“ซันนี่ เกวลิน” ศิลปินลูกครึ่งไทย-จีน กับการกลับมาไทยในรอบ 3 ปี พร้อมเจาะลึก ‘ตัวตนไหนที่ใช่เธอ?’

EFM FANDOM RECAP

“ซันนี่ เกวลิน” ศิลปินลูกครึ่งไทย-จีน กับการกลับมาไทยในรอบ 3 ปี พร้อมเจาะลึก ‘ตัวตนไหนที่ใช่เธอ?’

17 มี.ค. 2023

         ในวันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา รายการ EFM Fandom live ได้แขกรับเชิญสุดพิเศษที่อิมพอร์ตมาจากเมืองจีน! เป็นการกลับไทยในรอบ 3 ปีของ “ซันนี่ เกวลิน บุญศรัทธา” นักร้องชาวไทยเชื้อสายจีน มาพูดคุยกันในรายการ โดยเธอเป็นอดีตสมาชิกของเกิร์ลกรุ๊ปจีนที่ชื่อว่า “ร็อกเก็ตเกิร์ลส์ 101” หลังจากจบอันดับที่ 8 ของรอบชิงชนะเลิศในรายการ “พรอดิวซ์ 101” ต่อมาเธอได้มีเพลงเดี่ยวเพลงแรกของเธอที่ชื่อว่า "Don't Cry" อีกด้วย

     และไม่เพียงเท่านั้นที่ไทยเองก็ยังมีแฟนคลับตัวตึงที่ตั้งหน้าตั้งตารอการกลับมาของซันนี่อยู่เสมอ จะเป็นใครไปไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่ “คุณฝ้าย” แอดมินจากเพจเฟสบุ๊ค “Sunnee fc thailand” 

         โดยคุณฝ้ายเล่าว่าชื่อด้อมของซันนี่นั้นชื่อว่า “太阳星 ไท่ หยาง ซิง” หรือ Sun Star (ไท่หยาง แปลว่า พระอาทิตย์ ซิง แปลว่า ดาว) มันเกิดจากการที่เวลาซันนี่แนะนำตัว เธอมักจะแนะนำตัวว่า ”สวัสดีค่ะฉันชื่อซันนี่เป็นพระอาทิตย์ดวงโตของทุกคน”

      ภายในด้อมแฟนคลับก็เลยโหวตกันว่า อยากให้มีชื่อด้อมคล้องกับที่ซันนี่แนะนำตัว และยังพูดคุยถึงฉายาประจำตัวของซันนี่ อย่าง บอสหยาง, น้องฉิง , น้องนี มาเริ่มกันที่ “บอสหยาง” เกิดจากการที่พี่ๆ ทีมงานชอบเรียกน้องว่าบอสหยาง จนสุดท้ายน้องก็เลยนำมาตั้งเป็นชื่อสตูดิโอที่ทำงานที่จีน

        ต่อมาคือน้องฉิง หรือ “ฉิง เอ๋อ เม่เม๋” ฉิงมาจากชื่อจีน แปลว่า มีแดดออก สดใส เอ๋อ เป็นภาษาจีนที่เติมเข้าไปเพื่อให้คำมันดูน่ารัก เม่เม๋ แปลว่า น้องสาว ส่วน ”น้องนี” คือมาจากชื่อเล่นจริงๆ ของน้อง และบริษัทเห็นว่าน้องบุคลิกสดใส เลยตั้งสเตจเนมว่า Sunny แต่เปลี่ยนข้างหลังเป็น nee แทน

        และแฟนคลับของน้องไม่ได้มีแค่ที่จีนเท่านั้น มีทั้งประเทศไทย, สิงคโปร์, ฮ่องกง, มาเลเซีย เป็นประเทศที่ใช้ภาษาจีนเป็นหลัก รวมไปถึง ตอนที่มีคอนเสิร์ตที่จีนก็มีแฟนคลับจากประเทศญี่ปุ่นด้วย แฟนคลับเยอะขนาดนี้ แน่นอนว่าผลงานของน้องก็เยอะมากๆ เช่นกัน ซึ่งน้องมีผลงานที่โดดเด่นที่สุดเลยคืออัลบั้มแรกที่วางขายในจีน เป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ชื่ออัลบั้มว่า "How's The Weather Today?" (ฮาวส์ เดอะ เวทเธอร์ ทูเดย์) ซึ่งชื่ออัลบั้มนี้มาจากแฟนเพจใน Facebook ที่ตามถ่ายรูปให้ซันนี่ ตั้งแต่สมัยที่น้องอยู่ไต้หวัน-ไทเป ซึ่งอัลบั้มนี้ขายดีมากกว่า 11,000,000 หยวน (ประมาณ 55 ล้านบาท) ซึ่งก่อนหน้านั้นมีระยะเวลาที่พรีเซลล์ซึ่งขายได้ 10,000,000 ก่อนเปิดขายจริง โดยยอดเป็นอันดับที่ 72 ของอัลบั้มที่ขายดีตลอดกาลในจีน และมีผู้ติดตามน้องใน ”เหว่ยป๋อ” 22.1 ล้านคน

     และสาเหตุที่น้องมีแฟนคลับมากมายที่คอยสนับสนุนขนาดนี่คงจะหนีไม่พ้นอุปนิสัยของน้องเวลาสื่อสารหรือเจอแฟนคลับ น้องจะชอบเป็นคนที่ขี้แกล้งขี้หยอก เสมอ โดยคุณฝ้ายได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่น้องไปออกรายการจีนชื่อรายการว่า “Roast” (แปลว่า เผา) ซึ่งเป็นรายการแรกๆ เลยหลังจากที่เดบิวต์เป็นวงร็อกเก็ตเกิลส์ ไปกับเพื่อนสมาชิกอีกคนหนึ่งในวง และ concept ของรายการคือให้ดาราศิลปินมาเผากัน แหย่เล่นกันเอง ซึ่งน้องเองก็โดนแซวว่า เนี่ยอ่านภาษาจีนยังอ่านไม่ออกเลยนะ ซันนี่ก็เลยแซวกลับไปว่าฉันเป็นคนไทยนะ เธอก็ยังอ่านภาษาไทยไม่ออกเลยใช่มั้ยล่ะ โดยยกประโยคที่ว่า “ยายกินลำไยน้ำลายยายไหลย้อย” ให้เพื่อนฟัง พร้อมกับตบท้ายด้วยประโยคท้าทายว่า “คุณเข้าใจไหมล่ะ” อือหือแสบใช่ย่อยเลยล่ะ 

       และเมื่อน้องได้เข้าวงการตั้งแต่อยู่ที่ไต้หวันจนถึงปัจจุบันรวม 10 กว่าปี ตั้งแต่อายุ 15-16 พอน้องกลับมาที่ไทยแฟนคลับก็ไปรอรับที่สนามบิน ซึ่งในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา คุณฝ้ายเองก็มีการ โปรโมทหนักมากทั้งช่องทางโซเชียลมีเดีย จนน้องมีแฟนคลับเพิ่มมากขึ้น ทำให้แฟนคลับที่ไปรับที่สนามบินตอนนี้มีประมาณ 100 กว่าคนจากวันแรกที่เดบิวต์ rockets girls มีแค่ 30-40 คนเท่านั้น

ซึ่งแน่นอนว่ามีคลิปคลิปหนึ่งที่เป็นไวรัลที่สามารถตกแฟนคลับเข้าด้อมเพิ่มได้ นั่นก็คือคลิปที่น้องร้องเพลง”โต๊ะริม ของนน ธนนท์” โดยที่ไทยชาวโซเชียลก็ได้แสดงความคิดเห็นว่า ”ทำไมคนจีนคนนี้ร้องเพลงไทยเพราะจัง” และคนจีนเองก็งงว่า “คนนี้เป็นคนไทยหรอ? ทำไมร้องเพลงไทยชัดจัง” 

        และมีเรื่องน่ารักอย่างแรกของน้องเลยก็คือแฟนคลับมักจะแซวน้องในแพลตฟอร์ม TikTok ว่า “นี่แอคจริงหรือ แอคหลุม” เพราะ TikTok ของน้องเพิ่งเปิดใช้ได้ไม่นาน น้องเองก็ไม่ค่อยได้ลงรูปหรืออัพเดตอะไร ซึ่งคนติดตามใน TikTok ประมาณ 8,000 คน แต่คนติดตามในเพจเฟสบุ๊คแฟนคลับประมาณ 160,000 คน เลยถูกแซวตามประโยคข้างต้น ซึ่งสามารถไปติดตาม TikTok ของน้อง @sunnee_kewalin ให้กลายเป็นแอคจริงได้สักที

         เรื่องน่ารักต่อมาคือ แรงผลักดันที่ทำให้น้องมีความตั้งใจที่จะโด่งดังให้ได้ ส่วนหนึ่งมาจากป้าข้างบ้านเพราะสมัยที่น้องเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ชอบทักว่าทำไมถึงไม่เรียนให้จบ  น้องเองก็ไม่อยากหน้าแตกจึงเกิดเป็นพลังไฟในครั้งนั้นที่นำพาน้องจนประสบความสำเร็จ

        เรื่องน่ารักอย่างสุดท้ายคือน้องเคยมาร์คหน้าไปซื้อกาแฟ จนล่าสุดมีพนักงานที่ร้านมาคอมเม้นต์ใน TikTok ของแฟนคลับว่า “จำน้องได้ว่าน้องมาร์คหน้ามาซื้อของตลอด” ไม่เพียงแต่มาส์กหน้าออกไปซื้อของเท่านั้น เวลาน้องออกไปเที่ยว น้องก็แทบจะไม่แต่งหน้าเลย จนถึงขนาดที่ว่าแฟนคลับคิดว่าน้องไม่มีเครื่องสำอางติดที่บ้านเลย นอกจากนี้น้องยังเคยให้สัมภาษณ์ด้วยว่า “ถ้าเราพึ่งการแต่งหน้าไปแล้วครั้งหนึ่ง ละพึ่งมันไปเรื่อยๆ มันอาจจะทำให้วันนึงเราจะไม่มีความสุขกับหน้าตัวเอง” 

          และขอย้อนกลับไปถึงเรื่องกาแฟที่น้องชอบซื้อดื่มประจำนั่นก็คือ “ไอซ์ อเมริกาโน่” มักจะถือติดมือตลอด ในส่วนของอาหาร น้องก็จะไม่ค่อยกินอาหารที่ยากๆ (ทั้งยากต่อการทำและยากต่อการกิน) จะกินของง่ายง่ายเช่น ผัดกะเพรา ข้าวเหนียวหมูปิ้ง บะหมี่หมูแดง 

      และนอกจากเรื่องอาหารเครื่องดื่มที่น้องชอบแล้วแล้ว ในตอนนี้ซันนี่เองก็กำลังให้ความสนใจกับการเที่ยวชมคอนเสิร์ตที่เมืองไทย เพราะต้องการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ว่าคอนเสิร์ตในไทยเป็นอย่างไร ศิลปินท่านอื่นๆ ในไทยมีวิธีการดึงความสนใจผู้ชมแบบไหน โดยซันนี่เองก็มี “พี่เบิร์ด ธงไชย” เป็นไอดอล รวมไปถึงศิลปินชายอีกคนที่เขาชอบมากๆ เลยก็คือ “ต่อ ธนภพ” และอยากร่วมงานกับศิลปินของเมืองไทยคนอื่นๆอีกด้วย เช่น โบกี้ ไลอ้อน, พีพี กฤษฏ์ และแฟนคลับเองก็อยากเห็นน้องได้ร่วมงานกับศิลปินเหล่านี้เช่นกัน เพราะอยากให้น้องมีความสุข

         ซึ่งก่อนหน้านี้ซันนี่เองก็ได้ร่วมงานกับศิลปินไทยไปแล้วกับเกิร์ลกรุ๊ปสัญชาติไทยอย่างวง “VYRA(ไวร่า) เพลงต๊ะต่อนยอน” นั่นเอง โดยเป้าหมายต่อไปที่น้องสนใจอยากจะทำคงหนีไม่พ้นการได้มีส่วนร่วมในการทำเพลงมากขึ้น อยากจะลองร้องเพลงสไตล์ใหม่ๆ หรือมีเวทีที่น้องจะได้ร้องเพลงต่อหน้าคนหลายๆ คนที่ตั้งใจมาฟังน้องร้องเพลง

         และสุดท้ายนี้คุณฝ้ายที่เป็นตัวแทนของแฟนคลับหลายๆ คนก็อยากจะฝากถึงแฟนคลับคนอื่นๆ ว่า “ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ทุกๆ คนเป็นคนสำคัญที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้ และฝ้ายเองก็คิดว่าคนในด้อมก็มีนิสัยเหมือนกันนั่นก็คือชอบของยาก ชอบความท้าทาย เลยทำให้เราหากันเจอ

และอยากฝากถึงซันนี่ว่า “อยากให้น้องมีความมั่นใจเยอะๆ เพราะน้องมีเสน่ห์ในตัวและมีความน่ารักในตัวที่รอให้คนมาเห็น ขอให้น้องเป็นตัวของตัวเอง น่ารักกับทุกคนแบบนี้ไปนานๆ  ขอให้ประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่ตั้งใจ ในเรื่องของหน้าที่การงานก็ขอให้มีผู้ใหญ่เอ็นดูน้องเยอะๆ ค่ะ” คุณฝ้ายกล่าว 

และก็มาถึงช่วงที่เราจะได้เจาะลึกถึงตัวตนของซันนี่กันแล้ว จากที่คุณฝ้ายเล่าว่าน้องมีหลายคาแรกเตอร์ ซึ่งคาแรกเตอร์แรกคือ”คาแรกเตอร์ซันนี่” จะเป็นลุคที่มีความเป็นบอส เซ็กซี่ๆ ส่วน”คาแรกเตอร์เกวลิน” จะเป็นลุคน่ารักขี้เล่น ซึ่งในรายการวันนี้ คุณฝ้ายและดีเจทั้งสองคนเองก็ไม่แน่ใจว่าน้องจะพกคาแรกเตอร์แบบไหนมา ไปติดตามกันได้เลย! 

