ต้อนรับ 3 หนุ่ม 3 สไตล์ “เจ็ท – ภูมิ - เออร์วิน ” ATLAS กับฉายาสุดแปก! พร้อมเผยโมเมนต์ความประทับใจที่มีให้เหล่าแฟนคลับ

EFM FANDOM RECAP

ต้อนรับ 3 หนุ่ม 3 สไตล์ “เจ็ท – ภูมิ - เออร์วิน ” ATLAS กับฉายาสุดแปก! พร้อมเผยโมเมนต์ความประทับใจที่มีให้เหล่าแฟนคลับ

03 เม.ย. 2023

           มวลความสนุกกลับมาให้เราคึกคักกันอีกครั้ง กับ 3 หนุ่ม  จาก  ATLAS ‘ ภูมิ ‘ เดชาธร วรรณวานิชกุล ‘ เจ็ท ’ภัทร์ไพบูลย์โอภาส สุวรรณ และ เออร์วิน ศุภกฤต เพนนอร์ส ที่ได้กลับมาเยี่ยมเยือน EFM Fandom live อีกครั้ง!

          ในช่วงแรกเหล่าแฟนคลับของสามหนุ่มก็ได้มีโอกาสมาร่วมพูดคุยกับทางรายการ EFM Fandom live พร้อมบอกเล่าเรื่องราวความน่ารักและวีรกรรมสุดแสบของ เจ็ท ภูมิ และเออร์วิน พร้อมฉายามากมายที่เผยความเป็นตัวตนในแบบ ATLAS

 

ฉายานี้นั้น ท่านได้แต่ใดมา ?

 

“เออร์วิน”  ตัวตึงประจำวง ใครเห็นเป็นต้องเรียกน้อง ‘หรั่ง’

             มาเริ่มกันที่น้องเล็กของเรา เออร์วิน บุคคลที่แฟนคลับการันตีว่า ‘ตัวตึง’ ประจำวง !  ฉายาเบสิคที่ใครหลายๆ คนเคยได้ยินนั้นก็คือ ‘ หรั่ง ’  ด้วยความที่เป็นลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส สมาชิกในวงและแฟนคลับเลยเรียกกันด้วยฉายานี้นั่นเอง และนอกจากนี้เหล่าแฟนคลับก็ยังแอบกระซิบมาว่า เออร์วิน ก็ยังมีฉายามากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็น ‘ ตัวตึง ’ สมญานามที่ได้มาจากความขี้แกล้งขี้หยอกของน้อง หรือ ฉายา ‘หลง’ ฉายาที่เพื่อนให้ไว้จากวีรกรรมช่วงเปิดเทอม กับตำนานหาห้องเรียนใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง !

          ถ้าหากให้แฟนคลับพูดถึง ‘ เออร์วิน ’ กับความน่ารักที่มีต่อแฟนคลับของน้องเอง เหล่าเอลิสก็ได้เล่าให้พวกเราชาวแฟนด้อมไลฟ์ฟังว่า จริงๆ แล้วหลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ว่าเออร์วินเป็นคนขี้เขินแฟนคลับมาก น้องจะคอยใส่ใจกับดีเทลของแฟนคลับอยู่เสมอ มากกว่านั้นความน่ารักอีกอย่างของน้องเลยก็คือ เออร์วินจะคอยเก็บของที่แฟนคลับให้ไว้ทุกชิ้นอยู่เสมอ

 

“เจ็ท” พี่ใหญ่สุดเท่กับฉายาสุดคูล ‘ เจ็ท (เคย) สงบ ’

           มาต่อกันที่พี่ใหญ่ของเรา เจ็ท กับฉายาที่มีชื่อว่า เจ็ท (เคย) สงบ ฉายาที่ถูกเปลี่ยนมาจากนิยามเก่าของพี่เจ็ท โดยเจ็ทเองได้เคยบอกว่า นิยามของตัวเองนั้นก็คือ ‘เจ็ทสงบ’ แต่หลังมานี้ความสงบก็ไม่มีอีกต่อไป เมื่อได้อยู่กับเมมเบอร์ในวง ความแปก ความปล่อยจอยก็มีมากยิ่งขึ้น จนกลายมาเป็น ‘เจ็ท(เคย)สงบ ชื่อในตำนานที่เมมเบอร์และแฟนคลับใช้เรียกกันนั่นเอง นอกจากนี้เจ็ท ก็ยังมีฉายาที่แฟนคลับเรียกอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มุแตม หรือ พี่น้องแตม ที่มาจากชื่อ ‘เฌอแตม’ ชื่อสมัยก่อนของเจ็ท ‘มุแตม’ ชื่อนี้จะมีไว้ใช้เรียกตอนแฟนคลับรู้สึกเอ็นดูพี่เจ็ทมากๆ ส่วน  ‘พี่น้องแตม’ ก็จะเป็นบางช่วงที่ตัดสินใจไม่ได้ว่าแฟนคลับจะให้เจ็ทเป็นพี่หรือเป็นน้องดีก็เลยกลายเป็นสองคำรวมกันเป็น พี่น้องแตม นั่นเอง

         โดยแฟนคลับพี่เจ็ทก็ได้เล่าว่า หนุ่มเจ็ทเป็นบุคคลที่ใส่ใจรายละเอียดแฟนคลับเสมอ แม้ว่าเมื่อก่อนที่รู้จักเขาจะเป็นคนเงียบๆ ก็ตาม แต่เขาก็จะคอยมองแฟนคลับ มองป้ายไฟที่มีชื่อเขา แม้ดีเทลเล็กๆ อย่างการเปลี่ยนสีป้ายไฟของแฟนคลับเอง เขาก็จะจำได้และถามทันทีว่า รอบนี้เปลี่ยนสีป้ายไฟมารึเปล่า หรืออย่างของขวัญวันเกิดที่แฟนคลับได้ส่งมาให้ เจ็ทก็จะรอจนกว่าแฟนคลับจะส่งของมาครบทุกชิ้น แล้วค่อยลงขอบคุณแฟนคลับทุกคน นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เหล่าเอลิสรักในตัวเจ็ทมากๆ เพราะเจ็ทเองก็เป็นคนใส่ใจคนรอบข้างเสมอมาเช่นกัน

 

“ภูมิ” แจกความน่ารักสดใสในแบบ ‘ภูมิมี่โป๊ะโกะ’

         และคนสุดท้ายของเรา ภูมิ หนุ่มน้อยตัวขาว แก้มป่อง คาแรคเตอร์ความน่ารักชัดเจน จนได้รับฉายาว่า  ภูมิมี่โป๊ะโกะ ฉายาที่แปลงมาจาก Mamypoko ที่เรารู้จักกันนั่นเอง  นอกจากนี้ภูมิก็ยังมีอีกหลายฉายาที่แฟนคลับใช้เรียก ไม่ว่าจะเป็น ภูมิมี่ , ภูมิมี่ภูมิ , พี่เด ( เดชาธร) หรืออีกชื่อที่ถูกแซวจากเมมเบอร์อยู่ตลอด กับชื่อ ดาราเบอร์ใหญ่ จนกลายมาเป็นซิกเนเจอร์ภูมิ ที่ชอบเล่นใหญ่จนกลายมาเป็นฉายา

        และแฟนคลับของน้องภูมิก็ได้มาบอกเล่าตัวตนที่น่ารักของน้อง จนทำเอาดีเจทั้งสองประหลาดใจไปหลายเรื่องเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความชอบส่วนตัว กับการทำอาหาร ถึงขั้นทำอาหารให้เมมเบอร์ในวงอยู่บ่อยครั้งจนกลายมาเป็นเมนูพิเศษอย่าง ผัดกระเพราหนอนไหม รวมไปถึงคาแรคเตอร์ความกวน ความสนุกสนานที่สวนทางกับความสายบุญของภูมิก็เช่นกัน เพราะภูมิถือว่าเป็นคนชอบทำบุญอย่างมาก แต่เอลิสก็แอบกระซิบมาว่า ความสามารถพิเศษอีกหนึ่งอย่างของภูมิ  

      นั่นก็คือ ความสามารถในการนั่งห้องน้ำได้เป็นเวลานานเป็นชั่วโมงนั่นเอง ! เพราะเจ้าตัวก็ได้ออกมาบอกว่า การได้ใช้ชีวิตในห้องน้ำ ถือเป็นการผ่อนคลายอย่างที่สุด ไม่ว่าเราจะสามารถเล่นโทรศัพท์ได้ หรือคิดทบทวนอะไร ห้องน้ำก็ถือว่าเป็นอีกส่วนในการที่ทำให้ผ่อนคลายได้เช่นกัน  

 

          และในช่วงที่สองของรายการก็ได้พบกับสามหนุ่ม ATLAS เจ็ท – ภูมิ – เออร์วิน ที่มาสร้างสีสันและเสียงหัวเราะกันภายในรายการ พร้อมคำถามสุดวัดใจที่ทำเอา EFM Fandom live มองสามหนุ่มเปลี่ยนไปในทันที !

 

ว่าด้วยเรื่อง…‘ แอทลาส สายบุญ ’

 

       ทำเอาดีเจดาวและดีเจแนนเซอร์ไพรส์ไปตามๆ กันกับการเดินทางสายบุญของหนุ่มๆ แอทลาส ที่ทั้ง เจ็ท ภูมิ และเออร์วิน ก็ได้ออกมาบอกกับทางรายการว่า ปกติแล้ว แอทลาสชอบไปทำบุญกันมาก และแฟนคลับ เอลิสก็ชอบไปทำบุญเช่นกัน ถึงขั้นบางทีซ้อมเสร็จ มีไปทำบุญต่อกันก็มี 

          ซึ่งเจ็ทได้เสริมขึ้นมาว่า การ อาบแสงจันทร์ หรือ ถวายระฆัง พวกเราแอทลาสก็เคยเข้าร่วมมาหมดแล้ว  เพราะแอทลาสส่วนใหญ่ก็มีความเชื่อเรื่องดวง เรื่องโชคชะตากันมาอยู่บ้าง พอเล่าเรื่องเสร็จ จึงทำให้ภูมิเอ่ยปากแซวเสริมขึ้นมาว่า จริงๆ แล้วสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนช่วยทำให้เรามีทัศนคติดีมากขึ้นครับ เพราะหากเราเกิดผิดพลาดอะไร ก็จะได้ไม่ต้องโทษดวงอย่างเดียว เพราะแอทลาสเราทำบุญกันเยอะมากแล้ว (หัวเราะ)

 

‘เจ็ท - ภูมิ - เออร์วิน’ ใครขี้ลืมมากที่สุด ?

 

      เมื่อทางรายการถามถึงความขี้ลืมของแต่ละคน พี่เจ็ทจึงชี้ไปที่เออร์วินในทันที พร้อมบอกว่า ปกติแล้วเวลาซ้อมเต้น เจ็ทมักจะเป็นคนออกห้องซ้อมเป็นคนสุดท้าย และก็จะต้องเก็บของใช่เออร์วินได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็น กุญแจรถ หมวก โทรศัพท์ กระเป๋าตัง ก็มักจะลืมไว้เป็นประจำ

      ทำให้เออร์วินตอบกับทางรายการว่า เพราะปกติแล้วตัวเองเป็นคนชอบคิดไปล่วงหน้าแล้วว่าเราจะทำอะไร พอเวลาคิดไปแล้วก็จะไม่ได้มาวอกแวกว่าเราลืมอะไรไว้เลย ก็เลยมักจะลืมของอยู่เป็นประจำนั่นเอง

 

ATLAS คนไหน… ตรงใจที่สุด ?

      ถ้าหากให้เลือกความเป็น ‘ Boyfriend Material ’ เมมเบอร์ใน ATLAS แต่ละคนจะเลือกใคร ?

     เออร์วินจึงตอบว่า ขอยกให้พี่เจ็ทเพราะรู้สึกว่าตัวพี่เจ็ทเองเป็นคนใส่ใจในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ถ้าให้เลือกได้ก็อยากมีคาแรคเตอร์แบบพี่เจ็ทดูบ้าง เพราะเราติดเล่นไว้เยอะแล้ว คาแรคเตอร์ความนิ่งแบบพี่เจ็ท จึงถือเป็นเสน่ห์อย่าหนึ่งที่เราอยากมี เพราะเท่มากๆ ภูมิเลยเสริมมาว่า พี่เจ็ทเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นก่อนเสมอ อย่างบางทีเขาขึ้นเสียงใส่ เขาก็จะโทรมาขอโทษที่ขึ้นเสียง ซึ่งบางทีเรายังไม่รู้เลยว่าเขามาเสียงดังใส่เราตอนไหน

      ส่วนภูมิเองก็ขอตอบเป็นตัวเอง เพราะรู้สึกว่าความชอบของเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนก็อาจจะชอบแนวแบบพี่เจ็ท อบอุ่น เทคแคร์ แต่ถ้าอย่างเราเวลาเขาไม่สบาย ภูมิก็จะเป็นฟีลอยากที่จะป่วยเป็นเพื่อน เพราะไม่อยากให้เขาอยู่คนเดียวอะไรประมาณนั้น อยากที่จะอยู่กับเขาได้อีกด้วย

      ส่วนเจ็ทเลือกภูมิ เพราะด้วยคาแรคเตอร์ของภูมิที่มีความ positive ตลก สดใส เทคแคร์ เจ็ทเลยรู้สึกว่าส่วนตัวเราเป็นคนคิดมาก ก็อยากที่จะได้คนแบบนี้ ที่บางทีเขาก็เปลี่ยนมู้ดเราไปให้อารมณ์ดีได้เข้ามาในชีวิต

‘ภูมิ - เจ็ท - เออร์วิน’ กับทัศนคติของความรัก

       ภูมิ : ภูมิรู้สึกว่าเวลาเราเจอใครหรือชอบใคร ถ้าถึงเวลาเราจะชอบเอง คิดว่าส่วนใหญ่ก็คงไม่ได้มีแฟนตรงสเปคกันเลยด้วยซ้ำ ถ้าเรารู้สึกใช่มันก็โอเคแล้ว

