“ซันนี่ เกวลิน” ศิลปินลูกครึ่งไทย-จีน กับการกลับมาไทยในรอบ 3 ปี พร้อมเจาะลึก ‘ตัวตนไหนที่ใช่เธอ?’

EFM FANDOM RECAP

“ซันนี่ เกวลิน” ศิลปินลูกครึ่งไทย-จีน กับการกลับมาไทยในรอบ 3 ปี พร้อมเจาะลึก ‘ตัวตนไหนที่ใช่เธอ?’

17 มี.ค. 2023

         ในวันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา รายการ EFM Fandom live ได้แขกรับเชิญสุดพิเศษที่อิมพอร์ตมาจากเมืองจีน! เป็นการกลับไทยในรอบ 3 ปีของ “ซันนี่ เกวลิน บุญศรัทธา” นักร้องชาวไทยเชื้อสายจีน มาพูดคุยกันในรายการ โดยเธอเป็นอดีตสมาชิกของเกิร์ลกรุ๊ปจีนที่ชื่อว่า “ร็อกเก็ตเกิร์ลส์ 101” หลังจากจบอันดับที่ 8 ของรอบชิงชนะเลิศในรายการ “พรอดิวซ์ 101” ต่อมาเธอได้มีเพลงเดี่ยวเพลงแรกของเธอที่ชื่อว่า "Don't Cry" อีกด้วย

     และไม่เพียงเท่านั้นที่ไทยเองก็ยังมีแฟนคลับตัวตึงที่ตั้งหน้าตั้งตารอการกลับมาของซันนี่อยู่เสมอ จะเป็นใครไปไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่ “คุณฝ้าย” แอดมินจากเพจเฟสบุ๊ค “Sunnee fc thailand” 

         โดยคุณฝ้ายเล่าว่าชื่อด้อมของซันนี่นั้นชื่อว่า “太阳星 ไท่ หยาง ซิง” หรือ Sun Star (ไท่หยาง แปลว่า พระอาทิตย์ ซิง แปลว่า ดาว) มันเกิดจากการที่เวลาซันนี่แนะนำตัว เธอมักจะแนะนำตัวว่า ”สวัสดีค่ะฉันชื่อซันนี่เป็นพระอาทิตย์ดวงโตของทุกคน”

      ภายในด้อมแฟนคลับก็เลยโหวตกันว่า อยากให้มีชื่อด้อมคล้องกับที่ซันนี่แนะนำตัว และยังพูดคุยถึงฉายาประจำตัวของซันนี่ อย่าง บอสหยาง, น้องฉิง , น้องนี มาเริ่มกันที่ “บอสหยาง” เกิดจากการที่พี่ๆ ทีมงานชอบเรียกน้องว่าบอสหยาง จนสุดท้ายน้องก็เลยนำมาตั้งเป็นชื่อสตูดิโอที่ทำงานที่จีน

        ต่อมาคือน้องฉิง หรือ “ฉิง เอ๋อ เม่เม๋” ฉิงมาจากชื่อจีน แปลว่า มีแดดออก สดใส เอ๋อ เป็นภาษาจีนที่เติมเข้าไปเพื่อให้คำมันดูน่ารัก เม่เม๋ แปลว่า น้องสาว ส่วน ”น้องนี” คือมาจากชื่อเล่นจริงๆ ของน้อง และบริษัทเห็นว่าน้องบุคลิกสดใส เลยตั้งสเตจเนมว่า Sunny แต่เปลี่ยนข้างหลังเป็น nee แทน

        และแฟนคลับของน้องไม่ได้มีแค่ที่จีนเท่านั้น มีทั้งประเทศไทย, สิงคโปร์, ฮ่องกง, มาเลเซีย เป็นประเทศที่ใช้ภาษาจีนเป็นหลัก รวมไปถึง ตอนที่มีคอนเสิร์ตที่จีนก็มีแฟนคลับจากประเทศญี่ปุ่นด้วย แฟนคลับเยอะขนาดนี้ แน่นอนว่าผลงานของน้องก็เยอะมากๆ เช่นกัน ซึ่งน้องมีผลงานที่โดดเด่นที่สุดเลยคืออัลบั้มแรกที่วางขายในจีน เป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ชื่ออัลบั้มว่า "How's The Weather Today?" (ฮาวส์ เดอะ เวทเธอร์ ทูเดย์) ซึ่งชื่ออัลบั้มนี้มาจากแฟนเพจใน Facebook ที่ตามถ่ายรูปให้ซันนี่ ตั้งแต่สมัยที่น้องอยู่ไต้หวัน-ไทเป ซึ่งอัลบั้มนี้ขายดีมากกว่า 11,000,000 หยวน (ประมาณ 55 ล้านบาท) ซึ่งก่อนหน้านั้นมีระยะเวลาที่พรีเซลล์ซึ่งขายได้ 10,000,000 ก่อนเปิดขายจริง โดยยอดเป็นอันดับที่ 72 ของอัลบั้มที่ขายดีตลอดกาลในจีน และมีผู้ติดตามน้องใน ”เหว่ยป๋อ” 22.1 ล้านคน

     และสาเหตุที่น้องมีแฟนคลับมากมายที่คอยสนับสนุนขนาดนี่คงจะหนีไม่พ้นอุปนิสัยของน้องเวลาสื่อสารหรือเจอแฟนคลับ น้องจะชอบเป็นคนที่ขี้แกล้งขี้หยอก เสมอ โดยคุณฝ้ายได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่น้องไปออกรายการจีนชื่อรายการว่า “Roast” (แปลว่า เผา) ซึ่งเป็นรายการแรกๆ เลยหลังจากที่เดบิวต์เป็นวงร็อกเก็ตเกิลส์ ไปกับเพื่อนสมาชิกอีกคนหนึ่งในวง และ concept ของรายการคือให้ดาราศิลปินมาเผากัน แหย่เล่นกันเอง ซึ่งน้องเองก็โดนแซวว่า เนี่ยอ่านภาษาจีนยังอ่านไม่ออกเลยนะ ซันนี่ก็เลยแซวกลับไปว่าฉันเป็นคนไทยนะ เธอก็ยังอ่านภาษาไทยไม่ออกเลยใช่มั้ยล่ะ โดยยกประโยคที่ว่า “ยายกินลำไยน้ำลายยายไหลย้อย” ให้เพื่อนฟัง พร้อมกับตบท้ายด้วยประโยคท้าทายว่า “คุณเข้าใจไหมล่ะ” อือหือแสบใช่ย่อยเลยล่ะ 

       และเมื่อน้องได้เข้าวงการตั้งแต่อยู่ที่ไต้หวันจนถึงปัจจุบันรวม 10 กว่าปี ตั้งแต่อายุ 15-16 พอน้องกลับมาที่ไทยแฟนคลับก็ไปรอรับที่สนามบิน ซึ่งในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา คุณฝ้ายเองก็มีการ โปรโมทหนักมากทั้งช่องทางโซเชียลมีเดีย จนน้องมีแฟนคลับเพิ่มมากขึ้น ทำให้แฟนคลับที่ไปรับที่สนามบินตอนนี้มีประมาณ 100 กว่าคนจากวันแรกที่เดบิวต์ rockets girls มีแค่ 30-40 คนเท่านั้น

ซึ่งแน่นอนว่ามีคลิปคลิปหนึ่งที่เป็นไวรัลที่สามารถตกแฟนคลับเข้าด้อมเพิ่มได้ นั่นก็คือคลิปที่น้องร้องเพลง”โต๊ะริม ของนน ธนนท์” โดยที่ไทยชาวโซเชียลก็ได้แสดงความคิดเห็นว่า ”ทำไมคนจีนคนนี้ร้องเพลงไทยเพราะจัง” และคนจีนเองก็งงว่า “คนนี้เป็นคนไทยหรอ? ทำไมร้องเพลงไทยชัดจัง” 

        และมีเรื่องน่ารักอย่างแรกของน้องเลยก็คือแฟนคลับมักจะแซวน้องในแพลตฟอร์ม TikTok ว่า “นี่แอคจริงหรือ แอคหลุม” เพราะ TikTok ของน้องเพิ่งเปิดใช้ได้ไม่นาน น้องเองก็ไม่ค่อยได้ลงรูปหรืออัพเดตอะไร ซึ่งคนติดตามใน TikTok ประมาณ 8,000 คน แต่คนติดตามในเพจเฟสบุ๊คแฟนคลับประมาณ 160,000 คน เลยถูกแซวตามประโยคข้างต้น ซึ่งสามารถไปติดตาม TikTok ของน้อง @sunnee_kewalin ให้กลายเป็นแอคจริงได้สักที

         เรื่องน่ารักต่อมาคือ แรงผลักดันที่ทำให้น้องมีความตั้งใจที่จะโด่งดังให้ได้ ส่วนหนึ่งมาจากป้าข้างบ้านเพราะสมัยที่น้องเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ชอบทักว่าทำไมถึงไม่เรียนให้จบ  น้องเองก็ไม่อยากหน้าแตกจึงเกิดเป็นพลังไฟในครั้งนั้นที่นำพาน้องจนประสบความสำเร็จ

        เรื่องน่ารักอย่างสุดท้ายคือน้องเคยมาร์คหน้าไปซื้อกาแฟ จนล่าสุดมีพนักงานที่ร้านมาคอมเม้นต์ใน TikTok ของแฟนคลับว่า “จำน้องได้ว่าน้องมาร์คหน้ามาซื้อของตลอด” ไม่เพียงแต่มาส์กหน้าออกไปซื้อของเท่านั้น เวลาน้องออกไปเที่ยว น้องก็แทบจะไม่แต่งหน้าเลย จนถึงขนาดที่ว่าแฟนคลับคิดว่าน้องไม่มีเครื่องสำอางติดที่บ้านเลย นอกจากนี้น้องยังเคยให้สัมภาษณ์ด้วยว่า “ถ้าเราพึ่งการแต่งหน้าไปแล้วครั้งหนึ่ง ละพึ่งมันไปเรื่อยๆ มันอาจจะทำให้วันนึงเราจะไม่มีความสุขกับหน้าตัวเอง” 

          และขอย้อนกลับไปถึงเรื่องกาแฟที่น้องชอบซื้อดื่มประจำนั่นก็คือ “ไอซ์ อเมริกาโน่” มักจะถือติดมือตลอด ในส่วนของอาหาร น้องก็จะไม่ค่อยกินอาหารที่ยากๆ (ทั้งยากต่อการทำและยากต่อการกิน) จะกินของง่ายง่ายเช่น ผัดกะเพรา ข้าวเหนียวหมูปิ้ง บะหมี่หมูแดง 

      และนอกจากเรื่องอาหารเครื่องดื่มที่น้องชอบแล้วแล้ว ในตอนนี้ซันนี่เองก็กำลังให้ความสนใจกับการเที่ยวชมคอนเสิร์ตที่เมืองไทย เพราะต้องการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ว่าคอนเสิร์ตในไทยเป็นอย่างไร ศิลปินท่านอื่นๆ ในไทยมีวิธีการดึงความสนใจผู้ชมแบบไหน โดยซันนี่เองก็มี “พี่เบิร์ด ธงไชย” เป็นไอดอล รวมไปถึงศิลปินชายอีกคนที่เขาชอบมากๆ เลยก็คือ “ต่อ ธนภพ” และอยากร่วมงานกับศิลปินของเมืองไทยคนอื่นๆอีกด้วย เช่น โบกี้ ไลอ้อน, พีพี กฤษฏ์ และแฟนคลับเองก็อยากเห็นน้องได้ร่วมงานกับศิลปินเหล่านี้เช่นกัน เพราะอยากให้น้องมีความสุข

         ซึ่งก่อนหน้านี้ซันนี่เองก็ได้ร่วมงานกับศิลปินไทยไปแล้วกับเกิร์ลกรุ๊ปสัญชาติไทยอย่างวง “VYRA(ไวร่า) เพลงต๊ะต่อนยอน” นั่นเอง โดยเป้าหมายต่อไปที่น้องสนใจอยากจะทำคงหนีไม่พ้นการได้มีส่วนร่วมในการทำเพลงมากขึ้น อยากจะลองร้องเพลงสไตล์ใหม่ๆ หรือมีเวทีที่น้องจะได้ร้องเพลงต่อหน้าคนหลายๆ คนที่ตั้งใจมาฟังน้องร้องเพลง

         และสุดท้ายนี้คุณฝ้ายที่เป็นตัวแทนของแฟนคลับหลายๆ คนก็อยากจะฝากถึงแฟนคลับคนอื่นๆ ว่า “ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ทุกๆ คนเป็นคนสำคัญที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้ และฝ้ายเองก็คิดว่าคนในด้อมก็มีนิสัยเหมือนกันนั่นก็คือชอบของยาก ชอบความท้าทาย เลยทำให้เราหากันเจอ

และอยากฝากถึงซันนี่ว่า “อยากให้น้องมีความมั่นใจเยอะๆ เพราะน้องมีเสน่ห์ในตัวและมีความน่ารักในตัวที่รอให้คนมาเห็น ขอให้น้องเป็นตัวของตัวเอง น่ารักกับทุกคนแบบนี้ไปนานๆ  ขอให้ประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่ตั้งใจ ในเรื่องของหน้าที่การงานก็ขอให้มีผู้ใหญ่เอ็นดูน้องเยอะๆ ค่ะ” คุณฝ้ายกล่าว 

และก็มาถึงช่วงที่เราจะได้เจาะลึกถึงตัวตนของซันนี่กันแล้ว จากที่คุณฝ้ายเล่าว่าน้องมีหลายคาแรกเตอร์ ซึ่งคาแรกเตอร์แรกคือ”คาแรกเตอร์ซันนี่” จะเป็นลุคที่มีความเป็นบอส เซ็กซี่ๆ ส่วน”คาแรกเตอร์เกวลิน” จะเป็นลุคน่ารักขี้เล่น ซึ่งในรายการวันนี้ คุณฝ้ายและดีเจทั้งสองคนเองก็ไม่แน่ใจว่าน้องจะพกคาแรกเตอร์แบบไหนมา ไปติดตามกันได้เลย! 