 

‘เปิดโมเม้นท์สุดประทับใจกับการกลับมาประเทศไทยในรอบ 3 ปี’

 

อย่างที่บอกไปว่าช่วงโควิดที่ผ่านมา ซันนี่ ก็ไม่ได้กลับมาประเทศไทยนานมาก ถ้ารวมแล้วก็ระยะเวลากว่า3ปีแล้ว ดีเจดาวจึงเอ่ยแซวเรื่อง Vlog ของซันนี่ ที่ไปเห็นโมเม้นสุดน่ารักของคุณพ่อคุณแม่ไปรับและยังปลอกทุเรียนมาให้อีกด้วย

ซันนี่เองจึงตอบว่า ใช่แล้วค่ะ จริงๆ แล้วอยู่ที่จีนก็ได้ทานเหมือนกัน แต่ที่นู่นเขาจะเป็นแบบนิ่ม ส่วนเราเองจะชอบแบบกรอบมากกว่าค่ะ พอพูดถึงทุเรียนกรอบดีเจพี่แนนเลยเล่นมุขว่า แล้วแบบนี้ทำไมไม่ทานทุเรียนกรอบเอาล่ะคะ (หัวเราะ) ซันนี่จึงบอกว่า จริงๆ แล้วหนูทานได้แค่ทุเรียนจริงส่วนที่ผ่านกระบวนการอื่นหนูไม่ค่อยทานเลยค่ะ ดีเจแนนและดีเจดาวก็ต่างเซอร์ไพรส์ จึงแซวซันนี่บอกว่า ต้องลองซักครั้ง อย่างทุเรียนทอดก็ถือเป็นมรดกโลกเลยนะ ซันนี่ยิ้มขำพร้อมบอกว่า ได้เลย ไว้หนูจะลองดูค่ะ

พร้อมบอกเล่าความประทับใจที่เหล่าแฟนคลับต่างไปรอต้อนรับตนกลับไทยที่สนามบิน เพราะตนไม่คาดคิดว่าจะมีแฟนคลับที่ประเทศไทยมากขนาดนี้ จึงส่งผ่านคำขอบคุณแฟนคลับ Sunstar  太阳星 ทุกคนที่ผลักดันตนมาถึงจุดนี้และคอยซับพอร์ตเราอยู่เสมอ ทำให้ซันนี่เป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกด้วย

 

‘ความฝันในวัยเด็ก สู่ ความสำเร็จในปัจจุบัน’

 

พอพูดมาถึงการเป็นศิลปินแล้ว ดีเจพี่ดาวก็เลยเอ่ยถามว่า เด็กหญิงซันนี่ในวัยเด็ก นอกเหนือจากความฝันหรือการเข้าสู่วงการบันเทิงแล้ว ซันนี่มีอาชีพอะไรอีกมั้ยที่อยากจะทำ ตัวซันนี่เองจึงตอบอย่างชัดเจนเลยว่า ไม่มีเลยค่ะ แต่ตอนเดบิวท์แรกๆ และเราหายไปประมาณ 3 ปี มันก็มีช่วงที่เราคิดเหมือนกันค่ะ ว่าการเป็นดารานักร้อง ก็คงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ก็เลยเรียนการโรงแรมไว้ เผื่ออนาคตจะสามารถมีอาชีพรองรับเราไว้ด้วย

 

ซึ่งเราก็รู้กันอยู่แล้วว่าการไปเป็นศิลปินที่ต่างประเทศความยากลำบากอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องภาษา แล้วตัวซันนี่เองพบปัญหาอะไรบ้างด้านนี้ ซันนี่จึงตอบว่าจริงๆ แล้ว ภาษาไม่ใช่อุปสรรคเท่าไหร่เลยค่ะ เพราะตอนอยู่ไทยเราเรียนภาษาจีนอยู่แล้วด้วย พอไปอยู่ได้ซักพักก็เริ่มพูดคุยได้ค่ะ แต่ตอนนี้ก็อาจจะยังไม่ถนัดการเขียนซักเท่าไหร่ ซึ่งเราก็ได้ใช้ภาษาจีนกับคุณพ่อมากขึ้นด้วยเพราะคุณพ่อเป็นคนจีนค่ะ จนหลังๆมาก็ไม่ได้ใช้ภาษาไทยกับคุณพ่อเลยค่ะ (หัวเราะ) มีใช้ภาษาไทยก็กับน้องชายเลยค่ะ เพราะเขาชอบโทรมาคุยด้วยบ่อยๆ ตอนอยู่ที่จีน แต่ว่าตอนคุยกันก็ไม่ค่อยใช้ภาษาสุภาพซักเท่าไหร่ค่ะ (หัวเราะ) ตอนกลับมาไทยก็เลยยังไม่ชิน รอบหลังเลยต้องให้น้องชายพยายามพูดภาษาสุภาพกับเรามากขึ้น ในอนาคตเผื่อเราจะต้องใช้ในการทำงาน ก็เลยจะกลัวดูไม่ดีซักเท่าไหร่ค่ะ

 

‘แพลนในอนาคตกับการกลับมาทำงานในประเทศไทย’

 

ซันนี่เองก็ได้กล่าวกับทางรายการว่า รู้สึกว่าปีนี้ถือเป็นปีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของตนมากๆ จึงอยากที่จะไปในจุดที่ตน อาจจะยังไม่มีประสบการณ์มาก่อน ซึ่งประเทศไทยก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นที่เราสนใจ หรือในอนาคตเราก็อยากที่จะให้ทุกคนรู้จักเรามากขึ้น ก็เลยค่อยๆ ดูไป และยังคงหาโอกาสให้กับตัวเองเรื่อยๆเลยค่ะ

 

โมเมนต์สุดน่ารักของ ’ซันนี่’ กับศิลปินไทยที่ตนชื่นชอบ

 

- ตำนาน อุ้ย !! เฮ้ย !! ว๊ายย !!

เมื่อดีเจแนนเอ่ยแซวถึงดาราไทยที่ซันนี่ชื่นชอบอย่าง ‘ ต่อ ธนภพ ‘ ซันนี่ก็ถึงกับเสียอาการและตอบกลับมาว่า ถ้าตามสเปคจริงๆ ของหนูเลย ก็เป็นลุคคล้ายๆ พี่ต่อเลยค่ะ สูง ตาโต ดูสะอาดสะอ้าน จริงๆ เราชอบและชื่นชมผลงานการแสดงของเขามากกว่า เพราะเรารู้สึกว่าเขามีเสน่ห์ในแบบของเขาเวลาเล่นละครมากๆ เลยค่ะ 

ดีเจแนนจึงถามถึงล่าสุดที่ทาง ต่อ ธนภพ ได้มีการมาตอบคอมเมนท์ตนในไอจี เป็นอย่างไรบ้างกับความรู้สึกตอนนั้น ซันนี่จึงเล่าโมเมนต์นั้นให้ฟังว่า ตนพึ่งเห็นเมื่อเช้าตอนกำลังเช็คโทรศัพท์ แล้วพอเห็นปุ๊บรีแอคชั่นที่ออกมาก็อุทานเลยค่ะว่า

อุ้ย!! เฮ้ย!! ว๊ายย!! น้อย!” ซึ่งน้อยก็คือน้องเราเอง แล้วกว่าหนูจะตอบกลับเขาก็คือพิมพ์แล้วลบทิ้งหลายรอบมาก รอบแรกพิมพ์ว่า ‘ สวัสดีค่ะ หนูซันนี่นะคะ’  แล้วลบทิ้ง รอบสองก็พิมพ์ใหม่ ‘ พี่ต่อติดตามหนูหน่อยได้มั้ย’ แล้วก็ลบอีกค่ะ (หัวเราะ) แล้วก็พิมพ์อีกว่า ‘พี่ต่อ หนูซันนี่นะคะ’ จนสุดท้ายกว่าจะกดส่งก็กลายมาเป็น “ อุ้ย เฮ้ย ว๊ายย “ เนี่ยแหละค่ะ เพราะตรงกับความรู้สึกตอนนั้นเราดี (หัวเราะ) ซึ่งโมเมนต์การเล่าเรื่องของซันนี่ก็ทำให้สร้างเสียงหัวเราะให้พี่ดีเจทั้งสองไปตามๆกัน

 

- ศิลปินไทยคนไหนที่อยากร่วมงานด้วยที่สุด

เมื่อดีเจดาวถามซันนี่ถึงศิลปินที่ตนอยากร่วมงานด้วยในไทยคือใคร ตนก็ตอบกลับมาอย่างไวเลยว่า ‘พี่เบิร์ด ธงไชย’ ซึ่งคำถามนี้เวลาตนให้สัมภาษณ์ที่ไหนตนก็จะให้คำตอบเดิมเสมอ เพราะเราชื่นชอบมาก ตั้งแต่ตนเกิดมา 26 ปี ก็ยังไม่เคยเจอเลย และยังไม่มีโอกาสได้ไปคอนเสิร์ตด้วย เรารู้สึกว่าเพลงของพี่เบิร์ดหลายเพลงเวลาเราเฟล เราได้ฟังก็ทำให้รู้สึกดีไปด้วยค่ะ

พฤติกรรมแปลกที่คนอื่นไม่เคยรู้

คิดว่าพฤติกรรมของเราที่คนอื่นไม่น่าจะทำคืออะไร ซันนี่จึงตอบว่า จริงๆ ไม่รู้ว่าแปลกมั้ยนะคะ ไม่รู้คนอื่นเป็นมั้ย แต่เวลาที่เราไปพักโรงแรมสิ่งแรกที่มักจะดูก่อนก็คือ ห้องน้ำค่ะ เพราะส่วนตัวเราเป็นคนซีเรียสเรื่องห้องน้ำ เรื่องความสะอาดอะไรแบบนี้ รวมไปถึงเช็คพวกเสื้อคลุมอาบน้ำ และฝักบัวด้วยว่าสกปรกมั้ย ถ้าสกปรกก็จะเอาแอลกอฮอล์มาเช็ดเลย  ซึ่งคิดว่าแปลกตรงที่ก็ซีเรียสอยู่แค่ห้องน้ำนี่ล่ะค่ะ (หัวเราะ)  อีกอย่างเป็นพวกความรู้สึกซะมากกว่าค่ะ อย่างเวลาทำงานถ้าสตูดิโออะไรแบบนี้ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับหรือเซ้นท์มั้ย แต่ก็จะมีบางที่ที่รู้สึกอึดอันหรือเวียนหัวแต่พอทำงานเสร็จออกมาก็กลับมาปกติแบบนี้ก็มีค่ะ หรืออย่างพวกโรงแรมที่เราไปพัก ถ้าห้องไหนที่เราเข้าไปแล้วรู้สึกว่า มืด หรือหัวตื้อๆ อะไรแบบนี้ ก็จะย้ายโรงแรมเลยค่ะ

 

การ ’เปลี่ยนแปลง’ ที่ดีเพื่อ ’ความรัก’ และ ’แฟนคลับ’

หลังจากดีเจทั้งสองเอ่ยปากชมความชิล ความเป็นตัวของตัวเองของซันนี่ในรายการแล้ว ดีเจแนนก็เกิดคำถามว่า ทำไมซันนี่ถึงคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่มั่นใจ ซันนี่จึงบอกว่า เมื่อก่อนตนเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองซักเท่าไหร่ ตนจึงพรีเซนท์ตัวเองในรูปแบบความสดใส และปล่อยเอเนอจี้ที่ดีออกมาให้คนที่เรารักดีกว่า และด้วยความเราอยู่และทำงานที่จีนด้วย ถ้าเรายังไม่มีความมั่นใจ หรือเซนซิทีฟกับปัญหาต่างๆ เราคิดว่า มันก็จะทำให้คนที่ชื่นชอบเราเขาก็รู้สึกดาวน์ไปด้วย หรือถ้าวันไหนเรารู้สึกสภาวะจิตใจเราไม่ค่อยดี เราก็จะบอกกับแฟนคลับตามตรงเลยค่ะ เพื่อที่จะกลับไปปรับตัวเองให้กลับมาเป็นซันนี่คนเดิมตามปกติค่ะ

 

       และนอกจากนี้น้องยังได้เปิดเผยความรู้สึกตอนที่ได้คุยกับแฟนคลับว่า “หนูรู้สึกเฟล ในเรื่องของหน้าที่การงานในปีที่แล้วมาก เพราะมีปัญหาหลายอย่าง และในปีนี้ที่กลับมาไทยคือกลับมา”ชาร์จแบต”(หมายถึง พักผ่อน เติมพลังกายพลังใจ) กลับมาหาความมั่นใจของตัวเองอีกรอบ จริงๆในใจก็รู้สึกกลัวมากที่มารายการในวันนี้ กลัวจะทำออกมาได้ไม่ดี ที่ต้องไลฟ์สดคุยกับทุกๆคน และต่อมาคือกลัวว่ายังจะมีคนชื่นชอบเราอยู่หรือเปล่า แต่พอมาเจอแฟนคลับในวันนี้ น้ำตาใหลเลย ทำให้พูดกับตัวเองว่าเราไม่ได้แย่ขนาดนั้น เรายังมีคนชื่นชอบเยอะอยู่นะ เลยอยากขอบคุณทุกคนมากๆ หนูเลยจะพยายามที่จะทำให้หนูและแฟนคลับได้เจอกันบ่อยๆ มากขึ้น”

 

และดีเจดาวก็ได้พูดเพื่อให้กำลังใจน้องด้วยว่า 

“มันเป็นเรื่องดีมากๆ เลยที่คนๆ หนึ่งสามารถเผยความรู้สึกของตัวเอง และเปิดเผยมุมที่อ่อนแอบางอย่างได้ พี่ดาวว่ามันต้องใช้ความกล้าเยอะมากๆ และพี่ก็นับถือตรงนั้นจริงๆ”

        สุดท้ายนี้ซันนี่เองก็ยังอยู่ในช่วงวางแผนการจัดแฟนมีตที่จะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมหากใครที่ต้องการพบปะน้องแบบพิเศษใส่ไข่ก็อย่าลืมติดตามข่าวสารจากน้องได้เลยน๊าา แล้วเจอกันสัปดาห์ถัดไปจ้า

ติดตามความน่ารักของซันนี่ย้อนหลัง

related EFM FANDOM RECAP

“QRRA” เจ้าหญิงทั้ง 5 สาว กลับมากี่ครั้ง ก็ยังสวยแบบตะโกน! พร้อมรางวัล EFM FANDOM AWARDS สาขา “เจ้าหญิงติดแกรมหนีวังมาเดบิวต์เเห่งปี”

16 ก.ย. 2024

“QRRA” เจ้าหญิงทั้ง 5 สาว กลับมากี่ครั้ง ก็ยังสวยแบบตะโกน! พร้อมรางวัล EFM FANDOM AWARDS สาขา “เจ้าหญิงติดแกรมหนีวังมาเดบิวต์เเห่งปี”

รายการ EFM FANDOM LIVE [ 29 สิงหาคม 2567 ] คืนนี้เปิดสตูต้อนรับ “QRRA” พร้อมอัพเดทพูดคุยกับ “ดีเจแนน” และ “ดีเจโซเซฟ”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ“EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากแฟน ๆ เสนอและเปิดให้โหวต1. ชื่อ/เเนวคิด ของรางวัล “Visual Group แห่งปี” เพราะว่าตั้งแต่เห็น QRRA ยอมรับเลยว่าเป็น Girl Group ที่วิชวลยกวงจริงๆ ไม่ต้องมาร์คไว้ว่าใครจะเป็นวิชวลของวงเพราะทุกคนสวยและวิชวลทั้งวง ไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนี้นานมากๆตั้งแต่ตาม T-POP มาแต่พอเจอ QRRA นี่แหล่ะวิชวลทั้งวงของจริงที่ต้องการ2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “สิงห์นักบิด(เอว)” สืบเนื่องมาจาก QRRA เป็น Girl group ที่เยี่ยวที่สุดแห่งปี และมี Performance ที่ประจักษ์มาตั้งแต่ Miracle ตำนานผมผีที่ทุกคนใฝ่ฝัน Happy We Day เริ่มเข้าโครงการบิด(เอว)ทุกหมู่บ้าน จนมาถึง ไม่ง้อจะพอแล้วนะ ทั้งเพลงที่มีเนื้อหาความง้องอน น้อยอกน้อยใจ รวมไปถึง Choreograph ท่าเต้นที่ใครเห็นก็คิดไม่ได้(แต่คาร์ร่าคิด) ที่เข้าสู่ตำนานสิงห์นักบิด(เอว) ทั้ง 5 เพราะบิดแข่งกันจนเกินที่กฎหมายกำหนด อาจโดนโทษปรับและจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ3. ชื่อ/เเนวคิด ของรางวัล “งอนนาน 48 ชม.” QRRA เป็นกลุ่มหญิงสาวที่ใครเห็นก็ต้องจับตามอง ทั้งหน้าตาที่โดดเด่นเกินมนุษย์ เพราะเป็นนางฟ้ากันหมด หรือความสามารถ ร้อง เล่น เต้น แสดง และถ้าพูดถึง QRRA สิ่งที่เด่นชัดอีกอย่างคือ ขนตา เปรียบเสมือนอวัยวะที่ 33 เพราะดุ้งทุกงาน ทุก come back หรือแม้แต่ everyday look ขนตาของทั้งห้าสาวก็ยังดุ้ง ยังงอนนาน ตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน คาร์ร่าอย่ากระพริบตาเยอะค่ะ พีโอนีหนาว4. ชื่อ/เเนวคิด ของรางวัล “เจ้าหญิงติดแกลมหนีวังมาเดบิวต์แห่งปี” 5 คนเวลาอยู่ด้วยกันเหมือนเจ้าหญิงที่ติดแกรมดูแพง ทุกครั้งที่ออกเพลงหรือออกงานแล้วยืนด้วยกัน 5 คนก็จะเหมือนเจ้าหญิงจริงๆ จะเห็นออร่าของทั้ง 5 คนได้เลย ทุกคนจะตะโกนคำว่าสวยมากๆๆๆๆ เลยคิดว่าจริง ๆ แล้วทั้ง 5 คนนี้คือเจ้าหญิงจริง ๆ แล้วหนีวังมาเดบิวต์เป็นเกิร์ลกรุ๊ป5. ชื่อ/เเนวคิด ของรางวัล “สวยไม่เอ๊ะ เป๊ะเหมือนเทพสร้าง” เมมเบอร์ QRRA นอกจากความเป๊ะทั้งร้อง ทั้งเต้นแล้วนั้น ความวิชวลทั้งวงก็ขึ้นชื่อไม่แพ้กัน (อยากพิสูจน์ กรุณาหันไปมองด้วยตาเนื้อค่ะ) 5 คน 5 สไตล์ ยิ่งเวลาเพอร์ฟอร์มบนเวที ความปังของเสื้อผ้าหน้าผม เสียงร้องและท่าทางตอนเต้น ยิ่งส่งให้ QRRA สวยแบบไม่เอ๊ะ เป๊ะเหมือนเทพสร้าง ค่าาเตรียมตัวรับความสนุกไปกับ “QRRA” เข้าสู่ช่วงที่ 2 ของรายการกันนน!!