        เจ็ท : รู้สึกว่าเห็นด้วยกับภูมิมาก เพราะความเข้าใจในตัวตนของเจ็ทเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะถ้าใครก็ตามที่จะมาเป็นคู่ด้วยก็จะต้องรับได้ใส่สิ่งที่เราเป็น ไม่ว่าจะเป็นความเจ้าระเบียบของเรา สิ่งที่เราเป็น หรืออย่างการมีโลกส่วนตัวสูงก็ด้วย เลยคิดว่าการยอมรับในตัวตนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

        เออร์วิน : ของเออร์วินก็คล้ายพี่เจ็ทเลย เพราะความเข้าใจเป็นสิ่งที่สำคัญมากจริงๆ ในชีวิตเราส่วนตัวเราใช้อารมณ์นำทางเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเรารู้สึกอะไร เราก็จะทำแบบนั้นเลย ด้วยความติสนิดนึงของเรา บางทีก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัว ดังนั้นความเข้าใจจึงเป็นสิ่งสำคัญเหมือนที่บอกไว้เลย

      สุดท้ายนี้ ก็ขอขอบคุณ ATLAS ทุกคนที่มาร่วมสนุก สร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้ฟุ้งกระจายกันไปทั้งรายการ และขอขอบคุณแฟนคลับทุกท่านที่คอยติดตามและซับพอร์ตหนุ่มๆ ATLAS จากทางรายการ EFM Fandom live ทั้งสองอีพี ก็ขอฝากซับพอร์ตทุกผลงานของ ATLAS กับซิงเกิลล่าสุด ‘แกล้งลืม(Boyfriend)’ และผลงานเพลงประกอบซีรีส์ ค่อยๆรัก Step By Step “รักเธอ ONLY YOU” กันด้วยน้า

 

         ก่อนจะจากกันไป วันนี้ทางเราจึงมีข้อความเล็กๆ จากสามหนุ่ม ATLAS ภูมิ – เจ็ท – เออร์วิน

ฝากถึงแฟนคลับทุกคนที่คอยซับพอร์ต ATLAS เสมอมา...

“ATLAS to ALIS”

 

-          Poom

ทุกวันนี้ที่เราใช้ชีวิตอยู่ มันก็เหมือนอยู่ในความฝันภูมิแล้ว แค่คนที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนมารักเรา เราก็รู้สึกพิเศษมากแล้ว ก็อยากที่จะเป็นกำลังใจให้ทุกคนเพราะเราก็ต่างเป็น positive thinking ที่ดีต่อกัน ก็ขอให้เอลิสมีความสุขมากๆ แล้วภูมิก็จะตั้งใจทำงานมากๆ เพราะมีเอลิสเป็นกำลังใจในทุกวันเลยครับ

 

-          Erwin

ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่รักพวกเรา เวลาเราจะทำผลงานออกมา เราจะนึกถึงเอลิสเสมอ ว่าเราจะทำผลงานออกมายังไงให้ทั้งเอลิสและก็เราฟูลฟีลด้วยกันทั้งคู่ ทุกครั้งที่เราอยากจะพัฒนาตัวเองหรืออยากทำให้โชว์ของพวกเราดีขึ้น เพราะทุกคนจะได้มีความสุข ก็ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้เรามาตลอด เราก็จะคอยเป็นกำลังใจให้เอลิสทุกคนด้วยนะครับ

 

-          Jet

ขอบคุณทุกคน ถ้าไม่มีพวกคุณ ‘เอลิส’ เราก็อาจจะไม่ได้มาถึงขนาดนี้ เรารู้สึกดีใจทุกครั้งที่ได้มาอยู่ตรงนี้ เอลิสบอกว่าโชว์ต่างๆ ของเราทำให้แต่ละวันสดใสขึ้นมาได้ นั่นก็ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งเลยที่ผมตั้งใจเอาไว้ที่จะทำแบบนั้น เราก็รู้สึกดีใจมากๆ เราจะทำให้ทุกผลงานของเราให้ดีขึ้นมาเรื่อยๆ และไม่รู้สึกเสียใจเลยที่ซับพอร์ตพวกเรา

 

‘ALIS เป็นภาษาละติน แปลว่า ปีก’

 

“ ATLAS ได้นิยาม ALIS ไว้ว่า หาก ATLAS เป็นนักสำรวจ ALIS ก็จะคอยเป็นปีกให้

และสำรวจแผนที่ไปพร้อมๆกัน คอยจับมือ และซับพอร์ตกันไปเรื่อยๆ ”

 

ชมความสนุกย้อนหลัง

 

ภาพ : EFM Fandom live

related EFM FANDOM RECAP

คู่จิ้นสุดสวย พร้อมรอยยิ้มหวานๆ “น้ำตาล - ฟิล์ม” น่ารักกัน จนรับรางวัล EFM FANDOM AWARDS สาขา “Dimples of Desty เหมือนถูกกำหนดมาให้รักยิ้มเธอ”

28 พ.ย. 2024

คู่จิ้นสุดสวย พร้อมรอยยิ้มหวานๆ “น้ำตาล - ฟิล์ม” น่ารักกัน จนรับรางวัล EFM FANDOM AWARDS สาขา “Dimples of Desty เหมือนถูกกำหนดมาให้รักยิ้มเธอ”