 

‘เปิดโมเม้นท์สุดประทับใจกับการกลับมาประเทศไทยในรอบ 3 ปี’

 

อย่างที่บอกไปว่าช่วงโควิดที่ผ่านมา ซันนี่ ก็ไม่ได้กลับมาประเทศไทยนานมาก ถ้ารวมแล้วก็ระยะเวลากว่า3ปีแล้ว ดีเจดาวจึงเอ่ยแซวเรื่อง Vlog ของซันนี่ ที่ไปเห็นโมเม้นสุดน่ารักของคุณพ่อคุณแม่ไปรับและยังปลอกทุเรียนมาให้อีกด้วย

ซันนี่เองจึงตอบว่า ใช่แล้วค่ะ จริงๆ แล้วอยู่ที่จีนก็ได้ทานเหมือนกัน แต่ที่นู่นเขาจะเป็นแบบนิ่ม ส่วนเราเองจะชอบแบบกรอบมากกว่าค่ะ พอพูดถึงทุเรียนกรอบดีเจพี่แนนเลยเล่นมุขว่า แล้วแบบนี้ทำไมไม่ทานทุเรียนกรอบเอาล่ะคะ (หัวเราะ) ซันนี่จึงบอกว่า จริงๆ แล้วหนูทานได้แค่ทุเรียนจริงส่วนที่ผ่านกระบวนการอื่นหนูไม่ค่อยทานเลยค่ะ ดีเจแนนและดีเจดาวก็ต่างเซอร์ไพรส์ จึงแซวซันนี่บอกว่า ต้องลองซักครั้ง อย่างทุเรียนทอดก็ถือเป็นมรดกโลกเลยนะ ซันนี่ยิ้มขำพร้อมบอกว่า ได้เลย ไว้หนูจะลองดูค่ะ

พร้อมบอกเล่าความประทับใจที่เหล่าแฟนคลับต่างไปรอต้อนรับตนกลับไทยที่สนามบิน เพราะตนไม่คาดคิดว่าจะมีแฟนคลับที่ประเทศไทยมากขนาดนี้ จึงส่งผ่านคำขอบคุณแฟนคลับ Sunstar  太阳星 ทุกคนที่ผลักดันตนมาถึงจุดนี้และคอยซับพอร์ตเราอยู่เสมอ ทำให้ซันนี่เป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกด้วย

 

‘ความฝันในวัยเด็ก สู่ ความสำเร็จในปัจจุบัน’

 

พอพูดมาถึงการเป็นศิลปินแล้ว ดีเจพี่ดาวก็เลยเอ่ยถามว่า เด็กหญิงซันนี่ในวัยเด็ก นอกเหนือจากความฝันหรือการเข้าสู่วงการบันเทิงแล้ว ซันนี่มีอาชีพอะไรอีกมั้ยที่อยากจะทำ ตัวซันนี่เองจึงตอบอย่างชัดเจนเลยว่า ไม่มีเลยค่ะ แต่ตอนเดบิวท์แรกๆ และเราหายไปประมาณ 3 ปี มันก็มีช่วงที่เราคิดเหมือนกันค่ะ ว่าการเป็นดารานักร้อง ก็คงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ก็เลยเรียนการโรงแรมไว้ เผื่ออนาคตจะสามารถมีอาชีพรองรับเราไว้ด้วย

 

ซึ่งเราก็รู้กันอยู่แล้วว่าการไปเป็นศิลปินที่ต่างประเทศความยากลำบากอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องภาษา แล้วตัวซันนี่เองพบปัญหาอะไรบ้างด้านนี้ ซันนี่จึงตอบว่าจริงๆ แล้ว ภาษาไม่ใช่อุปสรรคเท่าไหร่เลยค่ะ เพราะตอนอยู่ไทยเราเรียนภาษาจีนอยู่แล้วด้วย พอไปอยู่ได้ซักพักก็เริ่มพูดคุยได้ค่ะ แต่ตอนนี้ก็อาจจะยังไม่ถนัดการเขียนซักเท่าไหร่ ซึ่งเราก็ได้ใช้ภาษาจีนกับคุณพ่อมากขึ้นด้วยเพราะคุณพ่อเป็นคนจีนค่ะ จนหลังๆมาก็ไม่ได้ใช้ภาษาไทยกับคุณพ่อเลยค่ะ (หัวเราะ) มีใช้ภาษาไทยก็กับน้องชายเลยค่ะ เพราะเขาชอบโทรมาคุยด้วยบ่อยๆ ตอนอยู่ที่จีน แต่ว่าตอนคุยกันก็ไม่ค่อยใช้ภาษาสุภาพซักเท่าไหร่ค่ะ (หัวเราะ) ตอนกลับมาไทยก็เลยยังไม่ชิน รอบหลังเลยต้องให้น้องชายพยายามพูดภาษาสุภาพกับเรามากขึ้น ในอนาคตเผื่อเราจะต้องใช้ในการทำงาน ก็เลยจะกลัวดูไม่ดีซักเท่าไหร่ค่ะ

 

‘แพลนในอนาคตกับการกลับมาทำงานในประเทศไทย’

 

ซันนี่เองก็ได้กล่าวกับทางรายการว่า รู้สึกว่าปีนี้ถือเป็นปีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของตนมากๆ จึงอยากที่จะไปในจุดที่ตน อาจจะยังไม่มีประสบการณ์มาก่อน ซึ่งประเทศไทยก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นที่เราสนใจ หรือในอนาคตเราก็อยากที่จะให้ทุกคนรู้จักเรามากขึ้น ก็เลยค่อยๆ ดูไป และยังคงหาโอกาสให้กับตัวเองเรื่อยๆเลยค่ะ

 

โมเมนต์สุดน่ารักของ ’ซันนี่’ กับศิลปินไทยที่ตนชื่นชอบ

 

- ตำนาน อุ้ย !! เฮ้ย !! ว๊ายย !!

เมื่อดีเจแนนเอ่ยแซวถึงดาราไทยที่ซันนี่ชื่นชอบอย่าง ‘ ต่อ ธนภพ ‘ ซันนี่ก็ถึงกับเสียอาการและตอบกลับมาว่า ถ้าตามสเปคจริงๆ ของหนูเลย ก็เป็นลุคคล้ายๆ พี่ต่อเลยค่ะ สูง ตาโต ดูสะอาดสะอ้าน จริงๆ เราชอบและชื่นชมผลงานการแสดงของเขามากกว่า เพราะเรารู้สึกว่าเขามีเสน่ห์ในแบบของเขาเวลาเล่นละครมากๆ เลยค่ะ 

ดีเจแนนจึงถามถึงล่าสุดที่ทาง ต่อ ธนภพ ได้มีการมาตอบคอมเมนท์ตนในไอจี เป็นอย่างไรบ้างกับความรู้สึกตอนนั้น ซันนี่จึงเล่าโมเมนต์นั้นให้ฟังว่า ตนพึ่งเห็นเมื่อเช้าตอนกำลังเช็คโทรศัพท์ แล้วพอเห็นปุ๊บรีแอคชั่นที่ออกมาก็อุทานเลยค่ะว่า

อุ้ย!! เฮ้ย!! ว๊ายย!! น้อย!” ซึ่งน้อยก็คือน้องเราเอง แล้วกว่าหนูจะตอบกลับเขาก็คือพิมพ์แล้วลบทิ้งหลายรอบมาก รอบแรกพิมพ์ว่า ‘ สวัสดีค่ะ หนูซันนี่นะคะ’  แล้วลบทิ้ง รอบสองก็พิมพ์ใหม่ ‘ พี่ต่อติดตามหนูหน่อยได้มั้ย’ แล้วก็ลบอีกค่ะ (หัวเราะ) แล้วก็พิมพ์อีกว่า ‘พี่ต่อ หนูซันนี่นะคะ’ จนสุดท้ายกว่าจะกดส่งก็กลายมาเป็น “ อุ้ย เฮ้ย ว๊ายย “ เนี่ยแหละค่ะ เพราะตรงกับความรู้สึกตอนนั้นเราดี (หัวเราะ) ซึ่งโมเมนต์การเล่าเรื่องของซันนี่ก็ทำให้สร้างเสียงหัวเราะให้พี่ดีเจทั้งสองไปตามๆกัน

 

- ศิลปินไทยคนไหนที่อยากร่วมงานด้วยที่สุด

เมื่อดีเจดาวถามซันนี่ถึงศิลปินที่ตนอยากร่วมงานด้วยในไทยคือใคร ตนก็ตอบกลับมาอย่างไวเลยว่า ‘พี่เบิร์ด ธงไชย’ ซึ่งคำถามนี้เวลาตนให้สัมภาษณ์ที่ไหนตนก็จะให้คำตอบเดิมเสมอ เพราะเราชื่นชอบมาก ตั้งแต่ตนเกิดมา 26 ปี ก็ยังไม่เคยเจอเลย และยังไม่มีโอกาสได้ไปคอนเสิร์ตด้วย เรารู้สึกว่าเพลงของพี่เบิร์ดหลายเพลงเวลาเราเฟล เราได้ฟังก็ทำให้รู้สึกดีไปด้วยค่ะ

พฤติกรรมแปลกที่คนอื่นไม่เคยรู้

คิดว่าพฤติกรรมของเราที่คนอื่นไม่น่าจะทำคืออะไร ซันนี่จึงตอบว่า จริงๆ ไม่รู้ว่าแปลกมั้ยนะคะ ไม่รู้คนอื่นเป็นมั้ย แต่เวลาที่เราไปพักโรงแรมสิ่งแรกที่มักจะดูก่อนก็คือ ห้องน้ำค่ะ เพราะส่วนตัวเราเป็นคนซีเรียสเรื่องห้องน้ำ เรื่องความสะอาดอะไรแบบนี้ รวมไปถึงเช็คพวกเสื้อคลุมอาบน้ำ และฝักบัวด้วยว่าสกปรกมั้ย ถ้าสกปรกก็จะเอาแอลกอฮอล์มาเช็ดเลย  ซึ่งคิดว่าแปลกตรงที่ก็ซีเรียสอยู่แค่ห้องน้ำนี่ล่ะค่ะ (หัวเราะ)  อีกอย่างเป็นพวกความรู้สึกซะมากกว่าค่ะ อย่างเวลาทำงานถ้าสตูดิโออะไรแบบนี้ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับหรือเซ้นท์มั้ย แต่ก็จะมีบางที่ที่รู้สึกอึดอันหรือเวียนหัวแต่พอทำงานเสร็จออกมาก็กลับมาปกติแบบนี้ก็มีค่ะ หรืออย่างพวกโรงแรมที่เราไปพัก ถ้าห้องไหนที่เราเข้าไปแล้วรู้สึกว่า มืด หรือหัวตื้อๆ อะไรแบบนี้ ก็จะย้ายโรงแรมเลยค่ะ

 

การ ’เปลี่ยนแปลง’ ที่ดีเพื่อ ’ความรัก’ และ ’แฟนคลับ’

หลังจากดีเจทั้งสองเอ่ยปากชมความชิล ความเป็นตัวของตัวเองของซันนี่ในรายการแล้ว ดีเจแนนก็เกิดคำถามว่า ทำไมซันนี่ถึงคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่มั่นใจ ซันนี่จึงบอกว่า เมื่อก่อนตนเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองซักเท่าไหร่ ตนจึงพรีเซนท์ตัวเองในรูปแบบความสดใส และปล่อยเอเนอจี้ที่ดีออกมาให้คนที่เรารักดีกว่า และด้วยความเราอยู่และทำงานที่จีนด้วย ถ้าเรายังไม่มีความมั่นใจ หรือเซนซิทีฟกับปัญหาต่างๆ เราคิดว่า มันก็จะทำให้คนที่ชื่นชอบเราเขาก็รู้สึกดาวน์ไปด้วย หรือถ้าวันไหนเรารู้สึกสภาวะจิตใจเราไม่ค่อยดี เราก็จะบอกกับแฟนคลับตามตรงเลยค่ะ เพื่อที่จะกลับไปปรับตัวเองให้กลับมาเป็นซันนี่คนเดิมตามปกติค่ะ

 

       และนอกจากนี้น้องยังได้เปิดเผยความรู้สึกตอนที่ได้คุยกับแฟนคลับว่า “หนูรู้สึกเฟล ในเรื่องของหน้าที่การงานในปีที่แล้วมาก เพราะมีปัญหาหลายอย่าง และในปีนี้ที่กลับมาไทยคือกลับมา”ชาร์จแบต”(หมายถึง พักผ่อน เติมพลังกายพลังใจ) กลับมาหาความมั่นใจของตัวเองอีกรอบ จริงๆในใจก็รู้สึกกลัวมากที่มารายการในวันนี้ กลัวจะทำออกมาได้ไม่ดี ที่ต้องไลฟ์สดคุยกับทุกๆคน และต่อมาคือกลัวว่ายังจะมีคนชื่นชอบเราอยู่หรือเปล่า แต่พอมาเจอแฟนคลับในวันนี้ น้ำตาใหลเลย ทำให้พูดกับตัวเองว่าเราไม่ได้แย่ขนาดนั้น เรายังมีคนชื่นชอบเยอะอยู่นะ เลยอยากขอบคุณทุกคนมากๆ หนูเลยจะพยายามที่จะทำให้หนูและแฟนคลับได้เจอกันบ่อยๆ มากขึ้น”

 

และดีเจดาวก็ได้พูดเพื่อให้กำลังใจน้องด้วยว่า 

“มันเป็นเรื่องดีมากๆ เลยที่คนๆ หนึ่งสามารถเผยความรู้สึกของตัวเอง และเปิดเผยมุมที่อ่อนแอบางอย่างได้ พี่ดาวว่ามันต้องใช้ความกล้าเยอะมากๆ และพี่ก็นับถือตรงนั้นจริงๆ”

        สุดท้ายนี้ซันนี่เองก็ยังอยู่ในช่วงวางแผนการจัดแฟนมีตที่จะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมหากใครที่ต้องการพบปะน้องแบบพิเศษใส่ไข่ก็อย่าลืมติดตามข่าวสารจากน้องได้เลยน๊าา แล้วเจอกันสัปดาห์ถัดไปจ้า

ติดตามความน่ารักของซันนี่ย้อนหลัง

related EFM FANDOM RECAP

“มิ้ลค์-เลิฟ” ควงคู่กันมาแจกความฟิน พร้อมรอยยิ้มที่ยิ้มแล้วโลกสดใส พาใจให้โลกเอียงเข้าหากัน กับ "23.5 องศาที่โลกเอียง" ซีรีส์พาให้ใจฟูในทุกจักรวาลความรัก พร้อมรับรางวัล “EFM FANDOM AWARDS” สาขา ‘เลิฟนี้...กี่พรร(ษา)’

