยากได้ เราดีใจมากบอกพ่อแม่เขา แล้วก็พาหนูไปฝากครรภ์ พอหลังจากนั้นประมาณ 2 - 3 วัน ก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง แอดเฟซบุ๊กหนูมา หนูจึงเข้าไปดูด้วยความสงสัยว่าเป็นใคร ทำไมถึงแอดมา พอเข้าไปดูสตอรี่ที่เขาตั้งเอาไว้ ก็ได้เห็นว่าเขาอยู่กับแฟนเรา ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยมาๆ เป็น 10 อัน หนูจึงไปถามแฟนว่า “คนนี้คือใคร ทำไมถึงอยู่ด้วยกัน” แฟนหนูก็ยอมรับแต่โดยดีว่า “เขาคุยกับผู้หญิงคนนี้อยู่” หนูทั้งโกรธ และตกใจ คือเขามีคนอื่นก่อนหนูท้องอยู่แล้ว แต่ที่ให้หนูตั้งท้องเพราะเขารู้ว่า ถ้าหนูท้องแล้วจับได้ว่าเขามีคนอื่น หนูก็ต้องให้อภัยเขาอยู่แล้ว หลังจากนั้นหนูก็คุยกับเขา หนูก็ให้โอกาสเขาปรับปรุงตัว แล้วก็เลิกกับผู้หญิงคนนั้น พอหลังจากนั้น 3 - 4 เดือน หนูเข้าไปส่องเฟซของผู้หญิงคนนั้น ก็เห็นว่าเขาโพสต์ว่าเขาท้อง หนูก็สงสัยว่าเขาท้องกับใคร ก็เลยไปถามแฟน ตอนแรกแฟนไม่ยอมรับ พอหนูเค้นถามไปเรื่อย จนเขายอมรับว่า “เขากำลังไปคุยกัน เพราะผู้หญิงคนนั้นขู่ว่า ถ้าแฟนของหนูไม่กลับไปคบกับเขา เขาจะฆ่าตัวตาย” แฟนหนูเลยยอมกลับไปคบกับผู้หญิงคนนั้น ซึ่งผู้หญิงคนนั้นที่ท้อง ก็ท้องกับแฟนหนู ตอนนี้ท้องประมาณ 2 - 3 เดือน หลังจากนั้น แฟนก็มาขอโอกาสหนู เขาบอกว่า “ถ้าให้เลือก เขาเลือกหนู เขาตัดขาดกับผู้หญิงคนนั้นได้ แต่เขาตัดขาดจากลูกไม่ได้” ซึ่งหนูเลยบอกว่า “ถ้าให้อยู่แบบนั้น หนูไม่โอเค” แล้วคำตอบที่ได้มาจากเขาคือ “งั้นขอไม่เลือกใคร จะอยู่คนเดียวเอง” ตอนนี้คือพ่อแม่ของหนูอยากให้หนูกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด หนูคิดว่าจะกลับบ้าน แล้วหนูก็คิดว่า ต่อให้กลับไปคืนดีกับเขาก็คงทำไม่ได้ เพราะหนูหมดความเชื่อใจเขาไปหมดแล้ว หนูอยากถามพี่ๆดีเจว่า หนูควรมูฟออนจากตรงนี้ยังไงดีคะ?’ เริ่มจาก “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ในภาวะของคนเป็นแม่จะมีฮาร์โมนอะไรบางอย่างที่ฟุ้งซ่าน และเป็นความกังวล พอเป็นลูกคนแรกตาลอาจจะคิดว่า เวลานี้เราไม่ควรอยู่คนเดียว แต่ในการที่พี่ได้คุยกับตาล ตาลเป็นคนที่เข้มแข็งมาก ค่อนข้างแน่วแน่ ซึ่งตอนนี้เหมือนตาลได้ตัดแฟนที่เป็นเนื้อร้ายอออกไปได้ 1 ก้อนแล้ว ทีนี้เราต้องอยู่กับสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะเกิดซึ่งคือลูกของเรา พี่อยากให้ตาลมีความสุขและสนุกกับสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะเกิดมา ให้มีความสุขกับการรอคอยว่าเมื่อไหร่เขาจะเกิด ตัดไปเลยว่าการมีความสุขไม่ต้องมีผู้ชายคนนั้น ยิ่งตัดผู้ชายคนนั้นออกไปได้เท่าไหร่จะยิ่งดี ความสุขของตาลจะหดหายก็ต่อเมื่อตัดเขาไม่ขาด เขาจะวุ่นวายจนทำให้ตาลรู้สึกลังเล ในมุมของพี่ พี่อยากให้ตาลกลับไปอยู่กับที่บ้านกับพ่อแม่ แล้วรู้สึกว่า ”เราไม่ได้อยู่คนเดียวนะ ตอนนี้เราอยู่กับคนที่รักเราทั้งหมดเลย