ผมหยุดใส่ใจการใช้เงินของคนอื่นไม่ได้!! ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ เวลาผมเห็นเพื่อน หรือ คนรอบตัว ซื้อของที่แพงกว่าในราคา Online มา ผมจะหงุดหงิดมาก จะหยุดนิสัยนี้ยังไงดี?

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผมหยุดใส่ใจการใช้เงินของคนอื่นไม่ได้!! ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ เวลาผมเห็นเพื่อน หรือ คนรอบตัว ซื้อของที่แพงกว่าในราคา Online มา ผมจะหงุดหงิดมาก จะหยุดนิสัยนี้ยังไงดี?

14 พ.ย. 2025

ผมหยุดใส่ใจการใช้เงินของคนอื่นไม่ได้!!
ทำยังไงดีครับ ผมเป็นคนทำงาน หาเงินเองตั้งแต่เด็กๆ 
จนเป็นคิดที่ประหยัดเรื่องการใช้เงินมากๆ 
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ เวลาผมเห็นเพื่อน หรือ คนรอบตัว
ซื้อของที่แพงกว่าในราคา Online มา ผมจะหงุดหงิดมาก
เคยโกรธเพื่อนถึงขั้นไม่คุยไปเลย ผมแค่รู้สึกว่า
ออนไลน์ก็มีของแบบเดียวกัน ในราคาที่ถูกกว่า
หรือบางครั้งผมก็หงุดหงิดตัวเอง
ที่ซื้อของออนไลน์แพงกว่าของหน้าร้าน จะหยุดนิสัยนี้ยังไงดี?

        “คุณนุ” (นามสมมติ) อายุ 18 ปี สายที่ 3 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (12 พฤศจิกายน 2568) ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับการชอบใส่ใจเรื่องการเงินของคนอื่น อยากให้เพื่อนซื้อของในราคาถูก แต่พูดบ่อยจนเพื่อนโมโห

        โดย “คุณนุ” (นามสมมติ) ได้เล่าว่า ‘ผมเป็นคนที่ทำพาร์ทไทม์มาตั้งแต่เด็ก ๆ เลยทำให้ผมรู้คุณค่าของเงิน แต่ในบางที ผมก็ชอบใส่ใจการใช้เงินของคนรอบข้างมาก ผมเป็นคนที่ชอบชอปปิ้งออนไลน์ เลยทำให้ผมรู้ถึงต้นทุนของสินค้าในชิ้นนั้น ผมเลยไม่ซื้อสินค้าร้านข้างนอกเลย เวลาผมรู้ว่าคนรอบตัวซื้อของ ผมจะชอบบอกเขาว่าทำไมไม่ซื้อออนไลน์ จนบางทีทำให้คนรอบตัวโมโห เพราะผมชอบบ่น บางทีผมก็หงุดหงิดจนไม่อยากคุยกับเพื่อนเลย

        ส่วนใหญ่ของที่ผมชอบซื้อจะเป็นพวกครีม เครื่องสำอางค์ ผมเป็นหนักขนาดที่ว่า ขนมห่อเล็ก ๆ ขายตามร้าน ห่อละ 5 บาท ผมก็กดได้มา 1 บาท เลยซื้อมาเป็นยกแพ็ค นิสัยนี้ผมจะเป็นเฉพาะกับเพื่อนที่สนิทกันมาก ๆ ปัญหาของนุวันที่อยากจะปรึกษาดีเจทั้ง 3 คนคือ ทำยังยังให้ผมเลิกนิสัยแบบนี้? ที่ชอบไปวุ่นวายเรื่องการใช้เงินของคนอื่นดีครับ’

        เริ่มด้วย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘การซื้อของออนไลน์และซื้อของหน้าร้าน มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ถ้าเขาซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ สิ่งที่ออนไลน์ทำไม่ได้ คือได้สินค้า ณ ตอนนั้นเลย สองคือ ได้ความมั่นใจ เมื่อของชิ้นนี้อยู่ในร้านสะดวกซื้อที่มีมาตรฐาน แปลว่าของชิ้นนี้ได้รับการการันตี มั่นใจได้ว่าเป็นของแท้แน่นอน สามคือ ได้เห็นสินค้าก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ออนไลน์บางครั้งซื้อเสื้อผ้ามาไม่ตรงปก ซื้อรองเท้ามาใส่ไม่ได้ มีปัญหาที่ก่อให้เกิดขึ้นได้ คิดซะว่าเขาอาจจะยอมจ่ายแพงกว่า เพราะเหตุผลเหล่านี้

        เราอย่าเอาราคาอย่างเดียวเป็นที่ตั้ง ให้มองว่าความสุขของคนเราต่างกัน แต่เราสามารถเตือนเพื่อนได้ อันนี้ถูกกว่าก็แนะนำให้ไปดู พูดครั้งเดียวแล้วจบ ที่เหลือเป็นการใช้ชีวิตของเขา’

        ต่อด้วย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันเป็นเรื่องของสารในสมองที่มันหลั่งออกมา ถ้ารู้ตัวว่าเราเริ่มหงุดหงิด ให้หายใจเข้าลึก ๆ แล้วบอกว่า เงินเขา..เงินเขา… ทำให้สมองค่อย ๆ รับรู้ไปทีละนิด เราต้องลดการที่ไปวุ่นวายกับคนอื่นลง ค่อย ๆ ตัดที่ไม่เกี่ยวกับเรา กังวลแค่เงินเราพอ และลองไปศึกษาเรื่องโดพามีล จะฝึกร่างกายยังไง ให้โดพามีลอยู่ในที่ ๆ ควร’

