ผิดขนาดนั้นเลยหรอ... สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจ คบกันมา 7 ปี แต่สามีฟ้องหย่า เพราะหนูแค่ถามเขาว่า “มึงจะกลับไม่กลับ!” ต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน เขาให้เหตุผลว่า เราใช้คำพูดไม่สุภาพ รุนแรง แต่เขาก็เคยต่อยเบ้าตาเราแตก จนต้องเข้าโรงพยาบาล...

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผิดขนาดนั้นเลยหรอ... สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจ คบกันมา 7 ปี แต่สามีฟ้องหย่า เพราะหนูแค่ถามเขาว่า “มึงจะกลับไม่กลับ!” ต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน เขาให้เหตุผลว่า เราใช้คำพูดไม่สุภาพ รุนแรง แต่เขาก็เคยต่อยเบ้าตาเราแตก จนต้องเข้าโรงพยาบาล...

12 มิ.ย. 2023

            ผิดขนาดนั้นเลยหรอ... สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจ คบกันมา 7 ปี แต่สามีฟ้องหย่า เพราะหนูแค่ถามเขาว่า “มึงจะกลับไม่กลับ!” ต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน เขาให้เหตุผลว่า เราใช้คำพูดไม่สุภาพ รุนแรง แต่เขาก็เคยต่อยเบ้าตาเราแตก จนต้องเข้าโรงพยาบาล หนูไม่อยากหย่าเพราะยังรู้สึกผูกพันและรักมาก ทำยังไงดีคะ?

             “คุณมิว (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [7 มิ.ย. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจปุ๊กกี้ ปวีณ์นุช เกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์กับสามี

            โดย “คุณมิว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูกับสามีอยู่ด้วยกันมาเข้าปีที่ 7  เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนของปีที่ผ่านมา หนูกับแฟนตกงานกันทั้งคู่ ทีนี้มันมีผู้หญิงคนหนึ่งและสามีของเขาที่รู้จักกับครอบครัวหนูมาประมาณ 10 ปี เขามาชวนหนูไปทำงานที่ร้านอาหารของเขา หนูก็เลยพาแฟนเข้าไปทำด้วยในตำแหน่งพนักงานทั่วไป ซึ่งแฟนหนูก็เพิ่งรู้จักกับพี่คนนี้จากการที่หนูพาแฟนเข้าไปทำงานด้วย ทำงานตอนแรกๆก็ดี แต่ทำไปได้ประมาณอาทิตย์หนึ่ง หนูก็มีปากเสียงกับแฟน ทะเลาะกันขึ้นมา จากความรู้สึกหนูเรื่องที่ทะเลาะกันมันเป็นเรื่องเล็กๆนิดเดียวเอง มันควรที่จะคุยกันได้ แต่แฟนหนูกลับโมโหใหญ่โตมาก ไม่ยอมคุย

            วันนั้นที่ทะเลากัน ด้วยความที่ทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 2 ทุ่ม พอเลิกงานหนูก็เหนื่อย ล้า แล้วก็เป็นประจำเดือนด้วยเลยมีหลายอารมณ์ พอเลิกงานก็ชวนสามีกลับบ้านแต่เขามัวแต่คุยกับเพื่อนที่ทำงาน หนูก็เลยโมโหแล้วก็มีการตะคอก ขึ้นเสียงใส่เขาไป ต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน อาจจะหยาบนิดหนึ่ง คือหนูพูดว่า “มึงจะกลับหรือไม่กลับ” ก็เลยทำให้เขาโมโหและทะเลาะกัน ปกติหนูไม่ค่อยพูดคำหยาบ หรือขึ้นเสียงเลยถ้าไม่รู้สึกว่าอารมณ์มันสุดจริงๆ แต่วันนั้นทั้งเหนื่อย หลายเรื่อง อารมณ์เลยขึ้นไป  เหมือนอารมณ์ชั่ววูบ