รางวัล “เจ้าหญิงติดแกลมหนีวังมาเดบิวต์แห่งปี” นิกี้ : ดีใจ~ ที่อย่างน้อยเราก็เห็นตรงกันกับแฟนคลับว่า เราเป็นเจ้าหญิงติดแกลมที่หนีวังมาเดบิวต์ ฟ้อนด์ : ภูมิใจในตัว Peony ด้วยค่ะในการครีเอทชื่อรางวัลนี้ ครั้งหน้าขออีกก ขอแบบ… ป๊อปเป้อ : ขอยาวกว่านี้ QRRA : 5555555555555555+ถ้าเมมเบอร์แต่ละคนเลือกเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์ซักเรื่องนึง นิกี้ : อยากเป็นเทียน่าค่ะ เขาจะมีความเป็น Working Woman หน่อย หนูชอบผู้หญิงลุย ๆ ฟ้อนด์ : อยากเป็นเเอเรียลค่ะ เคยคิดมาตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ ถ้าเลือกได้ก็อยากจะเป็นแอเรียล เพราะว่าหนูเป็นชอบว่ายน้ำ ชอบอยู่กับน้ำเพราะมันรู้สึกสบาย ผ่อนคลาย เวลาได้อยู่ในน้ำ เเละเสียงร้องเพราะ เเล้วก็อยากมีหางด้วย ตอนเด็กจะไม่ว่าน้ำท่ากบหรือฟรีสไตล์นะคะ จะว่ายท่าท่าเงือก ฝึกดำน้ำเเล้วว่ายท่านางเงือกเเล้วกลั้นหายใจให้นานที่สุด เพราะเราอยากเป็นนางเงือกตั้งเเต่เด็ก ๆ ป๊อปเป้อ : ไม่เชิงว่าอยากเป็น ชอบละกัน ชอบเจ้าหญิงเบลค่ะ ชอบตั้งเเต่เด็กเลย เหมือนเขาได้ของขวัญจากเจ้าชายเป็นห้องสมุด ฉากนั้นที่เปิดเข้าไปเเล้วเป็นแบบ หนังสืออ~ ฟ้อนด์ : โอ้โหห นิกี้ : สวรรค์~~ ป๊อปเป้อ : ใช่! มันคือสวรรค์~ ดีเจแนน : อ่ออ ป๊อปเป้อชอบอ่านหนังสืออยู่เเล้ว ป๊อปเป้อ : ช่ายยย~ ชัญญ่า : หนูชอบแอนนา ชอบเพราะว่าคาเเรคเตอร์เขามีความซุกซน ชอบผจญภัยด้วย ปาเอญ่า : หนูอยากเป็นราพันเซลค่ะ เพราะตอนเด็ก ๆ หนูชอบผมยาว จะไม่ยอดตัดเลย เเล้วก็หนูชอบสีม่วงด้วยนอกจากเอวที่บิดเกินกำหนด! งานผมก็ยังอยู่ไม่ขยับ พร้อมความจึ้งของขนตาที่ต้องจดจำ! ดีเจเเนน : วันนี้พี่คิดถูกมากที่ติดมา ไม่งั้นพี่สู้นิกี้ไม่ได้ QRRA : 5555555555555+ ฟ้อนด์ : จริง นิกี้เป็นบุคคลที่เเบบยาวทั้งบนเเละล่าง ดีเจเเนน : นี่ขนตาจริงปะ นิกี้ : ขนตาจริงหมดเลย จริง ๆ วันนี้ไม่ได้ปัดขนตาล่าง ก็เลยมองเห็นไม่ชัดขนาดนั้นน~ ป๊อปเป้อ : ทุกคนมีขนตาหมดเลยยกเว้นหนู ปาเอญ่า : เเต่ว่าขึ้นสเตจ เรามีช่างเเต่งหน้าที่เเบบทำขนตาได้จึ้งมาก!เคล็ดลับความสวยแบบฉบับ 5 สาว “QRRA” นิกี้ : มาร์คหน้าทุกวันก่อนนอน เเต่เดี๋ยวนี้มาร์ควันเว้นวัน หรือว่าวันถัดไปต้องเเต่งก็จะมาร์ค มันช่วยให้หน้านุ่ม ชุ่มชื้นอยู่หลังล้างหน้า เเล้วก็ช่วยให้เเต่งหน้าติดง่ายขึ้นด้วย ฟ้อนด์ : ของหนูคือมองในกระจกเเล้วบอกว่าตัวเองสวย! อย่างน้อยมันช่วยทำให้เรารู้สึกมั่นใจในวันนั้น เเล้วทุกอย่างมันก็จะ flow ไปตามสิ่งที่เราคิด ปาเอญ่า : เป็นดอลลี่อายเเล้วกันค่ะ ไม่ว่าหนูจะเเต่งหน้าน้อยแค่ไหน หนูจะต้องมีดอลลี่อาย มีเเล้วรู้สึกมันสวยย5555+ ชัญญ่า : ของหนูกินคอลลาเจนบำรุงผิวพรรณ จะดูเเลผิวพรรณเป็นพิเศษ ต้องกินก่อนอาหารมื้อไหนก็ได้ เเต่ส่วนใหญ่หนูจะกินก่อนมื้อเช้าเเละกลางคืน ป๊อปเป้อ : ของหนูออกกำลังกายค่ะ นอกจากรูปร่างจะเข้าที่เข้าทางเเล้ว มันก็ช่วยเรื่องความมั่นใจของเราด้วยซิงเกิลใหม่ล่าสุด “ไม่ง้อจะพอแล้วนะ” สรุปจะให้ง้อหรือไม่ง้อ? ปาเอญ่า : หนูว่าเเล้วเเต่คนตีความ นิกี้ : เเต่ถ้าเหมือนที่เราตีความกันเองโดยรวมมันคือ สิ่งที่เราพูดออกไปคือไม่ง้ออะจะพอแล้วนะ เเต่ความรู้สึกเราคือ ง้อหน่อยเหอะ ถึงเเม้จะพูดออกไปแบบนั้น อะไรประมาณนั้น ดีเจเเนน : เเล้วเวลาที่ถ่ายทอดเพลงนี้ สาว ๆ ตีความเเบบไหน ปาเอญ่า : ที่เราคุยกัน คือแล้วเเต่ฮุกมันจะตีความไม่เหมือนกัน ฮุกแรกเป็นฟีลนอย ๆ พอฮุก 2 เราเริ่มโกรธละ โมโหละ ฮุกสุดท้ายคือพอแล้วจริง ๆ ชัญญ่า : กราฟเพลงมันจะขึ้น ๆ ลง ๆคอนเซปต์เพลงนี้ที่สาวๆตีความออกมาให้แฟนๆได้ฟังกัน ฟ้อนด์ : มันน่าจะมีความสัมพันธ์กันเพราะเราใช้ฝนเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความเศร้า ทุกคนก็จะมีฉากฝนเป็นของตัวเอง เเละถ้าสังเกตเอ็มวีตั้งแต่แรกจนท้าย ตอนแรกโทนสีมันจะทูโทน แบบหม่น ๆ เเต่ตอนหลังจะเป็นวอร์มโทนเเล้ว เหมือนเราสามารถมูฟออนได้เเล้ว นิกี้ : สีหน้าตอนแสดงของเราเเต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ดีเจแนน : ซึ่งเอ็มวีนี้ก็แสดงออกถึงความติดแกลมของทั้ง 5 คนได้มาก เพราะอย่างคนทั่วไปร้องไห้ใต้ฝักบัวก็เป็นฝักบัวธรรมดา อันนี้คือต้องเป็นอ่างจากุชชี่ เเล้วคนอื่นเขาน้ำตาเป็นน้ำเปล่า ๆ เเต่นี่น้ำตาเป็นไข่มุก QRRA : 5555555555555+ ดีเจเเนน : เเล้วก็เรื่องท่าเต้นน่ะ มันมีความเซ็กซี่มากเลยนะ ดีเจโซเซฟ : มีความเป็น Groove ที่เบากว่าซิงเกิ้ลอื่น ๆ เเต่จัดจ้านกว่า QRRA : ช่ายยยยยย~~ตำนานจากการถ่ายเอ็มวีเพลงนี้ ชัญญ่า : จะมีซีนเต้นสุดท้ายที่ถ่ายหลายเทค เพราะว่าฝนที่สาดลงมา ปาเอญ่า : เพราะอยากได้หลายช็อต หลายมุม นิกี้ : แต่มันก็มีวิกฤตบ้างนิดหน่อย ขนตาหลุดสำหรับที่ต้องติด พี่ป๊อปคอนเเทคเลื่อนขึ้นหายไปเลย ดีเจเเนน : แล้วทุกวันนี้หาเจอยัง QRRA : เจอแล้วค่ะะ ๆ~ 55555555555+ ดีเจโซเซฟ : เเล้วฉากที่โดนฝน เเต่ละคนโดนนานมั้ย ปาเอญ่า : ซีนเดี่ยวก็ประมาณ 1-2 ชั่วโมง นิกี้ : เราจะถ่ายเเห้งก่อน เเล้วพอเปียกจริง ๆ น่าจะซักชั่วโมงนึง ปาเอญ่า : ช่ายย พอเราถ่ายเสร็จปุ้บ ก็ไปทำตัวให้แห้งเเล้วก็มาเปียกพร้อมกันซีนเต้นรวมอีกรอบนึง ดีเจโซเซฟ : รวม ๆ กันถ่ายวันเดียวมั้ย? QRRA : วันเดียวค่ะ ถึงตี 3~เบื้องหลังของเพลงนี้ กว่าจะได้ฟังแบบหูเคลือบทอง! ดีเจแนน : ไปอัดกี่วันคะเพลงนี้ นิกี้ : 1 วัน ปาเอญ่า : จริง ๆ วันเดียวเเต่ว่าหนูไปอัดอีกวันนึง เพราะหนูไม่สบาย เเล้วเสียงมันไม่ได้จริง ๆ ดีเจโซเซฟ : ตอนพี่ฮายเขามาขายไอเดียเรา เราคุยเริ่มต้นว่ายังไงเพลงนี้ ฟ้อนด์ : จริง ๆ เรามีวันที่นัดคุยกับพี่ฮายค่ะ เเต่จริง ๆ เราทั้ง 5 คนอ่ะคุยกันมาก่อนเเล้วว่าซิงเกิ้ลต่อไปอยากให้เป็นเเนวไหน เเล้วก็เห็นตรงกัน ไม่ว่าจะการตัดสินใจไหน เราค่อนข้างที่จะมีความคิดคล้ายกันมาก มันก็เลยค่อนข้างง่าย เเล้วเราตกลงกันว่าเพลงต่อไป เราอยากให้มีความเเบบช้าหน่อย เศร้า ๆ หน่อย เราก็เลยมีไอเดียไปเสนอพี่ฮาย เเล้วก็มี References เเล้วพี่ฮายก็รับเเละเข้าใจเราได้ดีมาก ๆ เดโม่แรก ๆ เราเเทบไม่แก้เลย มีเเค่ที่นิกี้ช่วยเสริม นิกี้ : ช่ายย มีเมโลดี้ใหม่เเค่นิดเดียวเองวันนี้ทางรายการEFM FANDOM LIVEก็มีเกมให้สาวๆ“QRRA”เล่นสนุกสนานด้วยกับเกมที่มีชื่อว่า “ถ้าไม่… จะง้อแล้วนะ!!” เรามาดูกันว่าจะง้ออะไรกันบ้าง! (เข้าไปชมได้ในYouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับได้เข้ามาพูดคุยกับสาวๆ “QRRA” (เข้าไปชมได้ใน Youtube : ATIME) สุดท้ายนี้EFM FANDOM LIVEขอขอบคุณ“QRRA”ที่มาร่วมพูดคุยและมอบความสนุกให้กับรายการ และฝากผลงานใหม่ซิงเกิลที่ 3จากสาวๆ ชื่อเพลงว่า “ไม่ง้อจะพอแล้วนะ (Enough)” ไปดู MV ได้ทาง Youtube : QRRA สามารถฟังเพลงนี้ได้ทุกสตรีมมิ่ง และวันที่ 20 ตุลาคมนี้! มีงานแฟนไซน์ครั้งแรกของ QRRA ก็มีจะ NFC Box จะได้ทั้ง Physical เเละ Digital กำลังเปิดพรีออเดอร์อยู่ดูรายละเอียดได้ที่ Facebook : QRRA เเล้วมาเจอกันน้าาาสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

