พี่ๆคะ หนูจะทำยังไงต่อไปดี... คุณแม่เหลือเวลาอยู่กับหนูแค่ 6 เดือน ก่อนหน้านี้คุณแม่แอบไปหาหมอเองโดยไม่บอกใครเลย เพิ่งมาบอกหนูว่าเป็น "มะเร็งไขสันหลัง" ระยะที่ 3 ตอนนี้หนูกลัวและเสียใจที่สุดเลยค่ะ

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

พี่ๆคะ หนูจะทำยังไงต่อไปดี... คุณแม่เหลือเวลาอยู่กับหนูแค่ 6 เดือน ก่อนหน้านี้คุณแม่แอบไปหาหมอเองโดยไม่บอกใครเลย เพิ่งมาบอกหนูว่าเป็น "มะเร็งไขสันหลัง" ระยะที่ 3 ตอนนี้หนูกลัวและเสียใจที่สุดเลยค่ะ

22 ม.ค. 2024

            “คุณเอ (นามสมมติ)” อายุ 21 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (17 มค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล – ดีเจเผือก เกี่ยวกับปัญหาที่พึ่งรู้ว่าคุณแม่เป็นมะเร็ง ซึ่งเหลือเวลาอีกแค่ 6 เดือน

          โดย ​“คุณเอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘คุณแม่อายุประมาณ 53 ปี เป็นมะเร็งระยะที่ 3 ที่ไขสันหลัง ซึ่งอาการตอนนี้กำลังลุกลามไปยังจุดอื่น ๆ คุณแม่รู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งแต่ไม่ได้บอกคนในครอบครัว และแอบไปรักษาคนเดียว คุณแม่มีลูก 2 คน หนูอายุ 21 ปี ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ และพี่ชายอายุ 25 ปี ทำงานฟรีแลนซ์ ได้คุยกับพี่ชายพี่ก็ทำใจไม่ได้เหมือนกัน คุณพ่อก็อยู่บ้านเดียวกันแต่ไม่ได้อะไรกับคุณแม่แล้ว แค่ทำหน้าที่พ่อและแม่เฉย ๆ หลังจากที่พ่อรู้ว่าแม่เป็นมะเร็งก็ช็อคเหมือนกัน เขาไม่ได้รักกันแล้ว แต่ก็ยังมีความผูกพันอยู่ ตอนนี้คุณแม่ไม่ได้นอนที่โรงพยาบาลแต่ต้องไปฉีดมุ่งเป้า (คือการฉีดเฉพาะจุด) อยู่เรื่อย ๆ

            ตอนนี้คุณแม่ก็ใช้ชีวิตได้ปกติ แต่จะปวดตามกระดูก ตามข้อ ซึ่งวันที่คุณแม่มาบอก ตอนนั้นอยู่ ๆ เขาก็พูดว่า แม่เป็นมะเร็งระยะที่สาม แล้วที่เขาบอกว่าอยู่ได้อีก 6 เดือนคือมันห่างจากตอนนั้นแค่ 3 เดือน หนูรู้สึกว่ามันเร็วมาก และช่วงนี้เขาชอบพูดเกี่ยวกับเรื่องเขาตายบ่อย ๆ มันก็ยิ่งทำให้หนูเครียด คุณแม่ก็เครียดมากเพราะเป็นห่วงว่าถ้าเกิดเขาไปแล้วจะอยู่กันยังไง...?

          ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘วันนี้คงเป็นการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน สถานการณ์นี้เป็นสถานการณ์ยากลำบาก คือสถานการณ์ของการสูญเสีย แต่ต้องยอมรับว่าไม่ว่าใครทุกคนบนโลก เขาก็ไม่สามารถอยู่กับเราไปได้ตลอด ทีนี้เรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเรื่องที่บ้านยังไม่ทันเตรียมตัว แล้วพี่ก็ไม่อยากให้คุณแม่เครียด ณ วันนี้ถ้าทุกคนที่บ้านเครียด ตัวคุณแม่เครียด มันก็จะทำให้ช่วงระยะเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ความสุขมันก็ลดน้อยลงไปอีก

            เราอาจจะต้องเติมพลังบวกให้กันและกัน เหมือนกับก่อนหน้านี้เคยมีข่าวคุณหมอคนหนึ่งที่เป็นมะเร็ง เค้าเองก็รู้ว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน เค้าก็เหมือนเติมพลังบวกให้กับตัวเอง ในการคิดว่ามันจะเป็นการออกเดินทางครั้งใหม่นะ เราอาจจะช่วยคุณแม่ ถ้าคุณแม่เป็นห่วงเรา เราอาจจะต้องทำตัวให้เราดูแข็งแกร่ง เป็นคนเก่ง แม่ไม่ต้องกังวลเลย เสาร์-อาทิตย์นี้อยากทำอะไรก็ทำด้วยกัน ให้รู้สึกว่าวันทุกวันเราสร้างความสุขแบ่งปันความสุขในทุก ๆ วันที่เราเจอกัน และก็เป็นกำลังใจให้กับเอและพี่ชายแล้วก็ครอบครัวทุกคนเลย

         ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าช่วงเวลามันมีแค่ 6 เดือนตามที่คุณหมอบอก ซึ่งจริง ๆ มันมีปาฏิหาริย์เยอะแยะมากมายว่าถ้ากำลังใจของคนไข้ดี บางทีมันอาจยาวนานกว่านั้น แต่ถ้า 6 เดือนตามนั้นจริง ๆ พี่ก็แค่อยากบอกน้องเอว่า อยากให้ใช้เวลากับท่านให้คุ้มค่าที่สุดเท่าที่เวลามันเดินถอยหลัง ถ้าท่านอยากทำอะไรโดยที่มันไม่ไปขัดขวางการรักษา พี่อยากให้น้องเอใช้เวลาตรงนี้ให้เต็มที่ แล้วก็สิ่งหนึ่งที่พี่ฟังเหมือนท่านยังเป็นห่วง พี่อยากให้น้องเอทำเพื่อให้ท่านได้รู้ว่าถ้าไม่มีท่านอยู่จริง ๆ หนูกับพี่ชายจะอยู่กันได้ดี เพื่อที่ท่านจะไปอย่างไม่มีห่วงอะไร แต่ถ้าน้องเอทำให้ท่านรู้สึกเป็นห่วงด้วยการเสียใจ ไม่มีกำลังใจที่จะทำให้ท่านเห็นรอยยิ้ม พี่ว่าอันนี้ท่านจะยิ่งเป็นห่วง

            พี่รู้สึกว่าสิ่งหนึ่งที่บางทีคนที่ป่วยเขาไม่อยากเห็น คือคนรอบข้างเป็นทุกข์เพราะมันจะยิ่งทำให้เขาเป็นทุกข์ มันอาจจะต้องฝืน หนูอาจจะร้องไห้ในห้องได้หรือคุยกับพี่แล้วเศร้าใจได้ แต่เวลาอยู่กับท่านอยากให้ส่งพลังบวกให้กันและกัน เพราะเรื่องกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับคนป่วย ถ้าทำได้อยากให้เป็นแบบนี้ เพราะท้ายที่สุดท่านจะได้รู้สึกว่าเราอยู่กันได้และมีชีวิตต่อไปได้อย่างดี เขาจะได้ไม่เป็นห่วงเรามาก

            อย่างสุดท้ายพี่ฝากไว้ละกันเผื่อถ้าเวลามันมาถึง บางทีคนที่ป่วยเป็นโรคแบบนี้ เวลาเชื้อมะเร็งกัดกินแล้วไม่รู้สึกอะไร ถ้าคุณหมอบอกว่าในอีกไม่กี่วันเขาจะไม่รับรู้แล้ว อยากให้น้องเอและคนในครอบครัวไปคุยกับเขาเป็นวาระสุดท้าย เพราะ ณ ตอนนั้นมันเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามาก สำหรับผู้ป่วยก่อนที่เขาจะไม่รู้ตัวและสื่อสารอะไรไม่ได้อีกแล้ว อันนี้พี่พูดในกรณีที่ถ้าเวลานั้นมาถึงจริง ๆ เหมือนเราเตรียมให้เขาไปอย่างสงบ เคลียร์ทุกอย่างบอกเขาว่าไม่ต้องห่วง หนูกับพี่กับพ่อจะอยู่กันอย่างมีความสุข แล้วเราจะคิดถึงเค้าด้วยรอยยิ้มทุกครั้งเมื่อที่เค้าจากไปแล้ว ขอเป็นกำลังใจให้น้องเอนะ

          สุดท้าย “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘จริง ๆ จะไม่พูดถึงว่าเวลาเหลืออีกเท่าไหร่ มันก็เป็นการประมาณการ สำหรับพี่ไม่อยากให้เอามาเป็นประเด็นเท่าไหร่ การที่เราเกิดมาเรารู้ว่ามันต้องมีอายุขัย สิ่งในชีวิตทุกอย่างบนโลกใบนี้มันมีอายุขัยของมัน ณ วันที่เราเกิด เราก็มาพร้อมกับแพ็กเกจคำว่าตายอยู่แล้ว มันอยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วแต่ไม่มีใครอยู่ได้ จริง ๆ มันเป็นสัจธรรมมากเลยเนาะ แต่ว่ามันก็ยากในวัย 21 ปีที่เราจะเข้าใจว่าไม่ว่าช้าหรือเร็วมันก็ต้องจากกันอยู่ดี ทีนี้ความรู้สึกกะทันหันของเอ ถ้าได้คุยกับคนอื่นที่ประสบเหตุกันคนละอย่างกับที่เอเจอ ในหลาย ๆ สายที่เค้าโทรมาว่าคนที่เขารักประสบอุบัติเหตุกะทันหันชนิดที่ว่าเราไม่ได้แม้แต่จะบอกลา ถ้าเค้าเลือกได้บางทีเค้าอาจจะอยากให้เค้ามีเวลาบ้างอย่างที่เอมี อันนี้พี่เปรียบเทียบให้ดูว่าในความที่เราคิดว่าเรากำลังเจอเรื่องราวที่เลวร้าย

