ภาพบรรยากาศ JEFF SATUR RED GIANT CONCERT การเติบโตของ JEFF SATUR ที่สง่างามและน่าจดจำทุกวินาที

ENTERTAINMENT NEWS

ภาพบรรยากาศ JEFF SATUR RED GIANT CONCERT การเติบโตของ JEFF SATUR ที่สง่างามและน่าจดจำทุกวินาที

06 พ.ค. 2025

เจฟ ซาเตอร์ (Jeff Satur) ได้พิสูจน์ให้โลกเห็นถึงพลังของศิลปินที่เติบโตอย่างมั่นคงและยิ่งใหญ่ ผ่านคอนเสิร์ตครั้งสำคัญในชีวิต JEFF SATUR RED GIANT CONCERT เมื่อวันที่ 3-4 พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี การแสดงครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพียงคอนเสิร์ตธรรมดา แต่คือภาพสะท้อนเส้นทางชีวิตของศิลปินคนหนึ่งที่เติบโตจากจุดเล็ก ๆ จนกลายเป็น Red Giant ที่สว่างไสว และมีแรงโน้มถ่วงดึงดูดใจผู้ชมทั่วทั้งฮอลล์

ตั้งแต่ประกาศจัดคอนเสิร์ต กระแสตอบรับก็ถาโถมอย่างท่วมท้น บัตรถูกจำหน่ายหมดอย่างรวดเร็ว จนต้องเพิ่มรอบแสดงทันที นี่คือแรงปรารถนาของเหล่าคุณวันเสาร์ ที่อยากเห็นอิมแพ็คฯ เล็กลงภายใต้พลังแห่งความรักและแรงสนับสนุนที่มอบให้เจฟอย่างเต็มหัวใจ

เวทีถูกออกแบบให้เป็นดั่งจักรวาลของ เจฟ เปิดฉากด้วยซีนจำลองกระดานหมากรุกขาวดำ ซึ่งเขาเปรียบเปรยถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยการเลือกเดิน ก่อนจะพาทุกคนเข้าสู่เส้นทางชีวิตผ่านเสียงเพลง ไล่เรียงตั้งแต่ ‘Black Tie’, ‘Highway’ และ ‘Ride or Die’ สะท้อนตัวตนและเส้นทางที่เขาเดินมา พร้อมกับการเล่าเรื่องผ่านธีม Red Giant ซึ่งเปรียบดวงอาทิตย์ที่ขยายตัวสู่จุดสูงสุดที่เต็มไปด้วยพลังและทรงอิทธิพล

ห้องแห่งความทรงจำเริ่มต้นด้วยวัยเด็ก ผ่านบทเพลง ‘ฉันก่อนเจอเธอ (Lost and Found)’ และ ‘ไม่กล้าบอกชัด’ ก่อนจะก้าวสู่ช่วงชีวิตวัยผู้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยความสับสน ความฝัน และการเรียนรู้ ผ่านบทเพลงอย่าง ‘Complicated’, ‘Lucid’ และ ‘Loop’ ที่ตอกย้ำพลังทางดนตรีและการถ่ายทอดอารมณ์อันลึกซึ้ง

เซกชันแขกรับเชิญก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่น่าจดจำ วันแรกได้พบกับเสียงทรงพลังจาก ต้าห์อู๋, วิลเลี่ยม LYKN, มาง bamm และ Flower.far ก่อนที่ ญาญ่า อุรัสยา จะปรากฏตัวพร้อมสร้างความสดใส และ HUGO ที่มอบโชว์สุดเท่ชวนหัวใจเต้นแรง

วันที่สองมาพร้อมเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่เมื่อทีมนักแสดงจาก KinnPorsche The Series ยกทีมขึ้นเวที พร้อมโชว์ที่เรียกเสียงกรี๊ดสนั่นฮอลล์ ก่อนปิดท้ายด้วยแขกรับเชิญพิเศษ BOWKYLION ในเพลง ‘รักแท้หรือแค่เหงา’ และ ‘Die With A Smile’ ซึ่งร่วมสร้างโมเมนต์ประทับใจ และเติมเต็มเวทีด้วยบทเพลงลึกซึ้ง ‘วิงวอน’