           ในระหว่าง 7 ปีก็เคยทะเลาะหนักกว่านี้ แต่มันไม่ถึงกับแยกกันแบบนี้ พอหนูตะคอกใส่เขา เขาก็เดินกลับบ้านไปเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า แล้วก็ออกมาไปอยู่กับพี่เจ้าของร้านเลย  หนูก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร พี่เจ้าของร้านเขาอาจจะเอ็นดูแฟนหนูหรือเปล่าหนูก็ไม่แน่ใจ เหมือนพี่เจ้าของร้านเป็นที่พักพิงให้กับแฟนหนู หลังจากที่ทะเลาะกัน หนูกับสามีอยู่คนละที่แต่ก็มาเจอกันที่ทำงาน สามีหนูเขาก็ไม่สนใจ ไม่พูดคุย เห็นหนูเป็นฝุ่น เป็นอากาศ ส่วนตัวพี่เจ้าของร้านก็ยังพูดดีในตอนแรกว่าให้ค่อยๆพูด ค่อยๆเคลียร์กัน แต่หนูก็ไม่รู้ว่าพี่เขาไปคุยอะไรกับแฟนหนู

            จน 2 - 3 วันถัดมาพี่เขาก็เริ่มเปลี่ยนท่าที เริ่มบอกให้หนูกับสามีหย่ากัน ให้เลิกกันไปเลย อย่ามายุ่งกัน คำพูดเขาแบบ “ก็มันไม่เอาแล้ว จะมาอะไรกับมัน!” หนูรู้สึกได้เลยว่าการพูดของพี่เขาไม่ใช่ไกล่เกลี่ยหรือคนกลาง แต่อยากให้หนูไปเลิกกับสามี แต่หนูก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมพี่เขาถึงเป็นแบบนี้ หนูก็ไม่อยากเลิก หนูกับสามีอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา 7 ปี พี่คนนั้นก็คอยพูดเรื่อยๆ ทุกวันๆที่ไปทำงานแล้วก็มีบอกว่า ถ้ายังไม่หยุดเร้าหรือกับสามีของหนู เขาจะไล่หนูออกจากงาน

            พนักงานทุกคนจะได้วันหยุดหนึ่งวัน ซึ่งวันนั้นเป็นวันหยุดพักผ่อนของหนู แต่พี่ผู้หญิงเจ้าของร้านเขาโทรมาว่า “สรุปจะเอายังไง จะเลิก จะหย่าให้ไหม” หนูก็ตอบไปว่า “ยังไงหนูก็ไม่หย่า” สำหรับความรู้สึกหนู หนูอยากให้สามีมากลับมาคุยกันดีๆ เพราะตั้งแต่ที่ทะเลาะกันเขาไม่เคยมาคุยกันสักคำ เขาหายไปเลย เจอกันแค่ที่ทำงาน นอกนั้นก็ติดต่อไม่ได้เลย อยู่ที่ทำงานก็ไม่ยอมคุยกับหนู แล้วพี่เขาก็พูดอีกว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวจะดูแลสามีหนูอย่างดี” พี่เขาพูดถึงขนาดว่าจะเอาชื่อของสามีหนูเข้าทะเบียนบ้านของเขา เขาสงสารสามีเราเพราะเป็นคนต่างจังหวัดแล้วมาอยู่บ้านเดียวกับหนู เห็นว่าตอนนี้สามีหนูตัวคนเดียว สงสารเลยอยากดูแล สามีของพี่เขาก็รู้เรื่องทั้งหมด แต่ทุกคนก็ถามหนูว่า สามีเขาว่ายังไงบ้าง เหมือนสามีพี่เขาก็เชื่อ พี่เขาพูดอะไรก็เชื่อหมด หนูก็ไม่รู้

            วันนั้นที่พี่เขาโทรมา เขาก็ยังบอกอีกว่า ถ้าไม่อย่าพี่จะหาทนายมาให้สามีหนูฟ้องหย่า หนูอยู่แบบนี้ไม่ได้ มันเสียสุขภาพจิตหนู หนูต้องกินยานอนหลับ ก็เลยตัดสินใจออกจากงาน เพื่อที่จะเว้นระยะห่างกับสามี เผื่อวันไหนที่เขาเย็นลง หรือโอเคขึ้นเขาจะกลับมาคุยกับเรา หลังจากหนูออกจากงานมาจนประมาณเดือนมีนาคม หนูได้รับหมายศาลการฟ้องหย่า โดยให้สาเหตุคร่าวๆคือ หนูด่าทอด้วยคำพูดที่ไม่สุภาพ รุนแรงในที่สาธารณะ ทำให้อับอาย หนูก็ได้ไปยื่นเรื่อง ไปไกล่เกลี่ยอะไรเรียบร้อยค่ะ หนูก็ไม่ได้ติดต่อกับเขาอีกเลย

            จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีเพื่อนของหนูไปเห็นเฟซบุ๊กของผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ไม่ใช่พี่เจ้าของร้าน เขาเป็นลูกของแม่ค้าที่อยู่ในระแวกเดียวกัน ลงภาพซ้อนมอเตอร์ไซค์ให้เห็นต้นคอ ด้านหลังว่าเป็นสามีหนู แล้วบอกว่า “เป็นคนพิเศษ” ทีนี้หนูก็เลยโทรไปเคลียร์กับทางผู้หญิงคนนี้ (อายุประมาณ 17-18ปี) เขาก็บอกกับหนูว่า กำลังคุยๆดูๆกับอยู่ แต่ผู้ใหญ่ยังไม่อนุญาตให้คบกัน เพราะทางผู้ชายบอกว่ากำลังจะหย่ากับเมีย หนูก็คิดในใจว่า อ้าว ถ้าผู้ใหญ่รู้แบบนี้ ทำไมเขาไม่ห้ามหรอ ผู้ชายก็ยังมีเมียมี ทะเบียนสมรส หนูก็เลยโทรไปหาแม่ของน้องผู้หญิงด้วย

            แม่ของน้องเขาก็รับรู้ว่าผู้ชายที่น้องคุยมีเมียอยู่แต่ก็บอกหนูว่า ก็กำลังจะหย่ากันไม่ใช่หรอ เขาฟ้องเธออยู่ ระหว่างที่หนูกำลังคุยกับแม่เขา หนูได้ยินเสียงคนๆหนึ่งเข้ามาในโทรศัพท์ มันมีคำที่หนูไม่คิดว่าเกิดมาหนูจะได้ยินอะไรแบบนี้ มันทำให้หนูเจ็บใจมากที่สุด เขาพูดมาว่า “มึงจะโทรมาทำไม ทำไมไม่ไปคุยกับผัวมึง มึงเอาผัวมึงไม่อยู่เอง จะมาอะไรกับฝ่ายนี้!” แต่สามีหนูไม่ยอมคุยกับหนูเลย มีแต่ฝากพี่เจ้าของร้านมาคุย หนูอยากจะสู้ให้ถึงที่สุด ส่วนหนึ่งหนูก็อยากได้สามีกลับมา แล้วก็อยากให้มีความยุติธรรมว่าทำไมหนูต้องมาเจออะไรแบบนี้ ถ้าเขาชนะในคดีนี้ หนูจะกลายเป็นคนที่ไม่ได้ผิดขนาดที่จะต้องเป็นคดีหรือขึ้นศาลเพราะเรื่องแค่นี้

            ดีเจทั้ง 3 คน ให้คำปรึกษากับ “คุณมิว (นามสมมติ)” ว่า ‘เรื่องฟ้องก็คงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศาลตัดสินว่าผลมันจะเป็นยังไง แต่มันไม่สมเหตุผลกับการฟ้องหย่านี้เลย คนที่ควรจะฟ้องควรเป็นคุณมิวด้วยซ้ำ ในความเป็นจริง เวลาสามีภรรยามีปากเสียงแล้วใช้คำที่ไม่สุภาพเวลาทะเลาะกัน ไม่เห็นมีคู่ไหนที่ต้องขึ้นศาลขนาดนี้เลย

            “คุณมิว (นามสมมติ)” บอกต่อว่า หนูไม่เคยใช้คำที่ไม่สุภาพกับเขาเลยนะคะ หยาบสุดของหนูคือมึงกับกู มีแต่เขาที่ใช้คำไม่สุภาพกับหนูตลอด

            3 ดีเจ จึงบอกว่า ถ้าเป็นอย่างที่คุณมิวบอก แบบนั้นมันก็เห็นชัดอยู่แล้ว เขาใช้สิ่งนี้เป็นข้ออ้างในการที่จะเลิกกับคุณมิวหรือเปล่า

            “คุณมิว (นามสมมติ)” ตอบกลับว่า คนรอบข้างส่วนมากบอกว่า เขาหาจังหวะมานาน แล้วมาเจอเรื่องนี้พอดี เขาเลยใช้จังหวะนี้ที่จะเลิกกับหนู ตอนไปไกล่เกลี่ยหนูก็ถามเขาว่า ฉันทำอะไรให้เธอหนักหนาขนาดนั้นเลยหรอ เขาตอบกลับมาว่า ความรู้สึกมันต่างกัน เรื่องเล็กสำหรับหนูอาจจะใหญ่สำหรับเขาก็ได้