รายการ EFM FANDOM LIVE [21 พฤศจิกายน 67] คืนนี้ต้อนรับสาวสวย “น้ำตาล ทิพนารี” และอีกหนึ่งคนที่ต่อให้วันนี้จะไม่ได้มา แต่น้ำตาลก็ทำหน้าที่แทนได้ดีที่สุด! “ฟิล์ม รชานันท์” กับผลงานใหม่ล่าสุดซีรีส์ “Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก” พร้อมอัพเดตพูดคุยกับ “ดีเจโจเซฟ”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ“EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากที่แฟน ๆ เสนอและเปิดโหวต1. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Best Partner Yin-Yang award (คู่จิ้นหยินหยาง แตกต่างอย่างลงตัว)” น้ำตาล - ฟิล์ม เป็นคู่ที่แตกต่างกันมาก โดยน้ำตาลเป็น extrovert ส่วนน้องฟิล์มเป็น introvert กิจกรรมที่ทำทุกอย่างแทบจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่เหมือนกันเลยสักนิด แต่น้ำตาลกลับเคยให้สัมภาษณ์ว่า ถึงแม้จะต่างกันมาก แต่ทั้งคู่ต่างคิดว่าตอนนี้ต่างฝ่ายเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของกันและกัน และชอบสถานะในตอนนี้มาก นอกจากนี้น้ำตาลยังเคยให้สัมภาษณ์ว่า ทั้งคู่เป็นคู่จิ้นเข้ากันได้แบบ 100% นี่แหละเรียกได้ว่าแตกต่างกันสุดขั้ว แต่ลงตัวที่สุด2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “เมะมอมโฮ่งๆกับเคะแงวโชว์หมัด” แรงบันดาลใจมาจากพี่น้ำตาลเป็นเมะมอมๆคนนึงในสายตาพุงโต มอมจริงไม่ได้โม้ ถามเจ้าตัวได้555555555555 แต่หล่อเฟี้ยวฟ้าวได้ใจมาก ยิ่งวันก่อนเต้นโฮ่งๆ ได้แต่กรีดร้องในใจ หนูรักพี่ หนูจะรักพี่ตลอดไปค่ะ หนูเกิดมาเพื่อเป็นของพี่ แม้พี่จะเป็นของ.. (วรั้ย -////-) ชอบเล่นกับใจเด็กสาย/เคะสาว/หญิงสาว ไอคนหล่อเกินสวย! ฮื่อ ส่วนน้องฟิล์มในสายตาพุงโตคือน้องแงวตัวเล็กน่ารัก น่าหยิกแก้ม โอ๋ๆลูกแม่ หมั่นเขี้ยว ชอบแจกหมัดแมว นี่แหละอาวุธหลักขโมยใจพุงโตแบบไม่ได้ตั้งตัว รู้ตัวอีกทีก็.. แอบเก็บเธออยู่ใน heart heart ข้างในหัวใจ~3. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “No More เขิน (กี่โมง)” เนื่องจาก น้ำตาล - ฟิล์ม เป็นคู่ที่เริ่มต้นด้วยการเขินนนนนนนนนกันมาก เขินอยู่นั่นแหละ ผ่านมาเป็นปีก็ยังเขินกันอยู่ เขินอะไรก็ไม่รู้ เขินจนคนเค้าแซวฉ่ำ แต่อยู่ดีๆพี่น้ำตาลก็มาพิมพ์ในบอร์ดแคสว่า "พี่ไม่เขินหรอกนะ พี่พร้อมละ No More เขิน" แล้วก็เขินนนนนนต่อ จึงเป็นที่มาของ No More เขินกี่โมง? คะพี่ขาาาา4. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Dimples of Desty เหมือนถูกกำหนดมาให้รักยิ้มเธอ” Desty คือตัวแทนของน้ำตาล Dimples คือตัวแทนของฟิล์ม การได้มารู้จัก เรียนรู้ และทำงานด้วยกันของทั้งสอง จะว่าเป็นเรื่องเหลือเชี่อที่ถูกกำหนดไว้แล้วก็ได้ เพราะทำให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ที่กระจายพลังงานบวกให้กันและกันและคนทั่วโลก และอาจจะไปถึงกาแล็กซี่อื่นๆในจักรวาลก็ได้ หากเรามีเทคโนโลยีเพียงพอที่จะสื่อสารกับเขาเหล่านั้น ไม่เพียงแต่การทำงานร่วมกัน ผู้คนต่างชื่นชมในตัวตน การแสดงออกต่อกัน และอุปนิสัยส่วนตัวของทั้งคู่ และไม่ใช่แค่ผู้ชม แต่ทั้งสองแสดงออกถึงความชื่นชมในอีกฝ่าย ความใจดี ร่าเริงและสดใสของน้ำตาล ผลักดันให้ฟิล์มได้เจอเรื่องราวใหม่ๆ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆร่วมกัน ในขณะที่ความอ่อนโยน เอาใจใส่ และความเมตตาของฟิล์มก็ผูกมัดใจของน้ำตาลไว้ได้และกลายเป็นเรื่องราวดีๆในทุกวันของน้ำตาลเช่นกัน ดังนั้นถ้าจะบอกว่าโชคชะตากำหนดไว้ว่าคนทั้งโลกต้องมาตกหลุมรักรอยยิ้มของเธอสองคนคงจะไม่ผิดอะไร (หมายเหตุ: จงใจใช้คำว่า "รัก" แทน "ลัก" เพื่อให้สื่อถึงความรักที่ผู้คนได้รับและมอบให้น้ำตาลฟิล์ม)5. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “คู่ยอดเทรนด์ดีเด่นแห่งปี แต่ขอเสียงทีเงียบกริ๊บ” เป็นคู่ที่แฟนคลับพร้อมหวีดในโลกโซเชียล ไม่ว่าจะซีรีส์ออนแอร์ ลงรูป หรือมีโมเมนต์ ไทม์ไลน์แทบแตกติดเทรนด์แทบทุกงาน แต่พอได้เจอหน้ากันแบบตัวเป็นๆ เหมือนแฟนคลับสลับร่างเป็นคนละคน เหตุเพราะเป็น Introvert เกินครึ่งด้อม น้ำตาลฟิล์มขอเสียงทีเงียบกริบทั้งงาน บอกให้ช่วยกันร้องเพลงหน่อย ได้ยินแต่เสียงเพลงที่ศิลปินร้องกับเสียงบูธงานข้างๆ ลอยมา ศิลปินเดินเข้าหา แฟนคลับเดินหนี ขอทีอย่าเข้าใกล้เกิน 3 เมตร เดี๋ยวหัวใจวาย นี่ล่ะค่ะ เหตุผลของชื่อรางวัล คู่ยอดเทรนด์ดีเด่นแห่งปี แต่ขอเสียงทีแฟนคลับเงียบกริบถึงเวลาที่แฟน ๆ ชาวด้อมรอคอยกันแล้ววว!มาเข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ พูดคุยกับ “น้ำตาล - ฟิล์ม”และรางวัลที่ชนะการโหวตได้แก่... รางวัล “Dimples of Desty เหมือนถูกกำหนดมาให้รักยิ้มเธอ” เรารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติมากๆ ขอบคุณทาง EFM นะคะที่มอบรางวัลนี้ให้กับเรา 2 คน เราจะไม่มีวันลืมเลยขอบคุณสำหรับรางวัล Dimples of Desty เหมือนถูกกำหนดมาให้รักยิ้มเธอ เหมือนเป็นรางวัลที่จะย้ำเตือนเรา 2 คนว่าอะไรที่ทำให้เรารักกัน ขอบคุณนะคะ 3รอยยิ้มของฟิล์มทำให้โลกนี้สดใส น้องฟิล์มถ้าเป็นคนที่ไม่ยิ้มเลยก็จะเงียบไปเลย จะทำให้ทุกคนไม่กล้าเข้ามาคุยกับเขา แต่สำหรับน้ำตาล น้ำตาลมองน้องว่ารอยยิ้มเขาบวกกับลักยิ้มเขา มันทำให้เหมือนโลกใบนี้มันสดใสแล้วสิ่งที่นอกจากการแสดงน้ำตาลว่า First impression ที่เขาจะตกทุกคนได้ก็คือรอยยิ้มของเขาเนี้ยแหละ ก็สมชื่อแล้วที่เขาให้เป็น My Dimples เพราะว่าลักยิ้มเขาก็น่ารักมากรางวัลที่ว่าด้วย “คู่จิ้นหยินหยาง แตกต่างอย่างลงตัว” ถ้าไลฟ์สไตล์จริง ๆ ทุกคนก็จะรู้อยู่แล้วว่าเราต่างกันมาก เพราะว่าเป็น Introvert กับ extrovert ถ้าอะไรที่เข้ากันได้ดีก็คือ 1. Mindsetในเรื่องของการทำงานก็คือด้านการแสดง เราเป็นคนเนิร์ดเรื่องการแสดงมาก ๆ เราก็รู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่เพื่อใครผลงานชิ้นนึงของเรา เราไม่ได้มาแค่ฉันมาเพื่อฉันอยากจะเป็นซุปเปอร์สตาร์แต่เรามาเพื่อเป็นนักแสดง เราอยากให้คนดูได้อะไรกลับไปมากว่ารอยยิ้ม คือเราอยากให้รู้ว่าหนึ่งตัวละครที่เขาเกิดขึ้นมาหนึ่งคนมนุษย์คนนี้เขามีเหตุผลอะไรบ้าง แล้วมันอาจจะตรงใจหรือว่าอาจจะเป็นคาแรคเตอร์ที่หลาย ๆ คนอาจจะชอบ ซึ่งที่มาของ Pluto มันก็เหมือนกับว่า การที่เราจะลงเรือลำเดียวกัน เราคุยกันแล้วว่าจุดหมายปลายทางเราที่เดียวกันไหมก็รู้สึกว่าสิ่งนี้เราตรงกัน แต่อีกหนึ่งอย่างที่ตรงกันคือ เรื่องการกินจริง ๆต่อให้จะเป็นหยินหยาง แต่มี 1 อย่างที่น้ำตาลกับฟิล์มเข้าด้วยกันได้ดี… น้องฟิล์มก็เป็นคนที่ชอบกินมาก Enjoy Eating ก็รู้สึกว่าเราก็ไปกันได้ดีมาก ๆ ในเรื่องของกิน แล้วก็อีกหนึ่งอย่างเลยที่รู้สึกว่าเราจะไปด้วยกันได้ก็คือ น้องฟิล์มเขาไม่ค่อยออกไปไหนแต่หลัง ๆ นี่เขาไปกับหนูบ่อยเวลาชวนไปกินข้าวก็จะมีร้านอาหารร้านประจำของเรา เวลาชวนฟิล์มก็ตัดสินใจไปทุกครั้ง เรารู้สึกว่าเขาออกมากขึ้นแล้วน้ำตาลบอกเขาเสมอว่าน้ำตาลชอบเขาในโหมดนี้มาก ๆ เพราะสำหรับน้ำตาลมองว่าเขาเป็นมนุษย์ที่สดใสมากขึ้น มันทำให้เหมือนกับว่าหลาย ๆ คนที่ยังไม่เคยเห็นน้องฟิล์มมุมนี้ที่หนูเห็นแค่คนเดียว หนูก็อยากให้คนอื่นได้เห็นบ้าง อีกอย่างที่ตรงคือถ้าชวนไปทำบุญฟิล์มจะไปด้วยง่าย เพราะเป็นสายบุญเหมือนกันไม่ได้มูนะแต่ก็มูบ้างช่วงนี้ เวลาไปทำบุญก็เพื่อให้สงบจิตสงบใจก็เลยอาจจะตรงกันถึงวันนี้น้องฟิล์มจะไม่สบาย พี่น้ำตาลก็พร้อมส่งพลังใจให้น้องฟิล์ม ต้องบอกก่อนว่าทุกคนเป็นห่วงเขาใช่ไหม คือจริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้เรามีไปถามรายการด้วยกันต้องบอกว่าน้องได้ทำการตรวจไปแล้ว เราแถลงไปแล้วว่าน้องเป็นโควิด ซึ่งโควิดตอนนี้เราต้องเข้าใจกันก่อนว่าตอนนี้มันเป็นโรคท้องถิ่นไปแล้ว แต่เข้าใจด้วยความเราต้องเซฟทุกคน วันนี้น้องฟิล์มก็เลยมาไม่ได้แต่ก่อนหน้านี้น้องได้ทำไปแล้วแต่มันอาจจะยังไม่ขึ้นผลแต่พอน้องมีอาการน้องเริ่มรู้สึกใช่ไหม น้องก็ตรวจอีกครั้งเลยทำให้น้องรู้สึกว่างั้นเราไม่มาดีกว่า แต่น้ำตาลก็ไม่ได้เป็นอะไรคือภูมิแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน แต่แค่จะบอกว่าเดี๋ยวอีกไม่กี่วันน้องก็หายแล้ว แต่คนที่ต้องให้กำลังใจคือหนู 5555 เพราะว่าวันนี้ไม่มีเขามาเห็นหนูกล้า ๆ หนูก็เขินนะ แต่ก็เป็นกำลังใจให้น้องหายไว ๆเราทั้งคู่ต่างดูแลกันและกันตลอด อยากเล่าครั้งนึง เป็นครั้งแรก ๆ ที่น้องฟิล์มก็ยังไม่ได้รู้สึกว่าเวลาออกงานข้างนอกคนเยอะ ๆ น้องจะตื่นเต้นเวลาเจอคนเยอะ ๆ ตอนนั้นเป็นงานไฟนอลอีพีของซีรีส์เรื่อง Last Twilight ที่เราเล่นเรื่องเดียวกัน ซึ่งน้ำตาลเป็นคนที่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน น้องฟิล์มยังเคยทำนะ แล้วตอนสุดท้ายเขาจะมีถ่ายรูปกับแฟนคลับ มันต้องหันซ้ายหันขวาคือหนูอาจจะยังไม่ได้อายุเยอะมากแต่จะ 30 แล้วหนูเป็นความดันต่ำพอหันไปหันมารู้สึกจะอ้วก น้องก็ดูแลเราวันนั้นได้ดีมาก ๆ จากที่เราต้องดูแลน้องหมายความว่า ถ้าสมมุติวันไหนที่เราไม่พร้อม น้องก็จะบอกว่าไม่เป็นไรพี่เดี๋ยวน้องทำเอง คือถ้าสมมุติว่าวันนี้ energy น้องไม่เท่าน้ำตาลก็จะให้น้ำตาลค่อยพยุงไป แต่ว่าวันไหนที่น้ำตาลไม่ไหวจริง ๆ น้องก็จะฮึบ energy ขึ้นมาเพื่อดูแลเราอีกทีนึง สำหรับน้ำตาลก็มองว่าถึงแม้ว่าเขาจะเป็น Introvert แต่เขารู้หน้าที่ตัวเองว่าเขาจะต้องทำอะไรทำให้เรารู้สึกว่าต่อให้เราไลฟ์สไตล์ไม่ตรงกันแต่ว่าความคิดในการทำงานของเรามันตรงกัน มันก็เลยไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับการทำงานของเราเมนูที่พี่น้ำตาลอยากทำให้น้องฟิล์มกินหลังจากหายป่วย อยากให้เขากินของหวานทุกอย่างที่เขาชอบกิน คือ เราจะรู้อยู่แล้วว่าเขาจะชอบกินของหวานทุกอย่างที่มีน้ำตาลเขากินหมด อันนี้เรื่องจริงไม่ได้จับเข้าจิ้นชื่อหนูนะ ไม่ได้จะจิ้นนะ 55555 คือน้องชอบกินของหวานมาก น้องไม่ชอบกินข้าว น้ำตาลก็จะชอบบ่นเพราะว่าพอไม่กินข้าวแล้วก็จะไม่มีแรง แต่ว่าเวลาเจอของหวาน ถ้าเขาอยากกินน้ำตาลก็จะให้กินไปเลยFeedback หลังซีรีส์ “Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก” ออนแอร์ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เยอะมาก ต้องบอกก่อนว่าพอคนรู้ว่าเราได้เล่นซีรีส์แซฟฟิกคนก็เริ่มเหมือนเปิดเผยตัวตนว่าฉันเป็นแฟนละครเธอมาตั้งนานแล้ว แล้ววันนี้ฉันดีใจจังเลยที่เธอได้มาเล่น มันก็เลยเหมือนทำให้เราแบบเฮ้ยเราก็มีแฟนคลับอยู่กลุ่มนึงนะ แล้วสิ่งที่น้ำตาลกำลังจะบอกก็คือเราต้องขอบคุณแฟนคลับทั้งโมจิของน้ำตาล ฟูจิของฟิล์ม แฟนละครของเราเดิม ๆ เขาช่วยผลักดันให้เราได้ไปเจอแฟนคลับใหม่ ๆ ให้ไปเจอแฟนคลับต่างประเทศ มันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าแฟนคลับที่เป็นกลุ่มเดิมมีผลมาก ๆ ที่ทำให้นอกจากซีรีส์ที่ทำงานด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว ก็ทำให้ทุก ๆ คนได้มารู้จักเราเยอะมากขึ้น แล้วดีใจมากที่ทุกคนก็มีเพื่อนเยอะขึ้นเหมือนกันความรู้สึกของน้ำตาลที่ได้เล่นซีรีส์ยูริครั้งแรก ถ้าในเชิงของหน้าที่ในการเป็นนักแสดงไม่ต่างกันกับเรื่องอื่น ๆ ไม่ว่าจะเรื่องไหนเชื่อว่า ชายชาย ชายหญิง หญิงหญิง สำหรับน้ำตาลนะถ้าเป็นเพศไหนได้จะต้องไปเล่นมันเหมือนหมดในฐานะของนักแสดง แต่สิ่งที่มันท้าทายเลยมันคือความคาดหวังใหม่ ๆ มวลใหม่ ๆ ของแฟนคลับที่กำลังจะเข้ามาหาเรา คือเราก็ทำหน้าที่เหมือนเดิมแต่ว่าเขาคาดหวังอะไรจากเรา เขาอยากได้อะไรจากเรา สิ่งที่เราทำให้ ต้องขอบคุณแฟน ๆ ที่น่ารักมาก ๆ คือเขาไม่ได้คาดหวังอะไรจากน้ำตาลฟิล์มไปมากกว่าการที่ให้เราทั้ง 2 คนมีแต่ความสุข ทำงานในสิ่งที่เรารักมันก็เลยเหมือนกับว่าแฟนคลับเขารู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่เราจะให้มันคือความตั้งใจในการทำงานเราให้เขาเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นเขาจะไม่เรียกร้องอะไรเลยเขาจะขอแค่ว่าวันนี้ศิลปินที่เรารักนอนหลับไหม กินอิ่มไหม มีความสุขไหม มันก็เลยรู้สึกว่าพอได้มาทำงานจริง ๆ สิ่งที่เรากลัวว่ามันน่าจะเป็นความท้าทายใหม่ ๆ ที่เรากลัวจังเลยว่าเราจะเจอดราม่าอะไรบ้าง เราจะเจอเรื่องอะไรบ้าง ตอนนี้น้ำตาลมีความรู้สึกว่าน้ำตาลมีความสุขมากเชื่อว่าน้องฟิล์มก็มีความสุขมาก ๆ มันเหมือนกันว่ามันมีแต่กำลังใจดี ๆ มันมีแต่ขอติชมดี ๆ ที่ทำให้เราอยากพัฒนาตัวเองมาขึ้น เพราะเราพูดไว้ตั้งแรกอยู่แล้วว่าเรามาเล่นซีรีส์ตรงนี้ เราไม่เสิร์ฟนะคือสิ่งที่เราทำ สิ่งที่เป็นห่วงกันดูแลกันเราทำออกมาจากใจเราจะไม่ประดิษฐ์ขึ้นมาแน่นอน เพราะฉะนั้นสิ่งที่แฟนคลับเห็นน้ำตาลต้องบอกก่อนว่าบ้านโมจิเขาก็บอกว่า เขากลัวจังเลยว่าความสดใสของเราจะหายไป เขากลัวจังเลยว่าเสียใจ มีดราม่ามากระทบลูกเรา เขาขอแค่ว่าให้เรา อย่าลืมที่จะเป็นตัวของตัวเองนะ เป็นน้ำตาลเนี่ยแหละอยากทำอะไรก็ทำ มีความสุขตรงไหนทำ ทำแบบที่น้ำตาลทำมาตั้งแต่แรกแล้ว หลังจากนั้นน้ำตาลจะอยู่ได้ยาว ตอนแรกเราไม่รู้หรอกว่าอะไรที่แฟนคลับจะชอบเราแล้วอะไรที่เขาจะไม่ชอบเรา เราไม่รู้หรอกว่าตัวตนที่เราเป็นอยู่แล้วแฟนคลับใหม่ ๆ เขาจะซื้อไหมเขาจะชอบไหม เขาจะเข้ามาติดตามเราไหม น้ำตาลก็เลยรู้สึกว่างั้นขอลองเป็นน้ำตาลที่เคยเป็นมา เป็นน้ำตาลที่คิดว่าถ้าน้ำตาลจะทำต่อไปอีก 10 ปี 20 ปีแล้วน้ำตาลจะไม่รู้สึกท้อแท้อึดอัดกับสายงานที่น้ำตาลรัก มันเหมือนกับเรารักในการแสดงแต่ถ้าการแสดงมันทำให้เรารู้สึกว่าเรามีความสุขเราก็จะไม่อยากทำมัน เลยรู้สึกว่างั้นเราทำงานของเราให้เต็มที่ เราเต็มที่ให้คุณแล้วเราก็จะขอเป็นตัวของเราเอง ถ้าคุณรักเราคุณก็รักแต่เข้าใจคนเรามันก็มีที่ไม่ชอบน้ำตาลในเวอร์ชั่นนี้ก็เข้าใจได้อาจจะเสพแค่ผลงานก็ได้ แต่ว่า ณ วันนี้ต้องขอบคุณจริง ๆ ที่แฟนคลับทุก ๆ คนเข้ามาหาน้ำตาลฟิล์มไม่ใช่เข้ามาเพราะว่า น้ำตาลสวย ฟิล์มสวย แต่ทุกคนเข้ามารักเราจากผลงานที่เราสร้างขึ้นมาจากเสน่ห์ตัวตนของเราจริง ๆความท้าทายของน้องฟิล์มที่ต้องเล่นเป็นผู้พิการทางสายตา เป็นอะไรที่ยากมาก ยากกว่าฝาแฝดด้วยซ้ำ คือทางทีมงานให้เรา 2 คน น้ำตาลก็เวิร์คช็อปกับรถบิ๊กไบค์ ส่วนน้องฟิล์มก็เวิร์คช็อปกับ พี่ท๊อฟฟี่ ที่เป็นผู้พิการทางสายตาหลายครั้งมาก ๆ ไปใช้ชีวิตจนแบบบางทีเราไม่คิดด้วยซ้ำว่าเขาตาบอดคือหนูถามพี่ท๊อฟฟี่ว่าพี่ตาบอดจริงไหม เพราะว่าเขาเหมือนคนปกติเลย ต้องขอบคุณเรื่อง pluto จริง ๆ ที่ทำให้เราทั้ง 2 คนได้รู้ว่า คนพิการเขาปกติเหมือนเราเลยแต่เขาแค่มองไม่เห็นแต่เขาทำทุกอย่างได้ มันทำให้เรารู้สึกว่ามันมีอีกหลายอย่างที่เรายังไม่รู้และเราก็โชคดีที่ได้โอกาสตรงนี้มาขับเคลื่อนสังคม อย่างอีพีแรก ๆ จะเห็นได้ว่าแบบ pluto ทำงานกับสังคม เราคุยกันว่านี่คือรางวัลของเราแล้วนะในฐานะนักแสดง ถ้าวันนี้เราไม่ได้ถ้วยรางวัลมีหลาย ๆ เรื่องที่แบบดีกว่าเราเก่งกว่าเราแต่ว่ารางวัลของน้ำตาลฟิล์มมันคือการที่เราได้ทำอะไรเพื่อสังคม สังคมได้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้วทำให้สังคมมันดีขึ้นแค่นี้ในฐานะนักแสดงมันก็ฟินมาก ๆ แล้ว“น้ำตาล” ป้ายยาซีรีส์ “Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก” บางคนอาจจะดูนิทานอ่านนิยายมา เห็นตอนจบของเรื่องมีแต่เจ้าชายกับเจ้าหญิงแต่เรื่องนี้จะเป็นเจ้าหญิงกับเจ้าหญิงอาจจะแปลกใหม่แต่ว่าลองดูรสชาติมีหลากหลาย จะมีหวานบ้างขมบ้างปน ๆ กันไป ณ ตอนนี้มันอาจจะยังหวานหอมอยู่ เดี๋ยวก่อนเดี๋ยวถ้าใครที่ชอบซีรีส์ที่ดราม่าหนัก ๆ ก็อยากจะแนะนำให้ดูกันนะคะแล้วก็จริง ๆ วางแผนไว้ว่าถ้าดูจบเมื่อไหร่น้ำตาลจะมานั่งดูทีเดียวทั้งหมดใหม่อีกทีนึง ซึ่งบอกเลยว่าสนุกแน่นอนฝากด้วยคะ pluto นิทาน ดวงดาว ความรักวันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมสนุกๆมาให้ “น้ำตาล ทิพนารี” เล่นด้วยชื่อเกมว่า “ทิพนารี ตีบทแตกกกกกกกกกกกกก!!” แล้วมาดูกันว่า “น้ำตาล” จะตีบทไหนแตกบ้าง(เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับได้เข้ามาพูดคุยกับ “น้ำตาล ทิพนารี” (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “น้ำตาล - ฟิล์ม” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความน่ารัก ความสุขให้แฟนๆกันทั่วทั้งรายการ ฝากซีรีส์ “Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก” ทุกวันเสาร์ เวลา 20:30 น. ทางช่อง GMM25 และรับชมย้อนหลังได้ทาง Viu เวลา 22:30 น. พร้อมฝากเพลงประกอบซีรีส์ทั้ง 3 เพลง และรอติดตามอีก 2 เพลงที่กำลังจะปล่อยออกมาด้วยนะค้าาาสามารถเข้าไปรับชมกันได้ที่ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