ฉากท้ายของคอนเสิร์ตกลายเป็นภาพจำฝังใจ เมื่อ เจฟ ปรากฏตัวบนเสลี่ยงในเพลง ‘เหมือนวิวาห์ (Rain Wedding)’ ท่ามกลางสายฝนและพายุจำลอง ก่อนจะปิดท้ายด้วยบทเพลง ‘Stranger’ และ ‘ซ่อน(ไม่)หา (Ghost)’ ที่สื่อสารถึงผู้ชมทุกคน คนแปลกหน้าที่เชื่อมโยงถึงกันผ่านเสียงเพลง

เกือบ 4 ชั่วโมงที่เวทีแห่งนี้ได้กลายเป็นจักรวาลส่วนตัวของ เจฟ ซาเตอร์ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว การเติบโต น้ำตา และรอยยิ้ม คอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่ใช่แค่ความสำเร็จทางดนตรี หากแต่เป็นหมุดหมายสำคัญของชีวิต ที่ เจฟ ได้ประกาศไว้ชัดว่าเขาพร้อมจะเติบโตต่อไป ท่ามกลางความรักของทุกคนที่อยู่เคียงข้าง

“พวกคุณทำตามฝันของคุณ ผมทำตามฝันของผม แล้วเรามาร้องเพลงด้วยกันใหม่” เจฟ ซาเตอร์

ภาพ : Warner Music Thailand

related ENTERTAINMENT NEWS

ตีตั๋วแล้วออกเดินทางไปกับ ‘Space Shuttle No.8’ คอนเสิร์ตเดี่ยวปิดท้ายเอเชียทัวร์ของ Jeff Satur ที่ตราตรึงใจทุกนาที

25 เม.ย. 2024

ตีตั๋วแล้วออกเดินทางไปกับ ‘Space Shuttle No.8’ คอนเสิร์ตเดี่ยวปิดท้ายเอเชียทัวร์ของ Jeff Satur ที่ตราตรึงใจทุกนาที