        ปิดท้ายด้วย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ที่ง่ายสุดต่อชีวิตเลยนะ ใครสะดวกแบบไหนเอาแบบนั้นเลย นุพูดบอกเขาได้นะ เพียงแต่ไม่ควรไปโมโหถ้าเขาไม่ทำตาม เพราะเขาเลือกในสิ่งที่เขาสะดวก นุทำแบบนี้ก็จะมีเงินเก็บ เพราะซื้อของที่ถูกกว่าเขา เขาทำแบบนั้นถึงเงินจะไม่เหลือ แต่เขาก็จะมีความสุขในแบบของเขา ถ้าจะให้ง่ายก็คือ ลองไปหาเพื่อน หรือ คนใกล้ตัวที่เขาต้องการสิ่งนี้ อันนี้มันจะมีค่ามาก ๆ ถ้าคนนี้ความคิดไม่ตรงกับเรา เราก็แค่ไม่ต้องไปวุ่นวายกับเขา’

เรื่องราวทั้งหมดนี้จะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App AtimeFungFin

 

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูอายุ 18 แล้ว เริ่มอยากมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง แต่คุณแม่ก็ยังเข้าห้องมาตลอด แบบไม่เคาะประตู บางทีเข้ามาย้ายของ จัดของจนหนูหาของอะไรไม่เจอเลย เคยล็อคกุญแจแล้ว แต่คุณแม่ก็มีกุญแจสำรอง จะเจรจา

07 ต.ค. 2024

หนูอายุ 18 แล้ว เริ่มอยากมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง แต่คุณแม่ก็ยังเข้าห้องมาตลอด แบบไม่เคาะประตู บางทีเข้ามาย้ายของ จัดของจนหนูหาของอะไรไม่เจอเลย เคยล็อคกุญแจแล้ว แต่คุณแม่ก็มีกุญแจสำรอง จะเจรจา

หนูอายุ 18 แล้ว เริ่มอยากมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง แต่คุณแม่ก็ยังเข้าห้องมาตลอดแบบไม่เคาะประตู บางทีเข้ามาย้ายของ จัดของจนหนูหาของอะไรไม่เจอเลย เคยล็อคกุญแจแล้วแต่คุณแม่ก็มีกุญแจสำรอง จะเจรจา พูดกับแม่ยังไงให้เขาเข้าใจหนูสักทีคะ? หนูให้เข้ามาได้แต่อย่ามาย้ายของ “คุณแจกัน (นามสมมติ)” อายุ 18 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [2 ต.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย‘ เกี่ยวกับปัญหาทำยังไงให้คุณเเม่เลิกเข้าห้องส่วนตัวเรา เพราะรู้สึกเริ่มโตเเล้ว โดย “คุณเเจกัน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ครอบครัวหนูแยกทางกัน มีพี่น้อง 3 คน หนูเป็นคนกลาง พ่อแม่แยกทางกัน พี่สาวไปอยู่กับแฟน น้องชายไปอยู่กับพ่อ ส่วนหนูอยู่กับเเม่ ตอนนี้คุณเเม่อายุ 42 ปี เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา หนูขอแม่เเยกห้องนอนส่วนตัว คุณเเม่ก็โอเค ให้แยกนอนได้ บางทีคุยกันก็เหมือนเขาไม่พอใจ ผ่านไปอาทิตย์นึงคุณเเม่ก็เริ่มเข้าห้องเราโดยที่ไม่เคาะหรือบอกเราก่อน บางทีหนูไปโรงเรียนกลับมาของที่วางอยู่บนโต๊ะเหมือนเดิมก็หายหรือหาไม่เจอ เช่น หนูเรียนมีการบ้าน เขาจะชอบจัดเเล้วเขาจะเก็บรวมไปเลย บางทีหนูล็อคห้อง หรือติดป้ายไว้เเล้ว เคยคุยกับเเม่เเล้วด้วย เเม่ก็โอเคจะไม่เข้า เเต่พอผ่านไปแค่ 2 - 3 วันเขาก็ยังเข้าห้องเหมือนเดิม หนูไม่ได้ว่าที่เขาเข้าห้อง เเต่หนูอยากให้เขาบอกก่อนว่า จะเข้าไปเก็บของนะหรือจะเข้าไปห้องให้ บางทีหนูนอนอยู่ เขาก็จะเข้ามาโดยที่ไม่บอกเรา เข้ามาเฉย ๆ ดูเเล้วก็ออกไป บางทีหนูอาบน้ำเเต่งตัวอยู่ เขาก็เข้ามาเลย ทำให้หนูรู้สึกเหมือนเขาเข้ามาในพื้นที่ของหนู ทำให้หนูเกิดอาการเหมือนหงุดหงิดตัวเอง ไม่ได้หงุดหงิดแม่ หนูก็เก็บไว้ว่าอย่าไปหงุดหงิดเขา เหมือนเราเคยนอนด้วยในห้องเดียวกัน พอหนูแยกออกมาเขาอาจจะเเบบอยากรู้รึเปล่าว่าเราแยกออกมาเเล้ว ยังเป็นเหมือนเดิมรึเปล่า? หนูเป็นคนทำความสะอาดทั้งบ้านเอง