“ซันนี่ เกวลิน” ศิลปินลูกครึ่งไทย-จีน กับการกลับมาไทยในรอบ 3 ปี พร้อมเจาะลึก ‘ตัวตนไหนที่ใช่เธอ?’

EFM FANDOM RECAP

“ซันนี่ เกวลิน” ศิลปินลูกครึ่งไทย-จีน กับการกลับมาไทยในรอบ 3 ปี พร้อมเจาะลึก ‘ตัวตนไหนที่ใช่เธอ?’

17 มี.ค. 2023

         ในวันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา รายการ EFM Fandom live ได้แขกรับเชิญสุดพิเศษที่อิมพอร์ตมาจากเมืองจีน! เป็นการกลับไทยในรอบ 3 ปีของ “ซันนี่ เกวลิน บุญศรัทธา” นักร้องชาวไทยเชื้อสายจีน มาพูดคุยกันในรายการ โดยเธอเป็นอดีตสมาชิกของเกิร์ลกรุ๊ปจีนที่ชื่อว่า “ร็อกเก็ตเกิร์ลส์ 101” หลังจากจบอันดับที่ 8 ของรอบชิงชนะเลิศในรายการ “พรอดิวซ์ 101” ต่อมาเธอได้มีเพลงเดี่ยวเพลงแรกของเธอที่ชื่อว่า "Don't Cry" อีกด้วย

     และไม่เพียงเท่านั้นที่ไทยเองก็ยังมีแฟนคลับตัวตึงที่ตั้งหน้าตั้งตารอการกลับมาของซันนี่อยู่เสมอ จะเป็นใครไปไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่ “คุณฝ้าย” แอดมินจากเพจเฟสบุ๊ค “Sunnee fc thailand” 

         โดยคุณฝ้ายเล่าว่าชื่อด้อมของซันนี่นั้นชื่อว่า “太阳星 ไท่ หยาง ซิง” หรือ Sun Star (ไท่หยาง แปลว่า พระอาทิตย์ ซิง แปลว่า ดาว) มันเกิดจากการที่เวลาซันนี่แนะนำตัว เธอมักจะแนะนำตัวว่า ”สวัสดีค่ะฉันชื่อซันนี่เป็นพระอาทิตย์ดวงโตของทุกคน”

      ภายในด้อมแฟนคลับก็เลยโหวตกันว่า อยากให้มีชื่อด้อมคล้องกับที่ซันนี่แนะนำตัว และยังพูดคุยถึงฉายาประจำตัวของซันนี่ อย่าง บอสหยาง, น้องฉิง , น้องนี มาเริ่มกันที่ “บอสหยาง” เกิดจากการที่พี่ๆ ทีมงานชอบเรียกน้องว่าบอสหยาง จนสุดท้ายน้องก็เลยนำมาตั้งเป็นชื่อสตูดิโอที่ทำงานที่จีน

        ต่อมาคือน้องฉิง หรือ “ฉิง เอ๋อ เม่เม๋” ฉิงมาจากชื่อจีน แปลว่า มีแดดออก สดใส เอ๋อ เป็นภาษาจีนที่เติมเข้าไปเพื่อให้คำมันดูน่ารัก เม่เม๋ แปลว่า น้องสาว ส่วน ”น้องนี” คือมาจากชื่อเล่นจริงๆ ของน้อง และบริษัทเห็นว่าน้องบุคลิกสดใส เลยตั้งสเตจเนมว่า Sunny แต่เปลี่ยนข้างหลังเป็น nee แทน

        และแฟนคลับของน้องไม่ได้มีแค่ที่จีนเท่านั้น มีทั้งประเทศไทย, สิงคโปร์, ฮ่องกง, มาเลเซีย เป็นประเทศที่ใช้ภาษาจีนเป็นหลัก รวมไปถึง ตอนที่มีคอนเสิร์ตที่จีนก็มีแฟนคลับจากประเทศญี่ปุ่นด้วย แฟนคลับเยอะขนาดนี้ แน่นอนว่าผลงานของน้องก็เยอะมากๆ เช่นกัน ซึ่งน้องมีผลงานที่โดดเด่นที่สุดเลยคืออัลบั้มแรกที่วางขายในจีน เป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ชื่ออัลบั้มว่า "How's The Weather Today?" (ฮาวส์ เดอะ เวทเธอร์ ทูเดย์) ซึ่งชื่ออัลบั้มนี้มาจากแฟนเพจใน Facebook ที่ตามถ่ายรูปให้ซันนี่ ตั้งแต่สมัยที่น้องอยู่ไต้หวัน-ไทเป ซึ่งอัลบั้มนี้ขายดีมากกว่า 11,000,000 หยวน (ประมาณ 55 ล้านบาท) ซึ่งก่อนหน้านั้นมีระยะเวลาที่พรีเซลล์ซึ่งขายได้ 10,000,000 ก่อนเปิดขายจริง โดยยอดเป็นอันดับที่ 72 ของอัลบั้มที่ขายดีตลอดกาลในจีน และมีผู้ติดตามน้องใน ”เหว่ยป๋อ” 22.1 ล้านคน

     และสาเหตุที่น้องมีแฟนคลับมากมายที่คอยสนับสนุนขนาดนี่คงจะหนีไม่พ้นอุปนิสัยของน้องเวลาสื่อสารหรือเจอแฟนคลับ น้องจะชอบเป็นคนที่ขี้แกล้งขี้หยอก เสมอ โดยคุณฝ้ายได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่น้องไปออกรายการจีนชื่อรายการว่า “Roast” (แปลว่า เผา) ซึ่งเป็นรายการแรกๆ เลยหลังจากที่เดบิวต์เป็นวงร็อกเก็ตเกิลส์ ไปกับเพื่อนสมาชิกอีกคนหนึ่งในวง และ concept ของรายการคือให้ดาราศิลปินมาเผากัน แหย่เล่นกันเอง ซึ่งน้องเองก็โดนแซวว่า เนี่ยอ่านภาษาจีนยังอ่านไม่ออกเลยนะ ซันนี่ก็เลยแซวกลับไปว่าฉันเป็นคนไทยนะ เธอก็ยังอ่านภาษาไทยไม่ออกเลยใช่มั้ยล่ะ โดยยกประโยคที่ว่า “ยายกินลำไยน้ำลายยายไหลย้อย” ให้เพื่อนฟัง พร้อมกับตบท้ายด้วยประโยคท้าทายว่า “คุณเข้าใจไหมล่ะ” อือหือแสบใช่ย่อยเลยล่ะ 

       และเมื่อน้องได้เข้าวงการตั้งแต่อยู่ที่ไต้หวันจนถึงปัจจุบันรวม 10 กว่าปี ตั้งแต่อายุ 15-16 พอน้องกลับมาที่ไทยแฟนคลับก็ไปรอรับที่สนามบิน ซึ่งในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา คุณฝ้ายเองก็มีการ โปรโมทหนักมากทั้งช่องทางโซเชียลมีเดีย จนน้องมีแฟนคลับเพิ่มมากขึ้น ทำให้แฟนคลับที่ไปรับที่สนามบินตอนนี้มีประมาณ 100 กว่าคนจากวันแรกที่เดบิวต์ rockets girls มีแค่ 30-40 คนเท่านั้น

ซึ่งแน่นอนว่ามีคลิปคลิปหนึ่งที่เป็นไวรัลที่สามารถตกแฟนคลับเข้าด้อมเพิ่มได้ นั่นก็คือคลิปที่น้องร้องเพลง”โต๊ะริม ของนน ธนนท์” โดยที่ไทยชาวโซเชียลก็ได้แสดงความคิดเห็นว่า ”ทำไมคนจีนคนนี้ร้องเพลงไทยเพราะจัง” และคนจีนเองก็งงว่า “คนนี้เป็นคนไทยหรอ? ทำไมร้องเพลงไทยชัดจัง” 

        และมีเรื่องน่ารักอย่างแรกของน้องเลยก็คือแฟนคลับมักจะแซวน้องในแพลตฟอร์ม TikTok ว่า “นี่แอคจริงหรือ แอคหลุม” เพราะ TikTok ของน้องเพิ่งเปิดใช้ได้ไม่นาน น้องเองก็ไม่ค่อยได้ลงรูปหรืออัพเดตอะไร ซึ่งคนติดตามใน TikTok ประมาณ 8,000 คน แต่คนติดตามในเพจเฟสบุ๊คแฟนคลับประมาณ 160,000 คน เลยถูกแซวตามประโยคข้างต้น ซึ่งสามารถไปติดตาม TikTok ของน้อง @sunnee_kewalin ให้กลายเป็นแอคจริงได้สักที

         เรื่องน่ารักต่อมาคือ แรงผลักดันที่ทำให้น้องมีความตั้งใจที่จะโด่งดังให้ได้ ส่วนหนึ่งมาจากป้าข้างบ้านเพราะสมัยที่น้องเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ชอบทักว่าทำไมถึงไม่เรียนให้จบ  น้องเองก็ไม่อยากหน้าแตกจึงเกิดเป็นพลังไฟในครั้งนั้นที่นำพาน้องจนประสบความสำเร็จ

        เรื่องน่ารักอย่างสุดท้ายคือน้องเคยมาร์คหน้าไปซื้อกาแฟ จนล่าสุดมีพนักงานที่ร้านมาคอมเม้นต์ใน TikTok ของแฟนคลับว่า “จำน้องได้ว่าน้องมาร์คหน้ามาซื้อของตลอด” ไม่เพียงแต่มาส์กหน้าออกไปซื้อของเท่านั้น เวลาน้องออกไปเที่ยว น้องก็แทบจะไม่แต่งหน้าเลย จนถึงขนาดที่ว่าแฟนคลับคิดว่าน้องไม่มีเครื่องสำอางติดที่บ้านเลย นอกจากนี้น้องยังเคยให้สัมภาษณ์ด้วยว่า “ถ้าเราพึ่งการแต่งหน้าไปแล้วครั้งหนึ่ง ละพึ่งมันไปเรื่อยๆ มันอาจจะทำให้วันนึงเราจะไม่มีความสุขกับหน้าตัวเอง” 

          และขอย้อนกลับไปถึงเรื่องกาแฟที่น้องชอบซื้อดื่มประจำนั่นก็คือ “ไอซ์ อเมริกาโน่” มักจะถือติดมือตลอด ในส่วนของอาหาร น้องก็จะไม่ค่อยกินอาหารที่ยากๆ (ทั้งยากต่อการทำและยากต่อการกิน) จะกินของง่ายง่ายเช่น ผัดกะเพรา ข้าวเหนียวหมูปิ้ง บะหมี่หมูแดง 

      และนอกจากเรื่องอาหารเครื่องดื่มที่น้องชอบแล้วแล้ว ในตอนนี้ซันนี่เองก็กำลังให้ความสนใจกับการเที่ยวชมคอนเสิร์ตที่เมืองไทย เพราะต้องการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ว่าคอนเสิร์ตในไทยเป็นอย่างไร ศิลปินท่านอื่นๆ ในไทยมีวิธีการดึงความสนใจผู้ชมแบบไหน โดยซันนี่เองก็มี “พี่เบิร์ด ธงไชย” เป็นไอดอล รวมไปถึงศิลปินชายอีกคนที่เขาชอบมากๆ เลยก็คือ “ต่อ ธนภพ” และอยากร่วมงานกับศิลปินของเมืองไทยคนอื่นๆอีกด้วย เช่น โบกี้ ไลอ้อน, พีพี กฤษฏ์ และแฟนคลับเองก็อยากเห็นน้องได้ร่วมงานกับศิลปินเหล่านี้เช่นกัน เพราะอยากให้น้องมีความสุข

         ซึ่งก่อนหน้านี้ซันนี่เองก็ได้ร่วมงานกับศิลปินไทยไปแล้วกับเกิร์ลกรุ๊ปสัญชาติไทยอย่างวง “VYRA(ไวร่า) เพลงต๊ะต่อนยอน” นั่นเอง โดยเป้าหมายต่อไปที่น้องสนใจอยากจะทำคงหนีไม่พ้นการได้มีส่วนร่วมในการทำเพลงมากขึ้น อยากจะลองร้องเพลงสไตล์ใหม่ๆ หรือมีเวทีที่น้องจะได้ร้องเพลงต่อหน้าคนหลายๆ คนที่ตั้งใจมาฟังน้องร้องเพลง

         และสุดท้ายนี้คุณฝ้ายที่เป็นตัวแทนของแฟนคลับหลายๆ คนก็อยากจะฝากถึงแฟนคลับคนอื่นๆ ว่า “ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ทุกๆ คนเป็นคนสำคัญที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้ และฝ้ายเองก็คิดว่าคนในด้อมก็มีนิสัยเหมือนกันนั่นก็คือชอบของยาก ชอบความท้าทาย เลยทำให้เราหากันเจอ

และอยากฝากถึงซันนี่ว่า “อยากให้น้องมีความมั่นใจเยอะๆ เพราะน้องมีเสน่ห์ในตัวและมีความน่ารักในตัวที่รอให้คนมาเห็น ขอให้น้องเป็นตัวของตัวเอง น่ารักกับทุกคนแบบนี้ไปนานๆ  ขอให้ประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่ตั้งใจ ในเรื่องของหน้าที่การงานก็ขอให้มีผู้ใหญ่เอ็นดูน้องเยอะๆ ค่ะ” คุณฝ้ายกล่าว 

และก็มาถึงช่วงที่เราจะได้เจาะลึกถึงตัวตนของซันนี่กันแล้ว จากที่คุณฝ้ายเล่าว่าน้องมีหลายคาแรกเตอร์ ซึ่งคาแรกเตอร์แรกคือ”คาแรกเตอร์ซันนี่” จะเป็นลุคที่มีความเป็นบอส เซ็กซี่ๆ ส่วน”คาแรกเตอร์เกวลิน” จะเป็นลุคน่ารักขี้เล่น ซึ่งในรายการวันนี้ คุณฝ้ายและดีเจทั้งสองคนเองก็ไม่แน่ใจว่าน้องจะพกคาแรกเตอร์แบบไหนมา ไปติดตามกันได้เลย! 