ลูกหมี - ซอนญ่า 2 สาวสุดฮอตจากจอซีรีส์สู่เวทีแฟนมีต! บุก EFM FANDOM LIVE เปิดใจถึงเส้นทางดูโอ้ พร้อมจัดเต็มความสนุกที่แฟน ๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน!

11 ก.พ. 2025

ลูกหมี - ซอนญ่า 2 สาวสุดฮอตจากจอซีรีส์สู่เวทีแฟนมีต! บุก EFM FANDOM LIVE เปิดใจถึงเส้นทางดูโอ้ พร้อมจัดเต็มความสนุกที่แฟน ๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน!

รายการ EFM FANDOM LIVE [6 กุมภาพันธ์ 68] คืนนี้ต้อนรับ 2 สาว “ลูกหมี - ซอนญ่า” พร้อมพูดคุยเม้าท์มอยกับ “ดีเจโซเซฟ” และ “ดีเจแนน”ในช่วงแรกของรายการ พี่ๆดีเจอ่าน 5 จดหมาย “EFM FANDOM LOVE LETTERS”ที่ถูกเลือกมาจากแฟนๆส่งความในใจที่อยากจะบอกศิลปินเข้ามาจดหมายฉบับที่ 1 ชื่อจดหมายว่า... นี่เป็นความน่ารักที่สุดในโลกแล้วหรือยัง นี่เป็นความน่ารักที่สุดในโลกแล้วหรือยัง หรือเธอยังน่ารักได้มากกว่านี้อีก — ประโยคนี้ยกให้ ลูกหมี - ซอนญ่า เวลาที่แฟนคลับเห็นลูกหมีซอนญ่าอยู่ด้วยกันแล้วเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กัน สิ่งนี้มันทำให้แฟนคลับรู้สึกอยากร้องไห้ตลอดเวลา ดีใจที่พาร์ทเนอร์ของเรามีพื้นที่และความสบายใจให้กัน ขอบคุณที่ลูกหมีและซอนญ่าได้มาเป็นพาร์ทเนอร์กันนะ ขอบคุณทุกความน่ารักที่มอบให้แฟนคลับตลอดเวลา รักลูกหมีซอนญ่าไม่เคยเสียใจเลยLetter #1: This letter is titled... Could there be anything cuter than this? Isn't this just the cutest thing ever? Or can it get even cuter? This message is for Lookmhee and Sonya. Whenever fans witness Lookmhee and Sonya together, supporting one another in such a safe and comforting way, it brings tears of joy to our eyes. I truly appreciate how our beloved partners create a nurturing space for each other. Thank you for making Lookmhee and Sonya a team. Your endless cuteness fills our hearts with happiness every day. I adore Lookmhee and Sonya and wouldn't change a thing about it!จดหมายฉบับที่ 2 ชื่อจดหมายว่า... สำนักข่าวผู้เฝ้าระวังคนคลั่งรัก (สาววาย) ข่าวด่วน! นักวิจัยพบสารเคมีใหม่ในอากาศ “เคมีลูกหมีซอนญ่า” ติดง่ายกว่า PM2.5 จากการทดลองพบว่า การรับชมความสัมพันธ์ของลูกหมีซอนญ่าที่เต็มไปด้วยพื้นที่วางใจของกันและกัน ความน่ารัก อบอุ่น ธรรมชาติ เป็นตัวเอง ส่งผลให้ผู้ชมมีโอกาส "ตกหลุมรักถาวร" สูงถึง 99.99% แม้เพียง 3 วินาที ด้านแฟนคลับต่างร่วมส่งข้อความขอบคุณให้กับทั้งคู่ที่มอบความสุขและแรงใจให้กับชาวแก๊งเสมอมา #AlwayssupportLMSY #ขอเป็นคิว0พี่ตี๋บางแคLetter #2: This letter is titled... A news agency that monitors infatuated fans (fangirls). Exciting news! Researchers have discovered a new chemical in the atmosphere, known as “Lookmhee Sonya” chemistry, and it’s even more contagious than PM2.5! Studies reveal that immersing oneself in the delightful and trusting vibes of Lookmhee Sonya, filled with love, cuteness, warmth, and authenticity, gives viewers an incredible 99.99% chance of “falling in love forever,” even if just for a brief three seconds. Fans have been expressing their heartfelt gratitude to the couple for consistently spreading joy and motivation within the community. #AlwayssupportLMSY #PleaseBe0QueueP’TeeBangkhaeจดหมายฉบับที่ 3 ชื่อจดหมายว่า... little star around the shining moon หาก ลูกหมี - ซอนญ่า คือ พระจันทร์ และแฟนคลับ คือ ดวงดาว แม้พระจันทร์จะถูกมองเห็นได้ในยามค่ำคืนสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับดวงดาวนั้น พระจันทร์มีแสงสว่างในตัวเอง และจะถูกมองเห็นโดยเหล่าดวงดาวเสมอ ไม่ว่าดวงดาวจะมีจำนวนมหาศาล หรืออาจจะมีน้อยนิด แต่โปรดจงรู้ไว้ว่าพระจันทร์จะมองเห็นดวงดาวส่องสว่างอยู่ข้างๆเสมอ และไม่มีวันทิ้งกันไปไหน ถึงแม้ในสักวันพระจันทร์กับดวงดาวอาจจะโคจรไกลกันแค่ไหนก็ตามLetter #3: This letter is titled... Sweet little star twinkling around the lovely moon. If Lookmhee - Sonya represents the moon and the fans symbolize the stars, it’s important to remember that while the moon is often only visible to the world at night, it shines for the stars no matter the circumstances. The moon will always be aware of the stars twinkling by its side, and despite the distance that may sometimes come between them, they will never truly be apart. They share a bond that ensures they are always connected, no matter where their paths may lead.จดหมายฉบับที่ 4 ชื่อจดหมายว่า... หัวใจขายได้สามล้านห้า ขอยกให้ลูกหมีซอนญ่าไปฟรีๆ อยากบอกว่าเรารู้สึกขอบคุณโชคชะตาอยู่เสมอเลยค่ะ ที่ทำให้เราได้มาเจอแล้วก็รัก ลูกหมี - ซอนญ่า ขอบคุณที่คอยมอบความรักดีๆให้ เราภูมิใจมากเลยนะที่ได้เป็นแฟนคลับของลูกหมีซอนญ่า ภูมิใจจนอยากป่าวประกาศให้คนทั้งโลกรู้เลยว่าการเป็นแฟนคลับของลูกหมีซอนญ่าเป็นเรื่องโชคดีของเราขนาดไหน ลูกหมีซอนญ่าน่ะก็รักตัวเองได้เยอะๆเลยนะคะ รักให้มากพอจนสามารถแบ่งความรักที่ล้นนั้นส่งต่อมาให้เราได้ แค่นี้ก็เป็นความสุขของเราแล้วค่ะLetter #4: This letter is titled... You know, my heart is worth three and a half million Baht, but I'm more than happy to share it with Lookmhee - Sonya without for free. We are truly thankful to destiny for bringing us the wonderful opportunity to meet and love Lookmhee Sonya. Your constant love means the world to us, and it fills us with pride to call ourselves fans of Lookmhee Sonya. We feel so fortunate that we want to share our joy with everyone, celebrating just how special it is to be supporters of Lookmhee Sonya. Lookmhee Sonya, we hope you cherish yourself deeply and embrace that abundant love, sharing it with us. This brings us immense happiness.จดหมายฉบับที่ 5 ชื่อจดหมายว่า... ต้าวแฝดสุดซี้ L[ove] Y[ou] S[o] M[uch] ดีใจกับน้องทั้งสองคนที่ประสบความสำเร็จนะคะ จะมีแฟนมีตที่ไทยแล้ว เย้ๆ อยากบอกว่า L[ove] Y[ou] S[o] M[uch] ข้อความธรรมดาๆ ที่เราเอามาจากชื่อของทั้งสองคน ก็คือ #LMSY เอามาสลับตำแหน่งกันนั่นเอง ก็เลยอยากใช้ข้อความธรรมดาๆ นี้ส่งไปหาทั้งสองคนว่า ถึงจะไม่เคยเจอกัน แต่ก็ขอบคุณสำหรับเอเนอร์จี้ดีๆ น่ารักๆ ฮาๆ เวลาอยู่ด้วยกัน รักมากๆ เลยน้า ไว้มีโอกาสจะไปเจอให้ได้เลย โชคดีกับแฟนมีตและรอติดตามผลงานนะคะLetter #5: This letter is titled... The finest of twins. L[ove] Y[ou] S[o] M[uch] Congratulations to both of you on your amazing achievement! I’m so excited about the upcoming fan meeting in Thailand—how wonderful! I want to share a heartfelt message, L[ove] Y[ou] S[o] M[uch] , which creatively combines parts of your names. Even though we've never met, I truly appreciate the good vibes, cuteness, and humor you bring when we’re together. I adore both of you so much, and I hope to meet you someday. Wishing you tons of luck with the fan meeting, and I can't wait to see more of your wonderful work!ถึงเวลาที่แฟน ๆ ชาวด้อมรอคอยกันแล้วว~~เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ EFM FANDOM LIVEเราจะมาพูดคุยกับ “ลูกหมี - ซอนญ่า”“ลูกหมี-ซอนญ่า” กับของขวัญวาเลนไทน์สุดคูลที่ไม่มีใครคาดถึง! ลูกหมี : จะให้แม่บ้านซอนญ่า 10 คน! เพราะซอนญ่าชอบทำงานบ้านเกินไป แล้วแทนที่จะเอาเวลาซักผ้า ตากผ้า พับผ้ามาอยู่กับเรา ก็เลยคิดว่าถ้ามีแม่บ้านช่วย ซอนญ่าจะได้ไม่ต้องทำเอง จะได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง ซอนญ่า : หนูเครียดมากช่วงนี้ ไม่มีเวลาพับผ้าเลย 5555 ลูกหมี : คุย ๆ อยู่ก็แบบ “เดี๋ยวไปตากผ้าแป๊บนึงนะ” ซอนญ่า : ก็เฟซไทม์ให้ดูเลยว่าตากผ้าอยู่จริง ๆ วันนึงสามตะกร้า! เพราะหนูจะเป็นคนที่ซักผ้าทีเดียวทั้งบ้าน อาทิตย์ละครั้ง ซักให้แม่ด้วย บางทีซักเสร็จกลับบ้านมาไม่มีเวลาพับ แม่ก็พับให้ โชคดีที่แม่หนูก็ชอบพับผ้าเหมือนกัน ครอบครัวเราชอบทำงานบ้านกันเอง บางทีเครียด ๆ พับผ้าก็ช่วยให้หายเครียดได้ ซอนญ่า : ส่วนหนูให้เครื่องบินเลยค่ะ! จะได้ไปเที่ยวได้ทุกที่ เพราะหมีชอบเที่ยวมาก อยากไปไหนก็ไปได้เลย ลูกหมี : งั้นเอาแม่บ้านไปขับเครื่องบินด้วยเลย5555 รวมกัน!