EFM94 ทะยานติด 1 ใน 10 แบรนด์ไทยประเภทสื่อฯ ที่ทำผลงานโดดเด่นบนโซเชียล จัดอันดับโดย Thailand Zocial Awards

ENTERTAINMENT NEWS

EFM94 ทะยานติด 1 ใน 10 แบรนด์ไทยประเภทสื่อฯ ที่ทำผลงานโดดเด่นบนโซเชียล จัดอันดับโดย Thailand Zocial Awards

06 ก.ย. 2022

ในยุคที่แทบทุกอย่างจะถูกครอบด้วยออนไลน์ และมีตัวเลขรวมถึง Data เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้การวัดผลต่างๆ รวมไปถึงประสิทธิภาพของแบรนด์ก็สามารถทำได้อย่างแม่นยำและเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้พัฒนาค่าชี้วัด BRAND SCORE ผ่านเกณฑ์การวัดประสิทธิภาพการสื่อสาร และการพูดถึงแบรนด์บนโซเชียลมีเดียร่วมกับคณะที่ปรึกษาจากหลากหลายแวดวง พร้อมเปิดเผย 10 อันดับแบรนด์ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดบนโลกโซเชียลในช่วงครึ่งแรกของปี 2565

โดยสถานีวิทยุ EFM94 ในเครือ จีเอ็มเอ็ม มีเดีย ถูกจัดอันดับให้ติด 1 ใน 10 ของแบรนด์สื่อภายใต้การดูแลของ กสทช. ที่ทำผลงานบนโซเชียลมีเดียโดดเด่นสูงสุดในช่วงครึ่งปีแรก 2565 โดยได้คะแนนความเชื่อมั่นไปถึง 5.3 และถือเป็นแบรนด์วิทยุเพียงเจ้าเดียวที่ทะยานเข้ามาติดอันดับในครั้งนี้

ซึ่งการจัดอันดับในครั้งนี้รวบรวมคะแนนมาจาก 2 ส่วนคือ ส่วนแรกวัดประสิทธิภาพเชิงปริมาณ ที่พิจารณาจากยอดผู้ติดตามและการเติบโตของผู้ติดตาม, จำนวนความสนใจที่คนบนโซเชียลมีต่อเนื้อหาของแบรนด์ และจำนวนการพูดถึงของแบรนด์บนโซเชียล

ส่วนที่สองเป็นการวัดประสิทธิภาพเชิงคุณภาพ โดยพิจารณษจากสัดสวนการแสดงความคิดเห็นและการส่งต่อเนื้อหาของแบรนด์, การสนับสนุนของแบรนด์โดยการแนะนำให้กับบุคคลอื่น, จำนวนเนื้อหาที่แสดงความสนใจซื้อแบรนด์, ความคิดเห็นของลูกค้าต่อแบรนด์ และความชื่นชอบในเนื้อหาของแบรนด์ ซึ่งการวัดผลประสิทธิภาพนี้ได้รวบรวมผลจากทั้ง 4 ช่องทางโซเชียลมีเดียหลักอย่างเฟสบุ๊ค, อินสตาแกรม, ทวิตเตอร์ และยูทูป

Thailand Zocial Awards เป็นงานประกาศรางวัลโซเชียลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทยและจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้เห็นความสำคัญของการใช้สื่อโซเชียลมีเดียให้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนภาพรวมของสังคม อีกทั้งยังมีแนวคิดในการส่งเสริมให้ใช้โซเชียลมีเดียอย่างสร้างสรรค์ โดยมีการมอบรางวัลเพื่อเชิดชูผู้ใช้โซเชียลมีเดียยอดเยี่ยมในสาขาต่างๆ อาทิ แบรนด์บริการขนส่งสาธารณะ, การเงิน, อสังหาริมทรัพย์, ยานยนต์, อาหารและเครื่องดื่ม, อีคอมเมิร์ซ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และสื่อ

โดยสถานีวิทยุ EFM94 เป็นสื่อบันเทิงที่มีแนวคิดสำคัญในการดำเนินงานเพื่อส่งความสุขให้กับผู้ชมผู้ฟัง ผ่านหลากหลายคอนเทนต์ทั้งเพลง, รายการซุปเปอร์ทอล์ค, ข่าว, พอดแคสต์ ที่พัฒนาให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์และความสนใจของผู้คนในยุคนี้

อ้างอิง
-thailand.zocialawards.com/2022/half-year
- DATAHOLIC

related ENTERTAINMENT NEWS

White Music แจ้งให้ทราบ “เป๊ก ผลิตโชค” ตรวจพบเชื้อโควิด-19 เข้ารับการรักษาตัวแล้ว