เหมือนเรื่องของเราก็จะไม่ให้แม่ยุ่ง ซักผ้าหรืออะไรก็ทำเองหมดเลย เพราะไม่อยากให้แม่ทำ หนูไม่รู้ว่าต้องจัดการยังไง ก็เลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจทั้งสามคนว่า หนูควรต้องทำยังไงดี? โดยเริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘หัวอกคนเป็นพ่อเป็นเเม่รู้เเหละว่าวันนึงลูกจะโต จะไปมีชีวิตของตัวเอง เราจะไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าห้องโดยพลการอีกต่อไป นี่คือที่พ่อแม่รุ่นใหม่พยายามบอกตัวในทุก ๆ วัน เเต่มันโครตยากเลย ด้วยวัยของคุณเเม่ที่เท่า ๆ พี่พี่ว่าคุยได้ มันเปลี่ยนได้ เพราะฉะนั้นต้องมีวิธีการคุยจะไม้อ่อนไม้เเข็งอันนี้เเล้วเเต่เเจกัน ถ้าเคยคุยแบบไม้อ่อนเเล้วยังเหมือนเดิม ก็ตเองขยับเป็นไม้เเข็งขึ้น เเต่ก็ไม่รู้ความคิดเขาถ้าโดนอย่างงี้พอเขาโดนเเบบนี้จะยังไง เเต่พี่ว่าถ้าเห็นลูกเริ่มจริงจังขึ้นไม่ว่าจะคำพูดหรือการกระทำที่โตขึ้น เป็นพี่พี่ยอมเปลี่ยนนะ อย่างน้อยยังได้ก้าวเข้าไปในห้องเขาอ่ะ ถ้าไม่ได้จริง ๆ ให้คุณเเม่ฟังคลิปนี้’ ต่อมา “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษา ‘เข้าใจหมดว่าเราอยากมีโลกส่วนตัว เเต่ก็ต้องเข้าใจความเป็นเเม่เลี้ยงเดี่ยวเเล้วหนูเป็นลูกที่ใกล้เขามากที่สุด เขาก็จะเเอบคิดเข้าใจไปเองว่า ยังไงลูกต้องอยู่ในอ้อมกอดของชั้นตลอดไป ชั้นจะปกป้องเขาให้เขาไม่เจอสิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ นา ๆ เเละม่ความไม่ค่อยไว้ใจลูกสาวหน่อย ๆ การที่เขาได้เข้าไปในห้องของลูกสาว เหมือนเขาได้เข้าไปอยู่โลกของลูกสาวด้วย เขาเลยอยากสร้างความมั่นใจว่ายังอยู่ในสายตาชั้น ไม่มีอะไรหรอก อยากให้ทำความเข้าใจด้วย เเม่ไม่ได้เข้ามาอยู่ในห้องตลอดชีวิตเราหรอก วันนึงก็ต้องจากกัน ก่อนจะถึงวันนั้นปรับวิธีคิดเราจะได้ไม่หงุดหงิดมากเกินไป ยังไงก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเรา มันก็เป็นบทเรียนให้หนูเหมือนกัน ที่หนูต้องรักเเละปกป้องตัวเองด้วย ค่อย ๆ สร้างความมั่นใจไปเรื่อย ๆ ถ้าเเม่มั่นใจในตัวเรามากขึ้น สิ่งเหล่านี้มันจะค่อย ๆ หายไป เพราะฉะนั้นมันไม่ได้แปลว่าพูดกับเเม่ 1 ครั้งเเล้วเเม่อยู่ในโอวาทของลูกสาวตลอดไป เเต่เมื่อไหร่ที่มันมาจากความรัก ปัญหาความรักแก้ง่ายกว่าปัญหาความไม่รัก ให้สื่อสารที่เป็นทางบวกเเละลองเข้าใจความเป็นห่วงของคุณเเม่ดูบ้าง’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันต้องหาตรงกลางที่ทั้งคู่แฮปปี้ พี่ว่ามันสามารถคุยได้นะถ้ามันส่งผลกระทบการเรียนเราอ่ะหรือเรามีนัดกันกับเขามั้ย ทุกวันอาทิตย์หรือทุกวันใด ๆ หนูอยู่ในห้องด้วยเเล้วเเม่ก็จัดจะได้รู้ว่าย้ายของเเล้วก็บอกหนูจะได้รู้ อย่าทำโดยที่หนูไม่อยู่อ่ะเพราะบางทีมันจะวุ่นวายต่อการหาของ ส่วนไอการเข้ามาโดยที่ไม่มีสัญญาณก่อนอ่ะ หรือมันโมบายอะไรหน้าห้องมั้ย อะไรก็ได้ให้ถ้าร่างเข้าผ่านเเล้วมันจะเกิดเสียงอะ เพื่อให้เขาเองก็ต้องมีสติด้วยนะว่าต้องเคาะก่อนต้องบอกก่อนเข้าอ่ะ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูเดินกลับห้องหลังเลิกงานช่วงหลังสี่ทุ่ม บางวันก็เที่ยงคืน จะมีผู้ชายกลุ่มนึงนั่งดื่มเหล้าหน้าบ้าน เขาชอบมาแซว “น่ารักจังเลยน้องสาว มีแฟนหรือยังจ๊ะ ?? ถ้าพี่มีแฟนแบบนี้รักตายเลย” ที่ผ่านมาหนูรับมือด้วยการพยายามไม่ไปสนใจ แต่ปัญหาคือหลังๆมานี้