ถ้าได้เครื่องบินมา สถานที่แรกที่ “ซอนญ่า” จะพา “ลูกหมี” ไป… ซอนญ่า : Hallstatt ค่ะ! ลูกหมี : อ๋อ… Hallstatt ที่ออสเตรีย เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องบรรยากาศโรแมนติกมาก เงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อนและฮันนีมูน ตอนวัยรุ่นเคยไปมาแล้วครั้งนึง ซอนญ่า : วัยรุ่น? หมีพูดเหมือนหมีแก่เลยนะ 5555 ลูกหมี : ตอนนั้นยังไม่ทำงานจริงจังเท่าไหร่ รู้สึกว่าเป็นวัยรุ่นอยู่ แต่ตอนนี้ทำงานแล้วไม่ค่อยรู้สึกแบบนั้นแล้ว 5555 ถ้าได้ไปอีกรอบก็อยากไปกับซอน เพราะเราคุยกันบ่อยว่าอยากไป รู้สึกว่าเป็นเมืองที่เหมาะกับการพักผ่อนมาก ๆ ซอนญ่า : เคยไปกับที่บ้านเหมือนกันค่ะ พอได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วเหมือนภาพวาดเลย สวยมาก ลูกหมี : ใช่ ๆ ซอนญ่า : เลยอยากรู้ว่าตอนนี้ยังสวยเหมือนเดิมไหมนะ?จากนักแสดงสู่ดูโอ้คู่แรกของ CHANGE 2561 ลูกหมี : รู้สึกเขินค่ะ 5555 ซอนญ่า : อาจจะกดดันนิดหน่อยช่วงทำงาน เพราะเราอยากให้งานออกมาดี แต่พอทำจริง ๆ แล้วสนุกมาก ตอนถ่าย MV คือจอยสุด!รีแอคชั่นเมื่อรู้ว่า... ทั้งคู่จะมีซิงเกิลแรก ลูกหมี : ห๊าาาา! ซอนญ่า : หนูไม่คิดว่าจะจริงจังขนาดนี้เลย ตอนแรกคิดว่าแค่ร้องเพลงประกอบซีรีส์ของเรา สนุก ๆ แต่พอรู้ว่ามีซิงเกิ้ลจริง ๆ ดีใจมาก เพราะเกิดมาไม่เคยมีเพลงเป็นของตัวเอง พอเข้าห้องอัดครั้งแรก หมีต้องตื่นเต้นมากแน่ ๆ แต่พอทำจริง ๆ แล้วสนุกมาก! ลูกหมี : ใช่เลยค่ะ!เคล็ดลับเตรียมร้องเพลงแบบ “ลูกหมี - ซอนญ่า” ลูกหมี : อาบน้ำไปก็ร้องไปเลย 55555 ซอนญ่า : เราเรียนร้องเพลงจริงจังหลายคลาสเลยค่ะ ลูกหมี : ใช่ หมีเองก็ฝึกเยอะมาก ตอนแรกแค่ร้องเพลงประกอบซีรีส์ แต่พอเป็นซิงเกิ้ลจริง ๆ รู้สึกว่าต้องจริงจังขึ้น ทุกครั้งที่ร้อง เริ่มคิดมากขึ้นว่าใช้เสียงยังไงดี ที่สำคัญเลยคือซอนย่าเป็นคนเชียร์อัพตลอด ถ้าหมีร้องแล้วกลัว ซอนย่าจะบอก “หมีทำได้ ๆ ๆ” จนเรารู้สึกว่า เอ้า! เราก็ร้องได้นี่ ซอนญ่า : ด้วยบรรยากาศห้องอัด หนูว่ามันค่อนข้างจะทำให้เครียดนิดนึง ก็เลยให้กำลังใจเชียร์อัพกันบ่อย ๆ บางทีสลับกันเข้าไปอัด ถ้าใครอยู่ในห้องนานไป อีกคนก็จะบอก “สู้ ๆ นะ! เข้าไปใหม่” คอยช่วยกันตลอ“เปล่าหวง” แค่ห่วงเธอนิดหน่อย ~ ซอนญ่า : เพลงนี้เป็นเพลงที่ซอนญ่าลีด ร้องและเต้นด้วยค่ะ ครั้งแรกเลยที่เต้นจริงจัง ใน MV ต้องไปเรียนเต้นเพิ่มด้วย ได้สกิลเยอะมาก ปกติไม่ค่อยเต้น แต่เคยเรียนอยู่ พอสนิทกับร่างกายอยู่บ้าง ลูกหมี : โห เรียกว่าคนละทาง 5555 หมีไม่ใช่สายเต้น ขยับมือยังแข็งเลย ทุกครั้งที่ต้องเต้นคือเขินมาก แต่ดีที่มีซอนญ่าทำด้วยกัน เลยรู้สึกอยากลองและสนุกไปด้ว ซอนญ่า : MV ออกมาเป็นตัวเราสองคนสุด ๆ “เปล่าหวง” คือเพลงของคนปากแข็ง ตอนทำเพลง พี่ ๆ ถามว่าเรามองความรักยังไง เราก็บอกไปตามจริง พี่เขาก็แต่งออกมาเป็นเพลงนี้ วันถ่าย MV ได้ทำหลายอย่างเลย หนึ่งในนั้นคือขึ้นไปถ่ายบนดาดฟ้า หนูกลัวความสูงมาก ต้องนั่งแบบเกร็งแต่ต้องทำหน้านิ่งไปด้วย ลูกหมี : เคยโดนซอนญ่าหลอกว่ากลัวความสูงเหมือนกัน พอถึงเวลา…คนที่กลัวจริง ๆ คือหมี! ส่วนซอนญ่า…กรี๊ด สนุกอยู่คนเดียว ซอนญ่า : เรามาเล่นแล้วก็ต้อง enjoy กับ the moment สิ ลูกหมี : 555555“พื้นที่วางใจ”…ยกให้เธอ ~ ลูกหมี : ตอนคุยกันเรื่องเพลงนี้ พี่ ๆ ถามว่าความรักที่เราต้องการเป็นแบบไหน? สำหรับหมี…อยากให้ความรักมีความเป็นเพื่อนอยู่ด้วย ถ้ามีความรักแล้วเหมือนมีเพื่อนที่เข้าใจกัน ก็รู้สึกว่าสบายใจเหมือนมีเซฟโซน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน แค่มีคนนี้อยู่ก็พอ ซอนญ่า : ใน MV ก็เหมือนในชีวิตจริงเลย หนูจำได้ว่าไม่ได้บรีฟกันเยอะเลย เข้าไปแล้วก็แสดงไปตามธรรมชาติ อุ๊ย! มีอย่างนึงที่ยังไม่เคยทำด้วยกัน…ถ่ายรูปสติกเกอร์! ลูกหมี : หึ้ย เคยแล้ว! ซอนญ่า : ก็ใน MV ไง ลูกหมี : ไม่ ๆ ที่อื่นเคยก็เคย ซอนญ่า : ที่ไหน? ลูกหมี : เดี๋ยวไว้หารูปมาให้ดู ซอนญ่า : แปลว่าไม่ได้เก็บรูปกลับไป หมีขโมยไปแน่ ๆ!แฟนมีตสุดพิเศษ ที่เหล่าแฟนๆ รอคอย! ลูกหมี : จริง ๆ บัตรขายไปตั้งแต่วันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมาแล้ว ตอนนี้เหลือไม่เยอะแล้วนะคะ ก็เลยอยากเชียร์แฟน ๆ ที่ยังไม่ได้ซื้อ รีบมาหาพวกเรากันเยอะ ๆ เพราะเราไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสแบบนี้อีกเมื่อไหร่ แฟนมีตครั้งนี้คืออลังการและใหญ่มาก จัดที่ทรูไอคอนฮอลด้วย จุคนได้เยอะมากจริง ๆ แล้วพวกเราสองคนก็มีส่วนร่วมในการคิดโชว์เองด้วย ตอนประชุมคือได้คุยกันเลยว่า หมีอยากทำอะไร ซอนอยากโชว์อะไร แล้วก็มีหลายอย่างที่หมีเองก็แอบกลัว แต่ก็อยากให้แฟน ๆ ได้เห็น เพราะคิดว่าทุกคนน่าจะอยากเห็นเหมือนกัน ก็เลยเลือกที่จะซ้อมแล้วทำมันออกมาให้ดีที่สุดค่ะ ซอนญ่า : พูดได้ แต่ไม่สปอยล์! จะมีการเปิดตัว Official Pilot ของโปรเจกต์ใหม่ของพวกเราด้วย ให้ทุกคนลุ้นกันว่าวันนั้นจะเป็นโปรเจกต์อะไร ถือเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ให้แฟน ๆ เลยค่ะ ลูกหมี : เพราะว่าแฟน ๆ ก็รอโปรเจกต์ใหม่ของพวกเรามาสักพักแล้ว… เอ๊ะ พูดได้ไหมนะ? ซอนญ่า : อุ้ย! 55555 ไม่ใช่ ๆ เราคุยกันเฉย ๆ ลูกหมี : ซอนญ่ากระตุกทำไมอะ? หมีกลัวนะเนี่ย! กลัวพูดอะไรที่พูดไม่ได้ 55555 ซอนญ่า : ไม่ ๆ อันนี้พูดได้ค่ะ วันนั้นทุกคนจะได้ดู Official Pilot พร้อมกัน แล้วก็น่าจะพอเห็นสตอรี่ของพี่ฉอดกันมาบ้างใช่ไหมคะ? บอกเลยว่าโชว์มีหลายแนวมาก โดยเฉพาะเพลงแดนซ์! แต่ลองทายกันดูนะคะว่าเป็นเพลงอะไร หนูไม่บอกหรอก เต้นกันทั้งเพลงเลยค่ะ ลูกหมี : ห้อยหัวลงไปเลย 55555 ซอนญ่า : 15 กุมภาพันธ์นี้ ที่ ทรูไอคอนฮอล ไอคอนสยาม นะคะ! แล้วสำหรับใครที่ยังไม่ได้ซื้อบัตร ยังมีเวลานะคะ สามารถซื้อได้ที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ มีทั้งบัตรที่นั่งที่ยังเหลืออยู่นิดหน่อย และ บัตร Live Streaming Rerunสำหรับคนที่มาไม่ได้ค่ะ ลูกหมี : ใช่ค่ะ แล้วในงานเราก็มีของที่ระลึกให้แฟน ๆ ด้วยนะ ซอนญ่า : ใช่เลย! เป็น Merchandise น่ารัก ๆ มีเสื้อ ผ้าพันคอ พวงกุญแจ แล้วก็หมวกแก๊ป มีสองสี คือ ฟ้า กับ เหลือง ลูกหมี : ทั้งหมดเป็นไอเดียของพวกเราสองคนเลยค่ะ ซอนญ่า : เราสองคนช่วยกันวาดเอง! ลูกหมี : ทั้งเสื้อ ทั้งหมวก เป็นลายเส้นของซอนญ่ากับหมีเองค่ะ ซอนญ่า : ใช่ค่ะ! ก็ฝากทุกคนติดตามกันด้วยนะคะ สามารถพรีออเดอร์ได้แล้ววันนี้!นอกจากมาพูดคุย เม้าท์มอยกันแล้ว ทางรายการ EFM FANDOM LIVEก็มีเกมมาให้ “ลูกหมี - ซอนญ่า ” เล่นกันด้วย ชื่อเกมว่า “แปะหัวใจ LMSY”แล้วมาดูกันว่าทั้งสองคนจะหวงกันมากแค่ไหน~~ (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย ทางรายการเสิร์ฟความฟินกันแบบจุกๆให้ “ลูกหมี – ซอนญ่า” ได้เลือกเบอร์โทรกลับหาแฟนคลับมาพูดคุยกัน(เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) สุดท้ายนี้... รายการ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “ลูกหมี – ซอนญ่า” มากๆเลยน้าที่มาร่วมพูดคุย สร้างสีสัน ความน่ารัก สร้างความสนุก ความสุขให้กับแฟนๆ และอย่าลืมไปดูทั้งคู่เดินสับๆกันใน LMSY 1st Fan Meeting in Thailand "Be My Valentine" วันเสาร์ ที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ ที่ TRUE ICON HALL 7th FLOOR, ICONSIAM และฝากผลงานในฐานะศิลปินหญิงคู่แรกของ CHANGE 2561 กับเพลง 'พื้นที่วางใจ (MY SAFE ZONE)' และ 'เปล่าหวง (Jealous)' ไว้ด้วยน้าาาสามารถเข้าไปรับชมความฟิน ความสนุกกันได้ทางSee you next week nakaa : )

“ฟอส - บุ๊ค” มาเยือน EFM FANDOM LIVE 2 เพื่อนซี้ที่โชคชะตา ลิขิตมาให้เจอกัน พร้อมรับรางวัล ในสาขา “A Better Half มากกว่าครึ่งชีวิตฉันคือเธอ”

26 พ.ย. 2024

“ฟอส - บุ๊ค” มาเยือน EFM FANDOM LIVE 2 เพื่อนซี้ที่โชคชะตา ลิขิตมาให้เจอกัน พร้อมรับรางวัล ในสาขา “A Better Half มากกว่าครึ่งชีวิตฉันคือเธอ”