            อย่างน้อยเรายังมีโอกาสทำให้ในทุก ๆ วันที่มันยังมีอยู่ด้วยกัน ย้อนไปในวัย 21 ปี พี่ก็เสียคุณแม่ไปตอนปี 2 ก็ ณ วันนั้นเรายังเป็นวัยรุ่นที่ยังไม่ได้เป็นพ่อคน เรายังไม่เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่มีต่อลูกมากพอ เรายังไม่ได้แสดงออก เรายังไม่ใช้โอกาสสุดท้ายในการบอกอะไรที่บางทีเรายังไม่ได้บอก เราก็แค่เขิน ไม่กล้าพูดอย่างที่เติ้ลบอก เพราะเราคิดว่ายังมีเวลา จนเมื่อเค้าไม่รู้ตัว เราถึงรู้ว่าคงไม่ได้บอกแล้ว

            ซึ่งถ้าเอได้ฟังอยู่ตอนนี้ก็คือ พี่ก็อยากให้เอมีโอกาสที่จะได้บอก บางครั้งเราแค่ไม่กล้าพูดว่ารัก เพราะว่าเราเป็นเด็กวัยรุ่นหรือเขิน ไม่กล้าพูด หรือคำพูดอื่น ๆ ที่เรายังไม่เคยบอก เพราะฉะนั้น ณ วันนี้ เอก็ยังมีเวลาที่จะทำให้ทุกวันที่ยังมีเค้าอยู่มันไม่มีอะไรติดค้าง ซึ่งสุดท้ายไม่ได้แปลว่าเราจะไม่เศร้าหรอก ทุกคนก็เศร้าทั้งนั้น วันสุดท้ายของมนุษย์มันเป็นสิ่งที่ประหลาดนะทุกคนต้องเจอ แต่เรามักจะถือสาว่าเราไม่ควรพูด เพราะมันเท่ากับแช่ง แต่ในความเป็นจริงถ้าเราได้พิจารณามันบ้าง ลองนึกดูบ้างว่าถ้าวันหนึ่งเราไม่มีคนที่อยู่ข้าง ๆ มันจะเป็นยังไง อย่างน้อย ๆ ในวันนั้นเหมือนเราได้ซ้อมรับแรงกระแทกไว้แล้วบ้าง ซึ่งวันนี้เอมีโอกาสละพี่ว่าอยากให้ใช้โอกาสที่เรามีอยู่ตอนนี้บอกหรือคุยกับเค้าไม่ให้มันมีอะไรติดค้าง’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ชอบเจอคนบังคับให้ดื่ม แล้วพูดว่า "ดื่มหน่อยน้อง บรรยากาศจะได้สนุก" แต่เราโดนบังคับแบบนี้ไม่สนุกเลย บางทีไม่เมาก็จอยได้ ทำไงดีไม่ชอบคนแบบนี้เลย

10 พ.ย. 2023

ชอบเจอคนบังคับให้ดื่ม แล้วพูดว่า "ดื่มหน่อยน้อง บรรยากาศจะได้สนุก" แต่เราโดนบังคับแบบนี้ไม่สนุกเลย บางทีไม่เมาก็จอยได้ ทำไงดีไม่ชอบคนแบบนี้เลย