ปิดเอเชียทัวร์พาร์ทแรกอย่างยิ่งใหญ่สำหรับ est Cola Presents JEFF SATUR: SPACE SHUTTLE NO.8 ASIA TOUR IN BANGKOK คอนเสิร์ตใหญ่ของศิลปินมากความสามารถ เจฟ ซาเตอร์ ที่เจ้าตัวทุ่มสุดตัว เนรมิตยูโอบี ไลฟ์ ให้กลายเป็นจักรวาลของ เจฟ ด้วยโปรดักชันอลังการ และโชว์พิเศษสุดเซอร์ไพรส์เพื่อแฟนเพลงทุกคนโดยคอนเสิร์ตครั้งนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับผู้ชมกำลังนั่งชมละครเวที ที่มีการแบ่งองก์ในแต่ละช่วงอย่างชัดเจน จำลองบรรยากาศให้ทุกคนคือเหล่าผู้โดยสารที่ตีตั๋วขึ้น ‘Space Shuttle No.8’ ออกเดินทางไปพบเจอเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยกันตลอดทั้งโชว์ ซึ่งเป็นคอนเซปต์เดียวกับอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกในชีวิตของ เจฟ นอกจากจะจัดเต็มกับโปรดักชัน ในพาร์ตโชว์ เจฟ ก็สามารถสร้างความตราตรึงใจในทุก ๆ ช่วง ทุก ๆ บทเพลงแฟนเพลงที่พลาดโอกาสได้ร่วมเป็นหนึ่งในผู้โดยสาร ที่ได้ออกเดินทางไปกับ ‘Space Shuttle No.8’ EFM ได้แคปเจอร์โมเมนต์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนเวทีมาฝากกันด้วยพาร์ทแรกของคอนเสิร์ตเริ่มเล่าเรื่องด้วยการออกเดินทางด้วยขบวนรถไฟที่ไล่เรียงซิงเกิลฮิตอย่าง ‘Highway’, ‘ลืมไปแล้วว่าลืมยังไง (Fade)’ รวมถึงเพลงเก่า ๆ ของ เจฟ ที่ได้นำมาร้องใหัฟังในคอนเสิร์ตนี้เป็นครั้งแรก คล้ายเป็นการบอกเล่าการเดินทางที่ผ่านมาของ เจฟ และปิดพาร์ทนี้ด้วยเพลง ‘แค่เงา (Hide)’ ที่ เจฟ ได้โชว์ลีลาโซโล่กีตาร์สุดเท่ห์ และค่อย ๆ เลือนรางหายไปกับสเตจสุดอลังการหลังจากจบการเปิดตัวด้วยความเท่ของ เจฟ พาร์ทถัดมาจะเป็นการนำเพลงรักที่ซ่อนอารมณ์อ่อนไหว จากในอัลบั้ม Space Shuttle No.8 ไม่ว่าจะเป็น ‘Almost Over You’ และ ‘ส่วนน้อย (Yellow Leaf)’ เล่าผ่าน Visual บนเวทีในคอนเซ็ปต์ของโลกจินตนาการชวนฝันและตรึงให้คนดูตกอยู่ในภวังค์ รวมถึงเซอร์ไพรส์แรกจาก เจฟ ที่มีเฉพาะคอนเสิร์ตรอบการแสดงที่กรุงเทพฯ คือเหล่าแขกรับเชิญที่ เจฟ ชวนมาสร้างความสุขให้กับผู้ชม ประเดิมด้วย อิงค์ วรันธร ที่มาพร้อมสกิลสุด Awesome โชว์พลังเสียงหูเคลือบทองคู่กับ เจฟ พร้อมด้วย นนท์ ธนนท์ ในรอบวันเสาร์ ที่ชวนกันมาร้องเพลง ‘จำนน’ ให้แฟน ๆ ฟังกันแบบสด ๆ และ 4EVE ในการแสดงรอบวันอาทิตย์ ที่ทำให้ เจฟ ของต้องมาออกสเต็ปแดนซ์ร่วมกับสาว ๆ ในเพลง ‘Hot 2 Hot’ เรียกเสียงกรี๊ดได้ดังสนั่นไปทั้งฮอลล์อีกหนึ่งไฮไลท์ของคอนเสิร์ตนี้ต้องยกให้พาร์ท SUNSHINE ที่ถือว่าเป็นไฮท์ไลท์สำคัญ ที่เลือกเล่าเรื่องราวผ่านของ SUNSHINE ตัวละครที่แฟนเพลงน่าจะพอคุ้นหน้าคุ้นตา เพราะมักจะมีตัวละครนี้ผ่านมาทักทายกันอยู่บ่อย ๆ ในหลาย ๆ เพลงของ เจฟ เพลงไฮไลท์ของพาร์ทนี้เริ่มจาก ‘Dum Dum’, ‘Feeling Good’ และ ‘Black Tie’ ก่อนที่ตัวละคร SUNSHINE จะปรากฏตัวขึ้นในเพลง ‘Stranger’ ตามด้วย เจฟ ตัวจริงที่ขึ้นมาโชว์พลังเสียงเซอร์ไพรส์ซ้อนเซอร์ไพรส์ ถือเป็นหนึ่งในเพลงที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมมากที่สุดอีกหนึ่งเพลงของคอนเสิร์ตครั้งนี้เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายของ Space Shuttle No.8 เริ่มต้นด้วยเพลง ‘ซ่อน (ไม่) หา (Ghost)’ ซิงเกิลเปิดตัวอัลบั้มที่ล่าสุดกวาดยอดวิวใน YouTube 60 ล้านวิวเป็นที่เรียบร้อย โดย เจฟ ได้โชว์พลังเสียงจัดเต็มเลเวลหูเคลือบทอง ปิดท้ายด้วย ‘แค่เธอ (Why Don’t You Stay)’ เพลงดังที่ทำให้หลาย ๆ ได้คนรู้จัก เจฟ มากขึ้นในฐานะศิลปินคุณภาพของวงการเพลงไทยอีกคนหนึ่งการเดินทางครั้งนี้สิ้นสุดลงด้วยการโคจรรอบคุณวันเสาร์ เมื่อ เจฟ จัดเซอร์ไพรส์ด้วยการไปนั่งอยู่ที่แสตนด์เดียวกับคนดูท้ายฮอลล์ในเพลง ‘คุณวันเสาร์ (Saturdayss)’ เพลงที่ เจฟ แต่งขึ้นมาให้กับแฟน ๆ ของเขาโดยเฉพาะ ก่อนจะโดนคุณวันเสาร์เซอร์ไพรส์กลับด้วยแฟนโปรเจกต์สุดซึ้ง จนเจ้าตัวถึงกลับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ก่อนจะลาแฟน ๆ เป็นครั้งสุดท้ายด้วยเพลง ‘ลืมไปแล้วว่าลืมยังไง (Fade)’ ที่ เจฟ ขึ้นไปร้องอยู่บนเครนที่เคลื่อนที่ไปรอบทั้งฮอลล์ เพื่อให้แฟน ๆ ทุกที่นั่งได้เข้าถึงอย่างใกล้ชิดนอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยด้วยว่า เจฟ ซาเตอร์ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับการทำงานคอนเสิร์ตนี้ ตั้งแต่การวางคอนเซ็ปต์และเล่าเรื่องราว โปรดักชั่น รวมไปถึงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แม้แต่ผู้ชมเองอาจคาดไม่ถึง ถือเป็นการตอกย้ำความสามารถของเขาที่มีรอบด้านจริง ๆคอนเสิร์ต est Cola Presents Jeff Satur: Space Shuttle No.8 Asia Tour in Bangkok ครั้งนี้ ทำเอาคุณวันเสาร์และแฟนเพลงหลายคนตั้งหน้าตั้งตารอการเดินทางครั้งถัดไปของศิลปินมากความสามารถคนนี้แล้ว เพราะการเดินทางไปยัง Space Shuttle No.8 ครั้งนี้ คุ้มค่า ครบรส จนหลาย ๆ คนในโซเชียลมีเดียยกให้เป็นหนึ่งในคอนเสิร์ตที่โปรดักชันและพลังเสียงอลังการที่สุดของต้นปีนี้เลยทีเดียวภาพ : Warner Music Thailand / Live Nation Tero

