“ซันนี่ เกวลิน” ศิลปินลูกครึ่งไทย-จีน กับการกลับมาไทยในรอบ 3 ปี พร้อมเจาะลึก ‘ตัวตนไหนที่ใช่เธอ?’

EFM FANDOM RECAP

“ซันนี่ เกวลิน” ศิลปินลูกครึ่งไทย-จีน กับการกลับมาไทยในรอบ 3 ปี พร้อมเจาะลึก ‘ตัวตนไหนที่ใช่เธอ?’

17 มี.ค. 2023

         ในวันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา รายการ EFM Fandom live ได้แขกรับเชิญสุดพิเศษที่อิมพอร์ตมาจากเมืองจีน! เป็นการกลับไทยในรอบ 3 ปีของ “ซันนี่ เกวลิน บุญศรัทธา” นักร้องชาวไทยเชื้อสายจีน มาพูดคุยกันในรายการ โดยเธอเป็นอดีตสมาชิกของเกิร์ลกรุ๊ปจีนที่ชื่อว่า “ร็อกเก็ตเกิร์ลส์ 101” หลังจากจบอันดับที่ 8 ของรอบชิงชนะเลิศในรายการ “พรอดิวซ์ 101” ต่อมาเธอได้มีเพลงเดี่ยวเพลงแรกของเธอที่ชื่อว่า "Don't Cry" อีกด้วย

     และไม่เพียงเท่านั้นที่ไทยเองก็ยังมีแฟนคลับตัวตึงที่ตั้งหน้าตั้งตารอการกลับมาของซันนี่อยู่เสมอ จะเป็นใครไปไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่ “คุณฝ้าย” แอดมินจากเพจเฟสบุ๊ค “Sunnee fc thailand” 

         โดยคุณฝ้ายเล่าว่าชื่อด้อมของซันนี่นั้นชื่อว่า “太阳星 ไท่ หยาง ซิง” หรือ Sun Star (ไท่หยาง แปลว่า พระอาทิตย์ ซิง แปลว่า ดาว) มันเกิดจากการที่เวลาซันนี่แนะนำตัว เธอมักจะแนะนำตัวว่า ”สวัสดีค่ะฉันชื่อซันนี่เป็นพระอาทิตย์ดวงโตของทุกคน”

      ภายในด้อมแฟนคลับก็เลยโหวตกันว่า อยากให้มีชื่อด้อมคล้องกับที่ซันนี่แนะนำตัว และยังพูดคุยถึงฉายาประจำตัวของซันนี่ อย่าง บอสหยาง, น้องฉิง , น้องนี มาเริ่มกันที่ “บอสหยาง” เกิดจากการที่พี่ๆ ทีมงานชอบเรียกน้องว่าบอสหยาง จนสุดท้ายน้องก็เลยนำมาตั้งเป็นชื่อสตูดิโอที่ทำงานที่จีน

        ต่อมาคือน้องฉิง หรือ “ฉิง เอ๋อ เม่เม๋” ฉิงมาจากชื่อจีน แปลว่า มีแดดออก สดใส เอ๋อ เป็นภาษาจีนที่เติมเข้าไปเพื่อให้คำมันดูน่ารัก เม่เม๋ แปลว่า น้องสาว ส่วน ”น้องนี” คือมาจากชื่อเล่นจริงๆ ของน้อง และบริษัทเห็นว่าน้องบุคลิกสดใส เลยตั้งสเตจเนมว่า Sunny แต่เปลี่ยนข้างหลังเป็น nee แทน

        และแฟนคลับของน้องไม่ได้มีแค่ที่จีนเท่านั้น มีทั้งประเทศไทย, สิงคโปร์, ฮ่องกง, มาเลเซีย เป็นประเทศที่ใช้ภาษาจีนเป็นหลัก รวมไปถึง ตอนที่มีคอนเสิร์ตที่จีนก็มีแฟนคลับจากประเทศญี่ปุ่นด้วย แฟนคลับเยอะขนาดนี้ แน่นอนว่าผลงานของน้องก็เยอะมากๆ เช่นกัน ซึ่งน้องมีผลงานที่โดดเด่นที่สุดเลยคืออัลบั้มแรกที่วางขายในจีน เป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ชื่ออัลบั้มว่า "How's The Weather Today?" (ฮาวส์ เดอะ เวทเธอร์ ทูเดย์) ซึ่งชื่ออัลบั้มนี้มาจากแฟนเพจใน Facebook ที่ตามถ่ายรูปให้ซันนี่ ตั้งแต่สมัยที่น้องอยู่ไต้หวัน-ไทเป ซึ่งอัลบั้มนี้ขายดีมากกว่า 11,000,000 หยวน (ประมาณ 55 ล้านบาท) ซึ่งก่อนหน้านั้นมีระยะเวลาที่พรีเซลล์ซึ่งขายได้ 10,000,000 ก่อนเปิดขายจริง โดยยอดเป็นอันดับที่ 72 ของอัลบั้มที่ขายดีตลอดกาลในจีน และมีผู้ติดตามน้องใน ”เหว่ยป๋อ” 22.1 ล้านคน

     และสาเหตุที่น้องมีแฟนคลับมากมายที่คอยสนับสนุนขนาดนี่คงจะหนีไม่พ้นอุปนิสัยของน้องเวลาสื่อสารหรือเจอแฟนคลับ น้องจะชอบเป็นคนที่ขี้แกล้งขี้หยอก เสมอ โดยคุณฝ้ายได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่น้องไปออกรายการจีนชื่อรายการว่า “Roast” (แปลว่า เผา) ซึ่งเป็นรายการแรกๆ เลยหลังจากที่เดบิวต์เป็นวงร็อกเก็ตเกิลส์ ไปกับเพื่อนสมาชิกอีกคนหนึ่งในวง และ concept ของรายการคือให้ดาราศิลปินมาเผากัน แหย่เล่นกันเอง ซึ่งน้องเองก็โดนแซวว่า เนี่ยอ่านภาษาจีนยังอ่านไม่ออกเลยนะ ซันนี่ก็เลยแซวกลับไปว่าฉันเป็นคนไทยนะ เธอก็ยังอ่านภาษาไทยไม่ออกเลยใช่มั้ยล่ะ โดยยกประโยคที่ว่า “ยายกินลำไยน้ำลายยายไหลย้อย” ให้เพื่อนฟัง พร้อมกับตบท้ายด้วยประโยคท้าทายว่า “คุณเข้าใจไหมล่ะ” อือหือแสบใช่ย่อยเลยล่ะ 

       และเมื่อน้องได้เข้าวงการตั้งแต่อยู่ที่ไต้หวันจนถึงปัจจุบันรวม 10 กว่าปี ตั้งแต่อายุ 15-16 พอน้องกลับมาที่ไทยแฟนคลับก็ไปรอรับที่สนามบิน ซึ่งในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา คุณฝ้ายเองก็มีการ โปรโมทหนักมากทั้งช่องทางโซเชียลมีเดีย จนน้องมีแฟนคลับเพิ่มมากขึ้น ทำให้แฟนคลับที่ไปรับที่สนามบินตอนนี้มีประมาณ 100 กว่าคนจากวันแรกที่เดบิวต์ rockets girls มีแค่ 30-40 คนเท่านั้น

ซึ่งแน่นอนว่ามีคลิปคลิปหนึ่งที่เป็นไวรัลที่สามารถตกแฟนคลับเข้าด้อมเพิ่มได้ นั่นก็คือคลิปที่น้องร้องเพลง”โต๊ะริม ของนน ธนนท์” โดยที่ไทยชาวโซเชียลก็ได้แสดงความคิดเห็นว่า ”ทำไมคนจีนคนนี้ร้องเพลงไทยเพราะจัง” และคนจีนเองก็งงว่า “คนนี้เป็นคนไทยหรอ? ทำไมร้องเพลงไทยชัดจัง” 

        และมีเรื่องน่ารักอย่างแรกของน้องเลยก็คือแฟนคลับมักจะแซวน้องในแพลตฟอร์ม TikTok ว่า “นี่แอคจริงหรือ แอคหลุม” เพราะ TikTok ของน้องเพิ่งเปิดใช้ได้ไม่นาน น้องเองก็ไม่ค่อยได้ลงรูปหรืออัพเดตอะไร ซึ่งคนติดตามใน TikTok ประมาณ 8,000 คน แต่คนติดตามในเพจเฟสบุ๊คแฟนคลับประมาณ 160,000 คน เลยถูกแซวตามประโยคข้างต้น ซึ่งสามารถไปติดตาม TikTok ของน้อง @sunnee_kewalin ให้กลายเป็นแอคจริงได้สักที

         เรื่องน่ารักต่อมาคือ แรงผลักดันที่ทำให้น้องมีความตั้งใจที่จะโด่งดังให้ได้ ส่วนหนึ่งมาจากป้าข้างบ้านเพราะสมัยที่น้องเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ชอบทักว่าทำไมถึงไม่เรียนให้จบ  น้องเองก็ไม่อยากหน้าแตกจึงเกิดเป็นพลังไฟในครั้งนั้นที่นำพาน้องจนประสบความสำเร็จ

        เรื่องน่ารักอย่างสุดท้ายคือน้องเคยมาร์คหน้าไปซื้อกาแฟ จนล่าสุดมีพนักงานที่ร้านมาคอมเม้นต์ใน TikTok ของแฟนคลับว่า “จำน้องได้ว่าน้องมาร์คหน้ามาซื้อของตลอด” ไม่เพียงแต่มาส์กหน้าออกไปซื้อของเท่านั้น เวลาน้องออกไปเที่ยว น้องก็แทบจะไม่แต่งหน้าเลย จนถึงขนาดที่ว่าแฟนคลับคิดว่าน้องไม่มีเครื่องสำอางติดที่บ้านเลย นอกจากนี้น้องยังเคยให้สัมภาษณ์ด้วยว่า “ถ้าเราพึ่งการแต่งหน้าไปแล้วครั้งหนึ่ง ละพึ่งมันไปเรื่อยๆ มันอาจจะทำให้วันนึงเราจะไม่มีความสุขกับหน้าตัวเอง” 

          และขอย้อนกลับไปถึงเรื่องกาแฟที่น้องชอบซื้อดื่มประจำนั่นก็คือ “ไอซ์ อเมริกาโน่” มักจะถือติดมือตลอด ในส่วนของอาหาร น้องก็จะไม่ค่อยกินอาหารที่ยากๆ (ทั้งยากต่อการทำและยากต่อการกิน) จะกินของง่ายง่ายเช่น ผัดกะเพรา ข้าวเหนียวหมูปิ้ง บะหมี่หมูแดง 

      และนอกจากเรื่องอาหารเครื่องดื่มที่น้องชอบแล้วแล้ว ในตอนนี้ซันนี่เองก็กำลังให้ความสนใจกับการเที่ยวชมคอนเสิร์ตที่เมืองไทย เพราะต้องการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ว่าคอนเสิร์ตในไทยเป็นอย่างไร ศิลปินท่านอื่นๆ ในไทยมีวิธีการดึงความสนใจผู้ชมแบบไหน โดยซันนี่เองก็มี “พี่เบิร์ด ธงไชย” เป็นไอดอล รวมไปถึงศิลปินชายอีกคนที่เขาชอบมากๆ เลยก็คือ “ต่อ ธนภพ” และอยากร่วมงานกับศิลปินของเมืองไทยคนอื่นๆอีกด้วย เช่น โบกี้ ไลอ้อน, พีพี กฤษฏ์ และแฟนคลับเองก็อยากเห็นน้องได้ร่วมงานกับศิลปินเหล่านี้เช่นกัน เพราะอยากให้น้องมีความสุข