27 พ.ค. 2024

“มิ้ลค์-เลิฟ” ควงคู่กันมาแจกความฟิน พร้อมรอยยิ้มที่ยิ้มแล้วโลกสดใส พาใจให้โลกเอียงเข้าหากัน กับ "23.5 องศาที่โลกเอียง" ซีรีส์พาให้ใจฟูในทุกจักรวาลความรัก พร้อมรับรางวัล “EFM FANDOM AWARDS” สาขา ‘เลิฟนี้...กี่พรร(ษา)’

รายการ EFM FANDOM LIVE [16 พฤษภาคม 67] คืนนี้ขอต้อนรับสองสาวคู่จิ้นที่ใช้คำว่าน่ารักได้เปลืองสุด ๆ กับ “มิ้ลค์ - เลิฟ” มาพร้อมกับซีรีส์ใหม่กับ “23.5 องศาที่โลกเอียง” พร้อมร่วมอัปเดตพูดคุยไปกับ 2 ดีเจ “ดีเจแนน และ ดีเจโซเซฟ”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ“EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากแฟน ๆ ที่เสนอเข้ามาและเปิดให้โหวต1. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “คู่จิ้นแห่งจักรวาลโลกเอียง” องศา (มิ้ลค์) และซัน (เลิฟ) เป็นคู่หลักและเป็นศูนย์รวมจักรวาลโลกเอียง ที่ทำให้ค้นพบความรักที่แตกต่างกันในจักรวาลนี้ ประกอบกับคู่จิ้นนอกจอ ความเรียล เคมีธรรมชาติ ความโบ๊ะบ๊ะ สามารถดึงดูดมักเกิ้ลนอกจักรวาลมาตกหลุมรักได้ ดังนั้นควรมอบรางวัลคู่จิ้นแห่งจักรวาลโลกเอียงให้พวกเขาทั้งสองคน2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “จ๋องแจ๋งกับเจิดจ้า” จ๋องแจ๋งมาจากตัวละครที่ พี่มิ้ลค์ เล่น "องศา" มีความจ๋องแจ๋งขี้อาย ขี้เขินแต่เฉพาะกับ "ซัน" ที่ เลิฟ เล่น ซันมีความสดใส เจิดจ้ามากในเรื่องเหมือนชื่อตัวละคร เวลาอยู่ด้วยกันองศามีแต่ความจ๋องแจ๋ง ส่วนซันยิ้มทีไร ก็เหมือนเป็นพระอาทิตย์ที่มีความเจิดจ้าตลอด3. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “สุดยอดสายซัพ ผลัดกันดูแล เทคแคร์ด้วยของกิน” ที่บอกว่าเป็นสุดยอดสายซัพ (support) เพราะต่างคนต่างคอยสนับสนุนกันและกันเสมอเลยค่ะ พี่มิ้ลค์ ขายลิปน้องเลิฟ บ่อยมาก บอกว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ ตั้งแต่ยังไม่ได้เล่นซีรีย์เรื่องนี้ (23.5) ด้วยซ้ำ เวลาออกไปไหนต่างคนต่างดูแลซึ่งกันและกัน ทั้งเสื้อผ้า หน้าผมว่าของแต่ละคนโอเคไหม และครั้งที่กล้องถ่ายมาเห็นคอยเซฟกันเองตลอด เป็นสิ่งที่น่ารักมากเลยค่ะ อีกอย่างหนึ่งที่บอกว่าเป็นสายซัพเวลาที่น้องเลิฟ เล่นมุกทานอะไรแล้วหงายหลัง เหมือนน้องมิ้ลค์จะรู้ทันแล้วคอยดันหลังได้ตลอดค่ะ ถ้าไม่มีพี่มิ้ลค์น้องเลิฟอาจจะหน้าหงายตกเก้าอี้ก็ได้4. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “เลิฟนี้...กี่พรร(ษา)” มาจากชื่อเล่น น้องเลิฟ กับชื่อจริง พี่มิ้ลค์ (พรรษา) อารมณ์ประมาณว่า ความรัก / ความสนิทสนม / ไว้วางใจของแต่ละคู่ อาจจะใช้ระยะเวลาในการเรียนรู้กัน ก็เหมือนทั้งสองที่ได้ร่วมงานกันหลายเรื่อง ซึ่งเวลาก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์แล้วว่าทั้งสองได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ให้เกียรติกันและกันเสมอ เลยรู้สึกว่าแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน (กี่พรรษา) ความรักของทั้งสอง (เลิฟนี้) ก็ยังมีให้กันเรื่อยๆ ไม่ต้องถามว่ามันจะนานแค่ไหน แค่เท่าที่ทั้งสองคนมีความสุขนั่นแหละ เป็นความสัมพันธ์ที่น่ารักดีนะคะ5. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “ส่วนสูงที่ดี เคมีที่เริ่ด” มิ้ลค์ – เลิฟ เป็นคู่ที่ส่วนสูงมีความลงตัวมากกกก แบบพี่ตัวสูงกับน้องตะเร้ก เวลายืนข้างกันไม่ต้องทำอะไรก็เขินแล้วค่ะ เคมีมันพุ่งงงง มันแบบนุ้บนิ้บ เคมีทำงานดีเกิ้น และด้วยความที่พี่ตัวโตกว่าเวลามีซีนที่ต้องอุ้มน้อง อย่างในโปสเตอร์ซีรี่ส์ 23.5 องศาที่โลกเอียง คนพี่ก็จะอุ้มน้องแบบโลกเอียง หรือไปถ่ายรูป / สติ๊กเกอร์ด้วยกัน คนพี่ก็อุ้มคนน้องแบบยกขึ้นได้สบาย รูปออกมาน่ารักสุบๆ หรือตอนไปงาน GMMTV 2024 UP ABOVE PART 2 คนพี่ก็อุ้มคนน้องถ่ายรูปแบบโลกเอียง น่ารักที่สุบๆๆ ความพี่ตัวโตกับน้องตะเร้กมันเลยลงตัวสมมงเคมีเริ่ดน่ารักเกินต้านค่ะถึงเวลาที่ชาว เมิฟเมิฟ รอคอย~ เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ เราจะมาพูดคุยกับ “มิ้ลค์ - เลิฟ”รางวัล “เลิฟนี้...กี่พรร(ษา)”มิ้ลค์เลิฟ ! ขอบคุณชาว MuvMuv สำหรับชื่อรางวัลสุดคิ้วท์ มิ้ลค์ - เลิฟ : เย่~ *ปรบมือ* เลิฟ : โห~ ตอนแรกคิดว่าจะเป็นถ้วยรางวัลออนไลน์ ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ ว้าว~ เลิฟ : ขอขอบคุณนะคะ ใครที่คิดชื่อรางวัล “เลิฟนี้...กี่พรร(ษา)” เก่งมาก ! ครีเอทีฟสุด ๆ มิ้ลค์ : ขอบคุณมาก ๆ นะคะ สำหรับรางวัลนี้ ขอบคุณที่ตั้งชื่อให้ น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ“มิ้ลค์ - เลิฟ” ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันหลายพรรษา มิ้ลค์ : พอได้รู้จักกับน้องเลิฟ ทำให้หนูได้เรียนรู้ความเป็นผู้หญิงสตรอง อย่างที่ทุกคนรู้กันน้องเขาทำธุรกิจ ต้องใช้ความตั้งใจมาก ซึ่งน้องก็จะมีความเข้มงวดกับตัวเองนิดนึง ก็ถือว่าดีนะคะ ถือว่าเป็นคนที่คิดการไกล มีแผนชีวิต ไม่รู้ว่ามันคือความเข้มงวดไหม ? แต่เวลาน้องจะทำอะไร น้องเขาจะชอบจด จดไว้ก่อน แล้วก็คิดว่าจะพูดอะไรหรือจะทำอะไร เหมือนมี Plan เป็นการที่แบบวางไว้ว่าจะพูดอะไร เพื่อที่จะให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด เลิฟ : พี่มิ้ลค์สอนให้เลิฟ Healthy ขึ้น เหมือนเมื่อก่อนเลิฟติดน้ำหวานกับขนมมาก แล้วแบบหลัง ๆ คือ สมมติว่าวันนี้กินเยอะเกิน อีกวันก็คือจะไม่กินเลย เพราะพี่มิ้ลค์เป็นคนที่ออกกำลังกายเยอะมาก แล้วเขาก็คือลดน้ำหนักเป็น 10 กว่าโล ! มิ้ลค์ : หนูเป็นคนที่ใช้คำว่า Healthy จริง ๆ เพราะเราจะไม่เครียดไม่กดดันตัวเองอยู่แล้ว เราก็จะค่อย ๆ แต่ก็ใช้เวลาไม่ถึงปีนะคะ ประมาณครึ่งปีค่ะ เลิฟ : เวลามีอะไรเราก็จะปรึกษาพี่มิ้ลค์ว่าเราควรจะกินยังไง หรือออกกำลังกายยังไงที่มันเข้ากับเรา ไม่เคยแอบที่มิ้ลค์กินเลย เพราะพากันกิน มิ้ลค์ : พากันออก Pilates ค่ะ แนะนำไปนะคะ เลิฟ : ใช่ค่ะ ออก Pilates กัน พากันไปทำเรื่อย ๆจ๋องแจ๋งจอมขี้อาย กับเจิดจ้ายิ้มสดใส ในชีวิตจริง ! มิ้ลค์ : หนูมักจะโดนเหล่ามัมหมีจีบผ่านมุกอะไรแบบนี้ ชอบมาพิมพ์คอมเมนต์ แล้วเดี๋ยวนี้เขาจีบเก่งมาก จีบเก่งจนหนูแบบ โอ้ย~ ใจสั่นแล้ว แต่ก็ไม่ได้หรอก เราก็มีภูมิสูงไง เขาก็จะมาเป็นฟีลแบบ คอมเมนต์อะไรแบบนี้ แล้วก็วกมาบอกว่า “แต่สุดท้ายหนูก็ชอบพี่มิ้ลค์ พรรษา นะคะ” และก็อย่างบางทีหนูก็จะมีฟีลเขินน้องเลิฟบ้าง เพราะว่าน้องเขาน่ารัก พี่ ๆ ก็เห็นใช่ไหมคะ ความน่ารักของเขา พอเราทำงานด้วยกันบ่อย ๆ แต่หลัง ๆ มาก็เขินบ้างนิดหน่อย เลิฟ : เจิดจ้า จริง ๆ แล้วมันมาจากชื่อซันในเรื่องค่ะ ซึ่งซันเองเป็นคนที่สว่างมาก ๆ ทั้งมัมหมีและแฟน ๆ คงคิดว่าเหมือนเลิฟดี เพราะเลิฟก็จะมีมุมเท่บ้าง และก็จะมีมุมที่แอบแพรวพราวนิดนึง แล้วก็จะมีความเจิดจ้า ปนเท่บ้าง ซึ่งจะมีคนเรียกเลิฟออกเป็น 2 กลุ่ม คนที่เอ็นดูเลิฟ จะเรียกว่า น้องเลิฟ หรือเลิฟรักอะไรแบบนี้ แต่คนที่มองเลิฟออกเป็นสายเท่ ๆ จะเรียกว่า พี่ภัทร ซึ่งทั้งคู่จะมีความเจิดจ้าเหมือนกันพี่ตัวสูงกับน้องตะเร้ก ! “มิ้ลค์ - เลิฟ” ส่วนสูงที่ดี เคมีที่เริ่ด เลิฟ : เลิฟจะติดแบบควงแขน แบบเวลาเดินไปไหนก็จะควงแขนแล้ว และก็เหมือนว่าเลิฟเป็นคนที่ไม่ค่อยมองรอบ ๆ ก็คือจะมีพี่มิ้ลค์คอยมองให้เสมอ พี่มิ้ลค์จะคอยบอกว่าแบบ ระวังเดินสะดุดนะ ข้างหน้ามีหลุมนะ ทางต่างระดับก้าวลงนะ อะไรแบบนี้ค่ะ มิ้ลค์ : เวลาถ่ายรูปเซลฟี่ แล้วแดดมันเปรี้ยงแดดแรง น้องเลิฟก็จะมาซบแบบหลบอยู่ตรงไหล่ ยังมีรูปนี้เป็นหลักฐานอยู่เลย เลิฟ : อ๋อ ใช่ ใช่เลย~ หลบแดดเขาได้ด้วย~ มิ้ลค์ : อันนี้จะไม่เกี่ยวกับความตัวสูงหรือตะเร้กอะไรเลยนะคะ เขาจะเก่งเรื่องการหาคาเฟ่หรือหาของกิน อะไรที่เกี่ยวกับของกินจะดีมาก 5555+ เลิฟ : เดี๋ยว ๆ เลิฟขอข้อดีของการสูงเมตรครึ่งก่อน เมตรครึ่งมันดียังไง ? มิ้ลค์ : เอาไว้พักพิงละกัน บางครั้งเราเมื่อย ๆ แขน เราก็แบบน้องเลิฟขอฝากหน่อยนะพี่มิ้ลค์มอบรางวัล ‘ตำหนวดแมวส้มดีเด่น’ ให้น้องเลิฟ มิ้ลค์ : อยากมอบรางวัล ‘ตำหนวดแมวส้มดีเด่น’ เคยได้ยินคำว่าตำรวจลงไหมคะ ? เขาเป็นฟีลนั้นเลย เพราะว่ามิ้ลค์ชอบเผลอหลุดสปอยบ่อย และเขาก็จะคอยจับตา แบบว่าเวลาคุย เขาก็จะนั่งฟัง แต่ไม่ได้นั่งฟังหนูนะ นั่งจับผิดอยู่ 55555+ เลิฟ : ช่ายยย~ ห้ามโป๊ะ ! 