 

‘เปิดโมเม้นท์สุดประทับใจกับการกลับมาประเทศไทยในรอบ 3 ปี’

 

อย่างที่บอกไปว่าช่วงโควิดที่ผ่านมา ซันนี่ ก็ไม่ได้กลับมาประเทศไทยนานมาก ถ้ารวมแล้วก็ระยะเวลากว่า3ปีแล้ว ดีเจดาวจึงเอ่ยแซวเรื่อง Vlog ของซันนี่ ที่ไปเห็นโมเม้นสุดน่ารักของคุณพ่อคุณแม่ไปรับและยังปลอกทุเรียนมาให้อีกด้วย

ซันนี่เองจึงตอบว่า ใช่แล้วค่ะ จริงๆ แล้วอยู่ที่จีนก็ได้ทานเหมือนกัน แต่ที่นู่นเขาจะเป็นแบบนิ่ม ส่วนเราเองจะชอบแบบกรอบมากกว่าค่ะ พอพูดถึงทุเรียนกรอบดีเจพี่แนนเลยเล่นมุขว่า แล้วแบบนี้ทำไมไม่ทานทุเรียนกรอบเอาล่ะคะ (หัวเราะ) ซันนี่จึงบอกว่า จริงๆ แล้วหนูทานได้แค่ทุเรียนจริงส่วนที่ผ่านกระบวนการอื่นหนูไม่ค่อยทานเลยค่ะ ดีเจแนนและดีเจดาวก็ต่างเซอร์ไพรส์ จึงแซวซันนี่บอกว่า ต้องลองซักครั้ง อย่างทุเรียนทอดก็ถือเป็นมรดกโลกเลยนะ ซันนี่ยิ้มขำพร้อมบอกว่า ได้เลย ไว้หนูจะลองดูค่ะ

พร้อมบอกเล่าความประทับใจที่เหล่าแฟนคลับต่างไปรอต้อนรับตนกลับไทยที่สนามบิน เพราะตนไม่คาดคิดว่าจะมีแฟนคลับที่ประเทศไทยมากขนาดนี้ จึงส่งผ่านคำขอบคุณแฟนคลับ Sunstar  太阳星 ทุกคนที่ผลักดันตนมาถึงจุดนี้และคอยซับพอร์ตเราอยู่เสมอ ทำให้ซันนี่เป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกด้วย

 

‘ความฝันในวัยเด็ก สู่ ความสำเร็จในปัจจุบัน’

 

พอพูดมาถึงการเป็นศิลปินแล้ว ดีเจพี่ดาวก็เลยเอ่ยถามว่า เด็กหญิงซันนี่ในวัยเด็ก นอกเหนือจากความฝันหรือการเข้าสู่วงการบันเทิงแล้ว ซันนี่มีอาชีพอะไรอีกมั้ยที่อยากจะทำ ตัวซันนี่เองจึงตอบอย่างชัดเจนเลยว่า ไม่มีเลยค่ะ แต่ตอนเดบิวท์แรกๆ และเราหายไปประมาณ 3 ปี มันก็มีช่วงที่เราคิดเหมือนกันค่ะ ว่าการเป็นดารานักร้อง ก็คงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ก็เลยเรียนการโรงแรมไว้ เผื่ออนาคตจะสามารถมีอาชีพรองรับเราไว้ด้วย

 

ซึ่งเราก็รู้กันอยู่แล้วว่าการไปเป็นศิลปินที่ต่างประเทศความยากลำบากอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องภาษา แล้วตัวซันนี่เองพบปัญหาอะไรบ้างด้านนี้ ซันนี่จึงตอบว่าจริงๆ แล้ว ภาษาไม่ใช่อุปสรรคเท่าไหร่เลยค่ะ เพราะตอนอยู่ไทยเราเรียนภาษาจีนอยู่แล้วด้วย พอไปอยู่ได้ซักพักก็เริ่มพูดคุยได้ค่ะ แต่ตอนนี้ก็อาจจะยังไม่ถนัดการเขียนซักเท่าไหร่ ซึ่งเราก็ได้ใช้ภาษาจีนกับคุณพ่อมากขึ้นด้วยเพราะคุณพ่อเป็นคนจีนค่ะ จนหลังๆมาก็ไม่ได้ใช้ภาษาไทยกับคุณพ่อเลยค่ะ (หัวเราะ) มีใช้ภาษาไทยก็กับน้องชายเลยค่ะ เพราะเขาชอบโทรมาคุยด้วยบ่อยๆ ตอนอยู่ที่จีน แต่ว่าตอนคุยกันก็ไม่ค่อยใช้ภาษาสุภาพซักเท่าไหร่ค่ะ (หัวเราะ) ตอนกลับมาไทยก็เลยยังไม่ชิน รอบหลังเลยต้องให้น้องชายพยายามพูดภาษาสุภาพกับเรามากขึ้น ในอนาคตเผื่อเราจะต้องใช้ในการทำงาน ก็เลยจะกลัวดูไม่ดีซักเท่าไหร่ค่ะ

 

‘แพลนในอนาคตกับการกลับมาทำงานในประเทศไทย’

 

ซันนี่เองก็ได้กล่าวกับทางรายการว่า รู้สึกว่าปีนี้ถือเป็นปีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของตนมากๆ จึงอยากที่จะไปในจุดที่ตน อาจจะยังไม่มีประสบการณ์มาก่อน ซึ่งประเทศไทยก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นที่เราสนใจ หรือในอนาคตเราก็อยากที่จะให้ทุกคนรู้จักเรามากขึ้น ก็เลยค่อยๆ ดูไป และยังคงหาโอกาสให้กับตัวเองเรื่อยๆเลยค่ะ

 

โมเมนต์สุดน่ารักของ ’ซันนี่’ กับศิลปินไทยที่ตนชื่นชอบ

 

- ตำนาน อุ้ย !! เฮ้ย !! ว๊ายย !!

เมื่อดีเจแนนเอ่ยแซวถึงดาราไทยที่ซันนี่ชื่นชอบอย่าง ‘ ต่อ ธนภพ ‘ ซันนี่ก็ถึงกับเสียอาการและตอบกลับมาว่า ถ้าตามสเปคจริงๆ ของหนูเลย ก็เป็นลุคคล้ายๆ พี่ต่อเลยค่ะ สูง ตาโต ดูสะอาดสะอ้าน จริงๆ เราชอบและชื่นชมผลงานการแสดงของเขามากกว่า เพราะเรารู้สึกว่าเขามีเสน่ห์ในแบบของเขาเวลาเล่นละครมากๆ เลยค่ะ 

ดีเจแนนจึงถามถึงล่าสุดที่ทาง ต่อ ธนภพ ได้มีการมาตอบคอมเมนท์ตนในไอจี เป็นอย่างไรบ้างกับความรู้สึกตอนนั้น ซันนี่จึงเล่าโมเมนต์นั้นให้ฟังว่า ตนพึ่งเห็นเมื่อเช้าตอนกำลังเช็คโทรศัพท์ แล้วพอเห็นปุ๊บรีแอคชั่นที่ออกมาก็อุทานเลยค่ะว่า

อุ้ย!! เฮ้ย!! ว๊ายย!! น้อย!” ซึ่งน้อยก็คือน้องเราเอง แล้วกว่าหนูจะตอบกลับเขาก็คือพิมพ์แล้วลบทิ้งหลายรอบมาก รอบแรกพิมพ์ว่า ‘ สวัสดีค่ะ หนูซันนี่นะคะ’  แล้วลบทิ้ง รอบสองก็พิมพ์ใหม่ ‘ พี่ต่อติดตามหนูหน่อยได้มั้ย’ แล้วก็ลบอีกค่ะ (หัวเราะ) แล้วก็พิมพ์อีกว่า ‘พี่ต่อ หนูซันนี่นะคะ’ จนสุดท้ายกว่าจะกดส่งก็กลายมาเป็น “ อุ้ย เฮ้ย ว๊ายย “ เนี่ยแหละค่ะ เพราะตรงกับความรู้สึกตอนนั้นเราดี (หัวเราะ) ซึ่งโมเมนต์การเล่าเรื่องของซันนี่ก็ทำให้สร้างเสียงหัวเราะให้พี่ดีเจทั้งสองไปตามๆกัน

 

- ศิลปินไทยคนไหนที่อยากร่วมงานด้วยที่สุด

เมื่อดีเจดาวถามซันนี่ถึงศิลปินที่ตนอยากร่วมงานด้วยในไทยคือใคร ตนก็ตอบกลับมาอย่างไวเลยว่า ‘พี่เบิร์ด ธงไชย’ ซึ่งคำถามนี้เวลาตนให้สัมภาษณ์ที่ไหนตนก็จะให้คำตอบเดิมเสมอ เพราะเราชื่นชอบมาก ตั้งแต่ตนเกิดมา 26 ปี ก็ยังไม่เคยเจอเลย และยังไม่มีโอกาสได้ไปคอนเสิร์ตด้วย เรารู้สึกว่าเพลงของพี่เบิร์ดหลายเพลงเวลาเราเฟล เราได้ฟังก็ทำให้รู้สึกดีไปด้วยค่ะ

พฤติกรรมแปลกที่คนอื่นไม่เคยรู้

คิดว่าพฤติกรรมของเราที่คนอื่นไม่น่าจะทำคืออะไร ซันนี่จึงตอบว่า จริงๆ ไม่รู้ว่าแปลกมั้ยนะคะ ไม่รู้คนอื่นเป็นมั้ย แต่เวลาที่เราไปพักโรงแรมสิ่งแรกที่มักจะดูก่อนก็คือ ห้องน้ำค่ะ เพราะส่วนตัวเราเป็นคนซีเรียสเรื่องห้องน้ำ เรื่องความสะอาดอะไรแบบนี้ รวมไปถึงเช็คพวกเสื้อคลุมอาบน้ำ และฝักบัวด้วยว่าสกปรกมั้ย ถ้าสกปรกก็จะเอาแอลกอฮอล์มาเช็ดเลย  ซึ่งคิดว่าแปลกตรงที่ก็ซีเรียสอยู่แค่ห้องน้ำนี่ล่ะค่ะ (หัวเราะ)  อีกอย่างเป็นพวกความรู้สึกซะมากกว่าค่ะ อย่างเวลาทำงานถ้าสตูดิโออะไรแบบนี้ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับหรือเซ้นท์มั้ย แต่ก็จะมีบางที่ที่รู้สึกอึดอันหรือเวียนหัวแต่พอทำงานเสร็จออกมาก็กลับมาปกติแบบนี้ก็มีค่ะ หรืออย่างพวกโรงแรมที่เราไปพัก ถ้าห้องไหนที่เราเข้าไปแล้วรู้สึกว่า มืด หรือหัวตื้อๆ อะไรแบบนี้ ก็จะย้ายโรงแรมเลยค่ะ

 

การ ’เปลี่ยนแปลง’ ที่ดีเพื่อ ’ความรัก’ และ ’แฟนคลับ’

หลังจากดีเจทั้งสองเอ่ยปากชมความชิล ความเป็นตัวของตัวเองของซันนี่ในรายการแล้ว ดีเจแนนก็เกิดคำถามว่า ทำไมซันนี่ถึงคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่มั่นใจ ซันนี่จึงบอกว่า เมื่อก่อนตนเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองซักเท่าไหร่ ตนจึงพรีเซนท์ตัวเองในรูปแบบความสดใส และปล่อยเอเนอจี้ที่ดีออกมาให้คนที่เรารักดีกว่า และด้วยความเราอยู่และทำงานที่จีนด้วย ถ้าเรายังไม่มีความมั่นใจ หรือเซนซิทีฟกับปัญหาต่างๆ เราคิดว่า มันก็จะทำให้คนที่ชื่นชอบเราเขาก็รู้สึกดาวน์ไปด้วย หรือถ้าวันไหนเรารู้สึกสภาวะจิตใจเราไม่ค่อยดี เราก็จะบอกกับแฟนคลับตามตรงเลยค่ะ เพื่อที่จะกลับไปปรับตัวเองให้กลับมาเป็นซันนี่คนเดิมตามปกติค่ะ