30 มิ.ย. 2022

White Music แจ้งให้ทราบ “เป๊ก ผลิตโชค” ตรวจพบเชื้อโควิด-19 เข้ารับการรักษาตัวแล้ว

“เป๊ก ผลิตโชค” ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ช่วงเช้าของวันนี้ (วันที่ 30 มิถุนายน 2565) โดยทางสังกัดไวท์มิวสิก ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งให้ทราบทางเพจเฟซบุ๊คว่า “ขอแจ้งให้ทราบว่า ‘เป๊ก ผลิตโชค อายนบุตร’ ศิลปินในสังกัด มีอาการไข้ขึ้น เจ็บคอ มีน้ำมูก จึงเข้ารับการตรวจ ATK เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 30 มิถุนายน​ 2565 ทางโรงพยาบาลได้แจ้งผลตรวจว่า พบเชื้อโควิด-19 ซึ่งในระหว่างนี้ ‘เป๊ก’ ได้กักตัวและรับการรักษาตัวตามมาตรการที่ถูกต้องต่อไป โดยเป๊กและทีมงานได้แจ้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและผู้ใกล้ชิดในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงให้ทราบแล้ว โดยทั้งหมดได้เข้าสู่มาตรการเฝ้าระวังความปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อย รวมถึงงานทั้งหมดของเป๊กจะถูกเลื่อนออกไปจนกว่าศิลปินจะหายเป็นปกติ” ภาพ : White Music

กันไว้ดีกว่าแก้! อุ๋มอิ๋ม คนเห็นผี แนะควรหรือไม่ควรทำอะไร เพื่อให้ดวงเฮงตลอดปี 66! | อังคารคลุมโปง

12 ม.ค. 2023

กันไว้ดีกว่าแก้! อุ๋มอิ๋ม คนเห็นผี แนะควรหรือไม่ควรทำอะไร เพื่อให้ดวงเฮงตลอดปี 66! | อังคารคลุมโปง