16 ก.ย. 2025

หนูเดินกลับห้องหลังเลิกงานช่วงหลังสี่ทุ่ม บางวันก็เที่ยงคืน จะมีผู้ชายกลุ่มนึงนั่งดื่มเหล้าหน้าบ้าน เขาชอบมาแซว “น่ารักจังเลยน้องสาว มีแฟนหรือยังจ๊ะ ?? ถ้าพี่มีแฟนแบบนี้รักตายเลย” ที่ผ่านมาหนูรับมือด้วยการพยายามไม่ไปสนใจ แต่ปัญหาคือหลังๆมานี้

หนูเดินกลับห้องหลังเลิกงานช่วงหลังสี่ทุ่ม บางวันก็เที่ยงคืน จะมีผู้ชายกลุ่มนึงนั่งดื่มเหล้าหน้าบ้านเขาชอบมาแซว “น่ารักจังเลยน้องสาว มีแฟนหรือยังจ๊ะ ?? ถ้าพี่มีแฟนแบบนี้รักตายเลย”ที่ผ่านมาหนูรับมือด้วยการพยายามไม่ไปสนใจ แต่ปัญหาคือหลังๆมานี้ จะมีคนนึงเขามาประชิดตัวเราเดินตามติดๆ แล้วหันไปคุยโม้กับเพื่อน ทำเหมือนเราเป็นแฟนเขาหนูรู้สึกไม่ปลอดภัย ซอยที่อยู่ก็เป็นทางเข้าออกทางเดียว ไม่อยากเจอปัญหานี้แล้ว หนูจะทำยังไงดี?? “คุณน้ำ (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [10 ส.ค 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาโดนแซวจากกลุ่มผู้ชายที่ไม่รู้จักขณะที่เดินกลับห้องหลังเลิกงาน โดย “คุณน้ำ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ทุกวันหลังเลิกงานจะต้องเดินผ่านซอยหนึ่งกลับบ้าน แล้วจะมีคนกลุ่มนึงชอบนั่งสังสรรค์กินดื่มกันทุกวันด้วยเสียงที่ดังมาก ก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ตื่นเช้ามาเราต้องเดินออกไปซื้อของกินที่เซเว่นอยู่แล้ว เขาก็จะแซวว่าน่ารักจังเลย มีแฟนหรือยัง ขยันทำงานจังเลย มีแฟนแบบนี้รักตายเลย ทุกครั้งที่เขาเห็นหนูเวลาเดินผ่าน เราต้องเดินก้มหน้า เพราะเราไม่อยากเห็น ไม่อยากมอง รู้สึกกลัวไปแล้วว่าเขาจะพูด จะทักอะไรหรือเปล่า เราก็ไม่ได้สนใจตรงนี้เพราะเป็นแค่คำพูด ยังทำเป็นไม่สนใจได้ แต่ที่เป็นปัญหาก็คือเขามาประชิดตัวเราและเดินตาม และหันไปพูดกับเพื่อนว่า “กลับบ้านก่อนนะ กลับบ้านแล้วนะ” อารมณ์เหมือนแฟนมาแล้ว และเขามาเดินติดกับเราเลย เราก็ไม่พูดอะไร รีบเดินอย่างเดียว พอถึงที่พักก็รีบวิ่งเลย เพราะทางเดินกลับมันคั่นกันแค่คูหาเดียว และเป็นซอยที่เข้าออกทางเดียว เขานั่งรวมตัวกัน 7-8 คน ทุกวันเลยยกเว้นวันที่ฝนตก เขาอายุก็กลางคน ประมาณ 30 - 50 ปี เป็นแก๊งพวกชอบนั่งกินเหล้าหน้าบ้าน น้ำอยู่หอคนเดียว แต่ว่ามีแฟนมาหาเดือนหนึ่งก็ 4 - 5 ครั้ง เราเคยเดินมากับแฟนแต่พวกเขาน่าจะไม่เห็น เพราะบางทีเรากลับดึก ถ้าแฟนมา กลุ่มนั้นก็เลิกกินกันแล้ว เราก็บอกแฟนนะเพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่ 2 แล้วและเราก็กลัว แฟนก็บอกว่าจะเคลียร์งานและมาหาเราพรุ่งนี้ ช่วงกลางคืนแก๊งนี้เขาก็จะนั่งถึงเที่ยงคืนตีหนึ่ง ร้านค้าแถวนั้นก็จะปิดหมดแล้ว ในซอยก็เลยจะมีแต่คนกลุ่มนี้ที่นั่งอยู่ เราอยู่ที่ห้องเช่านี่มาได้ 4 - 5 ปีแล้ว และตอนนี้ก็ยังไม่เคยคิดที่จะย้ายเพราะตึกที่อยู่ตอนนี้ก็ราคาสอดคล้องกับรายได้ของเรา แต่แก๊งนี้เขาก็อยู่มานานกว่าเราอีก เราเคยคุยกับเพื่อน เพื่อนก็บอกว่าไม่เคยมีใครโดนแบบนี้ ปัญหาของน้ำวันนี้ที่อยากจะปรึกษาดีเจทั้ง 3 คนคือ เราจะรับมืออย่างไรดี? อยากได้ทางออกจากพี่ ๆ ดีเจทั้ง 3 คน’ เริ่มด้วย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าพวกเขานั่งกันอยู่ตรงนั้น แล้วถึงขั้นเดินตามแบบนี้ค่อนข้างน่ากลัว ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเรา การเข้าออกซอยถ้ามันดึก หนูอาจจะเลี่ยงด้วยการไม่เดินเข้า หรือนั่งมอเตอร์ไซค์เข้ามา แบบนี้น่าจะเลี่ยงได้ เราไม่ต้องไปปะทะ ไม่ต้องไปอยู่ให้เขาทำจนเคยชิน จนรู้สึกว่าสามารถทำอะไรกับเราได้แบบไม่ขัดขืน หรือเราเปิดอกคุยกับเขาไปเลยว่า “ขอโทษนะคะ อย่าทำแบบนี้เลยหนูเป็นผู้หญิงคนเดียวแบบนี้มันตราย หนูไม่สบายใจเลย” การที่แฟนหนูมาพรุ่งนี้ เราอาจจะขอให้เขาอยู่หลายวันนิดนึง ให้ผู้ชายกลุ่มนั้นรู้ว่าหนูมีแฟนอยู่’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เราคงต้องให้แฟนมาส่ง ถ้าเกิดเราอยู่คนเดียว ก่อนที่หนูจะเข้าไปคุยกับเขา อาจจะถามดีๆ เพื่อดูท่าทีและประเมินสถานการณ์ก่อน ถ้าเป็นคนดี เราก็พูดบอกไปว่า “หนูค่อนข้างไม่สบายใจเวลาเดินแล้วมีคนมาแซว ขอโทษจริงๆ นะคะ” แต่ถ้าคนกลุ่มนี้พูดไม่ดีเราก็หันหลังเดินกลับเลย คนพวกนี้สื่อสารด้วยไม่ได้ คุยช่วงหัวค่ำยังได้แต่ช่วงดึกไม่แนะนำ หลังจากนั้นก็เดินกับแฟนบ่อยๆ ธงสุดท้ายของเราคือการย้ายออก’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อันดับแรกเราต้องเลี่ยงเองก่อน นั่งมอเตอร์ไซค์ตรงเข้าไปเลย หรือเลี่ยงเดินผ่านเวลาที่เขานั่งกินเหล้า ถ้าเลี่ยงไม่ได้ แนะนำธงสุดท้ายคือการย้าย ถ้าเราต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ทุกวัน เอาส่วนต่างมาเทียบกันในแต่ละเดือนที่จะต้องจ่ายเพิ่ม 500 - 1,000 บาท หรือหาห้องดีๆ ที่ราคาใกล้เคียงกัน’เรื่องราวทั้งหมดนี้จะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App AtimeFung Fin

