“ซันนี่ เกวลิน” ศิลปินลูกครึ่งไทย-จีน กับการกลับมาไทยในรอบ 3 ปี พร้อมเจาะลึก ‘ตัวตนไหนที่ใช่เธอ?’

EFM FANDOM RECAP

“ซันนี่ เกวลิน” ศิลปินลูกครึ่งไทย-จีน กับการกลับมาไทยในรอบ 3 ปี พร้อมเจาะลึก ‘ตัวตนไหนที่ใช่เธอ?’

17 มี.ค. 2023

         ในวันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา รายการ EFM Fandom live ได้แขกรับเชิญสุดพิเศษที่อิมพอร์ตมาจากเมืองจีน! เป็นการกลับไทยในรอบ 3 ปีของ “ซันนี่ เกวลิน บุญศรัทธา” นักร้องชาวไทยเชื้อสายจีน มาพูดคุยกันในรายการ โดยเธอเป็นอดีตสมาชิกของเกิร์ลกรุ๊ปจีนที่ชื่อว่า “ร็อกเก็ตเกิร์ลส์ 101” หลังจากจบอันดับที่ 8 ของรอบชิงชนะเลิศในรายการ “พรอดิวซ์ 101” ต่อมาเธอได้มีเพลงเดี่ยวเพลงแรกของเธอที่ชื่อว่า "Don't Cry" อีกด้วย

     และไม่เพียงเท่านั้นที่ไทยเองก็ยังมีแฟนคลับตัวตึงที่ตั้งหน้าตั้งตารอการกลับมาของซันนี่อยู่เสมอ จะเป็นใครไปไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่ “คุณฝ้าย” แอดมินจากเพจเฟสบุ๊ค “Sunnee fc thailand” 

         โดยคุณฝ้ายเล่าว่าชื่อด้อมของซันนี่นั้นชื่อว่า “太阳星 ไท่ หยาง ซิง” หรือ Sun Star (ไท่หยาง แปลว่า พระอาทิตย์ ซิง แปลว่า ดาว) มันเกิดจากการที่เวลาซันนี่แนะนำตัว เธอมักจะแนะนำตัวว่า ”สวัสดีค่ะฉันชื่อซันนี่เป็นพระอาทิตย์ดวงโตของทุกคน”

      ภายในด้อมแฟนคลับก็เลยโหวตกันว่า อยากให้มีชื่อด้อมคล้องกับที่ซันนี่แนะนำตัว และยังพูดคุยถึงฉายาประจำตัวของซันนี่ อย่าง บอสหยาง, น้องฉิง , น้องนี มาเริ่มกันที่ “บอสหยาง” เกิดจากการที่พี่ๆ ทีมงานชอบเรียกน้องว่าบอสหยาง จนสุดท้ายน้องก็เลยนำมาตั้งเป็นชื่อสตูดิโอที่ทำงานที่จีน

        ต่อมาคือน้องฉิง หรือ “ฉิง เอ๋อ เม่เม๋” ฉิงมาจากชื่อจีน แปลว่า มีแดดออก สดใส เอ๋อ เป็นภาษาจีนที่เติมเข้าไปเพื่อให้คำมันดูน่ารัก เม่เม๋ แปลว่า น้องสาว ส่วน ”น้องนี” คือมาจากชื่อเล่นจริงๆ ของน้อง และบริษัทเห็นว่าน้องบุคลิกสดใส เลยตั้งสเตจเนมว่า Sunny แต่เปลี่ยนข้างหลังเป็น nee แทน

        และแฟนคลับของน้องไม่ได้มีแค่ที่จีนเท่านั้น มีทั้งประเทศไทย, สิงคโปร์, ฮ่องกง, มาเลเซีย เป็นประเทศที่ใช้ภาษาจีนเป็นหลัก รวมไปถึง ตอนที่มีคอนเสิร์ตที่จีนก็มีแฟนคลับจากประเทศญี่ปุ่นด้วย แฟนคลับเยอะขนาดนี้ แน่นอนว่าผลงานของน้องก็เยอะมากๆ เช่นกัน ซึ่งน้องมีผลงานที่โดดเด่นที่สุดเลยคืออัลบั้มแรกที่วางขายในจีน เป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ชื่ออัลบั้มว่า "How's The Weather Today?" (ฮาวส์ เดอะ เวทเธอร์ ทูเดย์) ซึ่งชื่ออัลบั้มนี้มาจากแฟนเพจใน Facebook ที่ตามถ่ายรูปให้ซันนี่ ตั้งแต่สมัยที่น้องอยู่ไต้หวัน-ไทเป ซึ่งอัลบั้มนี้ขายดีมากกว่า 11,000,000 หยวน (ประมาณ 55 ล้านบาท) ซึ่งก่อนหน้านั้นมีระยะเวลาที่พรีเซลล์ซึ่งขายได้ 10,000,000 ก่อนเปิดขายจริง โดยยอดเป็นอันดับที่ 72 ของอัลบั้มที่ขายดีตลอดกาลในจีน และมีผู้ติดตามน้องใน ”เหว่ยป๋อ” 22.1 ล้านคน

     และสาเหตุที่น้องมีแฟนคลับมากมายที่คอยสนับสนุนขนาดนี่คงจะหนีไม่พ้นอุปนิสัยของน้องเวลาสื่อสารหรือเจอแฟนคลับ น้องจะชอบเป็นคนที่ขี้แกล้งขี้หยอก เสมอ โดยคุณฝ้ายได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่น้องไปออกรายการจีนชื่อรายการว่า “Roast” (แปลว่า เผา) ซึ่งเป็นรายการแรกๆ เลยหลังจากที่เดบิวต์เป็นวงร็อกเก็ตเกิลส์ ไปกับเพื่อนสมาชิกอีกคนหนึ่งในวง และ concept ของรายการคือให้ดาราศิลปินมาเผากัน แหย่เล่นกันเอง ซึ่งน้องเองก็โดนแซวว่า เนี่ยอ่านภาษาจีนยังอ่านไม่ออกเลยนะ ซันนี่ก็เลยแซวกลับไปว่าฉันเป็นคนไทยนะ เธอก็ยังอ่านภาษาไทยไม่ออกเลยใช่มั้ยล่ะ โดยยกประโยคที่ว่า “ยายกินลำไยน้ำลายยายไหลย้อย” ให้เพื่อนฟัง พร้อมกับตบท้ายด้วยประโยคท้าทายว่า “คุณเข้าใจไหมล่ะ” อือหือแสบใช่ย่อยเลยล่ะ 

       และเมื่อน้องได้เข้าวงการตั้งแต่อยู่ที่ไต้หวันจนถึงปัจจุบันรวม 10 กว่าปี ตั้งแต่อายุ 15-16 พอน้องกลับมาที่ไทยแฟนคลับก็ไปรอรับที่สนามบิน ซึ่งในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา คุณฝ้ายเองก็มีการ โปรโมทหนักมากทั้งช่องทางโซเชียลมีเดีย จนน้องมีแฟนคลับเพิ่มมากขึ้น ทำให้แฟนคลับที่ไปรับที่สนามบินตอนนี้มีประมาณ 100 กว่าคนจากวันแรกที่เดบิวต์ rockets girls มีแค่ 30-40 คนเท่านั้น

ซึ่งแน่นอนว่ามีคลิปคลิปหนึ่งที่เป็นไวรัลที่สามารถตกแฟนคลับเข้าด้อมเพิ่มได้ นั่นก็คือคลิปที่น้องร้องเพลง”โต๊ะริม ของนน ธนนท์” โดยที่ไทยชาวโซเชียลก็ได้แสดงความคิดเห็นว่า ”ทำไมคนจีนคนนี้ร้องเพลงไทยเพราะจัง” และคนจีนเองก็งงว่า “คนนี้เป็นคนไทยหรอ? ทำไมร้องเพลงไทยชัดจัง” 

        และมีเรื่องน่ารักอย่างแรกของน้องเลยก็คือแฟนคลับมักจะแซวน้องในแพลตฟอร์ม TikTok ว่า “นี่แอคจริงหรือ แอคหลุม” เพราะ TikTok ของน้องเพิ่งเปิดใช้ได้ไม่นาน น้องเองก็ไม่ค่อยได้ลงรูปหรืออัพเดตอะไร ซึ่งคนติดตามใน TikTok ประมาณ 8,000 คน แต่คนติดตามในเพจเฟสบุ๊คแฟนคลับประมาณ 160,000 คน เลยถูกแซวตามประโยคข้างต้น ซึ่งสามารถไปติดตาม TikTok ของน้อง @sunnee_kewalin ให้กลายเป็นแอคจริงได้สักที

         เรื่องน่ารักต่อมาคือ แรงผลักดันที่ทำให้น้องมีความตั้งใจที่จะโด่งดังให้ได้ ส่วนหนึ่งมาจากป้าข้างบ้านเพราะสมัยที่น้องเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ชอบทักว่าทำไมถึงไม่เรียนให้จบ  น้องเองก็ไม่อยากหน้าแตกจึงเกิดเป็นพลังไฟในครั้งนั้นที่นำพาน้องจนประสบความสำเร็จ

        เรื่องน่ารักอย่างสุดท้ายคือน้องเคยมาร์คหน้าไปซื้อกาแฟ จนล่าสุดมีพนักงานที่ร้านมาคอมเม้นต์ใน TikTok ของแฟนคลับว่า “จำน้องได้ว่าน้องมาร์คหน้ามาซื้อของตลอด” ไม่เพียงแต่มาส์กหน้าออกไปซื้อของเท่านั้น เวลาน้องออกไปเที่ยว น้องก็แทบจะไม่แต่งหน้าเลย จนถึงขนาดที่ว่าแฟนคลับคิดว่าน้องไม่มีเครื่องสำอางติดที่บ้านเลย นอกจากนี้น้องยังเคยให้สัมภาษณ์ด้วยว่า “ถ้าเราพึ่งการแต่งหน้าไปแล้วครั้งหนึ่ง ละพึ่งมันไปเรื่อยๆ มันอาจจะทำให้วันนึงเราจะไม่มีความสุขกับหน้าตัวเอง” 

          และขอย้อนกลับไปถึงเรื่องกาแฟที่น้องชอบซื้อดื่มประจำนั่นก็คือ “ไอซ์ อเมริกาโน่” มักจะถือติดมือตลอด ในส่วนของอาหาร น้องก็จะไม่ค่อยกินอาหารที่ยากๆ (ทั้งยากต่อการทำและยากต่อการกิน) จะกินของง่ายง่ายเช่น ผัดกะเพรา ข้าวเหนียวหมูปิ้ง บะหมี่หมูแดง 