55555+ เลิฟ : รางวัล ‘นักหลุดโป๊ะ! โก๊ะ! แห่งปี’ หนูก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ทุกครั้งที่ไปกองตอนเช้า จะมีการกินข้าวก่อน พื้นเรียบ ๆ ถือข้าวมา แล้วพี่มิ้ลค์ก็เดินสะดุด สะดุดสายไฟ สะดุดพื้น แล้วเป็นทุกวัน หนูงงมากกก 5555+ มิ้ลค์ : จริง ไม่ได้เป็นแค่วันเดียว คืออย่างที่บอกว่า ถ้าพี่ดูองศากับซัน องศาก็คือหนูเอง“มิ้ลค์ - เลิฟ” เป็นสายพากันไปอีสของอร่อย ~ มิ้ลค์ : เราเป็นฟีลคุยกันเล่น ๆ เป็นเพื่อนกัน เลิฟ : จริง ๆ ก็ชวนกิน ชวนกินเป็นหลัก ไม่ใช่คาเฟ่ แต่เป็นส้มตำข้างตึก 5555+ มิ้ลค์ : ใช่ ชอบกินส้มตำ แต่น้องเลิฟเป็นคนชอบกินรสจัด เลิฟ : แต่ก็เผ็ดปกตินะคะ แต่พี่มิ้ลค์ก็จะสายคอหมูย่าง 2 จาน ! มิ้ลค์ : หนูเป็นสายโปรตีน !ความลับที่ไม่ลับในกองถ่าย เพราะเหล่าเมิฟเมิฟรู้เบิ้ด ! เลิฟ : ขอขยายความสำหรับรางวัลที่เขาได้ละกันค่ะ ความโก๊ะโป๊ะ! คือองศาเป็นคนที่ใส่แว่น มันจะมีตอนหนึ่งที่เป็นซีนพายุเข้า และต้องถ่ายที่สวนสาธารณะ แล้วพวกเราก็ต้องวิ่งหนีตาย ซึ่งมันมีพายุ แล้วข้าง ๆ สวนก็เป็นคลอง ในคลองก็มีตัวเงินตัวทองที่แบบเป็นตัวเมียคลอดลูก ซึ่งมันดุมาก แล้วในซีนพวกเราก็มีร่มคนละหนึ่งอัน แล้วก็วิ่งหนีไปหลบบนรถของเลิฟ คือสภาพตอนนั้นดินโคลนก็เละเทะไปหมดเลย ซึ่งตอนนั้นพี่มิ้ลค์เขาก็มีแว่นหนึ่งอัน แต่ไม่แน่ใจว่าฝากไว้กับใคร หรือไปเสียบไปวางไว้ตรงไหน แล้วคือมันก็หายไปค่ะ มันหายแบบสาบสูญไปเลย มิ้ลค์ : ด้วยความที่ทุกอย่างมันชุลมุน แล้วมันก็มืดมาก ! เลิฟ : แล้วตัวเลิฟเอง ต้องออกไปหาแว่นให้พี่มิ้ลค์ที่รถ ตอนประมาณ 4-5 ทุ่ม แต่ก็หาไม่เจอ เขาก็เลยต้องใช้แว่นสำรอง~ มิ้ลค์ : ของคู่เราจะมีคอนเทนต์ในกองแบบกรุบกริบบ้าง ซึ่งเราทั้งคู่ก็จะไม่พ้นเรื่องของกิน อย่างแบบอยากกินน้ำพริก … 5555+ เลิฟ : แบบพวกหนูจะเป็นนักรีเควสข้าวเที่ยงหรือข้าวเย็นในแต่ละวัน มีอยู่วันหนึ่งที่พี่มิ้ลค์ต้องมาถ่ายแค่ซีนสองซีน แล้วก็ถามหนูว่าน้องเลิฟเอาน้ำพริกไหม ? แล้วหนูก็งงว่า เอ้า !? ทำไมเมนูที่เลิฟถึงไม่มีน้ำพริก แล้วคือพี่มิ้ลค์ เอาเงิน 1000 บาทให้กับแม่ครัว ทำพริกน้ำเฉพาะสำหรับพี่มิ้ลค์ให้หน่อยค่ะ ! มิ้ลค์ : อร่อยมากก คืออร่อยมาก ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ทุกคนได้ลอง ! เลิฟ : ก็ดีที่แบ่ง 55555+ ชอบกินเหมือนกัน“มิ้ลค์ - เลิฟ” ขอบคุณ ‘องศา - ซัน’ ที่ทำให้เป็นคนที่ดีขึ้น! เลิฟ : รู้สึกขอบคุณ ‘ซัน’ ที่ทำให้เลิฟ เป็นเลิฟที่ดีขึ้น เลิฟรู้สึกว่าซันเป็นคนที่ Compromise และก็มีความคิดในแง่บวกกับทุก ๆ เรื่อง พยายามมองโลกในแง่ดีมาก ๆ ซึ่งเป็นตัวละครที่ค้อนข้างต่างจากเลิฟ เพราะบางทีเลิฟก็คิดแง่ลบบ้าง แต่พอได้รู้จักซัน ได้เป็นซันช่วงหนึ่ง รู้สึกเลยว่าเลิฟใช้ชีวิตอย่างมีสติและช้าลง Compromise มากขึ้น เพราะเหมือนว่าช่วงนั้น เลิฟใช้ชีวิตหนักมาก พอมาเป็นซันทำให้จังหวะการพูดช้าลง เลิฟเป็นคนพูดเร็วแบบลิ้นชอบพัน มันอาจจะหลุดมาบ้าง แต่ก็น้อยลง มิ้ลค์ : อย่าง ‘องศา’ ทำให้หนูพัฒนาตัวเอง เรื่องการพูดค่ะ เพราะปกติหนูพูดเบาและก็พูดไม่ชัด ซึ่งองศาจะมี Energy ในการพูด ต่อให้เขาดูจ๋องแจ๋ง แต่เวลาเขาพูด เขาก็จะมีพลัง และก็เอาจริง ๆ หนูอยากจะขอบคุณทุกตัวละครที่เป็นตัวแทนของใครหลาย ๆ คน ที่ทำให้สามารถปลดล็อกได้ หนูเชื่อว่า คนที่ได้ดูซีรีส์ ‘23.5 องศาที่โลกเอียง’ เขาก็ได้เห็นตัวเองในมุมมองนักแสดงเหมือนกัน เลิฟ : ปลดล็อกที่พี่มิ้ลค์หมายถึง คือ สร้างความมั่นใจ มิ้ลค์ : ใช่ เหมือนสร้างความมั่นใจให้กับคนที่มีความชอบเหมือนองศา เหมือนซัน เหมือนเอริน และคู่อื่น ๆ คือทุกคนคงเหมือนได้เห็นตัวเองความรู้สึกของ “มิ้ลค์ - เลิฟ” ถึงอีพีสุดท้าย ! มิ้ลค์ : สำหรับอีพีสุดท้ายนะคะ ก็หวังว่าทุกคนจะยิ้มไม่หุบ ซึ่งตัวซีรีส์จะจบแบบมีความสุขไปในทิศทางไหน อาจจะออกมาเหมือนที่ทุกคนหวังไว้ หรือมันอาจจะหักมุมหรือเปล่า ? ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ได้ ต้องติดตามนะคะ ‘23.5 องศาที่โลกเอียง’ ค่ะ เลิฟ : รู้สึกขอบคุณซีรีส์เรื่องนี้ และก็ขอบคุณแฟน ๆ ทุกคน และก็รู้สึกดีใจที่ทุกคนจะได้เห็นจักรวาลของเรื่องนี้ที่มีแต่ความน่ารัก ความดีงาม ความ Positive ที่แบบรวมกันเป็นจักรวาล ‘23.5 องศาที่โลกเอียง’ แล้วรู้สึกว่าเรื่องน่าจะทำให้ใครหลาย ๆ คน ที่ไม่มีความมั่นใจเหมือนองศา ให้มีความมั่นใจมากขึ้น มิ้ลค์ : จริง ๆ เรื่องนี้หนูมองว่า มันเป็นมุมมองความรัก ซึ่งในเรื่องนี้มันไม่มีการแบ่งอะไรเลย มีแต่มุมมองความรักที่แค่เรารู้สึกรักมันก็แค่นั้น เลิฟ : แล้วรักก็คือ เพื่อนด้วย น้องด้วย เป็นความสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบ !เตรียมเครื่องปั๊มหัวใจ ! ไปกรี๊ด กับแฟนมีต “มิ้ลค์ - เลิฟ” เลิฟ : มีแต่อะไรพิเศษ ๆ เซอร์ไพรส์เยอะ น่าจะเซอร์ไพรส์แบบสุด ๆ มิ้ลค์ : เรามีเซอร์ไพรส์ ~~ เลิฟ : แฟน ๆ ต้องเตรียมเครื่องปั๊มหัวใจ 55555+ มิ้ลค์ : เตรียมที่นวดแก้ม นวดกรามไปนะคะ 55555+ เลิฟ : อาจจะเมื่อยเกิน 555+ มิ้ลค์ : ความสุขมันอาจจะล้นเข้ามานะคะในเมื่อซีรีส์มีชื่อว่า ‘23.5 องศาที่โลกเอียง’!!วันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ของเราก็มีเกมให้กับ2 สาวสุดคิ้วท์ “มิ้ลค์ - เลิฟ” มาตัวเอียงกันด้วย กับเกมที่ชื่อว่า “องศาที่ “มิ้ลค์ - เลิฟ” เอียงงงงงง!”เอาใจช่วยสองสาว ทำภารกิจกัน !! สนุกชวนจิ้น พาฟินกันอย่างแน่นอน ! (เข้าไปชมได้ใน YouTube: ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสไม่ให้แฟนคลับโทรเข้ามาพูดคุยกับ 2 สาวสุดน่ารักที่ทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยความหวานชวนให้ใจฟูกับ “มิ้ลค์ - เลิฟ” (เข้าไปชมได้ใน YouTube: ATIME) สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “มิ้ลค์ - เลิฟ” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความสุข ด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มหวาน ๆ ให้กับทางรายการ และก่อนจะจบรายการกันไป ฝากซีรีส์เรื่องล่าสุดกับ “23.5 องศาที่โลกเอียง” สามารถรับชมผ่านช่อง GMM25 และรับชมย้อนหลังแบบ UNCUT ที่แรกทาง Netflix เวลา 21:30 น. และรวมถึงงาน Final EP แฟนมีตในเร็ว ๆ นี้ ! แฟน ๆ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของทั้งคู่ได้ทุกแพลตฟอร์มทั้ง Instagram / TikTok / X : PANLY.V / LOVERRUKK ไปติดตามกันได้เลยสามารถเข้าไปรับชมย้อนหลังกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