เธอจะมีใจรึเปล่า... 8 ปีที่แล้ว ผมสนิทกับเพื่อนคนนึงมากๆ มาวันนี้ผมเปิดตัวว่าเป็น LGBTQ+ หน้าเค้าแวบมาในหัวผมตลอด จะกลับไปบอกความรู้สึกเพื่อนดีไหมว่า "เราชอบเขา"

03 พ.ย. 2023

เธอจะมีใจรึเปล่า... 8 ปีที่แล้ว ผมสนิทกับเพื่อนคนนึงมากๆ มาวันนี้ผมเปิดตัวว่าเป็น LGBTQ+ หน้าเค้าแวบมาในหัวผมตลอด จะกลับไปบอกความรู้สึกเพื่อนดีไหมว่า "เราชอบเขา"

“คุณเอ็ม (นามสมมุติ)” อายุ 28 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (1 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก -ดีเจเติ้ล - ดีเจพี่อ้อยเกี่ยวกับปัญหาเคยมีเพื่อนสนิทชาย แต่พอโตมาเราก็เปิดตัวเป็น LGBTQ+ ตอนนี้ลังเลใจว่าจะบอกเขาดีมั้ยว่าเมื่อก่อนเราเคยรู้สึกดีกับเขา โดย “คุณเอ็ม (นามสมมุติ)” ได้เริ่มเล่าว่า ‘จริง ๆแล้วขอเท้าความไปตอนสมัยมัธยม ตอนนั้นมีเพื่อนคนนึง ที่อยู่คนละกลุ่ม แต่เราก็สนิทกันพอสมควร ไปเรียนพิเศษด้วยกัน หรือไปไหนมาไหนด้วยกัน ในช่วงเวลานั้นมันก็เกิดบางโมเมนต์ที่ทำให้รู้สึกว่า เค้าแหย่เรา เล่นกับเรา แต่ในตอนนั้นด้วยบริบทของสังคมด้วย เราเลยไม่ยอมรับกับตัวเองว่าเป็น LGBTQ+ หลังจากจบมัธยมไปเราก็แยกย้ายกัน จะมีช่วงปีหนึ่งที่เรายังพอได้ติดต่อกันบ้าง พอเวลาผ่านไปประมาณปี3 - ปี4 เราก็ขาดการติดต่อกันไป ทีนี้พอหลังจากเรียนจบได้สักระยะนึง เราเองก็เริ่มยอมรับตัวเองแล้วว่าเราเป็น LGBTQ+ แล้วมันก็เกิดความรู้สึกค่อนข้างที่จะคิดถึงเพื่อนคนนี้ จริง ๆที่ผ่านมาเราไม่ได้เจอกันประมาณ 8 ปีและไม่ค่อยได้ติดต่อกันเลย เพิ่งมีช่วงหลัง ๆเห็นเค้าอัปเดตโซเชียล ก็เลยมีทักไปคุยเล่นบ้าง ทีนี้พอเรามาตกตะกอนความคิดตัวเองดูแล้ว มันรู้สึกว่าตอนนั้นที่เรารู้สึกสนิทกับเค้า รู้สึกดีกับเค้า หรือจริง ๆแล้วมันเป็นเพราะว่าเราชอบเค้าในวันนั้น แต่ก็ไม่ได้บอกอะไรเค้าไป เราเลือกที่จะเก็บเรื่องนี้เอาไว้ ซึ่งสถานะเขาที่เรารู้ตลอดช่วงที่รู้จักกันมาค่อนข้างมั่นใจว่าเค้าไม่ใช่ LGBTQ+ แต่ในตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไง แต่ตอนนี้เรื่องที่เก็บเอาไว้มันทำให้รู้สึกคาใจ ติดอยู่ในใจอยู่ตลอด เลยคิดอยู่หลายครั้งว่าหรือเราจะบอกเค้าไปดีว่า ณ วันนั้นเรารู้สึกดีกับเค้า ในตอนนี้เราก็ไม่ได้มีใครที่จะศึกษาด้วย ถ้าเค้ารู้สึกโอเคกับเรา เราก็โอเคเหมือนกันที่จะลองคุย แต่ถ้าเกิดไม่โอเค เราเองก็ไม่ได้อะไร มันเหมือนเป็นความรู้สึกดีมาโดยตลอด ทีนี้เมื่อสักกลางเดือนตุลาที่ได้คุยเล่นกัน เราก็มีแพลนว่าจะนัดไปทานข้าวด้วยกันสักมื้อนึง จริง ๆก็ได้พูดคุยกับเพื่อนมาบ้างแล้วว่าควรพูดหรือไม่พูดดี ซึ่งเราเองก็มีคำตอบในใจคิดไว้ว่าจะไม่พูด เพราะเหมือนตามตรรกะแล้วมันดูเหมือนไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดไป วันนี้เลยอยากปรึกษาว่า อยากรู้ว่าในวันที่เรากลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้งนึง มันคาใจอยู่ มันจะมีวิธีไหนไหมที่ทำให้เราไม่คาใจ และกลับมาตั้งคำถามว่าเราจะไปบอกเค้าดีไหม มันก็มีความแอบหวังนิดนึง แต่เราก็ไม่รู้ว่าจริง ๆตอนนี้เค้ารู้สึกหรือเป็นยังไงบ้าง’ “ดีเจเติ้ล” เริ่มให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้ามันรู้สึกคาใจขนาดนั้นพี่ว่าเอ็มพูดก็ได้นะ แต่เอ็มต้องพูดโดยที่เอ็มไม่คาดหวังว่าเค้าจะมารู้สึกดีกับเอ็ม