แฟนคลับแสดงความห่วงใย หลัง เจฟ ซาเตอร์ เผยว่าเขาโหมงานหนักจนทานข้าวเพียง 1 มื้อต่อวัน

31 ต.ค. 2024

แฟนคลับแสดงความห่วงใย หลัง เจฟ ซาเตอร์ เผยว่าเขาโหมงานหนักจนทานข้าวเพียง 1 มื้อต่อวัน

เป็นศิลปินสุดฮอตควบตำแหน่งพระเอกร้อยล้าน สำหรับ เจฟ ซาเตอร์ หลังจากที่พิสูจน์ฝีมือทางการแสดงมาแล้วผ่านผลงานภาพยนตร์เรื่องแรก ‘วิมานหนาม’ ล่าสุดถึงเวลากลับมาโฟกัสที่ผลงานเพลง โดย เจฟ เพิ่งโพสต์ภาพของเขาขณะที่กำลังอยู่ในสตูดิโอทำเพลง เป็นสัญญาณเกี่ยวกับผลงานเพลงใหม่ที่น่าจะปล่อยออกมาให้แฟน ๆ ได้ฟังกันในอีกไม่นานนี้เจฟ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงโปรเจกต์ใหม่ที่แฟน ๆ จะได้ติดตามกันในปี 2568 ว่า มีหลากหลายผลงานที่เตรียมปล่อยออกมาให้แฟน ๆ ได้ติดตาม ทั้งงานแสดงและงานเพลง ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการทำงาน คือ เจฟ เล่าว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่เขามีโอกาสได้ทำงานที่หลากหลาย โดยคิวงานตอนนี้ยาวไปถึงเดือนมีนาคมปีหน้า และหากแพลนรวม ๆ ก็สามารถบอกได้เลยว่ายาวไปถึงปีใหม่ของปีหน้าด้วย นั่นจึงทำให้เขาพยายามบาลานซ์การทำงานกับการพักผ่อนให้ได้ดี แม้จะมีบางวันที่เขามีเวลาทานอาหารเพียง 1 มื้อต่อวันเท่านั้น“สำหรับผมการได้ทำงานที่เรา คือการพักผ่อนไปในตัวด้วยครับ เอาจริง ๆ ก็ได้นอนอยู่นะ ผมก็พยายามแบ่งเวลาให้ดีเพื่อให้เรามีเวลานอนครบ 8 ชั่วโมง ถ้ามีโอกาสผมก็จะเข้าไปหาหมอเพื่อตรวจสุขภาพอยู่เรื่อย ๆ ครับ เพียงแต่ช่วงนี้ก็อาจจะมีบ้างที่นอนไม่พอ กินอาหารไม่ครบ เพราะบางทีเราตื่นสายบ้าง ทำให้เราลืมที่จะทานอาหาร เพราะเราต้องทำงานเลย ทำให้ได้ทานข้าวมื้อเดียวในวันนั้น”โดยมีแฟนคลับจำนวนมากแสดงความห่วงใยต่อ เจฟ หลังทราบว่าเขาโหมทำงานจนทำให้มีเวลาพักผ่อนน้อย และทานอาหารน้อย พร้อมทั้งส่งกำลังใจให้เขาสามารถบาลานซ์โหมดการทำงาน กับโหมดชีวิตส่วนตัวให้ดีภาพ : Jeff Satur

เจฟ ซาเตอร์ ประกาศกลางคอนเสิร์ตฯ ออกจากค่าย Be On Cloud โดยจะย้ายไปอยู่ในสังกัด Studio On Saturn ของตัวเอง

26 ก.พ. 2023

เจฟ ซาเตอร์ ประกาศกลางคอนเสิร์ตฯ ออกจากค่าย Be On Cloud โดยจะย้ายไปอยู่ในสังกัด Studio On Saturn ของตัวเอง