      และนอกจากเรื่องอาหารเครื่องดื่มที่น้องชอบแล้วแล้ว ในตอนนี้ซันนี่เองก็กำลังให้ความสนใจกับการเที่ยวชมคอนเสิร์ตที่เมืองไทย เพราะต้องการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ว่าคอนเสิร์ตในไทยเป็นอย่างไร ศิลปินท่านอื่นๆ ในไทยมีวิธีการดึงความสนใจผู้ชมแบบไหน โดยซันนี่เองก็มี “พี่เบิร์ด ธงไชย” เป็นไอดอล รวมไปถึงศิลปินชายอีกคนที่เขาชอบมากๆ เลยก็คือ “ต่อ ธนภพ” และอยากร่วมงานกับศิลปินของเมืองไทยคนอื่นๆอีกด้วย เช่น โบกี้ ไลอ้อน, พีพี กฤษฏ์ และแฟนคลับเองก็อยากเห็นน้องได้ร่วมงานกับศิลปินเหล่านี้เช่นกัน เพราะอยากให้น้องมีความสุข

         ซึ่งก่อนหน้านี้ซันนี่เองก็ได้ร่วมงานกับศิลปินไทยไปแล้วกับเกิร์ลกรุ๊ปสัญชาติไทยอย่างวง “VYRA(ไวร่า) เพลงต๊ะต่อนยอน” นั่นเอง โดยเป้าหมายต่อไปที่น้องสนใจอยากจะทำคงหนีไม่พ้นการได้มีส่วนร่วมในการทำเพลงมากขึ้น อยากจะลองร้องเพลงสไตล์ใหม่ๆ หรือมีเวทีที่น้องจะได้ร้องเพลงต่อหน้าคนหลายๆ คนที่ตั้งใจมาฟังน้องร้องเพลง

         และสุดท้ายนี้คุณฝ้ายที่เป็นตัวแทนของแฟนคลับหลายๆ คนก็อยากจะฝากถึงแฟนคลับคนอื่นๆ ว่า “ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ทุกๆ คนเป็นคนสำคัญที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้ และฝ้ายเองก็คิดว่าคนในด้อมก็มีนิสัยเหมือนกันนั่นก็คือชอบของยาก ชอบความท้าทาย เลยทำให้เราหากันเจอ

และอยากฝากถึงซันนี่ว่า “อยากให้น้องมีความมั่นใจเยอะๆ เพราะน้องมีเสน่ห์ในตัวและมีความน่ารักในตัวที่รอให้คนมาเห็น ขอให้น้องเป็นตัวของตัวเอง น่ารักกับทุกคนแบบนี้ไปนานๆ  ขอให้ประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่ตั้งใจ ในเรื่องของหน้าที่การงานก็ขอให้มีผู้ใหญ่เอ็นดูน้องเยอะๆ ค่ะ” คุณฝ้ายกล่าว 

และก็มาถึงช่วงที่เราจะได้เจาะลึกถึงตัวตนของซันนี่กันแล้ว จากที่คุณฝ้ายเล่าว่าน้องมีหลายคาแรกเตอร์ ซึ่งคาแรกเตอร์แรกคือ”คาแรกเตอร์ซันนี่” จะเป็นลุคที่มีความเป็นบอส เซ็กซี่ๆ ส่วน”คาแรกเตอร์เกวลิน” จะเป็นลุคน่ารักขี้เล่น ซึ่งในรายการวันนี้ คุณฝ้ายและดีเจทั้งสองคนเองก็ไม่แน่ใจว่าน้องจะพกคาแรกเตอร์แบบไหนมา ไปติดตามกันได้เลย! 

 

‘เปิดโมเม้นท์สุดประทับใจกับการกลับมาประเทศไทยในรอบ 3 ปี’

 

อย่างที่บอกไปว่าช่วงโควิดที่ผ่านมา ซันนี่ ก็ไม่ได้กลับมาประเทศไทยนานมาก ถ้ารวมแล้วก็ระยะเวลากว่า3ปีแล้ว ดีเจดาวจึงเอ่ยแซวเรื่อง Vlog ของซันนี่ ที่ไปเห็นโมเม้นสุดน่ารักของคุณพ่อคุณแม่ไปรับและยังปลอกทุเรียนมาให้อีกด้วย

ซันนี่เองจึงตอบว่า ใช่แล้วค่ะ จริงๆ แล้วอยู่ที่จีนก็ได้ทานเหมือนกัน แต่ที่นู่นเขาจะเป็นแบบนิ่ม ส่วนเราเองจะชอบแบบกรอบมากกว่าค่ะ พอพูดถึงทุเรียนกรอบดีเจพี่แนนเลยเล่นมุขว่า แล้วแบบนี้ทำไมไม่ทานทุเรียนกรอบเอาล่ะคะ (หัวเราะ) ซันนี่จึงบอกว่า จริงๆ แล้วหนูทานได้แค่ทุเรียนจริงส่วนที่ผ่านกระบวนการอื่นหนูไม่ค่อยทานเลยค่ะ ดีเจแนนและดีเจดาวก็ต่างเซอร์ไพรส์ จึงแซวซันนี่บอกว่า ต้องลองซักครั้ง อย่างทุเรียนทอดก็ถือเป็นมรดกโลกเลยนะ ซันนี่ยิ้มขำพร้อมบอกว่า ได้เลย ไว้หนูจะลองดูค่ะ

พร้อมบอกเล่าความประทับใจที่เหล่าแฟนคลับต่างไปรอต้อนรับตนกลับไทยที่สนามบิน เพราะตนไม่คาดคิดว่าจะมีแฟนคลับที่ประเทศไทยมากขนาดนี้ จึงส่งผ่านคำขอบคุณแฟนคลับ Sunstar  太阳星 ทุกคนที่ผลักดันตนมาถึงจุดนี้และคอยซับพอร์ตเราอยู่เสมอ ทำให้ซันนี่เป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกด้วย

 

‘ความฝันในวัยเด็ก สู่ ความสำเร็จในปัจจุบัน’

 

พอพูดมาถึงการเป็นศิลปินแล้ว ดีเจพี่ดาวก็เลยเอ่ยถามว่า เด็กหญิงซันนี่ในวัยเด็ก นอกเหนือจากความฝันหรือการเข้าสู่วงการบันเทิงแล้ว ซันนี่มีอาชีพอะไรอีกมั้ยที่อยากจะทำ ตัวซันนี่เองจึงตอบอย่างชัดเจนเลยว่า ไม่มีเลยค่ะ แต่ตอนเดบิวท์แรกๆ และเราหายไปประมาณ 3 ปี มันก็มีช่วงที่เราคิดเหมือนกันค่ะ ว่าการเป็นดารานักร้อง ก็คงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ก็เลยเรียนการโรงแรมไว้ เผื่ออนาคตจะสามารถมีอาชีพรองรับเราไว้ด้วย

 

ซึ่งเราก็รู้กันอยู่แล้วว่าการไปเป็นศิลปินที่ต่างประเทศความยากลำบากอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องภาษา แล้วตัวซันนี่เองพบปัญหาอะไรบ้างด้านนี้ ซันนี่จึงตอบว่าจริงๆ แล้ว ภาษาไม่ใช่อุปสรรคเท่าไหร่เลยค่ะ เพราะตอนอยู่ไทยเราเรียนภาษาจีนอยู่แล้วด้วย พอไปอยู่ได้ซักพักก็เริ่มพูดคุยได้ค่ะ แต่ตอนนี้ก็อาจจะยังไม่ถนัดการเขียนซักเท่าไหร่ ซึ่งเราก็ได้ใช้ภาษาจีนกับคุณพ่อมากขึ้นด้วยเพราะคุณพ่อเป็นคนจีนค่ะ จนหลังๆมาก็ไม่ได้ใช้ภาษาไทยกับคุณพ่อเลยค่ะ (หัวเราะ) มีใช้ภาษาไทยก็กับน้องชายเลยค่ะ เพราะเขาชอบโทรมาคุยด้วยบ่อยๆ ตอนอยู่ที่จีน แต่ว่าตอนคุยกันก็ไม่ค่อยใช้ภาษาสุภาพซักเท่าไหร่ค่ะ (หัวเราะ) ตอนกลับมาไทยก็เลยยังไม่ชิน รอบหลังเลยต้องให้น้องชายพยายามพูดภาษาสุภาพกับเรามากขึ้น ในอนาคตเผื่อเราจะต้องใช้ในการทำงาน ก็เลยจะกลัวดูไม่ดีซักเท่าไหร่ค่ะ

 

‘แพลนในอนาคตกับการกลับมาทำงานในประเทศไทย’

 

ซันนี่เองก็ได้กล่าวกับทางรายการว่า รู้สึกว่าปีนี้ถือเป็นปีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของตนมากๆ จึงอยากที่จะไปในจุดที่ตน อาจจะยังไม่มีประสบการณ์มาก่อน ซึ่งประเทศไทยก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นที่เราสนใจ หรือในอนาคตเราก็อยากที่จะให้ทุกคนรู้จักเรามากขึ้น ก็เลยค่อยๆ ดูไป และยังคงหาโอกาสให้กับตัวเองเรื่อยๆเลยค่ะ

 

โมเมนต์สุดน่ารักของ ’ซันนี่’ กับศิลปินไทยที่ตนชื่นชอบ

 

- ตำนาน อุ้ย !! เฮ้ย !! ว๊ายย !!