และต้องยอมรับให้ได้ว่าถ้าพูดแล้ว แล้วเค้ามีปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปเลย หรือมึนใส่ หรืออะไรไม่รู้ ที่ไม่ใช่ทางที่ดี เอ็มต้องยอมรับอันนี้ให้ได้ว่าเอ็มจะไม่เสียใจ ถ้าพูดออกไปเพราะว่าความรู้สึกของเอ็มที่ความทรงจำอันนั้นมันนานมาก พี่ก็เคยเป็นเหมือนเอ็ม เหมือนมีเพื่อนมัธยมบางคนที่เรารู้สึกว่า เค้าคิดอะไรกับเราหรือเปล่า หรืออะไรอย่างเนี่ย แต่พอมันโตมาจนถึงตอนนี้ถึงรู้ว่า มันเป็นแบบนี้ นิสัยผู้ชาย หมายถึงว่า ณ ตอนนั้นเค้าอาจจะมาอยู่ใกล้ชิดกับเรา เพราะสังคมชาย ความวัยรุ่น ความฮอร์โมน ที่พอโตมาแล้วจะรู้ว่ามันไม่ได้คิดอะไรหรอก แค่ตอนนั้น พอโตขึ้นมันก็ไปมีเมียมีลูกอะไรของมัน ไม่ได้เหมือนเราที่พอค้นพบทางแล้วเราก็เดินตรงสายนี้อย่างแน่วแน่มมั่นคงเลย พี่ก็เลยแค่ความทรงจำของเอ็มตอนนั้นมันนานจนว่าเราไม่สามารถไปมั่นใจได้ว่าในตอนนั้นที่เค้ารู้สึก ซึ่งเรายังรู้สึกมาถึงทุกวันนี้ แล้วถ้าตอนนั้นเค้ารู้สึก เค้าจะยังรู้สึกมาจนถึงทุกวันนี้หรือเปล่า หรือจริง ๆตอนนั้นเค้าไม่ได้รู้สึกแต่เราเข้าใจไปเองว่าเค้ารู้สึก มันเป็นไปได้หลายทางมาก แต่ถ้าคุณเอ็มรู้สึกมันคาใจจริง ๆ สมมุติถ้าเป็นพี่นะพี่ก็คงไม่ใช่กินข้าวกันก็มาบอกแบบ ‘เออเรามีไรจะบอกอะ เราชอบเธอนะแต่ตอนนั้นเรารับตัวเองไม่ได้’ พี่ว่าอย่างนี้อีกฝ่านนึงถ้าตามละครก็อาจจะ ‘เอ็มเราก็ชอบเธอเหมือนกัน’ หรือ ‘เดี๋ยวมานะไปห้องน้ำก่อนนะ’ สถานการณ์มันจะเปลี่ยนไปเลย เพราะฉะนั้นพี่จะทำให้มันผ่อนคลาย ดูจังหวะดีดี ไม่เอาเรื่องนี้เป็นวัตถุประสงค์หลักในการเจอเค้า พี่จะแบบคุยไปเรื่อย คุยเรื่องขำ ๆตลก ๆ นั่นนู้นนี่แล้วมันจะมีจังหวะเหมือนคุณเอ็มต้องดูจังหวะดีดี ‘แบบตอนนั้นกูชอบมึง คือตลกตัวเองมากขำมาก’ ให้มันดูว่าเราไม่ได้คาดหวังจากประโยชน์ที่พูดออกไป แต่ว่าแค่ทำให้เค้ารู้ว่าเรื่องในอดีต มันตลกนะ แล้วหลังจากนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้น มันก็จะมีมาเองขึ้นอยู่ที่ปฏิกิริยาของเค้า’ ต่อมาที่ “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘ตอนแรกคือประเมินความเสี่ยงก่อน สถานการณ์ที่ดีที่สุดที่จะเกิดขึ้นได้ กับสถานการณ์ที่แย่ที่สุดที่จะเกิดขึ้นได้ ถ้าเราบอก ดีที่สุดก็คือทุกอย่างเหมือนเดิม ความสัมพันธ์เหมือนเดิม ผมไม่มองว่าดีที่สุดคือการได้คบกันด้วยนะ ดีที่สุดคือบอกออกไปแล้วไม่มีอะไรเสียหาย เรายังคงความสัมพันธ์แบบนี้ต่อไปได้จะมากขึ้นหรืออะไรแล้วแต่ แย่ที่สุดคือความสัมพันธ์นี้เปลี่ยน ที่เรามีกันอยู่ 8 ปีครั้งเนี่ยหาย อันนี้คือสิ่งที่เอ็มต้องประเมิน บอกแล้วเหมือนเดิม หรือบอกแล้วทุกอย่างเปลี่ยนไปอะนี้ประเมินก่อนอย่างแรก แต่เห็นด้วยกับเติ้ลด้วยว่า วิธีการบอกมีผลสำคัญมากต่อผลลัพธ์ เราสามารถประโยคเดียวกัน แต่ด้วยวิธีการพูดด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน ผลลัพธ์อาจจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลย แบบที่เติ้ลพยายามแสดงให้ดูคือถูกต้องมาก ๆถ้าเราไปมองต้าเค้า หรืออะไรก็แล้วแต่มันจะให้ผลแบบนึง ถ้าเราพูดในเชิงตลกติดตลกก็อาจจะให้ผลอีกแบบนึง แต่ว่าเท่าที่ฟังดูเอ็มดูไม่ได้เป็นคนมีมุกเฮฮา ดูนิ่ง ๆเพราะฉะนั้นถ้าเราจะเช็คลมฟ้าอากาศว่าบอกเราได้ไหม สถานการณ์เป็นยังไง ก็ทำทุกอย่างให้มันปกติแล้วพี่ว่า