ประสบการณ์ชวนตระหนกตกใจและขนหัวลุกนี้ เป็นของ ‘หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ’ ที่ได้เข้ามาร่วมแชร์ประสบการณ์หลอนในรายการ ‘อังคารคลุมโปง’ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (8 พฤศจิกายน 2565) เรื่องที่นำมาเล่าจะน่าตกใจและเสียวสันหลังขนาดไหน เราสรุปไว้ให้คุณอ่านข้างล่างนี้แล้ว กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘สายใยของครอบครัว’
‘หมอบี’ เล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมาไม่นาน และเหตุเกิดที่ต่างประเทศ โดยมีผู้ว่าจ้างคนหนึ่งสงสัยว่า ‘พี่ชาย’ ถูกของเข้า และอยากให้มาช่วยดูพฤติกรรมแปลก ๆ ของ ‘อาม่า’ ด้วย
ต้องบอกก่อนว่าครอบครัวนี้ค่อนข้างมีอิทธิพลและร่ำรวย ชาวบ้านแถวนั้นต่างก็รู้จักกันดี เมื่อไปถึง ผู้ว่าจ้างก็บอกว่าพี่ชายของเขามีอาการผิดปกติ และยังไม่มีใครเห็นพี่ชายมานานเป็นเดือนแล้วด้วย ทางผู้ว่าจ้างเองก็ยืนยันและมั่นใจว่า พี่ชายของเขาถูกทำของใส่โดยพี่สะใภ้แน่นอน นอกจากนี้ ‘อาม่า’ หรือแม่ของผู้ว่าจ้าง ที่เรียกได้ว่ามีอำนาจสูงสุดของบ้าน ก็ยังคอยซื้อวัตถุดิบต่าง ๆ ไปทำอาหารที่บ้านของพี่ชายอยู่ทุกวัน แม้จะไม่มีใครเคยเห็น แม้แต่เงาของพี่ชายและครอบครัวเลยก็ตาม..
ถึงอย่างนั้น ‘อาม่า’ ก็ยืนกรานว่าครอบครัวของเธอไม่มีอะไรผิดปกติ อยู่กันอย่างมีความสุข ลูกสะใภ้ก็ทำตัวดีไม่มีปัญหาอะไร และไม่ยอมให้หมอบีเจอเดินทางไปบ้านของพี่ชาย หมอบีจึงจำใจยอมแพ้และกำลังจะออกจากบ้านหลังนั้น แต่น้องหมาสูงอายุที่นอนติดเตียง เพียงแค่หายใจก็ยังยากลำบาก ซึ่งโดยปกติแล้วจะนอนอยู่เฉยๆ ไม่มีปฏิกิริยากับใคร อยู่ ๆ ก็ตะเกียกตะกายตัวเข้ามาขวางหมอบีไว้ไม่ให้ออกจากบ้าน คนในบ้านเองก็แปลกใจว่าทำไมน้องถึงทำแบบนี้ แต่หมอบีเองก็ไม่ได้สนใจ จึงเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่น้องก็ยังคลานมาขวางหมอบีอีกอยู่ดี หมอบีจึงทำได้เพียงลูบหัวและส่งความรู้สึกบอกน้องไปว่า “ไม่เป็นไรนะ ถ้ามีอะไรจะช่วยเต็มที่” สุดท้ายก็เดินออกจากบ้านไป
ในคืนนั้น ทางผู้ว่าจ้างก็ได้โทรมาหาหมอบีและบอกว่า น้องหมาตัวนั้นได้ส่งเสียงหอนโหยหวนที่หน้าประตูห้องของพี่ชาย (เดิมเคยอยู่บ้านหลังนี้ แต่ปัจจุบันย้ายออกไปมีบ้านเป็นของตัวเอง) เรียกได้ว่าผิดปกติกว่าทุกครั้ง เพราะมันไม่เคยเห่าหรือหอนมานานมากแล้ว..
วันรุ่งขึ้น หมอบีก็ไปที่บ้านหลังนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ทุกคนในบ้านก็พยายามช่วยพูดให้อาม่ายอมใจอ่อนพาไปหาพี่ชายที่บ้านอีกหลัง อาม่าจึงบอกให้พิสูจน์อะไรบางอย่าง ถ้าเชื่อว่าช่วยได้จะยอมพาไป หมอบีจึงทำบางสิ่งบางอย่างให้อาม่าเชื่อ (หมอบีขอละตรงนี้ไว้เป็นความลับ) เมื่ออาม่าเชื่อแล้ว จึงบอกว่าจะพาไป แต่มีเงื่อนไขว่าหมอบีจะต้องไปคนเดียวเท่านั้น!
พอไปถึงบ้านของพี่ชาย หมอบีก็ได้ยินเพื่อนบ้านโวยวายเรื่องกลิ่นเหม็นที่มาจากบ้านหลังนี้ และเมื่อได้เดินเข้าไปในบ้าน หมอบีก็ได้กลิ่นเหม็นที่ว่านั้นเข้าอย่างจัง หมอบีคิดในใจว่าจะต้องมีศพที่เน่าจนหนอนขึ้นยั๊วะเยี๊ยะเต็มไปหมดแน่นอน แต่ภาพที่เห็นกลับเป็นอาหารเน่าบูดกองใหญ่วางซ้อนกันอยู่บนโต๊ะอาหาร สภาพเละเทะเกินจะบรรยาย แต่เมื่อหันกลับมามองที่อาม่า ท่านกลับมีสีหน้าเรียบเฉยจนผิดปกติ แถมอาม่ายังบอกอีกว่า ก็เนี่ยไง ยังอยู่กันดี เป็นปกติ อาม่าก็ยังมาทำอาหารให้ ‘พวกเขา’ กินทุกวันอยู่เลย นั่นทำให้หมอบีรู้สึกขนหัวลุกกับพฤติกรรมแบบนี้ และเกิดข้อสงสัยว่า “แล้วอาม่าทำอาหารให้ใครกิน?”