คนที่ไม่รักเรา คนที่เห็นแก่ตัว คนที่พูดจาโกหกใส่เรา มันออกไปแล้ว” แล้วถ้าระหว่างนี้ตาลรู้สึกว่าเหงา ฟุ้งซ่าน หรืออยู่คนเดียว ตาล Direct มาหาพี่เลย เดี๋ยวพี่จะเป็นเพื่อนคุยกับตาล ทำยังไงก็ได้พี่หอมไม่อยากให้ตาลกลับไป พี่อยากให้ตาลมีความสุข อีกไม่กี่เดือนน้องจะเกิดมาแล้ว ”เราจะซื้อของอะไรไว้ดี เราจะสอนอะไรเขาดี” อย่าให้ใครมาทำลายความสุขเรา คนที่เขามาเพื่อทำร้ายเรามันจะออกไปแล้ว อดทนอีกนิดนึง เมื่อไหร่ที่มันออกไป วันนั้นจะไม่มีอะไรกวนใจตาลได้เลย’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘วิธีที่ตาลจะมูฟออนคือโฟกัสกับตัวเองและลูกเลย หลังจากที่เราโชคร้ายเจอคนที่ไม่ดีคนนี้ จากนี้ไปมีจะดีขึ้นเรื่อยๆ ตาลจะตั้งใจเลี้ยงลูกโดยมีคุณตาคุณยายช่วยเลี้ยงเขามาให้ดีที่สุด แล้วลูกก็จะออกมาเป็นคนดีที่ไม่ทำตัวเหมือนพ่อ ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีที่คุณพ่อคุณแม่เข้าใจ และพร้อมรับให้ตาลกลับบ้านเสมอ กลับไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่เริ่มใหม่ ดูแลตัวเอง อีก 3 เดือนก็จะได้เจอเขาแล้ว ถ้าเป็นพี่พี่จะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุด ให้เขาไม่ทำผู้หญิงคนไหนเสียใจ เขาจะไม่มีวันทำแบบนี้กับสิ่งที่พ่อทำกับแม่เขา เอาให้พ่อในอนาคตมาเห็น มันละอายใจตัวเอง เราต้องยืนอย่างสง่า กับลูก กับตา กับยาย’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ให้ความคิดเห็นต่อว่า “ผู้ชายคนไหนที่ทำร้ายภรรยาในขณะที่ท้องอยู่ ไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจ พี่ให้เป็น 1 ในเคสที่ไม่น่าคบหามากที่สุด พี่ว่ามันเกิดกว่าจะให้โอกาส ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะให้โอกาส หรืออยู่กับเขาต่อ แถวเขายังหลอกให้ตาลท้องอีก ใจร้ายมาก เห็นด้วยกับพี่หอมเลยว่า การเปลี่ยนสภาพแวดล้อม เปลี่ยนบรรยากาศ กลับไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่น่าจะดีที่สุด อย่างน้อยยังมีคนที่ช่วยเลี้ยงน้อง แล้วอยากให้ตาลรู้เสมอว่า ด้วยฮอร์โมนจากการคลอด ไม่ว่าจะเศร้าอยู่ หรือปกติ ก็มีโอกาศที่จะเป็นซึมเศร้าหลังคลอด แต่ให้คิดว่า ถ้ามีผู้ชายคนนี้อยู่อาจจะหนักกว่านี้ก็ได้ พี่คิดว่าตาลเป็นคนฉลาด และรู้ว่าควรเลือกสิ่งไหนให้ตัวเองและลูก แล้ววันนี้ตาลได้เลือกแล้ว ด้วยความมั่นใจและเด็ดขาดในการตัดสินใจครั้งนี้ ขอเป็นคนที่สนับสนุนการตัดสินใจครั้งนี้ของตาล หลังจากนั้นไม่ต้องกังวลอะไรมาก แม่เลี้ยงเดี่ยวเก่งๆมีเยอะมากมากในวยุค จงเชื่อว่าเราได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราและลูกแล้วในวันนี้ คนบางคนไม่มีดีกว่ามี และดูแลสุขภาพให้ดีนอนให้ดี กินให้ดี รู้สึกอุ่นใจที่ตาลตัดสินใจแบบนี้นะ ตาลเด็ดเดี่ยวมาก พวกพี่ขอส่งกำลังใจให้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1