Point แรกที่เราอาจจะอยากลองเช็คดูก่อนก็คือการบอกเค้าอย่างเป็นทางการว่าเราเป็น LGBTQ+ อันนี้คือขั้นแรกแล้วเราจะดูท่าทางว่าเค้าว่ารู้แล้ว แล้วยังไงต่อ เราควรจะไปสเต็ปสองไหมว่า เมื่อเราเป็นแล้ว‘แล้วรู้มั๊ย อีกอย่างนึงนะสมัยมัธยมกูคิดย้อนไปกูชอบมึงแน่เลยวะ’ อะนี่จะตามมาถ้าจากคำชี้แจงแรก แล้วเค้าแบบ ‘รู้แล่ว รู้ตั้งแต่ตอนนู้นแล้วทุกอย่างจะคลี่คลาย’ หรือถ้าเค้าแบบ ‘เอ่าหรอ หรืออะไรเราค่อยเตรียมแผนกันอีกที มันอาจจะเริ่มต้นจากการ ‘ทุกวันนี้เป็นยังไง มีลูกมีเต้าหรือยัง’ เช็คก่อนตามมารยาทเค้าก็อาจจะถามกลับ เราก็มีสิทธิ์ที่จะบอกของเรา ‘โอ้ย ของเราไม่มีหรอก’ มันอาจจะเป็นช่องให้เราได้บอกก่อนอย่างแรก ถ้า Point เคลียร์ได้ค่อยคิดสเต็ปสอง ทีนี้ถ้าไม่บอกเลยได้มั๊ย พี่ว่ามันก็ได้นะ หมายถึงว่าคนเรามันจะมีร้อยแปดพันเรื่อง สิ่งที่ไม่เคยบอกแล้วมันก็คงไม่มีวันบอกออกไปเยอะแยะมากมาย แล้วมันก็จะเป็นความทรงจำอีกแบบนึงที่จะอยู่กับเราไป บางคนก็เลือกที่จะให้มันเป็นตอนจบที่ไม่มีตอนจบแบบนี้แหละ เพราะว่าอย่างที่บอก worst cases หรือ best case scenario ที่มันจะเกิดขึ้นเราไม่รู้หนิ บางคนเค้าก็ไม่อยากเสี่ยง เค้าก็ปล่อยให้มันเป็นหนังอินดี้ที่ไม่มีตอนจบไปเรื่อย ปลายเปิดดีกว่า เค้าสุขใจกว่าในแบบนั้น มันก็ได้’ ปิดจบกันที่ “ดีเจพี่อ้อย” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่อ้อยว่าก่อนจะคุยกับเค้า เอ็มคุยกับตัวเองก่อน เอ็มคิดถึงเค้าเมื่อตอน 8ปีก่อนนะ เอ็มคิดถึงภาพที่ตอนนั้นเราอยู่ใกล้ ๆกันใช้เวลาด้วยกัน แต่วันนี้เราห่างหายกันไปตั้งกี่ปีแล้ว เพราะฉะนั้นเรายังติดภาพเค้าในอดีตอยู่เลย แต่ภาพในปัจจุบันเหมือนเราไม่เคยรู้จักกันเลย เอ็มไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้สถานะภาพเขาเป็นยังไง มีแฟนหรือเปล่านะ เอ๊ะ ตอนนั้นก็เป็นชายแท้ ตอนนี้หรือตอนนั้นเค้ายังไม่เปิดตัวเรายังไม่รู้อะไรเลย เพราะฉะนั้นพี่ยังไม่ค่อยได้ไปที่การคาดหวังว่าการไปเจอกันครั้งนี้จะบอกหรือไม่บอก เพราะการเจอกันครั้งนี้ มันอาจจะเป็นแค่การตัดริบบิ้นว่าความสัมพันธ์ที่หายไปตั้งนาน กลับมาเจออีกครั้งนึงภาพเก่า ๆกลับมาทั้งคู่ พี่ว่ามันไปที่ละขั้นก่อนนะน้อง ฝันให้ใกล้แล้วไปให้ได้ก่อน เพราะรับรู้มันไม่ได้แปลว่ารับรักนะ แล้วถ้าเกิดบังเอิญเค้าแค่อยากมากินข้าวกับเพื่อน แบบคิดถึงจังเลยวะ แล้วอยู่ ๆเข้าสู่โหมดแห่งการสารภาพรัก พี่รู้สึกว่ามันมีความตกใจ อย่าลืมนะว่าความรู้สึกของเรานั้นไม่เท่ากันอยู่ และอันนึงนะเอ็มถ้าเกิดคนสองคนดันมีความรู้สึกเดียวกันจริง ๆเค้าจะไม่ทุลนทุลายอยากบอกเราบ้างหรอ ทำไม่ถึงเรารู้ว่าสึกว่าเป็นเราฝ่ายเดียวต้องมีหน้าที่บอกรัก หรือไม่บอกรัก ถ้าบังเอิญความสัมพันธ์ที่มันเกิดขึ้นนะตอนนี้ แล้วเป็นความสัมพันธ์ที่เราถูกใจกันทั้งคู่ คนรักมาก ๆอยากบอกทั้งนั้นแหละ เราชอบเรายังอยากบอกเลย เพียงแค่พี่รู้สึกว่า ณ วันเวลานี้เรารู้จักกันน้อยจังเลย’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูบูชาปี่เซียะมา ร้านแนะนำให้ทำพิธีก่อนเริ่มวันใหม่ วันนั้นกลับมา ห้าทุ่มครึ่ง เหลือเวลาครึ่งชั่วโมง รีบจุดธูป ทำพิธี แล้วไปอาบน้ำ ออกมาควันเต็มห้อง แฟนโกรธมาก แต่เราดันไปถามว่า "เธอเห็นตัวเลขบนรูปไหม?" เพราะตอนเช้าวันที่ 16 แล้ว แฟนด่าเราใหญ่เลย