ก๊วนรำตึง!! “BUS5” ยกขบวนมาบุก EFM FANDOM LIVE เพื่อรับรางวัล “The Best lnspiration BUS Unit” พร้อมพูดคุยถึง “แค่ไหน แค่นั้น (NO MATTER WHAT)” ซิงเกิลคลอดใหม่แบบจอสระอึ้งจึ้ง!

15 พ.ค. 2024

ก๊วนรำตึง!! “BUS5” ยกขบวนมาบุก EFM FANDOM LIVE เพื่อรับรางวัล “The Best lnspiration BUS Unit” พร้อมพูดคุยถึง “แค่ไหน แค่นั้น (NO MATTER WHAT)” ซิงเกิลคลอดใหม่แบบจอสระอึ้งจึ้ง!

รายการ EFM FANDOM LIVE [9 พฤษภาคม 2567] คืนนี้เปิดสตูต้อนรับ “BUS5” กับซิงเกิลใหม่ล่าสุด “แค่ไหน แค่นั้น (NO MATTER WHAT)” พร้อมอัพเดตพูดคุยกับ “ดีเจดาว และ ดีเจแนน”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ “EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ”จากแฟน ๆ ที่เสนอกันเข้ามา และเปิดให้โหวต1.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “The Best Inspiration BUS Unit” เหตุผลที่อยากให้รางวัล The Best Inspiration BUS Unit กับ BUS5 สำหรับมัมหมี คือ ประทับใจกับเพลง แค่ไหนแค่นั้น (No matter what) ในแง่ของการสร้างแรงบันดาลใจ แม้ว่าฟีลเพลง และ MV จะถ่ายทอดออกมาเศร้า แต่ทำให้เห็นอีกมุมนึงของตัวเอกและเพื่อนๆว่า เมื่อคุณฝันที่จะอยากทำอะไร คุณสามารถทำมันได้เลย แม้ว่าจะไม่ออกมาดีที่สุด แต่เราก็ได้พยายามทำอย่างเต็มที่แล้ว จะไม่มีคำว่าเสียใจภายหลัง แม้ว่าสิ่งที่หวังอาจจะยังไม่สมหวัง สุดท้ายแล้วเราจะมีความสุขหรือไม่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราคิด บางครั้งมันไม่จำเป็นต้อง perfect แค่เราทำตามเป้าหมาย อย่าอยู่กับความกลัว มันไม่สำคัญว่าความสำเร็จสมหวังจะมาช้าหรือเร็ว ตราบใดที่เรายังไม่หมดหวัง มันก็อาจจะสำเร็จได้ในสักวัน และไม่ว่าจะ BUS5 หรือ BUS7 ในอนาคต รวมกันก็คือ BUS คือแรงใจให้กับ BEUS เพราะ BE with BUS ทำให้เราพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน relate กับตัวเอกและเพื่อนๆ หรือใครก็ตาม ล้วนแล้วแต่ก็ต้องการแรงบันดาลใจดีๆ ด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น No matter what ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ชอบประโยคที่น้อง JINWOOK BUS เคยพูดไว้ "BUS แข็งแรงเมื่ออยู่ด้วยกันทั้ง 12 คน" แค่ไหนแค่นั้น...แค่ BUS เท่านั้น2.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “มั่นใจเกินร้อย หนุ่มน้อยมหัศจรรย์” มาจากแต่ละครั้งที่น้องๆวง BUS ได้ perform บนสเตจแต่ละครั้ง จะมีความแตกต่างจากคาแรคเตอร์เดิมไปโดยปริยาย ทั้งการเต้น การร้อง charisma น้องๆแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่ 100% 200% 300% ไม่เคยทำให้เหล่าๆ BEUS ต้องผิดหวัง ทำให้พวกเราภูมิใจ และเซอร์ไพรส์ทุกครั้ง ถ้าคุณคิดว่าวันนี้ BUS เก่งแล้ว ในวันพรุ่งนี้ BUS ก็จะเก่งขึ้นอีกมากกว่าเมื่อวาน น้อง BUS คือนิยามของคำว่า "หนุ่มน้อยมหัศจรรย์" ที่แท้จริง3.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “ลูกพี่ย้งทำถึงรำตึงแบบBUS5” ได้แรงบันดาลใจชื่อรางวัลนี้ มาจากเวลาที่น้องๆ ได้เต้นฟรีสไตล์ ท่ารำตึงจะเป็นท่าแรกๆที่เราได้เห็นน้องเต้น และยังถูกเอามาใส่เป็นท่าเต้นในเพลงฟีลลิ่งแบบว่าอู้ว รวมถึงในคอนเสิร์ตที่น้องๆไปโชว์มาด้วยค่ะ4.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Little star ดาวดวงน้อย” Little star ดาวดวงน้อย ที่ถึงจะเป็นดาวดวงน้อย แต่ก็มีแสงสว่างอยู่ในตัว ที่ให้รางวัลนี้กับยูนิตนี้ เพราะเรามองยูนิตนี้เป็นดาวดวงน้อยๆค่ะ ที่ทุกคนจะรู้กันดีว่าในเวลากลางคืน กลุ่มดาวที่ถึงจะเล็กแค่ไหนก็จะสว่าง เปรียบเป็นเราในเวลาที่รอบตัวมีแต่ความมืด พบเจอปัญหาร้อยแปดเหมือนจะไร้ทางออกจนเครียด แต่ BUS5 ก็เหมือนเป็นแสงสว่างของเราในตอนนั้น ทำให้เราหายเครียดและยิ้มได้ และดาวเองก็ยังอยู่ในตอนกลางวัน อยู่ตลอดเวลาเลยด้วยซ้ำ ก็เลยเป็นที่มาที่เปรียบ BUS5 เป็นกลุ่มดาวดวงน้อยค่ะ ถึงเราไม่เห็นกันแต่ก็ยังรู้ว่าเขาไม่เคยไปไหน เราคิดถึงเขาได้เสมอ ได้มองเขาจากที่ไกลๆแค่ไหนก็มีความสุขอยู่ดี BUS5 เลยเป็นกลุ่มดาวกลุ่มนึงที่เรารักมากๆ อยากให้คนมองเห็นกลุ่มดาวกลุ่มนี้เยอะๆ อยากให้ผู้คนได้รักดวงดาวกลุ่มนี้ แล้วจะได้รู้เลยค่ะว่ารักพวกเขาจะไม่เสียใจเลยสักวัน5.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Magic Space” เพราะมี BUS จึงมี "Magic Space" พื้นที่ต้องมนตร์ที่แสนวิเศษสำหรับคนที่แสนพิเศษอย่าง BUS ไม่ว่าจะ 5 หรือ 7 ก็ยังเป็น 12 คน ที่แสนพิเศษของชาวบีอัส คอยมอบความสุขและรอยยิ้ม เป็นพื้นที่ที่สำคัญของบีอัส แค่ไหนแค่นั้น แค่บัสมีความสุข แค่บัสมีรอยยิ้ม แค่บัสเอนจอยกับสิ่งที่ทำ นอนหลับไม่ฝันในทุก ๆ คืน ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับพื้นที่ต้องมนตร์ เสียงร้องเพลง เสียงพูดคุย การเต้นและการแสดง ณ ตอนนี้เพลงแค่ไหนแค่นั้นเพลงดี ๆ ที่คู่ควรร้องดี เต้นปัง แอคติ้งฉ่ำ เป็นอีกก้าวที่เติบโตขึ้นอย่างแสนวิเศษ สิ่งที่บัสมอบให้บีอัส แฮรี่พอตเตอร์ก็เสกให้ไม่ได้นะ ~~ถึงเวลาที่เหล่า BEUS ทุกคนรอคอย!ขอต้อนรับเข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ เราจะมาพูดคุยกับ “BUS5”รางวัล “The Best lnspiration BUS Unit” จินวุค : แค่ได้รางวัลผมก็ดีใจแล้วครับ เพราะมันก็เป็นรางวัลครับ รางวัลเป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเราครับ เราก็จะสู้ต่อไปเพื่อได้รางวัลมากมายไปเรื่อย ๆ ขอบคุณครับวิธีปลุกหรือสร้างเอเนอร์จี้ดี ๆ … ของ BUS5 จั๋ง : ผมว่าพี่ฮาร์ทน่าจะรู้ดี เริ่มจากพี่ฮาร์ทก่อนดีกว่า! ฮาร์ท : นี่เลย…เอเนอร์จี้ดี ๆ ที่ส่งมา 555555+ ก็คือถ้าสมมุติว่าวันนั้นเนี่ย จะต้องทำอะไรที่สำคัญหรือเป็นวันพิเศษ อย่างแรกที่ทำหลังจากตื่นนอนมาก็คือท่องกับตัวเองไว้ก่อนเลยว่า “วันนี้เป็นวันที่ดี” เป็นฟีลสะกดจิตตัวเองครับ~~ จั๋ง : มีต้องก้าวขาซ้ายขาขวาลงเตียงอะไรแบบนี้มั้ย? ฮาร์ท : ก้าวขาคู่ 555555+ มาร์ค : แล้วต้องก้าวขาไหน? จั๋ง : กระโดดขาคู่ได้มั้ย 555555+ ฮาร์ท : ถ้าเราเชื่อว่าวันนี้เป็นวันที่ดี วันนี้ก็จะเป็นวันที่ดีครับ~~ มาร์ค : ส่วนของมาร์คจะรู้สึกว่าเอเนอร์จี้….. ขึ้นอยู่กับเวลาด้วย อย่างตอนกลางคืนผมก็จะตื่นหน่อย และอย่างตอนนี้ ใช่ครับผมตื่นแล้ว แต่ว่าถ้าช่วงไหนแบบเหนื่อยมาก ๆ หรือเครียดมาก ๆ ก็จะส่อง BEUS ผมส่องอยู่ตลอดอยู่แล้ว เพราะมีแต่ Positive เอเนอร์จี้ ภูธัชชัย : ส่วนผมคือ... ผมจะชอบหา Inspiration ดู อย่างเช่น สมมุติถ้าผมจะขึ้นสเตจ ก็จะเปิดดู NCT127 ครับ ผมชอบดูอยู่แล้ว เวลาผมเลื่อนดู TikTok ก็จะมีแต่คลิปพี่ ๆ เขาขึ้นมา ผมรู้สึกว่ามันเท่ห์มาก เอาจริง ๆ ผมดูบ่อยมากดูเป็นชีวิตประจำวันเลย แล้วช่วงที่จะดูบ่อย ๆ ที่สุดคือก่อนขึ้นสเตจ เพราะเหมือนทำให้ผมมีไอเดียว่า ตอนขึ้นสเตจตัวเองจะต้องทำอะไรบ้าง และถ้าวันหนึ่งสมมุติว่าเราไปได้ไกลจริง ๆ ก็อยาก Collab สเตจกับพี่ ๆ เขาครับ BUS5 : อุ้ยยยยยย~~~ จินวุค : การปลุกใจตัวเองของผม ก็น่าจะเป็นดูคนรอบข้าง เพื่อเป็นเอามาเป็นกำลังใจให้กับตัวเองอะไรอย่างงี้มากกว่า แบบว่าเราจะคอยดูคนรอบข้าง สมมติตอนเราซ้อม ถ้าคนรอบข้างตั้งใจ และเราเห็นว่าทุกคนตั้งใจเราก็จะแบบมีใจที่แบบจะตั้งใจตาม แล้วก็เหมือนถ้ามีแบบไม่มั่นใจหรือต้องการกำลังใจก็จะขอพี่ ๆ ไม่ก็เพื่อน ๆ ขอกำลังใจตรง ๆ เลยว่า “พูดอะไรให้แบบเป็นกำลังใจให้หน่อย” เพื่อแบบปลุกใจตัวเอง มาร์ค : ผมเคยโดนครับ โดนตลอดอยู่แล้ว~~ มาร์ค : มาร์คก็จะบอกว่าสู้ ๆ อะไรอย่างงี้…จริง ๆ เขาจะพูดตามห้องซ้อม “ขอกำลังใจหน่อย” แต่เขาก็เป็นคนที่แบบปลุกกำลังใจเพื่อนเหมือนกัน จั๋ง : ใช่ ๆ เป็นคนชอบทำให้ทุกคนมีเอเนอร์จี้ ฮาร์ท : ใช่ ๆ มาร์ค : ไม่อ่อม ๆ อะไรอย่างงี้~~ BUS5 : 555555+ จั๋ง : ผมชอบกินของหวานครับ เป็นวิธีปลุกกำลังใจที่ดีครับ มันแก้เครียดด้วยนะครับ เวลาในห้องซ้อมสมมติเราเริ่มเหนื่อย ๆ เราก็ต้องสั่งน้ำหวานมา เวลาสั่งทีเราก็จะสั่งรวม ๆ กันหมดทุกคน BUS5 : ใช่ ๆ จั๋ง : แบบบูส!! ไป 1 รอบครับ บูสกำลังกาย มันก็จะดีขึ้น เคยคุยกับเอเอกับพี่อลันว่า โตไปเดี๋ยวโตจะเปิดร้านธุรกิจ “บิงซู - ไอติม” ด้วยกัน มาร์ค : เตรียม ๆ ไปอุดหนุนเลย~~เทสที่สร้างกับร่างที่เป็นของรางวัล “ลูกพี่ย้งทำถึง รำตึงแบบ BUS5” ฮาร์ท : อินเนอร์…คือเราต้องหน้าเราต้องนิ่งที่สุด!! จั๋ง : หน้าต้องนิ่งครับ! ฮาร์ท : เราต้องหน้าตึงยังไงก็ได้ให้ดูแบบกวน ๆ ที่สุด ต้องหน้านิ่งห้ามแสดงออกทางสีหน้า จั๋ง : แต่ตึงแล้วต้องกลับมายิ้มนะ~~ ทำหน้าตึง ๆ มันอยู่ที่อินเนอร์!!