         ซึ่งก่อนหน้านี้ซันนี่เองก็ได้ร่วมงานกับศิลปินไทยไปแล้วกับเกิร์ลกรุ๊ปสัญชาติไทยอย่างวง “VYRA(ไวร่า) เพลงต๊ะต่อนยอน” นั่นเอง โดยเป้าหมายต่อไปที่น้องสนใจอยากจะทำคงหนีไม่พ้นการได้มีส่วนร่วมในการทำเพลงมากขึ้น อยากจะลองร้องเพลงสไตล์ใหม่ๆ หรือมีเวทีที่น้องจะได้ร้องเพลงต่อหน้าคนหลายๆ คนที่ตั้งใจมาฟังน้องร้องเพลง

         และสุดท้ายนี้คุณฝ้ายที่เป็นตัวแทนของแฟนคลับหลายๆ คนก็อยากจะฝากถึงแฟนคลับคนอื่นๆ ว่า “ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ทุกๆ คนเป็นคนสำคัญที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้ และฝ้ายเองก็คิดว่าคนในด้อมก็มีนิสัยเหมือนกันนั่นก็คือชอบของยาก ชอบความท้าทาย เลยทำให้เราหากันเจอ

และอยากฝากถึงซันนี่ว่า “อยากให้น้องมีความมั่นใจเยอะๆ เพราะน้องมีเสน่ห์ในตัวและมีความน่ารักในตัวที่รอให้คนมาเห็น ขอให้น้องเป็นตัวของตัวเอง น่ารักกับทุกคนแบบนี้ไปนานๆ  ขอให้ประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่ตั้งใจ ในเรื่องของหน้าที่การงานก็ขอให้มีผู้ใหญ่เอ็นดูน้องเยอะๆ ค่ะ” คุณฝ้ายกล่าว 

และก็มาถึงช่วงที่เราจะได้เจาะลึกถึงตัวตนของซันนี่กันแล้ว จากที่คุณฝ้ายเล่าว่าน้องมีหลายคาแรกเตอร์ ซึ่งคาแรกเตอร์แรกคือ”คาแรกเตอร์ซันนี่” จะเป็นลุคที่มีความเป็นบอส เซ็กซี่ๆ ส่วน”คาแรกเตอร์เกวลิน” จะเป็นลุคน่ารักขี้เล่น ซึ่งในรายการวันนี้ คุณฝ้ายและดีเจทั้งสองคนเองก็ไม่แน่ใจว่าน้องจะพกคาแรกเตอร์แบบไหนมา ไปติดตามกันได้เลย! 

 

‘เปิดโมเม้นท์สุดประทับใจกับการกลับมาประเทศไทยในรอบ 3 ปี’

 

อย่างที่บอกไปว่าช่วงโควิดที่ผ่านมา ซันนี่ ก็ไม่ได้กลับมาประเทศไทยนานมาก ถ้ารวมแล้วก็ระยะเวลากว่า3ปีแล้ว ดีเจดาวจึงเอ่ยแซวเรื่อง Vlog ของซันนี่ ที่ไปเห็นโมเม้นสุดน่ารักของคุณพ่อคุณแม่ไปรับและยังปลอกทุเรียนมาให้อีกด้วย

ซันนี่เองจึงตอบว่า ใช่แล้วค่ะ จริงๆ แล้วอยู่ที่จีนก็ได้ทานเหมือนกัน แต่ที่นู่นเขาจะเป็นแบบนิ่ม ส่วนเราเองจะชอบแบบกรอบมากกว่าค่ะ พอพูดถึงทุเรียนกรอบดีเจพี่แนนเลยเล่นมุขว่า แล้วแบบนี้ทำไมไม่ทานทุเรียนกรอบเอาล่ะคะ (หัวเราะ) ซันนี่จึงบอกว่า จริงๆ แล้วหนูทานได้แค่ทุเรียนจริงส่วนที่ผ่านกระบวนการอื่นหนูไม่ค่อยทานเลยค่ะ ดีเจแนนและดีเจดาวก็ต่างเซอร์ไพรส์ จึงแซวซันนี่บอกว่า ต้องลองซักครั้ง อย่างทุเรียนทอดก็ถือเป็นมรดกโลกเลยนะ ซันนี่ยิ้มขำพร้อมบอกว่า ได้เลย ไว้หนูจะลองดูค่ะ

พร้อมบอกเล่าความประทับใจที่เหล่าแฟนคลับต่างไปรอต้อนรับตนกลับไทยที่สนามบิน เพราะตนไม่คาดคิดว่าจะมีแฟนคลับที่ประเทศไทยมากขนาดนี้ จึงส่งผ่านคำขอบคุณแฟนคลับ Sunstar  太阳星 ทุกคนที่ผลักดันตนมาถึงจุดนี้และคอยซับพอร์ตเราอยู่เสมอ ทำให้ซันนี่เป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกด้วย

 

‘ความฝันในวัยเด็ก สู่ ความสำเร็จในปัจจุบัน’

 

พอพูดมาถึงการเป็นศิลปินแล้ว ดีเจพี่ดาวก็เลยเอ่ยถามว่า เด็กหญิงซันนี่ในวัยเด็ก นอกเหนือจากความฝันหรือการเข้าสู่วงการบันเทิงแล้ว ซันนี่มีอาชีพอะไรอีกมั้ยที่อยากจะทำ ตัวซันนี่เองจึงตอบอย่างชัดเจนเลยว่า ไม่มีเลยค่ะ แต่ตอนเดบิวท์แรกๆ และเราหายไปประมาณ 3 ปี มันก็มีช่วงที่เราคิดเหมือนกันค่ะ ว่าการเป็นดารานักร้อง ก็คงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ก็เลยเรียนการโรงแรมไว้ เผื่ออนาคตจะสามารถมีอาชีพรองรับเราไว้ด้วย

 

ซึ่งเราก็รู้กันอยู่แล้วว่าการไปเป็นศิลปินที่ต่างประเทศความยากลำบากอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องภาษา แล้วตัวซันนี่เองพบปัญหาอะไรบ้างด้านนี้ ซันนี่จึงตอบว่าจริงๆ แล้ว ภาษาไม่ใช่อุปสรรคเท่าไหร่เลยค่ะ เพราะตอนอยู่ไทยเราเรียนภาษาจีนอยู่แล้วด้วย พอไปอยู่ได้ซักพักก็เริ่มพูดคุยได้ค่ะ แต่ตอนนี้ก็อาจจะยังไม่ถนัดการเขียนซักเท่าไหร่ ซึ่งเราก็ได้ใช้ภาษาจีนกับคุณพ่อมากขึ้นด้วยเพราะคุณพ่อเป็นคนจีนค่ะ จนหลังๆมาก็ไม่ได้ใช้ภาษาไทยกับคุณพ่อเลยค่ะ (หัวเราะ) มีใช้ภาษาไทยก็กับน้องชายเลยค่ะ เพราะเขาชอบโทรมาคุยด้วยบ่อยๆ ตอนอยู่ที่จีน แต่ว่าตอนคุยกันก็ไม่ค่อยใช้ภาษาสุภาพซักเท่าไหร่ค่ะ (หัวเราะ) ตอนกลับมาไทยก็เลยยังไม่ชิน รอบหลังเลยต้องให้น้องชายพยายามพูดภาษาสุภาพกับเรามากขึ้น ในอนาคตเผื่อเราจะต้องใช้ในการทำงาน ก็เลยจะกลัวดูไม่ดีซักเท่าไหร่ค่ะ

 

‘แพลนในอนาคตกับการกลับมาทำงานในประเทศไทย’

 

ซันนี่เองก็ได้กล่าวกับทางรายการว่า รู้สึกว่าปีนี้ถือเป็นปีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของตนมากๆ จึงอยากที่จะไปในจุดที่ตน อาจจะยังไม่มีประสบการณ์มาก่อน ซึ่งประเทศไทยก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นที่เราสนใจ หรือในอนาคตเราก็อยากที่จะให้ทุกคนรู้จักเรามากขึ้น ก็เลยค่อยๆ ดูไป และยังคงหาโอกาสให้กับตัวเองเรื่อยๆเลยค่ะ

 

โมเมนต์สุดน่ารักของ ’ซันนี่’ กับศิลปินไทยที่ตนชื่นชอบ

 

- ตำนาน อุ้ย !! เฮ้ย !! ว๊ายย !!

เมื่อดีเจแนนเอ่ยแซวถึงดาราไทยที่ซันนี่ชื่นชอบอย่าง ‘ ต่อ ธนภพ ‘ ซันนี่ก็ถึงกับเสียอาการและตอบกลับมาว่า ถ้าตามสเปคจริงๆ ของหนูเลย ก็เป็นลุคคล้ายๆ พี่ต่อเลยค่ะ สูง ตาโต ดูสะอาดสะอ้าน จริงๆ เราชอบและชื่นชมผลงานการแสดงของเขามากกว่า เพราะเรารู้สึกว่าเขามีเสน่ห์ในแบบของเขาเวลาเล่นละครมากๆ เลยค่ะ 

ดีเจแนนจึงถามถึงล่าสุดที่ทาง ต่อ ธนภพ ได้มีการมาตอบคอมเมนท์ตนในไอจี เป็นอย่างไรบ้างกับความรู้สึกตอนนั้น ซันนี่จึงเล่าโมเมนต์นั้นให้ฟังว่า ตนพึ่งเห็นเมื่อเช้าตอนกำลังเช็คโทรศัพท์ แล้วพอเห็นปุ๊บรีแอคชั่นที่ออกมาก็อุทานเลยค่ะว่า

อุ้ย!! เฮ้ย!! ว๊ายย!! น้อย!” ซึ่งน้อยก็คือน้องเราเอง แล้วกว่าหนูจะตอบกลับเขาก็คือพิมพ์แล้วลบทิ้งหลายรอบมาก รอบแรกพิมพ์ว่า ‘ สวัสดีค่ะ หนูซันนี่นะคะ’  แล้วลบทิ้ง รอบสองก็พิมพ์ใหม่ ‘ พี่ต่อติดตามหนูหน่อยได้มั้ย’ แล้วก็ลบอีกค่ะ (หัวเราะ) แล้วก็พิมพ์อีกว่า ‘พี่ต่อ หนูซันนี่นะคะ’ จนสุดท้ายกว่าจะกดส่งก็กลายมาเป็น “ อุ้ย เฮ้ย ว๊ายย “ เนี่ยแหละค่ะ เพราะตรงกับความรู้สึกตอนนั้นเราดี (หัวเราะ) ซึ่งโมเมนต์การเล่าเรื่องของซันนี่ก็ทำให้สร้างเสียงหัวเราะให้พี่ดีเจทั้งสองไปตามๆกัน

 

- ศิลปินไทยคนไหนที่อยากร่วมงานด้วยที่สุด

เมื่อดีเจดาวถามซันนี่ถึงศิลปินที่ตนอยากร่วมงานด้วยในไทยคือใคร ตนก็ตอบกลับมาอย่างไวเลยว่า ‘พี่เบิร์ด ธงไชย’ ซึ่งคำถามนี้เวลาตนให้สัมภาษณ์ที่ไหนตนก็จะให้คำตอบเดิมเสมอ เพราะเราชื่นชอบมาก ตั้งแต่ตนเกิดมา 26 ปี ก็ยังไม่เคยเจอเลย และยังไม่มีโอกาสได้ไปคอนเสิร์ตด้วย เรารู้สึกว่าเพลงของพี่เบิร์ดหลายเพลงเวลาเราเฟล เราได้ฟังก็ทำให้รู้สึกดีไปด้วยค่ะ