            3 ดีเจ ถาม “คุณมิว (นามสมมติ)” ถึงเหตุผลว่าทำไมถึงไม่หย่า แล้วผู้ชายคนนี้มีข้อดีอะไร? “คุณมิว (นามสมมติ)” ตอบว่า หนูยังมีหวังอยู่ว่าสักวันเราจะกลับมาเป็นครอบครัวได้ แล้วก็เพราะความผูกพันที่อยู่ด้วยกันมาตลอด 7 ปี ข้อดีนอกจากผูกพันก็คงมีแต่ไม่ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่ามันมีช่วงที่เคยทะเลาะกันแล้วเขาชกเบ้าตาหนูแตก เย็บไปหลายเข็ม ต้องนอนโรงพยาบาลอะไรแบบนี้ แต่หนูไม่ได้บอกคนรอบข้างว่าเขาเป็นคนทำ หนูบอกว่าหนูล้มเอง เพราะว่าหนูรักเขา แล้วหนูก็คอยสนับสนุนเขาในหลายๆเรื่องเลยไม่อยากหย่ากับเขา หนูอยากถามพี่ๆดีเจว่าหนูจะ move on ต่อยังไงดีคะ?

            “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า คนแบบนี้ควรเอามาเป็นสามีหรอ จากที่ฟังแรกๆก็สงสัยว่าทำไมต้องหย่ากันด้วยเหตุผลแค่นั้น แต่พอคุณมิวเล่าต่อ เขาทั้งทำร้ายร่างกาย ใช้คำหยาบคาย ไม่ให้เกียรติ ตอนทะเลาะกัน แค่นี้ก็ไม่โอเคแล้ว แล้วก็ไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเลย พี่ไม่เห็นค่าอะไรที่ควรจะเอาเขากลับมาเลย หย่าไปเลย 7 ปีมันจะมีค่าเฉพาะคนที่ดีกับเรา แต่สำหรับคนนี้ 7 ปีคือเสียเวลาชีวิต คุณมิวควรเอาความรักนี้ไปให้กับคนที่สมควรจะได้รับและดีกับคุณมิวจริงๆ นี่คือเรื่องดีที่เกิดขึ้นในชีวิตคุณมิวแล้ว ปล่อยเขาไปเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

            “ดีเจปุ๊กกี้” แนะนำให้คุณมิวมีคนใหม่ และเจอคนที่ดีกว่า ถ้าเราทำดีให้เขาไปทุกอย่างแล้วเราไม่ได้รับกลับมาจากคนๆนั้น แสดงว่าเขาไม่อยู่ในชีวิตเรา ไปหาคนที่ดีกว่า เปิดใจ อย่าไปยึดติดกับคนเก่า คุณมิวอายุยังน้อยมีโอกาสที่จะได้เจอคนดีๆอีก แล้วก็เลิกถามตัวเองได้แล้วว่าตัวเองผิดอะไร เพราะเรื่องนี้คุณมิวไม่ได้ผิดเลย คำพูดแค่นั้นไม่สามารถฆ่าจิตใจคนได้

            ส่วน “ดีเจเผือก” แนะนำให้คุณมิวไปปรึกษาจิตแพทย์เกี่ยวกับความเศร้าที่กำลังพบอยู่ แล้วก็ไม่ต้องไปเสียเวลาคิดหาเหตุผลว่าเราทำอะไรผิด เอาเวลาไปทำให้ตัวเองดีขึ้น มีความสุขขึ้นดีกว่า ถ้ามองย้อนกลับไป 7 ปีแล้วคุณมิวเห็นว่าตัวเองเปลี่ยนไปขนาดไหน เขาทำให้คุณมิวกลายเป็นคนไม่รักตัวเอง คุณมิวควรเซ็นใบหย่าแบบไม่ต้องคิดเลย ไม่ต้องกลัวเสียศักดิ์ศรีอะไรทั้งนั้น ควรรักตัวเองก่อน

            สุดท้ายดีเจทั้ง 3 ขอส่งกำลังใจให้คุณมิวมีสติ และผ่านพ้นเรื่องนี้ไปให้ได้ รักตัวเองให้เยอะๆ

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ทำไปเพื่อ?? หนุ่มระบายในรายการ ผมคบกับแฟนผู้ชายมา 10 ปี อยู่ๆก็อยากลองใจแฟน เลยสร้างไลน์ปลอมแอบไปทักหาแฟนตัวเอง ด้วยความที่รู้ว่า แฟนชอบอะไร เพลงแนวไหน ศิลปินคนไหน ก็คุยกันง่ายขึ้น สุดท้ายคุยได้ 4 วัน เฉลยว่าเป็นตัวเอง แฟนร้องไห้ เสียใจ บอกหมดรักผมแล้ว...