เมื่อดีเจแนนเอ่ยแซวถึงดาราไทยที่ซันนี่ชื่นชอบอย่าง ‘ ต่อ ธนภพ ‘ ซันนี่ก็ถึงกับเสียอาการและตอบกลับมาว่า ถ้าตามสเปคจริงๆ ของหนูเลย ก็เป็นลุคคล้ายๆ พี่ต่อเลยค่ะ สูง ตาโต ดูสะอาดสะอ้าน จริงๆ เราชอบและชื่นชมผลงานการแสดงของเขามากกว่า เพราะเรารู้สึกว่าเขามีเสน่ห์ในแบบของเขาเวลาเล่นละครมากๆ เลยค่ะ 

ดีเจแนนจึงถามถึงล่าสุดที่ทาง ต่อ ธนภพ ได้มีการมาตอบคอมเมนท์ตนในไอจี เป็นอย่างไรบ้างกับความรู้สึกตอนนั้น ซันนี่จึงเล่าโมเมนต์นั้นให้ฟังว่า ตนพึ่งเห็นเมื่อเช้าตอนกำลังเช็คโทรศัพท์ แล้วพอเห็นปุ๊บรีแอคชั่นที่ออกมาก็อุทานเลยค่ะว่า

อุ้ย!! เฮ้ย!! ว๊ายย!! น้อย!” ซึ่งน้อยก็คือน้องเราเอง แล้วกว่าหนูจะตอบกลับเขาก็คือพิมพ์แล้วลบทิ้งหลายรอบมาก รอบแรกพิมพ์ว่า ‘ สวัสดีค่ะ หนูซันนี่นะคะ’  แล้วลบทิ้ง รอบสองก็พิมพ์ใหม่ ‘ พี่ต่อติดตามหนูหน่อยได้มั้ย’ แล้วก็ลบอีกค่ะ (หัวเราะ) แล้วก็พิมพ์อีกว่า ‘พี่ต่อ หนูซันนี่นะคะ’ จนสุดท้ายกว่าจะกดส่งก็กลายมาเป็น “ อุ้ย เฮ้ย ว๊ายย “ เนี่ยแหละค่ะ เพราะตรงกับความรู้สึกตอนนั้นเราดี (หัวเราะ) ซึ่งโมเมนต์การเล่าเรื่องของซันนี่ก็ทำให้สร้างเสียงหัวเราะให้พี่ดีเจทั้งสองไปตามๆกัน

 

- ศิลปินไทยคนไหนที่อยากร่วมงานด้วยที่สุด

เมื่อดีเจดาวถามซันนี่ถึงศิลปินที่ตนอยากร่วมงานด้วยในไทยคือใคร ตนก็ตอบกลับมาอย่างไวเลยว่า ‘พี่เบิร์ด ธงไชย’ ซึ่งคำถามนี้เวลาตนให้สัมภาษณ์ที่ไหนตนก็จะให้คำตอบเดิมเสมอ เพราะเราชื่นชอบมาก ตั้งแต่ตนเกิดมา 26 ปี ก็ยังไม่เคยเจอเลย และยังไม่มีโอกาสได้ไปคอนเสิร์ตด้วย เรารู้สึกว่าเพลงของพี่เบิร์ดหลายเพลงเวลาเราเฟล เราได้ฟังก็ทำให้รู้สึกดีไปด้วยค่ะ

พฤติกรรมแปลกที่คนอื่นไม่เคยรู้

คิดว่าพฤติกรรมของเราที่คนอื่นไม่น่าจะทำคืออะไร ซันนี่จึงตอบว่า จริงๆ ไม่รู้ว่าแปลกมั้ยนะคะ ไม่รู้คนอื่นเป็นมั้ย แต่เวลาที่เราไปพักโรงแรมสิ่งแรกที่มักจะดูก่อนก็คือ ห้องน้ำค่ะ เพราะส่วนตัวเราเป็นคนซีเรียสเรื่องห้องน้ำ เรื่องความสะอาดอะไรแบบนี้ รวมไปถึงเช็คพวกเสื้อคลุมอาบน้ำ และฝักบัวด้วยว่าสกปรกมั้ย ถ้าสกปรกก็จะเอาแอลกอฮอล์มาเช็ดเลย  ซึ่งคิดว่าแปลกตรงที่ก็ซีเรียสอยู่แค่ห้องน้ำนี่ล่ะค่ะ (หัวเราะ)  อีกอย่างเป็นพวกความรู้สึกซะมากกว่าค่ะ อย่างเวลาทำงานถ้าสตูดิโออะไรแบบนี้ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับหรือเซ้นท์มั้ย แต่ก็จะมีบางที่ที่รู้สึกอึดอันหรือเวียนหัวแต่พอทำงานเสร็จออกมาก็กลับมาปกติแบบนี้ก็มีค่ะ หรืออย่างพวกโรงแรมที่เราไปพัก ถ้าห้องไหนที่เราเข้าไปแล้วรู้สึกว่า มืด หรือหัวตื้อๆ อะไรแบบนี้ ก็จะย้ายโรงแรมเลยค่ะ

 

การ ’เปลี่ยนแปลง’ ที่ดีเพื่อ ’ความรัก’ และ ’แฟนคลับ’

หลังจากดีเจทั้งสองเอ่ยปากชมความชิล ความเป็นตัวของตัวเองของซันนี่ในรายการแล้ว ดีเจแนนก็เกิดคำถามว่า ทำไมซันนี่ถึงคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่มั่นใจ ซันนี่จึงบอกว่า เมื่อก่อนตนเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองซักเท่าไหร่ ตนจึงพรีเซนท์ตัวเองในรูปแบบความสดใส และปล่อยเอเนอจี้ที่ดีออกมาให้คนที่เรารักดีกว่า และด้วยความเราอยู่และทำงานที่จีนด้วย ถ้าเรายังไม่มีความมั่นใจ หรือเซนซิทีฟกับปัญหาต่างๆ เราคิดว่า มันก็จะทำให้คนที่ชื่นชอบเราเขาก็รู้สึกดาวน์ไปด้วย หรือถ้าวันไหนเรารู้สึกสภาวะจิตใจเราไม่ค่อยดี เราก็จะบอกกับแฟนคลับตามตรงเลยค่ะ เพื่อที่จะกลับไปปรับตัวเองให้กลับมาเป็นซันนี่คนเดิมตามปกติค่ะ

 

       และนอกจากนี้น้องยังได้เปิดเผยความรู้สึกตอนที่ได้คุยกับแฟนคลับว่า “หนูรู้สึกเฟล ในเรื่องของหน้าที่การงานในปีที่แล้วมาก เพราะมีปัญหาหลายอย่าง และในปีนี้ที่กลับมาไทยคือกลับมา”ชาร์จแบต”(หมายถึง พักผ่อน เติมพลังกายพลังใจ) กลับมาหาความมั่นใจของตัวเองอีกรอบ จริงๆในใจก็รู้สึกกลัวมากที่มารายการในวันนี้ กลัวจะทำออกมาได้ไม่ดี ที่ต้องไลฟ์สดคุยกับทุกๆคน และต่อมาคือกลัวว่ายังจะมีคนชื่นชอบเราอยู่หรือเปล่า แต่พอมาเจอแฟนคลับในวันนี้ น้ำตาใหลเลย ทำให้พูดกับตัวเองว่าเราไม่ได้แย่ขนาดนั้น เรายังมีคนชื่นชอบเยอะอยู่นะ เลยอยากขอบคุณทุกคนมากๆ หนูเลยจะพยายามที่จะทำให้หนูและแฟนคลับได้เจอกันบ่อยๆ มากขึ้น”

 

และดีเจดาวก็ได้พูดเพื่อให้กำลังใจน้องด้วยว่า 

“มันเป็นเรื่องดีมากๆ เลยที่คนๆ หนึ่งสามารถเผยความรู้สึกของตัวเอง และเปิดเผยมุมที่อ่อนแอบางอย่างได้ พี่ดาวว่ามันต้องใช้ความกล้าเยอะมากๆ และพี่ก็นับถือตรงนั้นจริงๆ”

        สุดท้ายนี้ซันนี่เองก็ยังอยู่ในช่วงวางแผนการจัดแฟนมีตที่จะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมหากใครที่ต้องการพบปะน้องแบบพิเศษใส่ไข่ก็อย่าลืมติดตามข่าวสารจากน้องได้เลยน๊าา แล้วเจอกันสัปดาห์ถัดไปจ้า

ติดตามความน่ารักของซันนี่ย้อนหลัง

related EFM FANDOM RECAP

ต้อนรับปีกระต่ายด้วยการเสิร์ฟความน่ารักจากน้อนแมว “พิเฌอ – เฌอปราง BNK48” มาพร้อมประสบการณ์ในชีวิตที่บอกเลยว่า...หาฟังจากที่ไหนไม่ได้!

05 ม.ค. 2023

ต้อนรับปีกระต่ายด้วยการเสิร์ฟความน่ารักจากน้อนแมว “พิเฌอ – เฌอปราง BNK48” มาพร้อมประสบการณ์ในชีวิตที่บอกเลยว่า...หาฟังจากที่ไหนไม่ได้!