เจฟ ซาเตอร์ (Jeff Satur) ศิลปินและนักแสดงจากเรื่อง ‘KINNPORSCHE THE SERIES’ ออกมาประกาศข่าวกับแฟนคลับและผู้ชมบนเวทีคอนเสิร์ต ‘KINNPORSCHE THE SERIES WORLD TOUR 2022 WTF (WHAT THE FUN)’ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ได้ออกจากการเป็นศิลปินและนักแสดงภายใต้สังกัด Be On Cloud แล้ว โดยจะทำงานภายใต้ค่าย Studio On Saturn ของตัวเอง ส่วนงานเพลงก็ยังคงเดินหน้าต่อไปในฐานะศิลปินในสังกัด Warner Music Thailandโดย ปอนด์-กฤษดา วิทยาขจรเดช ผู้บริหารค่าย Be On Cloud ได้แจ้งบนเวทีว่า“หลังจากนี้เจฟจะดูแลตัวเองแล้วนะครับ เขามีค่ายของเขาที่เตรียมมาสักพักแล้ว อยากให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้กับเจฟกับStudio On Saturn ทุกคนน่าจะได้เห็นแล้วว่าเจฟพร้อมแล้ว ผมเลยถือโอกาสนี้อยากบอกทุกคนว่า ต่อให้เจฟจะไม่ได้อยู่ Be On Cloud แต่เมฆกับดาวเสาร์มันก็ไม่ได้ไกลกันนะครับ”ขณะที่ เจฟ ก็ได้เปิดใจด้วยการขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมในการเดินทางครั้งนี้ พร้อมขอบคุณเพื่อนๆ นักแสดง และแฟนคลับ โดยเฉพาะพี่ปอนด์ให้ฐานะพี่ชายที่คอยสนับสนุนว่า“ขอบคุณพี่ปอนด์ที่เป็นก้าวแรกให้ผมเสมอในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะกับตัวละคร ‘คิม’ ที่มันไม่มีบทเล่นดนตรีด้วยซ้ำ พี่ก็เขียนมันขึ้นมาเพื่อให้ไม่ใช่แค่ ‘คิม’ ที่ไชน์ แต่เจฟ ซาเตอร์ได้ไชน์ด้วย ทุกครั้งที่มันมีปัญหา ก็จะเป็นพี่ปอนด์มารับกระสุนแทนเสมอ และพี่ปอนด์จะพูดเสมอว่า อย่าถือว่านี่เป็นบุญคุณ เพราะผมควรได้รับสิ่งนี้”ภาพ : Warner Music Thailand

เจฟ ซาเตอร์ จะมารับบทนำใน Project D ของ GDH ร่วมกับ อิงฟ้า วราหะ ซึ่งมีกำหนดเปิดกล้องปลายปีนี้

29 ส.ค. 2023

เจฟ ซาเตอร์ จะมารับบทนำใน Project D ของ GDH ร่วมกับ อิงฟ้า วราหะ ซึ่งมีกำหนดเปิดกล้องปลายปีนี้