09 มิ.ย. 2023

ทำไปเพื่อ?? หนุ่มระบายในรายการ ผมคบกับแฟนผู้ชายมา 10 ปี อยู่ๆก็อยากลองใจแฟน เลยสร้างไลน์ปลอมแอบไปทักหาแฟนตัวเอง ด้วยความที่รู้ว่า แฟนชอบอะไร เพลงแนวไหน ศิลปินคนไหน ก็คุยกันง่ายขึ้น สุดท้ายคุยได้ 4 วัน เฉลยว่าเป็นตัวเอง แฟนร้องไห้ เสียใจ บอกหมดรักผมแล้ว...

ทำไปเพื่อ?? หนุ่มระบายในรายการ ผมคบกับแฟนผู้ชายมา 10 ปี อยู่ๆก็อยากลองใจแฟน เลยสร้างไลน์ปลอมแอบไปทักหาแฟนตัวเอง แฟนก็มาบอกตรงๆว่ามีคนทักมา ผมเลยอนุญาตให้ไปคุย จะได้เข้าแผน ด้วยความที่รู้ว่า แฟนชอบอะไร เพลงแนวไหน ศิลปินคนไหน ก็คุยกันง่ายขึ้น สุดท้ายคุยได้ 4 วัน เฉลยว่าเป็นตัวเอง แฟนร้องไห้ เสียใจ บอกหมดรักผมแล้ว... “คุณโปเต้ (นามสมมติ)” อายุ 34 ปี สายที่สองในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [7 มิ.ย. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจปุ๊กกี้ ปวีณ์นุช เกี่ยวกับปัญหาการลองใจแฟน โดย “คุณโปเต้ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ต้องเกริ่นก่อนว่าผมเป็นเกย์ ผมมีแฟนคนหนึ่งอายุ 32 ปี คบกันมา 10 ปีแล้ว เรื่องทั้งหมดเกิดจากผมอยากจะลองใจแฟน ก็เลยไปปลอมไลน์เป็นคนๆหนึ่ง ใช้รูปที่คิดว่าตรงสเปคเขา แล้วก็ทักเขาไป ในใจจริงๆผมไม่ได้คิดอะไรเลย แค่อยากจะคอนเฟิร์มว่าเขารักผมจริงๆ แต่ผมไม่ได้คิดเผื่อเลยว่ามันจะเป็นแบบอื่น ซึ่งผมก็ทักเขาไปปกติ เขาก็ตอบกลับมา ผมก็เลยชวนคุย ถามชื่อ แล้วก็เริ่มหยอดๆ จีบๆเขาไป ประมาณว่า น่ารักจัง... แล้วแฟนผมเขาก็คุย แต่เขาบอกผมหมดทุกเรื่อง ปกติเขาไม่เคยปิดบังอะไรเลย ไลน์ไม่เคยลบ แล้วเขาก็มาบอกผมว่ามีน้องคนนี้ทักมา น่ารักดี เขาก็ถามผมว่าเป็นไงบ้าง ผมก็เลยบอกว่าน่ารักดี แล้วเขาก็ถามต่อว่าอย่างงี้คุยต่อได้มั้ย ผมก็บอกว่าก็คุยสิ ไม่มีอะไรหนิ ก็คุยไปเลย ตอนนั้นผมก็ต้องการจะให้เข้าแผนของผม สำหรับผมกับแฟน เราตกลงกันว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบเปิด (Open Relationship) คุยได้ แต่อย่าจริงจัง ต้องไม่ไปต่อ เราจะให้อิสระกันและกัน สามารถไปมีอะไรกับคนอื่นเป็นครั้งคราวได้ แต่ผมต้องรับรู้ทุกอย่าง แต่ตั้งแต่คบกันมายังไม่เคยมีแบบนั้นเลย แฟนก็ไม่เคยมีเรื่องนอกใจอะไรเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก แล้วเขาก็คุยกันต่อ ด้วยความที่ผมรู้ใจแฟนอยู่แล้วว่าแฟนชอบอะไร ชอบเพลงแบบไหน ชอบนักร้องเกาหลียังไง และแฟนผมเป็นคนชอบโดนอ้อน ผมก็เลยปลอมน้องคนนั้นเป็นคนที่อ้อนเขาหนักๆเลย สักพักผมก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ที่เห็นชัดๆเลย