รายการ EFM FANDOM LIVE [ 14 พฤศจิกายน 2567 ] คืนนี้เปิดสตูต้อนรับ “ฟอส - บุ๊ค” พร้อมอัพเดทพูดคุยกับ 2 ดีเจสาวสวย “ดีเจดาว และ ดีเจแนน”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ“EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากแฟน ๆ เสนอและเปิดให้โหวต1. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “A Better Half มากกว่าครึ่งชีวิตฉันคือเธอ” เพราะ ฟอส – บุ๊ค รู้จักกันมาเกินครึ่งชีวิตของกันและกันแล้ว ฟอสบุ๊ครู้จักกันตั้งแต่ 4 ขวบ นับปีนี้ก็ 24 ปีพอดี เจอกันครั้งแรกที่โรงเรียน เพราะต้องนั่งรถตู้กลับบ้านคันเดียวกันตอนอนุบาล 2 เนื่องจากบ้านใกล้กันห่างกันไม่กี่ซอย ฟอสมักจะพูดเสมอว่าตอนเด็กๆ บุ๊คน่ารักมากๆ เป็นเด็กผิวขาว ตาโต มีแก้มเหมือนโมจิ ส่วนบุ๊คก็จะบอกว่าฟอสเป็นเด็กซ่าๆซนๆ เลยยังไม่ได้สนิทกันมาก พอจบอนุบาลก็ไปเข้าโรงเรียนประถมและมัธยมที่เดียวกันอีก ฟอสได้เป็นหนุ่มป๊อปเหนือเดือนประจำโรงเรียน ส่วนบุ๊คเป็นเด็กเรียนควบตำแหน่งเดือนทั้งคู่อยู่คนละกลุ่ม แต่ได้คุยกันเพราะฟอสมาขอให้บุ๊คช่วยทำโจทย์วิทยาศาสตร์ที่ตัวเองต้องซ่อมส่งคุณครู จนเข้ามหาวิทยาลัยก็ได้แยกย้ายกันไป แต่แล้วโชคชะตาก็พาให้กลับมาเจอกันอีกครั้งกับบทบาทนักแสดงสังกัด GMM TV กับซีรีส์เรื่องแรกของทั้งคู่ การกลับมาเจอกันครั้งนี้ทำให้ฟอสบุ๊คได้คุยกันมากขึ้น ทั้งคู่เป็นเหมือนขั้วตรงข้าม เหมือนหยินหยาง คนนึงเป็นสีขาว อีกคนเป็นสีดำ มีความคิดเห็นไม่ค่อยจะตรงกัน ภาพที่ทุกคนเห็นจึงมักจะเห็นทั้งคู่เถียงกันบ่อยๆ แต่ฟอสบุ๊คก็พยายามปรับจูนกันมาเสมอ ถึงแม้ว่าฟอสจะเด็กกว่าบุ๊ค แต่ฟอสจะเป็นคนที่ดูแลบุ๊คอย่างดีมาตลอด ฟอสมักพูดเสมอว่าถ้าใครแกล้งบุ๊คก็ให้บอกฟอสได้เลย ฟอสจะจัดการให้ ไม่อยากเห็นใครมาว่าบุ๊ค ทุกอย่างเกี่ยวกับบุ๊คฟอสรู้หมด บุ๊คเป็นคนที่ขี้กังวล ชอบกอดเพื่อเพิ่มกำลังใจ แม้ฟอสจะเป็นคนไม่ค่อยชอบสกินชิพ แต่ฟอสจะกอดกับบุ๊คก่อนเข้าฉากหรือก่อนเริ่มแฟนมีตเสมอ เพื่อให้บุ๊คสบายใจ บุ๊คเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง ฟอสก็จะคอยบอกเสมอว่าบุ๊คทำได้ดีในทุกๆเรื่องขอแค่บุ๊คมั่นใจ และเป็นคนที่คอยสร้างความมั่นใจให้กับบุ๊คมาตลอด ฟอสมักจะคอยผลักดันบุ๊คในทุกๆเรื่องแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ ฟอสทำให้บุ๊คกล้าแสดงออกมากขึ้น ส่วนบุ๊คก็เข้ามาเป็นสีสันในชีวิตให้กับฟอส เพราะฟอสเป็นคนที่ค่อนข้างจริงจัง มีระเบียบแบบแผนในชีวิตแทบทุกเรื่อง ทำให้บางครั้งก็เครียดและตึงเกินไป แต่บุ๊คเข้ามาเป็นเหมือนสีสันใหม่ๆให้กับฟอส บุ๊คมักจะสร้างรอยยิ้มให้ฟอสได้เสมอ เป็นคนที่ช่วยทำให้ฟอสแสดงความเป็นเด็กและความอบอุ่นที่ฟอสมีออกมา บุ๊คมักจะชวนฟอสทำอะไรน่ารักๆ เช่น ถ่าย Tiktok หรือ พาฟอสไปคาเฟ่ ไปทำงานศิลปะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ฟอสไม่เคยได้ทำ แต่เพราะมีบุ๊คฟอสเลยได้ลองทำอะไรใหม่ๆในชีวิตเหมือนกัน อย่างที่บอกแม้ทั้งคู่จะต่างกันมาก แต่เพราะความต่างที่มีนี่แหละ มันเลยเป็นเหมือนอีกเสี้ยวนึงของชีวิตที่มาช่วยเติมเต็มกันและกันมากขึ้น ทำให้เห็นมุมมองอื่นๆที่ตัวเองไม่เคยได้เห็นหรือสัมผัส จนตอนนี้ก็ทำงานจับมือกันมาเกือบ 5 ปี มีซีรีส์ด้วยกันทั้งหมด 4 เรื่องแล้ว หวังว่าฟอสบุ๊คจะได้จับมือเดินไปบนเส้นทางการแสดงนี้ด้วยกันไปอีกนานๆ และอยู่จับมือกันเป็นฟอสบุ๊คแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะความแตกต่างของฟอสบุ๊คนี่แหละที่ทำให้ทุกอย่างมันดี มีฟอสบุ๊คนี่แหละดีที่สุด“A Better Half More than half of my life is you” Force and Book have been friends since they were just four years old, which adds up to a wonderful 24 years. They first crossed paths in school when they were in kindergarten, sharing a ride home in the same van due to their close proximity. Force would often reminisce about how adorable Book was as a child, with fair skin, big eyes, and cheeks like mochi. On the other hand, Book remembers Force as a mischievous little rascal. Despite being in different social circles, they bonded over a science problem that needed fixing. Throughout elementary and high school, Force was the popular kid, while Book excelled academically. As they entered university, their paths diverged, but their friendship remained strong. After a twist of fate, they found themselves reunited as actors at GMM-TV for their first project together. This reconnection sparked deeper conversations between Force and Book, who are like yin and yang, differing in many ways. Despite their contrasting views, they are frequently seen debating but always strive to find common ground. Even though Force is younger, he takes great care of Book, offering his protection whenever needed. Knowing Book inside and out, Force is aware of her insecurities and is always there to provide comfort through his hugs. Despite Force’s aversion to physical touch, he embraces Book before performances and fan meetings to put her at ease. Book, lacking in self-assurance, finds strength in Force’s constant encouragement and support. Their relationship is symbiotic, with Force bringing structure and seriousness into Book’s life, while she injects color and joy into his. Book’s influence encourages Force to explore new experiences, such as creating TikToks, visiting cafes, and engaging in art, expanding his horizons in ways he never imagined. As mentioned earlier, despite their distinctiveness, the differences between the two individuals complement each other, offering fresh perspectives and experiences. Over the past 5 years, they have collaborated on 4 series together. My hope is that Force Book will continue to journey together in their acting careers, embracing their differences that ultimately enhance their partnership. Force Book truly are a dynamic duo.2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “คู่ซี้กิ่งทองใบรับรองแพทย์” เนื่องจาก ฟอส - บุ๊ค เป็นเพื่อนที่ต่างกันสุดๆ ฟอสบุ๊คชอบแกล้งตีกันให้เป็นมีมเยอะมากค่ะ555555 (แม้บางครั้งก็ตีกันจริงๆ) และส่วนใหญ่บุ๊คจะเป็นฝ่ายโดนกระทำด้วยกล้ามอันแข็งแกร่งของฟอส ในด้อมเลยแซวกันว่าประกันเข้าบุ๊คด้วยค่าา เบต้าดีนเข้าบุ๊คได้ค่าา ยาดมเข้าบุ๊คได้ค่าาา คือเอ็นดูมาก รู้ว่าเขาเล่นๆกัน แต่จริงๆฟอสบุ๊ครักกันมากๆเลยนะคะ บุ๊คเคยบอกว่า ฟอสบุ๊คสุดกันคนละขั้ว ฟอสไปซ้าย บุ๊คไปขวา เหมือนทางขนานแต่สุดท้ายก็จะมาบรรจบกันอยู่ดี ตั้งแต่รู้จักฟอสบุ๊คมา สัมผัสได้เลยว่าเขาเป็นเพื่อนที่หวังดีต่อกันมากๆ ไม่ต้องหวานเหมือนใคร ไม่ต้องหวือหวามากมาย เป็นธรรมชาติในแบบฟอสบุ๊ค เป็นตัวของตัวเองต่อไปนะ นี่แหละเคมีกิ่งทองใบรับรองแพทย์ที่สาววายตามหา รักนะ“A peculiar pair that captures the hearts of many.” Force and Book have a unique friendship where they playfully tease each other, often turning it into fun memes, despite occasional disagreements. Book is usually on the receiving end of Force’s playful jabs, with fans joking that even insurance, Betadine, and inhalers can’t protect Book. It’s all in good fun, though, as ForceBook truly care for each other. Book once described them as polar opposites, with Force going left and Book going right,but their paths always leading back together. Their friendship is genuine and free of pretense – they simply support and care for each other in their own unique way. Let’s continue to embrace the authentic bond of ForceBook – a peculiar pair that captures the hearts of many. With love and appreciation.3. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “24 ปี เพื่อนรักกันดี เพื่อนรู้ใจกันมา” ด้วย ฟอส – บุ๊ค เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก เรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่อนุบาล ถึงมัธยมปลาย แยกย้ายกันช่วงมหาลัย แล้วกลับมาเจอกันตอนทำงานและได้ทำงานเป็นพาร์ทเนอร์คู่กันอีก ไม่เรียกพรหมลิขิต แล้วใครจะสะกิดให้มาเจอกัน คู่นี้หวานไม่มีนะจ๊ะ แต่แฟนคลับชอบมาก“2 decades of tight buddies, pals who get each other.” Force and Book have been childhood friends since they both attended the same school from kindergarten all the way through high school. After going their separate ways for university, they eventually crossed paths again while working and decided to partner up once more. It’s not fate that brought them together, so who knows what led them back to each other? This duo may not be the most lovey-dovey, but their fans can’t get enough of them.4. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “ต่อปากต่อคำ ต่อไปนี้จะรักกันแล้วครับ” ขอเสนอรางวัลนี้ให้แก่ความต่อปากต่อคำของ ฟอส และ บุ๊ค ที่ไม่ยอมกันสุดๆ มันจะต้องได้เถียง ได้ทุบกันแทบทุกงาน จนไม่ว่าจะทีมแม่หรือทีมแฟนเป็นห่วงกันหมด แต่ตอนนี้ฟอสบุ๊คเปลี่ยนไปแล้ว รักกันแล้วนะครับแฟนคลับทุกคน“Let’s keep the debates coming! But hey, from now on, it’s all about spreading that love!” This award is dedicated to the intense but loving debates between Force and Book, who never shy away from a discussion. Their arguments used to worry both their friends and significant others, but things have changed. Now they show nothing but love for each other, to the delight of all their fans.5. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “รักกันดีตีกันตาย โกรธกันง่ายหายกันเร็วแห่งปี” เพราะเกิดจากแนวทางในการใช้ชีวิตของทั้งคู่ค่ะ เพราะด้วยความเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยอนุบาล สองบ้านอยู่ใกล้กันเลยทำให้สนิทกันมาก มากจนจะชอบตีกันคือคอยกัดกันเป็นหมาใหญ่กับหมาเล็กเสมอ เลยอยากมอบรางวัลนี้ให้กับพี่ฟอสและพี่บุ๊คค่าา รับไปเลยยยย!!!“Love hard, fight fiercely, get heated fast, and move on in a flash.” Because of their lifelong friendship and close proximity, P’Force and P’Book are inseparable like two peas in a pod. They playfully interact, resembling a big dog and a little dog, always engaging in friendly banter. Therefore, I am delighted to present this award to P’Force and P’Book. Congratulations!ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย!เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ เรามาพูดคุยกับ “ฟอส - บุ๊ค” กันค้าบบบ ความรู้สึกของ ฟอส-บุ๊ค ต่อ รางวัล “A Better Half มากกว่าครึ่งชีวิตฉันคือเธอ” บุ๊คบอกว่า ชื่อรางวัลนี้ เป็นซีรีส์ได้เลยนะเนี่ย “ขอบคุณสำหรับรางวัลนี้มากๆเลยนะครับผม” น่าจะเป็นเพราะว่าเราสองคนรู้จักกันมา 24 จะ 25 ปีแล้ว ตั้งแต่อนุบาลสอง เราเรียนมาใกล้กัน บ้านใกล้กัน มัธยมเรียนด้วยกัน แยกกันตอนมหาลัย แล้วก็กลับมาทำงานด้วยกัน จะว่าไปก็เหมือนซีรีส์จริงๆเลยนะครับเนี่ย ถ้ามีใครจะเอาพล็อตไปทำซีรีส์ ฟอสถึงกับประกาศว่า ผมขายนะครับเรื่องนี้นิยามความสัมพันธ์ 24 ปี ออกมาเป็นคำ 1 คำ ฟอส ถอดออกมาเป็นคำว่า เพื่อนคู่คิด “Partnership” เป็นคำแรกที่แวบเข้ามาในหัวเลย ที่เห็นๆว่าเราตีกัน จริงๆคือการตีกันเพื่อให้งานมันดีขึ้น ความคิดเราคนนึงอาจจะไปทางซ้าย ทางนึงอาจจะไปทางขวา แต่ทางสุดท้ายก็คือ ปลายทางเดียวกันคือออกมาดีเท่านั้นเอง บุ๊ค ถอดออกมาเป็นคำว่า “พรหมลิขิต” ยากมากที่คนเราจะรู้จักใครสักคนนึงตั้งแต่ อนุบาลสอง จนเราได้มาทำงานด้วยกัน ไปแฟนมี้ตด้วยกัน ไปต่างประเทศด้วยกัน สุขด้วยกัน ทุกข์ด้วยกัน มันเป็นครั้งแรกของกันและกันทั้งคู่ ไม่ได้คิดว่าจะมาได้ใช้ชีวิตร่วมกันขนาดนี้“คู่ซี้ กิ่งทอง ใบรับรองแพทย์” รางวัลที่ได้รับการโหวตเป็นอันดับที่ 2 ของ EFM FANDOM LIVE AWARDS ความต่างเราเห็นมาเยอะแล้ว แต่อยากรู้ว่าความเหมือนของกันและกันคืออะไร หลังจบคำถาม ฟอส ตอบได้ทันทีเลยว่า ฟอสกับบุ๊คนั้น ฟังเพลงคล้ายๆกัน เพลงเศร้าๆ เพลง Deep Deep เป็นคนฟังเพลงลึกกันทั้งคู่ สามารถแชร์กันได้เลย ฟอสได้แชร์ว่าส่วนตัวเป็นคนที่สามารถฟังเพลงอะไรแล้วอินๆ สามารถร้องไห้ได้เลย หรือ ดู MV อะไรแล้วมันเศร้าก็ร้องได้เลย ก็จะเชื่อมโยงไปถึงการทำงาน ฟอส สามารถใช้เพลงมาบิ้วอารมณ์ดราม่าของตัวเองได้ ส่วนบุ๊คจะใช้วิธีการคิด คิดเยอะๆ จนมันเศร้าออกมาเอง สำหรับบุ๊ค สิ่งที่คิดว่าฟอสบุ๊คเหมือนกันคือ “เป้าหมาย” เราอยากจะทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด เท่าที่ตัวเราสามารถทำได้ บุ๊คเชื่ออย่างนึงว่า “เรา ณ ปัจจุบัน มันเก่งที่สุดแล้ว” เราเต็มที่ที่สุดแล้ว แนวคิดนี้ก็มาจากฟอสด้วย ทำอะไรทำให้เต็มที่ ทำอะไรแล้วเราจะไม่ต้องมานั่งเสียใจอะไรทีหลัง วันนี้เราไม่ต้องจำเป็นต้องไปแข่งกับใคร แค่เก่งกับตัวเองก็พอมุมน่ารักที่มีแค่ “ฟอส – บุ๊ค” เห็นกันและกัน ฟอส เลยทันทีว่า “บุ๊คเป็นคนที่นึกถึงจิตใจคนอื่นตลอด” เป็นสิ่งที่ผมเห็นในตัวเค้ามาตลอด บุ๊คจะเป็นคนที่เสนอกับครีเอทีฟ คุยกับทีมงานว่า ลองเอาน้องคนนั้นมาทำแบบนี้ดูไหม? น้องคนนี้เก่งแบบนั้น ? จริงๆเรื่องอะไรพวกนี้ เราจะสามารถทำหรือไม่ทำก็ได้ แต่บุ๊คเลือกที่จะทำ เรารู้สึกว่า ถ้าฟอส บุ๊ค จะรวย จะมีชื่อเสียงกันแค่สองคน แล้วไปเที่ยวด้วยกันสัก 10 คน มันไม่สนุกหรอก สู้ดังไปด้วยกันเลยทั้งหมด มีชื่อเสียงไปพร้อมกันด้วยดีกว่า ฟอสรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ผมโตมาในสังคมที่แบบ พี่เลี้ยงน้อง เมื่อก่อนรุ่นพี่เลี้ยงผมทุกอย่าง เลี้ยงน้องแบบนี้ จนผมคิดว่า ถ้าวันนึงเรามีทุนทรัพย์ เราก็จะสามารถจ่ายได้เลยแบบยินดีที่จะดูแลน้องๆ ส่วนตัวบุ๊ค แชร์มุมน่ารักของฟอสคือ “ภายนอกอาจจะดูแข็ง แต่จริงๆฟอสเป็นคนที่เก็บรายละเอียดมากๆ” ฟอสเป็นคนที่สังเกตอะไรเล็กๆน้อยๆ แล้วก็สามารถจับความรู้สึกได้ว่าคนรอบข้างรู้สึกยังไง กำลังเสียใจอะไรอยู่หรือเปล่า?ฟอสบุ๊ค แชร์ความประทับใจที่มีต่อ คริส พีรวัส บุ๊คแชร์ให้ฟังว่า พี่คริสเป็นพี่ชายคนแรกที่น่ารักมากๆ ที่เข้ามาทักบุ๊คใน Safe house เข้ามาพูดคุยกับผม ทั้งๆที่ตอนนั้นผมเป็นใครก็ไม่รู้ ยังไม่มีชื่อเสียงเลย พี่คริสบอกว่า “มีอะไรช่วยกันนะ มีอะไรเราช่วยกัน ถ้ามึงโตไป มึงสามารถช่วยเหลืออะไรได้ มึงก็ช่วยนะ เรามาอยู่บ้านเดียวกันแล้ว”ความเหมือน ความแตกต่างของตัวละคร ... กับชีวิตจริง ฟอสบอกว่า ฟอสเป็นคนที่ตรงๆ ไม่มีฟิลเตอร์อะไร ฟอสเป็นคนที่พูดแล้วจบ เตือนคือเตือน ห่วงคือห่วง เป็นคนที่มีอะไรแล้วก็จะเคลียร์แล้ว ถ้ามีอะไรที่ไม่โอเคก็จะพูดเลย ผมไม่ชอบอะไรที่มันค้างคา อยากจะให้มันจบเป็นเรื่องๆไป ฟอสคุยกับบุ๊คเสมอว่า ถ้ามีอะไรที่ไม่โอเคให้พูดกันเลย อาจจะมีบางครั้งที่ผมอาจจะไม่ได้คิดอะไร แต่บุ๊คเค้าโกรธ บุ๊คก็จะพูดเลย ผมก็จะโทรไปขอโทษเขาเลยว่าไม่ได้ตั้งใจ ดีเจแนนแซวๆว่า ทำไมพี่อาร์ค ตัวละครนี้ถึงซึนๆ จีบคนแบบแข็งกร้าน เข้าหาเค้าแบบแปลกๆ เช่น ตอนเลี้ยงข้าวเขา แล้วพูดว่า “เหมือนซื้อข้าวให้หมากิน” อะไรแบบนี้ บุ๊คได้แชร์มุมมองของตัวละครอาร์มว่า คิดว่าพี่อาร์คเป็นเหมือนเด็กอนุบาลที่แบบ ชอบใคร ก็เข้าหาแบบแปลกๆเลย แกล้งเค้าเลย จีบใครไม่เป็น ซึนๆ อึนๆ แล้วฟอสก็รีบบอกว่า แต่พี่อาร์คเป็นคนที่หยอดใคร ก็หยอดตรงๆเลยนะ ชอบอะไรก็บอกดิ เดี๋ยวจะไปหา แต่ถ้าตัวจริงชอบใคร ถ้าเลี้ยงข้าว ก็จะบอกเขาว่า “ไม่เป็นไรเลย” บุ๊คได้เล่าถึงตัวละครอาร์มว่า คล้ายๆบุ๊ค แต่ในเวอร์ชั่นที่สดใสกว่าระดับนึง น้องอาร์มจะเป็นคนงงๆ ไม่เก่งเรื่องความรักเท่าไหร่ คือ อาร์มจะเก่งเรื่องคนอื่น ถ้าเป็นเรื่องของตัวเองก็จะไม่รู้ และ ตัวอาร์มก็มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาเป็นคนแบบนั้น ต้องรอติดตามว่าคืออะไร บางจังหวะน้องอาร์มรู้สึกว่า พี่อาร์คแค่กวนตีนป้ะวะ แบบว่าเขาคงไม่มาสนใจอะไรคนแบบเราหรอก ยังงงว่าการเข้าหาแบบนี้มันคืออะไร? นอกจากนี้บุ๊คได้เล่าว่า ตัวเองเป็นคนที่ไม่ยอมให้ใครมาจีบก่อน และ แชร์เรื่องราวในอดีตว่าเคยชอบคนคนนึงมา 5 ปี โดยไม่บอกใคร เช่น สมัย Puppy love ใกล้ช่วงเทศกาล เราก็จะแอบซื้อของไปให้เขาแบบไม่แสดงตัว บุ๊คชอบทำงาน Handmade เราก็จะแอบทำไปให้ วันวาเลนไทน์ก็ทำ บางทีเพื่อนเขาก็รู้ ก็จะรู้สึกว่า ดีแล้วที่เพื่อนเขารู้ เพื่อนเขาจะได้ไปบอกเขาวันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมสำหรับ “ฟอส บุ๊ค” เล่นกันด้วย ชื่อเกมว่า “กระทง หลงเธอออออออออ” แล้วมาดูกันว่าในคืนก่อนวันลอยกระทงแบบนี้บรรยากาศการลอยกระทงใน STUDIO จะเป็นยังไง (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับได้เข้ามาพูดคุยกับ “ฟอส บุ๊ค” (เข้าไปชมได้ใน Youtube : ATIME)สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “ฟอส บุ๊ค” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความน่ารัก ความสุขให้กับรายการ และฝากซีรีส์ “สายรหัสเทวดา Perfect 10 Liners” ที่มีให้ติดตามกันมากถึง 24 EP ฟินกันจุใจกันไปเลย อย่าลืมไปติดตามรับชมกันนะค้าสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