“มิ้ลค์-เลิฟ” ควงคู่กันมาแจกความฟิน พร้อมรอยยิ้มที่ยิ้มแล้วโลกสดใส พาใจให้โลกเอียงเข้าหากัน กับ "23.5 องศาที่โลกเอียง" ซีรีส์พาให้ใจฟูในทุกจักรวาลความรัก พร้อมรับรางวัล “EFM FANDOM AWARDS” สาขา ‘เลิฟนี้...กี่พรร(ษา)’

27 พ.ค. 2024

“มิ้ลค์-เลิฟ” ควงคู่กันมาแจกความฟิน พร้อมรอยยิ้มที่ยิ้มแล้วโลกสดใส พาใจให้โลกเอียงเข้าหากัน กับ "23.5 องศาที่โลกเอียง" ซีรีส์พาให้ใจฟูในทุกจักรวาลความรัก พร้อมรับรางวัล “EFM FANDOM AWARDS” สาขา ‘เลิฟนี้...กี่พรร(ษา)’

รายการ EFM FANDOM LIVE [16 พฤษภาคม 67] คืนนี้ขอต้อนรับสองสาวคู่จิ้นที่ใช้คำว่าน่ารักได้เปลืองสุด ๆ กับ “มิ้ลค์ - เลิฟ” มาพร้อมกับซีรีส์ใหม่กับ “23.5 องศาที่โลกเอียง” พร้อมร่วมอัปเดตพูดคุยไปกับ 2 ดีเจ “ดีเจแนน และ ดีเจโซเซฟ”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ“EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากแฟน ๆ ที่เสนอเข้ามาและเปิดให้โหวต1. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “คู่จิ้นแห่งจักรวาลโลกเอียง” องศา (มิ้ลค์) และซัน (เลิฟ) เป็นคู่หลักและเป็นศูนย์รวมจักรวาลโลกเอียง ที่ทำให้ค้นพบความรักที่แตกต่างกันในจักรวาลนี้ ประกอบกับคู่จิ้นนอกจอ ความเรียล เคมีธรรมชาติ ความโบ๊ะบ๊ะ สามารถดึงดูดมักเกิ้ลนอกจักรวาลมาตกหลุมรักได้ ดังนั้นควรมอบรางวัลคู่จิ้นแห่งจักรวาลโลกเอียงให้พวกเขาทั้งสองคน2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “จ๋องแจ๋งกับเจิดจ้า” จ๋องแจ๋งมาจากตัวละครที่ พี่มิ้ลค์ เล่น "องศา" มีความจ๋องแจ๋งขี้อาย ขี้เขินแต่เฉพาะกับ "ซัน" ที่ เลิฟ เล่น ซันมีความสดใส เจิดจ้ามากในเรื่องเหมือนชื่อตัวละคร เวลาอยู่ด้วยกันองศามีแต่ความจ๋องแจ๋ง ส่วนซันยิ้มทีไร ก็เหมือนเป็นพระอาทิตย์ที่มีความเจิดจ้าตลอด3. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “สุดยอดสายซัพ ผลัดกันดูแล เทคแคร์ด้วยของกิน” ที่บอกว่าเป็นสุดยอดสายซัพ (support) เพราะต่างคนต่างคอยสนับสนุนกันและกันเสมอเลยค่ะ พี่มิ้ลค์ ขายลิปน้องเลิฟ บ่อยมาก บอกว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ ตั้งแต่ยังไม่ได้เล่นซีรีย์เรื่องนี้ (23.5) ด้วยซ้ำ เวลาออกไปไหนต่างคนต่างดูแลซึ่งกันและกัน ทั้งเสื้อผ้า หน้าผมว่าของแต่ละคนโอเคไหม และครั้งที่กล้องถ่ายมาเห็นคอยเซฟกันเองตลอด เป็นสิ่งที่น่ารักมากเลยค่ะ อีกอย่างหนึ่งที่บอกว่าเป็นสายซัพเวลาที่น้องเลิฟ เล่นมุกทานอะไรแล้วหงายหลัง เหมือนน้องมิ้ลค์จะรู้ทันแล้วคอยดันหลังได้ตลอดค่ะ ถ้าไม่มีพี่มิ้ลค์น้องเลิฟอาจจะหน้าหงายตกเก้าอี้ก็ได้4. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “เลิฟนี้...กี่พรร(ษา)” มาจากชื่อเล่น น้องเลิฟ กับชื่อจริง พี่มิ้ลค์ (พรรษา) อารมณ์ประมาณว่า ความรัก / ความสนิทสนม / ไว้วางใจของแต่ละคู่ อาจจะใช้ระยะเวลาในการเรียนรู้กัน ก็เหมือนทั้งสองที่ได้ร่วมงานกันหลายเรื่อง ซึ่งเวลาก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์แล้วว่าทั้งสองได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ให้เกียรติกันและกันเสมอ เลยรู้สึกว่าแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน (กี่พรรษา) ความรักของทั้งสอง (เลิฟนี้) ก็ยังมีให้กันเรื่อยๆ ไม่ต้องถามว่ามันจะนานแค่ไหน แค่เท่าที่ทั้งสองคนมีความสุขนั่นแหละ เป็นความสัมพันธ์ที่น่ารักดีนะคะ5. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “ส่วนสูงที่ดี เคมีที่เริ่ด” มิ้ลค์ – เลิฟ เป็นคู่ที่ส่วนสูงมีความลงตัวมากกกก แบบพี่ตัวสูงกับน้องตะเร้ก เวลายืนข้างกันไม่ต้องทำอะไรก็เขินแล้วค่ะ เคมีมันพุ่งงงง มันแบบนุ้บนิ้บ เคมีทำงานดีเกิ้น และด้วยความที่พี่ตัวโตกว่าเวลามีซีนที่ต้องอุ้มน้อง อย่างในโปสเตอร์ซีรี่ส์ 23.5 องศาที่โลกเอียง คนพี่ก็จะอุ้มน้องแบบโลกเอียง หรือไปถ่ายรูป / สติ๊กเกอร์ด้วยกัน คนพี่ก็อุ้มคนน้องแบบยกขึ้นได้สบาย รูปออกมาน่ารักสุบๆ หรือตอนไปงาน GMMTV 2024 UP ABOVE PART 2 คนพี่ก็อุ้มคนน้องถ่ายรูปแบบโลกเอียง น่ารักที่สุบๆๆ ความพี่ตัวโตกับน้องตะเร้กมันเลยลงตัวสมมงเคมีเริ่ดน่ารักเกินต้านค่ะถึงเวลาที่ชาว เมิฟเมิฟ รอคอย~ เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ เราจะมาพูดคุยกับ “มิ้ลค์ - เลิฟ”รางวัล “เลิฟนี้...กี่พรร(ษา)”มิ้ลค์เลิฟ ! ขอบคุณชาว MuvMuv สำหรับชื่อรางวัลสุดคิ้วท์ มิ้ลค์ - เลิฟ : เย่~ *ปรบมือ* เลิฟ : โห~ ตอนแรกคิดว่าจะเป็นถ้วยรางวัลออนไลน์ ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ ว้าว~ เลิฟ : ขอขอบคุณนะคะ ใครที่คิดชื่อรางวัล “เลิฟนี้...กี่พรร(ษา)” เก่งมาก ! ครีเอทีฟสุด ๆ มิ้ลค์ : ขอบคุณมาก ๆ นะคะ สำหรับรางวัลนี้ ขอบคุณที่ตั้งชื่อให้ น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ“มิ้ลค์ - เลิฟ” ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันหลายพรรษา มิ้ลค์ : พอได้รู้จักกับน้องเลิฟ ทำให้หนูได้เรียนรู้ความเป็นผู้หญิงสตรอง อย่างที่ทุกคนรู้กันน้องเขาทำธุรกิจ ต้องใช้ความตั้งใจมาก ซึ่งน้องก็จะมีความเข้มงวดกับตัวเองนิดนึง ก็ถือว่าดีนะคะ ถือว่าเป็นคนที่คิดการไกล มีแผนชีวิต ไม่รู้ว่ามันคือความเข้มงวดไหม ? แต่เวลาน้องจะทำอะไร น้องเขาจะชอบจด จดไว้ก่อน แล้วก็คิดว่าจะพูดอะไรหรือจะทำอะไร เหมือนมี Plan เป็นการที่แบบวางไว้ว่าจะพูดอะไร เพื่อที่จะให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด เลิฟ : พี่มิ้ลค์สอนให้เลิฟ Healthy ขึ้น เหมือนเมื่อก่อนเลิฟติดน้ำหวานกับขนมมาก แล้วแบบหลัง ๆ คือ สมมติว่าวันนี้กินเยอะเกิน อีกวันก็คือจะไม่กินเลย เพราะพี่มิ้ลค์เป็นคนที่ออกกำลังกายเยอะมาก แล้วเขาก็คือลดน้ำหนักเป็น 10 กว่าโล ! มิ้ลค์ : หนูเป็นคนที่ใช้คำว่า Healthy จริง ๆ เพราะเราจะไม่เครียดไม่กดดันตัวเองอยู่แล้ว เราก็จะค่อย ๆ แต่ก็ใช้เวลาไม่ถึงปีนะคะ ประมาณครึ่งปีค่ะ เลิฟ : เวลามีอะไรเราก็จะปรึกษาพี่มิ้ลค์ว่าเราควรจะกินยังไง หรือออกกำลังกายยังไงที่มันเข้ากับเรา ไม่เคยแอบที่มิ้ลค์กินเลย เพราะพากันกิน มิ้ลค์ : พากันออก Pilates ค่ะ แนะนำไปนะคะ เลิฟ : ใช่ค่ะ ออก Pilates กัน พากันไปทำเรื่อย ๆจ๋องแจ๋งจอมขี้อาย กับเจิดจ้ายิ้มสดใส ในชีวิตจริง ! มิ้ลค์ : หนูมักจะโดนเหล่ามัมหมีจีบผ่านมุกอะไรแบบนี้ ชอบมาพิมพ์คอมเมนต์ แล้วเดี๋ยวนี้เขาจีบเก่งมาก จีบเก่งจนหนูแบบ โอ้ย~ ใจสั่นแล้ว แต่ก็ไม่ได้หรอก เราก็มีภูมิสูงไง เขาก็จะมาเป็นฟีลแบบ คอมเมนต์อะไรแบบนี้ แล้วก็วกมาบอกว่า “แต่สุดท้ายหนูก็ชอบพี่มิ้ลค์ พรรษา นะคะ” และก็อย่างบางทีหนูก็จะมีฟีลเขินน้องเลิฟบ้าง เพราะว่าน้องเขาน่ารัก พี่ ๆ ก็เห็นใช่ไหมคะ ความน่ารักของเขา พอเราทำงานด้วยกันบ่อย ๆ แต่หลัง ๆ มาก็เขินบ้างนิดหน่อย เลิฟ : เจิดจ้า จริง ๆ แล้วมันมาจากชื่อซันในเรื่องค่ะ ซึ่งซันเองเป็นคนที่สว่างมาก ๆ ทั้งมัมหมีและแฟน ๆ คงคิดว่าเหมือนเลิฟดี เพราะเลิฟก็จะมีมุมเท่บ้าง และก็จะมีมุมที่แอบแพรวพราวนิดนึง แล้วก็จะมีความเจิดจ้า ปนเท่บ้าง ซึ่งจะมีคนเรียกเลิฟออกเป็น 2 กลุ่ม คนที่เอ็นดูเลิฟ จะเรียกว่า น้องเลิฟ หรือเลิฟรักอะไรแบบนี้ แต่คนที่มองเลิฟออกเป็นสายเท่ ๆ จะเรียกว่า พี่ภัทร ซึ่งทั้งคู่จะมีความเจิดจ้าเหมือนกันพี่ตัวสูงกับน้องตะเร้ก ! “มิ้ลค์ - เลิฟ” ส่วนสูงที่ดี เคมีที่เริ่ด เลิฟ : เลิฟจะติดแบบควงแขน แบบเวลาเดินไปไหนก็จะควงแขนแล้ว และก็เหมือนว่าเลิฟเป็นคนที่ไม่ค่อยมองรอบ ๆ ก็คือจะมีพี่มิ้ลค์คอยมองให้เสมอ พี่มิ้ลค์จะคอยบอกว่าแบบ ระวังเดินสะดุดนะ ข้างหน้ามีหลุมนะ ทางต่างระดับก้าวลงนะ อะไรแบบนี้ค่ะ มิ้ลค์ : เวลาถ่ายรูปเซลฟี่ แล้วแดดมันเปรี้ยงแดดแรง น้องเลิฟก็จะมาซบแบบหลบอยู่ตรงไหล่ ยังมีรูปนี้เป็นหลักฐานอยู่เลย เลิฟ : อ๋อ ใช่ ใช่เลย~ หลบแดดเขาได้ด้วย~ มิ้ลค์ : อันนี้จะไม่เกี่ยวกับความตัวสูงหรือตะเร้กอะไรเลยนะคะ เขาจะเก่งเรื่องการหาคาเฟ่หรือหาของกิน อะไรที่เกี่ยวกับของกินจะดีมาก 5555+ เลิฟ : เดี๋ยว ๆ เลิฟขอข้อดีของการสูงเมตรครึ่งก่อน เมตรครึ่งมันดียังไง ? มิ้ลค์ : เอาไว้พักพิงละกัน บางครั้งเราเมื่อย ๆ แขน เราก็แบบน้องเลิฟขอฝากหน่อยนะพี่มิ้ลค์มอบรางวัล ‘ตำหนวดแมวส้มดีเด่น’ ให้น้องเลิฟ มิ้ลค์ : อยากมอบรางวัล ‘ตำหนวดแมวส้มดีเด่น’ เคยได้ยินคำว่าตำรวจลงไหมคะ ? เขาเป็นฟีลนั้นเลย เพราะว่ามิ้ลค์ชอบเผลอหลุดสปอยบ่อย และเขาก็จะคอยจับตา แบบว่าเวลาคุย เขาก็จะนั่งฟัง แต่ไม่ได้นั่งฟังหนูนะ นั่งจับผิดอยู่ 55555+ เลิฟ : ช่ายยย~ ห้ามโป๊ะ ! 