พฤติกรรมแปลกที่คนอื่นไม่เคยรู้

คิดว่าพฤติกรรมของเราที่คนอื่นไม่น่าจะทำคืออะไร ซันนี่จึงตอบว่า จริงๆ ไม่รู้ว่าแปลกมั้ยนะคะ ไม่รู้คนอื่นเป็นมั้ย แต่เวลาที่เราไปพักโรงแรมสิ่งแรกที่มักจะดูก่อนก็คือ ห้องน้ำค่ะ เพราะส่วนตัวเราเป็นคนซีเรียสเรื่องห้องน้ำ เรื่องความสะอาดอะไรแบบนี้ รวมไปถึงเช็คพวกเสื้อคลุมอาบน้ำ และฝักบัวด้วยว่าสกปรกมั้ย ถ้าสกปรกก็จะเอาแอลกอฮอล์มาเช็ดเลย  ซึ่งคิดว่าแปลกตรงที่ก็ซีเรียสอยู่แค่ห้องน้ำนี่ล่ะค่ะ (หัวเราะ)  อีกอย่างเป็นพวกความรู้สึกซะมากกว่าค่ะ อย่างเวลาทำงานถ้าสตูดิโออะไรแบบนี้ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับหรือเซ้นท์มั้ย แต่ก็จะมีบางที่ที่รู้สึกอึดอันหรือเวียนหัวแต่พอทำงานเสร็จออกมาก็กลับมาปกติแบบนี้ก็มีค่ะ หรืออย่างพวกโรงแรมที่เราไปพัก ถ้าห้องไหนที่เราเข้าไปแล้วรู้สึกว่า มืด หรือหัวตื้อๆ อะไรแบบนี้ ก็จะย้ายโรงแรมเลยค่ะ

 

การ ’เปลี่ยนแปลง’ ที่ดีเพื่อ ’ความรัก’ และ ’แฟนคลับ’

หลังจากดีเจทั้งสองเอ่ยปากชมความชิล ความเป็นตัวของตัวเองของซันนี่ในรายการแล้ว ดีเจแนนก็เกิดคำถามว่า ทำไมซันนี่ถึงคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่มั่นใจ ซันนี่จึงบอกว่า เมื่อก่อนตนเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองซักเท่าไหร่ ตนจึงพรีเซนท์ตัวเองในรูปแบบความสดใส และปล่อยเอเนอจี้ที่ดีออกมาให้คนที่เรารักดีกว่า และด้วยความเราอยู่และทำงานที่จีนด้วย ถ้าเรายังไม่มีความมั่นใจ หรือเซนซิทีฟกับปัญหาต่างๆ เราคิดว่า มันก็จะทำให้คนที่ชื่นชอบเราเขาก็รู้สึกดาวน์ไปด้วย หรือถ้าวันไหนเรารู้สึกสภาวะจิตใจเราไม่ค่อยดี เราก็จะบอกกับแฟนคลับตามตรงเลยค่ะ เพื่อที่จะกลับไปปรับตัวเองให้กลับมาเป็นซันนี่คนเดิมตามปกติค่ะ

 

       และนอกจากนี้น้องยังได้เปิดเผยความรู้สึกตอนที่ได้คุยกับแฟนคลับว่า “หนูรู้สึกเฟล ในเรื่องของหน้าที่การงานในปีที่แล้วมาก เพราะมีปัญหาหลายอย่าง และในปีนี้ที่กลับมาไทยคือกลับมา”ชาร์จแบต”(หมายถึง พักผ่อน เติมพลังกายพลังใจ) กลับมาหาความมั่นใจของตัวเองอีกรอบ จริงๆในใจก็รู้สึกกลัวมากที่มารายการในวันนี้ กลัวจะทำออกมาได้ไม่ดี ที่ต้องไลฟ์สดคุยกับทุกๆคน และต่อมาคือกลัวว่ายังจะมีคนชื่นชอบเราอยู่หรือเปล่า แต่พอมาเจอแฟนคลับในวันนี้ น้ำตาใหลเลย ทำให้พูดกับตัวเองว่าเราไม่ได้แย่ขนาดนั้น เรายังมีคนชื่นชอบเยอะอยู่นะ เลยอยากขอบคุณทุกคนมากๆ หนูเลยจะพยายามที่จะทำให้หนูและแฟนคลับได้เจอกันบ่อยๆ มากขึ้น”

 

และดีเจดาวก็ได้พูดเพื่อให้กำลังใจน้องด้วยว่า 

“มันเป็นเรื่องดีมากๆ เลยที่คนๆ หนึ่งสามารถเผยความรู้สึกของตัวเอง และเปิดเผยมุมที่อ่อนแอบางอย่างได้ พี่ดาวว่ามันต้องใช้ความกล้าเยอะมากๆ และพี่ก็นับถือตรงนั้นจริงๆ”

        สุดท้ายนี้ซันนี่เองก็ยังอยู่ในช่วงวางแผนการจัดแฟนมีตที่จะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมหากใครที่ต้องการพบปะน้องแบบพิเศษใส่ไข่ก็อย่าลืมติดตามข่าวสารจากน้องได้เลยน๊าา แล้วเจอกันสัปดาห์ถัดไปจ้า

ติดตามความน่ารักของซันนี่ย้อนหลัง

related EFM FANDOM RECAP

บอส - เอินเอิน - ไดร์ม่อน 3 นักแสดงจากซีรีส์ “Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน” ที่จะพาทุกคนไป FUN กับเส้นทางการเป็นศิลปิน

07 ก.ย. 2023

บอส - เอินเอิน - ไดร์ม่อน 3 นักแสดงจากซีรีส์ “Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน” ที่จะพาทุกคนไป FUN กับเส้นทางการเป็นศิลปิน

วันที่ 7 กันยายน 66 ที่ผ่านมา “ดีเจแนน” - “ดีเจดาว” เปิดสตู EFM FANDOM LIVE ต้อนรับ ความสนุกพร้อมความน่ารักจาก 3 นักแสดง “บอส บูลเศรษฐ์ - เอินเอิน ฟาติมา - ไดร์ม่อน ณรกร” จากซีรีส์ “Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน” ซึ่งในช่วงแรกทางรายการก็ได้เปิดหน้าไมค์ให้ตัวเเทนแฟนคลับได้มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวให้ชาว EFM Fandom Live ได้รับฟังกันมาเริ่มที่บ้าน “ลีมูซีนของบอส” (บอส บูลเศรษฐ์) เวลาน้องไปซ้อมหรือไปหาเพื่อนๆ การแต่งกายของน้องจะเป็นลุค CEO น้องจะชอบใส่สูทออกไปข้างนอก บางทีก็อยู่ดีๆก็ขอกำลังใจหน่อย น้องมีฉายา คือ บอสอยู่ที่ไหนต้องหาของกิน เวลาไลฟ์ก็จะมีของกินตอนไลฟ์ตลอดเวลา น้องจะเป็นสายแอดเวนเจอร์สุกดๆ อยากให้บอสดูเเลตัวเองเยอะๆ พักผ่อนเยอะๆ ช่วงนี้รู้สึกว่าน้องจะป่วยงาย ไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำให้เต็มที่เลย ลีมูซีนของบอสพร้อมซัพพอร์ตต่อกันที่ “NASA” (เอินเอิน ฟาติมา) ติดตามตั้งเเต่ที่เอินเอินออกอากาศตั้งแต่ EP.3 เขาเป็นคนที่ฮาๆทะเล้น ขี้เล่น ชอบเล่นมุก เป็นคนอารมณ์ดี ขอบคุณที่เต็มที่กับผลงานทุกอย่าง ขอบคุณที่พยายามทุกอย่างเพื่อให้เหล่า NASA ทุกคนยิ้มได้และปิดท้ายด้วย “DiamondDee” (ไดร์ม่อน ณรกร) ตัวไดร์ม่อนเป็นเด็กที่หาความฝัน มีความทะเยอทะยานที่จะไปถึงความฝันตัวเอง แฟนคลับที่ว่าซนแล้ว ไดร์ม่อนซนกว่า เขาจะเป็นคนตึงๆ จะความ Introvert นิดนึง สิ่งที่ตึงสุดความหล่อเหลาในเเต่ละวัน ที่ทำให้แม่ๆ DiamondDee หงายหลังตึงเลย ภูมิใจในตัวไดร์ม่อนเสมอ ตั้งเเต่วันแรกจนถึงวันนี้เป็นคนที่เก่งมากๆ ที่ผ่านมาไดร์ม่อนจะเป็นรอยยิ้ม เป็นเสียงหัวเราะ เป็นกำลังใจ ให้กับเราชาว DiamondDee ตลอด มาถึงช่วงที่สองของรายการ พูดคุยกับ 3 นักแสดงนำจาก “Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน” นำโดย บอส บูลเศรษฐ์ - เอินเอิน ฟาติมา - ไดร์ม่อน ณรกร จะสนุกสนานขนาดไหน ไปต่อกันเลยดีกว่า…ไดร์ม่อนเคยมาแล้ว แต่เป็นการมา EFM FANDOM LIVE ครั้งแรกของบอสและเอินเอิน ไดร์ม่อน - เพื่อนๆเขาก็ถามว่ารายการเป็นยังไง ก็บอกว่าเป็นรายการจะมีเป็นห้องแบบห้องเก็บเสียงอะไรอย่างนี้ แล้วก็จะมีคอมพิวเตอร์ แล้วก็มีกล้องเยอะๆ“ไดร์ม่อน” กับ “บอส”รู้จักกันมาก่อนกับการประกวด “LAZ iCON” บอส - ตอนอยู่ในรายการเรามีโคโดโมะด้วย โคโดเมะเนี่ยจะเป็นแก๊งเด็กที่เด็กสุดในรายการ ตอนนั้นผมยังไม่ได้อยู่ในแก๊ง เเล้วก็ค่อนข้างจะโดดเดี่ยวจะอยู่กับพวกพี่ๆมากกว่า ไดร์ม่อนก็แบบเห้ย มาอยู่ด้วยกันไหม“เอินเอิน” พอรู้ว่าจะได้มาเล่นกับทั้งสองคน เอินเอิน - จริงๆได้ยินชื่อเสียงของบอสมาก่อน ไดร์ม่อนได้ยินตอนได้เดบิวต์เป็น “LAZ1” แล้ว แต่ว่าของบอสก็จะได้ยินผ่านพี่ทีมงานมาบ้าง แล้วก็มีกังวลบ้างเรื่องนี้มีเเต่ผู้ชาย ตอนเเรกรู้สึกว่าเข้ากัเพื่อนไม่ได้เเน่เลย เพราะเราก็ไม่ใช่คนที่แบบจะไปทักก่อนหรือจะเข้าหาก่อน ตอนนี้คือหนูเป็นเด็กผู้ชายเต็มตัวเเล้วค่ะครั้งแรกที่ได้เจอ “เอินเอิน” ไดร์ม่อน - แว๊บแรก อู้ยยย อย่างงี้เลย บอส – แว๊บเเรกก็อู้ยๆเหมือนกัน ไดร์ม่อน – แต่พอรู้จักก็อืมมมทั้งสามคนต้องออดิชั่นก่อนที่จะมาเล่นซีรส์เรื่องนี้ บอส - คือเรามีการเตรียมตัวก่อน ก็จะมีประชุม zoom กันก่อน ไดร์ม่อน - ใน zoom ก็จะมีเด็กแต่ละคนเปิดหน้า ก็คือจะได้เห็นไลฟ์สไตล์เด็กแต่ละคน ไลฟ์สไตล์ของบอสจะเป็นหนุ่มที่แต่วตัวดูดีตลอดเวลา เอินเอิน - ตัวหนูรู้ว่าต้องไปออดิชั่นก็คือ คืนวันก่อนออดิชั่นเลย พอรู้ก็แกะท่าเต้นทุกอย่างจนถึงตี 3 วันนั้น หนูมาหลังเพื่อน ตอนเเรกจะไม่ได้เต้นจะไม่ได้ร้องจะได้เล่นเเค่บทเฉยๆ หนูกลัวเสียโอกาส ก็เลยไปขอพี่บอยตอนออดิชั่นได้ทำอะไรไปบ้าง ก็จะมีร้องเพลง เต้น เต้นก็จะมีรับท่าเต้นหน้างาน เเล้วก็ไปฝึกซ้อมกันเเล้วค่อยมาเต้นให้เขาดูใหม่ ก็จะมีเตรียมเพลงของเราไปเต้นด้วยเเล้วก็เพลงสำหรับการร้องของเราไปด้วย มีผู้ใหญ่หลายๆคนมาดูซีนที่ทั้ง 3 คน ลำบากใจมากที่สุด บอส - มันมีหลากหลายอารมณ์มากเลยครับ เเต่อันที่จำไม่ลืมเลย คืออันที่คุยกับเเม่เรื่องความฝันเรา เรื่องการที่เเย้งว่าการที่เขาไม่ซัพพอร์ตความฝันเรา จนมันเป็นฉากที่เรากลัวมาก มันคือฉากดราม่าแต่พี่บอยบอกว่าปล่อยไปกับตัวละคร เลยเป็นฉากที่ประทับใจตัวเองเหมือนกันที่เราสามารถปล่อยไปมันออกไปได้ ไดร์ม่อน - เรื่องคิวการบู๊เยอะ เราเป็นตัวละครที่เหมือนกับเป็นอันธพาลของเรื่องจะมีซีรบู๊ค่อนข้างที่จะเยอะ ก็เป็นห่วงว่าเราจะต่อยผิดคิวหรือเปล่า ตรงนั้นค่อนข้างที่จะยากสำหรับเรา เอินเอิน - ของหนูจะเป็นซีนเต้น ถ้ามีการเต้นรวมกลุ่มกันเราจะมีการซ้อมกันเป็นอาทิตย์ค่ะ แต่อาจจะเป็นซีนที่แบบที่ไม่ได้วางในเบรกดาวน์ไว้ หรือว่าเขาอยากจะถ่ายเพื่อพี่บอยก็จะมาขอแบบนี้ ท่อนนี้ ประมาณนี้ แล้วให้เราเต้นเลย เราก็ต้องทำให้ได้สิ่งที่จะได้เห็นจากซีรีส์เรื่อง “Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน” จะได้เห็นทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นแพชชั่นของเด็กๆที่มีฝัน อาจจะได้เห็นการต่อสู้กับความพยายามของตัวละคร ไม่ว่าจะเป็น ดราม่า คอมเมดี้ หลักๆจะเห็นเดิมพันของตัวละคร การเเข่งขัน เรื่องการร้อง การเต้น ก็เข้มข้นเเน่นอนเพลงประกอบซีรีส์ “You're My First Love” ก็จะเป็นเพลงที่เราร่วมกันวาดฝัน เเล้วก็พูดถึงรักแรกในเป้าหมายของความฝันว่าความฝันของเราคือรักแรก เป็นเพลงที่มีคนร้อง 19 คนและเพลง “Across the Sky” เป็นพวกเรา 3 คนร้อง (บอส บูลเศรษฐ์ - เอินเอิน ฟาติมา - ไดร์ม่อน ณรกร) เป็นตัวเเทนของเพื่อนๆที่อยากจะส่งกำลังใจให้กับทุกคน เมื่อทั้ง 3 คน นักแสดงนำจาก “Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน” มาทั้งทีเราก็มีเกมให้ทั้ง 3 คนเล่นสนุกๆกันด้วย ชื่อเกมว่า “ไอ้เราก็… ซะด้วยสิ่” (เข้าไปชมใน Youtube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย ทางรายการได้เปิดโอกาสให้แฟนๆ เข้ามาพูดคุยกับทั้ง 3 คน ในรายการ เห็นน้องๆทั้ง 3 คน มีความความตั้งใจ ละครเรื่องนี้ก็เหมือนบอกเล่าเป็นตัวเเทนของเด็กวัยรุ่นในสมัยนี้ อยากให้กำลังใจกับทั้ง 3 คน อยากให้สิ่งที่น้องๆตั้งใจในเรื่องนี้ประสบผลสำเร็จเป็นไปตามที่น้องๆคาดหวัง ขอให้ละครเรื่องนี้ประสบความสําเร็จดังๆ มีเเต่คนชอบ มีเเต่คนดูเยอะๆเลย บอส ก็เป็นเด็กที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ เอินเอิน ก็มีความน่ารักคิดแล้วว่าน้องต้องมาได้ไกล ส่วนไดร์ม่อน น้องความสามารถตั้งเเต่ LAZ iCon ประทับใจน้องๆทั้ง 3 มีความสามารถและมีความมุ่งมั่นกันมากๆ สุดท้ายนี้ฝากละคร “Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน” เริ่มตอนเเรกวันที่ 9 เดือน 9 เวลา 20:15 น. ทางช่อง One31 ส่วนเพลงก็มีอยู่ 2 เพลงจาก “Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน” ก็คือ “You're My First Love” และ “Across the Sky” อยากให้ทุกคนไปฟังเเละรอดูละครเรื่องนี้ พวกเราตั้งใจกันมากๆเลย และต้องขอบคุณทั้ง 3 คน ที่ได้มาร่วมพูดคุยกับรายการ EFM Fandom Live ทำให้ได้เห็นความฝันทั้งใจชีวิตจริงทั้งในละครด้วยสามารถเข้าไปรับชมได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

รางวัลแรกในชีวิตของ “จิมมี่ – ซี” กับ “EFM FANDOM AWARDS” สาขา ‘น้องแพ้แต่ผมดูแลได้อวอร์ด’ พวกเราสัญญาว่าจะผลิตผลงานออกมาให้ทุกคนชื่นชมได้อย่างชื่นใจแน่นอน

17 เม.ย. 2024

รางวัลแรกในชีวิตของ “จิมมี่ – ซี” กับ “EFM FANDOM AWARDS” สาขา ‘น้องแพ้แต่ผมดูแลได้อวอร์ด’ พวกเราสัญญาว่าจะผลิตผลงานออกมาให้ทุกคนชื่นชมได้อย่างชื่นใจแน่นอน

รายการ EFM FANDOM LIVE [ 11 เมษายน 67]คืนนี้ต้อนรับ2 หนุ่ม “จิมมี่-ซี” พร้อมอัพเดตพูดคุยไปกับ“ดีเจแนน และ ดีเจโซเซฟ”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ FANDOM AWARDS จากแฟน ๆ เสนอและเปิดให้โหวต1. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “นัก Appreciate ดีเด่น” ทุกครั้งที่ไปตาม จิมมี่-ซี จะส่งพลังงานดีๆ มาให้แฟนคลับตลอด ไม่เคยเลยที่เอเนอร์จี้จะดรอป ทั้ง 2 คนทำหน้าที่อย่างเต็มร้อยเสมอ ตั้งแต่เริ่มจนจบในทุกๆ งาน แบบที่ไม่ทำให้พวกเราได้รู้สึกว่าเค้ากำลังเหนื่อยหรือไม่สบายอยู่เลย จิมมี่-ซี พยายามที่จะเข้าถึงทุกคนไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกล ให้ทุกๆ คนที่มาหาได้รู้ว่าทั้ง 2 คนมองเห็นความรักของพวกเราที่ส่งไป และไม่ทำให้รู้สึกว่าเราคนใดคนนึงถูกมองข้ามเลยแม้แต่นิดเดียว อยากมอบรางวัลนี้ให้ จิมมี่-ซี เพื่อขอบคุณที่ทั้ง 2 คนเห็นคุณค่าและเคารพในความรักของพวกเราเสมอ :)2. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “คนเก่งของงั่มงั่ม” แนวคิดที่ 1 : เป็นรางวัลที่อยากมอบให้ จิมมี่-ซี เพื่อขอบคุณในความเก่ง ความอดทน ความตั้งใจ และความพยายามต่างๆ เพื่อที่จะมอบความสุข มอบผลงานดีๆ มอบโมเม้นดีๆให้งั่มงั่ม เราได้มีความสุขกลับไป และด้วยสิ่งต่างๆนี้ที่ จิมมี่-ซี ทำมา ทำให้บ้านงั่มงั่มเราใหญ่โตขึ้นมามาก อยากจะบอกว่าทั้งคู่เก่งกันมาก เหมาะสมกับรางวัลนี้ที่สุดแล้ว และอย่าลืมขอบคุณตัวเองกันด้วยนะ แนวคิดที่ 2 : รางวัลคนเก่งที่ให้ จิมมี่-ซี เพราะว่า ช่วงนี้ทั้งคู่ทำงานกันหนักมากๆ เเต่อยากจะบอกว่า จิมมี่-ซี ไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุด ไม่จำเป็นที่ต้องดีที่สุด เเค่เป็น จิมมี่-ซี ดีที่สุดเเล้ว ดีที่สุดในเเบบของตัวเองนะคนเก่ง ขอบคุณที่เกิดมาให้รัก ขอบคุณที่น่ารักเสมอมา ขอให้มีเรื่องที่ทำให้ยิ้มเยอะๆในทุกวันๆน้า ชาวงั่มงั่มคอยซัพพอร์ตเสมอเลยย3. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Best part of my fandom” เพราะศิลปินได้สร้างช่วงเวลาที่พิเศษที่สุดในชีวิตให้กับแฟนคลับ ยิ่งถ้าได้เป็นแฟนคลับเขาในช่วงที่เรากำลังเปลี่ยนผ่านชีวิต รู้สึกว่าในแต่ละวันมันผ่านไปยากมากๆ ศิลปินเนี่ยแหละที่ทำให้เราผ่านเรื่องวันนั้นไปอย่างง่ายดาย เราเลยรู้สึกว่าศิลปินเป็นส่วนสำคัญมากๆที่ทำให้เราเติบโตในแต่ละวันได้อย่างมีความสุข ได้มองเห็นผลงานของเขา ได้มองเขาเติบโต ถ้าเห็นว่ามีคนรักเขาเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่เราคนเดียวที่เห็นแล้ว อย่างที่บอกมา...มันมีค่าต่อแฟนคลับมากจริงๆ ต่อให้ช่วงเวลานี้มันผ่านไปแล้ว แต่เรื่องราวความสุขในวันนั้นที่เกิดขึ้นเพราะศิลปิน มันจะอยู่ตรงนั้นเสมอ และเราก็จะไม่มีวันลืมช่วงเวลามีค่าแบบนั้น เมื่อมองย้อนกลับ ช่วงเวลานั้นมัน Best Part จริงๆ4. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “น้องแพ้แต่ผมดูแลได้อวอร์ด” น้องซี เป็นคนที่มีผิวไวต้องความรู้สึก แพ้ง่าย แพ้อาหารทะเล แต่คุณหมอจิมมี่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า "น้องแพ้...แต่ผมดูแลได้" เรียกเสียงฮือฮาแก่เหล่าแฟนคลับเป็นอย่างมากจนเป็นตำนาน ทั้งเคยปฐมพยาบาลความเจ็บป่วย ตลอดจนตรวจรักษาผิวพรรณน้องซีในชีวิตจริงค่ะ ตั้งแต่ช่วงอาศัยในบ้าน GMMTV SAFE HOUSE SS3, ช่วงถ่ายทำ VICE VERSA SERIES ทีมงานผู้กำกับฯ จึงอบอุ่นหัวใจทุกครั้ง ที่มีคุณหมออยู่ในกอง จนถึง LAST TWILIGHT SERIES ก็ยังดูแลน้องซีมาจวบจนปัจจุบันค่ะ5. ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “นักวิชาการเเละนักเอนเตอร์เทรนดีเด่น” เริ่มต้นจากนักวิชาการต้องยกให้หมอจิมมี่เลย คลังความรู้ก็คือมีทุกแขนง สายวิชาการตัวจริง ความรู้ไม่ได้มีแค่สายแพทย์ แต่คลังความรู้โภชาการหรือความรู้รอบตัวหมอก็ไม่แพ้ใคร ส่วนน้องซี จากการเลี้ยงดูของพี่กระเทยทั้งหลาย ปีนี้น้องซีก็คือโบ๊ะบ๊ะ ทำคนรอบข้างยิ้มไปหมด จนอยากลดอายุลงไปเท่าน้องเลย เรียกได้ว่าความสดใสมาเต็มถึงเวลาที่ชาว งั่มงั่ม รอคอย~~ เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ เราจะมาพูดคุยกับ “จิมมี่-ซี”รางวัล “น้องแพ้แต่ผมดูแลได้อวอร์ด”ซีอยากดูแลเรื่องอาหารให้จิมมี่ ซี : ผมอยากดูแลเรื่องอาหารการกิน เพราะเรารู้ว่าเขากินข้าวแบบไหน เพราะว่าคุณหมอจะชอบกินคลีนเป็นส่วนใหญ่ เราอาจเป็นคนดูแลเรื่องอาหารการกินได้เพราะเรารู้ว่าเขากินอะไรบ้าง ผมพอทำกับข้าวได้ ผัดกะเพรา ไข่เจียว หุงข้าว อะไรทำได้หมดLast Twilight ภาพนายไม่เคยลืม จิมมี่ : รับบทที่ค่อนข้างต่างกับตัวเอง ทำให้ตัวเองดูสกปก พอปิดกล้องผมก็กลับมาดูแลตัวเองเต็มที่ ซี : รับบทเป็นผู้พิการทางสายตา ผมหลุดออกมาจากคาแรคเตอร์แล้ว แต่จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เวลาเราพูดคุยกับคนอื่น ตอนนั้นผมพูดคุยกับเฮียจิม แล้วผมแบบไม่ได้มองหน้าแก แล้วแกก็แบบพูดคุยปกติ แล้วแกก็ถามว่า “เฮ้ย!!! นี่มึงพูดกับกูอยู่หรือเปล่า มึงยังฟังกูอยู่หรือเปล่า” ผมก็บอกว่าฟังอยู่ผมไม่ได้โฟกัสเขาซีได้รับบทที่ค่อนข้างยาก ซี : มันก็ยากเหมือนกัน เพราะเรารู้สึกว่าเวลาการแสดงถ้าเราแสดงด้วยแบบมองตากัน มันจะสื่อได้มากกว่า อย่างนี้มันค่อนข้างยากนิดนึงในการที่จะโฟกัสคน ๆ หนึ่งเวลาพูดคุย แต่ว่าสิ่งที่ยากที่สุดผมว่า น่าจะเป็นการแสดงยังไงให้คนดูเข้าใจถึงคนที่ผู้พิการทางสายตาจริง ๆ อันนี้เป็นโจทย์ที่ยากมากเรื่องที่รู้สึกว้าวและเปิดโลกให้กับจิมมี่ จิมมี่ : ก็น่าจะเป็นวิธีการดูแลคนตาบอดแบบเชิงลึก เพราะว่าโดยส่วนตัวก็เคยเจอคนไข้ตาบอด แต่ว่ายังไม่เคยไปใช้ชีวิตอยู่ดูแลเขา พอได้เวิร์กช็อปแล้วก็รู้ว่าการดูแลคนตาบอด มันก็มีรายละเอียดและดีเทลของมันที่ละเอียดยิบย่อยเหมือนกัน