 

       และนอกจากนี้น้องยังได้เปิดเผยความรู้สึกตอนที่ได้คุยกับแฟนคลับว่า “หนูรู้สึกเฟล ในเรื่องของหน้าที่การงานในปีที่แล้วมาก เพราะมีปัญหาหลายอย่าง และในปีนี้ที่กลับมาไทยคือกลับมา”ชาร์จแบต”(หมายถึง พักผ่อน เติมพลังกายพลังใจ) กลับมาหาความมั่นใจของตัวเองอีกรอบ จริงๆในใจก็รู้สึกกลัวมากที่มารายการในวันนี้ กลัวจะทำออกมาได้ไม่ดี ที่ต้องไลฟ์สดคุยกับทุกๆคน และต่อมาคือกลัวว่ายังจะมีคนชื่นชอบเราอยู่หรือเปล่า แต่พอมาเจอแฟนคลับในวันนี้ น้ำตาใหลเลย ทำให้พูดกับตัวเองว่าเราไม่ได้แย่ขนาดนั้น เรายังมีคนชื่นชอบเยอะอยู่นะ เลยอยากขอบคุณทุกคนมากๆ หนูเลยจะพยายามที่จะทำให้หนูและแฟนคลับได้เจอกันบ่อยๆ มากขึ้น”

 

และดีเจดาวก็ได้พูดเพื่อให้กำลังใจน้องด้วยว่า 

“มันเป็นเรื่องดีมากๆ เลยที่คนๆ หนึ่งสามารถเผยความรู้สึกของตัวเอง และเปิดเผยมุมที่อ่อนแอบางอย่างได้ พี่ดาวว่ามันต้องใช้ความกล้าเยอะมากๆ และพี่ก็นับถือตรงนั้นจริงๆ”

        สุดท้ายนี้ซันนี่เองก็ยังอยู่ในช่วงวางแผนการจัดแฟนมีตที่จะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมหากใครที่ต้องการพบปะน้องแบบพิเศษใส่ไข่ก็อย่าลืมติดตามข่าวสารจากน้องได้เลยน๊าา แล้วเจอกันสัปดาห์ถัดไปจ้า

ติดตามความน่ารักของซันนี่ย้อนหลัง

related EFM FANDOM RECAP

มองกี่ทีก็น่ารักกกก... “ปอนด์-ภูวินทร์” พากันมาแจกความน่ารักจนจุใจ พร้อมเล่าความสัมพันธ์ที่เพิ่มมากขึ้น แบบไม่ต้องพูดมองตาก็รู้ใจ

09 ก.พ. 2023

มองกี่ทีก็น่ารักกกก... “ปอนด์-ภูวินทร์” พากันมาแจกความน่ารักจนจุใจ พร้อมเล่าความสัมพันธ์ที่เพิ่มมากขึ้น แบบไม่ต้องพูดมองตาก็รู้ใจ

รายการ EFM FANDOM LIVE [9 กุมภาพันธ์ 66] มารับชมความโซคิ้วท์ทะลุจอของ “ปอนด์ - ภูวินทร์ ” พร้อมฟังความเจื้อยแจ้วน่ารักของทั้งคู่กันในรายการ บอกเลยงานนี้ทั้งน่ารักสนุกเฮฮากันแน่นอนนนน!ช่วงแรกของรายการ วันนี้เรามาทำความรู้จักสองหนุ่มให้มากขึ้น จากการพูดคุยกับตัวแทนของแฟนคลับที่จะพาทุกคนไปรู้จักกับ “ปอนด์ - ภูวินทร์”มาเริ่มกันที่ชาวปังปอนด์ ของ “ปอนด์” ชื่อด้อมปังปอนด์ มาจากขนมปังปอนด์ที่คุณแม่ตั้งให้ เพราะว่าคุณแม่ชอบปังปอนด์แล้วก็ชอบกินด้วย ส่วนฉายาสไปเดอร์ปอนด์ก็มาจากที่ชอบดูสไปเดอร์แมนมากใครชวนคุยเรื่องสไปเดอร์แมนคือคุยได้ยาวมาก แต่จริงๆแล้วปอนด์ก็เป็นคนที่กลัวแมงมุมมาก ปอนด์ทำให้แฟนคลับชอบดูดวง เพราะว่าทุกวันปอนด์จะรีทวิตดวง มีทุกวันจนกลายเป็นว่า ทุกคนได้เช็คดวงเพราะว่าเห็นที่ปอนด์รีทวิสิ่งที่อยากบอกกับปอนด์ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาที่เห็นได้ชัดเลยคือ น้องตั้งใจมากๆกับการทำอะไรสักอย่าง โฟกัสมากๆ ตอนถ่ายซีรีส์เพื่อนาย ก็จริงจังตั้งใจมากๆ อยากให้ผลมันออกมาดีตลอด ก็อยากจะบอกว่า วันนี้ทุกคนได้เห็นความเหนื่อยของเขาแล้ว แล้วมันออกมาดีมากๆ แล้วก็พร้อมที่จะซัพพอร์ต ให้ใช้ชีวิตของตังเองได้เลย ไม่ต้องเกร็งว่า ทำอย่างนี้แล้วเราจะรักน้อยลง เพราะทุกวันนี้ที่เรารักเขาเราก็รักที่เขาเป็นเขาต่อด้วยเหล่าวินนี่ ของ “ภูวินทร์” ชื่อแฟนคลับ วินนี่ มาจากชื่อน้องพี่ภูวินทร์ ที่มาของชื่อน้องก็คือ วินนี่เดอะพูห์ ก็เลยเอาชื่อด้อม Winnie The Phu ส่วนฉายาพี่ตั้ง มาจากเพื่อที่คณะของเขาเรียกว่า ตั้ง ตั้ง ไอ้ตั้ง เพราะว่าภูวินทร์มีหลายลุค ถ้ามองในฟิลเตอร์เท่ๆ เราก็จะเรียกว่าพี่ตั้ง แต่ถ้าสไตล์น่ารัก คิ้วท์ๆ ยิ้มทีมัมหมีใจเหลว ก็จะเป็นภูวินทร์เหมียวสิ่งที่อยากบอกกับภูวินทร์ อยากบอกน้องว่าเก่งมากแล้วที่ทำทุกอย่างในเวลาเดียวกัน น้องทำเยอะมาก ทำซีรีส์ ถ่ายหนัง เรียนด้วย แบ่งเวลาเก่งมาก ทำได้ดีทุกอย่าง ชอบคุณที่พยายามและเต็มที่กับทุกอย่าง วินนี่ทุกคนเป็นกำลังใจให้ภูวินทร์เสมอ ไม่ว่าภูวินทร์จะมีผลงานอะไร ก็จะคอยซัพพอร์ตตลอดไป แล้วก็หาเวลาพักผ่อนบ้างเข้าสู่ช่วงที่สองของรายการที่จะพูดคุยกับ “ปอนด์ – ภูวินทร์”เริ่มด้วยเรื่องเล่าจากญี่ปุ่น ภูวินทร์ : ต้องบอกเลยว่าเราสองคนจะติดปัญหาอยู่อย่างนึง คือเวลามันต่างกัน เราจะคิดเป็นเวลาไทย อย่างเที่ยงคืนในญี่ปุ่นเราก็จะไม่เป็นอะไรหรอก สี่ทุ่มที่ไทยเอง ซึ่งจะเกิดปัญหาคือตอนก่อนนอนเราก็จะแบบ พึ่งตีสองญี่ปุ่นเอง พึ่งเที่ยงคืนเมืองไทย แต่ตอนเช้าเราต้องตื่นหกโมงเช้าญี่ปุ่นก็คือตีสี่ไทย ก็คือเละเลย ปอนด์ : ผมขอเม้าท์ผู้จัดการเรา ผมบอกว่าผมอยากไปชิบูย่า แล้วเขาบอกว่าไม่ต้องกลัวนะลูก พ่อมาหลายรอบแล้ว (ทำเสียงเลียนแบบผู้จัดการ) แล้วเราไปรถไฟฟ้า เขาบอกไปสถานีชิบูย่าไม่ยากหรอก ก็แค่ไปกดตู้ แต่สุดท้ายแล้วเรากดมาผิดสาย เราก็เดินกลับไปที่เดิมแต่ก็หาป้ายชิบูย่าไม่เจอ ก็เลยต้องซื้อตั๋วใหม่พูดถึงโมเมนต์แรกที่ “ปอนด์ – ภูวินทร์” ประทับใจกัน ภูวินทร์ : เป็นโมเมนต์ที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เป็นโมเมนต์ที่เรามองเขาอยู่ แล้วรู้สึกว่า เออ คนนี้เราเข้าด้วยกันได้ ต้องย้อนไปตอนแคสติ้งปลาบนฟ้า เขาแคสก่อนผม แต่มันอยู่ในห้องรวม ก็คือทุกคนดูการแคสติ้งหมดเลย แล้วทีนี้พี่เขาเนี่ย เข้ากับพี่คนนึง แล้วเป็นซีนที่ทั้งสองคนเล่นกันแล้วเล่นกันไม่จบเพราะ ขำกันไม่หยุด ผมก็เลยมองแล้วผมรู้สึกว่า โอเคคนแบบนี้แหละอยู่ด้วยกันได้ เขาจะเป็นคนปล่อยจอย ปอนด์ : ด้วยความที่มาทำงานด้วยกัน อาจจะยังไม่คุยกันเยอะ แต่พอมันได้คุยกันเยอะในหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน เรื่องชีวิต มันก็ทำให้สนิทกันมากขึ้น เวลาไปกินข้าว ไปปาร์ตี้ มันก็ทำให้เราสนิทกันมากขึ้นเยอะเลยด้วย ครั้งแรกตอนเจอน้องก็รู้สึกว่าจะเป็นคนโหดๆ เขาไม่เหมือนที่ผมคิดไว้ ทีแรกผมคิดว่าเขาอายุเท่าผม เพราะตอนแรกไม่รู้ว่าเขาอายุเท่าไหร่ ตอนนั้นเมื่อ 3 ปีก่อน ผม 19 เขาน่าจะประมาณ 16-17 แล้วผมดู The Gifted ก็นึกว่าเขาจะเป็นคนแบบดุๆ แต่พอเล่นปลาบนฟ้ารู้จักกันก็ไม่ใช่เลย แต่จริงๆเขาก็เป็นคนที่มีความดุ มีความโหดๆ ด้วยบุคลิกเขาในบางมุมจะมีความนิ่งๆ จะมีความน่ากลัวอยู่บ้างเป็นความพิเศษให้กันและกัน พอมันรู้จักกันมานานเราจะรู้สึกว่าไม่ต้องพูดก็รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ถ้าเหนื่อยจากการทำงานเราก็จะรู้แล้วก็ให้สเปซกัน ในวันที่เหนื่อยเราจะฮีลใจเขา เวลาภูวินทร์เหนื่อย ปอนด์ก็จะมา service บ้าง กินน้ำมั้ย เอานู้นเอานี่มั้ยเดี๋ยวหยิบให้ ตอนอยู่กองที่ถ่ายติดกันแบบ 4 วันเลยแล้วไปถ่ายหนังอีกแล้วมีสอบอีก ปอนด์ก็จะรู้แหละว่าเขาเหนื่อย เราก็จะพยายามไม่ไปจุกจิกเขาเวลาพักก็จะปล่อยเขาพักรีวิวเสน่ห์ของกันและกันปอนด์ To... ภูวินทร์ ความนิ่ง ความนิ่งคือเสน่ห์ของเขา เขาไปงานแถลงข่าวของหุ่นยนต์แล้วผมแอบเซฟรูปนึงไว้อยู่คือหล่อขึ้นเยอะมาก ผมเห็นแล้วแบบโหรูปนี้หล่อ ผมเลยจะส่งให้เขาแล้วบอกหล่อมากภูวินทร์ To... ปอนด์ ผมว่าเสน่ห์ของเขาคือเอเนอจี้เขา คือเขาจะเป็นคนที่เอเนอร์จี้ไม่ match กับหน้าตา คือเขาจะดูเป็นคนแบบตัวใหญ่ อบอุ่น แบบดูเท่ๆ เป็นรุ่นพี่ในคณะที่จะคอยดูแลน้องๆ ยืนห่างๆ แต่จริงๆ แล้วไม่ เขาจะลงไปเล่นกับน้องๆ วันรับน้อง เป็นเอนเตอร์เทน เป็นพี่เชียร์คนนึงทางรายการ EFM FANDOM LIVE ของเราก็มีเกมให้กับ “ปอนด์ – ภูวินทร์” ได้เล่นกันสนุกๆ กันด้วย กับชื่อเกมว่า “เหล่าซือภูวินทร์” (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME )มาถึงช่วงสุดท้ายของรายการทางรายการเปิดโอกาสให้แฟนคลับโทรเข้ามาพูดคุยกับ “ปอนด์ – ภูวินทร์”To... ปอนด์ - ภูวินทร์ “อยากจะบอกทั้งสองคนว่าดีใจที่เหมือนเราเติบโตมาด้วยกันจนถึงวันนี้ อยากให้เอนจอยกับการทำงาน ถ้าเหนื่อยก็พักผ่อนบ้าง ไม่ต้องห่วงเลยว่าจะทำอะไร ทุกคนซัพพอร์ตอยู่ตรงนี้เสมอ ไม่ต้องกลัวไม่ต้องกังวล ทำให้เป็นตัวเองได้เต็มที่ ใช้ชีวิตให้เอนจอยมีความสุข” “อยากบอกว่ารักนะคะ แล้วก็คอยตามงานตลอด ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ” “อยากบอกว่าเราเป็นแฟนคลับมือใหม่อยากจะฝากความรักน้อยๆของเราไว้กับทั้งสองคนด้วย เราชอบทั้งสองคนที่เป็นตัวเอง มีความสุขในทุกๆวัน”ถึงคิวของทั้ง 2 คนที่จะพูดถึงกันและกันปอนด์ To... ภูวินทร์ ด้วยความที่รู้จักกันมา ปีนี้เข้าปีที่สามแล้ว เหมือนกับว่าเราได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างด้วยกันมาเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นพาร์ทการทำงาน หรือว่าการใช้ชีวิต ด้วยความที่ว่าเขาอายุยังไม่เยอะ แต่ว่าความรับผิดชอบในการทำงานคือดีมาก ก็อยากจะบอกว่าเก่งมาก คอยซัพพอร์ตอยู่ตลอดภูวินทร์ To... ปอนด์ ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง พูดเยอะไม่ค่อยเก่ง แต่ว่าไม่มีอะไรมาก ทำตัวดีๆนะ อยู่ด้วยกันไปนานๆ ทำตัวดีๆใน definition คือ ไม่ทะเลาะกัน ไม่งอนกัน ไม่นู่นนี่กันแค่นั้นพอก่อนที่จะจบรายการกันไป ทั้งสองคนได้ฝากผลงานไว้ให้แฟนๆได้ติดตามกันคือ ซีรีส์ “เพื่อนายแค่หนึ่งเดียว” และ “Our Skyy 2 เพื่อนายแค่หนึ่งเดียว” กันด้วยสุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “ปอนด์ – ภูวินทร์” ที่มาพูดคุยกันในรายการมาสร้างความน่ารักสนุกสนานเฮฮาสร้างเสียงหัวเราะให้กันทั้งรายการสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