คือ ตอนที่เราคุยกันในแชทจะมีการส่งเพลงกันไปมา และผมก็ได้ส่งเพลงให้เขา แล้วเขาก็เปิดเพลงนั้นในห้องทั้งวันทั้งคืน มันเลยทำให้ผมรู้สึกว่าไม่น่าจะคุยกันธรรมดาแล้ว โมเมนต์ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว คือ เวลาที่คุยกันในแชท ผมก็รู้สึกมีอาการนอยด์บ้าง เขาก็จะมาปรึกษาผม ประมาณเหมือนเพื่อนมาปรึกษาเวลาที่อกหัก หรือบางทีในแชทที่เราคุยกันมันกุ๊กกิ๊ก น่ารักๆ เขาก็จะมางุ้งงิ้งๆกับผม ก่อนหน้านี้ผมก็มีการเตือนๆว่าเยอะไปแล้วนะ เขาก็บอกว่าไม่คุยแล้ว แต่ผมก็เห็นมีการกลับมาคุยอีก... จนผ่านมาประมาณ 4 วัน ผมก็รู้สึกว่ามันเยอะไปแล้ว ไม่ไหวละ เพราะมันคุยกันจนเริ่มจะชอบหนักไปแล้ว ผมก็เลยบอกเขาว่าไม่คุยแล้วได้มั้ย จริงๆในใจผมอยากจะเลิกเล่นเป็นน้องคนนี้แล้วด้วย ผมก็เลยบอกว่าช่วยลบได้มั้ย คือเราไม่สบายใจเลยที่คุยแบบนี้ เขาก็บอกว่าเลิกคุยเลิกได้ แต่ทำไมถึงต้องลบเดี๋ยวนี้เลย เขาบอกว่าถ้าเลิกคุย จะเลิกคุยให้ แต่ถ้าให้ลบต้องใช้เวลา เพราะคุยกันมาพักนึงก็เริ่มมีความรู้สึกแล้ว ผมก็ขอให้เขาลบได้มั้ย แล้วเขาก็โยนโทรศัพท์ให้ผมมาลบเอง พอได้โทรศัพท์มา ผมก็ลบหมดทุกอย่างเลย ลบแชท ลบรูปทั้งหมด เพราะผมก็ไม่ได้อยากให้มันมีตัวตนอยู่แล้ว หลังจากที่ลบเสร็จแล้ว เขาก็เปลี่ยนไปเลย จากที่คุยกับผมปกติ เขาก็เงียบ เหมือนคิดอะไรในหัวตลอดเวลา แล้วผมก็เลยสารภาพกับเขาไปตรงๆว่าคนๆนี้คือผมนะ เขาบอกเขาเสียความรู้สึกมากเลย แล้วเขาก็ร้องไห้ ผมก็ไม่คิดว่าสิ่งที่ผมทำ มันจะขนาดนั้น เขาก็ถามผมว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้กับเขา ผมก็รู้สึกผิดนะ แต่ในใจอีกมุมนึงมันก็คิดว่าคุณนอกใจเราหรือเปล่า... ผมชวนเขาคุยแบบกรี๊ดกร๊าด เขาก็ไม่คุย เขาอ่านแต่ไม่ตอบ แล้วที่เห็นได้ชัดๆเลย คือ ผมส่งรูปที่เราเคยเจอกันครั้งที่ 2 ผมก็ถามว่าจำความรู้สึกตอนนั้นได้หรือเปล่า เขาอ่านและดูรูป แต่เขาไม่ตอบ ผมก็เลยบอกว่ารออยู่นะ ไม่ตอบหน่อยหรอ แล้วเขาก็ตอบกลับมาคำนึงว่า อยากจะรู้จริงๆหรอว่ารู้สึกยังไง ผมก็เลยบอกว่าพูดมาตรงๆเลย อยากรู้ เขาก็บอกว่าตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรแล้ว ผมเลยถามว่าหมายความว่ายังไง เขาก็บอกว่ามันไม่รู้สึกว่ารักแล้ว มันเกิดตั้งแต่เธอบอกให้ลบ เค้าก็ลบทุกอย่างเลย ถึงขั้นลบความรู้สึกตัวเอง รวมไปถึงความรู้สึกที่รักผมไปแล้วด้วย ผมอึ้งมาก แล้วก็คิดว่าขนาดนั้นเลยหรอ? ผมนึกว่าเขาพูดเล่น เขาคุยกันแค่ 4 วัน แต่ความรักของผมที่คบกันมา 10 ปี