ซี : แล้วอีกอย่างหนึ่งที่น่าเปิดประสบการณ์ของเฮียคือ ที่ไปถ่ายในคุกจริง ๆจิมมี่ต้องเข้าคุกจริง จิมมี่ : ไปถ่ายในคุกจริง ๆ ข้าง ๆ ก็จะมีนักโทษจริง ๆ อยู่ด้วย ตอนแรกผมไม่รู้ผมก็เดินเข้าไปปกติ แต่ทีมงานบอกว่าให้เดินถอยหลังตลอดเวลา คือตอนนั้นผมเข้าไปด้วยอินเนอร์ตัวละครเลย ผมไม่ได้เอาความเป็นตัวเองเข้าไปเลย เข้าไปเพราะคิดว่าเราต้องเข้าไปแล้ว ฟิลตอนนั้นก็คือ เหมือนเราทำความผิดมาแล้วเราจะต้องอยู่ในนั้น เราไม่รู้ว่าจะติดอยู่ในนี้นานเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าอยู่ในนี้แล้วต้องเจอกับอะไรบ้าง ต้องโดนรังแกหรือว่าต้องโดนอะไรก็แล้วแต่ เพราะว่าอยู่ในคุกก็เหมือนที่เห็นในหนังอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่ถ้าถามว่าด้วยความเป็นจิมมี่เข้าไปรู้สึกอะไรบ้าง ตอบเลยว่าไม่รู้สึกอะไรเพราะว่าไม่ได้เอาตัวเองไปแตะตรงนั้นเท่าไหร่ความประทับใจของงาน “Last Twilight New Dawn Live On Stage” จิมมี่ : สิ่งที่ผมประทับใจที่สุดเลยนะ คือผมหน้าเห็นทั้ง 6 คนบนเวทีพร้อมกัน อันนี้คือสิ่งที่ผมประทับใจมากที่สุดเลยเพราะว่า มันเป็นสิ่งที่ผมคิดไว้ตั้งแต่เริ่มถ่ายทำว่าแบบผมอยากเห็นภาพนี้ ที่จริงพวกผม 6 คน ผม ซี น้ำตาล ฟิล์ม มาร์ค โอม เป็นคนที่ผมรู้จักมาหมดก็เลยมีความผูกพันกันระดับหนึ่งอยู่แล้ว อยากเห็นภาพทั้ง 6 คน ขึ้นเวทีไปพร้อมกันหลังจากจบเรื่องนี้แล้ว และสิ่งที่ผมประทับใจมากที่สุดก็คือ ก่อนที่เวทีจะขึ้นมาร้องเพลงแรก แล้วมองไปข้าง ๆ มีน้องทั้ง 5 คน ขึ้นไปกับผม ซี : ผมประทับใจแฟนคลับ แฟนคลับที่เขามาจากหลากหลายที่เลย แล้วเขาแบบมาให้กำลังใจพวกเรา ซึ่งรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่สวยงามมาก ๆ เวลาเราได้แสดงคอนเสิร์ต ได้เจอผู้คนมันทำให้เรา เหมือนเติมพลังอย่างหนึ่ง เพราะว่าก่อนหน้านั้นผมก็ไม่ได้คิด ต้องย้อนกลับไปเมื่อคอนเสิร์ตปีที่แล้ว ผมกำลังจะร้องเพลง ซูลูปาก้า กับเฮีย เฮียแกก็เดินเข้ามาบอกว่า “เดี๋ยวมึงกับกูจะต้องขึ้นคอนเสิร์ตด้วยกันนะ แบบเป็นคอนเสิร์ตของตัวเอง” ผมก็บอกว่า “ได้เฮีย”การเตรียมตัวก่อนขึ้นคอนเสิร์ต LOVE OUT LOUD FAN FEST 2024 : THE LOVE PIRATES จิมมี่ : วันที่ 18-19 พฤษภาคม ก็เตรียมตัวระดับหนึ่งแล้ว ก็กำลังวางแผนว่าเราจะโชว์แบบไหนเป็นยังไง แล้วก็ทำการซ้อมในระดับหนึ่งแล้ว ซี : แล้วก็ครีเอด เพราะว่ามันมาในธีม THE LOVE PIRATES โจรสลัด เราก็อยากครีเอดที่มันแบบมีความดิบ ๆ หน่อย เหมือนอยู่บนเรือจริง ๆทำไมเราต้องไปดูและไม่ควรพลาดคอนเสิร์ตนี้ ซี : ผมว่ามันเป็นธีมที่ยังไม่มีใครทำ มันเป็นคอนเสิร์ตที่ผมรู้สึกว่า LOVE OUT LOUD ครั้งที่แล้วมันก็มันแล้ว คิดดูมาในธีมโจรสลัดผมว่ามันน่าจะยิ่ง x10 อีก แล้วก็ด้วยธีมด้วยการครีเอดไอเดียที่ผมได้ดูเบื้องหลัง ผมรู้สึกว่า มันว้าวมากในแต่ละซีน ผมฟังธีมของเฮียผมว้าวเลย ว้าวอ้าปากค้างเพราะสิ่งนี้ไม่เคยทำที่ไหนมาก่อน จิมมี่ : พอได้ธีมมาผมก็ได้ไอเดียเลย ผมเคยให้สัมภาษณ์แล้วว่า อะไรที่คุณไม่เคยเห็น คุณก็จะได้เห็นในที่นี้ บนเรือลำนี้ใครที่ยังไม่มีบัตรซื้อได้ที่ ซี : สามารถซื้อบัตรได้ที่ Thaiticketmajor ทุกสาขาเลย จะมีหลากหลายราคาให้เลือก จิมมี่ : ส่วนคนที่ไม่สามารถจะมาได้ วันที่ 18-19 พฤษภาคม เราก็มีขายบัตรแบบ Live Streaming ด้วย วันนี้ทางรายการEFM FANDOM LIVEของเราก็มีเกมให้กับ“จิมมี่-ซี”กับเกมที่ชื่อว่า“วันนี้เป็นวัน สงกรานต์”ชุ่มฉ่ำ สนุกสนานกันแน่นอน!(เข้าไปชมได้ในYouTube: ATIME)​เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้แฟนคลับโทรเข้ามาพูดคุยกับ “จิมมี่-ซี” ขออวยพรวันเกิดซีก่อนนะคะ เป็นปีที่มีแต่ความสุข ไม่เจ็บปวด แล้วก็ได้กินของอร่อย ๆ เยอะ ๆ ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักแล้วก็มีแต่คนเอ็นดู ตั้งแต่ปีนี้มาซีทำงานเยอะมากก็อยากให้ซีดูแลสุขภาพด้วย เพราะเป็นห่วงจริง ๆ แล้วทุกคำอวยพรที่ซีได้รับทุกข้อก็ขอให้มันเป็นจริงทั้งหมดเลย เพราะว่าซีคู่ควรที่จะได้รับทั้งหมดจริง ๆ และอยากจะบอกทั้งคู่ว่าเราเป็นคนหนึ่งที่ได้ไปดูคอนเสิร์ต อยากบอกพี่จิมมี่ว่าพี่เก่งมาก ๆ ที่พี่จิมมี่เคยบอกว่า ไม่ได้เก่งด้านศิลป์ อยากจะบอกว่าวันนั้นเป็นวันที่ทำให้ทุกคนได้เห็นว่าพี่จิมมี่ทำได้ และทำออกมาได้ดีมาก ๆ ด้วย จากเราไม่เคยไปคอนเสิร์ตของทั้งคู่เลย คอนเสิร์ตปีที่เราก็ไม่ได้ไปเพราะเราพึ่งมาติดตาม แต่ว่ามันเป็นคอนเสิร์ตของเราที่ได้ไปดูครั้งแรก แล้วเราประทับใจมาก ทุก ๆ โชว์ ทุก ๆ อย่างที่ทั้งคู่ทำออกมา มันทำให้เรารู้สึกว่า เงินทุกบาทที่เราเสียไปเราคุ้มแล้ว อยากจะบอกทั้งคู่ว่าทั้งคู่สมควรที่จะได้รับความรักจากทุก ๆ คน มาก ๆ เลย แล้วก็ดีใจมาก ๆ ที่แบบได้เห็นผลงานของทั้งคู่ รวมไปถึงของหมอจิมมี่ เก่งมาก ๆ เลยทั้งเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย แล้วผลงานก็ออกมาดีมากจริง ๆ สุขสันต์วันเกิดน้องซีล่วงหน้านะ ก็ขอให้น้องสุขภาพแข็งแรง มีงานเยอะ ๆ กินอิ่มนอนหลับ อยากจะบอกทั้งคู่ว่าติดตามมานานมาก จนมาถึงตอนนี้ทั้งคู่เติบโตมาได้ไกลมาก ดีใจมาก ๆ ที่ทุกคนรัก พี่ก็จะขอซัพพอร์ตทั้งคู่ไปเรื่อย ๆ รักมาก ๆ“จิมมี่-ซี” ขอบคุณสำหรับรางวัล “น้องแพ้แต่ผมดูแลได้อวอร์ด” เราสองคนก็ขอบคุณแฟน ๆ ทุกคนที่เสนอชื่อนี้มา รางวัล “น้องแพ้แต่ผมดูแลได้อวอร์ด” เอาจริง ๆ เราสองคนยังไม่เคยขึ้นเวทีรับรางวัลเลย อันนี้เป็นรางวัลแรกในชีวิตซึ่งดีมาก ๆ ได้เป็นรางวัลจากแฟนคลับ ก็คือ ดีใจมาก ๆ แล้วก็ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่คอยซัพพอร์ตและคอยติดตามเรา ไว้มีโอกาสเราได้เจอกันบ่อย ๆ แน่นอน แล้วสัญญาว่าจะผลิตผลงานออกมาให้ทุกคนชื่นชมได้อย่างชื่นใจแน่นอน สุดท้ายนี้EFM FANDOM LIVEขอขอบคุณ“จิมมี่-ซี” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความสุข ให้กับรายการ และก่อนจะจบรายการกันไป ฝากคอนเสิร์ต LOVE OUT LOUD FAN FEST 2024 : THE LOVE PIRATES สามารถซื้อบัตรได้ที่ Thaiticketmajor และไปเจอ “จิมมี่-ซี” ได้ที่ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ได้เลยสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