‘อังคารคลุมโปง X’ ที่ผ่านมา (10 มกราคม 2565) ถือได้ว่าเป็นเทปแรกของปี 2566 ‘อุ๋มอิ๋ม คนเห็นผี’ จึงถือโอกาสนี้ เตือนชาวอังคารคลุมโปงถึงสิ่งที่ควรระวังและมีเคล็ดลับเสริมดวงให้เฮงตลอดปี จะมีอะไรบ้างนั้น เชิญอ่านกันเลย!มากันที่คำเตือนกันก่อนคุณอุ๋มอิ๋มบอกว่าปีกระต่ายปีนี้ จะมีเหตุการณ์ผู้สูงอายุเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น ชนิดที่ว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน อาจจะเป็นอุบัติเหตุหรืออยู่ ๆ ก็ไม่หายใจไปเสียดื้อ ๆ ก็มี ดังนั้นหากมีผู้สูงอายุอยู่ในครอบครัว แนะนำให้พาไปตรวจสุขภาพ จะได้รักษาได้ทันท่วงทีอีกเรื่องที่อยากจะเตือนให้ระมัดระวัง คือในช่วงครึ่งปีแรก เศรษฐกิจที่เริ่มจะดีขึ้นบ้างแล้วนั้น หลายคนพอทรงตัว แต่ก็ไม่อยากให้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ยังต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกควบคู่ไปด้วย ใครที่เล่นหุ้น จะเล่นแบบ Long Term ยาก ส่วนเรื่องทอง ยังเป็นทางเลือกที่ดีแต่ไม่ควรลงทุนมากจนเกินไป ไม่ควรลงทุนกับสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามาก และให้ระวังมิจฉาชีพให้มาก ๆ เพราะจะมาในทุกรูปแบบ ต้องระวัง รอบคอบ อย่าลงทุนกับสิ่งที่เราไม่รู้ ส่วนเรื่องที่ดิน กฎหมายอาจมีการเปลี่ยนแปลงอีกสิ่งที่สำคัญที่สุดคืออุบัติเหตุบนท้องถนน คุณอุ๋มอิ๋มอธิบายเพิ่มว่า คนเก็บวิญญาณ จะมาเก็บตามถนนเพิ่มมากขึ้น อาจเพราะดวงบ้านดวงเมืองเปลี่ยน ดังนั้นไม่ว่าจะรถประเภทไหน ก็อยากให้มีสติก่อนสตาร์ท ง่วง เมา ไม่ขับส่วนคำแนะนำสำหรับต้นปีคุณอุ๋มอิ๋มก็แนะนำให้ไปไหว้ศาลหลักเมืองประจำจังหวัด ถ้าตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ชื่ออยู่ที่จ.อื่น ก็ให้ไหว้ที่กรุงเทพฯก่อน แล้วค่อยไปต่างจังหวัด จากนั้นให้ไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดที่คุณอยู่ ไม่ว่าจะเป็น วัด ศาลเจ้า หรืออะไรก็ได้หมดเลย อีกหนึ่งที่คือศาลเจ้าแม่กวนอิม สามารถขอให้ท่านดูแลเรื่องสุขภาพ ความเป็นมงคล บุญบารมีต่าง ๆ ของไหว้ต้องเป็นของบริสุทธิ์ เช่น ดอกบัวสีขาว หรือส้มส่วนอากงนั้น คุณอุ๋มอิ๋มแนะนำให้ไหว้ด้วยกล้วยหอมสุกสีเหลือง, สัปปะรดภูแล ยิ่งลูกเล็ก ๆ ตาสัปปะรดก็จะเยอะ สื่อว่าหูตาเราจะเยอะ เวลามองหรือจับอะไรจะได้มีช่องทางมากขึ้น และสุดท้ายคือลูกท้อหรือพีช กี่ลูกก็ได้ตามสะดวก และหากมีโอกาสให้นำพวงมาลัยติดไปเอง จะได้สื่อถึงความตั้งใจ สิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างคือให้เขียนคำอธิษฐานไว้ให้ครบ อย่าอายที่จะหยิบขึ้นมาดู เพราะการไม่ได้เขียนเรียบเรียงไว้ก่อนอาจจะทำให้เราพูดวนไปมาได้ แล้วก็อาจจะไม่ได้อะไรเลยนอกจากนี้ คุณอุ๋มอิ๋มยังมีทริคในการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า ถ้าหากไปไหว้ในช่วงที่คนเยอะ ให้เดินเข้าไปถ่ายรูปคำอธิษฐานออกมาก่อน แล้วหาพื้นที่ที่ทำให้จิตใจเราสงบ แล้วอธิษฐานจากตรงนั้นส่วนใครที่ทำการค้า แนะนำให้ปล่อยสัตว์น้ำ ที่กรมประมงอนุญาต และต้องมีการไถ่ชีวิต ส่วนสินค้าที่เป็นปัจจัย 4 นั้นจะขายดีเสมอกระเป๋าสตางค์เองก็สำคัญ ถ้าหากมีการชำรุด รูดซิปไม่ดีติดขัด ให้เปลี่ยนในช่วงตรุษจีนจะถือว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีมาก แต่ถ้าใครชอบการสแกนจ่ายมากกว่า ก็ระวังอย่าให้ฟิล์มหรือหน้าจอโทรศัพท์ชำรุด เพราะอาจเกิดความเสียหายระหว่างการโอนเงินได้ คุณอุ๋มอิ๋มเสริมว่าแม้จะสแกนจ่ายมากกว่า แต่ก็ควรจะมีกระเป๋าสตางค์ติดตัวไว้ เผื่อพกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้กับตัวได้ ถือว่าเป็นเคล็ดสำหรับปีชง ให้ทำพิธีปัดชง 3 เดือนครั้งทั้งปี โดยให้ปัดตั้งแต่หัวจรดพื้น 13 ครั้ง หรือใครไม่ชงอยากจะปัดก็ปัดได้เลย และไม่แนะนำให้ปัดแทนคนอื่นติดตามความสนุกย้อนหลัง

บ้านพักร้างสร้างเรื่อง! 12 พยานหลอนเห็นตรงกัน ขนาดทำบุญใหญ่แล้วก็ยังดุดัน ไม่เกรงใจใคร! | อังคารคลุมโปง

27 ธ.ค. 2022

บ้านพักร้างสร้างเรื่อง! 12 พยานหลอนเห็นตรงกัน ขนาดทำบุญใหญ่แล้วก็ยังดุดัน ไม่เกรงใจใคร! | อังคารคลุมโปง

รายการ ‘อังคารคลุมโปง’ ที่ผ่านมา (20 ธันวาคม 2565) ได้เชิญ ‘คุณแจ็ค The Ghost Radio’ กลับมาเล่าเรื่องผีกันอีกครั้ง คราวนี้แพ็คความหลอนมาเต็มกระเป๋าต้อนรับปีใหม่ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ผีในวงเหล้า’ งานนี้ทำเอาดีเจแนน และดีเจซันเดย์ต้องอ้าปากค้าง ยกให้เป็นเรื่องหลอนระดับสิบกันเลยทีเดียว !คุณแจ็คเกริ่นเรื่องว่า ในทุก ๆ วงสนทนา และการดื่มกินสังสรรค์ ภายใต้ค่ำคืนแห่งความมืดมิด บรรยากาศหลอน ๆ ชวนให้ต้องเล่าเรื่องผี ดังนั้นเรื่องที่จะเล่านี้ ผีไม่ได้ปรากฏขึ้นมาในวงเหล้าให้เห็นจะ ๆ แต่เป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นในวงสนทนาเรื่องนี้มาจาก ‘คุณเยี่ยม’ เพื่อนของ ‘คุณเซน’ แฟนรายการ The Ghost Radio เขาเล่าว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับกลุ่มคน 12 คน ที่อยู่ในสถานที่เดียวกัน ทั้งหมดเป็นพยานความหลอนในครั้งนี้ ย้อนกลับไปเมื่อช่วงที่พึ่งเข้าไปทำงานใหม่กับบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งในตำแหน่ง ‘โฟร์แมน’ หรือ ‘ผู้ควบคุมงานก่อสร้าง’ ครั้งนั้นได้รับมอบหมายให้ไปทำงานสร้างห้างสรรพสินค้าในจังหวัดปราจีนบุรี ทางคุณเยี่ยมและเพื่อนร่วมงาน ก็ต้องเดินทางไปประจำที่ไซต์งานแห่งนั้น โดยทางบริษัทได้จัดหาที่พักไว้ให้ และต้องอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 7 เดือนเต็มที่พักแห่งนี้มีลักษณะเป็นคูหาทั้งหมด 8 ห้องใหญ่ กำแพงไม่ติดกัน เหมือนเป็นแท่งสี่เหลี่ยมยาว ๆ ลึกเข้าไป ด้านหน้าของตึกติดตั้งระเบียงเหล็ก (คล้ายกับตะแกรงเหล็ก) และมีบันไดขึ้นทั้ง 2 ทาง เหมือนทางขึ้นเมรุอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งทางบริษัทจัดหาไว้ให้ 3 ห้อง นับเรียงจากฝั่งซ้าย (คุณแจ็คขอเรียกเป็นห้องซ้าย ห้องกลาง ห้องขวา) แต่ละห้องจะแบ่งเป็น 2 ห้องนอน (นอนด้วยกันห้องนอนละ 2 คน ก็จะพอดีจำนวน 12 คน) คุณแจ็คเล่าเสริมว่า อาชีพโฟร์แมนจะมีความรู้เรื่ององค์ประกอบการก่อสร้าง แต่เมื่อได้เห็นที่พักที่ถูกจัดให้พักนั้นก็เกิดความรู้สึกว่ามัน ‘แปลก’ ชอบกลในแต่ละห้อง ส่วนของชั้นล่างจะโล่ง มีบันไดขึ้นชั้นบน มีห้องนอน 2 ห้อง คือ ห้องนอนด้านหน้าที่ติดกับระเบียงเหล็ก และห้องนอนด้านหลัง ส่วนที่แปลกคือประตูทางเข้าของห้องนอนด้านหน้าต้องเข้าจากทางระเบียงเท่านั้น ไม่มีประตูให้เข้าจากข้างใน แม้จะเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเพียงใด เหล่าโฟร์แมนทั้ง 12 คนก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะที่พักแห่งนี้ถูกจัดมาให้เรียบร้อยแล้ว ถ้าจะให้หาที่พักใหม่ ก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเองวันหนึ่ง หลังจากเลิกงาน ก็มีปาร์ตี้สังสรรค์กินดื่มกันบ้างเป็นเรื่องปกติ 1 ใน 12 โฟร์แมน นามว่า ‘คุณต้อม’ บอกว่ารู้สึกเหนื่อย จึงขอเข้าไปนอนพักแทนที่จะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงาน สมาชิกที่เหลือไม่ได้ผิดสังเกตอะไร จึงดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน จนถึงเวลาประมาณ 4 ทุ่ม คุณต้อมก็วิ่งหน้าตื่นออกมาจากห้อง