เปิดปีกระต่ายทั้งที! รายการ EFM Fandom Live [12 มกราคม 66] ที่ผ่านมา พร้อมเสิร์ฟความน่ารักด้วยการต้อนรับสาวสวย อย่าง “เฌอปราง BNK48” โดยมี “ดีเจแนน - ดีเจดาว” เป็นผู้ดำเนินรายการซึ่งในช่วงแรกของรายการ พี่ๆดีเจก็ได้พูดคุยกับตัวเเทนแฟนคลับ “ด้อมแมว” เกี่ยวกับที่มาที่ไปของ “เฌอปราง BNK48”ฉายาของเฌอปรางที่แฟนคลับเรียก บอกเลยเยอะม๊ากกกก! เฌอแตม = น่ารัก ใสๆ เหมือนน้องเฌออนุบาล 3 ขวบ พี่เฌอ = แฟนคลับทั่วไปก็จะเรียกพี่เฌอ ถึงจะอายุเยอะกว่าก็จะเรียกพี่เฌอ ตามน้องๆในวง เพราะตอนนี้พี่เฌอโตสุดในวง พี่ไท = จะเป็นร่างหล่อๆ เท่ๆ ลูกแมว = เวลายิ้มหรืออ้อนๆ จะเป็นเหมือนลูกแมว ก็จะเรียกลูกเเมวน้อยกัน เจ๊ปราง = จะเป็นเวลาองค์ร่างเจ๊ประทับ ยืนท้าวเอว คล้ายๆเจ๊ เลยเป็นร่างเจ๊ปราง CC = จะเป็นร่างเกมเมอร์ เวลาเล่นเกม เพราะในเกม เฌอปรางจะใช้ชื่อว่า CC เเฟนๆเลยเรียกว่าคุณ CC เวลาร่างเกมเมอร์มาชื่อด้อม “ด้อมเเมว” ตัวของพี่เฌอเองเหมือนกับลูกแมว เวลาอ้อนแล้วก็ที่หัวเข่าจะเป็นรอยหน้าเเมวฝากความห่วงใยไปถึงพี่เฌอ “อยากบอกว่าทำงานหนักแล้ว ก็ดูแล เทคแคร์สุขภาพตัวเองด้วย เพราะว่าสุขภาพกาย สุขภาพใจสำคัญมาก ถ้าสุขภาพกายเเละใจเเข็งเเรง เราก็จะทำงานได้อย่างราบรื่น พี่เฌอมีคนเดียวในโลก เเล้วก็แฟนคลับภูมิใจนะที่ได้มาตามศิลปินที่ชื่อ “เฌอปราง”มาถึงช่วงที่สองของรายการ พูดคุยกับคนที่ทุกคนรอคอย ขอต้อนรับ “เฌอปราง BNK48” สู่ EFM FANDOM LIVEถามถึงช่วงวัยที่ 24 ของเฌอปราง เป็นช่วงที่รู้สึกว่านิ่งมากขึ้น รู้มากขึ้นว่าตัวเองต้องการอะไร ก่อนหน้านี้อาจจะสงสัย อาจจะยังไม่เข้าใจว่าจริงๆเเล้วฉันทำอะไรได้บ้างกันเเน่ ความถนัดของฉันคืออะไรเฌอปรางกับบทบาท “ผู้จัดการวง BNK48” เป็นบทบาทหน้าที่ใหม่ที่ได้รับ คือดูแลในส่วนของเมมเบอร์ ใครขึ้นเเสดงบ้าง Stage ไหนบ้าง ดูการแสดงเมมเบอร์กันเอง การซ้อม โปรเจกต์ต่างๆ แล้วก็ประสานงานกับทางทีมงานมากขึ้น เข้าประชุมบ่อยขึ้น จากเมื่อก่อนที่เป็นแค่กัปตันก็จะได้แค่ พี่คะต้องอย่างนู้นอย่างนั้นดีไหมคะ เสนอไปแล้วรอว่าเขาเอายังไงกัน แต่ตอนนี้จะเป็นอยู่ในที่ประชุม ที่แบบว่าเอายังไง… ก็จะถามโดยตรงเลยว่าจะเอายังไงกันดีคะ ก็คิดว่าทำให้เต็มที่ที่สุด แต่ที่ได้ทำตรงนี้ก็รู้สึกสบายเฌอมากขึ้น เพราะปกติก็จะหงุดหงิดทำไมไม่จัดตารางซ้อมให้น้อง ตอนนี้ปรับเป็นอย่างนี้นะคะ เอายังงี้นะคะ ก็คือสามารถตัดสินใจได้เลยย้อนกลับไปวันเเรก ความรู้สึกที่ได้ออดิชัน ตอนนั้นอายุ 20 ปี วันนั้นก็คือไม่รู้อะไรเลยจริงๆ แบบอ๋อนี่คือบรรยากาศออดิชันหรอ คนเยอะจังเลย ปกติจะอยู่ในห้องแล็บ อยู่คนเดียวไม่ก็อยู่กับเพื่อนในกลุ่ม 7 - 8 คน จากวันนี้ก็ผ่านมา 6 - 7 ปีแล้วความเปลี่ยนแปลงที่รู้สึกได้ อย่างแรกเลย คือดูเเลตัวเองมากขึ้นเยอะมาก ทั้งสุขภาพ ความสวยความงาม เมื่อก่อนอยู่เเต่ในห้องแล็บเราไม่ต้องใช้หน้าตาหรืออะไรเราก็ชิวๆของเรา เมื่อก่อนมีเเค่ขวดน้ำตบ ครีมโลชั่นหนึ่งขวด แต่ตอนนี้แบบหลายอย่าง ดูแลมากขึ้น แล้วก็เซ็ตเครื่องสำอางค์ก็เยอะขึ้นมากแบบควรจะหยุดซื้อได้แล้วความรู้สึกหรือว่าการเรียนรู้ตัวเองที่เปลี่ยนแปลงไป ได้รับมือกับกลุ่มคนเยอะๆมากขึ้น เมื่อก่อนอาจจะเเค่รอบๆตัวก็พอ แต่ตอนนี้อยู่ในสื่อมากขึ้น เจอคนหลากหลายมากขึ้น แล้วก็เข้าใจตัวเองมากขึ้นได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้เรียนการแสดงหรือสกิลที่ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องทำมาก่อน เอ็นจอยมากขึ้นกับการทำงานหลายๆอย่างการเรียนการแสดงของเฌอปราง เหมือนได้ปลดล็อกอีกระดับหนึ่ง ตอนแรกจะแข็งจะนิ่งไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมา แล้วตอนแรกร้องไห้ไม่เป็น ร้องไห้ 2-3 ปี น้ำตาหยดหนึ่ง คือมันไม่ค่อยมีอีเว้นท์อะไรที่จะร้องไห้ ต้องแบบหนักมากจริงๆ แต่อันนี้ คือเราต้องใช้การแสดง ได้สำรวจตัวเอง สีหน้ามีมากขึ้นงานอดิเรกหรืออะไรที่ทำให้ “เฌอปราง” มีความสุข ใจฟู คือ การกินของหวาน ชอบกินของหวานเกือบทุกชนิด ช็อกโกแลต เครป เค้ก น้ำหวาน ชานม เป็นสายของหวาน ตอนนี้กินหวานน้อยไปเยอะ เเต่ถ้าหวานเยอะเมื่อไหร่ก็เเฮปปี้ ส่วนอีกอันก็ดูการ์ตูน ดูหนัง อ่านหนังสือ เล่นเกม เล่มเกมเป็นช่วงเวลาที่เอ็นจอยมากชื่อ “พี่ไท” ที่คุณแม่เคยจะตั้งชื่อให้ ถ้าเกิดมาเป็นเด็กผู้ชาย แม่จะตั้งชื่อว่าไทให้ แม่เอามาจากการ์ตูนเมื่อก่อนสัตว์ที่พิเฌอชอบเป็นพิเศษ ชอบแมวเป็นพิเศษ เพราะว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ประหลาดมากเลย เช่น ไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้นเเต่มันสวยสง่า ดึงดูด บทจะอ้อนก็อ้อนบทจะไม่เอาก็ไม่เอา มองเเล้วแบบเมว! แต่สัตว์ที่อยากเลี้ยงที่สุด คือ งู เพราะงูมันนิ่งดี นิ่งเงียบสงบ ค่อยๆไปค่อยๆเลื้อย เลยอยากเลี้ยงความแปลกของพิเฌอ เคยมีครั้งหนึ่งช่วงมหาวิทยาลัย คือหาหอพักแล้วเขาไปดูห้องครั้งเเรก คือจะมีเพื่อนอยู่มาก่อนเเล้วคนหนึ่ง แล้วเข้าห้องไปสิ่งเเรกที่เดินเข้าไปทำคือ มันมีซอกหนึ่งอยู่ แล้วก็เดินเข้าไปนั่งในซอกเตียง แบบหาพื้นที่ คือชอบนอนกอดหมอนข้าง ชอบนอนอยู่ที่เเคบๆ ก็แบบฉันจะอยู่ตรงนี้ได้ไหม คือเพื่อนก็มองแบบช็อก เข้ามาครั้งเเรกเธอไม่สำรวจอย่างอื่นหรอสิ่งที่กลัวที่สุดในชีวิตพิเฌอ รถไฟเหาะ คือไม่ชอบความหวาดเสียวของมัน คือสามารถเหวี่ยงเป็นพวกไวกิ้งส์พอเล่นได้ แนวดิ่งก็พอได้แต่รถไฟเหาะมันเหวี่ยงบ้าง ดิ่งบ้าง ราบบ้าง อะไรแบบนี้สิ่งที่ว้าวมากกับการไปแคมป์ที่อเมริกา ได้เล่น Simulator ของเขา ก็คือเป็นการทดลองว่าถ้าเป็นนักบินอวกาศต้องไปกดอะไรบ้าง เข้าครั้งเเรกคือแบบ “หนูไม่เป็นนักบิน มันเยอะมาก”อีกความฝันหนึ่งของเฌอปราง อีกความฝัน คือ อยากมีบ้านที่แบบพึ่งพาตัวเองได้ มีโซลาร์เซลล์ของตัวเอง ผลิตของกิน เพราะรู้สึกว่าอาหารยังคงต้องเป็นสิ่งที่เราต้องดำรงชีพ เป็นความประหลาดที่เกิดจากความที่แบบ เอ๊ะ ถ้าเราไม่มีเงินตรา เราจะอยู่ได้ยังไงบ้าง เลยนั่งคิด แล้วก็คิดว่าถ้าไม่มีสิ่งแลกเปลี่ยนเราจะสามารถหาอาหารเองได้ไหม เลยแบบหาซื้อที่ไว้ ดูเป็นแถบอีสานในเมื่อ “เฌอปราง” เหมือนกับแมวแล้วได้มารายการของเราทั้งที เราจึงเตรียมเกมไว้ให้กับ เฌอปรางเล่น ชื่อเกมว่า “เหมียวโลดี้” (เข้าไปชมใน Youtube : ATIME) แอบบอกว่า เฌอปรางน่ารักมากกกก....เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของรายการกันแล้ว ทางเราก็เปิดโอกาสให้แฟนคลับได้โทรเข้ามาพูดคุยกับ “เฌอปราง”ความในใจที่อยากจะบอกกับ เฌอปราง “ความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน ศิลปินกับแฟนคลับ ครอบครัวหรือเพื่อน มันจะต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกันมา ซึ่งพี่ก็มีความสุขที่ได้ติดตามเฌอ พอเรามีความผูกพันก็มองว่าเฌอเนี่ยเป็นพี่ๆน้องๆจริงคนในครอบครัวเรา มีความภูมิใจที่ได้เป็นแมวของเฌอ จะซัพพอร์ตเฌอตลอด” “อยากบอกว่าวันนี้แต่งตัวน่ารักนะคะ แต่งบ่อยๆนะ บทบาทหน้าที่เปลี่ยนไปก็มาเป็นกำลังใจให้ สู้ๆ ขอให้มีพาทเนอร์ในชีวิตดีๆ” “จะติดตามไปตลอด ก็จะติดตามไปเรื่อยๆ รอดูผลงานตลอด”สุดท้ายนี้ EFM Fandom Live ขอขอบคุณ “เฌอปราง” มากเลยที่ได้มาร่วมพูดคุย สร้างความสุข รอยยิ้ม แบ่งปันเสียงหัวเราะให้กับทางรายการของเรา ทางเราก็ขอฝากติดตามผลงานเพลงและซีรีส์หรือละครของเฌอปรางด้วยน้าาาาสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

พวกเราแข็งแรงแล้วนะ บ้านของเราใหญ่ขึ้นแล้วนะ “ATLAS” กลับมาเยือนรายการ EFM FANDOM LIVE เป็นครั้งที่สาม บอกเลยครั้งนี้มาพร้อมหน้าพร้อมตากันครบทั้ง 7 คน และเซอร์ไพร์สคอนเสิร์ตใหญ่ของวงในปีหน้า!

22 พ.ย. 2023

พวกเราแข็งแรงแล้วนะ บ้านของเราใหญ่ขึ้นแล้วนะ “ATLAS” กลับมาเยือนรายการ EFM FANDOM LIVE เป็นครั้งที่สาม บอกเลยครั้งนี้มาพร้อมหน้าพร้อมตากันครบทั้ง 7 คน และเซอร์ไพร์สคอนเสิร์ตใหญ่ของวงในปีหน้า!