“คุณมิน (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (8 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับเรื่องของเพื่อนที่ชอบชวนให้ออกไปดื่ม แต่ด้วยส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ดื่มเลย กลายเป็นว่าอึดอัดเวลามีคนชวนไปสังสรรค์ โดย “คุณมิน (นามสมมติ)” ได้เริ่มเล่าว่า ‘ส่วนตัวเราเป็นคนที่ไม่ชอบสังสรรค์ และไม่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ด้วยหน้าที่การงานที่เราทำ ก็มักจะมีรุ่นพี่ในบริษัทชวนออกไปสังสรรค์อยู่บ่อยครั้ง หรือมีบางโอกาสที่ต้องไปร่วมเพราะบริษัทมีจัดเลี้ยงสังสรรค์ ด้วยความที่เราเป็นคนที่มีอายุน้อยที่สุดในงาน จึงมักจะเป็นจุดสนใจของทุกคน เพราะทุกครั้งที่เราปฎิเสธก็จะเป็นการไม่รักษาน้ำใจ เพราะเขาก็ชงมาให้เราแล้ว ถ้าไม่ดื่มแล้วใครจะดื่ม หลังจากที่เราทำงานอยู่ที่เก่าได้ประมาณปีกว่า ๆ ก็ย้ายบริษัทออกมาทำงานอีกที่หนึ่งแทน แต่ปัจจุบันก็ยังเจอเพื่อนหรือรุ่นพี่ที่รู้จัก เวลาชวนออกไปสังสรรค์ก็รู้ว่าไม่ชอบดื่ม แต่ทุกครั้งที่ไปก็มักจะบังคับให้ดื่มทุกครั้ง มันทำให้เรารู้สึกอึดอัดมาก และไม่อยากทำให้บรรยากาศเสีย เราจึงต้องยอมดื่ม ปัญหานี้มันเกิดขึ้นกับเรามาเรื่อย ๆ มันไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงานที่ชอบชวนดื่มอย่างเดียว สังคมรอบข้างที่สนิทก็มักจะบังคับให้ดื่มอยู่บ่อยเหมือนกัน วันนี้เลยอยากปรึกษาว่า ดีเจทั้งสามคน มีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับคนประเภทนี้ ที่ชอบมักจะชวนดื่มอยู่ตลอด พวกเขาต้องการอะไร? เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่กับแค่คนในริษัทอย่างเดียว แต่สังคมรอบข้างที่รู้จักก็มักจะบังคับให้ดื่มเหมือนกัน “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ส่วนตัวพี่เอง ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่ไม่สามารถปฎิเสธได้ เพราะก็มักจะปฎิเสธตลอด ตัวเองมีอาการแพ้เหล้า ดื่มไม่ได้ ร่างกายมันต่อต้าน และก็จะบอกไปเลยว่าไม่ชอบดื่ม และตั้งแต่ทำงานเป็นดีเจหรืองานในบริษัท ก็ไม่เห็นมีใครมาบังคับให้ดื่ม แต่ถ้ามีโอกาสไปร่วมงานสังสรรค์ เราก็สามารถเมาดิบได้ สามารถสนุกได้โดยที่ไม่ต้องดื่ม เพราะส่วนตัวพี่ไม่ได้เป็นคนที่ชอบสังสรรค์ เวลาที่ไปก็จะกลับเร็ว จึงแนะนำว่าถ้าจะให้อ้างเหตุผล ก็ควรจะอ้างเรื่องของสุภาพว่า แพ้แอลกอฮอล์ โรคตับ หมอบอกห้ามดื่ม วันก่อนที่ไปค่าตับขึ้น เดี๋ยวเต้นให้แล้วกัน อะไรก็ได้อ้างไป หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือไม่ต้องไปเลย ถ้าจะตกงานเพียงเพราะไม่ได้ดื่มก็หางานใหม่ เพราะในว่ารูปแบบงานบางงาน มันก็มีวัฒนธรรม หรือต้องไปดื่มจริง ๆ คนหมู่มากที่เขาทำงานก็ชอบสังสรรค์เป็นเรื่องปกติ ถามว่าคนหมู่น้อยอยู่ได้มั๊ย มันก็อยู่ได้แหละ แค่เรากล้าปฎิเสธหรือเปล่า หลักแน่นมากพอหรือเปล่า แต่ถ้าอยู่ไม่ได้ก็หางานใหม่ “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็อย่าไปยุ่งชีวิตเขา เขาจะเอาอะไรเข้าร่างของเขามันเป็นสิทธิ์ของเขา เพราะส่วนตัวพี่เองก็ไม่ได้เป็นคนที่ชอบดื่มเหมือนกัน ถึงแม้ในวงการบันเทิงมักจะมีการสังสรรค์อยู่บ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งก็จะปฎิเสธตลอด จึงแนะนำว่าให้กล้าปฎิเสธอย่างหนักแน่นว่าไม่ดื่ม สัญญากับแม่ว่าจะไม่ดื่ม พี่ชายเคยเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำตาย เราไปอยู่ในงานนั้นก็พอแล้ว เราสนุกกับงานได้โดยไม่ต้องกินเหล้า หรือว่าเลี่ยงการไปงานสังสรรค์ไปเลย ปิดจบกันที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เสนอไปเลย 3 ทางเลือกคือ 1. บอกไปว่าเป็นโรคตับ วันนั้นไปตรวจมา ปรากฏว่าตับอักเสบ ดื่มไม่ได้จริง ๆ ให้ยืนยันเสียงแข็งว่าดื่มไม่ได้ สักวันหนึ่งเขาคงรู้แหละว่าเราไม่ดื่ม 2. ถ้าไม่อยากอยากให้มันเสียบรรยากาศเราก็จิบ ๆ ได้ นั่งสักพักพอทุกคนเริ่มได้ที่แล้ว เราก็แอบหนีกลับบ้านไปเลย 3. ถ้าเราอยากอยู่ทั้งคืน ก็เนียน ๆ ไป เราก็ผสมโคล่าเพิ่มเข้าไป แก้วแรกอาจจะเป็นเหล้าปกติ แก้วต่อไปก็เป็นโคล่าไปอย่างเดียว จะได้ไม่เสียบรรยากาศ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

แต่งงานกับสามีต่างชาติ เขาบังคับให้หนูออกจากงาน อยู่บ้านกับเขา 24 ชั่วโมง เขาเริ่มควบคุมหลายๆอย่าง ห้ามเราทาครีม ให้เรากินข้าววันละ 1 มื้อ เจอเพื่อนได้เฉพาะวันสำคัญๆ ตอนนี้เราแยกทางกันเขาให้เงินมาก้อนนึง แล้วกลับประเทศไปแล้ว ยังไม่ทันได้หย่าเลย