25 พ.ย. 2024

หนูบูชาปี่เซียะมา ร้านแนะนำให้ทำพิธีก่อนเริ่มวันใหม่ วันนั้นกลับมา ห้าทุ่มครึ่ง เหลือเวลาครึ่งชั่วโมง รีบจุดธูป ทำพิธี แล้วไปอาบน้ำ ออกมาควันเต็มห้อง แฟนโกรธมาก แต่เราดันไปถามว่า "เธอเห็นตัวเลขบนรูปไหม?" เพราะตอนเช้าวันที่ 16 แล้ว แฟนด่าเราใหญ่เลย

หนูบูชาปี่เซียะมา ร้านแนะนำให้ทำพิธีก่อนเริ่มวันใหม่ วันนั้นกลับมา ห้าทุ่มครึ่งเหลือเวลาครึ่งชั่วโมง รีบจุดธูป ทำพิธี แล้วไปอาบน้ำ ออกมาควันเต็มห้อง แฟนโกรธมาก แต่เราดันไปถามว่า"เธอเห็นตัวเลขบนรูปไหม?" เพราะตอนเช้าวันที่ 16 แล้ว แฟนด่าเราใหญ่เลย หนูผิดมากหรอคะ? “คุณส้ม (นามสมมติ)” อายุ 30 ปี สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคือวันพุธที่ [20 พ.ย. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับเรื่องบูชาปี่เซี๊ยะจนเกือบไฟไหม้บ้านแฟน โดย “คุณส้ม (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า สำหรับตัวหนูเป็นคนที่มีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องปี่เซี๊ยะ ก็เลยไปซื้อปี่เซี๊ยะที่ร้าน ๆ นึงมา โดยทางร้านเขาก็บอกว่า จะมีวันที่ที่ต้องบูชาตาม วัน/เดือน/ปี/เกิด ของหนู พอเสร็จเรียบร้อย วันนั้นหนูกลับถึงบ้าน 5 ทุ่มครึ่ง คืออีกครึ่งชั่วโมง มันเป็นวันเกิดของหนู ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่หนูต้องบูชา ไม่งั้นมันจะเลยฤกษ์ แล้วหนูต้องนอนกับแฟนที่บ้าน แต่หนูต้องบอกก่อนว่าแฟนหนูเป็นคนใจเย็นมาก ไม่พูดคำหยาบ เรียบร้อย สุภาพ ทีนี้หนูก็ทำพิธีอย่างรวดเร็ว แบบว่ามันก็จะมีพาน แต่หนูไม่ได้ไปจุดธูปข้างล่าง เพราะคนอื่นเค้านอนกันหมดแล้ว หนูก็เลยขออนุญาตแฟนว่า ขอจุดในห้องนอนได้ไหม แค่แบบแปปเดียวจริง ๆ มันก็จะมีธูป มีแผ่นทอง มีกำไล มีเส้นแดง หนูก็จุดเรียบร้อย ทีนี้ระหว่างรอธูปดับ หนูก็ไปอาบน้ำ พอหนูอาบน้ำเสร็จ หนูคิดในใจ หนูจะได้เลขเด็ดแล้ว แต่พอออกมาจากห้องน้ำ เห็นแฟนกำลังพัด คือเหมือนธูปมันจะมอด ใกล้จะดับ แต่กลิ่นมันโขมงมาก สิ่งที่หนูเห็น หนูก็อึ้ง หนูทำไร ไม่ถูก แต่แฟนหนูก็เคลียร์ทุกอย่าง ทั้งธูป ทั้งควัน เสร็จแล้วเขาก็พูดว่า เฮ้ยส้ม!! ทำไมเธอถึงทำแบบนี้ ฉันเตือนแล้ว มาเป็นชุด หนูก็เลย ทำไรไม่ถูก เสร็จปุ๊ปหนูก็เลยเดินไปถามเขาดี ๆ ว่า ‘เธอ ๆ เธอเห็นเลขไหม?’ คำถามนี้แหล่ะมันเลยทำให้เค้าโมโหหนักกว่าเดิม หนักกว่าเดิมแบบว่า เฮ้ย!! ส้มทำไมเธอถึงถามฉันด้วยคำถามแบบนี้วะ แทนที่จะมาดูว่าบ้านเป็นอะไรไหม? หนูก็เลยยืนงงอยู่ แฟนหนูก็เลยพูดต่อว่า ทำไมส้มโตแต่ตัว ทำไมส้มไม่ใช้สมองเลย เราคบกันมานานมาก คำพูดเหล่านั้นหนูไม่เคยได้ยินจากปากเขาเลย วันนี้ได้ยินแล้วค่อนข้างอึ้ง หนูก็เลยตะคอกกลับไปว่า หุบปากได้ไหม!! แล้วเค้าก็สบถคำที่ค่อนข้างทำให้หนูตกใจ หลังจากคืนนั้น คือก้นชนก้น ไม่พูดไม่จา ไม่อะไรกันทั้งนั้น คือคิดในใจแล้วว่า ‘หนังสือเล่มสุดท้ายของชีวิตล่ะ’ คือกำลังจะโบกมือบ๊ายบายกันแล้ว แต่สุดท้ายคือหนูก็ตกลงกันว่าโอเค ปรับความเข้าใจกัน คำถามที่หนูอยากจะถามพี่ๆดีเจคือ “หนูรู้นะหนูผิดตรงที่หนูไม่รู้ หนูไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ อยากรู้แค่ว่าหนูผิดมากไหม? ที่ต้องมาพูดแรงกับหนูขนาดนี้” ทางด้านดีเจทั้ง 3 ท่าน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” ให้ความคิดเห็นพร้อมกันไปในทางเดียวกันว่า ‘มากกก’ ส้มผิดมากค่ะ ส้มสมควรโดนด่า ถูกต้องแล้ว ไม่โดนทำร้ายกายก็ดีแค่ไหนแล้ว ต้องขอบคุณแฟนของส้มที่เตือนสติส้ม นอกจากนี้ “ดีเจต้นหอม” ยังพูดทิ้งท้ายอีกว่า ‘กลับไปบ้าน แล้วไปนวดแข้ง นวดขา นวดบ่าเขาให้ดี ดีที่เค้ายังไม่บอกเลิก ‘หนังสือเล่มสุดท้าย’ เค้าควรเป็นคนพูด...’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1