“อันดา - ลูกแก้ว” หนูเล่นมุกขนมจีบ...แต่พี่เขาเป็นซาลาเปา ‘น้องมะนาวและพี่เกี๊ยวซ่า’ ช็อตกันน่ารัก จนได้รางวัล ‘คู่รักนักช็อต!!’

14 ก.พ. 2024

“อันดา - ลูกแก้ว” หนูเล่นมุกขนมจีบ...แต่พี่เขาเป็นซาลาเปา ‘น้องมะนาวและพี่เกี๊ยวซ่า’ ช็อตกันน่ารัก จนได้รางวัล ‘คู่รักนักช็อต!!’

EFM FANDOM LIVE [8 กุมภาพันธ์ 67] เปลี่ยนสตูเป็นโรงเรียนคอนแวนต์ ต้อนรับสองสาว “อันดา - ลูกแก้ว” ที่มาพร้อมกับโมเมนต์สุดน่ารักจาก “Love Senior the Series พี่ว้ากคะ รักหนูได้มั้ย” พร้อมอัปเดตพูดคุยไปกับ “ดีเจดาว และ ดีเจแนน”ในช่วงแรกของรายการ เป็นการคัดเลือกชื่อ FANDOM AWARDS จากที่แฟน ๆ เสนอและเปิดให้โหวต1.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Infinity Love” ที่มาของรางวัลนี้มาจากชื่อด้อมค่ะ ชื่อด้อมคือชื่อ อนันกมล มีที่มาจากชื่อจริงของทั้ง 2 คนเอามารวมกัน ชื่อจริงของ อันดา คือ อนันตา ชื่อจริงของลูกแก้วคือ กมลลักษณ์ ซึ่งอนัน แปลว่า มาก, ไม่มีที่สิ้นสุด ส่วน กมล แปลว่า ดวงใจ, ความรัก ทําให้เกิดเป็นชื่อ อนันกมล แปลว่า รักที่ไม่มีที่สิ้นสุดในภาษาไทย ส่วน Infinity Love คือ ภาษาอังกฤษของชื่อนี้ค่ะ ต่อให้จะสลับตำแหน่งคำทั้งภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ ความหมายก็ยังคงเหมือนเดิม คือรักที่ไม่มีที่สิ้นสุด เปรียบเหมือนแฟนคลับที่รักทั้ง 2 คนโดยไม่มีที่สิ้นสุดค่ะ2.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “เด้นกับแงวที่จริงใจแห่งปี” คือว่าลูกแก้วช่างน่ารักเหมือนแมวมาก ๆ ขี้อ้อน อ้อนแฟนคลับเก่งมากกก ส่วนอันดาก็เป็นไทป์หมาโกลเด้นที่จริงใจน่ารัก ชอบทำหน้าฟึดฟัดเหมือนหมาเด้น ละพอสองคนนี้อยู่ด้วยกันเลยเหมือน แมวกับหมาโกลเด้นที่เล่นกัน อ้อนกัน น่ารักแบบ 1,000% ไปเลยจ้า เหมือนว่าโลกนี้มีแค่เด้นกับแงวสองคน 55553.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “You are My Destiny” You're My Destiny “เธอคือพรหมลิขิตของฉัน ฉันจะขอพักพิงใจอย่างเงียบ ๆ และคอยโอบกอดเธอเอาไว้ เดินมาหาฉันตรงนี้นะ เดินไปยังจุดหมายเดียวกัน” ซึ่งเหมือนกับทั้งคู่ที่บังเอิญมาเจอกัน แล้วพบว่าอีกคนเป็นน้องของเพื่อนสมัยมัธยม ทำให้ทั้งคู่สนิทกันมากขึ้น คอยดูแลช่วยเหลือกันจนได้มาเป็น COSMOS ในทุกวันนี้ ได้แสดงซีรีส์ มีผลงานและเป็นที่รู้จัก มีแฟนคลับทั้งไทยและอินเตอร์ ระหว่างทางอาจมีอุปสรรคบ้าง แต่ทั้งคู่ไม่เคยปล่อยมือจากกัน คอย Support และอยู่เคียงข้างกันเสมอ เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ด้วยกัน ดังนั้นชื่อรางวัลนี้น่าจะเหมาะ กับทั้งคู่ซึ่งเป็นคู่พรหมลิขิตของกันและกันค่ะ4.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “คู่รักนักช็อต!!” **ชื่อสาขานี้เป็นชื่อที่ได้รับการเสนอเข้ามาเยอะที่สุด นี่คือแนวคิด/ที่มาบางส่วนเท่านั้น** แนวคิดที่ 1: น้องสองคนชอบเล่นมุกจีบกัน น้องอันดาก็ขยันหามุกมาจีบน้องลูกแก้ว แต่น้องลูกแก้วจะช็อต ๆ ซึน ๆ พูดเบี่ยงไปเรื่องอื่น (อาจจะกลับเกลื่อนความเขิน) ส่วนน้องลูกแก้วก็เล่นมุกให้คนพี่ แต่คนพี่ก็ไม่เข้าใจบ้างหรือเขินบ้างง เลยช็อตกันไปมา แฟน ๆ เลยทั้งเขินทั้งขำทั้งฟินค่าาา และรักความเป็นตัวของตัวเองของน้องกันสุด ๆ ฝากน้อง ๆ ทั้งสองด้วยนะคะ น่ารักกันทั้งสองเลย แนวคิดที่ 2: เวลาน้องทั้งสองคนเล่นมุกทีไร ต้องมีช็อตกันทุกครั้ง ดูแล้วทำดี น่ารักจิ้นฟินกระจาย แนวคิดที่ 3: เป็นคู่จิ้นที่มีความซึน ๆ ด้วยกันทั้งคู่ แต่มักจะจีบกันแต่ไม่ทันมุข จนเกิดเหตุการณ์ช็อตฟิลกันเกิดขึ้น5.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “รอยยิ้มของลูกโลกสีฟ้า” เป็นการเอาชื่อแฟนคลับของน้อง ๆ ทั้งสองคนมารวมกัน น้องสองคนเป็นรอยยิ้มของเราในทุก ๆ วันเลย ชอบเวลาเค้าอยู่ด้วยกัน ชอบเวลาอันดาเล่าเรื่องเจื้อยแจ้ว เป็นเด็กน้อยสดใส ชอบเวลาลูกแก้วยิ้มหวาน หยอกล้อกับแฟนคลับ อยากซัพพอร์ตน้อง ๆ ให้เค้าอยู่ตรงนี้นาน ๆ แค่การมีอยู่ของน้อง มันเหมือนเป็นกำลังใจให้เราในทุกวันเหมือนกัน ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะถึงเวลาที่เหล่าอนันกมลรอคอย~ เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ ที่เราจะมาพูดคุยกับ “อันดา - ลูกแก้ว”รางวัล “คู่รักนักช็อต!!”ลูกแก้วชอบช็อตมุกที่อันดาหามาเล่นด้วย... ลูกแก้ว : มันน่าจะเป็นไปตามธรรมชาติ อาจจะเป็นพรหมลิขิตหรือว่าเคมีบางอย่าง ที่พอแฟน ๆ เห็นแล้วต้องหัวเราะ และเอ็นจอยกับความช็อตของเราตลอดเวลา ลูกแก้ว : หลาย ๆ ครั้งลูกแก้วจะเล่นมุกเหมือนขายขนมจีบเบา ๆ แต่พี่เขาเป็นซาลาเปาอันดา: จำได้มีอันนึง “น้ำหยดลงหินทุกวัน หินบอกหินเปียก...”แนะนำตัวสั้น ๆ จากเด้นและแงวว~ อันดา : สวัสดีค่ะ ‘อันดา’ อิย๊าาาา หรือว่า ‘น้องมะนาว’ เฟรชชี่ปี 1 จากซีรีส์เรื่อง ‘พี่ว้ากคะ รักหนูได้มั้ย’ ลูกแก้ว : สวัสดีค่ะ ‘ลูกแก้ว’ เฮดว้าก! เป็นสาวแว่นที่จริงใจแห่งเรื่อง ‘Love Senior The Series’ อยากจะว้ากเหมือนกัน แต่กลัวไมค์จะแตก~ว่าด้วยเรื่องทั้งสองคนเป็นสายหวาน หรือ สายเท่ อันดา : ถ้าหนูนิ่ง ๆ คนจะบอกว่าเท่ แต่ถ้าหนูพูด คนจะบอกว่าไม่เท่ จะเป็นเหมือนเด๋อ ๆ แบบว่าโกลเด้นนิดหน่อย ถ้าอยากจะเท่ก็ต้องเป็นแบบ JPEG(ภาพนิ่ง) ลูกแก้ว : ก็คือถ้าแคปภาพพี่เขาจะเป็นแบบเท่ ๆ แต่ถ้าการพูดเขาจะออกลีลาท่าทาง อันดา : ถ้ามองรู้สึกว่าน้องเป็นคนหวาน แต่แค่เป็นคนพูดตรงประเด็น ก็เลยดูเป็นคนจริงจัง ถ้าหน้าหรือว่าลุค หนูรู้สึกว่าน้องเป็นคนหวาน ลูกแก้ว : จริง ๆ รู้สึกว่าเป็นได้ทุกลุค เพราะชอบมิกซ์แอนด์แมทช์ แล้วก็เปลี่ยนไปหลาย ๆ มุม หวานก็ไม่ติด เปรี้ยวก็ไม่ติด เท่ก็ได้ ลูกแก้ว : แต่ว่ารู้สึกว่าพี่อันดาหวานมากกว่า อันดา : เหรอคะ~ ลูกแก้ว : เนี่ย~ยิ้มหวานมากในเรื่องสลับบท ‘รุ่นพี่-รุ่นน้อง’ ต่างกับชีวิตจริง อันดา : หนูว่าหนูดูพูดจาเด็กรึเปล่า ลูกแก้ว : เป็นอะไรที่ท้าทาย เหมือนชาเลนจ์ใหม่ ๆ ด้วยความที่เราเป็นน้องแล้วต้องเล่นเป็นพี่ว้าก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าพี่ว้ากเขาเป็นยังไง ไม่เคยเจอด้วย แล้วต้องมาว้ากกับเพื่อน จริง ๆ เป็น เกิร์ลกรุ๊ปวง ‘COSMOS’ ได้เล่นเรื่องนี้หมดทุกคนเลย ก็คือว้ากใส่เพื่อน ๆ ต้องกลั้นขำอยู่ แต่จริง ๆ หนูก็มีมุมที่นิ่งบ้าง เป็นพี่ว้ากแฟน ๆ ก็แฮปปี้ดีวิธีเตรียมตัวการเป็นพี่ว้ากของลูกแก้ว ลูกแก้ว : จริง ๆ ก็มีถามพี่ ๆ ในค่าย คุณครูในค่ายหลายคนเลย แล้วก็จากประสบการณ์ที่คุณครูเล่ามาคือน่ากลัวมาก เขาแสดงออกให้เราดูจริง ๆ เลยว่าเหตุการณ์เป็นยังไงชีวิตหลังจากซีรีส์ออนแอร์ อันดา : เปลี่ยนมากเลย จากตอนแรกเริ่มจากศูนย์ ตั้งแต่แข่งรายการ ‘COSMOS’ ที่เป็นรายการ Survival ยังไม่ค่อยมีแฟนคลับ พอมาเล่นซีรีส์ก็รู้สึกแบบ “มองหนูรึเปล่า...