เคมีที่เข้ากันของทั้ง 5 คนจนได้กลายเป็น UNIT “BUS5” จินวุค : รู้สึกว่าเป็นเคมีที่แบบดูเข้ากันได้ ตอนแรกพอได้ Unit เลข 5 เราก็ แบบโอ้วว…มันก็น่าสนใจ เพราะว่ามันเป็น Unit ที่ไม่ใช่เลขคู่ เพราะที่ผ่านมาเราจะเป็น 12 คน ใช้ Blocking เลขคู่ตลอด พอเราได้เลข 5 เราก็ได้ทำเป็นเลขคี่ครั้งแรก เราก็เลยรู้สึกว่า เอ่อ…ก็เป็น Unit ที่เราแบบน่าจะได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ดู และ Unit นี้พวกเราก็แบบเข้ากันได้ดีอยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกว่าไม่มีปัญหาเรื่องการทำงานครับความแตกต่างของ Blocking เลขคู่เลขคี่ จั๋ง : เอาจริง มันก็ต่างกันครับ~~ มาร์ค : พอเลขคู่ปุ๊ป! เซนเตอร์มันจะแบ่งเป็น 2 คน พอเลขคี่ Blocking มันจะมีความหลากหลาย ได้ลองอะไรใหม่ ๆ ดู เพราะว่าปกติเป็นเลขคู่มาตลอด จั๋ง : อีกอย่างหนึ่งที่ตื่นเต้นก็คือ เป็นการแยก Unit ครั้งแรกครับ! เพราะว่าเหมือนกับว่า เราไม่เคยแยกจาก 12 คน มาก่อนเลย อยู่กินนอนด้วยกันใช้ชีวิตด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่แยกมันก็จะมีความตื่นเต้นและความกลัว แต่พอรู้ว่าเป็นเพื่อน ๆ ก็สบายใจหายห่วง~~ มาร์ค : จริง ๆ เพลงนี้ไม่มีเซ็นเตอร์ แต่ละคนมีพาร์ทของตัวเอง แล้วก็ออกมา Represents พาร์ทนั้นครับนิยาม BUS5 เป็น Unit…อะไรที่สุด จั๋ง : เป็น Unit ที่~ ฮาร์ท : คนน้อยที่สุดตอนนี้!! BUS5 : 555555+แล้วนิยาม BUS7 เป็น Unit…อะไรที่สุด จั๋ง : คนเยอะกว่า BUS5 ครับ!! BUS5 : 555555+ จินวุค : เป็น Unit ที่จึ้งมากครับ BUS7~~ความจึ้งของ BUS5 กับ BUS7 จั๋ง : BUS IS 12 ครับ~~~ มาร์ค : 12 คน จึ้งที่สุดอยู่แล้วครับ จินวุค : จึ้งที่สุดแล้วครับความเปลี่ยนแปลงหลังจากแยกเป็น Unit BUS5 กับ BUS7 จินวุค : ก็ไม่ชินครับ~ ฮาร์ท : ทุกอย่างเลยครับ! มาร์ค : คนน้อย ฮาร์ท : พอคนน้อยมันแล้ว ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมเลย หมายถึงว่าแบบเวลามู้ดในห้องซ้อมมันก็จะเปลี่ยน ห้องเราเท่าเดิมแต่คนมันน้อยลงอะไรอย่างงี้~~ จินวุค : ใช่! ภูธัชชัย : ห้องมันดูใหญ่ขึ้น ฮาร์ท : ใช่! ภูธัชชัย : ปกติเวลาอยู่กัน 12 คน เราก็จะแบบ ฮู้ยยเต็มและ ๆ ขยับนิดหน่อยก็เต็มและเพราะคนเยอะมาก แต่ว่าเหมือนแบบพอเหลือกัน 5 คน ทุกอย่างมันดูโล่ง~~ จินวุค : มันเงียบ ๆ ฮาร์ท : ถ้าอยู่กัน 12 คนก็จะมีความแบบ วุ่นวายบ้าง แต่พอมาอยู่ 5 คนแล้วกลับไปคิดถึงความวุ่นวายนั้น~~ จั๋ง : แต่พอเรากลับไป 12 เราก็จะบอกคนเยอะจัง BUS5 : 555555+กระแสตอบรับจากแฟนๆดีมาก หลังจากที่ปล่อยซิงเกิลใหม่ “แค่ไหนแค่นั้น (NO MATTER WHAT)” มาร์ค : รู้สึกดีใจที่ทุกคนชอบครับ เพราะพวกเราตั้งใจทำกันมาก แล้วเบื้องหลังก็ตั้งใจกันทำมากเช่นกัน พอได้กระแสตอบรับที่ดีก็ “แฮปปี้มาก”ครับ~~จากสถานการณ์ใน MV สู่สถานการณ์ในชีวิตจริง! มาร์ค : ผมออดิชั่นเดี่ยว~~ BUS5 : 555555+ ฮาร์ท : ผมจะไปเข้าห้องน้ำแล้วก็เปิดฝักบัวร้องเพลง “แค่ไหนแค่นั้น” มาร์ค : อ่าาาา~~ ภูธัชชัย : ถ้าเป็นผม ผมคงไม่มีเวลาไปเหล่คนที่ชอบหรอก เพราะว่ากว่าผมจะเต้นได้ก็หมดเวลาแล้ว~ ฮาร์ท : หมายถึงสถานการณ์ในนี้หรอ? ภูธัชชัย : ใช่…เพราะใน MV มันมีซีนที่เหมือนเขาต่อท่าให้ด้วย ผมว่าผมน่าจะใช้เวลากับตรงนั้นนานที่สุด ฮาร์ท : ได้แต่มองครูสอนเต้นแหล่ะ ไม่น่าได้มองคนอื่น~~ ภูธัชชัย : ใช่! ไม่น่าได้มองใคร~ มาร์ค : ถ้าเป็นมาร์คหรอครับ…มาร์คอาจจะนอนครับ BUS5 : 555555+ มาร์ค : นอนโชว์เลย หลับสู้~~~ จินวุค : ถ้าสมมุติเป็นผม ผมน่าจะต้องการที่ปรึกษาครับ ผมก็เลยจะทวิตหา BEUS ว่าต้องทำยังไงดี? ฮาร์ท : อ้อออ…ก็คือให้ BEUS ช่วยจีบซ้ะเลย ~~ จินวุค : 555555+ ก็อันนี้คือสมมุติไง จั๋ง : ผมน่าจะหนีไปกินบิงซูครับ~~ ฮาร์ท : ตัวคาแรคเตอร์ จั๋ง : เติมกำลังใจก่อนไง แล้วค่อยมีกำลังใจไปครับร่วมงานกับ 'ชาร์เลท' แบบใกล้ที่สุด...จนเขินหนัก! มาร์ค : ผมเขินหนักอยู่ครับ เขินทุกซีน เขินตั้งแต่ซ้อมแล้ว ไม่เคยทำงานกับใครใกล้ขนาดนี้~~~วันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมให้หนุ่มๆเล่นกันด้วยชื่อเกมว่า... “สุดแค่ไหน BUS5ใส่แค่นั้น”(สามารถเข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับ ได้โทรเข้ามาพูดคุยกับ “BUS5” แฟนคลับ 1 : ขอเสนอชื่อรางวัล “ขวัญใจ พี่สาวชาวออฟฟิศ” เพราะเวลาพี่สาวออฟฟิศเจอน้อง BUS ก็รู้สึกมีกำลังใจ สิ่งที่อยากจะบอกคือ ชอบเพลงมาก แต่ว่าชอบน้อง BUS มากว่า สู้ ๆ เป็นกำลังใจให้ แล้วก็ไม่ว่าจะทำอะไรก็มี BEUS คอยเป็นกำลังใจให้อยู่ตรงนี้เสมอ ถ้าน้อง BUS มีความสุขพี่ก็มีความสุข แฟนคลับ 2 : ชื่อรางวัลที่อยากเสนอ “รางวัลคนปังแห่งปี 2024 นี้มาแน่” ทุกพื้นที่มีแต่ BUS สิ่งที่อยากจะบอกเป็นพิเศษคือ ภูมิใจในตัวเองเยอะ ๆ นะ ถ้าวันไหนเหนื่อยหรือว่าอยากได้กำลังใจ ให้หันกลับมามอง BEUS ตรงนี้ ส่วนเพลงฟังแล้วบอกเลยว่า วันหนึ่งฟังเกือบ 50 - 60 รอบได้ แล้วก็อยากบอกกับน้องจินวุคว่าาาาาา ภูมิใจในตัวเองเยอะ ๆ นะ ยิ้มเยอะ ๆ แฟนคลับ 3 : อยากจะบอก BUS ทุกคน ขอบคุณที่อดทนตั้งแต่ในรายการ SURVIVAL ที่ก่อนหน้านั้นคือไม่รู้ว่าปลายทางจะได้เดบิวต์มั้ย แต่สุดท้ายก็ได้เดบิวต์มา เป็น BUS แล้วถ้า BUS เหนื่อยหรือว่าท้อ ก็ให้หันกลับมาเพราะว่ายังมี BEUS คอยสนับสนุนเรื่อย ๆ ในอนาคตไม่รู้จะเป็นยังไงต่อไป แต่ก็ยังมีพวกเราอยู่ สุดท้ายนี้อยากจะขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่จ้าง BUS เป็นพรีเซนเตอร์ สามารถเข้าได้เรื่อย ๆ พร้อมสนับสนุนBUS5 พูดถึง BEUS ขอบคุณที่คอยอยู่ข้าง ๆ เราเสมอ พวกเราจะพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ แล้วก็จะพยายามทำให้ BEUS เห็นพวกเราไปเรื่อย ๆ ขอบคุณที่เชื่อมั่นในตัวเรา หวังว่าจะอยู่ข้าง ๆ เราไปเสมอและอยู่ตลอดไป รักนะครับ บ๊ายบายย~ สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “BUS5” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความสุข ให้กับรายการ และก่อนจะจบรายการกันไป ฝากซิงเกิลล่าสุด “แค่ไหนแค่นั้น (NO MATTER WHAT)” สามารถรับชมได้ทาง YouTube : TADA LABELS และฝาก Gotcha Pop 2 Concert 2024 รวมถึงฝาก BUS7 ด้วย เพื่อนของเราอีก 7 คน ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำเพลงออกมาให้ติดตามกันได้เลยสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