EFM FANDOM LIVE [9 พฤศจิกายน 66] คืนนี้เจอกับหนุ่มๆ T-POP ที่บอกเลยมากี่ครั้งก็สนุกสุดๆ กับ 7 หนุ่ม “ATLAS” โดย “ดีเจดาว - ดีเจแนน” พร้อมพาทุกคนไปฟิน และสนุกกันแล้ววว~~ในช่วงแรกของรายการ วันนี้เราจะมาพูดคุยกับตัวแทนแฟนคลับที่เป็น ALIS มาอย่างยาวนานนน จริง ๆ ก็คือตามน้องตั้งแต่เดบิวต์เลย เห็นวิดีโอแนะนำตัวของเมมเบอร์แต่ละคนก็จะเห็นทั้งการเต้น การแรป การร้อง ซึ่งก็ดึงดูดเรามาก ๆ และคิดว่าอยากจะสนับสนุนเขาเพราะว่าเขาแสนดีเกินกว่าที่จะอยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย ก็เลยอยากจะเป็นส่วนหนึ่ง เรารู้สึกว่าเขาซาบซึ้งและชื่นชมกับสิ่งที่แฟนคลับทำให้ เช่น พิมพ์ทวิตหา พิมพ์ข้อความหา แท็กสตอรี่หา หรือเวลาไปหาหน้างานถึงแม้เราจะอยู่หลังสุดแต่พวกเขาก็รู้สึกซาบซึ้งที่เรามาความรู้สึกที่อยากบอก ATLAS จริง ๆ แล้วในช่วงต้นเดือนนี้ ATLAS มีงานค่อนข้างเยอะและมีงานติดกันทุกวัน สัปดาห์หน้าและสัปดาห์ต่อ ๆ ไปก็มีงานเหมือนกัน อยากให้ทุกคนรักษาสุขภาพให้ดี กินอาหารให้ครบทุกมื้อ และในส่วนการซ้อม การแสดง รู้อยู่แล้วว่าตั้งใจซ้อมทุกงาน ก็ไม่อยากให้หักโหมกับงานมากเกินไป และอย่าให้มีอาการบาดเจ็บอะไรใด ๆ เป็นกำลังใจให้ ATLAS เสมอ ต้องขอยินดีกับความสำเร็จครั้งใหญ่ของ ATLAS และดีใจที่ได้อยู่ในทุก ๆ ก้าวของ ATLAS ถึงแม้ว่ายังมีระยะทางอีกไกล แต่ก็อยากบอกว่ายังไงก็จะอยู่สนับสนุนไปเรื่อย ๆ “ทุกก้าวที่ ATLAS ไป ไม่ได้มีกันแค่ 7 คนแน่นอน ยังมี ALIS เป็นหมื่นเป็นล้านคนที่พร้อมเดินเคียงข้างไปกับ ATLAS”ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยยย! กับช่วงสองของรายการ มาพูดคุยอัพเดตกับ 7 หนุ่ม “ATLAS” ในช่วงสิ้นปีนี้มีงานค่อนข้างเยอะ เนื่องจากเป็นช่วงของเทศกาล เร็ว ๆ นี้ก็อาจเป็นงานคริสต์มาสหรือในช่วงเคาท์ดาวน์ปีใหม่ ซึ่งงานปลายปีนี้ก็ถือว่าได้อยู่เคาท์ดาวน์กับแฟน ๆ ไปในตัว2 Bonus Track ที่เป็นของขวัญให้เหล่า ALIS ช่วงสิ้นปี ภูมิ : ผมรู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่ความหมายดีทั้งสองเพลงเลยครับ ก็คือเพลง 1987 และเพลงที่สองก็คือ การจากลาที่ไม่มีวันจากไป แทด : ในอัลบั้มเราทำ MV กันครบไม่ว่าจะเป็นมังคุด (Mangosteen) หรือ Boys Do Cry แต่สองเพลงนี้เหมือนกับมอบให้เหล่า ALIS เป็นของขวัญ ภูมิ : เพลง 1987 มีความหมายลึกซึ้งมาก พี่ใหม่ No One Else เป็นคนคิดชื่อนี้ขึ้นมา โดยที่ 1987 คือจำนวนวันบวกกับอายุของพระเยซูตอนตรึงกางเขน เท่ากับปี 2020 ที่เพลงนี้ถูกแต่งขึ้นมา ซึ่งเขาอยากสื่อถึงความรักที่บริสุทธิ์ เจ๊ท : MV ก็จะสื่อถึงความรักที่บริสุทธิ์ สีขาว มีขนนกเบาบาง จริงๆ ขนนกก็จะสื่อถึงแฟนคลับเราด้วย ที่แบบเป็นปีกโบยบินไปกับพวกเรา เออร์วิน : ความบังเอิญของเพลง 1987 คือเมื่อเอาเลขมารวมกันแล้วจะได้เลข 7 เปรียบเหมือนพวกเราทั้ง 7 คนพอดีเลย ไนซ์ : อีกเพลงที่มอบให้เป็นของขวัญกับ ALIS คือการจากลาที่ไม่มีวันจากไป นำโดย ‘พี่นต GETSUNOVA’ ก็ชื่อเพลงก็ยังคงคอนเซ็ปต์เดิม มันเป็นความแบบย้อนแย้ง “การจากลาที่ไม่มีวันจากไป” จริง ๆ แล้วเพลงไม่ได้เศร้านะ มันมีความหมายเหมือนถึงเราจะจากกันแต่เธอไม่มีวันจากไปจากฉันพิเศษสุดๆ เพลง Boys Do Cry เพราะงานนี้ได้ 1 ในเมมเบอร์วง ‘มิวอ้อน’ มาแต่งเพลงนี้ให้ด้วย มิวอ้อน : ยินดีมาก ๆ ที่ได้มีการมีส่วนร่วมในการขึ้นต้นเพลงนี้มาครับ เหมือนเราได้มอบอีกอารมณ์นึงที่ ATLAS ยังไม่เคยสื่อออกมาให้ทุกคนได้ฟัง ก็ขอบคุณมาก ๆ ครับผม มิวอ้อน : คำว่า ‘ผู้ชายก็ร้องไห้เป็นเว้ย’ เหมือนผมได้ audio file มา แล้วผมก็ไล่ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วรู้สึกว่าคำนี้มันเข้าที่สุดครับ เหมือนตอนนั้นมันน่าจะมีอารมณ์อะไรบางอย่างที่ทำให้เราอยากพูดคำนี้ ว่าแบบเราเป็นผู้ชายเราก็ร้องไห้เป็นนะ จาก Boys Don’t Cry เราก็ปรับมาเป็น Boys Do Cry แทด : ใช่ แล้วผมก็รู้สึกว่ามันเหมาะกับวงเรามาก ๆ สำหรับผมนะ เหมือนตั้งแต่รู้จักกับพี่ ๆ เราเป็นวงที่แบบว่าเรามีอะไรเราคุยกัน เราระบายออกมาอะไรอย่างงี้ ซึ่งพอเห็นม้วนแต่งออกมาก็รู้สึกว่ามันโดนมาก ๆ ภูมิ : ปกติเป็นคนฟังเพลงช้าอยู่แล้วครับ เพลงร็อคเราก็ฟังได้ เราฟังได้หมด แต่พอรู้ว่าเป็นเพลงร็อคเราก็เลยแบบจะทำได้มั้ยนะ แต่ว่าพอฟังเพลงจริง ๆ ตั้งแต่ Demo ก็รู้สึกว่าเพลงมันดีมาก ๆ แล้วผมเชื่อเลยว่ามันจะออกมาดีตั้งแต่ครั้งแรกที่เราฟังเลย เออร์วิน : ผมชอบมาก เพลงนี้ตอบโจทย์มาก ส่วนตัวชอบเพลงร็อคอยู่แล้ว แต่ท่อนแร็ปค่อนข้างที่จะปราบเซียน เป็นการแร็ปที่มีสัดส่วนของจังหวะที่ค่อนข้างจะแปลกไปจากเดิม ซึ่งมิวอ้อนก็เป็นคนแต่งขึ้นมาด้วย ตอนอัดก็ต้องให้มิวอ้อนมาช่วยไกด์และอีกเพลงที่ไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นก็คือ เพลงมังคุด (Mangosteen) เจ็ท : เพลงมังคุด (Mangosteen) ที่ทำงานกับพี่แจ๊ป เดอะริชแมนทอยเป็นฟีลนิ่ง ๆ ครับ ก็รู้ว่าพี่แจ๊ปเป็นคนฮาแหละ พูดอะไรก็ตลกแต่จะหน้านิ่ง จูเนียร์ : ‘แม่ใช้ไปซื้อมังคุด แต่หยิบละมุดทำไมไม่รู้’ คือส่วนตัวผมได้ยินวันแรก งงว่าทำไมนะ ? มันวางอยู่ใกล้กันเหรอ แต่ก็รู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่ตรงดีตอบโจทย์ดีATLAS แข็งแรงแล้วนะ บ้านของเราใหญ่ขึ้นแล้วนะ! เพราะพวกเขากำลังจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ รอติดตามได้ใน official แต่ยังคงมีช่วงเวลาให้ทุกคนได้เก็บหอมรอบริบกันอยู่ ยังคงมีระยะเวลา แต่คงเป็นภายในปีหน้าแน่นอน จริง ๆ ก็เริ่มเตรียมงานกันมาซักพักแล้ว ต้องรอเซอไพรส์กันต่อไป ATLAS มารายการเป็นครั้งที่สามแล้ว งานนี้จะพลาดช่วงพิเศษแบบนี้ไปได้ยังไง! EFM FANDOM LIVE ก็มีเกมให้กับพวกหนุ่มๆ ได้เล่นกันด้วย ในเกม “โรงเรียนบ้าน ATLAS” (เข้าไปชมได้ใน YouTube : ATIME)ช่วงสุดท้ายทางรายการได้เปิดโอกาสให้ ALIS โทรมาพูดคุยกับ ATLAS ดีใจที่มีทั้ง 7 คนในทุกวันนี้ มีช่วงนึงชีวิตไม่โอเคเลย พอได้มาตาม ATLAZ ก็มีรอยยิ้มของน้องมิว ก็มีความสุขขึ้นมา มีความสดใสขึ้นมาเลย อยากบอกว่าทุกคนเก่งมาก ๆ แล้ว ที่มาถึงจุดนี้ได้ และมีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเอง ก็คือรอเวลานี้มานานมากเหมือนกัน จะคอยซัพพอร์ตแบบนี้ตลอดไปเลย ขอบคุณ ATLAS ที่คอยลงรูป โพสต์สตอรี่ตลอด หรืออะไรที่เป็นกำลังใจให้ ALIS เสมอ เวลา ALIS เหนื่อย ๆ เวลาเห็น ATLAS ทวิตหรืออะไร ก็ทำให้มีกำลังใจในการใช้ชีวิต แล้วก็เป็นพลังบวกมาก ๆ เลยสุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ “ATLAS” ที่มาร่วมสนุก สร้างสีสัน เสียงหัวเราะ กำลังใจ และรอยยิ้มให้เหล่า ALIS ทางเราขอฝากคอนเสิร์ตใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น และเพลงล่าสุดของ ATLAS ไม่ว่าจะเป็น มังคุด, Boys Do Cry, และอีกสองเพลง Bonus Track ที่เป็นของขวัญให้เหล่า ALIS อีกด้วยสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