คุยกับหนูรึเปล่า” การทำตัวก็ต้องปรับมากขึ้น จะทำอะไรต้องคิดเยอะขึ้น เป็นตัวอย่างให้กับคนอื่นด้วย รู้สึกว่ามีวันนี้ได้เพราะแฟน ๆ เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ด้วย ลูกแก้ว : เมื่อก่อนปกติถ้าออกไปข้างนอกจะใส่แว่นบ้าง แต่ว่าในคาแรคเตอร์พี่ว้ากคือใส่แว่นอยู่แล้ว ก็เลยลองเอาผมม้าปลอมมาใส่ ล่าสุดไปสวนมนต์ข้ามปี ก็พรางตัวใส่ผมม้าปลอมไป เพราะถ้าใส่แว่นคนน่าจะจำได้แน่ว่าเป็น ‘พี่เกี๊ยวซ่า’ ก็เลยเพิ่มความแอดวานซ์ขึ้นมานิดนึงเมื่อรู้ว่าซีรีส์ของตัวเองกระแสดีมาก ๆ อันดา : ไม่เลย แต่ก็มีคาดหวัง ลูกแก้ว : ก็มีคาดหวังบ้าง จริง ๆ มันเป็นซีรีส์เรื่องแรกของลูกแก้ว แล้วก็เพื่อน ๆ อีกหลายคน พวกเราใหม่มาก ๆ ตั้งแต่มุมกล้องเลย อันดา : ก็ต้องขอบคุณ ‘พี่โอ๋’ และ ‘พี่เฟิร์ส’ ที่ให้พวกหนูได้มาเล่นซีรีส์ แล้วก็ได้เล่นกับเพื่อน ๆ ทั้ง ‘COSMOS’ รวมไปถึงรุ่นพี่ในค่ายที่มาร่วมเล่นด้วย พอมันเหนือความคาดหมายก็รู้สึกแบบ...หูววว! ลูกแก้ว : แล้วก็ ‘พี่หญิง’ ทีมพี่ ๆ โปรดักชั่นที่ทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ แล้วก็ “ที่ขาดไม่ได้เลยคือ แฟน ๆ ของพวกเรา” อันดา : รู้สึกว่าตั้งแต่ EP.3 เป็นต้นไป มันเหมือนมีไคลแม็กซ์ในเรื่อง คนก็เริ่มแบบโพสต์ถึงมากขึ้น หรือว่าแบบถ้าจะเป็นรูปธรรมก็คือยอดฟอลเพิ่มขึ้น อย่างใน TikTok จากห้าพันเพิ่มขึ้นเป็นหลักแสนทัวร์หา ‘เหล่าอนันกมล’ ในที่ต่าง ๆ ลูกแก้ว : เพิ่งไปทัวร์ 4 ภาคจบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อันดา : ไปที่ชลบุรี เชียงใหม่ หาดใหญ่ แล้วก็ขอนแก่น ลูกแก้ว : จริง ๆ อยากไปทุกจังหวัดเลย แต่ว่าด้วยเวลาด้วย อันดา : ปกติตอนไปทัวร์ก็จะมีเล่นเกมกับแฟนคลับ แต่ที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมี คือ ‘รถแห่’ ที่ขอนแก่น ลูกแก้ว : พอไปถึงปุ๊บ! ได้ผ้าขาวม้า, ที่คาดผม ที่สำคัญแฟน ๆ เต้นให้ดูด้วย อิ่มอกอิ่มใจมาก~ อันดา : สนุกมากกก อันดา : แล้วก็จะมีไปทัวร์ต่างประเทศ เริ่มที่แรกที่ ‘ไทเป 17 มีนาคม’ แล้วก็จะกลับมาที่ ‘ไทย วันที่ 24 มีนาคม’ ลูกแก้ว : แล้วก็มี ‘ฟิลิปปินส์’ ด้วย ที่ ‘มานิลา~’ย้อนกลับไปตอนแสดง ตอนที่เล่นซีรีส์ทั้งคู่เล่นเป็นตัวเองกันสุดๆ อันดา : ตอนแรกแพลนไปว่าจะเล่นแบบนี้ ๆ แต่พอไปถึงหน้างาน พี่ผู้กำกับกับพี่ทีมงานบอกว่า ความจริงแล้วอยากให้ ‘มะนาว’ เป็นเหมือนที่หนูเป็นเป็นตัวหนู หลังจากนั้นก็เลยรู้สึกว่ามะนาวก็เหมือนหนูอยู่ ลูกแก้ว : ตอนแรกอาจจะยังไม่ค่อยออกลาย แต่พอเริ่มเล่นไปเรื่อย ๆ ก็เป็นเราอยู่ในอีกเวอร์ชั่นนึง เพราะตอนแรกเข้ามาเป็นเกิร์ลกรุ๊ป ก็จะเป็นเวอร์ชั่นความน่ารัก ชมพู ๆ แต่พอเริ่มเป็น ‘พี่เกี๊ยว’ ก็จะเป็นสีแดง เข้ม ๆ อันดา : ตอนแรกน้องเขามาแบบตึงจัดเลย เขามีลิสต์มาให้เลยว่า “พี่อยากได้เสียงไหนคะ” ลูกแก้ว : ด้วยความที่พี่ว้าก ปกติผู้หญิงยังไม่ค่อยมี แล้วเป็นเฮดว้ากด้วยก็ต้องคุมให้อยู่ เลยไล่มาหลายเสียงมาก จนกระทั่งได้เสียงที่แบบว่าเข้ม ๆ โดยที่ไม่ต้องตะโกน เสียงต้องหนักแน่นอะไรแบบนี้ แต่ว่าตัวพี่เกี๊ยวซ่าจริง ๆ ไม่ได้ดุตลอดเวลา เขาแค่สวมหัวโขนในการที่จะเข้ามาเป็นระบบโซตัส จริง ๆ เขาก็มีมุมขี้เล่น ซึ่งก็ตรงกับเราอยู่ วันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ของเราก็มีเกมให้กับ “อันดา - ลูกแก้ว” กับเกมที่ชื่อว่า “พี่ชื่ออะไร..น้องมาจากไหน” โดยเปิดสตูแห่งนี้ให้เป็นมหาลัย EFM94 สนุกสนานกันแน่นอน! (เข้าไปชมได้ใน YouTube: ATIME) เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้แฟนคลับโทรเข้ามาพูดคุยกับ “อันดา-ลูกแก้ว” เริ่มติดตามพี่อันดาตั้งแต่เรื่อง ‘แอบหลงรัก’ อยากขอบคุณพี่อันดา เพราะว่าช่วงที่เริ่มติดตามพี่อันดาเป็นช่วงที่คุณพ่อเพิ่งเสียพอดี แฮปปี้ขึ้นได้เพราะว่าพี่อันดาเลย ติดตาม อันดา - ลูกแก้ว ตั้งแต่ซีรีส์ออนแอร์แรก ๆ เลย เขามีความเป็นตัวของตัวเอง สดใส เป็นธรรมชาติ คือดูในซีรีส์ก็รู้สึกอินกับตัวละครที่ทั้งสองคนแสดง พอมาติดตามชีวิตจริง มันยากมากเลยที่จะไม่ติดตามต่อ อยากบอกน้อง ๆ ว่า ดีใจมากที่มีคนรู้จักแล้วก็ชื่นชอบน้อง ๆ ทั้งสองคนเพิ่มขึ้นเยอะแบบมากๆ เลย น้อง ๆ คือความภาคภูมิใจของแฟนคลับเราทุกคน อยากจะบอกว่าพวกเราจะอยู่ตรงนี้ สนับสนุนน้อง ๆ ทั้งสองคน รวมถึงน้อง ๆ วง COSMOS ด้วย ประทับใจความซึนความช็อต และการดูแลกันและกันของน้อง ๆ สองคนแบบมันน่ารักทุกอย่างเลย ต่างคนต่างดูแลซึ่งกันและกัน ซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน เห็นแล้วชื่นใจ มีความสุขไปด้วยความรู้สึกถึงกันและกัน อันดา : ดีใจที่ได้เติบโตไปด้วยกัน~ ลูกแก้ว : ก็ขอบคุณที่อยู่เป็นกำลังใจ และอยู่เติบโตไปด้วยกัน คัมซามีดา~ อันดา : คัมซามีดา~ ลูกแก้ว : อาริกาโตะ!ขอบคุณแฟน ๆ กับรางวัล ‘คู่รักนักช็อต’ อันดา : ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่ให้รางวัล ‘คู่รักนักช็อต’ กับเรา แล้วก็ขอบคุณ EFM ที่ให้พวกเรามารับรางวัลนี้ ลูกแก้ว : ขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาสเราได้มาเป็นความสุขและเป็นส่วนหนึ่งของทุกคน ทั้งแฟน ๆ และทาง EFM ด้วย ก็ดีใจมาก ๆ เป็นเกียรติอย่างยิ่ง อันดา : จะเป็นคู่รักนักช็อต ช็อตหน่อยแต่ช็อตนะ สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “อันดา-ลูกแก้ว” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความสุข ความน่ารักให้กันในรายการ และก่อนที่จะจบรายการกันไป ฝากติดตามซีรีส์ “Love Senior The Series พี่ว้ากคะ...รักหนูได้มั้ย” สามารถรับชมย้อนหลังได้ทาง YouTube: Star Hunter Entertainment ไปรับชมกันนน!สามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

ทำความรู้จัก “ต้า-บอม” สองหนุ่มคู่จิ้นจากซีรีส์ “พี่จะตีนะเนย” ที่บอกเลยว่างานนี้มีแต่คำว่าโคตรน่ารักกกกก...

02 ก.พ. 2023

ทำความรู้จัก “ต้า-บอม” สองหนุ่มคู่จิ้นจากซีรีส์ “พี่จะตีนะเนย” ที่บอกเลยว่างานนี้มีแต่คำว่าโคตรน่ารักกกกก...