โชคชะตาพาให้สองหัวใจมาเจอกันกับ จิมมี่ – ซี จากซีรีส์ ทำนายทายทัพ My Magic Prophecy ที่มาทำนายความรักให้แฟนๆ กันแบบใกล้ชิดในค่ำคืนพิเศษ

20 ส.ค. 2025

โชคชะตาพาให้สองหัวใจมาเจอกันกับ จิมมี่ – ซี จากซีรีส์ ทำนายทายทัพ My Magic Prophecy ที่มาทำนายความรักให้แฟนๆ กันแบบใกล้ชิดในค่ำคืนพิเศษ

รายการ EFM FANDOM LIVE [14 สิงหาคม 2568] ค่ำคืนนี้ต้อนรับการกลับมาของ 2 หนุ่มสุดหล่อ “จิมมี่ – ซี” จากซีรีส์ “ทำนายทายทัพ” My Magic Prophecy พร้อมพูดคุยเม้าท์มอยกับ 2 ดีเจสุดฮอต “ดีเจโซเซฟ” และ “ดีเจแนน”ในช่วงแรกของรายการ พี่ๆดีเจอ่าน 5 จดหมาย “EFM FANDOM LETTERS”ที่ถูกเลือกมาจากแฟนๆ ส่งความในใจที่อยากจะบอกศิลปินเข้ามา จดหมายฉบับที่ 1 ชื่อจดหมายว่า... My Heart’s Prophecy คำทำนายบอกไว้…การได้รู้จักจิมมี่ซีคือโชคที่ดีที่สุด ตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักเหมือนหัวใจถูกเติมเต็มอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่เหนื่อยหรือรู้สึกท้อก็เหมือนมีพลังใจเล็ก ๆ เข้ามาปลอบประโลมอยู่เสมอ เหมือนเป็นยาใจทำให้มีความสุขในทุกวัน My Heart’s Prophecy บอกว่า ขอให้จิมมี่ซีกินอิ่ม นอนหลับเต็มที่ในทุกคืน ขอให้ชีวิตเต็มไปด้วยเรื่องดี ๆ และรอยยิ้มที่ไม่รู้จบ สุดท้ายแล้ว “รักจิมมี่ซีไม่เสียใจเลยสักวัน”Letter #1: This letter is titled... My Heart’s Prophecy The prophecy reveals… Knowing Jimmy Sea is the best luck I've ever had. From the moment I met them, I felt a sense of completeness in my heart. Whenever I felt worn out or down, it's as if a little boost of encouragement would lift my spirits. It’s been like a healing balm for my heart, bringing me joy each day. My Heart’s Prophecy wishes for Jimmy Sea to always have enough to eat, to enjoy restful nights, and to live a life brimming with happiness and endless smiles. In conclusion, 'I adore Jimmy Sea, and I will cherish every single day we have together.'จดหมายฉบับที่ 2 ชื่อจดหมายว่า... จังหวะชีวิตในครั้งนี้ขอมอบให้จิมมี่ซี สวัสดีจิมมี่ซี อยากจะบอกว่าดีใจจริงๆ ที่ได้มารัก ถึงแม้จะมาช้าไปหน่อย แต่เชื่อว่าจังหวะชีวิตของเราในตอนนี้ได้เลือกแล้ว ว่าให้อยู่ตรงนี้กับจิมมี่ซี จะคอยสนับสนุนไม่ว่าจะมีผลงานอะไร คู่ หรือ เดี่ยว ขอให้ทั้งสองคนตั้งใจทำงานของตัวเองให้ดี ทางนี้จะคอยซัพพอร์ตทุกอย่างเอง กินให้อิ่ม นอนให้หลับ พักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลสุขภาพกันด้วย ยิ้มกว้างๆในทุกวัน เจอแต่คนรัก และเอ็นดู รอแฟนมีตอยู่นะค้าบบ รักนะจิมมี่ซีLetter #2: This letter is titled... This time, I entrust the timing in my life to Jimmy Sea. Hi Jimmy Sea! I just wanted to express how happy I am to have you here. Even though I might be a bit late, I feel like life has brought me to this moment with you. I’m here to support you, whether you’re working as a couple or individually. I truly hope both of you are focused and dedicated to your tasks. I’m here for you through everything. Remember to eat well, get enough sleep, and prioritize your health. Make sure to smile every day! I hope you surround yourself with people who cherish and care for you. I’m looking forward to your fan meeting. Love you, Jimmy Sea!จดหมายฉบับที่ 3 ชื่อจดหมายว่า... ขอบคุณที่เปิดโลกมองไม่เห็นให้คนมองเห็น (Beyond what eyes can see) ตอนมหาลัยต้องทำงานกลุ่มสอนคนตาบอด เลยตั้งคำถามว่าในไทยพอจะมีซีรีส์ดีๆสักเรื่องให้เราได้ศึกษาเข้าใจมุมมองพวกเขาไหม แล้วก็บังเอิญเจอเรื่อง Last twilight ซึ่งทั้งพี่ซีและพี่จิมมี่ก็ถ่ายทอดได้ดี ทำให้เราเข้าใจในมุมคนตาบอดและวิธีการปฏิบัติกับพวกเขา คือ อย่าทำให้เพราะสงสาร แต่ไปเพื่อซัพพอร์ต ให้เขาได้ทำเพราะเขาก็ทำเองได้ ขอบคุณที่เปิดโลกมองไม่เห็นให้คนมองเห็นคนนี้นะคะ ขอบคุณจากใจและจะคอยติดตามค่ะ ;)Letter #3: This letter is titled... Thanks for revealing the unseen world to those who are able to perceive it! (Beyond what eyes can see) When I was in college, I participated in a group project focused on teaching visually impaired individuals. I found myself thinking about whether there was a good series from Thailand that could help me learn more about their experiences. That's when I discovered 'Last Twilight,' which was beautifully portrayed by both P'Sea and P'Jimmy. It really helped me grasp the perspective of blind people and how to interact with them—it's important to support them rather than act out of pity. They can do things on their own, and we should encourage that. I genuinely appreciate you for shedding light on the world of the visually impaired for someone like me who can see. Thank you so much, and know that I’ll continue to support you!จดหมายฉบับที่ 4 ชื่อจดหมายว่า... กว่าเจ็ดแสนแปดหมื่นแปดพันสี่ร้อยนาทีที่ฉันรอจิมมี่ซี (waiting zone) ตั้งแต่ Last twilight จบไป ความสัมพันธ์ของเรากับจิมมี่ซีเหมือน long distance relationship เลย555 งานส่วนใหญ่ต้องไปต่างประเทศ ส่วนในไทยเป็นงานปิดที่เราไม่เคยถูกเลือกเลย แถมผลงานใหม่ให้ติดตามก็ไม่มี ช่วงหนึ่งเคยแอบกลัวว่าความห่างจะทำให้ความรู้สึกเราลดน้อยลง แต่พอจิมมี่ซีกลับมาวันนี้ คุณก็พาเอาทุกอย่างกลับมาหมดเลย ทำให้รู้ว่าที่จริงเราเองก็รอจิมมี่ซีอยู่ตลอด 1 ปีครึ่งหรือ 788,400 นาที วันนี้สิ้นสุดการรอคอยแล้วLetter #4: This letter is titled... I waited for Jimmy Sea for more than seven hundred eighty-eight thousand four hundred minutes. (waiting zone) Since the end of Last Twilight, it's felt like we're in a long-distance relationship with Jimmy Sea, haha. A lot of the work has been happening overseas, and for the events in Thailand, I've never been selected. There hasn't been anything new to work on either. At one point, I was worried that the distance might dull our feelings. But with Jimmy Sea back today, everything has changed. It hit me that I've actually been waiting for them for a year and a half—about 788,400 minutes. Now that wait has finally come to an end.จดหมายฉบับที่ 5 ชื่อจดหมายว่า... จดหมายจากบ้าน.. .ถึงเจ้าของบ้าน ถึงคุณเจ้าของบ้าน ความรักของเราที่มีให้จิมมี่ซีเป็นเหมือนบ้านหลังเล็กๆที่เต็มไปด้วยความรัก เป็นห้องนอนที่คอยให้จิมมี่ซีล้มตัวลงนอนพัก เป็นห้องครัวที่คอยเติมพลังกายพลังใจ เป็นห้องน้ำที่คอยจัดการสิ่งที่รบกวนจิตใจ เป็นสวนหน้าบ้านเล็กๆที่คอยโอบอุ้มรอยยิ้มของจิมมี่ซีอยู่เสมอ ทุกครั้งที่เจ้าของบ้านออกไปทำงาน บ้านหลังนี้จะคอยเปิดรอต้อนรับการกลับมาอย่างอบอุ่นให้จิมมี่ซีเสมอ ทุกครั้งที่กลับมาจะมีเรารอต้อนรับนะLetter #5: This letter is titled... A note from home... addressed to the homeowner. To the homeowner, our affection for Jimmy Sea feels like a cozy little house brimming with warmth. It’s a peaceful bedroom where they can relax and unwind, a kitchen that helps nourish both their body and spirit, a bathroom where they can wash away their worries, and a cheerful front yard that brings a smile to Jimmy Sea’s face. Whenever the homeowner heads out to work, this place will always be ready to greet Jimmy Sea with open arms. Each time they returns, I will be here, excited to welcome them back.เข้าสู่ช่วงเวลาที่รอคอยกับ ช่วงที่สองของรายการ EFM FANDOM LIVEพร้อมกันหรือยังคะ!!? เราจะมาพูดคุยกับ “จิมมี่ - ซี” กันน้องแพ้แต่ผมดูแลได้อวอร์ดแต่จะตอนไหนๆก็ดูแลได้เหมือนเคย! จิมมี่ : ดูแลได้ครับ ไม่มีปัญหา ผมดูแลได้ทุกคนอยู่แล้วครับจบวิจัยเหมือนยกภูเขาออกจากอก ได้เล่นเกมผ่อนคลาย จิมมี่ : ต้องเน้นคำว่าเล่นเกมด้วยหรอ ทุกวันนี้ก็เล่นเกมทุกวันเลยครับ เยี่ยมเลย! มีก๊วนเล่นกับเพื่อนแต่ผมเล่น ดอทเอ ต้องมีเกินห้าคนที่เล่นด้วยกัน เผื่อหัวร้อนจะได้เปลี่ยนคน ซี : ผมไม่ได้เล่นพี่ ส่วนใหญ่จะเล่นกีฬาครับไลฟ์สไตล์ที่ใช่ คาเฟ่ที่ชอบ ซี : คนส่วนใหญ่เขาจะคิดว่าผมไปบ่อย แต่จริงๆแล้ว ผมไม่ได้ไปบ่อยขนาดนั้น เหมือนรูปที่เราลง เราอาจจะแวะกินกาแฟแล้วก็ถ่ายเลย ส่วนใหญ่ที่ไป เป็นเพราะอยากเจอเพื่อน นัดเจ้ นัดเพื่อน โทรหาว่า อยู่มั้ย ถ้าอยู่ก็ไปเลย ผมเป็นพวกทริปปุปปับจิมมี่ไปสวิตเซอร์แลนด์กับซีที่แรกที่จะพาไป คือ... จิมมี่ : พาซีไปเที่ยวซูริคก่อนครับ เราสามารถนั่งรถไฟไปที่เมืองอื่นได้เลย เพราะเหมือนเป็นศูนย์กลาง ผมว่ามันเหมาะกับคนที่รักความสงบ ชอบธรรมชาติ ไม่วุ่นวาย เหมือนได้อยู่กับตัวเองจริงๆ อากาศดีมาก ถึงแม้ตอนที่ผมไปจะเป็นซัมเมอร์ แต่ไม่มีฝุ่นเลยนะประเทศที่ซีอยากจะไป ซี : ไปได้ทุกที่พี่ ใครชวนไปก็ไปได้ทุกที่ แค่ดูบ้านเมืองเขาก็ชอบแล้ว เราเป็นฟิลไปที่ไหนก็ได้ แต่ที่สำคัญคือต้องมีของกินที่อร่อยอโวเชี่ยนกับชีวิตประจำวัน และชีวิตในห้องเรียน ซี : ผมน่าจะพาไปวิ่ง เป็นเด็กสายกิจกรรม เขาเอเนจี้เยอะ ต้องพาไปทำกิจกรรมเบิร์นเอเนจี้เขาออก จิมมี่ : เขาน่าจะไม่ตั้งใจเรียนหรอก เพราะว่าเขาน่าจะรู้หมดแล้ว เป็นเด็กอัจฉริยะ ไอคิวทะลุ150 เป็นเด็กที่ไม่สนใจเรียน ตัวท็อปๆ ได้รับใบเซอร์ด้วย ผมสปอยเขาความแตกต่าง และการเติบโตของซีรีส์ My Magic Prophecy กับซีรีส์ Last Twilight จิมมี่ : มันต่างกันหมดเลยพี่ ตัวละครหมอกกับทัพฟ้า แทบจะไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ด้วยอาชีพ วุฒิภาวะ สังคมเป็นอยู่ ครอบครัว ต่างกันหมดเลย เรื่องนี้แทบจะไม่แต่งหน้า หน้าสดเลย ถ้าแต่งเยอะเกิน มันจะฟุ้งเกิน แต่ last twilight ต้องทำให้มอมๆ ซี : ต่างค่อนข้างเยอะ ตัวละครลึกกว่า ตัวละครครั้งที่แล้ว อินแบ่งได้หลายเลเยอร์มากๆ เราต้องทำความเข้าใจเขามีความคิดที่ซับซ้อนกว่าคนปกติ เห็นนิมิตจากคนที่ใกล้ชิด มีหลายอย่างที่เขาต้องคิดเผื่ออินทุกับความรู้สึกภายในตัวเอง ซี : ตัวละครมันแตกสลายมากๆ ปมชีวิตที่เวลากลับไปบ้านที่แม่ฮ่องสอน สถานที่ที่เขาไม่อยากกลับไป แต่เขาก็รักมาก เพราะเขาเคยอยู่กับพ่อแม่ที่นั่น เราแตกสลายเพราะว่าทัพฟ้าดันไม่รู้ว่า เก้าอี้ตัวนั้น เป็นเก้าอี้ตัวโปรดของคุณพ่อคุณแม่ เขาไปทำหัก อินเลยประทุขึ้นมา ผมเล่นไปตามตัวละครเลย เรารู้สึกยังไง ก็ไปตามนั้นจิมมี่กับซี ใครคือสายมูตัวจริง จิมมี่ : ผมไม่ได้มู แต่ว่าผมทำบุญ สวดมนตร์ทุกคืน มีความเชื่อเรื่องก้าวเท้าซ้าย ข้ามธรณีประตู หรือเวลาไปต่างประเทศ เท้าซ้ายต้องก้าวเหยียบแผ่นดินเขาก่อน เป็นเคล็ดของผมเอง ซี : แล้วหลังจากที่เขาพูดเราก็คิดว่า เอ๋ ใช้เท้าไหนว้า ผมเชื่อสัก 40 ที่เหลือคืออยู่ที่การกระทำ สิ่งที่เราคาดไม่ถึง แต่ทางบ้านเชื่ออยู่แล้ว ทางบ้านก็เจอมาเยอะ ผมคนอีสานด้วย แต่ก็กลัวเรื่องอะไรแบบนี้พูดคุยกันไปพอหอมปากหอมคอ ทางรายการ EFM FANDOM LIVEก็มีเกมมาให้ “จิมมี่ - ซี” เล่นกันด้วย! ชื่อเกมว่า “จิมมี่ซี ขอทำนายทายครับ!”(เข้าไปชมได้ใน YouTube: ATIME)ในช่วงสุดท้าย ทางรายการก็ได้เสิร์ฟความฟินให้กับงั่มงั่มโดยให้โชคชะตานำพา “จิมมี่ - ซี” ได้โทรหาแฟนคลับมาพูดคุยกัน(เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME) สุดท้ายนี้... รายการ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “จิมมี่ - ซี” มากๆเลยน้า ที่มาร่วมพูดคุย ทำนายดวงชะตา สร้างความน่ารัก และเป็น made my day ให้กับแฟนๆ และฝากซีรีส์ “ทำนายทายทัพ My Magic Prophecy” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 20:30 น. ทางช่อง GMM25 และดู Uncut ย้อนหลัง เวลา 22:30 น. บนแอป VIU ที่เดียวเท่านั้น และฝากเพลง OST.ของซีรีส์ด้วยน้าสามารถเข้าไปรับชมความฟิน ความสนุกกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