แล้วบอกว่า “ผีอำว่ะ” เพื่อนร่วมงานที่เป็นชายปากกล้าก็ถามกลับไปว่า “คิดมากไปหรือเปล่า นอนมากไป ฝันมากไป ผีไม่มีหรอก และผีที่อำเนี่ย ผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าเป็นผู้หญิง เดี๋ยวจัดการให้” สิ้นเสียงนั้น ทุกคนในที่นั้นก็เห็นผ้าขนหนูผืนบางที่ถูกแขวนอยู่ตรงผนังหลุดออกมา แล้วก็ถูกเหวี่ยงมาใส่หน้าของผู้ชายคนนั้น! ทุกคนทั้งอึ้งและงงกับเหตุการณ์นั้น จากนั้นพี่ซีเนียร์ในกลุ่มก็พยายามพูดเพื่อไม่ให้ทุกคนหวั่นกระเจิงไปกันใหญ่ว่า “ห้องนี้ไม่ได้ปิดประตูหน้าต่างให้มันดี ลมมันอาจจะพัดมาก็ได้” แต่ทุกคนก็อดคิดไม่ได้ช่วงกลางวันของวันต่อมา คุณเยี่ยมก็ออกเดินสำรวจพื้นที่รอบ ๆ สิ่งหนึ่งที่เห็นคือบริเวณหน้าประตูมีปี่เซียะตั้งอยู่ นั่นไม่ใช่จุดที่ผิดสังเกต แต่สิ่งที่ชวนสงสัยคือทุกซอกทุกมุมของตึกไม่ว่าจะเป็นประตู หน้าต่าง มีปี่เซียะวางอยู่ทุกจุด! คุณเยี่ยมคิดว่าเจ้าของตึกอาจจะมีความเชื่อทางด้านนี้ และเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปี่เซียะมีไว้ทำไม จึงไม่ได้สนใจแม้จะสงสัยอยู่ในใจก็ตามหลังจากนั้นหลังเลิกงาน ปาร์ตี้สังสรรค์ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง เวลาประมาณเที่ยงคืนทุกคนก็เริ่มแยกย้ายไปนอน เริ่มจากห้องกลาง เป็นห้องของคุณเยี่ยมและคุณต้อม ระหว่างที่กำลังจะเคลิ้มหลับประมาณตีหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงคนเดินขึ้นมาจากบันได คล้ายกับเสียงรองเท้าคัทชูไม่ก็ส้นสูง คุณเยี่ยมนอนฟังอยู่ก็นึกสงสัยว่าใครกันที่จะใส่รองเท้าแบบนั้นเดินขึ้นบันได เพราะทั้งเขาและคุณต้อมต่างก็เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ จากเสียงรองเท้ากระทบกับปูนก็เปลี่ยนเป็นเสียงที่กระทบกับเหล็กดัง “ก๊องแก๊ง ก๊องแก๊ง” ไปตามจังหวะการเดินคุณเยี่ยมที่นอนอยู่มองเห็นเงาของผู้หญิงผ่านหน้าต่าง สักพักเงานี้ก็เอาอะไรบางอย่างทุบกำแพงดัง “ตึงๆๆๆๆ” ซึ่งคุณเยี่ยมที่นอนอยู่ก็คิดว่าคงโดนเข้าให้แล้ว จึงหันไปหาคุณต้อมที่นอนอยู่ข้าง ๆ ก็พบว่า คุณต้อมเองก็ไม่ได้หลับเช่นกัน! ทั้งคู่ตาเบิกโพลงและทำได้แค่มองหน้ากัน ไม่ทันได้หายตกใจ เงาร่างนั้นก็เดินไล่บนระเบียงไปห้องซ้ายไปห้องขวา เดินไปเดินมา (ระเบียงเชื่อมกันหมด) จนถึงตีสาม คุณเยี่ยมและคุณต้อมก็ยังนอนฟังเสียงนั้นอยู่และไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเจอกับอะไร!วันต่อมา ทั้งคู่ได้เล่าเรื่องที่เจอให้กับทุกคนฟัง ฝ่ายห้องขวาเป็นผู้หญิงก็บอกว่า “หนูคิดว่าหนูได้ยินแค่ 2 คน” ส่วนห้องทางซ้ายเป็นพี่ซีเนียร์คู่กับผู้ชายปากกล้าก็บอกว่า “ได้ยินเสียงเดินแบบนี้ทั้งคืน ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร” เมื่อทุกคนไม่รู้ว่ากำลังเจอกับอะไร แต่หลังจากนั้นเป็นเวลากว่า 1 อาทิตย์ เมื่อเข้าสู่เวลาตีหนึ่ง เสียงนั้นก็จะดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และไม่มีใครใจกล้าพอที่จะออกไปดูว่ามันคืออะไรกันแน่..เรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นจากห้องข้างหน้าไม่พอ ห้องข้างหลังเองก็เช่นกัน เขาเล่าว่า “ตอนที่นอนอยู่นั้น ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แต่ผมโดนผีอำ” ไม่ได้โดนผีอำแค่คนเดียว แต่ทุกคนที่นอนอยู่ห้องข้างหลังก็โดนผีอำกันทุกคน! เมื่อเรื่องมันชักจะไปกันใหญ่ ทุกคนจึงตกลงกันว่าหลังจากนี้จะไม่ดื่มแอลกอฮอล์กันอีกและนอนให้เร็วขึ้น เผื่อว่าจะดีขึ้นเมื่อเปลี่ยนเวลาให้นอนเร็วขึ้น คุณเยี่ยมกลับไม่สบายตัวอย่างที่คิด เขานอนกระสับกระส่าย จนถึงเวลา 4 ทุ่ม เสียงเคาะหน้าต่างก็ดังขึ้น! “พี่ๆ ช่วยหนูด้วย!” เป็นน้องผู้หญิง 2 คน ที่มาจากห้องขวาวิ่งมาขอความช่วยเหลือ เมื่อเปิดประตูออกไป น้องก็บอกว่า “หนูอ่ะ หลับไปแล้ว ส่วนเพื่อนอีกคนลุกไปเข้าห้องน้ำ ก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาทำกับข้าวอยู่ข้างล่าง แล้วก็มีเสียงคนซักผ้า” เธอเล่าต่อว่าพอเข้าห้องน้ำเสร็จก็ปิดไฟเดินกลับมาที่ห้อง เพื่อนคนที่นอนอยู่ก็นอนบิดไปบิดมา สักพักก็เอามาคว้าอะไรบางอย่าง แล้วก็ตะโกนออกมา “ว๊ากกกกก!” หลุดออกมาจากอาการผีอำ! เธอเล่าเพิ่มเติมว่าเหมือนมีผู้หญิงคนนึงมานั่งทับที่หน้าอก แล้วก็จับตัวไว้ไม่ให้ขยับ พอเพื่อนที่ลุกไปเข้าห้องน้ำกลับมา ถึงได้หลุดออกจากตรงนั้น เมื่อเห็นท่าไม่ดี จึงวิ่งออกมาขอความช่วยเหลือหลังจากได้ยินเสียงผู้หญิงเรียก ทุกคนก็มารวมตัวกันที่ห้องกลาง และพร้อมใจบอกว่า “โดนผีอำเหมือนกัน” ซึ่งจะโดนแตกต่างกันไป ผู้หญิงบ้าง ผู้ชายบ้าง บางคนไม่เห็นตัวแต่ขยับตัวไม่ได้ คุณเยี่ยมซึ่งไม่เคยโดนผีอำก็โดนเช่นกัน เหตุการณ์คือ ขณะที่กำลังนอนอยู่ เห็นผู้หญิงเดินเข้ามาในห้อง แล้วก็เอามานั่งทับที่หน้าอก จากนั้นก็บีบคอ คุณเยี่ยมก็พยายามขัดขืนแต่ก็ทำไม่ได้ และหันไปหาเพื่อนที่นอนอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับตะโกนเรียก แต่เรียกเท่าไหร่ ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอด จึงนึกถึงพระ จากนั้นเสียงก็ออกมา เพื่อนที่นอนอยู่บอกว่าได้ยินเสียงแปลก ๆ จึงปลุกคุณเยี่ยมให้ตื่นด้วยความที่ทั้งหมดเป็นพนักงานใหม่ การจะย้ายออกแล้วต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเองนั้นก็ดูจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ทุกคนจึงจำใจอยู่ที่นี่ต่อ ในทุก ๆ คืน ตี 1 – 3 ก็จะต้องเจอกับเหตุการณ์หลอนซ้ำ ๆ วนมาไม่จบสิ้น จะมีเพียงวันเสาร์อาทิตย์ที่แต่ละคนได้กลับบ้าน นั่นจึงเป็นเวลาหาเครื่องรางของขลังมาป้องกันตัวเอง ซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร…เหตุการณ์ดำเนินมาจนถึงช่วงประมาณเดือนที่ 4 – 5 บริษัทได้เรียกพนักงาน 6 คน เปลี่ยนไปทำงานที่อื่น ทำให้เหลือเพียง 6 คน ที่โชคร้ายยังต้องเผชิญเรื่องหลอนไม่จบไม่สิ้น ทุกคนตกลงกันว่าจะนอนด้วยกัน ห้องละ 3 คน เพื่อความสบายใจ พี่ซีเนียร์พูดขึ้นมาว่า “ที่เราเจอกันอยู่เนี่ย มันไม่ใช่ผีแค่ตัวเดียว น่าจะมีเป็นสิบ” น้อง ๆ ในกลุ่มจึงถามขึ้นว่า “พี่รู้ได้ยังไง?” พี่ซีเนียร์ตอบว่า “กูไปรู้อะไรบางอย่างมา มึงรู้มั้ยว่าค่าเช่าของที่นี่เดือนละเท่าไหร่? 