10 ม.ค. 2025

แต่งงานกับสามีต่างชาติ เขาบังคับให้หนูออกจากงาน อยู่บ้านกับเขา 24 ชั่วโมง เขาเริ่มควบคุมหลายๆอย่าง ห้ามเราทาครีม ให้เรากินข้าววันละ 1 มื้อ เจอเพื่อนได้เฉพาะวันสำคัญๆ ตอนนี้เราแยกทางกันเขาให้เงินมาก้อนนึง แล้วกลับประเทศไปแล้ว ยังไม่ทันได้หย่าเลย

“คุณมิ้น (นามสมมติ)” อายุ 33 ปี สายแรกของ ปี 2025 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [8 มกราคม 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล -ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาชีวิตคู่กับสามี แล้วพฤติกรรมสามีเริ่มเปลี่ยนไป จนแอบน่ากลัว โดย “คุณมิ้น” (นามสมมติ) ได้เล่าว่า ‘แต่งงานกับสามีมา 3ปี แต่มีปัญหาพึ่งจะเลิกรากันไป แต่ก็ยังไม่เลิกขาด ต้องเกริ่นก่อนว่า สามีเราไม่ใช่คนไทย ก่อนแต่งงานเขาดีมาโดยตลอด แต่พอเราแต่งงานกัน เขาก็ขอให้เราออกจากงาน ไม่ต้องทำงาน มาอยู่ดูแลเขาแทน ซึ่งตอนนั้นเราก็มองว่าก็โอเค ดูแล้วเขาน่าจะดูแลเราได้ เราก็ออกจากงาน หลังจากที่เราแต่งงานกัน จนผ่านมาสักประมาณ 2ปีเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป เขาเริ่มที่จะควบคุมชีวิตเราเยอะเกิน และพฤติกรรมของเขาก็เริ่มแปลกจนไม่ปกติ เช่น เขาจะไม่ให้เราใช้ในกลิ่นที่เขาไม่ชอบ ทั้งครีมทาผิว และครีมอาบน้ำ แล้วก็หลังๆมาก็คือจะไม่ให้ใช้โลชั่นเลย เขาบอกว่าไม่ชอบเพราะกลิ่นและมันก็เหนียวเหนอะหนะ จนมันก็เริ่มหนักขึ้นถึงขนาดที่ ไม่ให้เรากินข้าวเลย ให้กินข้าวแค่วันละครั้ง เขาบอกว่ามันไม่มีทฤษฎีไหนที่บอกว่ามนุษย์ต้องกินข้าววันละ 3 มื้อเลย ซึ่งตอนนั้นเราก็รักเขา เราก็เลยลองอดทนดู แต่ก็มีในช่วงแรกที่หิวมาก เราก็โกหกเขาว่าไปร้านสะดวกซื้อ แต่จริงๆ คือแอบไปยืนกินขนม เพราะเวลาปกติเขาก็ไม่กินอะไรเลย เขาจะกินแค่มื้อเย็น และก็เขาเป็นคนแบบเฮลตี้ ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ อันนี้เราก็พอจะโอเค ก็ลองปรับให้เขาได้ แต่หลังๆมามันก็เริ่มที่จะหนักขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดว่าเข้าห้องน้ำห้ามปิดประตู เพราะเขาแค่ต้องการให้เขามองเห็นว่าเราอยู่ตรงนี้ และถ้าไม่ทำตามเขาก็จะเคาะประตูให้เราเปิด ต่อให้ถ่ายหนักเขาก็จะให้เปิดให้ได้ แต่พอช่วงที่มีปัญหาจนเราเริ่มคิดว่ามันไม่ไหวแล้ว คือตอนที่เขาเริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆแบบ พูดคนเดียว หรือ นั่งอยู่เฉยๆก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา และก็ยังมีตอนที่เขาเข้าไปในห้องน้ำ อาบน้ำ หรือทำอะไรเขาก็จะพูดคนเดียวเป็นเรื่องเป็นราวเลย ส่วนมากเขาจะพูดเรื่องชีวิตตัวเองอะไรแบบนั้น อีกอย่างหนูกับเขาก็อยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง เพราะเขาอยู่บ้าน เทรดพวกทองคำ เวลาที่เพื่อนหนูโทรเข้ามาถ้าคุยนานๆ เขาก็จะเริ่มหงุดหงิด เริ่มโมโห ต้องการให้ชีวิตหนูมีแค่เขาคนเดียว ไม่ว่าจะโทรคุยกับแม่ หรือไปเจอกับครอบครัวก็ไม่ยอมให้ไป แต่ก่อนแต่งงานเราก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ใช้การไป ๆ มา ๆ มากกว่า เพราะเขาก็ไม่ได้อยู่ไทยตลอด แต่สาเหตุที่ทำให้หนูแยกทางเพราะ เขาเริ่มมีความคิดไม่ค่อยเห็นอกเห็นใจคนอื่น และก็เริ่มมีพฤติกรรมที่น่ากลัว คือตอนนั้นเหมือนจะมีข่าวที่มีเด็กจมน้ำเสียชีวิต แล้วคุณแม่เขาร้องไห้ออกมา สามีที่นั่งดูอยู่มองดูแล้วก็หัวเราะ เขาบอกเหตุผลเพราะผู้หญิงร้องไห้เหมือนคนบ้า เขาเข้าใจข่าว เข้าใจภาษาไทย แต่หนูก็ไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไงอยู่? หนูเลยรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยเห็นอกเห็นใจคนอื่นเลย หนูก็เลยตัดสินใจเลิกไป แต่คือที่ติดอยู่ตอนนี้คือเรายังไม่ได้หย่ากัน แล้วตอนนี้เราก็ยังมองว่าเขาก็มีส่วนดีอยู่ หนูกลัวว่าเขาจะกลับมาในช่วงที่เราทำใจไม่ได้ หนูกลัวตัวเองกลับไปหาเขาอีกรอบ หนูอยากถามพี่ๆดีเจว่า หนูจะทำยังไงทำให้ตัวเองเข้มแข็ง ในวันที่ต้องเจอเขาอีกครั้ง ไม่ให้ตัวเองกลับไปหาเขา’ โดย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ให้เราลองมองดูสิ่งที่เราไม่โอเคกับนิสัยของเขาแล้วจดเอาไว้ พอในวันที่เราเจอเขาอีกครั้งให้เราหยิบขึ้นมา แล้วคิดว่าถ้าเรากลับไปเราจะยอมรับสิ่งเหล่านี้ได้ไหม? ถ้าเรารับไม่ได้ เราก็ต้องยอมรับความเป็นจริง’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘แค่การที่เขาบังคับไม่ให้เราทาครีมหรือการที่เขาให้กินข้าววันละมื้อ พี่ก็ไม่กลับไปแล้ว’ และสุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เท่าที่ฟังเหมือน เขาป่วย และ ก็เกี่ยวกับสารเคมีในสมอง สุดท้ายถ้าเรามั่นใจว่าไม่อยากกลับไป เราก็แค่หนักแน่นกับการตัดสินใจแค่นั้นเอง แล้วก็โฟกัสกับการใช้ชีวิตของเราเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สิ้นปีตั๋วกลับใต้แพงมาก เดินทางวิธีไหนก็ลำบาก แต่ประเด็นคือ รักแรกที่เราเคยแอบชอบมา 5 ปี ทักชวนเรากลับบ้านด้วยกันไหม ใจนึงก็อยาก แต่อีกใจนึงก็กลัวใจตัวเองจะหวั่นไหว เพราะเราทั้งคู่ต่างก็มีแฟนกันอยู่แล้ว ถ้าเป็นทุกคน จะตัดสินใจยังไงกันคะ ??