ผมพยายามถามเขาตั้งแต่วันนั้นว่ามันเป็นเรื่องจริงใช่มั้ยที่ไม่มีเราในหัวใจ เขาก็บอกว่าจริง ตอนแรกก็ไม่ได้อะไร แต่พอคุยไปเรื่อยๆ น้องคุยเข้าขา คุยทุกอย่าง เขารู้สึกว่าคนนี้มีตัวตนจริงๆ ผมก็เลยถามว่าสรุปจะเอายังไงกันดี เขาบอกว่าเขาไม่ได้รักแล้ว จะเอายังไงละ ผมก็เลยบอกว่าทำยังไงได้บ้าง จริงๆใจผมไม่ได้อยากจะเสียเขาไป ไม่ได้คิดมาเผื่อเลยว่าวันนึงมันจะไม่มีเขา มันต้องรู้สึกยังไง ที่ทำไป ที่ลองไปเพราะคิดว่าคำตอบมันจะเป็นด้านดี ไม่ได้คิดว่าเป็นด้านไม่ดีเลย ตอนนี้เราต้องอยู่ในห้องเดียวกัน เพราะถ้าเขาจะย้าย เขาต้องมีเงินก้อนไปมัดจำห้องใหม่ เขาบอกขออยู่ต่อแปปนึง เพื่อจะหาเงินและหาห้องใหม่ ช่วงเวลาที่เขาอยู่กับเรท ผมเข้าใจว่าเขาหมดรักแล้ว เขาก็เฉยชากับผม แต่ผมต้องพยายามทำเหมือนเดิม แต่ผมจะนอนกอด นอนจับมือ เขายังไม่ให้จับเลย ผมอยากถามว่ามันผิดมากใช่มั้ยที่ผมทำแบบนี้ แล้วถ้าผมอยากได้เขาคืน ผมต้องทำยังไง? ดีเจเผือก ได้ให้ความคิดเห็นกับเรื่องนี้ว่า “สำหรับเรื่องลองใจ ที่เราเห็นๆเป็นคอนเท้นต์ใน TIKTOK บางทีเป็นการเซ็ตไว้หมดแล้ว เขาเตรียมตัวมาหมดแล้ว แต่ในชีวิตจริงมันไม่ใช่เลย เราคาดหวังอะไรในการทำ ถ้าเขาตอบอย่างที่เราคิดไว้ มันก็เสมอตัว มันไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมาเลย มันล้ำเส้นการลองใจไปเยอะเลย เป็นการใช้ข้อได้เปรียบ จุดอ่อน จุดแข็ง ในการที่เรารู้ว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ใช้ตรงนี้มาหลอกล่อเขา มันหนักหนากว่าการลองใจ เหมือนกับการสร้างตัวตนมาเพื่อหลอกเขามากกว่า มันเกินคำว่าลองใจไปมากจริงๆ แล้วที่เหลือมันอาจจะเป็นผลกระทบ ผลมาจากการที่อยู่มากันนานแล้วรึเปล่า? เหตุการณ์นี้อาจจะทำให้เขารู้ว่า เขาสามารถไปเจอคนใหม่ ที่กระชุ่มกระชวยหัวใจได้มากกว่าโปเต้ เขาอาจจะอยากหาคนคนนั้นที่มีตัวตนจริงขึ้นมาแล้ว เรื่องที่สองคือ คนที่เขาไว้ใจที่สุดมาหลอกเขา อยู่กันมา 10 ปีแล้ว บางทีมีรอยร้าวรอยเดียว แก้วมันก็เปราะแตกได้แล้ว สุดท้ายการจะกลับมาคบกัน ก็ขึ้นอยู่กับเขาแล้วว่าจะกลับมารึเปล่า?” ดีเจเติ้ล ได้ให้ความคิดเห็นกับเรื่องนี้ว่า “โปเต้เหมือนแกว่งเท้าหาเสี้ยน หาทำ คือถ้าเป็นตัวพี่ ถ้าพี่โดนคนที่รักกันมา 10 ปี มาทำแบบนี้ จะรู้สึกว่าทำไม? ไม่ไว้ใจเราหรอ? มาเทสอะไรเราเนี่ย? เขาเองก็อาจเกิดความรู้สึกกับอีกคนได้ เหมือนทำให้เขารู้สึกสดใหม่ รู้สึกเฟรช กับคนใหม่ ตอนนี้แฟนโปเต้เองก็น่าสงสารเช่นกัน