ความพยายามของกระต่ายน้อย “เป็นต่อ” ไม่ว่าวันไหนก็จะไม่ ชอดอด็อด ช๊อด ช็อต ฟีล

20 ก.ค. 2023

ความพยายามของกระต่ายน้อย “เป็นต่อ” ไม่ว่าวันไหนก็จะไม่ ชอดอด็อด ช๊อด ช็อต ฟีล

EFM FANDOM LIVE [13 กรกฎาคม 2566] เปิดสตูดิโอต้อนรับเสียงหัวเราะและความสนุกสนานจาก “เป็นต่อ” พร้อมมาพูดคุยกันในรายการกับ ‘ดีเจแนน และ ดีเจโซเซฟ’ ก่อนที่จะไปพูดคุยกับ “เป็นต่อ” ช่วงแรกในรายการ พี่ๆดีเจก็ได้พูดคุยกับตัวแทนแฟนคลับที่มาเล่าถึงความประทับใจและโปรเจกต์ต่างๆที่ได้ทำให้กับศิลปินที่รัก...ทำไมเป็นต่อถึงต้องเปรียบเหมือนกระต่าย? กระต่ายจะเป็นตัวแทนของเป็นต่อ เพราะกระต่ายเป็นสัตว์ที่ตัวเล็กๆ นุ่มฟู เห็นแล้วมันน่ารักนุบนิ้บเหมือนเป็นต่อ ก็เลยเป็นที่มาของชื่อด้อมและแฮชแท็กประจำตัว#ลักยิ้มของเป็นต่อความประทับใจที่มีกับเป็นต่อ เป็นต่อเป็นคนที่น่ารักกับแฟนคลับเสมอ เป็นต่อจะชอบพูดกับลักยิ้มทุกคนว่า ‘เติบโตไปกับเป็นต่อนะ’ เป็นต่อใส่ใจแฟนคลับตลอด ไม่ว่าใครพูดถึง เป็นต่อรับรู้ทั้งหมด เป็นคนที่ขยันมากๆ จากคนที่ไม่มีพื้นฐานเรื่องการเต้นเลย เป็นต่อพัฒนาจนมามีซิงเกิลแรกเป็นของตัวเอง มีทั้งโชว์สเตปการเต้น การร้อง และการแร็ปพูดถึงโปรเจกต์ที่ผ่านมา เป็นโปรเจกต์วันเกิดของเป็นต่อ จัดเมื่อวันที่ 8 - 9 กรกฏาคมที่ผ่านมา จัดเป็นคาเฟ่เล็กๆที่ BTS ปุณณวิถี มีรถตุ๊กๆที่ กรุงเทพฯ และจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงมีการขึ้น LED Billboard ที่ Seoul station ประเทศเกาหลีใต้อีกด้วยความรู้สึกที่อยากจะบอกเป็นต่อ อยากบอกเป็นต่อว่าช่วงนี้ดูแลสุขภาพตัวเองด้วย ถ่ายละครค่อนข้างหนัก ฮีลร่างกาย ฮีลจิตใจตัวเองให้ได้มากที่สุด พักผ่อนให้เพียงพอ ส่วนอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจก็ปล่อยผ่านไปก็ได้ ไม่เป็นไรน้าา อยากให้เป็นต่ออยู่กับลักยิ้มไปนานๆ เป็นคนที่น่ารัก สดใส รักลักยิ้มแบบนี้ตลอดไป เติบโตไปกับลักยิ้มเหมือนกันน้าา... หลังจากที่เราได้พูดคุยกับตัวแทนแฟนคลับของ “เป็นต่อ” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในช่วงต่อไปจะเป็นการได้มาพูดคุย ทำความรู้จักกับ “เป็นต่อ” ตัวเป็นๆของจริง! เริ่มต้นพูดคุยด้วยการถาม “เป็นต่อ” ถึงโปรเจกต์วันเกิดที่ทางบ้านแฟนคลับได้จัดทำให้ ซึ่ง “เป็นต่อ” ก็ได้เล่าว่า ตอนแรกแพลนจะไปอีกประเทศหนึ่งก่อน แต่พอรู้ว่ามีโปรเจกต์วันเกิดก็เลยเลื่อน ขอไปเก็บโปรเจกต์ก่อน เพราะยังมีช่วงเวลาที่ว่างอยู่ 3 - 4 วัน พอได้ไปเห็นโปรเจกต์ที่แฟนๆทำให้ “เป็นต่อ” ดีใจมากๆ เหมือนเป็นสถานีที่คนเดินผ่านไปผ่านมาเยอะมากๆ พอเรายืนอยู่ตรงกลาง หันไปก็มีจอเต็มไปหมดเลย และก็ขึ้นเป็นหน้าเรามาทีเดียว ขึ้นทุกๆ 4 นาที หลังจากนั้นก็ได้ถ่ายรูปกับโปรเจกต์ ต้องขอบคุณเหล่า ลักยิ้มของเป็นต่อ ที่ทำโปรเจกต์นี้ขึ้นมา เมื่อถามถึงวันเกิดที่ครบรอบ 24 ปี “เป็นต่อ” เล่าว่า เป็น 24 ปีที่มีความสุข อย่างแรกเลยที่รู้สึกมีความสุขมาก คือ การได้เติบโตมาจนถึง 24 ปีนี้ ถึงแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมามันมีอะไรที่เราต้องผ่านมาเยอะเหมือนกัน ไม่ว่าทั้งการประสบความสำเร็จ ผิดหวังบ้าง เสียใจบ้าง ร้องไห้บ้าง แต่รวมๆแล้ว มีความสุขมากๆ ที่เดินมาจนถึง 24 ปี เราไม่รู้ว่าชีวิตเราจะมี 24 , 25 , 26 ไปได้ถึงเมื่อไร เรามีความสุขในทุกๆวันดีกว่า ลองดูหน้าตอนที่กำลังพูดถึงตัวเองในวัย 24 ปี มันดูเปร่งประกาย แบบมีความสุขจริงๆ (ดีเจแนนพูดพร้อมมองหน้าเป็นต่อ)ความรู้สึกที่ได้เป็นกระต่ายของ ลักยิ้มของเป็นต่อ จริงๆก็รู้สึกดี ขอบคุณที่ให้มาเป็นสัตว์น่ารักๆในชีวิต น่าจะมีบางอย่างที่คล้าย เช่น ลักษณะการกิน (เป็นต่อสาธิตวิธีการกินของกระต่ายในรายการ) เพราะว่าเป็นคนชอบกิน เวลาได้กินก็จะเคี้ยวตุ้ยๆแบบนี้เมื่อถามถึงเรื่องการเรียนของเป็นต่อ “เป็นต่อ” เพิ่งจบการศึกษา ในฐานะนักเรียนทุน จาก ‘Shanghai International Studies University’ สาขาวิชาการสอนภาษาจีนสำหรับชาวต่างชาติ “เป็นต่อ” เรียนเป็นครูภาษาจีน จริงๆตามหลักสูตรต้องเรียน 4 ปี แต่เราเรียน 5 ปี และสามารถจบภายใน 3 ปีได้ แต่เราเลือกที่จะยังไม่จบ เพราะเราเป็นนักเรียนทุน เรียนฟีลๆ เพราะโอกาสครั้งนึงที่เราได้ไปอยู่ที่ประเทศจีน ก็เอาให้คุ้ม เก็บประสบการณ์ เก็บความรู้ในทุกๆปีให้แน่นเลยFirst impression ในการไปเรียนต่อที่ประเทศจีน ก่อนหน้านั้น ตอนม.5 “เป็นต่อ” เคยไปเรียนที่เซียงไฮ้ระยะสั้นมาก่อนแล้ว ประมาณ 2 อาทิตย์ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่ทำให้อยากไปเรียนต่อที่นั่น ครั้งแรกที่ไปสิ่งแรกที่ชอบ คือ ชอบทุกอย่างเลย ตอนลงเครื่องบิน พอเปิดประตูเครื่องบิน ก็ได้รับอากาศของเซี่ยงไฮ้เลย จนหลุดปากพูดมาคำหนึ่งว่า ‘นี่นะหรือ อากาศเซี่ยงไฮ้’ และตอนนี้ก็ยังจำอากาศตอนนั้นได้ พอไปเจอบ้านเมือง เจอผู้คน เจอวิถีชีวิต วัฒนธรรมของเขา มันก็เข้ากับชีวิตเราอยู่ประมาณนึงที่มีความอิสระ แต่ตอนนั้นก็ยังพูดภาษาจีนไม่ได้ ให้เพื่อนคอยพูดให้อยู่ จนกลับไทยมาก็เลยตัดสินใจเรียนภาษาจีน ยังไงจะต้องกลับไปอยู่ที่ประเทศจีนให้ได้ถ้าเป็นต่อคิดจะทำอะไรแล้ว ก็จะตั้งใจทำสุดๆ แม้กระทั่งเรื่องเต้น จริงๆแล้ว ก่อนหน้านี้ “เป็นต่อ” ก็เต้นไปเรื่อย ไม่มีพื้นฐาน ไม่เคยเรียนเลย จนได้ออดิชั่นเข้ามาเป็น Trainee เหมือนเริ่มจาก 0 เลย เข้าไปเจอเพื่อนๆทุกคนที่มาเป็น Trainee เหมือนกัน แต่เขาเต้นกันมาเป็น 10 ปีแล้ว ทุกอย่างมันกดดันมาก เราจะต้องรีบฝึกด้วยภายในระยะเวลาอันสั้น ที่เราจะออกไปเผชิญโลกในอนาคต... บางวันมีเหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง เพราะตอนนั้นเราเรียนไปด้วย เทรนไปด้วย เทรนตั้งแต่ 11 โมง – 5 ทุ่ม ,เที่ยงคืน แล้วกลับมานั่งเรียนออนไลน์ที่ห้อง มันก็มีโมเมนต์ที่แบบนั่งเรียนไปด้วย ร้องไห้ไปด้วย คือมันเหนื่อยมาก จากชีวิตเด็กคนนึงที่นอนกลางวันอยู่ที่บ้าน ตื่นมาเรียน 2 ชั่วโมงต่อวันเป็นอีก 1 โปรเจกต์ที่จะเป็นการรวมตัวของ LAZ1 “Gotcha POP Concert” ตื่นเต้นมากๆ ตอนนี้ยังไม่ได้ซ้อมอะไร “เป็นต่อ” เพิ่งกลับมาจากเกาหลี ต่างคนต่างมีโปรเจกต์ของตัวเองอยู่ แต่อีกไม่นานแล้วเพราะมีแพลนซ้อมมาแล้วDebut Single “ช็อตฟีลแรงไปไหม” (Buzzkill) - PentorJrp Feat. F.HERO ซิงเกิลแรกก็ได้ร่วมงานกับพี่กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ ตัวเพลงนี้มาจากทางพี่กอล์ฟ คือเคยเจอกันมาก่อนหน้านี้แล้ว มันเป็นช่วงจังหวะแหละ เราติดตามผลงานของพี่กอล์ฟมาตลอด ตอนที่รู้ว่าพี่กอล์ฟให้เกียรติมา Feat ด้วย ส่วนในพาร์ทแร็ปของพี่กอล์ฟก็ทำมาดีมากๆ และทุกวันนี้ก็ยังเครียดอยู่เลย เวลาต้องไปร้องเพลง และต้องแร็ปท่อนของพี่กอล์ฟด้วย (เป็นต่อถึงกับแร็ปให้ฟังกันสดๆในรายการ - เข้าไปชมได้ใน Youtube : ATIME) เป็นต่อมาทั้งที! ทางรายการก็มีเกมสนุกๆมาให้ “เป็นต่อ” เล่น ชื่อเกมว่า “Acting Challenge เล่นแบบช็อตๆ” (เข้าไปชมใน Youtube : ATIME) ถึงช่วงสุดท้าย ทางรายการเปิดโอกาสให้ “ลักยิ้มของเป็นต่อ” (ชื่อแฟนคลับ) ได้พูดคุยกับศิลปินคนโปรด “เป็นต่อ” สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอบคุณ “เป็นต่อ” มากๆที่มาพูดคุยกัน บอกเลยว่า “เป็นต่อ” เป็นคนที่ไม่ตายไมค์ของจริง! และฝากซิงเกิลแรก “ช็อตฟีลแรงไปไหม” สามารถเข้าไปฟังกันได้ทุกช่องทางสตรีมมิ่งได้เลยน้าเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