55555+ เลิฟ : รางวัล ‘นักหลุดโป๊ะ! โก๊ะ! แห่งปี’ หนูก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ทุกครั้งที่ไปกองตอนเช้า จะมีการกินข้าวก่อน พื้นเรียบ ๆ ถือข้าวมา แล้วพี่มิ้ลค์ก็เดินสะดุด สะดุดสายไฟ สะดุดพื้น แล้วเป็นทุกวัน หนูงงมากกก 5555+ มิ้ลค์ : จริง ไม่ได้เป็นแค่วันเดียว คืออย่างที่บอกว่า ถ้าพี่ดูองศากับซัน องศาก็คือหนูเอง“มิ้ลค์ - เลิฟ” เป็นสายพากันไปอีสของอร่อย ~ มิ้ลค์ : เราเป็นฟีลคุยกันเล่น ๆ เป็นเพื่อนกัน เลิฟ : จริง ๆ ก็ชวนกิน ชวนกินเป็นหลัก ไม่ใช่คาเฟ่ แต่เป็นส้มตำข้างตึก 5555+ มิ้ลค์ : ใช่ ชอบกินส้มตำ แต่น้องเลิฟเป็นคนชอบกินรสจัด เลิฟ : แต่ก็เผ็ดปกตินะคะ แต่พี่มิ้ลค์ก็จะสายคอหมูย่าง 2 จาน ! มิ้ลค์ : หนูเป็นสายโปรตีน !ความลับที่ไม่ลับในกองถ่าย เพราะเหล่าเมิฟเมิฟรู้เบิ้ด ! เลิฟ : ขอขยายความสำหรับรางวัลที่เขาได้ละกันค่ะ ความโก๊ะโป๊ะ! คือองศาเป็นคนที่ใส่แว่น มันจะมีตอนหนึ่งที่เป็นซีนพายุเข้า และต้องถ่ายที่สวนสาธารณะ แล้วพวกเราก็ต้องวิ่งหนีตาย ซึ่งมันมีพายุ แล้วข้าง ๆ สวนก็เป็นคลอง ในคลองก็มีตัวเงินตัวทองที่แบบเป็นตัวเมียคลอดลูก ซึ่งมันดุมาก แล้วในซีนพวกเราก็มีร่มคนละหนึ่งอัน แล้วก็วิ่งหนีไปหลบบนรถของเลิฟ คือสภาพตอนนั้นดินโคลนก็เละเทะไปหมดเลย ซึ่งตอนนั้นพี่มิ้ลค์เขาก็มีแว่นหนึ่งอัน แต่ไม่แน่ใจว่าฝากไว้กับใคร หรือไปเสียบไปวางไว้ตรงไหน แล้วคือมันก็หายไปค่ะ มันหายแบบสาบสูญไปเลย มิ้ลค์ : ด้วยความที่ทุกอย่างมันชุลมุน แล้วมันก็มืดมาก ! เลิฟ : แล้วตัวเลิฟเอง ต้องออกไปหาแว่นให้พี่มิ้ลค์ที่รถ ตอนประมาณ 4-5 ทุ่ม แต่ก็หาไม่เจอ เขาก็เลยต้องใช้แว่นสำรอง~ มิ้ลค์ : ของคู่เราจะมีคอนเทนต์ในกองแบบกรุบกริบบ้าง ซึ่งเราทั้งคู่ก็จะไม่พ้นเรื่องของกิน อย่างแบบอยากกินน้ำพริก … 5555+ เลิฟ : แบบพวกหนูจะเป็นนักรีเควสข้าวเที่ยงหรือข้าวเย็นในแต่ละวัน มีอยู่วันหนึ่งที่พี่มิ้ลค์ต้องมาถ่ายแค่ซีนสองซีน แล้วก็ถามหนูว่าน้องเลิฟเอาน้ำพริกไหม ? แล้วหนูก็งงว่า เอ้า !? ทำไมเมนูที่เลิฟถึงไม่มีน้ำพริก แล้วคือพี่มิ้ลค์ เอาเงิน 1000 บาทให้กับแม่ครัว ทำพริกน้ำเฉพาะสำหรับพี่มิ้ลค์ให้หน่อยค่ะ ! มิ้ลค์ : อร่อยมากก คืออร่อยมาก ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ทุกคนได้ลอง ! เลิฟ : ก็ดีที่แบ่ง 55555+ ชอบกินเหมือนกัน“มิ้ลค์ - เลิฟ” ขอบคุณ ‘องศา - ซัน’ ที่ทำให้เป็นคนที่ดีขึ้น! เลิฟ : รู้สึกขอบคุณ ‘ซัน’ ที่ทำให้เลิฟ เป็นเลิฟที่ดีขึ้น เลิฟรู้สึกว่าซันเป็นคนที่ Compromise และก็มีความคิดในแง่บวกกับทุก ๆ เรื่อง พยายามมองโลกในแง่ดีมาก ๆ ซึ่งเป็นตัวละครที่ค้อนข้างต่างจากเลิฟ เพราะบางทีเลิฟก็คิดแง่ลบบ้าง แต่พอได้รู้จักซัน ได้เป็นซันช่วงหนึ่ง รู้สึกเลยว่าเลิฟใช้ชีวิตอย่างมีสติและช้าลง Compromise มากขึ้น เพราะเหมือนว่าช่วงนั้น เลิฟใช้ชีวิตหนักมาก พอมาเป็นซันทำให้จังหวะการพูดช้าลง เลิฟเป็นคนพูดเร็วแบบลิ้นชอบพัน มันอาจจะหลุดมาบ้าง แต่ก็น้อยลง มิ้ลค์ : อย่าง ‘องศา’ ทำให้หนูพัฒนาตัวเอง เรื่องการพูดค่ะ เพราะปกติหนูพูดเบาและก็พูดไม่ชัด ซึ่งองศาจะมี Energy ในการพูด ต่อให้เขาดูจ๋องแจ๋ง แต่เวลาเขาพูด เขาก็จะมีพลัง และก็เอาจริง ๆ หนูอยากจะขอบคุณทุกตัวละครที่เป็นตัวแทนของใครหลาย ๆ คน ที่ทำให้สามารถปลดล็อกได้ หนูเชื่อว่า คนที่ได้ดูซีรีส์ ‘23.5 องศาที่โลกเอียง’ เขาก็ได้เห็นตัวเองในมุมมองนักแสดงเหมือนกัน เลิฟ : ปลดล็อกที่พี่มิ้ลค์หมายถึง คือ สร้างความมั่นใจ มิ้ลค์ : ใช่ เหมือนสร้างความมั่นใจให้กับคนที่มีความชอบเหมือนองศา เหมือนซัน เหมือนเอริน และคู่อื่น ๆ คือทุกคนคงเหมือนได้เห็นตัวเองความรู้สึกของ “มิ้ลค์ - เลิฟ” ถึงอีพีสุดท้าย ! มิ้ลค์ : สำหรับอีพีสุดท้ายนะคะ ก็หวังว่าทุกคนจะยิ้มไม่หุบ ซึ่งตัวซีรีส์จะจบแบบมีความสุขไปในทิศทางไหน อาจจะออกมาเหมือนที่ทุกคนหวังไว้ หรือมันอาจจะหักมุมหรือเปล่า ? ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ได้ ต้องติดตามนะคะ ‘23.5 องศาที่โลกเอียง’ ค่ะ เลิฟ : รู้สึกขอบคุณซีรีส์เรื่องนี้ และก็ขอบคุณแฟน ๆ ทุกคน และก็รู้สึกดีใจที่ทุกคนจะได้เห็นจักรวาลของเรื่องนี้ที่มีแต่ความน่ารัก ความดีงาม ความ Positive ที่แบบรวมกันเป็นจักรวาล ‘23.5 องศาที่โลกเอียง’ แล้วรู้สึกว่าเรื่องน่าจะทำให้ใครหลาย ๆ คน ที่ไม่มีความมั่นใจเหมือนองศา ให้มีความมั่นใจมากขึ้น มิ้ลค์ : จริง ๆ เรื่องนี้หนูมองว่า มันเป็นมุมมองความรัก ซึ่งในเรื่องนี้มันไม่มีการแบ่งอะไรเลย มีแต่มุมมองความรักที่แค่เรารู้สึกรักมันก็แค่นั้น เลิฟ : แล้วรักก็คือ เพื่อนด้วย น้องด้วย เป็นความสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบ !เตรียมเครื่องปั๊มหัวใจ ! ไปกรี๊ด กับแฟนมีต “มิ้ลค์ - เลิฟ” เลิฟ : มีแต่อะไรพิเศษ ๆ เซอร์ไพรส์เยอะ น่าจะเซอร์ไพรส์แบบสุด ๆ มิ้ลค์ : เรามีเซอร์ไพรส์ ~~ เลิฟ : แฟน ๆ ต้องเตรียมเครื่องปั๊มหัวใจ 55555+ มิ้ลค์ : เตรียมที่นวดแก้ม นวดกรามไปนะคะ 55555+ เลิฟ : อาจจะเมื่อยเกิน 555+ มิ้ลค์ : ความสุขมันอาจจะล้นเข้ามานะคะในเมื่อซีรีส์มีชื่อว่า ‘23.5 องศาที่โลกเอียง’!!วันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ของเราก็มีเกมให้กับ2 สาวสุดคิ้วท์ “มิ้ลค์ - เลิฟ” มาตัวเอียงกันด้วย กับเกมที่ชื่อว่า “องศาที่ “มิ้ลค์ - เลิฟ” เอียงงงงงง!”เอาใจช่วยสองสาว ทำภารกิจกัน !! สนุกชวนจิ้น พาฟินกันอย่างแน่นอน ! (เข้าไปชมได้ใน YouTube: ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสไม่ให้แฟนคลับโทรเข้ามาพูดคุยกับ 2 สาวสุดน่ารักที่ทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยความหวานชวนให้ใจฟูกับ “มิ้ลค์ - เลิฟ” (เข้าไปชมได้ใน YouTube: ATIME) สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “มิ้ลค์ - เลิฟ” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความสุข ด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มหวาน ๆ ให้กับทางรายการ และก่อนจะจบรายการกันไป ฝากซีรีส์เรื่องล่าสุดกับ “23.5 องศาที่โลกเอียง” สามารถรับชมผ่านช่อง GMM25 และรับชมย้อนหลังแบบ UNCUT ที่แรกทาง Netflix เวลา 21:30 น. และรวมถึงงาน Final EP แฟนมีตในเร็ว ๆ นี้ ! แฟน ๆ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของทั้งคู่ได้ทุกแพลตฟอร์มทั้ง Instagram / TikTok / X : PANLY.V / LOVERRUKK ไปติดตามกันได้เลยสามารถเข้าไปรับชมย้อนหลังกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