EFM FANDOM LIVE [2 กุมภาพันธ์ 2566] “ดีเจดาว – ดีเจแนน” จะพาทุกคนมาพูดคุยกับคู่จิ้นสุดฮอตจากซีรีส์ ‘พี่จะตีนะเนย’ ขอเปิดสตูต้อนรับ “ต้า-บอม” งานนี้เรียกได้ว่าสองหนุ่มพกความน่ารัก ทะเล้น เฮฮา ติดตัวมาขนาดนี้ ถ้าใครไม่หลงยิ้มตาม เดี๋ยวจะโดนตีนะ... ช่วงแรกของรายการ ขอเปิดไมค์รับสายตัวแทนแฟนคลับของทั้ง 2 บ้านที่พร้อมจะมาขายความน่ารักของทั้ง “ต้า-บอม” ให้กับทุกคนได้สัมผัสเสน่ห์ความธรรมชาติของทั้งคู่ และใครหลาย ๆคน อาจจะโดนตกเข้าด้อมโดยไม่รู้ตัวแน่นอนตัวแทนแฟนคลับของ “ต้า” “ในสายตาเรา น้องเป็นเด็กเข้าถึงง่าย สิ่งนึงที่เราเห็นในตัวเค้า คือเค้าเป็นเด็กที่จริงใจมาก ๆ เวลาที่เค้าชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร สีหน้าแววตาจะออกเลย อีกอย่างน้องเป็นคนยิ้มง่าย ถ้าสังเกตจะเห็นได้เลยว่าน้องเป็นคนที่หน้ายิ้มตลอด เราชอบที่น้องเป็นแบบนี้”ตัวแทนแฟนคลับของ “บอม” “พี่บอมเป็นคนนิสัยดีมาก ๆพยายามดูแลแฟนคลับทุกคนเลย เจอเค้าครั้งแรกจาก Trailer พี่จะตีนะเนยความรู้สึกแรกคือคนนี้น่ารักดีนะ เดี๋ยวจะรอดูซีรีส์ดีกว่า จากนั้นก็เริ่มติดตามผ่าน Instagram ก็ตกหลุมรักเค้ามาเรื่อย ๆ เค้าเป็นคนมีสเน่ห์ แล้วพอพี่บอมเริ่มมีงานอีเว้นท์ เลยลองไปตามดู รู้ตัวอีกทีก็คือเราตกหลุมรักเค้ามากกว่าเดิมอีก รู้สึกตกหลุมรักคนเดิม ๆซ้ำ ๆหลาย ๆรอบได้มากขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ยยยย”ช่วงที่สอง “ต้า-บอม” พร้อมที่จะมาพูดคุยถึงตัวตน ความชอบ และผลงานที่จะทำให้ทุกคนรู้จักกับทั้งสองคนมากยิ่งขึ้น ไม่รอช้าทางเราเปิดไมค์ เปิดสตูพร้อมแล้ว ไปร่วมพูดคุยกันต่อเลยยยยซีรีส์ถ่ายจบแล้ว แต่ความสัมพันธ์ทั้งคู่ไม่จบง่าย ๆ ทั้งคู่แอบบอกว่าซีรีส์ถ่ายจบไปได้ประมาณ 4 เดือนแล้วแต่ทั้งคู่ยังนัดเจอกันอยู่ตลอด ชอบไปเดินซื้อเสื้อผ้าตามตลาด หรือแหล่งที่มีเสื้อผ้าเยอะ ๆ ด้วยกัน ทำให้ในชีวิตจริงทั้งคู่ค่อนข้างสนิทกันมาก ขนาดที่ว่าจะนัดรวมตัวดูซีรีส์พร้อมกัน ไลฟ์สดคุยกับแฟน ๆทุกอาทิตย์เลย เรียกได้ว่าเป็นความสัมพันธ์ที่น่ารักมาก ๆต้าคือเนย หรือ เนยคือต้า ที่จริงแล้ว ต้ามีความคล้ายกับตัวละคร และตัวละครก็มีความคล้ายต้าด้วย ทั้งนิสัย คาแรคเตอร์ จังหวะการพูด เพราะผู้กำกับเขาพยายามที่จะสร้างคาแรคเตอร์ เนย ในซีรีส์ให้มีความคล้ายต้าเพื่อความธรรมชาติในการแสดงให้สมบทบาทมากที่สุดย้อนความจำกับครั้งแรกที่เจอกัน ต้าตอบด้วยความมั่นใจเลยว่า “จำได้แม่นเลยเราเจอกันครั้งแรกวันที่ 10 พฤศจิกายน จำได้เพราะโดนถามหลายรอบแล้ว(หัวเราะ) วันนั้นเจอกันที่สยามพารากอน เป็นงานเปิดตัวหนังเรื่องนึง ความบังเอิญก็คือช่วงที่ดูหนังเราได้นั่งข้างกัน แต่ไม่ได้คุยอะไรกันเลย”ครั้งแรกที่เจอกัน ก็ได้เล่นซีรีส์ด้วยกันเลย หลังจากจบงานที่เราเจอกันคืนนั้น พี่ที่เป็นผู้กำกับก็ชวนทั้งสองคนไปพูดคุยโปรเจกต์ ‘พี่จะตีนะเนย’ ตัวต้าเองพอรู้รายละเอียดบ้างแล้วเพราะเคยไปแคสงานไว้เมื่อปีที่แล้ว ส่วนตัวบอมเพิ่งจะรู้ในคืนนั้นเลยว่าจะได้เล่นซีรีส์เรื่องนี้บทบาทต้าในวงการนักแสดง ต้าเข้าวงการตั้งแต่อายุ 13-14 ในบทบาทสามเณรมาตลอด จนมาถึงซีรีส์พี่จะตีนะเนยก็ยังไม่หลุดพ้นจากวงการศาสนา เพราะในซีรีส์เรื่องนี้ เนย รับบทเป็นเด็กวัด ทุกสถานที่ถ่ายทำก็ยังหนีไม่พ้นวัดเหมือนเดิมบอมกับชีวิตสายธรรมะ บอมไม่ใส่สายมู ไม่ได้มีเครื่องรางของคลังพกติดตัว แต่จะเป็นสายทำบุญมากกว่าและไม่ได้เคร่งขนาดนั้น เพราะตามปกติจะเข้าวัดกับแม่ทุกครั้งที่มีโอกาสเส้นทางจากวงการโฆษณา สู่นักแสดง บอมเข้าวงการโฆษณาตั้งแต่ช่วงมหาวิทยาลัย จะไปแคสงานช่วงเสาร์-อาทิตย์ หรือเป็นช่วงปิดเทอม ทำให้ช่วงนั้นมีแต่ผลงานโฆษณา ไม่มีผลงานอื่นเลย อย่างเคยมีโอกาสไปแคสซีรีส์ ก็จะโดนคอมเมนต์ว่า แสดงออกติดแนวโฆษณาทั้งสีหน้า ท่าทางชัดมากเกินไป แต่ส่วนตัวไม่ได้เสียใจหรือดาวน์เพราะยังมีงานโฆษณาอยู่แต่ก็พยายามปรับตัวเอง จนได้มาเจอกับพี่ผู้กับกับซีรีส์เรื่องนี้บอม กับ ทิวา ตัวบอมกับคาแรคเตอร์ทิวาไม่ได้ตรงกัน 100% ขนาดนั้น แต่พอได้ลองเล่นแล้วบวกกับความเป็นนักแคสโฆษณา ทางผู้กำกับเขามองว่าแคสแตกต่างกับคนอื่นมาก ๆมีความตลกได้ คอมเมดี้ได้ เขาก็เลยสนใจ พอเล่นจริง ๆได้ไม่กี่คิวพี่เขาเลยมองเห็นว่าตัวบอมไปทางคอมเมดี้ได้สุดทาง ก็เริ่มเขียนบทให้เข้ากับบอมมากขึ้นด้วย ตัวทิวาในซีรีส์เลยมีความแตกต่างกับในนิยายค่อนข้างสูงสมมุติว่าถ้าบอมไม่ได้เล่นซีรีส์จะเป็นยังไง บอม “คิดว่าคงเล่นโฆษณาต่อไป เพราะส่วนตัวยังชอบการแสดง ถึงแม้ว่าจะแก่ตัวไปก็จะรับบทพ่อ หรืออาจจะทำธุรกิจอย่างอื่นด้วย แต่จะยังวนเวียนให้มีการแสดงอยู่ในชีวิต”ในมุมมองของกันและกัน ถ้าไม่ได้เป็นนักแสดงจะทำอาชีพอะไร ต้าพูดถึงบอม “น่าจะเปิดร้านขนม เพราะเขาชอบกินขนมไทยแล้วเคยเห็นพี่บอมทำขนมเองด้วย” แต่บอมแอบเล่าว่าวันนั้นที่ทำสรุป อบออกมาน่าตาสวยน่ากินมาก แต่ต้องทิ้งหมด เพราะมองเกลือเป็น Baking powder (หัวเราะ)บอมพูดถึงต้า “นักร้องแน่นอน หรืออาจจะเป็นนักเขียนเพลง”ลองรีวิวเสน่ห์ของกันและกัน ต้าพูดถึงเสน่ห์บอม “เสน่ห์ของพี่บอมจะอยู่เวลาตอนทำงาน เพราะเป็นคนตั้งใจทำงานมาก เวลามีงานเข้ามาจะตั้งใจทำงานของตัวเองให้ออกมาดีแบบ 100%เลย” บอมพูดถึงเสน่ห์ต้า “แฟนคลับน่าจะรู้ เพราะเค้าเป็นคนพูดจาเจื้อยแจ้ว พูดเยอะมากกก เห็นนกก็พูดถึงนก เห็นไม้ก็พูดถึงไม้ เห็นอะไรก็พูดไปได้เรื่อย แล้วจะหาทางลงไม่เจอ(หัวเราะ) แบบพูด ๆอยู่ก็จบไปเลย แต่เวลามีเค้าอยู่ข้างๆบรรยากาศก็จะสนุกไม่น่าเบื่อเลย”เส้นทางเพลงของต้า ต้าเริ่มแต่งเพลงตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว จุดเริ่มต้นเล่าว่าตอนอยู่โรงเรียน แล้วเพื่อนเปิดเพลงให้ฟังก็เลยคิด “เห้ย เราลองมาทำเพลงกัน” แค่นั้นเลย แค่อยากลองทำดูว่าจะเป็นยังไง ย้อนกลับไปตอนนั้นมันก็ออกมาสนุกดี แต่พอกลับไปฟังตอนนี้มันแย่มาก (หัวเราะ)บรรยากาศในการถ่ายซีรีส์ อุปสรรคแรกเลยคือเรื่องฝน ตกกระหน่ำแบบว่า 80-90% เลย ทำให้ต้องเลื่อนกองกันบ่อยมากจนทำให้ระยะเวลาในการถ่ายจากจริง ๆต้องถ่ายจาก 2-3 เดือน ทำให้ยาวมาเรื่อย ๆ เป็น 9 เดือน บวกกับพวกเราติดโควิดด้วยคาดไม่ถึงกับผลลัพธ์ที่ได้ ตอนถ่ายซีรีส์ยอมรับเลยว่าคาดหวังแต่ไม่คิดว่าจะดัง จะได้ผลตอบรับดีขนาดนี้เพราะเป็นซีรีส์เรื่องแรกของทั้งคู่ด้วย อีกอย่างทั้งคู่เล่าให้ฟังว่าเคยคุยกันว่าอยากให้คนมาดูซีรีส์เยอะ ๆเพราะทีมงานทุกคนตั้งใจกันมาก ๆซีรีส์เปลี่ยนชีวิต ‘พี่จะตีนะเนย’เปลี่ยนเกือบทุกอย่างในชีวิตของทั้งสองคนเลย ต้าพูดถึง “ผลงานเก่า ๆของต้าเองอย่างเคยปล่อยเพลง ประมาณเดือนนึงยอดหลักร้อยหลักพัน แต่ตอนนี้ปล่อยวันเดียวขึ้นหลักแสนแล้ว โอ้โห! (หัวเราะ) ”เปรียบกันและกันเป็นอาหาร “บอมเปรียบต้าเป็นข้าวกะเพราหมูสับไข่ดาว” เพราะว่า ต้าเป็นคนง่าย ๆเป็นจานด่วนไม่ต้องคิดเยอะ ไม่ต้องคิดมาก ไม่ซับซ้อน “ต้าเปรียบบอมเป็นมาชเมลโล่” เพราะว่า พี่บอมดูนุ่มนิ่ม สะอาดเรียบร้อยคู่นี้เรียกได้ว่ายิ่งคุยยิ่งมีเสน่ห์คำนี้ไม่เกินจริง ทางเราเลยเตรียมเกมมากระชับความสัมพันธ์ให้แฟนคลับได้เสพความเป็นคู่จิ้น ความน่ารักสายฮาของ “ต้า-บอม” กับเกมที่มีชื่อว่า “กระดาษทายใจ…” (เข้าไปชมใน Youtube ทางช่อง ATIME)ก่อนจะลากันไปคืนนี้ มาฟังความรักความประทับใจ ความห่วยใยของแฟนคลับที่มีถึง “ต้า-บอม” “เป็นห่วงต้า ต้าต้องระวังอย่าเผลอบอกข้อมูลส่วนตัวของตัวเองเยอะน้า เริ่มมีชื่อเสียงแล้วด้วย เราจะคอยเป็นกำลังใจให้ต้าในทุก ๆผลงานนะ ไม่เคยคาดหวังว่าน้องจะเป็นอะไรแบบไหน ขอแค่น้องเป็นตัวเองมีความสุขในทุกวัน” “เห็นบอมเงียบ ๆแต่แฟนคลับทุกคนรู้ว่าบอมจะคอยดูคอยส่องแฟน ๆอยู่ตลอด ทำให้เรารู้ว่าบอมจากคนไม่เล่นโซเชียล ต้องมาเล่นบ่อย ๆเพราะอยากเข้ามาคุยมาไลฟ์กับแฟนคลับ เป็นสิ่งที่น่ารักมากๆ” “พูดถึงทั้งคู่ก็อยากบอกต้าอย่านอนดึกมากน้า พักผ่อนเยอะ ๆอย่าเล่นเกมดึกมาก ส่วนพี่บอมอย่าลืมทานขนมอร่อย ๆเยอะๆนะ ชอบเวลาพี่บอมกินขนมน่ารักมากเลย”EFM FANDOM LIVE รู้สึกดีใจมาก ๆที่ได้มีโอกาสมาร่วมพูดคุย ทำความรู้จักให้ทุกคนได้เห็นถึงความน่ารัก เสน่ห์ในความเป็นตัวของตัวเอง ของ ‘ต้า-บอม’ ก่อนจบรายการลงทางเราก็ขอฝากซีรีส์เรื่องแรก ‘พี่จะตีนะเนย’ ของทั้งคู่ด้วยน้า รับรองว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ครบรสมาก ๆทั้งฮา เรียกรอยยิ้ม จิ้น ฟิน และเรียกน้ำตาของทุกคนได้แน่นอนสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