รักไม่รู้ภาษา แต่ “ต้าห์อู๋-ออฟโรด” อยากให้ “นับดาว” รู้ว่า... ความรักที่มีให้กันมันมากกว่าคำว่ารัก และขอให้อยู่กันอย่างนี้ไปนานๆ

20 ก.ย. 2023

รักไม่รู้ภาษา แต่ “ต้าห์อู๋-ออฟโรด” อยากให้ “นับดาว” รู้ว่า... ความรักที่มีให้กันมันมากกว่าคำว่ารัก และขอให้อยู่กันอย่างนี้ไปนานๆ

วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน 66 ที่ผ่านมา EFM FANDOM LIVE เปิดสตูต้อนรับสองหนุ่ม “ต้าห์อู๋ - ออฟโรด” ที่มาพร้อมกับโมเม้นต์สุดน่ารัก สร้างเสียงหัวเราะให้ทุกคนได้ยิ้มและขำตามๆกัน พร้อมพูดคุยในรายการกับ “ดีเจดาว - ดีเจเเนน”ก่อนที่จะไปพูดคุยกับ “ต้าห์อู๋ - ออฟโรด” ในช่วงแรกของรายการ พี่ๆดีเจได้คุยกับตัวแทนของแฟนคลับถึงสิ่งที่อยากจะบอก “ต้าห์อู๋ - ออฟโรด” ด้วยไดโน่ของต้าห์อู๋ ชื่อด้อม ‘ไดโน่ของต้าห์อู๋’ มาจากที่ต้าห์อู๋ชอบไดโนเสาร์ก็เลยชื่อแบบไดโน่ ทีนี้ไดโน่เป็นตัว Dino เขาก็จะมี U เติมไปด้วย เพราะจะมีคำที่เขาพูดคือ ไดโน่ที่มียูก็เหมือนมีอู๋อยู่ข้างๆ ก็เลยเป็น Dinou ล่าสุดต้าห์อู๋ก็พึ่งเปลี่ยนชื่อไลน์โอเพนเเชทไป เป็น “มิตรรักเเฟนเพลงไอ้อู๋ (ไม่เคยคิดจะสร้างกลุ่มใหม่)” จริงๆแล้วก็เป็นห่วงในเรื่องสุขภาพเเละก็เรื่องขับรถ เพราะว่ามีงานบางทีก็ดึก เสร็จปุ๊บก็เช้าก็แน่ๆแหละพักผ่อนน้อย แล้วช่วงนี้ก็อากาศเปลี่ยนตัวน้องก็เป็นภูมิเเพ้ด้วยก็กลัวจะเป็นไข้ อีกเรื่องก็จะเป็นขับรถ กลัวว่าจะเหนื่อยหรือเพลียเวลาขับรถ อยากให้เซฟตัวเองดูเเลตัวเองเยอะๆ ตอนนี้ก็ทำทั้งด้านศิลปินทั้งเพลงทั้งนักแสดง แล้วก็ยังเป็นทหารในกรมThewayoffroad ก็จะมีนัดเวลาไปเจอน้องเวลาที่น้องมีงาน เเล้วก็มีพึ่งปิดพรีออเดอร์เสื้อบ้านรอบสองไป เร็วๆนี้จะมีโปรเจกต์ใหญ่ด้วย เป็นห่วงเรื่องสุขภาพไม่อยากให้เครียดมากเกินไป เหมือนเขาอยากจะทำอะไรให้มันสำเร็จเขาก็จะซ้อมๆแล้วก็กดดันตัวเอง ไม่อยากให้กดดันตัวเองมากเกินชื่อด้อมแฟนคลับคู่ของ “ต้าห์อู๋-ออฟโรด” คือ “นับดาว” นับดาวจะเป็นเพลงที่ต้าห์อู๋เเต่ง แบบนอนนับดาวน่ารักๆ แฟนคลับคู่ก็เลยเรียกชื่อนี้ไปเลย เเล้วก็มาจากช่วงที่ทั้งคู่ติดโควิดแล้วกักตัวกันที่ห้องของออฟโรดแล้วก็นับดาวบนเพดานมาถึงช่วงที่สองของรายการที่จะพาไปพูดคุยกับ “ต้าห์อู๋-ออฟโรด”พูดถึงบรรยากาศในงาน Gotcha Pop Concert ต้าห์อู๋ : รู้สึกสนุกครับ เเล้วก็ดีใจเป็นอีกครั้งที่ได้ขึ้นเวที เวทีคือที่ ที่ผมชอบที่สุดอยู่เเล้ว เเล้วมันรู้สึกมีความสุขเพราะว่าเราไม่ได้ขึ้นคนเดียว เราขึ้นกับเพื่อนอีก 4 คน มันก็เป็นอะไรที่น่าคิดถึง ออฟโรด : คอนเซ็ปท์ในวันนั้น LAZ1 ใส่เสื้อกล้ามกันทุกคนเลย ต้องขอบคุณทาง Atimeshowbiz ที่จัดงาน Gotcha Pop Concert ดีๆแบบให้เพื่อนๆวงการ TPOP แล้วก็ LAZ1 ได้กลับมาขึ้น Stage อีกครั้ง วันนั้นสนุกมากๆเลย แล้วก็มีโชว์พิเศษกับ PERSES ด้วยวันนี้แสงในห้องจัดวิบวับกระแทกตาดีเจและแฟนๆ เพราะแหวนคู่ของ “ต้าห์อู๋-ออฟโรด” เลย ออฟโรด : เป็นแหวนคู่ไว้ใส่เวลางานสำคัญเท่านั้น ต้าห์อู๋ : เพราะว่าจริงๆที่ผมให้น้องเนี่ย เราทำงานคู่กัน เเล้วในตอนนี้เหลือเเค่สองคนเเล้ว แล้วมันก็มีคำถามเข้ามาว่า “เราจะทะเลาะกันไหม” “เราจะรักกันมากขึ้นหรือเราจะเกลียดกันมากขึ้นไหม” อะไรแบบนี้ ก็คือเราทำงานเเล้วผ่านไปได้ดีมากๆ จริงๆเราก้าวข้ามอะไรหลายๆอย่างมาแล้ว เรารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเราที่ปกติคุยกันได้ทุกเรื่องอยู่เเล้ว ก็เราผ่านที่จะทำงานยากๆในความสัมพันธ์ของคนที่ทำงานด้วย ก็เลยอยากให้ของมีค่าอะไรสักอย่างหนึ่งเก็บเอาไว้นะ ว่าแบบวันนี้เราผ่านอะไรมาด้วยกัน ถึงวันเราเเยกออกจากกันเเล้ว ให้เป็นกำลังใจในการใช้ชีวิตครั้งเเรกที่ออฟโรดมา ก็ได้พูดความรู้สึกถึงต้าห์อู๋ บอกเลยว่า...ตอนนี้ยังเป็นเเบบนั้น ออฟโรด : ตอนนี้เขาก็ยังอยู่ซ้อมให้ผม ล่าสุด Stage Gotcha Pop Concert มีเพลงใหม่คือ เพลง Fire เขาก็ช่วยสอนท่าให้ ด้วยความที่หลังๆผมไม่ได้ซ้อมหนักเท่าเมื่อก่อนแล้ว แล้วหาเวลาไปซ้อมดีกว่าและออฟโรดได้ขอให้โชคชะตาไม่ใจร้ายกับพี่ต้าห์อู๋ ตอนนี้ไม่ถึงกับใจร้ายแล้ว! ต้าห์อู๋ : ผมแอบรู้สึกว่าจริงๆเป็นบททดสอบแหละ ซึ่งรางวัลที่เราผ่านมาได้ มันเป็นบททดสอบ ถึงเเม้มันจะยากในโชคชะตา แต่ผมรู้สึกว่าทุกอย่างที่เราเจอกับอุปสรรค มันให้รางวัลเรากลับมาเสมอ มันเหมือนได้บทเรียนเราเหมือนกันนะ เหมือนในอนาคตต่อไปนี้ ต่อให้เจอเรื่องยากๆ ผมก็อยากจะไปสู้กับมัน อยากรู้ว่าจะได้บทเรียนอะไรกับชีวิตเราบ้างพูดถึงเพลงประกอบซีรีส์ “รักไม่รู้ประสา” ในซีรีส์ “รักไม่รู้ภาษา”รักไม่รู้ประสานี่ ตีความด้วยคาแรคเตอร์น้องภูมิใจด้วย น้องภูมิใจไม่ค่อยรู้ประสีประสา ไไม่เคยเจอความรัก ด้วยความที่ยังเด็กน้อยอยู่ อย่างตัวละครหยางไม่รู้ว่านี่คือความรักหรือเปล่า เเล้วตัวละครภูมิใจเองด้วยความใสๆก็ไม่รู้ว่าความรักหรือเปล่า แต่ว่ามันมีความสุขเเค่อยู่ด้วยกันก็พอในบทบาท “หยาง” อาจจะไม่ยากอย่างที่คิด! เพราะ “ต้าห์อู๋” พูดภาษาจีนได้อยู่เเล้ว ถ้า 100% ก็พูดได้อยู่ประมาณ 30% คือ สามารถพูดคุยในบทสนทนาทั่วไปได้ เเต่ไม่ใช่ทางการ เพราะว่าผมเคยไปเเข่ง survival ที่จีนมา 2 ปี ก็เลยได้บ้าง ได้ก็อปสำเนียงบ้าง มีแบบฟังเเล้วก็พูดตาม เเล้วก็อ่านพินอินออกหมดเลยแล้วถ้าในชีวิตจริง “ต้าห์อู๋” ได้รู้จักกับตัวละครของ “หยาง” จะเป็นยังไง? ไม่น่าได้ ไม่น่าเข้าหา เราไม่รู้ที่ไปที่มาของคาเเรคเตอร์ของหจางที่เขามีเหตุผลของเขาอยู่ เราเองที่ไปเจอเขาที่เขาจริงจังกับบางสิ่งบางอย่างมาก เราคงไม่อยากไปยุ่งหรือไปรบกวนเขา คงไม่ได้มีโอกได้รู้จักกันขนาดนั้น เเต่ถ้าทำวานด้วยกันก็ไม่แน่“ต้าห์อู๋” ในชีวิตจริง กับบทบาท “หยาง” ในซีรีส์แตกต่างกันขั้นสุด! ทำการบ้านเยอะมาก ด้วยความที่ระยะเวลาเตรียมตัวมันสั้นมาก ต้องทำงานไปด้วยเเล้วก็มานั่งมอนิเตอร์ตัวเองเเล้วก็ต้องมาคุยกับผู้กำกับว่าจริงๆเเล้วต้องเป็นยังไงเเล้วก็พัฒนาตัวละครไปเรื่อยๆMV เป็นไรไหม... ของ “ต้าห์อู๋” ในบทบาท “หยาง” ออฟโรด : เป็นเอ็มวี ซิงเกิลล่าสุดของพี่อู๋ ‘เป็นไรไหม’ มันมีเเค่ตู้ปลาตรงกลางที่มันกลั้นระหว่างเราสองคน เเล้วเขาก็นั่งเเบบมันเป็นเพลงที่มันเศร้าเเล้วเขาก็คือเศร้ามากแบบน้ำตาไหล เป็นเพลงที่ต้องใช้เอนเนอร์จี้เยอะ เเล้วถ่ายหลายคัท หลายมุมกล้อง เขาต้องใช้อารมณ์ในการร้องทุกรอบ เเล้วเรารู้สึกว่าเราต้องให้พลังเขาไป เราก็เลยเข้าไปเลยแบบว่า “เป็นไรจ๊ะ” แล้วก็จูงมือเขาออกมางานนี้พี่ๆดีเจแอบถามถึงฉากเซอร์ไพรส์ในซีรีส์ ออฟโรด : หลังจากนี้ ep.5 ถึง ep.8 มีซีนที่ทุกคนต้องแบบให้ติดตามอย่างแน่นอน แบบเป็นซีนคายแมค ต้าห์อู๋ : ที่อยากให้ทุกคนดู ep.5 เพราะว่ามันน่าดู ตั้งเเต่เราอ่านบท ep.นี้เหมือนละครแล้วพูดถึงเพลงเดี่ยวของน้องภูมิใจ จะมีมั้ยน้าาา ออฟโรด : เพลงเดี่ยวของน้องภูมิใจจะเป็นคนละฟิวกับของพี่หยาง เพลงของเเต่ละคนจะบ่งบอกมูดของตัวละครนั้นๆ ซึ่งของผมจะเป็นเพลงง่ายๆ เเล้วก็เป็นเพลงที่ทุกคนคาดไม่ถึง แล้วผมก็มีส่วนช่วยในการแต่งเมื่อสองหนุ่ม “ต้าห์อู๋-ออฟโรด” มารายการของเราทั้งที! ทางเราก็ได้มีเกมให้สองหนุ่มเล่นชื่อเกมว่า “รักไม่รู้... Emoji” บอกเลยว่างานนี้มีทั้งเสียงหัวเราะ และหูเคลือบทองแน่นอน (เข้าไปชมใน Youtube : ATIME) มาถึงกันช่วงสุดท้ายของรายการแล้ววว ทางรายการก็ได้เปิดโอกาสให้แฟนคลับได้โทรเข้ามาพูดคุยเกี่ยวกับความประทับใจเเละสิ่งที่อยากจะบอกกับ “ต้าห์อู๋-ออฟโรด”ถึง… ออฟโรด “อยากจะบอกว่าดูเเลรักษาสุขภาพให้ดีนะคะ เพราะช่วงนี้น้องทำงานหนักมากเลย ถ้าวันไหนเครียดๆหรือว่าเหนื่อยมากๆมาเบ่นเกมกับเเฟนคลับได้นะคะ หันกลับมาพวกเราก็อยู่ตรงนี้ซัพพอร์ตอยู่นะคะ”ถึง… ต้าห์อู๋ “เราดูซีรีส์วายมาเยอะมาก เเต่น้อยเรื่องมากที่เราจะดูซ้ำเเต่เรื่องนี้จะดูซ้ำแน่ๆ รักไม่รู้ภาษา มันเป็นเพราะว่าการเเสดงเขาดีมากๆ”ถึง… ต้าห์อู๋-ออฟโรด ดีใจมากที่ทั้งสองคนได้มีโอกาสได้มาร่วมทำงาน ได้เดินบนเส้นทางที่ทั้งคู่ตั้งใจมาตั้งเเต่ต้น ทั้งคู่ทำให้เราเห็นว่าการมีกันมันดี ขอบคุณที่ทำให้เรารู้สึกว่ารักตัวเองมากขึ้นดีใจที่ทั้งคู่ประสบความสำเร็จ ตั้งเเต่วันเเรกจนถึงตอนนี้ รู้ว่าทั้งคู่ตั้งใจมากๆเเล้วเราก็เห็นสิ่งนี้ เเล้วก็ในอนาคตทั้งคู่ในเรื่องของความตั้งใจในการเป็นศิลปินและนักแสดงจะประสบความสำเร็จไปเรื่อยๆ“ต้าห์อู๋” และ “ออฟโรด” ได้พูดความรู้สึกถึงกันเเละกัน“ออฟโรด” ถึง “ต้าห์อู๋” ขอบคุณพี่อู๋ ขอบคุณทุกอย่างที่เป็นพี่อู๋ที่แบบซัพพอร์ตออฟโรดมาจริงๆ ก็อาจจะมีช่วงที่ดื้อไปบ้างไม่เข้าใจกันบ้าง คนเราทำงานด้วยกันก็ต้องมีไม่เข้าใจกันบ้าง ขอบคุณที่ยังเชื่อใจเเล้วเลือกที่จะหันหน้ามาคุยกัน มากอดที่เวลาผมเหนื่อยมากๆ “สำหรับผมพี่ต้าห์อู๋คำว่ารักยังไม่พอเลย” มันดูเเลกันมามากๆ คือผมกับพี่อู๋คือไม่รู้จะพูดอะไรเเล้ว รักมากๆ ผมเป็นห่วงพี่ทุกอย่าง มีอะไรที่ช่วยได้น้องคนนี้ก็จะช่วยอย่างเต็มที่เสมอครับ“ต้าห์อู๋” ถึง “ออฟโรด” ก็ไม่รู้จะบอกอะไรจริงๆ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างผมบอกน้องไปหมดเเล้วว่า ก็ดีใจครับไม่ว่าใครจะพูดไรผมว่าความสัมพันธ์ของเราดีจริงๆ ถึงเเม้ว่าคนอื่นจะมองยังไงไม่รู้เเต่เรามีความสัมพันธ์ที่ก็ไม่ได้ให้ทุกคนแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่าทุกคนก็ไม่ได้ให้เราเเบบนี้ ถึงเเม้ว่าจะมีบางครั้งที่บางอย่างไม่ได้เข้าใจกันบ้างเเต่ทุกครั้งมันผ่านไปได้ดีตลอด เเล้วก็มันดีขึ้นเรื่อยๆก็อยากจะขอบคุณเหมือนกัน เเล้วก็อยากจะบอกว่า “อยู่ด้วยกันไปอีกนานๆ”สุดท้ายนี้ฝากซีรีส์ ‘รักไม่รู้ภาษา’ ของ “ต้าห์อู๋-ออฟโรด” ขอฝากซีรีส์พวกเราด้วยนะ “รักไม่รู้ภาษา” ออนทางช่อง ONE31 ทุกคืนวันเสาร์ เวลา 21:30 น. สามารถดูย้อนหลังได้ที่ทาง TrueID เป็นซีรีส์ที่น่ารักๆ แล้วก็เข้มข้นมากๆ ฝากเพลงซีรีส์เราด้วยมีถึง 3 เพลงนะครับ เพลงประกอบซีรีส์ก็ “รักไม่รู้ประสา” เเล้วก็เดี่ยวของต้าห์อู๋ “เป็นไรมั้ย (would you mind?)” สามารถฟังได้ทุกสตรีมมิ่ง ส่วนของออฟโรดก็กำลังจะมีเหมือนกัน จะเป็นในอีกมุมมองความรัก เป็นมุมมองของภูมิใจ เป็นเพลงที่ง่ายๆแล้วก็ทุกคนคาดไม่ถึงเเน่นอนขอบคุณ “ต้าห์อู๋-ออฟโรด” มากๆที่ร่วมพูดคุยและร่วมสนุกกับทางรายการ EFM Fandom Live ได้สร้างเสียงหัวเราะให้กับรายการเป็นอย่างมาก ฝากซีรีส์ล่าสุดเรื่อง “รักไม่รู้ภาษา Love In Translation” คนนึงแบกความฝันข้ามทะเลหวังจะเติบโตอย่างมั่นคง กับอีกคนต้องการเป็นคนที่ดีขึ้น เพื่อพิชิตใจสาวในฝัน แม้ว่าทั้งคู่จะต่างภาษากัน แต่ทว่าความใกล้ชิดทำให้เกินหวั่นไหว งานนี้จากพาร์ทเนอร์ร้านจะกลายมาเป็นพาร์ทเนอร์รักได้ยังไง? ตามลุ้นกันได้เลย…สามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

album

0
0.8
1