เมื่อเดินไปห้องนั่งเล่นของบ้าน ทีวีถูกเปิดทิ้งไว้ อากาศในห้องเย็นเฉียบ และหมอบีก็รู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง ภาพตรงหน้าคือก้อนอะไรบางอย่างที่ถูกมัดกันจนมีรูปร่างคล้ายกับคนในสภาพนั่งอยู่บนโซฟา และมีอะไรบางอย่างที่หมอบีก็ยังไม่ทราบ ถูกนำมาแปะจนกลายเป็นใบหน้า วาดปากฉีกยิ้มชวนเสียวสันหลัง หมอบีเล่าว่าหุ่นนี้ประกอบไปด้วย ‘พี่ชาย’ และลูกของพี่ชายอีก 2 คน อาม่าบอกเพิ่มเติมว่า “ก็เนี่ยไง ลูกชั้นก็อยู่ตรงนี้”
สักพักนึง อาม่าก็พาเดินเข้าไปที่ครัว ซึ่งหมอบีเองก็สัมผัสได้ว่าครัวนี้ถูกใช้ทำอาหารเป็นประจำ มีการเก็บล้างอย่างดี หมอบีคิดในใจ 2 อย่าง อย่างแรก อาม่าอาจมีอาการป่วยทางจิต และสอง ลูกสะใภ้หายไปไหน? เมื่อเดินดูข้างในบ้านเสร็จแล้ว หมอบีจึงเดินออกมาสำรวจนอกบ้าน รวมทั้งได้ข้อมูลสำคัญจากเพื่อนบ้านแถวนั้นว่า ในทุกวัน ๆ ลูกสะใภ้จะพาอาม่ามาที่บ้านในช่วงเย็น
หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายพิสูจน์หลักฐานก็ได้เข้ามาตรวจสอบบ้านหลังนี้ หมอบีก็ถูกเรียกตัวให้ไปที่บ้านหลังเกิดเหตุนั้นอีกครั้ง จึงได้ทราบว่า หุ่นที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่มีอะไรบางอย่างแปะไว้เป็นใบหน้า มันคือหน้าจริง! หมอบีอธิบายต่อว่ามันคือชิ้นเนื้อเละ ๆ ที่ถูกนำมาตัดแต่ง และติดเข้าไปที่หุ่น เมื่อเข้าไปในครัว และเปิดข้างล่างซิงก์ล้างจานออก ก็พบกับหุ่นของผู้หญิงนั่งคดคู้อยู่ใต้ซิงก์ อีกมือถือมีดอยู่ในท่าเตรียมจะจ้วงอะไรบางอย่าง และเช่นกัน ใบหน้านั้นคือเศษชิ้นเนื้อที่ถูกตัดแต่งจนเป็นใบหน้าที่มีรอยยิ้มอย่างสยดสยอง!
กลายเป็นว่าทุกคนที่ตามหา เสียชีวิตไปหมดแล้ว เมื่อสืบให้ลึกขึ้นก็พบว่าศพทั้งหมดนั้น ถูกนำไปทำพิธีและฌาปนกิจเรียบร้อยทุกอย่างแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ ส่วนทางด้านอาม่าก็มีอาการเบลอ คุยด้วยไม่ได้ หมอบีไม่สามารถสอบถามอะไรอาม่าเพิ่มเติมได้เลย หลังจากนั้นได้มีการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า หุ่นเหล่านั้นมีอาหารปนเปื้อนอยู่ อาจจะเป็นอาม่าที่ป้อนอาหารเข้าไปก็เป็นได้ ซึ่งอาหารเหล่านั้นเมื่อตรวจสอบดูอีกทีก็พบว่ามีเศษชิ้นเนื้อของลูกสะใภ้ปะปนอยู่ด้วย หมอบีเล่าต่อว่าเนื้อพวกนี้ เขาจะแยกเก็บไว้เป็นบางส่วนเพื่อทำฮวงซุ้ย และอาจจะถูกขโมยออกมาก็เป็นได้
นอกจากนี้ตำรวจยังได้สืบหาเบาะแสเพิ่มเติมพบว่า ลูกสะใภ้มักจะถูกผู้เป็นสามีทำร้ายร่างกายอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยปริปากบอกใคร และพยายามดูแลครอบครัวให้ดีที่สุดอยู่เสมอ ในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ เธอก็มักจะพาอาม่าไปซื้อวัตถุดิบเพื่อมาทำอาหารทุกวัน นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมหุ่นของลูกสะใภ้จึงถือมีดและอยู่ในท่าพร้อมที่จะทำร้ายคนอื่นอยู่นั่นเอง
หมอบีเล่าต่อว่า ศพทั้ง 4 ชีวิตนั้น เสียชีวิตไปเป็นระยะเกือบ 1 เดือน ตรงตามกับที่ผู้ว่าจ้างบอกว่าไม่มีใครพบเห็นพี่ชายมาเป็นเวลากว่า 1 เดือน
หลังจากนี้หมอบีก็ยังต้องกลับไปสืบเรื่องนี้ต่ออีกครั้ง เพราะตอนนี้ทางตำรวจเองก็สันนิษฐานว่าคนทำอาจไม่ใช่ลูกสะใภ้ ถ้าอย่างนั้นแล้ว ใครคือคนร้ายตัวจริง? หรือมีอะไรอยู่เบื้องลึกเบื้องหลังโศกนาฏกรรมในครั้งนี้กันแน่...
ชมไลฟ์สดย้อนหลัง