ต้องได้สกอร์เท่าไหร่ ถึงจะ 'ทัชใจ' พี่เบอร์ 8 “โนอึล ณัฐรัชต์” ที่จะชวนทุกคน... มาเข้าโหมดตกหลุมรักทำ สกอร์หัวใจ ไปพร้อมกัน

18 ธ.ค. 2023

ต้องได้สกอร์เท่าไหร่ ถึงจะ 'ทัชใจ' พี่เบอร์ 8 “โนอึล ณัฐรัชต์” ที่จะชวนทุกคน... มาเข้าโหมดตกหลุมรักทำ สกอร์หัวใจ ไปพร้อมกัน

รายการ EFM FANDOM LIVE [23 พฤศจิกายน 66] ขอต้อนรับพี่เบอร์ 8 “โนอึล ณัฐรัชต์” ที่กลับมาคนเดียว ซึ่งครั้งนี้มาในฐานะของศิลปินเดี่ยว กับซิงเกิล ‘Touchdown’ ซึ่งเป็นซิงเกิลภาษาไทยเพลงแรกของโนอึลอีกด้วยยยย!!ในช่วงแรกของรายการ วันนี้เราจะมาพูดคุยกับตัวแทนแฟนคลับของ “โนอึล ณัฐรัชต์” ที่จะมาชวนทุกคนไปทำแต้มให้ถึงหัวใจโนอึลกันเล้ยย! ครั้งนี้กลับมาพร้อมกับชื่อด้อม ‘MagentaBoy’ ที่มาคือ น้องชอบสี Magenta จะเป็นสีกึ่งแดงกึ่งม่วง เป็นสีที่ห้ามเรียกว่าสีแดงหรือสีม่วง ต้องเรียกว่าสี Magenta น้องเลยตั้งแทนตัวเองว่า MagentaBoy และตั้งให้แฟนคลับว่า ‘MagentaBabe’ เพลง ‘Touchdown’ นี้น้องออกในนามของตัวเองด้วยในช่อง Magenta Studio Official ในช่องก็จะมีรายการ ม้านั่ง ก็จะเป็นรายการของน้องกับม๊าเฉินที่เป็นผู้จัดการ ในรายการ เขาจะคอยถ่าย Vlog ที่เขาไปทำงานหรือไปทำนู่นทำนี่ เพื่อให้แฟนคลับได้ติดตามเขามากขึ้นความประทับใจที่มีต่อ “โนอึล” น้องจะเป็นคนที่ชอบเข้ามาคุยกับแฟนคลับตลอด และจะค่อยส่องแฟนคลับเสมอ ว่าแฟนคลับกำลังทำอะไรกันอยู่ และเป็นคนที่เวลาแฟนคลับมีโปรเจกต์ให้จะเป็นคนที่เคลื่อนไหวเร็วมาก บางทีแฟนคลับด้วยกันยังไม่ทันเห็นเลยแต่น้องมาแบบ เอ้ย! มีอันนี้ด้วย ขอบคุณนะครับ ความประทับใจสำหรับแฟนคลับก็คือยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากทำให้สิ่งที่อยากบอกกับ “โนอึล”To…โนอึล อยากบอกกับน้องว่า สู้ๆ นะ แฟนคลับทุกคนคอยซัพพอร์ตเสมอ อยากให้น้องมั่นใจในตัวเองมากๆ แล้วก็ก้าวผ่านในเรื่องทุกอย่างที่น้องเจอให้ก้าวผ่านไป ขอให้น้องพบเจอแต่สิ่งดีๆเข้าสู่ช่วงที่สองของรายการเราจะมาพูดคุยไปกับ “โนอึล ณัฐรัชต์” ล้วงลึกทำความรู้จักกับพ่อหนุ่ม MagentaBoy ไปกันเล้ย!ว่าด้วยเรื่องความชอบกินเยลลี่ของ “โนอึล” ผมชอบกินเยลลี่ทุกชนิดบนโลกใบนี้เลย ติดมาก ช่วงปีที่ผ่านมาหลังจากซีรีส์ออน ผมมีโอกาสได้บินไปหลายประเทศมากๆ ผมก็เลยไปไล่เก็บเยลลี่ที่ผมไม่เคยกินมาก่อนในชีวิต ของทุกๆ ประเทศผมไล่กินหมดเลย“โนอึล” ชอบ Pokemon ขนาดที่… ก็…นับเป็นพิพิธภัณฑ์ได้อยู่ครับ5555 จริงผมชอบโปเมอนมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยเด็กๆ เป็นการ์ตูนที่ดูแล้วติดมากกก แต่ว่าเราไม่กล้าซื้อเพราะว่าเรามีประสบการณ์จาก… ผมชอบอุลตร้าแมนด้วย แล้วผมซื้อแล้วมันหยุดซื้อไม่ได้ มันก็ทำให้สูญเสียทรัพย์สินไปมากมาย ผมก็เลยไม่กล้าเริ่มซื้อโปเกมอน แต่ว่ามันมีจังหวะหนึ่งที่ไปเดิน mega plaza แล้วเห็นในตู้ก็ “หู้ยย เท่จังเลยอยากได้ ซื้อตัวเดียวก็ได้ไม่เป็นไรหรอก” แต่อย่างที่รู้กัน พอซื้อตัวเดียวเขาก็จะมีสกิลเรียกเพื่อนมา จุดกำเนิดเริ่มมาจากตัวเล็กๆ ตอนนี้ตู้ที่บ้านใหญ่มากกกกรีแคป Love in The Air Meet Greet in Chiang Mai ที่ผ่านสักหน่อย แฟนมีตติ้งที่เชียงใหม่ที่ผ่านมาของพวกเราทั้ง 4 คน บอส , โนอึล , ฟอร์ด , พีท บัตรก็ Sold out เลย เพราะว่า เราก็เพิ่งเคยไปภาคเหนือครั้งแรกไปจัดที่เชียงใหม่ แล้วก็แฟนๆ ของ Love in The Air ของพวกเราทั้ง 4 คนก็ให้การต้อนรับแล้วก็รอพวกเรามาโดยตลอดสำหรับที่ภาคเหนือ ได้ไปก็รู้สึกว่า ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นมากๆ ทุกคนน่ารัก มายืนรอขอบคุณมากๆ เลยนะครับ สำหรับความทรงจำดีๆอัพเดทชีวิตช่วงที่ผ่านมาว่าเปลี่ยนไปขนาดไหน รู้สึกว่า…เราต้องเป็นคนที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น พอเรามีเรื่องการทำงานเข้ามาเราต้องรักษาเวลา จะต้องรู้ว่าเราควรทำอะไร แล้วก็ทำหน้าที่ของตัวเองในพาร์ทของการทำงานให้มันดีที่สุด ส่วนเรื่องที่เปลี่ยนไปเลยคือ ผมไปซื้อขนมที่เซเว่นแล้วมีคนรู้จัก เราออกไปไหนก็มีคนรู้จัก ก็ดีใจ มีครั้งนึง ผมเดินข้ามจากสยามฝั่งน้ำพุไปพารากอนก็ได้ยินตะโกน โนอึลลล ผมก็เอ๊ะ! ใครนะ หันไปก็เห็นคนโบกมือให้ ผมเห็นตัวเท่าจุด เพราะเขาอยู่ไกลมาก ผมก็เลยโบกมือกลับ ก็ไม่คิดว่าวันนึงเราจะได้มาอยู่ในจุดที่คนรู้จักเรา ไปไหนก็มีคนพอจะรู้จักเรา ช่วงนี้ก็จะทำงานทุกวันเลย แน่นๆ เลยครับ ชีวิตตอนนี้ก็ชินแล้ว ช่วงแรกๆ ก็อาจจะมีไม่ชินบ้าง เอาจริงๆ ตอนนี้ผมก็มีลืมตัวบ้างเหมือนกันนะ อย่างเมื่อเช้าผมนั่งอยู่กับพี่ๆ ผู้จัดการ แล้วก็เห็นในทีวีมีโนอึลออกมา ผมก็ชี้ให้ดูแล้วก็ หู้ยย! มีโนอึลด้วย แล้วผมก็หลุดพูดออกมาว่า เหมือนดาราเลย อย่างเนี้ยย55555วันว่างๆ ของโนอึลก็จะ… ถ้าเป็นช่วงก่อนหน้านี้ผมก็จะมีแก๊งที่เตะฟุตบอลด้วยกัน แต่ว่าตอนนี้ก็ต่างคนต่างเรียนจบแล้ว เขาก็ไปทำงานไปนู่นไปนี่กัน ก็ไม่ว่างกัน ผมก็จะมีเล่นเกมด้วย สะสมฟิกเกอร์ ไปไดร์ฟกอล์ฟก็มีด้วย แล้วก็ออกกำลังกาย ผมเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่อุดอู้ในห้องรู้สึกว่าอึดอัดผมก็เลยชอบออกไปข้างนอกมากกว่าช่วงนี้ติดซีรีส์ เมื่อก่อนดูซีรีส์เกาหลีนะ แต่ว่าตอนนี้คือ ไม่มีเวลาด้วยหนึ่ง แล้วก็หลังๆเริ่มหายไป ย้ายไปดูซีรีส์ฝังจีนบ้าง ไปดูการ์ตูน อนิเมะ หลายๆ อย่างเลย เพราะว่าหลังๆ ผมชอบแอบเดาเนื้อเรื่องเพราะว่าเมื่อก่อนดูมาเยอะ เวลาดูก็จะ “เดี๋ยวพระเอกมันต้องอย่างนี้แน่เลย แล้วเดี๋ยวนางเอกมาก็จะไม่รู้ว่าพระเอกมันทำอย่างนี้!” แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ พอเราเดาได้หมดเราก็เลยไม่ดูแระะ ไปดูอย่างอื่นดีกว่า ที่ติดซีรีส์จีน มันเริ่มต้นจากผมไปบ้านเพื่อนแล้วเพื่อนดูอยู่ เพื่อนก็บอกว่า เนี่ยเรื่องนี้สนุก แล้วผมก็ชอบพระเอก ชอบหลินอี ล่าสุดผมก็เพิ่งไปดู สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารักเวอร์ชั่นของจีน ก็ชอบม้ากกกก เป็นเวอร์ชั่นของ ไล ควานลิน ถ้าให้แนะนำซีรีส์จีน ผมเชียร์เรื่องนี้ครับ สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก คือผมชอบควานลิน เขาน่ารัก เวอร์ชั่นจีนเขาจะขยายเนื้อเรื่อง แต่เบสเรื่องก็คล้ายๆ เดิมเลยความจีนๆ กับโนอึล ทำให้ซิงเกิลแรกก็เป็นภาษาจีน เพลงแรกของผมก็เป็นภาษาจีน ความยากของเพลงนี้ก็คือ เราพูดไม่ได้ Accent เราไม่ได้ เราก็ต้องฝึกในการร้อง ในการออกเสียงเยอะมาก แต่ช่วงนั้นเรามีโอกาสดีๆ ฝั่งบริษัทจีนบริษัทหนึ่งติดต่อมาว่า เขาอยากทำเพลงให้เรานะ เรารู้สึกว่ามันเป็นโอกาสนึงในชีวิต ก็ เอ้ย! ลองดูแล้วกัน ถึงมันจะยาก แต่ผมก็รู้สึกว่า มันก็น่าลองทำไมต้อง Touchdown... เปรียบความรักเป็นกีฬาอเมริกันฟุตบอล การ Touchdown คือการทำแต้มสูงที่สุดของอเมริกันฟุตบอล ก็คือเหมือนกับว่า การได้เจอคนๆ เนี้ย ของท่อนฮุคเลย คือ พอฉันมาเจอเธอฉันรู้สึกเหมือนแบบ ชีวิตฉัน Touchdown แล้ว ก็คือการทำแต้มสูงสุดแล้ว เป็นการเข้าเส้นชัยของฉันแล้วที่มาของซิงเกิล Touchdown... ผมอยากทำ จริงๆ ผมชอบการเป็นศิลปิน ชอบการร้องการเต้นอยู่แล้ว ก็เลยได้ติดต่อพี่ที่รู้จักไปว่าแบบ ช่วยทำเพลงให้หน่อย แล้วเราก็ให้โจทย์ไปว่า เราอยากได้ฟีลประมาณนี้นะ อยากได้แบบฟังง่ายๆ ติดหูน่ารักๆ ที่ใครๆ ก็สามารถฟังได้ Concept ของการถ่าย MV ก็คือ ตามชื่อเพลง Touchdown ก็เลยเป็นอเมริกันฟุตบอลบอสฟังเพลงนี้แล้วว่าไง… จริงๆ บอสฟังคนแรก ฟังก่อนทุกคน หลังจากได้เพลงมาแล้วก็ให้บอสฟังก่อน ทั้งตัว MV ทั้งเพลง บอสก็จะเห็นก่อน บอสก็บอกว่า ชอบนะ ติดหูนะ ผมก็จะถามว่า MV โอเคไหม เป็นไงบ้าง ปรับตรงไหนบ้าง เราก็จะคุยกัน บอสก็จะ โอเคแล้วนะอะไรแบบนี้แลกเปลี่ยนกัน เป็นพาร์เนอร์ที่เราคุยได้ทุกเรื่องแพลนซิงเกิลหน้า นอกจากการแสดงผมก็ชอบเรื่องเพลงด้วย ก็มีเพลงเตรียมตัวไว้อยู่บ้าง รอปล่อย อาจจะเป็นปีหน้า ไม่ได้เร็วถึงขั้นต้นปี แต่ก็ไม่แน่น้าาาา ผมอาจจะพูดอะไรมากไม่ได้ ก็รอติดตามกันนะค้าบบวันนี้ทางรายการEFM FANDOM LIVE ของเราก็มีเกมให้กับ “โนอึล”ได้เล่น รับรองเลยว่า Magentababe จะต้อง Happy กันมากๆ แน่นอนเล้ยยย กับเกมที่ชื่อว่า “ต้องได้สกอร์เท่าไหร่ ถึงจะ Touch ใจเธอ” (เข้าไปชมได้ในYouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้ MagentaBabe ได้โทรเข้ามาพูดคุยกับ “MagentaBoy”ของพวกเขาสายแรกTo… โนอึล อยากให้พี่อึล ดูแลตัวเอด้วยนะคะ พักผ่อนเยอะๆ เป็นคนเก่งตลอดไป แล้วก็จะอยู่ตรงนี้คอยซัพพอร์ตในทุกๆ เรื่องไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ตลอดไป อยู่กับพี่บอสและพวกเราไปนานๆ เลยนะคะ จะรักพี่โนอึลกับพี่บอสตลอดไปค่ะสายที่สองTo… โนอึล อยากบอกว่า ดีใจนะที่ได้มาเจอกันแล้วก็จะอยู่กับโนอึลไปนานๆ เลย จะคอยซัพพอร์ตจะคอยยินดีกับทุกความสำเร็จของน้อง อยากให้โนอึลเป็นโนอึลที่น่ารักแบบนี้ไปนานๆ นะคะ แล้วก็อยากบอกว่า พี่เป็นห่วงโนอึลนะ ไม่ได้เป็นวงกลมสายที่สามTo… โนอึล อยากให้โนอึลเต็มที่ในทุกๆ ด้านที่อยากทำ ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรอยากให้อึลข้ามมันไปให้ได้ อยู่เป็นกำลังใจให้อึล ขอบคุณที่อึลเป็นกำลังใจให้เราเหมือนกัน แค่เราเจอหรือดูรูปน้องก็รู้สึกว่าเขาเป็นแรงผลักดันให้เราทำงานในทุกๆ วัน ขอบคุณที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอเขา เหมือนเป็นแสงสว่างในเราในเวลาที่เราเหมือนอยู่ในมุมมืด อยากให้เขาตัดสินใจได้เลยว่าเขาอยากทำอะไร พร้อมที่จะซัพพอร์ตเขาเต็มที่ รักและเป็นห่วงมากๆ เหมือนน้องคนนึงเลย อยู่กับเขามานานมากเหมือนเขาเป็นครอบครัวของเราคนนึง รักและหวังดีกับเขามากๆสายสุดท้ายTo… โนอึล อยากบอกว่าคุณแฟนเก่งมากวันนี้ ตามโนอึลมาตั้งแต่วันแรกๆ พัฒนามาไกลมาก เมื่อก่อนขี้อายตอนนี้กล้าจีบเรากลับแล้ว เขาแพรวพราว ยักคิ้วหลิ่วตาเล่นมุข เมื่อก่อนเล่นมุขเขาไม่เคยทันอะไรเลย อยากถามว่ามาวิ่งในใจเราเหนื่อยไหมสุดท้ายนี้EFM FANDOM LIVEขอขอบคุณ“โนอึล ณัฐรัชต์” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความสุข ความน่ารักสดใส สนุกสนานให้กันในรายการ และก่อนที่จะจบรายการกันไป ฝากติดตามเพลง Touchdown ฟังได้ใน Youtube ช่อง Magenta Studio Official เป็นซิงเกิลเดี่ยวของโนอึลที่พึ่งปล่อยไปและ ซีรีส์ The Boy Next World เร็วๆ นี้ รอติดตามได้เลอ ทุกคนต้องชอบแน่!!สามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

album

0
0.8
1