“เจฟ - อิงฟ้า” 2 นักแสดงนำจาก “วิมานหนาม” มาเยือน EFM FANDOM LIVE พร้อมรับรางวัลแรกของภาพยนตร์ในสาขา “คู่ทุ่มคู่ถีบแห่งปี”

16 ก.ย. 2024

“เจฟ - อิงฟ้า” 2 นักแสดงนำจาก “วิมานหนาม” มาเยือน EFM FANDOM LIVE พร้อมรับรางวัลแรกของภาพยนตร์ในสาขา “คู่ทุ่มคู่ถีบแห่งปี”

รายการ EFM FANDOM LIVE [ 22 สิงหาคม 2567 ] คืนนี้เปิดสตูต้อนรับ “เจฟ - อิงฟ้า” พร้อมอัพเดทพูดคุยกับ 2 ดีเจ “ดีเจดาว และ ดีเจแนน”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ“EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากแฟน ๆ เสนอและเปิดให้โหวต1. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “วิมานแห่งความเลิศ (The Paradise of Glamorous)” สืบเนื่องมาจากวันแรกที่ทาง GDH ประกาศว่าจะมีโปรเจกต์ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เห็นถึงเคมีของ "เจฟ ซาเตอร์" และ "อิงฟ้า วราหะ" ที่เข้ากันแบบมากสุด ๆ ถ้าเธอเป๊ะ ฉันก็ต้องเป๊ะ ถ้าเธอเริ่ด ฉันเริ่ดกว่า บอกได้เลยว่าเคมีพลังวังชา เคมีพระราชทาน เคมีไม่ได้เกิดจากอะตอมและปฏิสัมพันธ์ระหว่างอะตอมกับอะตอม แต่เกิดจาก เจฟอิงฟ้าค่ะ ไม่ต้องเอาเข้าแล็บวิจัยก็เห็นถึงเคมีของเจฟอิงฟ้า ถ้าวิมานหนามคือการฟาดฟันแย่งสวนทุเรียนระหว่าง "ทองคำ" และ "โหม๋" วิมานแห่งความเลิศก็คงเป็นการฟาดฟันความเลิศของ "เจฟ" และ "อิงฟ้า" บอสกูโนทำถึงมากค่ะ เรื่องนี้ถ้าไม่เป็นสองคนนี้ก็นึกภาพใครไม่ออกแล้ว อินเนอร์ต่าง ๆ คือส่งกันมาก นี่แหละค่ะว่าที่ คู่หู พระเอก - นางเอก ภาพยนตร์ร้อยล้านคนต่อไป จ้างหนึ่งได้ถึงสอง การร้อง การแสดงของทั้งสองบอกเลยว่าจึ้ง ต๊าซ ปั๊ว ปัง ทำถึง ทำเกิน ยอด ดีเลิศ เด็ดขาด อันดับหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์ มหัศจรรย์ ที่สุด สุดยอด เยี่ยม เยี่ยมยอด ยอดเยี่ยม ดีที่สุดเลิศที่สุด ชนะเลิศ เลิศเลอ ดีเด็ด สุดเหวี่ยง วิเศษ ฮีโร่ บริสุทธิ์ ล้ำเลิศ ชั้นเลิศ เลิศล้ำ เด็ดหนึ่งเดียว พิเศษ ยอดไปเลย เยี่ยมไปเลย ที่หนึ่งเลย โดดเด่น ปาฏิหาริย์ เจฟอิงฟ้าไม่ใช่สสารแต่คือเคมีที่จึ้งและทึ่งมาก 2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “ภาพยนตร์ที่สู้ชีวิตแต่ติดแกลมที่สุด” ตัวละครทุกตัวในวิมานหนามต่างมีความไม่เท่าเทียมที่ต่างกัน และเหตุผลในการกระทำที่ต่างกัน ทำให้พวกเขาฟาดฟันกัน และต้องสู้กับหลายๆอย่าง แต่ก็เป็นเรื่องที่ทุกๆตัวละครสวยหล่อกันมากๆ แบบสวยหล่อตะโกนนน เสื้อผ้าเครื่องประดับไม่เป็นสองรองใครในแม่ฮ่องสอน3. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “The Best Movie Star Couple Award” นักแสดงคู่ยอดเยี่ยมจากหนังที่ดีที่สุด บ่งบอกถึงความเข้าขากัน แม้จะเป็นเรื่องแรกที่ได้เล่นคู่กัน แต่เคมีของทั้งคู่ถูกผสมผสานกันจนทำให้หนังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในทั่วประเทศ แสดงถึงความมืออาชีพของทั้งคู่ สลัดภาพนักร้อง นางงามที่สวยสง่าไปจนหมด เพราะทั้งคู่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจผลิตผลงานชิ้นนี้เพื่อแฟนคลับและผู้ชมทุกคน จนเกิดเป็นรางวัล The Best Movie Star Couple Award4. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “พากเพียร เพราะหนามทุเรียนมันคม”​ถ้าไม่ขยัน ไม่สู้ ไม่แข่งขัน ก็วิ่งหนีทุเรียนไม่ทันนะ ด่ามา ด่ากลับ แสดงมา แสดงกลับ เชือดเฉือนกันสุดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งการไม่ถูกทุเรียนฟาดหัว เลยต้องแย่งชิงครอบครองสวนทุเรียนซะเลย 55555+5. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “คู่ทุ่มคู่ถีบแห่งปี”​มาจากซีนที่ทองคำทุ่มทุเรียนใส่โหม๋ โหม๋ถีบทุเรียนใส่ทองคำ พี่เจฟกับน้องอิงฟ้าน่าจะได้แผลจากซีนนี้ค่อนข้างเยอะ น้องอิงฟ้าน่าจะเป็นแผลที่เล็บนิ้วเท้า ส่วนพี่เจฟก็เข้าถึงบทบาทจนฟุบ หมอรออยู่แต่คนเจ็บไม่รีบ หมอกำผ้าก๊อซรอต่อไป แบบนี้ไม่ได้เรียกแค่ว่าทุ่มถึง ถีบถึง แบบนี้เรียกทำเกินนนนคุณน้า เล่นไม่ห่วงอะไรเลย จัดหนักจัดใหญ่ คุ้มตาคนดูมาก ปล. แต่ทองคำไม่ผิดค่ะถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย! เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ เรามาพูดคุยกับ “เจฟ - อิงฟ้า” กันรางวัล “คู่ทุ่มคู่ถีบแห่งปี”ฟีดแบ็ควิมานหนามที่ได้ยินมาอิงฟ้า : ดีเลยค่ะ จริง ๆ ดีตั้งแต่รอบกาล่าเลยค่ะ พี่ ๆ สื่อหรือหลาย ๆ คนที่ได้ดูทึ่งกับการแสดงของพวกเรา และคาดเดาไม่ได้ ตอนแรกมันดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่พอได้ดูจริง ๆพล็อต มันไม่ได้เป็นไปตามที่ทุกคนคิดไว้ และการดำเนินเรื่องจะพีคขึ้นเรื่อย ๆ และที่สำคัญเรื่องนี้ได้เห็นผลงานการแสดงของพวกเรา แม้ว่าจะเป็นเรื่องแรก แต่เราก็ตั้งใจกันมาก ๆแผลที่ได้จากการเล่นวิมานหนามเจฟ : ตรงนิ้วเป็นก้อนอยู่ เหมือนเป็นเส้น แล้วเวลาผมเล่นกีตาร์มันก็จะมีปัญหาอยู่ตลอด เดี๋ยวค่อยไปผ่าเอา เพราะมันเหมือนเป็นพังผืดไปแล้ว แล้วก็จะเป็นแผลตามนิ้ว ซึ่งมันเกิดจากบางซีนที่เราใช้สิ่งของที่ไม่สามารถสปอยได้ แล้วก็ตัวเราที่ไม่ระวังเองอิงฟ้า : มีค่ะ แต่ว่าตอนที่เกิดอุบัติเหตุที่เราไม่ได้ตั้งใจ มันไม่รู้ตัวมันชา จนเค้าไปกันครบแล้วเราก็พึ่งจะรู้ เพราะเค้าบอกว่าเราเล็บฉีก เพราะมันมีฉากในเทรเลอร์ที่ถีบตะกร้าที่มีทั้งทุเรียนจริงและม็อคอัพ ด้วยความที่เราถ่ายหลายเทคเลยอาจจะมีบ้างจังหวะหลุดขำระหว่างการแสดงอิงฟ้า : จะขำฉากอื่นเจฟ : ขำฉากที่จริง ๆ คุยกันอิงฟ้า : ในเทรเลอร์มีที่ขำฉากที่เค้าไหว้เรา แล้วเราเอาเท้าขึ้นเจฟ : คือผมกับอิงฟ้าคือเราขำอะไรกันงี้อยู่แล้วเป็นปกติ แล้ววันนั้นแม่ขำด้วย แม่ต้องไหว้ แต่แม่ดันไหว้เร็วกว่าจังหวะนิดนึงเพราะแม่จะขำ แล้วแม่ก็ตีอิงฟ้าผมเลยจะหลุดขำ มันตลกมากอิงฟ้า : จริง ๆ เรื่องนี้แปลกอยู่อย่างหนึ่งก็คือว่า เราเล่นก็เล่นเวลาจริงจังก็น่ากลัวเหมือนกันค่ะ เวลาถึงบทที่อารมณ์มันจะต้องได้ก็ไต่ไปสุดในจุดที่เราทั้งคู่ไม่คิดว่าจะทำได้ในตอนนั้นเจฟ : อย่างตัวผมก็จะขอแยกตัวไปก่อน แต่อย่างอิงฟ้าเค้าสามารถตัดแล้วเข้าได้เลยแต่ของผมต้องการเวลาอิงฟ้า : แต่บางฉากก็อยากจะไปบิ้วกับบรรยากาศรอบข้างก่อนความลำบากของสถานที่อิงฟ้า : ตรงนั้นมันแปลกมกลางวันก็คือร้อนสุด กลางคืนก็คือหนาวเจฟ : แล้วบางทีเป็นฉากฝนตก ซีนนั้นทรมานมาก พอฝนมันตกก็หนาว ทีมงานก็สู้ไปกับเราด้วยอิงฟ้า โดยสวยทุเรียนจริง ๆ จะเป็นที่ตราด แต่ที่แม่ฮ่องสอนจะเป็นบ้านของโหม๋สิ่งที่ยากสำหรับการเป็นอีกหนึ่งตัวละครเจฟ : ผมว่ายากทุกอย่างเลยเพราะมันเป็นตัวละครที่ไกลผมมาก ถ้าให้เลือกซักอย่างคือการที่เป็นคนสวนมาเป็นเวลานาน ผมจะมีปัญหาในการพูดบทที่ต้องใช้ความชำนาญในการทำ มันจะเป็นการพูดบทโดยที่ไม่มีอะไรข้างใน สุดท้ายต่อให้มันเป็นอะไรที่เล็กน้อยที่สุดในการที่เราทำการบ้านมา มันจะออกมาเองโดยที่เราไม่รู้ตัว เราต้องทำการบ้านยังไงก็ได้ให้เราเข้าซีนโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรอิงฟ้า : จริง ๆ ก็ตอนเวิร์คคชอปเราต้องดูแลผู้ป่วยรถเข็ญ เราจะทำยังไงให้เหมือนเราเขียนเข็ญเค้ามาแล้ว 20 ปี เพื่อให้รู้สึกทะมัดทะแมง และที่ยากที่สุดน่าจะเป็นภาษาค่ะ คือในเรื่องก็จะมีเรื่องของภาษาไทยใหญ่ ว่าเราจะพูดยังไงให้บทสนทนาดูไม่ติดขัดซึ่งค่อนข้างยากเหมือนกัน เพราะว่าผิดนิดนึงก็คือความหมายจะเปลี่ยนเลย โดยจะมีพี่ ๆ ไทยใหญ่ที่เป็นเจ้าของภาษาเข้ามาช่วยทุกครั้งในการถ่ายทำความละเอียดของผู้กำกับอย่าง “บอส กูโน”เจฟ : จริงสุด ๆ เลยครับ บางทีกล้องฝั่งนี้ทำไมไม่สื่อเราขยับไปอีกฝั่งดีกว่า เพราะตาข้างขวาสื่อน้อยกว่าข้างซ้าย แบบของจริงเลย เราแบบเห้ยรู้ได้ไงอิงฟ้า : แต่ข้อดีก็คือ ไม่ว่าเราจะถ่ายฉากไหนก็แล้วแต่ แต่พี่บอสจะไม่เร่ง คือจะรอเราพร้อมจริง ๆ หรือว่าเราอยากได้อะไรก็สามารถบอกเค้าได้เลย มันเลยทำให้บรรยากาศไม่ได้เป็นความกดดันหรือความเครียดอะไรเลยเทคนิคของการแสดงอิงฟ้า : โชคดีที่ตอนเวิร์กช็อปเราอัดแน่นเลย อัด Background stories ไว้เยอะเลย เหมือนมันพร้อมพรั่งพรูที่จะถ่ายเลย เหมือนเค้าก็จะให้เราทำความรู้จักกับโหม๋ตั้งแต่ยังเด็กเลยว่าเป็นยังไงเจฟ : อย่างผมเองจะใช้วิธีแบบคิดเรื่องอื่น แต่ปัญหาคือชีวิตผมไม่สามารถจินตนาการว่าสิ่งนี้มันเกิดขึ้น ก็เลยลองเขียนไดอารี่ความเศร้าในชีวิตเค้าที่เกิดขึ้น กลายเป็นว่าเราฟิลเว้ย เราเลยจับจุดได้ว่าเราต้องอินกับสิ่งนี้มากกว่าประสบการณ์ส่วนตัว เพราะว่าสิ่งนั้นมันไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่สิ่งนี้มันเกิดขึ้นจริงกับตัวละคร ทุกไอเท็มรอบข้างมันทำให้ผมไปอยู่จุดนั้นได้หมดเลย และอ่านไดอารีให้มันไปถึงจุดนั้นวันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมสำหรับ “เจฟ - อิงฟ้า” เล่นกันด้วยชื่อเกมว่า “วิมานนี้ วิมานไหน” แล้วมาดูกันว่าทั้งคู่จะได้วิมานไหนบ้าง (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับได้เข้ามาพูดคุยกับ “เจฟ - อิงฟ้า” (เข้าไปชมได้ใน Youtube : ATIME)สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “เจฟ - อิงฟ้า” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความน่ารัก ความสุขให้กับรายการ และก่อนจะจบรายการกันไป ฝากภาพยนตร์ “วิมานหนาม (The Paradise Of Thorns)” ภาพยนตร์เรื่องแรกของทั้งคู่ ดูได้แล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนต์! อย่าลืมไปติดตามรับชมกันนะค้าสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

เปิดตัว ‘นุนิว’ ลูกชายแห่งชาติ...ในฐานะศิลปิน ที่จะเป็น “หมอนอิง” ให้กับทุกคนที่ต้องการ

10 ส.ค. 2023

เปิดตัว ‘นุนิว’ ลูกชายแห่งชาติ...ในฐานะศิลปิน ที่จะเป็น “หมอนอิง” ให้กับทุกคนที่ต้องการ