16 ธ.ค. 2024

สิ้นปีตั๋วกลับใต้แพงมาก เดินทางวิธีไหนก็ลำบาก แต่ประเด็นคือ รักแรกที่เราเคยแอบชอบมา 5 ปี ทักชวนเรากลับบ้านด้วยกันไหม ใจนึงก็อยาก แต่อีกใจนึงก็กลัวใจตัวเองจะหวั่นไหว เพราะเราทั้งคู่ต่างก็มีแฟนกันอยู่แล้ว ถ้าเป็นทุกคน จะตัดสินใจยังไงกันคะ ??

“คุณกุ๊บกิ๊บ (นามสมมติ)” อายุ 24 ปี สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคือวันพุธที่ [11 ธ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาปีใหม่นี้คนที่เราเคยแอบชอบ ทักมาชวนกลับบ้านด้วย โดย “คุณกุ๊บกิ๊บ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ปัญหาที่ตัวเองเจอคือ ‘เพื่อนที่เป็นรักแรกของหนูตอนม.2 ชวนกลับบ้านที่ต่างจังหวัดด้วยกัน’ แต่หนูไม่รู้ว่าต้องตัดสินใจไป หรือไม่ไปดี? เพราะว่าต่างคนก็ต่างมีแฟนกันอยู่แล้วทั้งคู่ ซึ่งตอนนี้หนูกับเขาอยู่โซนภาคกลางเหมือนกัน หนูอยู่กรุงเทพฯ แล้วเขาอยู่อีกจังหวัดนึง หนูกับเขาคุยกันผ่านแอปพลิเคชันนึง เขาก็บอกว่า ‘เอองั้นเธอก็กลับกับเราสิ’ ค่าเครื่องจะได้ไม่ต้องจ่ายเพราะช่วงปีใหม่มันแพง แล้วเราก็แบบใจฟูเนอะ ตั้งแต่ม.2 อ่ะ หนูชอบเขา แต่มันก็มีส่วนที่ตะขิดตะขวงใจอย่างนึงก็คือหนูก็มีแฟน เขาก็มีแฟน ถามว่าหนูอยากไปไหม? หนูก็อยากไปนะ หนูไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกับหนูไหม แต่เขาก็บอกคิดถึงหนูอยู่นะ ‘ตอนเด็ก ๆ เราจีบกันเลยค่ะ’ คือหนูชอบเขาแล้วก็มีการกุ๊กกิ๊กกันอยู่ตลอด 5 ปี ตั้งแต่ ม.2 จนถึงปี 1 แต่มันเป็นอดีตนะ คำถามที่อยากจะถามพี่ดีเจคือ ‘ควรไปกับเขาดีไหม?’ คือเราอยากกลับบ้าน อยากเจอแม่ด้วย ทางด้านดีเจทั้ง 3 ท่าน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” ให้ความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า ‘ไปกับใครก็ได้ แต่ไปกับเขาไม่ได้’ ที่เหลือไปหาทางกลับเอาเอง เพราะมีแฟนกันแล้ว ถ้าสมัยก่อนยังกลับบ้านเองได้อันนี้ กุ๊บกิ๊บกำลังจะหาเหตุ กำลังหาข้ออ้างที่จะไปกับกิ๊กเก่า ซึ่งแฟนเรามีอยู่แฟนเขาก็มีอยู่ “คุณกุ๊บกิ๊บ (นามสมมติ)” ทิ้งท้ายต่อว่า มันก็จะมีอีกคำถามนึงตอนแรกหนูก็พยามยื้อว่า เราไม่อยากไปเรากลัวแฟนเราด้วย แล้วก็กลัวแฟนเขาเสียใจด้วย แล้วเหมือนเขาก็ตัดพ้อกลับมาว่า ‘อะไรอะ เราแค่ไปเราเป็นเพื่อนกันนะ’ หนูเลยบอกว่า เราก็เกรงใจแฟนเธอนะ เธอก็มีแฟนอยู่แล้วถ้าแฟนเสียใจขึ้นมาทำยังไง? เขาก็บอกว่าแฟนเราไม่ได้งี่เง้าขนาดนั้นหรอก ทาง ‘ดีเจเติ้ล’ เลยให้คำปรึกมาว่าเนี่ยมันดูเหมือนอ่อยอ่ะ เหมือนอ่อยให้ไปเจอกันอ่ะ สุดท้ายนี้ทั้งสามดีเจ ได้ให้คำปรึกษาต่อว่า ‘ใจเราไม่บริสุทธ์ไปแล้ว เราคิดไปแล้ว ‘คนบางคนก็ไม่เหมาะเป็นเพื่อน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมรำคาญ! มีพี่ที่ทำงานคนนึง อายุ 52 เป็นรุ่นพ่อแล้ว แต่ยังแกล้งผม แกล้งรุ่นน้องผู้ชายในที่ทำงานเหมือนเด็ก เอาน้ำแข็งหยอดใส่หลัง ดึงกางเกงให้หลุด เดินเตะขาให้สะดุด กินข้าวก็เอามือมาปัดตะเกียบ หลังๆเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ

04 มี.ค. 2024

ผมรำคาญ! มีพี่ที่ทำงานคนนึง อายุ 52 เป็นรุ่นพ่อแล้ว แต่ยังแกล้งผม แกล้งรุ่นน้องผู้ชายในที่ทำงานเหมือนเด็ก เอาน้ำแข็งหยอดใส่หลัง ดึงกางเกงให้หลุด เดินเตะขาให้สะดุด กินข้าวก็เอามือมาปัดตะเกียบ หลังๆเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ

ผมรำคาญ! มีพี่ที่ทำงานคนนึง อายุ 52 เป็นรุ่นพ่อแล้วแต่ยังแกล้งผม แกล้งรุ่นน้องผู้ชายในที่ทำงานเหมือนเด็กเอาน้ำแข็งหยอดใส่หลัง ดึงกางเกงให้หลุด เดินเตะขาให้สะดุดกินข้าวก็เอามือมาปัดตะเกียบ หลังๆเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ เคยด่าอ้อมๆไปว่า“ถ้าผมด่าพี่ได้ ผมคงด่าไปแล้วครับว่า เป็น *** อะไร?” “คุณนัท (นามสมมติ)” อายุ 30 ปี เป็นสายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [28 ก.พ 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาเรื่องพี่ที่ทำงานชอบแกล้ง โดย “คุณนัท (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘พี่ที่ทำงานอายุ 50 ปี ชอบแกล้งเหมือนเด็ก ๆ เช่น ดึงกางเกง ดึงผม ดีดหนังยาง ดึงหู บางที่ผมกำลังกินข้าวก็เอามือมาปัดแขนผม เพื่อให้ข้าวหล่น เอาน้ำแข็งใส่เสื้อ สกัดขาผมให้ล้ม เอานิ้วแหย่ก้น เอาปากกาเมจิกมาขีดแขน ผมก็รำคาญ ซึ่งผมเป็นคนหุ่นหมี พี่เขาตัวเล็กและอายุเยอะกว่า ผมจึงแกล้งเอาคืนพี่เขาไม่ลง วันไหนที่ผมต้องทำงานกับพี่เขาจะโดนแกล้งประมาณ 20 ครั้งต่อวัน ซึ่งคนอื่นก็โดนแกล้ง แต่ก็จะตะคอกและด่าพี่เขากลับ ด้วยความที่พี่เขาอายุเยอะกว่าผม เลยมีความเกรงใจ ผมจึงไม่ค่อยด่า แต่ผมก็เคยบอกกับพี่เขาไปว่า “ผมรำคาญ” พี่เขาก็หัวเราะ เห็นว่าผมอารมณ์ไม่ดีก็จะหายไปซักพัก พอเห็นว่าผมอารมณ์ดีแล้วก็จะกลับมาแกล้งผมอีก ผมก็เคยด่าเขาแต่ด่าแบบอ้อม ๆ พี่เขาก็เหมือนไม่รู้ตัว บางทีผมก็มีแกล้งเล่นกันกับเพื่อนที่ทำงาน แกล้งกันไปแกล้งกันมา ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรเพื่อน แต่ถ้าพี่เขาแกล้งผมแล้วผมแกล้งพี่เขาคืน พี่เขาก็จะโกรธและงอนเหมือนเด็ก ทำฟึดฟัด ไม่พอใจ ผมก็ไม่ขอโทษเวลาที่พี่เขางอน เขาก็จะหายเอง แล้วก็จะกลับมาแกล้งผมอีก ตอนที่พี่เขาอยู่กับคนที่อายุใกล้ ๆ กันก็ปกติ แต่จะชอบแกล้งแค่คนที่อายุน้อยกว่า ผมไม่ได้โกรธพี่เขาแต่แค่รำคาญ บางทีก็โมโหเพราะดึงหัวครั้งแรก ครั้งที่สอง ผมก็ไม่ได้อะไร แต่พี่เขาดึงย้ำ ๆ บ่อยจนผมโมโห แล้วเขาก็จะหายไป พอผมอารมณ์ดีก็จะกลับมาอีก ผมก็สงสารพี่เขาเพราะพึ่งเข้ามาทำงาน ไม่ค่อยมีเพื่อน แต่บางทีก็ทำเกินไปจนผมโมโห มีครั้งหนึ่งผมอยากแกล้งพี่เขาคืน ก็มีการคุยกันประมาณว่า ผมให้พี่ดีดหนังยางใส่ผม 3 ครั้ง แล้วผมขอดีดพี่ครั้งเดียว แล้วพี่ห้ามโกรธ พี่เขาก็ตกลงแต่จะขอเป็นคนเริ่มก่อน พอพี่เขาดีดหนังยางใส่ผม 1 ครั้ง ก็บ่ายเบี่ยงว่ายังดีดไม่ครบ 3 ครั้งยังไม่ให้ผมดีดคืน ก็เลยอยากปรึกษาดีเจทั้ง 3 คนว่าผมควรทำยังไงให้พี่เขาหยุดแกล้งหรือจะเอาคืนพี่เขายังไงดี? ซึ่ง ดีเจทั้ง 3 คน ก็ให้คำปรึกษาว่า ‘พวกพี่ก็จะรีแอคให้เขารู้ไปเลยว่าที่โดนแกล้งอยู่มันไม่สนุก ซึ่งการกระทำของคุณนัทที่ทำทุกวันก็เหมือนเล่นกับพี่เขาไปด้วย แต่บางทีก็เกินไป ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเราก็สนุกกับการเล่นกับพี่เขาในบางวัน เวลาแกล้งกันก็แบบนี้ อาจมีเลยเถิดไปบ้าง แต่เท่าที่ดูคุณนัทก็มีความปราณีกับพี่เขาอยู่ อยากให้เล่นกับพี่เขาต่อไป ไม่ต้องไปโกรธพี่เขา วันที่สนุกก็สนุกด้วยกัน แต่ถ้าไม่เล่นก็ต้องไม่เล่นเลยตั้งแต่แรก และต้องพูดกับพี่เขาแบบจริงจังหรือพูดตรง ๆ ไปเลยว่า “ผมรำคาญและทำงานอยู่ ผมไม่ได้มีอารมณ์เล่นกับพี่ได้ทุกครั้งนะ แต่ถ้าพี่ยังแกล้งผม ต่อไปนี้ผมจะแกล้งคืนแล้วนะ พี่จะได้รู้ว่ามันรู้สึกยังไง” เตือนพี่เขาก่อน แต่ถ้าเขายังแกล้งอีกก็แกล้งเขาให้หนักกว่าที่พี่เขาแกล้งเรา ให้พี่เขารู้ว่าเขาต้องหยุด ถ้าเราแกล้งคืนแล้วพี่เขางอน ก็ให้คุณนัทแจ้งกับฝ่ายบุคคล...’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1