สร้างความสนุก ปลุกความ Extrovert ไปกับ จูเนียร์ – มาร์ค ที่จะมาชวนทุกคนไปชมปรากฏการณ์แห่งความอบอุ่น Junior Mark ShineRise FANCON เร็ว ๆ นี้

22 ก.ค. 2025

สร้างความสนุก ปลุกความ Extrovert ไปกับ จูเนียร์ – มาร์ค ที่จะมาชวนทุกคนไปชมปรากฏการณ์แห่งความอบอุ่น Junior Mark ShineRise FANCON เร็ว ๆ นี้

รายการ EFM FANDOM LIVE [10 กรกฎาคม 68] คืนนี้เตรียมรับรอยยิ้มไปกับความโก๊ะ โบ๊ะบ๊ะ ของ “จูเนียร์ - มาร์ค” พร้อมพูดคุยเม้าท์มอยกับ “ดีเจโซเซฟ” และ “ดีเจแนน”ในช่วงเปิดรายการพี่ ๆ ดีเจ ได้อ่านจดหมายทั้ง 5 ฉบับที่แฟนคลับเขียนเพื่อส่งมอบความรักและถูกเลือกมาอ่านในช่วง “EFM FANDOM LOVE LETTER”จดหมายฉบับที่ 1 ชื่อจดหมายว่า... จดหมายลับที่มีความรักอยู่ข้างในให้จูเนียร์มาร์ค จดหมายลับแกะออกมาเป็นความรักก้อนโตส่งตรงถึงจูเนียร์มาร์ค อยากบอกจูม้าคว่าดีใจมากๆที่ได้ค้นพบพวกพี่ ทั้งคู่เป็นทั้งกำลังใจ ทั้งความสุข ทั้งรอยยิ้มให้กับเราในทุกๆวัน ขอบคุณที่น่ารักและแสนดีกันขนาดนี้ ทำให้เรารู้สึกว่าการรักพวกพี่มันคุ้มค่าจริงๆ ขอบคุณทุกๆอย่างที่ตั้งใจทำเพื่อแฟนคลับ เรารับรู้ได้นะ ต่อจากนี้ก็ขอให้พวกพี่ถูกรายล้อมไปด้วยความรักเหมือนที่พวกพี่มอบความรักให้กับทุกคน เราจะคอยซัพพอร์ตตรงนี้เสมอLetter #1: This letter is titled... A hidden note filled with love just for you, dear Junior Mark. The hidden letter turned out to be a heartfelt love note addressed to Junior Mark. I want to express to Jumark how happy I am to have found you both. You both bring us encouragement, joy, and smiles every single day. We truly appreciate your kindness and sweetness; it reminds us that loving you is absolutely worthwhile. Thank you for everything you do for your fans—it really shows. Moving forward, we hope you’re surrounded by as much love as you share with everyone. We’ll always stand by you in this journey.จดหมายฉบับที่ 2 ชื่อจดหมายว่า... ขอบคุณที่เป็นแสงในโลกนี้ ทั้งยามเช้าและค่ำคืน ถ้าพี่จูคือกลางวัน ขอบคุณที่ทำให้โลกของหนูสดใส เสียงหัวเราะของพี่ แววตาและพลังที่เปล่งออกมามันเหมือนแสงแดดที่ทำให้วันที่เหนื่อยมีเหตุผลให้อยากตื่นอีกครั้ง ถ้าพี่ม้าคคือกลางคืน พี่เป็นเหมือนดวงจันทร์ในใจหนู อ่อนโยน เงียบสงบ แต่มีอยู่เสมอแม้ในวันที่ไม่มีแสงอะไรเหลือเลย ขอบคุณพวกพี่สองคนที่อยู่ตรงนั้นจริงๆ ได้เห็นพวกพี่นิดเดียวก็เยียวยาใจแล้ว หนูจะคอยเฝ้ามองพวกพี่ไม่ว่าพวกพี่จะเปล่งแสงอยู่ที่ไหนก็ตามLetter #2: This letter is titled... Thank you for shining your radiant light in this world, illuminating both dawn and dusk. If Junior symbolizes the day, I'm grateful for how you light up my life. Your laugh, your gaze, and the positive vibe you give off are like the sun, making even the hardest days feel worthwhile. And if Mark represents the night, then you are like the moon in my heart—soft and serene, always present, even on the darkest days. Thank you both for your support. Just being around you helps mend my heart. I’ll always be there for you, no matter where your light shines.จดหมายฉบับที่ 3 ชื่อจดหมายว่า... มีใครคนหนึ่งอยากจะบอก แม้จะไม่มีโอกาสได้บอกทั้งคู่ตรง ๆ แต่ขอให้รู้ไว้ว่า มีใครคนหนึ่งในโลกนี้ ที่ยังคงเชื่อมั่นและเป็นกำลังใจให้จูมาร์คเสมอ ไม่ใช่เพราะความดัง ไม่ใช่เพราะภาพลักษณ์ แต่เพราะ “หัวใจ” ที่ทั้งคู่ใส่ลงไปในทุกผลงานการแสดง และทุกความพยายามที่ไม่เคยยอมแพ้ รักพวกเธอมากนะLetter #3: This letter is titled... Someone wants to say Although I didn't get the opportunity to tell you personally, I want you to know that there’s someone in this world who continues to believe in and support Jumark wholeheartedly. It’s not about your fame or public persona; it’s about the genuine passion you bring to every performance and the relentless dedication you show. I truly love you both.จดหมายฉบับที่ 4 ชื่อจดหมายว่า... สีรุ้งในหมู่เมฆสีหม่น เมื่อเริ่มโตขึ้น การจะยิ้มในแต่ละวันนั้นยากจัง จนบังเอิญได้พบรอยยิ้มของพี่จูเนียร์ พี่มาร์ค เหมือนสายรุ้งค่อยๆปรากฎขึ้นในใจ และยิ่งมีโอกาสได้ฟังสัมภาษณ์ต่างๆก็ยิ่งใจฟูกับมุมมองทัศนคติของพี่ๆ และยิ่งไปกว่านั้นที่โคตรจะดีใจที่ได้เป็นแฟนคลับพี่ๆก็คือ กลุ่มแฟนคลับพี่ๆที่หนูได้พบเจอ ทุกคนต่างใจดีและมีทัศนคติที่ดีเหมือนกับศิลปินเลย มีโอกาสก็อยากจะเล่าโมเมนต์ดีๆที่เจอให้ฟังค่ะLetter #4: This letter is titled... Rainbow in the gloomy cloud. As I was growing up, it wasn't always easy to find reasons to smile every day, until I stumbled upon the cheerful personalities of Junior and Mark. It felt like a rainbow slowly brightened my heart. The more I listened to their interviews, the happier I became with their viewpoints and outlook on life. Plus, one of the best parts of being a fan of theirs has been the wonderful community I've found. Everyone is so kind and shares a positive vibe, just like the artists themselves. If I ever get the chance, I'd love to share some of the great moments I've experienced.จดหมายฉบับที่ 5 ชื่อจดหมายว่า... ไม่จ่ายค่าไฟแล้วค่ะ เพราะเจอแสงสว่างของชีวิต ตอนแรกอาจดูเหมือนบังเอิญที่ได้เจอพวกแก แต่พอได้มองได้ฟัง ก็รู้เลยว่าไม่ใช่แค่บังเอิญหรอก แต่เป็นความตั้งใจที่เกิดขึ้นในจังหวะที่ถูกต้องมากกว่า รู้สึกว่านี่แหละเมนของชั้นทั้งสองคน มาให้เป็นแฟนคลับซะดีๆ คนนึงโจ๊ะ อีกคนโซ๊ะ สะใจมาก จะบอกว่ายินดีสุดๆ ดีใจที่ได้ค้นพบและเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของทั้งสองนะ ไม่ว่าจะมีวันที่เหนื่อยหรือวันที่ไม่มั่นใจ ขอให้รู้ไว้น้า อยากทำอะไรลงมือทำได้เลย พวกชั้นจะคอยซัพพอร์ตเอง จุ้บLetter #5: This letter is titled... I’ve stopped settling my electricity bill because I’ve discovered the true illumination of life. It might have seemed like a chance meeting at first, but after watching and listening to you, I realized it was more than just coincidence—it was meant to happen at the perfect moment. I felt a strong connection to both aspects of you. One of you brings cheer, while the other is bold and loud, and it's so fulfilling to witness. I just want to say how happy I am. I'm really glad to have found you and to be part of your journey. Remember, even on days when you feel worn out or uncertain, if there's something you want to pursue, go for it. We’ve got your back. Sending you kisses!ความสดใสในวันหยุดถูกส่งมาถึงช่วงที่สองของรายการ EFM FANDOM LIVE แล้ววไปดูกันว่า “จูเนียร์ - มาร์ค” จะพูดทันกันมั๊ยน้าา!!Fit Check , Fit Check! มาร์ค : ไหนทำให้ดูหน่อย จูเนียร์ : เสื้อซื้อเอง กางเกงซื้อเอง รองเท้าซื้อเอง แต่ว่าด้ายแดงนี้ไปผูกมาเป็นคู่ครับ อิอิ มาร์ค : อวดหรอ? จูเนียร์ : อวดไง ไม่มีอะไรเลยเขาให้เราอวดเฉย ๆ มาร์ค : เสื้อแฟนคลับซื้อให้ กางเกงจำไม่ได้ รองเท้าแฟนคลับซื้อให้ ด้ายแดงพี่จูผูกให้ครับ อิอิด้ายแดง มาแรงในตอนนี้ จูเนียร์ : จริง ๆ ในแก๊งสายรหัสเทวดาก็ไปผูกกันหมด เริ่มคู่แรกคือเพิร์ธแซนต้า เขาไปผูกกันแล้วเหมือนกับว่าเขาก็รักกัน การงานรุ่งเรืองแบบว่าส่งเสริมซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นก็มีคนไปผูกตามเยอะแยะเลย ไม่ว่าจะเป็น วิลเลี่ยมเอส ใด ๆ เอย แต่ว่าจริง ๆ แรกสุดเลยคือสกายนานิ ไปผูกก่อนคู่แรกเลย คู่สองไม่แน่ใจว่าใครแต่ไม่เพิร์ธแซนต้าก็วิลเลี่ยมเอส แล้วก็มีฟอสบุ๊คไปผูกตาม ตอนนี้ฟอสบุ๊คก็รักกันดีครับ เพราะเขาเพิ่งไปซับพอร์ตกันวันนี้ฟอสเปิดร้านกาแฟ บุ๊คก็ไปซับพอร์ต ไปดู มาร์ค : เขาแวะไปเซอร์ไพร์ส จูเนียร์ : ใช่ เขาไปเซอร์ไพร์ส จูเนียร์ : คือเพื่อนชอบล้อเราแบบ เนี่ย เขามีกันทั้งสายรหัสแล้วแต่ว่ายังไม่มีอยู่สองคน ทำแบบนี้ได้ไง สิ้นเดือนที่แล้วเราก็เลยไปผูกเป็นสองคนสุดท้ายยอมโดนตัดไฟ ให้ จูเนียร์ มาร์ค เป็นแสงสว่าง แต่… จูเนียร์ : เอาจริงผมก็ยังไม่จ่ายค่าไฟเลย 555555 ผมจะเล่าให้ฟัง เคยไม่จ่ายค่าไฟแล้วต้องออกไปนอนโรงแรมตอนกลางคืนเพราะโดนตัดไฟ ผมลืมเป็น ShineRise ที่เข้ากันสุดๆๆ จูเนียร์ : ผมเป็นพระอาทิตย์ครับ มาร์ค : ผมเป็นพระจันทร์ครับ จูเนียร์ : มันเหมาะกับเรามาก เพราะจริง ๆ สีด้อมของจูกับมาร์คคือสีเหลืองน้ำเงิน ซึ่งสีเหลืองกับสีน้ำเงินก็มาจากสีของพระอาทิตย์และพระจันทร์เช่นกัน แบบตอนกลางวันกับตอนกลางคืน ตัวจูอ่ะเหมือนตอนกลางวัน มาร์คเหมือนตอนกลางคืน มาร์คเขาจะนิ่งเงียบ ๆ สุขุม จูก็จะเป็นร่าเริง พูดเยอะ ๆ Extrovert อะไรแบบนี้ ซึ่งคำว่า ShineRise ก็มาจาก Sunshine กับ MoonriseFancon ครั้งแรกของจูมาร์ค... พูดไปใครก็เชื่อ จูเนียร์ : Guest ไม่มีหรอกครับ อาจจะเป็นเราร้องยาวเลย มาร์ค : ต้องรอลุ้นเอา ๆ จูเนียร์ : จูว่าเป็นคอนเสิร์ตที่ครบทุกความรู้สึก ทุกองค์ประกอบ มีทั้งร้อง เล่น เต้น ครบ ไม่มีแบบอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะไม่เห็น ไม่มีกั๊ก จัดเต็มแน่นอน ตอนนี้ทุกคนก็ยังสามารถเข้าไปซื้อบัตร Live Streaming ได้อยู่นะครับลูกน้อย Jummo ของ “จูเนียร์ - มาร์ค” จูเนียร์ : ไม่ทราบเหมือนกัน จริง ๆ อยากให้ Jummo ออกมาเป็นตัวเป็น ๆ เหมือนกันเพราะอยากรู้ว่าน้องเขาจะซน แสบซ่า แค่ไหน มาร์ค : ใช่ อยากรู้ว่าน้องจะอ้วนมั๊ยหรือจะผอมเพรียว จูเนียร์ : ต้องอ้วนเท่านั้นเพราะน้องเป็นเด็กสมบูรณ์ มาร์ค : เหมือน ๆ เหมือนเด็กสมบูรณ์ จูเนียร์ : อยากให้น้องมีพุงนิดหน่อยLucky Number จากจูมาร์ค ถึงแฟนๆ มาร์ค : ไม่เคยครับ แต่ให้หน่อยก็ดีนะ จูเนียร์ : ล่าสุดมาร์คเพิ่งซื้อ แล้วถูกปะ มาร์ค : เอาอะไรไปถูกล่ะ คือตอนที่ผมไปเชียงใหม่กับพี่จูไปผูกด้ายแดง ทำบุญอะไรเสร็จก็แวะซื้อสักหน่อย แล้วผมก็บอกพี่จูว่าถ้าผมถูกจะแบ่งให้ครึ่งนึง แต่สุดท้ายก็ไม่ถูก ไม่เป็นไร จูเนียร์ : แต่ว่าคู่อื่นเช่น สกายนานิ เขาเลื่องลือมากนะเรื่องการให้ตัวเลข มาร์ค : หลัง ๆ เราทำอะไรต้องสอดส่องหาเลขตลอด จูเนียร์ : ล่าสุดเพิร์ธต้าเพิ่งทำให้แฟนคลับถูกหวยไปนะ เป็นเลขรถใน MV ที่เพิ่งปล่อยไปเมื่อวาน อยู่ไม่ไหว (BE WITH ME) ทะเบียนรถเนี่ย 3443 แล้วหวยมันออก 34 มาร์ค : หึ่ย จริงหรอ เชื่อมั๊ยว่าผมซื้อเลขนี้บ่อยมาก ไม่เคยถูกเลย พอไม่ซื้อปุ๊ป ออกนอกจากจะพูดคุยกับพี่ ๆ พอหอมปากหอมคอแล้ว ทางรายการ EFM FANDOM LIVEชวน “จูเนียร์ - มาร์ค” มาเล่นเกมไปด้วยกัน ชื่อเกมว่า “พระอาทิตย์และดวงจันทร์”(เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME)เข้าสู่ช่วงสุดท้าย ทางรายการส่งต่อความสุข ปลุกความ Extrovert ไปกับ“จูเนียร์ - มาร์ค” ให้ได้โทรหาแฟนคลับมาพูดคุยกัน(เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) สุดท้ายนี้... รายการ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “จูเนียร์ - มาร์ค” ที่มาร่วมพูดคุยและสร้างเสียงหัวเราะไปกับเรา ทุกคนสามารถติดตาม Junior Mark ShineRise FANCON ในวันที่ 11-12 สิงหาคมนี้ ตอนนี้บัตร Sold Out แต่ยังสามารถซื้อบัตร Live Streaming ดูจากทางบ้านน้า รวมถึงฝากผลงานอื่น ๆ ในอนาคตของทั้งคู่ด้วยนะค้าาสามารถเข้าไปรับชมความฟิน ความสนุกกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

“มอส-แบงค์” คู่ซี้ที่พร้อมจะหยุมกันตลอดเวลา มาคว้ารางวัล EFM FANDOM AWARDS สาขา “รักไม่บอกแสดงออกด้วยการหยุม”

17 ก.ย. 2024

“มอส-แบงค์” คู่ซี้ที่พร้อมจะหยุมกันตลอดเวลา มาคว้ารางวัล EFM FANDOM AWARDS สาขา “รักไม่บอกแสดงออกด้วยการหยุม”