เป็นอีกหนึ่งคืนของ EFM Fandom Live (10 สิงหาคม 2566) ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และความนุ้บนิ้บน่ารัก ใจฟูตาม ๆกันไปกับ “นุนิว ชวรินทร์” ที่จะมาทำให้ ‘ดีเจดาว - ดีเจแนน’ และแฟน ๆ เคลิ้มตามไปกับน้ำเสียงสุดละมุนชวนฝัน ที่ทางเรารับรองเลยว่าหลังจบรายกายทุกคนนอนหลับฝันดีกันแน่นอน ช่วงแรกของรายการ ได้เปิดโอกาสให้ตัวแทนแฟนคลับมาร่วมพูดคุย ทำความรู้จักกับ ‘นานานุ’ และความประทับใจในตัวเจ้าน้องนุ้บนิ้บ ‘นุนิว’ กันด้วยนานานุเกิดจากความใส่ใจและแคร์แฟนคลับมาก ๆ เริ่มต้นจากนุนิวชอบเรียกแฟนคลับว่า หม่ามี๊ เจ่เจ๊ แล้วด้วยความที่นุนิวแคร์แฟนคลับมาก ๆกลัวจะเรียกแฟนคลับได้ไม่ครบ เลยไปเพิ่มเป็น ‘หม่ามี๊เจ่เจ๊อาอี๊อาหมวยอาม่าปะป๊าเป่าเป้ย’ คือรวมญาติทั้งหมด ด้วยความเอ็นดูน้องกลัวจะเรียกแฟนคลับไม่ครบ สุดท้ายน้องก็เลยประกาศชื่อด้อมตัวเองเป็น ‘นานานุ’ ที่แยกความหมายได้ว่า นานา คือญาติทั้งหมด นุ คือ นุนิวตัวน้องเองจากวันแรกจนถึงวันนี้ ระยะเวลาการทำงานทั้งหมดประมาณ 2 ปีของน้อง ทำให้เห็นว่าน้องเก่งขึ้นมากๆ พัฒนาตัวเองมากๆ แล้วน้องมีของอยู่ในตัวอยู่แล้วด้วย ยิ่งเห็นว่าน้องดึงประสิทธิภาพและความสามารถของตัวเองขึ้นมาเรื่อย ๆเลยน้ำตาไหลกับผลงาน ‘หมอนอิง’ เห็นผลงานครั้งแรกนานานุถึงขั้นน้ำตาไหลกันเลย เพราะหมอนอิง เป็นซิงเกิลแรกที่เป็นของน้องเอง ส่วนใหญ่เพลงที่เคยได้ยินจะเป็นเพลงประกอบละคร ซีรีส์ แล้วพอมีหมอนอิงเป็นของตัวเอง ทำให้รู้สึกว่าน้องสำเร็จไปอีกขั้นแล้ว น้องได้เป็นศิลปินเต็มตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่น้องอยากเป็น นานานุเองก็ประทับใจฝากความห่วงใยไปให้น้อง ‘นุนิว’ ฝากบอกนุนิวว่า “นานานุทุกคนภูมิใจในตัวนุนิวมาก ๆ เพราะว่านุนิวเก่งมาก ๆ จากเด็กขี้อายคนนึง สามารถก้าวกระโดดในช่วงเวลาที่ค่อนข้างสั้น และเชื่อว่าใครหลายคนได้เห็นแล้วว่าน้องพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น เก่งขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วก็ชอบที่นุนิวเป็นตัวของตัวเองแบบทุกวันนี้เลย สุดท้ายอยากบอกนุนิวว่า อยากทำอะไรก็ขอให้ได้ทำ นุนิวเก่งมากได้เป็นศิลปินแล้วนะ ภูมิใจในตัวเองเยอะๆนะ ดีใจกับนุนิวในทุกวันนี้ พวกเราจะคอยสนับสนุนนุนิวตลอดไป” ช่วงที่สองของรายการที่ทุกคนรอคอยมาถึงแล้วววว ขอต้อนรับ ‘นุนิว’ ลูกชายแห่งชาติ กับการกลับมาร่วมพูดคุยใน EFM Fandom Live อีกครั้ง ถึงแม้ครั้งนี้ไม่ได้มาพร้อมเฮียซี แต่มาพร้อมกับ “หมอนอิง” แทน จะเป็นยังไงไปต่อกันเลย....นุนิว กับการผูกขาดในเทรนด์อันดับหนึ่ง ดีเจดาวถึงกับต้องแซวว่านุนิว คือผูกขาดกับเทรนด์ X เป็นที่เรียบร้อย เพราะไม่ว่าจะงานไหนที่มีน้อง เทรนด์ X จะต้องขึ้นอันดับหนึ่งตลอด นุนิวยังยกความดีความชอบให้กับแฟนคลับ “แฟน ๆ เล่นให้ตลอดเลย นุนิวเองก็ตามดูอยู่ตลอดทุกงาน”พูดถึง Fanmeeting เพื่อแฟนคลับ นุนิวพูดถึงเหตุผลที่จัดงานแฟนมีตติ้งขึ้น ทางเราได้ฟังแล้วยิ่งสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่น้องมีให้ทุกคนจริง ๆ “เรียกได้ว่าเป็นแฟนมีตที่จัดมาเพื่อพูดคุยกับแฟน ๆที่อยู่กับเรามา แต่บางคนไม่ได้มีโอกาสมาหาเราบ่อย ๆอย่างบางคนอยู่ต่างจังหวัดไม่สะดวกมา ก็เปิดให้ลงทะเบียนฟรีเลย จะได้มาเจอมาพูดคุยกัน”การกลับมา EFM Fandom Live อีกครั้งในฐานะศิลปินเดี่ยว นุนิวได้ยินคำว่า ‘ศิลปินเดี่ยว’ ปุ๊บแสดงอาการเขินยิ้มตามแบบว่าตาปิด เสียงนุ้บนิ้บเลย “เพิ่งมีซิงเกิลเดียวเอง ยังเป็นศิลปินหน้าใหม่อยู่เลย จริง ๆก็ยังไม่ชินกับคำว่าศิลปินเท่าไหร่ เอาเป็นศิลปินหน้าใหม่แล้วกัน แต่ว่าไม่ใช่ศิลปินที่ทำหน้ามาใหม่นะ จริง ๆก็ดีใจที่เรามีซิงเกิลเป็นของตัวเองแล้ว ถึงวันนี้มาคนเดียวก็เหงานิดนึง แต่ว่าช่วงนี้เฮียก็ถ่ายซีรีส์เยอะ เจอกันน้อยลง แต่ก็คุยกันตลอด” ฟังจบทางเราก็ เอ๊ะ! คุยกันตลอด ขออนุญาตแซวในความน่ารักกกกความรู้สึกของ ‘นุนิว’ เมื่อทุกคนตั้งฉายาให้ว่าลูกชายแห่งชาติ นุนิวเคยได้ยินแฟนคลับบอกว่า ในสายตามัมมี มองนุนิวเป็นลูกชาย “ตัวแค่เนี้ย (ทำท่าน้อยนิด น่าเอ็นดูสุดๆ) วัยฉองขวบ” และทางเราก็มองนุนิวเป็นน้องฉองขวบเหมือนกัน เพราะน้องน่ารัก นุ้บนิ้บมากจริง ๆอยากทะนุถนอม เฝ้าดูทุกการเติบโตเลยนุนิววัยฉองขวบ กับการเติบโตในวงการ ได้รับบทบาทนักแสดงซีรีส์มาแล้ว ศิลปินก็เป็นแล้ว แต่ตัวนุนิวเองยังอยากรับบทบาทอื่น ๆในซีรีส์ที่ยังไม่เคยรับ แล้วก็อยากจะมีซิงเกิลเพลงอีกหลาย ๆเพลงเลย ถ้าอะไรใหม่ก็อยากเล่นดนตรีด้วยร้องเพลงไปด้วย เคยเล่นเปียโน แต่ตอนนี้เล่นอะไรไม่เป็นเลยก่อนจะสำเร็จ ก็เคยผ่านความผิดหวังมาก่อน “ส่วนใหญ่จะผ่านมาได้จากตัวเองครึ่งนึง และอีกครึ่งนึงก็จะมาจากคนรอบตัว แต่ปกติตัวนุนิวเองจะเป็นคนไม่ค่อยระบายความรู้สึกให้คนอื่นฟังเท่าไหร่ จะออกแนวถ้ามันหนักมาก ๆเราก็จะร้องไห้ออกมาแล้วมันจะดีขึ้นเอง ถ้าเราผ่านด้วยตัวเองไม่ได้จริง ๆถึงจะขอยืมมือคนรอบตัว ไปขอกำลังใจจากเขา หรือได้ระบายนิดหน่อยก็ช่วยได้มากแล้ว”เป็นกำลังใจให้กับ Bad day ของทุกคน “คิดว่าแต่ละคนไม่อยากให้มี Bad day ในแต่ละวัน แต่ถ้าต้องเจอจริง ๆ นุนิวขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน อยากจะให้ทุกคนฮึบสู้กับมัน ถ้าเหนื่อยมาก ๆท้อมาก ๆลองร้องไห้ดู ไม่ต้องคิดว่าการร้องไห้คือความอ่อนแอ เพราะการร้องไห้เป็นสิ่งที่ธรรมชาติมากของมนุษย์”“หมอนอิง” ที่พักพิงให้เธอ Concept ของหมอนอิงมาจากคำว่า “เป็นให้ได้ทุกอย่าง” นุนิวแอบบอกว่าเพลงนี้เขียนขึ้นมาเพื่อให้คนรอบตัว แฟนคลับ เพราะว่าเพลงนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการให้ความรักที่บริสุทธิ์ เนื้อหาก็จะประมาณการที่เรารักใครสักคนหนึ่ง แต่ทำได้แค่มองเขาอยู่ไกล ๆ แต่เราก็จะรักเขาอยู่ตรงนี้เนี่ยแหละ ถึงแม้ว่าเขาจะรักหรือไม่รักเราก็ไม่เป็นไร“หมอนอิง” ลุคใหม่ที่ต้องไปตามชมใน Music Video นุนิวชอบทั้ง 8 ลุคใน MV เลยแต่ถ้าให้เลือกที่ชอบจริง ๆ ก็จะเป็นลุคผมเทา เพราะเป็นลุคที่ไม่ได้ทำแบบนี้บ่อย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ทำสีผมเลย ไม่เคยเห็นตัวเองในเวอร์ชั่นนี้มาก่อนอัลบั้มใหม่ในอนาคตที่อยากให้เกิดขึ้น นุนิวพาวาดฝันว่าอยากมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง ที่มีความหลากหลายแนวมากขึ้น เป็นไปได้ที่สักวันจะมีเพลงเร็ว มีท่าเต้น ถ้ามีโอกาสก็อยากลองแร็ปด้วยเปรียบนานานุเป็นหนึ่งเมนูอาหาร “ให้กินนานานุเลยหรอ” เอาเป็นอาหารที่เรารักดีกว่า เปรียบเป็นขนม เพราะนุนิวเองชอบขนมทุกอย่างบนโลกใบนี้ ถึงแม้ช่วงนี้จะลดพราะน้ำหนักขึ้น ให้นานานุเป็นขนมอะไรก็ได้เลย ในเมื่อ ‘นุนิว’ เพิ่งจะปล่อยผลงานใหม่ออกมากับซิงเกิล “หมอนอิง” พร้อมกับพกน้ำเสียงอันนุ่มนวล ละมุนชวนฝันมาถึงรายการเราทั้งที ทางเราเลยจัดเตรียมเกมไว้ให้ ‘นุนิว’ เล่นสนุกๆกันด้วย กับเกมที่มีชื่อว่า “หมอนซ่อนเพลง…” (เข้าไปชมต่อใน Youtube : ATIME) แอบกระซิบว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่ทำให้ทางเรารู้สึกหูเคลือบทองกันเลยทีเดียว มาถึงช่วงสุดท้ายของรายการแล้วทางเราก็ได้เปิดโอกาสให้แฟนคลับได้พูดถึงความประทับใจที่มีให้ ‘นุนิว’ กันด้วยพลังบวกจากตัวแทน นานานุ To… นุนิว “พี่นิวเป็นความสดใส เวลาทำงานหรือเรียนมาเหนื่อย ๆแค่เห็นพี่นิวยิ้ม ฟังเพลงที่พี่นิวร้อง ก็ฮีลใจได้หลายวันเลย แล้วจะคอยเติบโตไปด้วยกัน จะคอยซัพพอร์ตไปตลอดนาน ๆเลย ” “เป็นกำลังใจให้อยู่ตรงนี้น้า จะคอยซัพพอร์ตนุนิวไปตลอดเลย ดีใจด้วยกับซิงเกิลแรกของหนู ได้ทำสิ่งที่ฝัน สิ่งที่อยากทำ จะอยู่เป็นกำลังใจตรงนี้ จับมือกับนานานุทุกคนเดินกันไปข้างหน้า อยากบอกว่ารักน้องนิวมาก ๆเลยนะ” “ขอให้นูนู่เป็นเด็กน่ารักแบบนี้ตลอดไปเลยน้า แล้วก็อยากให้มั่นใจในตัวเองแล้วก็ภูมิใจในตัวเองเยอะ ๆเลยนะ หม่ามี๊ทุกคนภูมิใจในตัวนูนู่อยู่แล้ว อย่ากดดันตัวเองเยอะเกินไปนะ ถ้าเหนื่อยก็พัก อย่าเล่นเกมดึกด้วยอยากให้มีเวลากับตัวเองมากๆเยอะๆเลย” สุดท้ายนี้ EFM Fandom Live ขอขอบคุณ ‘นุนิว’ มากเลยที่ได้มาร่วมพูดคุย สร้างความสุข รอยยิ้ม แบ่งปันเสียงสุดแสนจะนุ่มนวลให้กับทางรายการของเรา ทางเราก็ขอฝากซิงเกิลเดี่ยวครั้งแรกของน้องด้วยน้า สามารถเขาไปรับชม MV และฟังเพลง “หมอนอิง” ได้ทางทุกแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเลย ก่อนจบรายการมีความลับมาทิ้งทายให้ด้วยว่าเร็ว ๆนี้ ‘นุนิว’ จะมี Fanmeeting เป็นคอนเสิร์ตคู่ครั้งแรกกับเฮียซีด้วยน้า รายละเอียดจะเป็นยังไงเตรียมตัวให้พร้อมเลยยยยยสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

album

0
0.8
1