3 คูหา มันเดือนละ 5,000” ซึ่งก็ได้วิเคราะห์ว่า อาจเป็นเพราะตึกนี้มันร้างมาก่อน แล้วพอมีบริษัทมาเช่าให้พนักงานอยู่ เขาก็เลยพยายามมาเคลียร์โดยการเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ มาวางไว้ และยังสังเกตอีกว่า ตลอดเวลา 4 – 5 เดือนที่ผ่านมานี้ ไม่มีใครสักคนที่เดินเข้ามาถามว่าอีก 5 คูหาที่เหลือยังว่างให้เช่ามั้ย ทั้ง ๆ ที่ตรงนี้เป็นทำเลดี ติดถนนใหญ่ ทุกคนจึงคุยกันอีกรอบว่าจะแก้ปัญหานี้กันอย่างไรดี ได้ข้อสรุปว่าจะทำบุญครั้งใหญ่ จึงไปซื้ออาหารและจัดเตรียมสิ่งของสำหรับการทำบุญ…เมื่อวันทำบุญมาถึง ช่วงเวลากลางวันแสก ๆ หลังจากปักธูปไหว้เสร็จ พี่ซีเนียร์ก็ดันคิดอะไรแปลก ๆ ไปหยิบจานและตะเกียบมาเคาะแล้วพูดว่า “อ้าว มากินข้าวกินเร็ว” หลังจากเคาะ ก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนกำลังวิ่งลงมาเป็นสิบ ๆ คน ผ้าม่านที่อยู่ตรงนั้นก็ไหวไปมา ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น!หลังจากทำบุญให้ ก็ยังเจออยู่เหมือนเดิมไม่เบาลงเลย แม้ทุกคนจะรู้อยู่แก่ใจว่าที่แห่งนี้มีอะไรบางอย่างมาอยู่ร่วมด้วย แต่ก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ จึงต้องอยู่และทำงานกันต่อไป จนกระทั่งถึงเดือนที่ 7 พนักงานกลุ่มนี้ต้องย้ายออก ก็ได้มีพนักงานใหม่เข้ามาอยู่แทน ทั้ง 2 กลุ่มได้คุยกัน หนึ่งในกลุ่มที่มาใหม่บอกว่า “ผมเอาลูกมาอยู่ด้วย วันหนึ่งผมเห็นลูกผมยื่นขนมให้ใครก็ไม่รู้” ในวันย้ายออกมีการจ้างรถชาวบ้านมาช่วยขนย้าย คุณลุงที่เป็นคนขับรถก็ชวนคุยระหว่างทาง “นึกว่าใครมาอยู่ ที่แท้ก็นายช่างนี่เอง แล้วมาอยู่ได้ยังไง ที่นี่ผีดุ นายช่างไม่รู้เหรอ” จากนั้นทุกคนก็รุมถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…คุณลุงเล่าว่าย้อนกลับไปว่า สมัยก่อนที่ตรงนั้นยังเป็นป่าช้า จากนั้นก็มีการล้างป่าช้า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าล้างหมดหรือไม่ ส่วนใกล้ ๆ กับบริเวณนั้นเป็นลานโล่ง แล้วก็มีการสร้างโรงพยาบาล คนที่เป็นเจ้าของที่เห็นว่ามันน่าจะพัฒนาที่ดินได้ จึงอยากสร้างอาคารพาณิชย์ แม้จะมีเสียงรอบข้างห้ามปราม แต่เขาก็ดึงดันที่จะสร้าง รวมทั้งไม่ได้สนใจโครงสร้างและการออกแบบเลย ตึกที่ได้จึงมีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมยาววางเรียงกันเหมือนกับโลงศพ! พอมีคนมาเช่า ผลประกอบการก็ไม่ดี ทำมาค้าขายไม่ขึ้น จึงให้ซินแสเข้ามาช่วยดู เขาจึงแนะนำว่าให้ปรับหน้าตาของอาคารให้ดูดีขึ้น ให้มันมีอะไรอยู่ข้างหน้าหน่อย จึงเป็นที่มาของการสร้างระเบียงนั่นเอง นั่นยิ่งทำให้เหมือนทางขึ้นเมรุเข้าไปอีก เรียกได้ว่ายิ่งแก้ยิ่งเละและเมื่อขุดประวัติลึกเท่าไหร่ ความน่ากลัวของคูหาเหล่านี้ก็ยิ่งทวีคูณ ห้องกลางนั้นมีเคยมีผู้หญิงผูกคอตาย ห้องขวาเคยมีสามีภรรยาทะเลาะกัน ฝ่ายชายลงมือฆ่า ส่วนห้องซ้ายเป็นสามีภรรยาเช่นกัน ฝ่ายชายฆ่าฝ่ายหญิง แล้วกินยาฆ่าตัวตายตาม ยังไม่นับรวมเคสอื่น ๆ อีก รวมแล้วมีการเสียชีวิตเกิดขึ้นกว่า 5 ราย ส่วนคูหาอื่นที่ไม่มีคนเข้าไปอยู่ก็ไม่รู้ว่ามีเคสอะไรเกิดขึ้นบ้าง…และนี่คือเหตุการณ์หลอนทั้งหมด ที่โฟร์แมนทั้ง 12 คนเป็นพยานรู้เห็นความหลอนในครั้งนี้ติดตามความหลอนย้อนหลังได้