เหมือนกับเขาต้องตั้งคำถามกับตัวเองแล้วว่าทำไมเขาถึงเกิดความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นทั้งๆที่มีโปเต้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่เขาจะกลับมาไหมก็ขึ้นอยู่กับเขาเลย ให้เขาได้ทบทวนดูว่า 10 ปีที่คบกันมานี่มันทำให้ความรักจะไปต่อได้รึเปล่า? มันถึงเวลาที่ทำให้เขาชัดเจนแล้วว่าโปเต้อยู่ข้างเราแล้วไม่ได้ทำให้เรากระชุ่มกระชวนแบบคนอื่น ถ้าเขารู้สึกแบบนี้ก็คงจะต้องเลิกกันไป สุดท้ายถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ต้องยอมรับแมนๆว่าเขาไม่ได้มีความรู้ดีๆกับเราแล้ว และเรื่องนี้มันอาจจะเกิดขึ้นจริงๆสักวันนึงก็ได้ ช้าเร็วก็ต้องไปอยู่ดี อาจจะเป็นปีที่ 13 หรือ 14 ก็ได้ แต่เพียงแค่เรื่องนี้ที่มันเกิดขึ้นมันทำให้เหตุการณ์เหล่านี้มันเกิดขึ้นเร็วมากขึ้นก็เท่านั้นเอง” ทางด้าน ดีเจปุ๊กกี้ ได้ให้ความคิดเห็นกับเรื่องนี้ว่า “แวบแรกที่ฟังเรื่อง พี่ก็คิดว่านี่คือการหาเหาใส่หัว แบบที่ทุกคนคิด แต่ตอนนี้มานั่งคิดว่าแล้วถ้าเราเป็นคนทำ เราจะมองหาสาเหตุว่าทำไมเราถึงทำ? หรือ จริงๆแล้วลึกๆ เรามีความรู้สึกว่ามีบางอย่างที่เราไม่สบายใจ หรือ ไม่วางใจรึเปล่า? คุณโปเต้มีความรู้สึกระแวงอะไรรึเปล่า? เลยลองใจดูซิว่าตัวเองยังเป็น Number One อยู่รึเปล่า? ความรักของเรามันดูเหมือนจะมีการสั่นคลอนนิดๆ” หลังจากที่ถามแบบนี้ไป คุณโปเต้ก็ได้เล่าให้ฟังว่า “แฟนคุณโปเต้เคยไปฟิตเนส แล้วเจอกับพี่ที่ฟิตเนสคนนึง ดูดีเลย ชมว่าเหมือนดาราญี่ปุ่นเลย แล้วแฟนคุณโปเต้ก็เลยไปโหลดแอปเพื่อเช็คดูว่าคนนี้เป็นใคร พยายามหาดูว่าพี่ที่ฟิตเนสคนนี้เป็นยังไง หลังจากนั้นคุณโปเต้ก็เลยรู้สึกว่าเขาอาจจะมีอะไรรึเปล่า? เลยอยากลองทดสอบดู” ดีเจปุ๊กกี้ กล่าวเสริมว่า “ความสัมพันธ์ตอนนี้ของโปเต้ยังงงๆ พูดเหมือนบอกว่ามีได้นะ สบายๆ แต่พอเขาจะมีจริงๆก็ทนไม่ได้ จริงๆเราไม่ได้พร้อมกับความสัมพันธ์แบบนั้น ต้องลองมาวิเคราะห์ตัวเองว่าอยาก Open Relationship จริงๆ รึเปล่า? ” คุณโปเต้ ก็ยอมรับตรงๆว่า “จริงๆแฟนผมไม่ได้มีความคิดเรื่อง Open Relationship เลย มีแต่ผมนี่แหละที่ยัดความคิดนี้ให้กับเขา” สุดท้ายทั้ง 3 ดีเจก็บอกว่า ให้ยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเราเป็นคนทำเรื่องนี้เอง ถ้าคนมันจะเป็นคู่กันสักวันก็ต้องกลับมาคู่กันอยู่แล้ว อาจจะมีเปอร์เซ็นต์สัก 2 3 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ ก้มหน้ายอมรับไปก่อนว่าเราเป็นคนสร้างเรื่องนี้ขึ้นมา อย่าไปวีนเขา ไปว่าเขา รอการให้อภัยจากเขาแล้วกันเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1