รายการ EFM FANDOM LIVE [ 5 กันยายน 2567 ] คืนนี้เปิดสตูต้อนรับ “มอส - แบงค์” พร้อมอัพเดทพูดคุยกับ 2 สาว “ดีเจดาว” และ “ดีเจแนน”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ“EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากแฟน ๆ เสนอและเปิดให้โหวต1. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “ดาวประดับฟ้า” สำหรับแฟนคลับตัวน้อยๆที่มองพี่มอส พี่แบงค์อยู่ตรงนี้ เห็นความพยายาม ความเอาใจใส่ ความทุ่มเท ต่อทุกๆชิ้นงาน , ผลงานที่ทั้งตัวพี่มอสและพี่แบงค์ได้รับ นอกจากนี้พี่มอสและพี่แบงค์ก็ใส่ใจแฟนคลับของพวกเขามาก เทคแคร์สุดๆ ทำให้สำหรับแฟนคลับ อยากเห็นทั้งคู่เป็นเหมือนดั่งดาวที่ประดับอยู่บนท้องฟ้า ส่องแสงสว่างสดใส แม้ในอนาคตจะจับต้องไม่ได้ แค่ก็คุ้มค่าที่ได้เป็นอีกแรงกำลังผลักดันให้ดาวดวงนี้ขึ้นไปถึงจุดนั้น จุดที่ทั้งคู่ส่องสว่างท่ามกลางผู้คนนับพันนับล้าน เลยอยากฝากชื่อรางวัล "ดาวประดับฟ้า" ไว้ให้พี่ๆทีมงานพิจารณาด้วยค่ะ2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “รักไม่บอก แสดงออกด้วยการหยุม”**ชื่อสาขานี้เป็นชื่อที่ได้รับการเสนอเข้ามาเยอะที่สุด นี่คือแนวคิด/ที่มาบางส่วนเท่านั้น** แนวคิด 1 : หยุมที่ 1 คือตีกัน แย่งของกัน งอนกัน ไลฟ์ด้วยกัน แต่ละรอบไม่เคยไม่หยุม แหย่กันตลอดเวลา แต่สุดท้ายก็ยอมกันอยู่ดี หยุมที่ 2 คือ มือมอส มอสชอบหยุม.... แบงค์ ไม่ว่าจะไลฟ์หรือ หน้างาน มีให้เห็นเรื่อยๆ จนมี #มอสหลงมือปลาหมึก ใน Tiktok แต่จริงๆเค้าติดสกินชิพทั้งคู่ ถ้านั่งข้างกันจะมีส่วนใดส่วนนึงแตะตัวกันเสมอ จับแขน กอดแขน โอบเอว โอบไหล่ แนวคิด 2 : เพราะมอส – แบงค์มีชื่อว่าคู่รักนักหยุม3. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “พี่คนสวยติดเเกรมกับม๋าเด็กปากเเข็งที่จริงใจ” Banky = พี่คนสวย (หลักฐานอยู่ที่หน้าเเละตัวหมดเเล้ว) เเกรมในที่นี้หมายถึง ความเรียบหรูดูเเพง มีเสน่ห์ น่ามอง Moslhong = ไทป์ลูกหมา มีความขี้อ้อน พูดเพราะ อบอุ่น ใจเย็น ดูเเลเก่ง ทัศนคติดี คลั่งรัก ติดสกินชิพเเบบ 3000% เเต่ปากเเข็งหน่อยๆ4. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “หาให้เจอนะความสัมพันธ์แบบมอสแบงค์” ตลอด 2-3 ปีที่ตามน้องๆมา เราว่าความสัมพันธ์น้องๆเป็นอะไรที่ดีมาก ไม่ได้มองในมุมคู่จิ้น แต่มองในฐานะมนุษย์คนนึง ความคอยซัพพอร์ตกันให้อีกฝ่ายไปถึงฝันอย่างเต็มที่โดยไม่หวังอะไรตอบแทน ความทะนุถนอมกันที่ทำให้เรารู้สึกว่าเค้าอยากมีกันและกันในชีวิต ใส่ใจกัน ให้เกียรติกัน อยู่เป็นความสบายใจให้กัน เราสัมผัสได้ว่าเค้ารักกันมากกกก มากกว่าที่เราจะจินตนาการได้ เป็นสิ่งที่เราเชื่อว่า "ตราบใดที่คนใดคนนึงยังอยู่ อีกคนก็จะถูกรักเสมอ" ปล.เรื่องสถานะน้องไม่เคยออกมายืนยัน แต่แฟนด้อมเราเรียกกันว่าคู่ชีวิตค่ะ5. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Emerald Couple” มรกตเป็นสัญลักษณ์ของความภักดีและความรัก นำมาซึ่งความสามัคคีเช่นเดียวกันกับที่ มอส - แบงค์ ทำเข้าสู่ช่วงที่ 2 ของรายการ! เตรียมตัวรับความฟินจาก “มอส - เเบงค์“รางวัล “รักไม่บอกแสดงออกด้วยการหยุม” เเบงค์ : ขอบคุณแฟน ๆ ทุกคนนะครับที่สนับสนุนพวกเรามาโดยตลอดครับ ขอบคุณทุก ๆ การติดตามนะครับ บอกเลยว่ามันมีค่าต่อพวกเรามาก วันนี้ก็ได้รางวัลอันทรงเกียรติเเล้วเรียบร้อยก็ขอบคุณทุกคน รางวัลนี้ก็มอบให้ทุกคนด้วยเช่นกันครับฉายามอสหลงมือปลาหมึก ชอบสกินชิพแบงค์ที่สุด! เเบงค์ : คำตอบออนเเอร์ได้หรอ~ มอส : พูดได้มั้ยครับ ดีเจดาว : ได้ ๆ พูดได้ มอส : ผมชอบจับนมครับ เพราะมันนุ่ม~ เเบงค์ : เรื่องของเรื่องคือเขาจะชอบทำยังไงก็ได้ให้ผมหงุดหงิด ถ้าวันนี้เรามาทรงอารมณ์ดีมาก ต้องทำให้หงุดหงิด ดีเจดาว : เเล้วทำไมเราถึงหงุดหงิดเวลาเขามาจับ เเบงค์ : พี่เข้าใจมั้ยว่าเมืองไทยเราไม่ได้หนาวอ่ะ พื้นเพบ้านเราเมืองร้อนละเราหงุดหงิดง่าย มอส : อ่ะพูดอย่างงี้ พื้นฐานเราเป็นคนขี้หงุดหงิด เเบงค์ : เนี่ยย เเล้วมันเป็นอย่างงี้ตลอด เขาทำให้เราหงุดหงิดเเล้วก็จะไปบอกทุกคนว่าผมเป็นคนขี้หงุดหงิดความอุ่นใจที่โดนอีกฝ่ายสกินชิพ เเบงค์ : มันมีหลายมู๊ดด มันจะมีที่เขาชอบแกล้งเรากับที่เขารู้เเล้ว เพราะผมเป็นคนที่จริงจังกับงานมากเเบบเป็นคนที่มีความฝันแล้วทะเยอทะยานกับความฝันของตัวเอง เเล้วบางครั้งเราไม่ได้สมหวังในทุกเรื่อง มันก็มีจะมีโมเม้นที่เขาเเบบเข้ามาบอกเราด้วยการสกินชิพว่า “เห้ยย ยังมีเขาอยู่นะที่เดินไปด้วยกัน อย่าลืมเขาสิ ถ้าเธอเศร้าก็เศร้าไปด้วยกัน” มันก็จะเป็นโมเม้นที่เเบบทำให้ผมรู้สึกว่าการสกินชิพของเขามันดีกว่าคำพูดด้วยซ้ำบางครั้ง ดีเจเเนน : ขอบคุณที่ทำให้เครียด ในวันที่ยิ้มได้ เเบงค์ : อะไรแบบนั้น5555555555555+ถ้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน สิ่งแรกที่ทำให้ต้องมองอีกฝ่าย! มอส : ต้องบอกก่อนว่าเขาเป็นคนที่ขาวมาก เพราะฉะนั้นเขาจะมีออร่า พูดได้ตรง ๆ ว่าเขาเป็นที่เเสงส่องลอดออกมาจากผิว เอางี้เวลาเขาเดินมาจากฝูงชนเป็นร้อย ผมเห็นเขาคนเดียว เเบงค์ : อันนี้ผมไม่ได้พูดนะเนี้ยมอสหลงเป็นคนปากแข็ง! เเบงค์ : จริงครับ เขาเป็นคนที่ไม่ชอบบอกรัก ไม่ค่อยชอบพูดอะไรที่มันโรเเมนติก เขาจะเป็นคนที่เน้นการกระทำ ซึ่งบางทีอะด้วยความที่เราสนิทมาก ความต้องการเราเยอะขึ้น… ดีเจเเนน : ความต้องการเรื่องอะไร!? เเบงค์ : เรื่องการบอกรักก เอาใจ~ ด้วยความที่ผมสนิทกับเขาแล้วไปที่บ้านเขาก็รู้ว่า ตั้งเเต่เด็กถูกเลี้ยงดูมายังไง ด้วยความที่ความที่เขาไม่ค่อยบอกรักพ่อเเม่ เเต่เขาจะใช้วิธีการกระทำให้พ่อเเม่รู้ว่าเขารัก เเละเขาก็ติดเเบบเนี้ยมาเรื่อย ๆ เเล้วพอมาอยู่กับเราเราดันเป็นคนที่อยู่ในครอบครัวที่ชอบพูดคำว่ารัก ผมก็เริ่มสอน ทุกวันนี้เขาก็เริ่มไปบอกพ่อแม่แล้ว ดีเจแนน : บอกว่าา มอส : รักไงค้าบบ รักพ่อรักแม่นะค้าบ เเบงค์ : แต่ผมชอบให้เขาพูดแบบว่าวันนี้ชั้นน่ารักมั้ย นางก็จะแบบว่า อือ ๆ ก็ดี ซึ่งเราไม่อยากได้คำตอบนั้นไง เราก็จะถามไปจนกว่าเขาจะให้คำตอบที่เราพอใจ มอส : เป็นคนที่ถามเราเพื่อให้เราตอบคำถามที่ตัวเองต้องการ ดีเจแนน : มีคำตอบอยู่แล้ว~ เเบงค์ : ช่ายย อย่ามาเปลี่ยนคำตอบสนิทกันมากจนรู้ว่าอีกคนชอบดอกไม้ ชอบธรรมชาติ มอส : จริง ๆ ผมก็ให้ดอกไม้เขาทุกวันอยู่เเล้ว แบงค์ : คือเขาเป็นคนที่รู้ว่าผมชอบดอกไม้ เพราะว่าผมเคยบอกเขาว่าผมชอบไปเที่ยวธรรมชาติมากมันจะมีเเต่สีเขียว เเต่ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติคือทุกครั้งที่มันมีสีที่ไม่ใช่สีเขียวโผล่ออกมามันเหมือนแบบ ความสวยงามจากธรรมชาติ ผมก็เลยเป็นคนที่ชอบดอกไม้ เวลาไปไหนเขาก็ชอบให้ดอกไม้ผม ผมเคยได้ยินนักจิตวิทยาเขาพูดว่า ถ้าเราหาความสุขจากอะไรแบบง่าย ๆ ไม่ได้ เราพยายามมองไปที่ดอกไม้ บางครั้งดอกไม้อาจจะสร้างความสุขให้ด้วยสีของเขา เขาเลยอยากให้ผมมีความสุขเพราะเขาไม่กล้าพูด เขาก็เลยทำแทน ดีเจเเนน : เเล้วโอเคมั้ยล่ะ? แบบไม่พูดเเต่ว่าก็ซื้อดอกไม้ให้แทน แบงค์ : แรก ๆ ก็ได้เเต่ว่าหลัง ๆ โลภ ดีเจแนน : คืออยากได้ดอกไม้ด้วยเเล้วก็อยากให้เขาพูดด้วยอ่อ เเบงค์ : แต่หลัง ๆ มีเเอบพูดบ้าง~รู้จักกันมา 3 - 4 ปี สถานการณ์ที่เราทั้งคู่แค่มองตาก็รู้ใจ มอส : เวลาตอบคำถามเราคำถามซักอย่างนึง ผมเป็นคนที่ตอบคำถามไม่ค่อยสวย เเต่เขาจะเป็นคนตอบคำถามสวย เราก็ตอบแบบผู้ชายตอบ ใจความให้มันได้อะไรเงี้ย เเบงค์ : เราติดดูนางงาม เเต่เขาจะพูดไปเรื่อย มอส : พอเราตอบคำถามไม่สวยปุ๊บ เขาก็จะนอยละ เธอต้องตอบให้สวยกว่านี้ ตอบให้ดีกว่านี้เเล้วในคำตอบนั้นจะมีการตีกันอยู่ ทางสีหน้าแววตาที่มันเปลี่ยนไปซึ่งคนไม่รู้เลย เป็นการตอบที่ดูดี แปลก ๆ มันอยู่ที่คำพูดที่ซ่อนอยู่ ซึ่งเราจะรู้เเค่ 2 คน เเล้วก็เวลาออกงานเวลาเดิน มองตา ทุกอย่างเราจะรู้ละว่าต้องการหรือไม่ต้องการ สมมุติเดินไปแล้วมีบางอย่างที่ไม่สามารถพูดได้ ณ ตรงนั้น เขาหันหน้ามาเเล้วหันกลับไป เเค่นี้เราก็รู้เเล้วว่าเขาต้องการอะไร ดีเจดาว : หรอ แล้วเขาต้องการไรอ่ะ? มอส : เขาต้องการให้เราอ่ะไปเรียกใครซักคนก็ได้ ไปดึงเขากลับมา ดีเจเเนน : เหมือนเป็นฟีลเชื่อมจิตเหมือนกันนะ มอส : ช่ายยย เเบงค์ : ผมเห็นเขาก็จะรู้เเล้วว่าโอเค สิ่งเนี้ยคือสิ่งที่เขาไม่โอเคละ ต้องทำไงก็ได้ให้สถานการณ์มันพลิกกลับมาเป็นโอเคให้ได้สรรพนามที่ทั้งคู่เรียกแทนกัน เเบงค์ : ถ้าหมั่นไส้จะเรียกว่า ‘ตะมอส’ ถ้าปกติก็แมม ‘แมม’ ดีเจเเนน : แมม? เเบงค์ : เพราะว่าเขาชื่อเเมมอส เมื่อก่อนเรียกคนเดียว เเต่ตอนนี้คนเรียกคนเรียกตามก็เลยคอยต้องเปลี่ยน มอส : ของผมถ้ารู้สึกว่าเริ่มตีกันเเล้วเรียกว่าแบงค์ ถ้าอารมณ์ดีจะเรียกเธอเวลาหยุมกัน มอสหลงเป็นคนเริ่มก่อน เเบงค์ : เขา 100% หลักฐานเต็มไลฟ์ เต็มติ๊กต่อก มอส : ไม่จริงงๆๆๆ ~ ดีเจแนน : มีครั้งไหนมั้ยที่แบบมันเลยเถิดมาก แบบงอนจริง เเบงค์ : ทุกครั้ง555555+ คำว่าโกรธของเรามันเป็นโกรธเด็กอ่ะ ด้วยความที่พวกเราโกรธง่ายหายไว มอส : เอางี้ก่อน เขาเป็นคนปากไว ผมเป็นคนที่ขี้งอน คำปฏิญาณของผมคือถ้าฉันไม่ทำกับเธอ เธออย่ามาทำกับฉัน เเล้วถ้าฉันทำกับเธอ เธอต้องทำฉันเหมือนกัน แฟร์ ๆ ถ้าขอโทษก็หายเลยFeedback ของซีรีส์ “Sunset x Vibes (เพียงชลาลัย)” เเบงค์ : แฟน ๆ มีหลายมู๊ดมาก มีมู๊ดเป็นเเม่ อยากเป็นแฟนเเละป้าข้างบ้าน มอส : เรื่องนี้ฟีลป้าข้างบ้านเยอะ แบบว่าดูไม่ค่อยสนใจเเต่สนใจอะไรอย่างเงี้ย ดีเจแนน : เขินมั้ย? ร่วมงานกันมานานเเล้ว พอต้องมีเลิฟซีน เเบงค์ : สำหรับผม ถ้าเทียบกับเรื่องที่เเล้วอ่ะ เรื่องนี้ผมเขินเพราะว่าเขาโตขึ้น เเล้วสายตาหรือการสัมผัสมันโตขึ้น บางทีผมก็ตกใจอ่ะเพราะเรื่องนี้เขาใส่เต็ม ผู้กำกับเขาบรีฟว่าขอโรเเมนติก ด้วยความที่เขาแบบดุ ๆ อ่ะ รุนเเรงนิดนึง ดีเจแนน : เเล้วเราชอบซีนไหน เเบงค์ : ผมชอบซีนเต้นรำ เพราะว่าเป็นคนชอบดูหนังยุค 2000 อะไรงี้เเล้วมันจะมีการเลี้ยงรุ่น แบบงานพรอมแบบฝรั่ง เเต่โรงเรียนผมไม่มีไงก็เลยเเบบสานฝัน ซักครั้งในชีวิตที่จะได้เต้นรำแบบนี้ ซึ่งเป็นซีนที่ผมชอบมากที่สุดเลยอ่ะ มันโรเเมนติกมาก เเละมันเป็นการ transitions กับเลิฟซีนด้วย มีสวยงาม มันมีความศิลปะ เเล้วเธออ่ะ… มอส : ผมชอบซีนศิลปะ เเละเป็นซีนที่ผมรู้สึกว่ามันโป๊ที่สุดในเพียงชลาลัยผลการตอบรับดีมากก จนมีงาน Fansign เเบงค์ : ด้วยความที่ซีรี่ย์นี้ให้การตอบรับเเบบดีมาก เราก็เลยรู้สึกอยากตอบแทนทุกคน ทุกวันนี้เวลาออกอีเว้นท์แฟน ๆ บินมาจากต่างประเทศบ้าง ต่างจังหวัดบ้าง เพื่อจะมาหาเรา ทีนี้เราก็เลยอยากไปหาเขาบ้างเลยเกิดมาเป็นโปรเจค Fansign Sunset x Fans Vibes เราก็จะพานักแสดงทั้ง 8 คนไปเจอแฟน ๆ ทั้ง 4 ภาค มอส : สามารถซื้อบัตรได้ที่ Hunter Mall แล้วก็ Start Hunter เลยวันนี้ทางรายการEFM FANDOM LIVEก็มีเกมให้“มอส-แบงค์”เล่นสนุกสนานด้วยชื่อเกม ‘หัวหน้ามอสกับน้องแบงค์’หัวหน้ามอสจะดุขนาดไหนเเละน้องเเบงค์จะรับมือยังไง ไปดูกันเลยย (เข้าไปชมได้ในYouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้เหล่าแฟนคลับได้เข้ามาพูดคุยกับ“มอส-แบงค์” (เข้าไปชมได้ในYoutube: ATIME) สุดท้ายนี้EFM FANDOM LIVEขอขอบคุณ“มอส - แบงค์”ที่มาร่วมพูดคุยและมอบความฟินจิกหมอนให้กับรายการ และก่อนจะจบรายการกันไปฝากซีรีส์ “เพียงชลาลัย Sunset X Vibes” ที่เพิ่งจบไป สามารถรับชมย้อนหลังได้ทางช่อง iQIYI เเละฝากวง The Dragon สามารถรับชมเเละรับฟังได้ทุก Streaming เเละช่องยูทูปชื่อ ม่องเบี้ยว เเละงานที่กำลังจะถึงคืองาน Fansign Sunset X Fans Vibes ทั้ง 4 ภาค เเล้วเจอกันนะค้าบบ~สามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

album

0
0.8
1