ชมพู่ อารยา กับมุมมองต่อประเด็นการเปิดเผยใบหน้าลูก อยู่ที่ความสะดวกของแต่ละบ้าน

05 ก.ย. 2022

ชมพู่ อารยา กับมุมมองต่อประเด็นการเปิดเผยใบหน้าลูก อยู่ที่ความสะดวกของแต่ละบ้าน

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาหนึ่งประเด็นที่ผู้คนในสังคมต่างถกเถียงและแสดงความคิดเห็นกันมาก คงไม่พ้นประเด็นการเปิดเผยใบหน้าลูกว่าเป็นสิ่งที่สมควรหรือไม่สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็ก ซึ่งมีคนจำนวนมากมองว่านี่ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลของเด็กที่ผู้เป็นพ่อและแม่ต้องเคารพ โดยเฉพาะกับครอบครัวคนดังที่มีผู้ติดตามบนโซเชียลจำนวนมาก การเปิดเผยใบหน้าลูกอาจสร้างผลกระทบต่อลูกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ขณะที่บางคนมองว่าการเปิดเผยใบหน้าลูกโดยเฉพาะบนสังคมออนไลน์ พ่อและแม่ควรช่วยกันดูแลให้อยู่ในขอบเขตของความเหมาะสมก็เพียงพอหนึ่งในคนดังที่ถูกตั้งคำถามถึงเรื่องอย่าง ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต ที่ไลฟ์สไตล์ส่วนใหญ่ของเธอจะอยู่กับลูกๆ และก็เป็นคนบันเทิงที่เปิดเผยภาพของลูกๆ ให้แฟนคลับได้ติดตามชมความน่ารักกันมาตลอด โดยเธอมีมุมมองต่อเรื่องนี้ว่า ‘เป็นความสะดวกของแต่ละครอบครัว’ ซึ่งเธอเองได้เล่าว่า ก่อนที่คู่แฝด สายฟ้า และ พายุ จะคลอดก็ได้มีการปรึกษากับสามีเรื่องนี้ และพบว่าเป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยาก จึงตัดสินใจเปิดเผยภาพของลูกๆ ให้เห็น แต่เป็นภาพที่ผ่านการคัดกรองจากตัวเองมากกว่า“อันนี้คิดว่าแล้วแต่บ้านเลยค่ะ บ้านใครบ้านมัน สะดวกแบบไหนก็ตามนั้นเลยค่ะ ก่อนที่สายฟ้าและพายุจะเกิดก็มีการพูดคุยกันว่าจะยังไงกันดี เพราะว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีใครพูดถึง สำหรับบ้านเราแบบไม่พาดพิงใครนะคือมันคงเป็นไปได้ยากมาก เราตกลงกับคุณพ่อ เราบอกพี่เลี้ยง แต่เราห้ามคุณคุณยายได้ไหม เราห้ามคุณย่าได้หรือเปล่าและเพื่อนๆ เราก็เลยรู้สึกว่าตรงนี้เราไม่น่าจะเอาอยู่ค่ะ”ส่วนวิถีคุณแม่ลูกสามตอนนี้เธอบอกว่าก็ราบรื่นดี เพียงแต่ยังคงมีบ้างที่พักผ่อนน้อยเพราะต้องคอยตื่นกลางดึกมาปั๊มน้ำนม พี่สายฟ้า พี่พายุก็เป็นผู้ช่วยในการเลี้ยงน้องที่ดี แต่ละคนก็จะมีการแสดงออกถึงความห่วงน้องที่แตกต่างกันไป แต่ถือว่าง่ายขึ้นอาจจะด้วยความเป็นเด็กผู้หญิงเลยจะนิ่งๆ กว่า สำหรับผลงานในวงการบันเทิงเร็วๆ นี้กำลังจะมีภาพยนตร์เรื่องใหม่ แฟนๆ ของเธอรอติดตามชมกันได้ช่วงปลายปีนี้เลยภาพ : chomismaterialgirl

album

0
0.8
1