ขอบคุณ “เบ๊บ – ชาลี” ที่เป็นความสดใสในซีรีส์ ทำให้มันออกมาถึงชีวิตจริงของ “พูห์-พาเวล” จนได้รับรางวัล EFM FANDOM AWARDS ในสาขา “Be shine on your way”

30 ม.ค. 2024

ขอบคุณ “เบ๊บ – ชาลี” ที่เป็นความสดใสในซีรีส์ ทำให้มันออกมาถึงชีวิตจริงของ “พูห์-พาเวล” จนได้รับรางวัล EFM FANDOM AWARDS ในสาขา “Be shine on your way”

สัปดาห์ที่สองของรายการ EFM FANDOM LIVE [25 มกราคม 2567] ซึ่งคืนนี้ “ดีเจดาว และ ดีเจแนน” เปิดสตูดิโอต้อนรับ “พูห์ พาเวล” กับซีรีส์คู่เรื่องแรก “PIT BABE The Series”ในช่วงแรกของรายการเป็นการคัดเลือกชื่อ “EFM FANDOM AWARDS รางวัลพิเศษ เพื่อคนพิเศษ” จากที่แฟน ๆ เสนอและเปิดให้โหวตกัน1.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “บุคคลที่ควรได้รับความรักแห่งปี ( Love Award )” ที่เสนอรางวัลนี้ส่วนตัวรู้สึกว่าทั้งสองคนควรได้รับความรักมาก ๆ เลยถึงตอนนี้จะมีคนรักเขามาก ๆ แล้วแต่เราก็อยากให้รางวัลนี้อยู่ดีเพราะตั้งแต่วันแรกที่ทั้งสองคนคิดจะทำตรงนี้ทั้งคู่ตั้งใจมากพยายามมาตลอดระหว่างทางอาจจะมีคนเห็นบ้างไม่เห็นบ้างแต่ก็ยังพยายามอยู่จนถึงตอนนี้ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิมยังพัฒนาตัวเองเรื่อย ๆไหนจะความAppreciateในความรักของแฟนคลับอีกทุกครั้งที่เขาได้รับมาเขาจะตอบแทนความรักของแฟนคลับได้ดีเสมอแล้วจะเหลือเหตุผลอะไรที่จะไม่รักคนแบบนี้ เลยขอเสนอรางวัลLove Awardที่หมายถึงบุคคลที่ควรได้รับความรักแห่งปีให้ ถ้าใครยังคิดลังเลว่าจะรักเขาดีมั้ย?เราก็จะบอกไปเลยว่ารักเหอะเขาควรได้รับความรักจากทุกคนจริง ๆ2.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “The Perfect Blend”​ แตกต่างแต่ลงตัว คือนิยามของคู่นี้ ด้วยความต่างของอายุที่ก็มากอยู่นะตั้ง 6 ปี ต่างวัฒนธรรมที่เติบโตกันคนละประเทศ เส้นทางที่ผ่านมาก็ดูเหมือนว่ายากมากที่จะได้มาบรรจบกันพอดี แต่วันนี้มันก็เกิดขึ้น และที่น่ารักกว่าก็คือทั้งสองคนBlendความต่างนั้นให้สามารถเข้ากันอย่างลงตัว ไม่มากไปไม่น้อยไป สิ่งที่ทั้งสองคนเล่าผ่านสื่อให้ได้เห็นบางส่วนของความสัมพันธ์พี่น้องที่กว่าจะพัฒนาจนแข็งแรงขนาดนี้ ต้องผ่านทั้งการพูดคุย เปิดใจ ขออนุญาต และอนุญาตให้รู้จักอย่างตั้งใจในมุมที่คนพี่เข้มแข็งเป็นที่ปรึกษาในหลายอย่างที่เคยเจอมาก่อน แต่ในขณะเดียวกันคนน้องก็เป็นความสดใสเป็นที่พึ่งทางใจเพราะมีพื้นฐานหัวใจที่แข็งแรงมาก ๆ มันเป็นอะไรที่น่ารักจนคนข้างนอกมองเข้าไปก็ชื่นใจไปด้วย ส่วนตัวเชื่อนะว่าต่อให้เส้นทางข้างหน้าที่ไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่บ้าง ทั้งสองคนก็จะยังสามารถคงความสัมพันธ์พี่น้องที่ดีต่อกันนี้เอาไว้ได้ในชีวิตจริงแน่ๆ เป็นอีกหนึ่งทฤษฎีความสัมพันธ์ที่โชว์ให้เห็นว่าหลังจากผสมกันจนเข้าที่แล้วมันจะกลายเป็นสีที่ลงตัวและพอดี เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ทุกคนที่ผ่านเข้ามารู้จักพูห์กับพาเวลจะต้องประทับใจในสิ่งที่ทั้งคู่ปฏิบัติต่อกันอย่างเคารพซึ่งกันและกันแน่นอน3.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “คู่จิ้นติดเทอร์โบ” แนวคิดคือ มี 2 เหตุผล 1. เป็นคู่ที่แมสไวมาก จากคนที่ไม่เคยรู้จักน้องทั้งคู่มาก่อนเลยจริง ๆ เพิ่งมารู้จักจากพิษเบ๊บนี่แหละ และรู้จักตอนที่ซีรีส์ฉายยังไม่ทันครึ่งเรื่องเลย แต่ตอนนี้หลงรักและติดตามน้องทั้งคู่ ซัพพอร์ตทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เลยค่ะ 2. เป็นคู่ที่พูห์พาเวล เป็นกัปตันที่ชงโมเม้นเก่ง จีบกันเก่ง จนสาววายสมองไหลอย่างเราไม่ต้องใช้ไม้พาย ทำแค่นั่งอยู่บนเรือที่ติดสปีดเทอร์โบ จิบไวน์สวย ๆ ดูเค้าจีบกันค่ะ4.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “Be shine on yourway” เปล่งประกายในแบบของคุณ (พูห์-พาเวล) You’re my Starlightเพราะคุณคือแสงสว่างของเรานะ​รางวัลนี้ได้แรงบรรดาลใจจาก ความสัมพันธ์ของพี่พาเวลและน้องพูห์ ทั้งสองเป็นคู่พาร์ทเนอร์ที่ดีในทุก ๆ ด้าน เขาคอยซัพพอร์ตกันทุกช่วงเวลาตลอดการเดินในเส้นทางนี้ พี่พาเวลให้ความเอ็นดู เป็นทั้งพี่ชาย เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน ที่คอยให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำกับน้องพูห์เสมอ และน้องพูห์ก็ยังเป็นเด็กดื้อคนโปรด ที่ให้คำปรึกษาทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว และยังเป็นความสบายใจของกันและกัน สัมผัสได้ถึงความหวังดีที่ทั้งสองคนมีให้กันมันออกมาจากความรู้สึกข้างในจริง ๆ ทั้งสองคนมีความพยายามและตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานนี้ออกมา จนเป็นที่รู้จัก มีคนติดตาม ชื่นชมผลงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความพยายามที่ผ่านมามันเหมือนแสงสว่างที่ค่อย ๆ เปร่งประกายออกมาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ความน่ารัก ความธรรมชาติของทั้งสองคน จะทำให้มีคนรักเพิ่มขึ้นเยอะกว่านี้แน่นอน ถึงเวลาที่ทั้งสองคนจะต้องถูกค้นพบแล้วLight in your mind Shine on your way5.ชื่อ/แนวคิด ของรางวัล “The Polaris” Polarisคือดาวเหนือ เป็นสัญลักษณ์ของการนำทาง เพราะไม่ว่าจะเป็นกลางวันที่พระอาทิตย์ฉายแสง หรือ กลางคืนที่พระจันทร์ส่องสว่าง ดาวเหนือก็จะอยู่ที่จุดเดิมเสมอ เป็นสัญลักษณ์แทนความมั่นคง สม่ำเสมอไม่เปลี่ยนแปลง เราชอบแนวคิดที่ว่าไม่ว่าเราจะเดินทางไปไหน มาจากเส้นทางอะไร แต่ดาวเหนือก็ยังอยู่ที่เดิมรอการค้นพบ ส่องสว่างและนำทางให้กับผู้พบเห็นเสมอ เราคิดว่าทั้งคู่ก็เหมือนกับดาวเหนือของแฟนคลับ ไม่ว่าคุณจะหลงทาง เหน็ดเหนื่อย หรืออยากจะส่งมอบความสุขให้ ทั้งคู่ก็ยังอยู่ตรงนั้นในที่ที่เราต่างมองเห็นกันและกันในสายตา ส่องสว่างเป็นสัญลักษณ์ในการนำทางพาแฟนคลับไปเจอสิ่งดี ๆ ที่รออยู่ หรือในอีกด้าน แฟนคลับเองก็จะเป็นดาวเหนือของทั้งคู่ที่จะคอยส่องแสงนำทางให้ แม้ไม่ได้สว่างที่สุดในจักรวาล แต่ก็จะอยู่ตรงนั้น ตรงที่เดิมที่พูห์กับพาเวลจะหันมาแล้วเจอเสมอ ที่เดิม..ไม่เคยเปลี่ยนแปลงถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยแล้ววว! เข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ เราจะมาพูดคุยกับ “พูห์ พาเวล”รางวัล “Be shine on yourway”ความสว่างในชีวิตของกันและกัน พาเวล : เรื่องของเอนเนอร์จี้ น้องพูห์เป็นคนที่มีเอนเนอร์จี้ที่บวกมาก เวลาอยู่ด้วยจะแฮปปี้ตลอดเวลา เหมือนเขาเข้ามา เขาจะบ๊อกแบ๊กๆ ของเขาอยู่แล้ว แต่ผู้ชายนิสัยบ๊อกแบ๊ก ๆ บอกเลยว่าอยู่ด้วยแล้วจะมีความสุข พูห์ : สำหรับผมคงเป็นเรื่องการทำงานในวงการบันเทิง เพราะว่าตั้งแต่อยู่ด้วยกันตอนซีรีส์ พี่เขาก็ช่วยผมหลายอย่าง ตั้งแต่เวิร์คช็อป ต่อบท แอคติ้งต่าง ๆ จนทุกคนได้ดู “PIT BABE The Series” อย่างที่ทุกคนได้เห็นรางวัล “คู่จิ้นติดเทอร์โบ”คะแนนความเต็มที่ของ “พูห์ พาเวล” ในซีรีส์นี้ พูห์ : ประเด็นคือผมเล่นเรื่องแรก เรื่องแรกมันต้องใส่สุด เต็ม 10 ก็ใส่ 10 กว่าจะได้โอกาสที่มายืนตรงนี้ก็เลยอยากทำให้มันเต็มที่ที่สุด พาเวล : สำหรับผมก็น่าจะเหมือนกัน เพราะว่าก่อนที่ผมจะมาเล่นเรื่องนี้ ผมเคยเล่นอีกเรื่องหนึ่งมาก่อน แล้วหลังจากนั้นโควิดก็มา ก็พักหายไปยาว ๆ ไม่รู้จะทำอะไร ชีวิตกลับมาได้แคสเรื่องนี้ ก็ได้โอกาสที่เป็นโปรเจกต์ใหญ่มากก็ใส่ไปเต็มแมกซ์ เรื่องแอคติ้ง เรื่องทุกอย่าง แต่หลังจากนี้ก็จะพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆสิ่งที่อยากทำร่วมกันในวงการบันเทิง พาเวล : แล้วแต่ผู้ใหญ่ใจดี 2 ท่านที่อยู่ห้องถัดไปเลยฮะ555 ถ้ามีซีรีส์ด้วยกัน สักเรื่องก็ดี หลาย ๆ เรื่องเลยก็ได้ไม่ติด