“ฟรีน-เบคกี้” กลับมาเยือนรายการอีกครั้ง พร้อมคว้ารางวัล EFM FANDOM AWARDS สาขา “sissss of the year (คู่พี่น้องกี่โมงแห่งปี)” กลับบ้านไปเลย

10 ก.ย. 2024

“ฟรีน-เบคกี้” กลับมาเยือนรายการอีกครั้ง พร้อมคว้ารางวัล EFM FANDOM AWARDS สาขา “sissss of the year (คู่พี่น้องกี่โมงแห่งปี)” กลับบ้านไปเลย

รายการ EFM FANDOM LIVE [ 15 สิงหาคม 2567 ] คืนนี้เปิดสตูต้อนรับ “ฟรีน - เบคกี้” พร้อมอัพเดทพูดคุยกับ 2 สาว “ดีเจดาว และ ดีเจแนน”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ“EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากแฟน ๆ เสนอและเปิดให้โหวต1. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “sissss of the year (คู่พี่น้องกี่โมงแห่งปี)”**ชื่อสาขานี้เป็นชื่อที่ได้รับการเสนอเข้ามาเยอะที่สุด นี่คือแนวคิด/ที่มาบางส่วนเท่านั้น** แนวคิด 1 : เขาพูดย้ำมากว่าพี่สาวน้องสาว แต่การปฏิบัติต่อกันนั้นนนน (น่ารักดีค่ะ) แล้วยิ่งเมื่อวันที่ 8 อวยพรพี่สาวตั้งแต่เที่ยงคืน 1 นาทีในสตอรี่สุดหวานพร้อมแคปชั่น happy 26th sissss อวยพรใน X สุดซึ้งในเวลา 00.08 น. ส่วนคนพี่รีคำอวยพรของน้องเป็นคนแรก และในคืนวันที่ 8 คนน้องยังมีไปเซอร์ไพรส์เอาของขวัญที่ตั้งใจเลือก ไปให้พี่ถึงที่บ้านทั้งที่ตัวเองก็วิ่งงานมาทั้งวัน มี sissss นี่ดีจริงๆ แนวคิด 2 : เป็นฟี่ฟ้องที่ take care และ support กันได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะมีอะไรก็อยู่ข้างกันเสมอ คอยดูแลทุกเส้นผมและคอยเปิดขวดน้ำให้ตลอด ให้พิมพ์ตอนนี้ก็คงไม่หมดเพราะมันมีมากโขเหลือเกินเพคะ แต่ความสัมพันธ์ของสองคนนี้มันพิเศษมากจริงๆ แนวคิด 3 : ความพี่น้องพรีเมี่ยมที่ใส่ใจกันเสมอต้นเสมอปลาย ตั้งแต่วันแรกเป็นยังไง จนถึงวันนี้ก็ยังเหมือนเดิมและมากกว่าเดิมด้วย ฟรีนเบคคือความสัมพันธ์ที่ดีมากๆ มันเป็นความพอดีสุดๆ เป็นทั้งผู้ให้ที่ใส่ใจทุกรายละเอียด และผู้รับที่ appreciate การกระทำของผู้ให้เสมอ มันแบบดีจัง ไม่ว่าจะวันพิเศษหรือวันไหนๆ ทั้งคู่ดูแลกันอย่างดีเหมือนทุกวันคือวันพิเศษ2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “คนเก่งของพี่ คนดีของหนู” ที่มาก็คือ 1. "คนเก่งของพี่" เปรียบเบคเหมือนคนเก่งของพี่ฟรีน ซึ่งฟรีนมักจะบอกเบคกี้เสมอว่าหนูเก่งนะคะ หนูทำได้ดีแล้ว ส่วนคำว่า "คนดีของหนู" คือพี่ฟรีนในสายตาน้องเบคค่ะ เป็นพี่ที่น่ารักและแสนดีกับเบคมาตลอด 4 ปี 2. "คนเก่งของพี่" ในอีกนิยาม คือ มุมมองของแฟนคลับของฟรีนเบค ที่มองฟรีนเบคว่าเป็นคนเก่ง น่ารักกับแฟนคลับเสมอ ส่วนคำว่า "คนดีของหนู" คือมุมมองฟรีนเบคที่มีต่อแฟนคลับ ที่คอยสนับสนุนเค้าทั้ง 2 คน จึงอยากมอบรางวัลนี้ให้ฟรีนเบคค่ะ ที่เค้าทั้ง 2 คนรักกันและรักแฟนคลับด้วย3. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “คู่กันเเล้วไม่แคล้วกันจ้า” คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม? การที่คน 2 คนได้มาพบเจอกัน ได้รู้จัก ได้รัก ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เราเชื่อว่าเบื้องบนได้กำหนดมาให้แล้ว ถึงแม้จะมีอุปสรรคขวางกั้น หรือเหตุให้ต้องแยกกันไป แต่สุดท้ายก็กลับมาคู่กันและส่งเสริมกันอยู่ดี สมดังคำว่า "คู่กันแล้วไม่แคล้วกันจ้า"4. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “เคมีฟ้าประทานแห่งปี” เด็ก 2 คนนี้เวลาอยู่ด้วยกันตามธรรมชาติมีสายตาที่ห่วงใยใส่ใจซึ่งกันและกันมาก มันแบบเป็นสายตาเคมีที่หาได้ยากนะคะที่มาเจอคู่แบบนี้ เค้าเติบโตมาด้วยกัน ตอนนั้นคนน้อง18 คนพี่22 ฝ่าฟันในการทำงานว่าจะทำได้ไหม? ทำแล้วซีรีส์จะดังไหม? หรือผ่านคำดูถูกมาเยอะค่ะ คนน้องจากที่อ่านภาษาไทยแทบไม่ได้ เค้าหมั่นเพียรจากแปลคำไทยเป็นภาษาคาราโอเกะ เพื่อท่องบทและแอคติ้งให้ได้มากที่สุด ถึงแม้จะมีความกังวลไม่มั่นใจแต่เค้าพยายามทำทุกอย่างเพื่อพัฒนาตนเองให้ได้มากที่สุด ปัจจุบันมาดูซีรีย์ล่าสุด ปิ่นภักดิ์ คือเล่นแล้วภาษาสมูท การแสดงเข้ากับบุคลิกน้องจริงดีงามมากค่ะ ส่วนคนพี่เติบโตมาด้วยความที่เป็นคนเต็มที่กับทุกอย่างทำให้ดีที่สุดในทุกวัน พอแสดงมาหลายๆ เรื่องคืองานสายตาคือคนนี้สุดๆ ทั้งอารมณ์ เหงา เศร้า หลงรักและจีบใครน้า ถึงเราจะเป็นแฟนคลับ คสพ.เค้าจะเป็นพี่น้องกันแต่ว่าเราเขินฟินทุกครั้งที่เค้ามองตากัน ดูแลซึ่งกันและกัน คนพี่น่ารักมาก คอยดูแลน้องตอน18 จนโตมาทั้งเปิดขวดน้ำ คีบอาหาร ป้อน ช่วยต่อบท จูงมือเวลาเดินลงบันได ทุกอย่างอีกหลายสิ่ง ตอนนี้น้องโตขึ้นก็คอยเทคแคร์พี่บ้าง ดูแลป้องกันเรื่องใส่ชุดวาบหวิว คอยดูว่าพี่มีอะไรให้ช่วยไหม โอ้ยพี่ๆลองไปดูคลิปที่แฟนคลับเค้าลงไว้ค่ะ พี่จะฟินตามนู๋พูดได้แค่นี้ค่ะ แล้วพี่ๆจะรักน้องๆ อีกอย่างคนพี่เล่นตลกได้ด้วยน้า ขำไปทั้งวันหล่ะ5. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “คู่พี่น้องแก้วมังกร” ทั้งสองคน เม็ดเยอะ เม็ดมาก หมกเม็ดกันเก่งมากพี่น้องคู่นี้ แก้วมังกรที่ว่าเม็ดเยอะอ่ะ ยังสู้ฟรีนเบคไม่ได้เลยคับบเตรียมตัวรับความฟินของ “ฟรีน-เบคกี้“ เข้าสู่ช่วงที่ 2 ของรายการกันนน!!รางวัล “sissss of the year (คู่พี่น้องกี่โมงแห่งปี)” เบคกี้ : ขอบคุณสำหรับรางวัลนี้นะคะ ขอบคุณทุกคนที่ซัพพอร์ตกันเเละกันนะค้าา~ ฟรีน : ขอบคุณแฟน ๆ นะคะ ที่โหวตให้พวกเราเป็น “sissss of the year (คู่พี่น้องกี่โมงแห่งปี)” นะคะ ก็เป็นชื่อรางวัลที่อะไรใหม่ ๆ ค่ะ ไม่เคยได้เห็นมาก่อน ขอบคุณมากเลยค่ะ sissss~คุณสมบัติพี่ฟรีนที่ทำให้เป็นพี่สาวในอุดมคติของเบคกี้เบคกี้ : โอ้ หนูว่าทุกอย่างเลย การดูเเล การพูดคุย ทุก ๆ เรื่องอ่ะ ก็เป็นฟีลพี่สาวคนหนึ่งเลยอะ เราสามารถปรึกษาได้หลาย ๆ เรื่อง เพราะเขาโตกว่า เขามีประสบการณ์ที่เยอะกว่า หรือการดูเเลที่หนูอาจจะไม่ได้นึกถึงอะไร พี่ฟรีนก็จะเห็นเเล้วจะดูเเลตลอดคุณสมบัติน้องเบคที่ทำให้เป็นน้องสาวในอุดมคติของพี่ฟรีนฟรีน : ก็ทุกอย่าง เราเป็นคนที่ขี้เทคเเคร์อยู่เเล้ว เวลาน้องไม่รู้หรือต้องการความช่วยเหลืออะไร เราก็พยายามซัพพอร์ตให้เท่าที่เราจะทำได้เคมีของ ฟรีน – เบคกี้ กับแฟนคลับฟรีน : เรากับแฟนกลับส่วนใหญ่จะตลกปะ555+เบคกี้ : เอออ มันเล่นตลกใส่กันฟรีน : สายแบบชอบทำให้เราตลกอะค่ะดีเจเเนน : ก็คือไม่หวานเลยหรอ แฟนคงแฟนคลับหรือว่ามีบ้าง?ฟรีน : ส่วนใหญ่เหมือนจะเป็นฟีลตลก ๆ อบอุ่น ๆ มากกก เเต่พอจะเข้าโหมดซึ้งมันจะแบบร้องไห้ตลอดเบคกี้ : เอาจริง ๆ เมื่อกี้ที่กำลังเดินขึ้นมาเเล้วหันไปเห็นแฟนคลับ อีกนิดนึงอ่ะ ถ้ามองอีกนิดนึงน้ำตาอาจจะไหล มันแบบคิดถึงโมเมนต์นี้มาก มันเเบบ แงงงง~ความตั้งใจที่ผ่านมาในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาที่ทำสำเร็จฟรีน : ของฟรีนตอนนี้คือมีน้องหมา 1 ตัวเเละกำลังจะมีบ้าน เป็นอีก 1 ปีที่รู้สึกว่า ได้ทำอะไรที่ปีที่เเล้วอยากทำไว้เยอะมากดีเจดาว : พอมีน้องหมาชีวิตเปลี่ยนมั้ย?ฟรีน : เปลี่ยนอยู่นะคะ รู้สึกอย่างกลับบ้านไว ๆ ไม่อยากทิ้งบ้าน เหมือนเป็นอินโทรเวิร์ดไปเลย เวลาไปไหนข้างนอกก็อยากพกเขาไปด้วยเบคกี้ : ปีที่แล้วหนูพูดถึงเรียน ก็ยังเรียนไม่จบเเต่ก็ใกล้ น่าจะอีกไม่นานเเต่ก็ต้องมีเวลาไปฝึกงาน ซึ่งตอนนี้ยังหาเวลาไม่ค่อยได้ เเต่ถ้ามีก็จะตั้งใจไป ตั้งใจทำให้เสร็จจะได้จบดีเจดาว : เเล้วปกติเวลาที่เราต้องฝึกงานนี่ เราต้องไปนานเเค่ไหน?เบคกี้ : เขาบอกหนูว่า 1 เดือนเเต่ถ้าหนูไปหนูน่าจะไป 2 เดือน ไปหาครอบครัวด้วย เเต่ต้องเเพลนช่วงเวลาดี ๆอุปสรรคของคาแรคเตอร์ตัวละครในเรื่องปิ่นภักดิ์ฟรีน : ความเรียบร้อย ความช้า มันยากสำหรับหนูมาก เพราะหนูเป็นคนทำอะไรเร็ว ๆ ฉับไว คิดไรพูดเลย ความรู้สึกหนูนะมันเเบบพอจะต้องเป็นเขาแปปนึงในซีน พอเอาปุ้บหนูเอาออกเลย หนูรู้สึกอึดอัดมากในการเป็นเขา เเต่ก็เคารพเขานะ เขาเป็นคนน่ารักคนหนึ่งเบคกี้ : ถ้าเรื่องคาแรคเตอร์ไม่ยากเลย เพราะว่ามันคล้ายหนูมาก ๆ เเต่ภาษาเนี่ยเเหละ มันราชาศัพท์อ่ะ ทุกวันนี้ยังถามเลยว่าคำนี้แปลว่าอะไรดีเจดาว : มีคำไหนมั้ยที่ยังก้องอยู่ในหัวบ้าง ว่ามันแปลกจัง มันแปลว่าอะไร?เบคกี้ : ทุกประโยคที่เจอเลย ทุกคิวอ่ะ555+กว่าที่เบคกี้จะพูดไทยได้ขนาดนี้ ต้องเรียนอยู่หลายเดือน!เบคกี้ : เเรก ๆ ไม่ได้อะไรเลย เป็นการไปถ่ายเเล้วเครียด รู้สึกไม่ดี กลับมาอยู่กับตัวเองจริง ๆ ก็ร้องไห้นะว่าทำไมทำไม่ได้ซักที เเต่ก็ต้องหาทางที่ช่วยทั้งหนูเเละทุกคนเพราะมันเป็นตัวละครหลักตัวนึง เเต่ก็ทำได้แค่พยายามมากขึ้น ไม่เข้าใจอะไรก็ต้องเข้าใจ อ่านจนเอาไปฝันดีเจเเนน : เเล้วตอนไปเรียนคือเราต้องเรียนลึกเเค่ไหน?ฟรีน : เราเรียน Tune Out เฉย ๆ เหมือนพูดปกติให้ชัด ครูบอกว่าถ้าพูดชัดเวลาอ่านบทมันจะชัดไปเองเราเรียนแค่นั้น เเต่เรื่องราชาศัพท์ พวกหนูก็ต้องอ่านแล้วก็แปลด้วยตัวเองทุกคนเลยที่เล่นเรื่องนี้อยากรู้ว่า Take Feedback จากแฟน ๆ บ้างมั้ย?ฟรีน : ก็ Take ทุกอาทิตย์เนอะเบคกี้เบคกี้ : ช่ายย~ดีเจดาว : ส่วนใหญ่เขาว่ายังไงกันบ้าง?ฟรีน : ภาพสวย โปรดักส์ชันดี บทดี การเรียงเรียงเนื้อเรื่องเข้าใจง่ายเเล้วก็ดำเนินเรื่องไวดีเจดาว : เห็นว่ามีซีนดราม่าเยอะมากก เป็นไงบ้าง มันยากสำหรับเรามั้ย?ฟรีน : ก็ยาก ไม่ใช่ว่าง่าย ส่วนใหญ่คนที่ดราม่าจะเป็นหนู เพราะเขาเป็นคนอ่อนโยนอ่อนหวานมาก ๆ อะไรกระทบนิดนึงก็จะ โอ้โหเศร้ามาก เเต่หนูว่ามันยากด้วยความเป็นซีรี่ย์ย้อนยุค มันต้องทำภาพให้สวย ทำให้เราเข้าใจกราฟอารมณ์ของเรื่อง “ปิ่นภักดิ์ (The Loyal Pin)”ฟรีน : ค่อย ๆ ไต่ระดับเบคกี้ : เพราะว่ามันเป็นการที่เป็นเพื่อนกันก่อน เเล้วค่อยพัฒนาความสัมพันธ์ เเล้วก็ค่อย ๆ โตขึ้น ทุกตัวละครก็โตขึ้นด้วย ปัญหาต่าง ๆ เข้ามาก็ตามอายุฟรีน : มันก็ต้องมีบ้างแหละอุปสรรคชีวิตวันนี้ทางรายการEFM FANDOM LIVEก็มีเกมให้“ฟรีน-เบคกี้”เล่นสนุกสนานด้วยชื่อเกม ‘ปิ่นภักดิ์คุณธรรม’ ละครคุณธรรมของทั้งพี่น้องจะเป็นยังไง ไปดูกันเลยย(เข้าไปชมได้ในYouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับได้เข้ามาพูดคุยกับ“ฟรีน-เบคกี้” (เข้าไปชมได้ในYoutube: ATIME) สุดท้ายนี้EFM FANDOM LIVEขอขอบคุณ“ฟรีน - เบคกี้”ที่มาร่วมพูดคุยและมอบความฟินให้แฟนๆ และก่อนจะจบรายการกันไปฝากซีรีส์ “ปิ่นภักดิ์ (The Loyal Pin)” สามารถรับชมสด ๆ ได้ทางช่อง Workpoint เวลา 22:15 น. ดูย้อนหลังแบบ Uncut ได้ที่ยูทูปช่อง IDOLFACTORY OFFICIAL เเละฝากคอนเสิร์ตวันเกิดของฟรีน อายุครบ 26 ปีสุดยิ่งใหญ่กับงาน “THE FREENAIRY ORACLE SAROCHA SOLO STAGE BIRTHDAY FAN MEETING” แล้วมาเจอกันในวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคมนี้!สามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

album

0
0.8
1