GDH ออกมาอัปเดตความคืบหน้าของ Project D (Working Title) หนึ่งในโปรเจกต์ภาพยนตร์ชิ้นใหม่ของ GDH ผลงานของผู้กำกับ บอส-นฤเบศ กูโน ว่าจะกลับมาเริ่มกระบวนการทำงานอีกครั้ง หลังต้องระงับการทำงานไปชั่วคราว โดยมีความเปลี่ยนแปลงลิสของนักแสดงซึ่งครั้งนี้ได้ เจฟ ซาเตอร์ (Jeff Satur) ศิลปินและนักแสดงมากความสามารถมารับบทนำคู่กับ อิงฟ้า วราหะ“บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด ขอประกาศอัปเดตความคืบหน้าของภาพยนตร์ โปรเจกต์ D (Working Title) ซึ่งทางบริษัทมีเหตุจำเป็นต้องระงับการถ่ายทำไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากความไม่ลงตัวของระยะเวลาในการเตรียมงาน“ซึ่งทางบริษัทฯ ผู้กำกับภาพยนตร์ และทีมงานที่เกี่ยวข้องกับโปรเจกต์นี้ ได้ใช้เวลาในช่วงที่ผ่านมาในการแก้ไขปรับเปลี่ยนรายละเอียดต่างๆ ของบทภาพยนตร์จนสมบูรณ์เรียบร้อย ทางบริษัทฯ จึงขอแจ้งให้แฟน ๆ ทราบว่า ขณะนี้ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวกำลังจะเข้าสู่กระบวนการเตรียมงานก่อนการถ่ายทำจริงแล้ว โดยทีมนักแสดงหลักทั้ง 5 ท่าน ได้แก่ เจฟ ซาเตอร์, อิงฟ้า วราหะ, พงศกร เมตตาริกานนท์, หฤษฎ์ บัวย้อย และ สีดา พัวพิมล จะเริ่มทำการเวิร์กช็อปร่วมกัน เพื่อให้พร้อมสำหรับการเปิดกล้องที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้“ทางบริษัทฯ ขอขอบคุณแฟนๆ ที่ให้ความสนใจรอชมภาพยนตร์เรื่องนี้ และให้การสนับสนุนที่ดีเสมอมา”สำหรับ Project D ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน GDH Line Up 2023 นำแสดงโดย พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร แต่เนื่องด้วยระยะเวลาในการเตรียมงาน รวมถึงสถานที่ที่ไม่ลงตัว ทำให้ต้องระงับการถ่ายทำไปชั่วคราว ขณะที่แฟนคลับเองก็แอบเสียดายที่จะไม่ได้เห็นฝีมือการแสดงภาพยนตร์ของ พีพี แต่ก็เคารพการตัดสินใจของทุกฝ่ายทางด้าน เจฟ ซาเตอร์ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้แล้วว่า เป็นโอกาสดีที่ได้ร่วมงานกับทาง GDH และนักแสดงทุกคนในเรื่อง ส่วนตัวเขารู้สึกว่าเป็นงานที่ท้าทายมาก รวมถึงประเด็นหลักของเรื่องที่จะพูดถึงก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจทีเดียว“จริงๆ เราคุยกันมาประมาณ 3-4 เดือนแล้ว พอได้เห็นตัวบทก็รู้สึกว่ามันท้าทายมาก หลังจากนั้นก็ได้เข้าไปแคสต์กับพี่บอสผู้กำกับ ความน่าสนใจของตัวบทคือ มีการพูดถึงประเด็นที่น่าสนใจมาก ๆ ซึ่งเกี่ยวกับ LGBT ด้วย แล้วมันเป็นประเด็นที่ผมพูดมาตลอด เรารู้สึกว่าก็ดีนะถ้าเราจะได้เป็นตัวแทนในการพูดถึงเรื่องนี้แทนคนที่เขาไม่สามารถพูดออกมาได้ รวมถึงไดนามิกของเรื่องมันค่อย ๆ ไล่ไปจนถึงจุดที่มันไม่น่าจะไปถึงได้“ตอนแรกผมก็รู้สึกกังวลว่าผมเหมาะหรือเปล่า ซึ่งผู้ใหญ่บอกว่าจากการได้ดูวิดีโอแคสต์ก็รู้สึกว่านี่เป็นเวอร์ชั่นที่เขาอยากจะเห็นในหนังเรื่องนี้ ตอนแรกที่ผมกังวลเพราะตัวบทมันท้าทายมาก แล้วผมอาจจะมีเวลาเตรียมตัวไม่ได้เยอะขนาดนั้น แล้วการที่จะต้องทรานส์ฟอร์มตัวเองไปเป็นคนอื่นมันก็ยาก การทำงานเพลงมันคือการเป็นตัวเรา แต่งานหนังมันเป็นการทิ้งตัวเราแล้วไปเป็นคนอื่น“ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันกดดันอะไรในเรื่องนี้ แต่ถ้าจะกดดันผมกดดันกับเรื่องบทมากกว่า ในฐานะเป็นนักแสดงสิ่งที่ต้องทำการบ้านจริง ๆ คือตัวบท แล้วเราจะไปเป็นคนคนนั้นในหนังเรื่องนี้ได้ยังไง”เจฟ ยังบอกอีกว่า คาแร็กเตอร์ในเรื่องนี้ถือว่าเป็นที่สุดของการทรานส์ฟอร์มตัวเอง เพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่แฟน ๆ ได้เห็นเขาในลุคผิวดำและต้องโกนหัว ซึ่งเขามองว่าหากจะต้องไปเป็นคนอื่น ก็ต้องทิ้งตัวตนของตัวเองไว้ที่หน้าเซ็ตแล้วเข้าไปในโลกของตัวละครนั้นจริง ๆ ต้องรอดูว่าฝีมือการแสดงของเขาจะออกมาเป็นยังไง แต่ที่แน่ ๆ เจฟ ก็ทุ่มสุดตัวเลยทีเดียวภาพ : Wayfer Records

album

0
0.8
1