ตอนนี้ยังออนแอร์อยู่ยังไม่จบ เดี๋ยวพอหลังจากนั้นก็มีโปรเจกต์อีกแน่นอน แต่ตอนนี้ก็ฮึบไว้ก่อน พูห์ : เอาจริงผม ผมรู้สึกว่าแค่ตรงนี้มันก็ใหม่กับผมมาก ๆ ไม่รู้พี่เคยเจอหรือยัง แต่ของผมมันใหม่ทุกอย่างด้วยความที่ “พูห์ พาเวล” ติดเทอร์โบทุกอย่าง พูห์ : ชีวิตเปลี่ยนไปเหมือนแบบมีคนคอยซัพพอร์ต เหมือนมีอีกครอบครัวหนึ่งที่คอยดันหลังเรา คอยซัพพอร์ตเรา จากตอนแรกที่เป็นนักเรียนธรรมดา อยู่มหาลัยวิ่งเล่นกับเพื่อน ตอนนี้มันก็มีชีวิตการทำงานเข้ามาด้วย แต่ผมว่าทำทุกอย่างไปพร้อมกันสนุกสุด พาเวล : ของผมก็…เคยอยู่ในวงการนี้มาละ แต่ว่ามันก็ไม่ขนาดนี้ พอตอนนี้เวลาไปไหนก็ต้องแต่งตัวให้ดูดีหน่อย เมื่อก่อนเราจะชิลล์ไง ๆ ใส่ขาสั้น ออกไปข้างนอกก็ใส่รองเท้าแตะ เดี๋ยวนี้ก็ต้องเต็มหน่อย เผื่อไปเจอแฟน ๆ ข้างนอกพูห์โดนเพื่อนที่มหาลัยแซวชื่อฉ่ำ พูห์ : มันแซวไปเรื่อยเลย ชาลีนี่ก็มี ลูกหมาก็มี ดาราก็มี555 เพื่อนล้อจนชินละ ตอน “PIT BABR the series First Premiere” EP.1 ผมชวนเพื่อนมางาน เพื่อนก็มา ซึ่งทั้งแถบ 30-40 คน เพื่อนผมวิศวะหมดเลย พาเวล : ตอนนั้นบัตรเรายังไม่เต็ม555 พูห์ : แต่บัตรตอนสุดท้ายของเรา พาเวล : หมดภายใน 5 นาทีน้ารางวัล“บุคคลที่ควรได้รับความรักแห่งปี ( Love Award )”วิธีสัมผัสถึงความรักที่แฟน ๆ มอบให้ พูห์ : เหมือนความรักเขาค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกรอบ พาเวล : มีหลายอย่างมาก อย่างแรกเวลาเราไปออกงาน เขาก็จะช่วยดันหลังเรา ปั่นเทรน คอยซัพพอร์ตเรา เพื่อให้งานออกมาดีและลูกค้าแฮปปี้ เขาก็จะช่วย ๆ เรา แล้วเวลาไปออกงานเขาก็จะคอยเซ็ต จัดออแกไนซ์กันเองภายในบ้าน รู้สึกตื้นตันที่เขาออแกไนซ์กันแบบรวมพล อเวนเจอร์ แล้วเขาทำงานเป็นระบบกันมาก พูห์ : ใช่ แล้วเขาจัดการทุกอย่าง พาเวล : แบบเสร็จเก็บของ เก็บขยะทุกอย่าง พูห์ : อย่างที่ผมบอกมันค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเรา อย่างงานครั้งแรกของผม ตอนมีคนมาจัดให้คืองานวันเกิดปีที่แล้ว ประมาณเดือนกรกฎาคม ตอนนั้นจัดที่ตึกแกรมมี่ ก็มีคนกลุ่มหนึ่ง ตอนนั้นดีใจมาก แฮปปี้มากที่มีคนมาจัดงานวันเกิดให้ แล้วมันก็เหมือนมองภาพจากวันนั้นมาถึงวันนี้ มันค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนแบบตกใจทุกครั้งที่ได้เจอ พาเวล : ขอเล่าเรื่องเหตุการณ์หนึ่ง คือพวกเราได้เจอแฟนคลับตอนที่ซีรีส์ออนไปแล้วประมาณ 1-2 รอบ ก็ได้เห็นจำนวนที่เพิ่มขึ้น แต่จะมีอยู่ตอนหนึ่งที่ EP.6 และมีไปเก็บโปรเจกต์ที่ MBK พูห์ : โห สะพานแทบพัง! พาเวล : จริง เกือบพัง คนเยอะมากกกกกรางวัล “The Perfect Blend”จากเรื่องที่ Blend ไม่เข้ากัน จนกลายมาเป็นความลงตัว พูห์ : ตอนแรก ๆ ก็เหมือนคน 2 คนที่ไม่รู้จักกัน แล้วก็ค่อย ๆ รู้จักกันเรื่อย ๆ เจอครั้งแรกตอนงานวันเกิดพี่ฉอด เจอเขาใส่แจคเก็ตลายสก็อต และก็เดินแอค ๆ เท่ ๆ ตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าต้องทำงานร่วมกัน ยังไม่รู้จักใคร พาเวล : ตอนนั้นที่เจอกันผมอยู่ข้างหน้า เพราะผมรู้จักทีมงาน เพื่อน ๆ ที่เป็นนักแสดงด้วยกันแล้ว แต่น้องพึ่งมาใหม่ ผมหันไปน้องก็ทำตัวไม่ถูก คนอื่นก็จอย ๆ กินข้าวกัน ปาร์ตี้กัน น้องก็ยืนงง ๆ ก็หันกลับไปเห็นเด็กชายคนหนึ่งที่หน้าเล็ก ๆ หน้าเป๊ะ ๆ หล่อ ๆ คนหนึ่ง ก็พยายามชวนเขามาจอย ๆ ยังไม่ค่อยได้คุยกันมากตอนนั้น ยังไม่ค่อยรู้จัก แต่เหมือนตอนนั้นเขาไม่ค่อยคุยกับใคร พูห์ : วันที่ได้คุยจริงจังคือวันที่แคส จะมีรอบแรกแนะนำตัว และตอนบ่ายมีเข้าคู่ เราก็ได้มาคู่กัน และได้เล่นบท บทหนึ่งก็คือบทซีนเปิดของ PIT BABE นั่นแหละ พาเวล : คือเขาให้จับเข้าคู่กันและก็ไปเล่น พวกผมได้สลับคู่ประมาณ 7 คนที่ต้องสลับไปสลับมา ผมได้เล่นเป็นบทเบ๊บ 7 ครั้ง หลายคนมากก็เข้ากับน้อง พอเข้ากับน้อง น้องก็ทำอะไรไม่ค่อยถูก เพราะเป็นซีรีส์เรื่องแรกก็ยังไม่ค่อยกล้า บทมันให้แบบว่า ‘งั้นมึงก็ลองมาทำดิ ผมก็ปิดปากทำเองเลย’ แล้วคลิปนั้นดันไวรัล หลังจากนั้นก็ได้เวิร์คช็อปด้วยกัน พูห์ : หลังจากนั้นก็มี ‘Boys Journey ภารกิจพิชิตใจ’ ด้วย ไปเล่นกิจกรรมต่าง ๆ อันสุดท้ายก็มาออกกล้อง เปิดกองอันนี้อยู่ด้วยกัน 2-3 เดือนแทบจะทุกคิวรางวัล “The Polaris”ความมั่นคงและความเสมอต้นเสมอปลายของทั้งคู่ พูห์ : ผมว่าน่าจะเป็นแพชชั่นเขา แพชชั่นเขาคงที่มาก เต็มที่กับทุกอย่าง เพราะด้วยความที่เขาเต็มที่กับทุกอย่างนั่นแหละ เขาเลยสามารถช่วยผมได้เยอะมากในการทำงาน พาเวล : ของน้องก็เหมือนกัน เรา 2 คนมีเป้าหมายเดียวกันที่อยากทำให้มันดีที่สุด น้องเขาก็ใหม่ แต่เขาอยากเล่นบทชาลีออกมาให้ดีที่สุด อยากให้ทุกคนทั้งโลกได้เห็นเขาเป็นลูกหมาที่น่ารัก เขาก็ตั้งใจมาปรึกษาผมว่าต้องทำยังไง บทนี้ต้องเล่นยังไง เราต้องลองหลายวิธีกันไหมเวลาเล่น แล้วพอซีรีส์ออนไป เขาก็ยังมีแพชชั่นที่ทำงานต่อ เวลาไปออกงานก็ปรึกษากันตลอดว่าต้องทำยังไงความผูกพันของ “พูห์ - พาเวล” กับ “เบ๊บ ชาลี” พาเวล : ตอนอ่านบทมันเห็นเป็นตัวหนังสือ แต่พอเรามาเล่นจริง ๆ แล้วทุกซีนมันปะติดปะต่อกัน สงสัยเหมือนกันว่าทำไมเบ๊บขี้วีนจัง แต่ผมก็คิดนะว่ามันก็มีเหตุผล คือเบ๊บเป็นคนที่โดนอะไรมาเยอะ ทั้งพ่อบุญธรรม พ่อแท้ ๆ ก็ทิ้งเขาไป เพื่อนก็หักหลัง มันมีหลายปัจจัย และผมอยากบอกตัวละครเบ๊บว่า ‘แข็งแรงให้พอ...’ พูห์ : อยากบอกชาลีว่า ‘ขอบคุณที่เป็นความสดใสในซีรีส์ให้กับคุณพี่เบ๊บ และก็ทำให้มันสดใสออกมาถึงชีวิตพวกเรา 2 คนเลย’ มันทำให้ผมมีความสุขแบบเดียวกับในซีรีส์เลยและวันนี้ทางรายการ EFM FANDOM LIVE ของเราไม่ได้แค่มาพูดคุยกับ “พูห์ – พาเวล” แต่ทางรายการก็มีเกมมาให้ทั้งคู่เล่นกันด้วย กับเกมที่มีชื่อว่า ‘พี่เบ๊บพาผมไป... หน่อยนะค้าบบบ’ บอกเลยว่าโคตรสนุก งานนี้พลาดไม่ได้แน่นอน! (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย รายการได้เปิดโอกาสให้ #เด็กเบ๊บทุกคนได้โทรเข้ามาพูดคุยกับ “พูห์ - พาเวล” น้องพูห์เป็นแรงบันดาลใจสำหรับตัวของเราเอง น้องมีรอยยิ้มที่สดใสมาก มองทีไรแล้วรู้สึกสบายใจ ทำให้เรารู้สึกว่าต้องเดินต่อไปให้ได้ ไม่ว่าข้างหน้าจะเจอเรื่องอะไรก็ตามที่ทำให้เราไม่สบายใจ พาเวลก็เหมือนกัน น้องเก่งมากที่ทำได้ขนาดนี้ อยากให้น้องเติบโตไปเรื่อย ๆ ตัวเราเองอยากเป็นแรงซัพพอร์ตให้น้องทั้ง 2 คน ไม่ว่าน้องจะเดินไปทางไหนก็ตาม เราจะเป็นกำลังใจให้ ไม่ว่าพวกแกจะไปในทิศทางไหน เราพร้อมที่จะซัพพอร์ตให้แกไปทุก ๆ ทาง และหวังว่าจะประสบความสำเร็จในจุดที่สูงที่สุดของสิ่งที่คาดหวัง ขอบคุณที่เป็นความสุขให้เรามาโดยตลอด ตั้งแต่ติ่งพวกเขามามีความสุขทุกครั้งเลย เวลาทำงาน เวลาเหนื่อย แค่มองภาพพวกเขาก็มีความสุขแล้วก่อนจะจากกันไป “พูห์-พาเวล” ขอบคุณสำหรับรางวัล “Be shine on yourway” พาเวล : ขอบคุณที่ช่วยกันโหวตให้พวกเราได้รางวัลนี้มา “พูห์-พาเวล” รางวัลแรกและพวกเราจะทำตัวน่ารัก เป็นเด็กดีของพวกคุณตลอดไป และก็จะอยู่ด้วยกันไปนาน ๆ พูห์ : ขอบคุณทุกคน การที่ทุกคนมาอยู่ตรงนี้ มาร่วมดูไลฟ์ มาร่วมโหวต มันมีค่ามากกว่ารางวัลที่เราได้ การที่ทุกคนมาอยู่ด้วยกันมันดีมาก ๆ อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ นะเธอ...สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “พูห์-พาเวล” ที่มาร่วมพูดคุย สร้างความสุข ความน่ารักให้ #เด็กเบ๊บทุกคน และเหล่าแฟนๆรายการ ฝากติดตามซีรีส์ “PIT BABE The Series” ทุกวันศุกร์ เวลา 21:15 น. ทางช่องวัน 31 ฝากเพลง “BETTER ME” ซึ่งเป็นเพลงคู่ระหว่าง “พูห์ – พาเวล” และ “แข็งแรงไม่พอ” เพลงจาก “พาเวล” กันด้วยน้าาาสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

album

0
0.8
1