ไลฟ์ดูดวงแล้วได้เสียงคนปาก้อนหิน พอไปดูก็ไม่มีใคร!

อังคารคลุมโปง RECAP

ไลฟ์ดูดวงแล้วได้เสียงคนปาก้อนหิน พอไปดูก็ไม่มีใคร!

05 เม.ย. 2024

       เรื่องนี้เป็นเรื่องของ ‘คุณขวัญ’ ที่ ได้โทรมาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (2 เมษายน 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เกี่ยวกับประสบการณ์การดูดวงที่มีวิณญาณมาของขอความช่วยเหลือ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันเลย!

       คุณขวัญเล่าว่า คุณขวัญเองมีอาชีพเป็นหมอดู กลางคืนก็จะรับคิวดูดวง ช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนครึ่งก็จะไลฟ์สดเพื่อพูดคุยกับลูกดวงในทุก ๆ คืน

       ในช่วง 4-5 ปีที่แล้ว คุณขวัญก็ขึ้นไลฟ์สดปกติ และคุณขวัญก็เล่าว่าบ้านเก่าที่เคยอยู่เป็นบ้าน 2 ชั้น ห้องดูดวงกับห้องทำงานอยู่ชั้น 2 หากเปิดหน้าต่างในห้องทำงานก็จะเห็นประตูหน้าบ้านติดกับถนน คืนหนึ่ง เวลาประมาณเที่ยงคืนครึ่ง คุณขวัญกำลังเตรียมของเพื่อไลฟ์สดก็ได้ยินเสียงคล้ายกับก้อนหินกระทบกับประตูรั้วหน้าบ้าน แต่คุณขวัญก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งกำลังจะเปิดไลฟ์ ก็ได้ยินเสียงอีกครั้ง เป็นเสียงเหมือนมีคนขว้างบางอย่างใส่ประตูรั้วหน้าบ้าน คุณขวัญจึงเดินไปดูที่หน้าต่าง แต่มองออกไปก็ไม่เห็นอะไร แม้แต่สุนัขหรือรถวิ่งผ่านก็ไม่มี คุณขวัญจึงปล่อยผ่านไปแล้วมาขึ้นไลฟ์คุยกับลูกดวงปกติ แต่ในระหว่างคุยอยู่นั้น หางตาก็เห็นเหมือนมีกลุ่มควันดำ ๆ อยู่ที่มุมห้องของตนเอง จากนั้นก็ค่อย ๆ หายไป ในใจคิดแค่ว่าตัวเองคงตาฝาดจึงไม่ได้สนใจ

       วันถัดมาเวลาเดิม (ประมาณเที่ยงคืนครึ่ง) คุณขวัญก็เตรียมของเพื่อที่จะไลฟ์คุยกับลูกดวงเหมือนทุกวัน จากนั้นก็ได้ยินเสียงกระทบกับประตูหน้าบ้านเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้คุณขวัญแอบไปดูตรงหน้าต่าง ก็เห็นคล้ายกับคนยืนอยู่ จึงรีบวิ่งลงมาจากชั้น 2 เพื่อที่จะมาดูหน้าประตู แต่สุดท้ายก็ไม่มีใคร คุณขวัญได้แต่คิดในใจว่า ‘ใครวะ’ แล้วก็เดินขึ้นไปไลฟ์สด

       ช่วงที่ไลฟ์อยู่นั้นทุก ๆ 10 นาทีก็ได้ยินเสียง “ป๊อก…ป๊อก…ป๊อก” เป็นเสียงคล้ายก้อนหินถูกขว้างใส่ประตูหน้าบ้าน จนเขารู้สึกหงุดหงิดในใจ คิดว่าใครมาแกล้งหรือเปล่า

       พอสิ้นความคิดก็มีภาพของเด็กผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงมุมห้องมุมเดียวกับที่เห็นกลุ่มควันเมื่อวาน แต่ที่เห็นคือเด็กผู้ชายยืนก้มหน้าอยู่ประมาณ 5 วิแล้วก็หายไป

       คุณขวัญรู้สึกกังวลใจจึงไลฟ์ต่ออีกประมาณ 5 นาทีก็ปิดไลฟ์ แล้วเริ่มประติดประต่อเรื่องได้ว่า ‘น่าจะมีใครสักคนต้องการจะสื่อหรือคุยอะไรหรือเปล่า’ จากนั้นคุณขวัญก็นั่งสมาธิ แล้วคืนนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น...

       วันถัดมา คุณขวัญรันคิวดูดวงตามปกติจนกระทั่งคิวนี้..

       ในขณะที่กำลังเคลียร์พลังงานของตัวเองเพื่อที่จะดูคิวต่อไป ก็เห็นภาพเด็กคนนั้นขึ้นมาในความคิด แต่สิ่งที่คุณขวัญเห็นคือเด็กผู้ชายคนนี้อยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ลักษณะของบ้านเป็นประตูกระจกที่เป็นบ้านเลื่อน เป็นประตูที่ติดกับข้างบ้าน ตรงข้างบ้านจะเป็นบริเวณหญ้าเหมือนเป็นมุมจิบกาแฟ คุณขวัญเห็นน้องผู้ชายคนนี้ยืนร้องไห้ ไม่พูดไม่คุยอะไร เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว คุณขวัญจะต้องเข้าคิวถัดไปจึงรีบเคลียร์ภาพเหล่านั้นออก

       คิวนี้เป็นน้องผู้หญิงอายุประมาณ 20 ปี ปรึกษาเรื่องปกติเกี่ยวกับการงาน การเงิน ความรัก ในระหว่างที่คุยกัน ก็มีภาพน้องผู้ชายคนนั้นก็แว๊บขึ้นมาร้องไห้เหมือนเดิม คุณขวัญจึงขอเบรคลูกดวงก่อนแล้วบอกว่า “ขอโทษนะคะ รู้จักเด็กผู้ชายลักษณะผอมสูง ใส่เสื้อเชิ้ตมีกระดุมกางเกงขายาว ลักษณะรูปร่างประมาณนี้ไหม ขวัญเห็นยืนอยู่ในบ้าน” แล้วคุณขวัญก็อธิบายลักษณะบ้านให้ลูกดวงคนนี้ฟัง

       น้องผู้หญิงคนนี้ก็เงียบไปสักครู่นึงแล้วก็ถามว่า “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

       คุณขวัญจึงเล่าเหตุการณ์เมื่อวันก่อนให้ฟัง แล้วน้องคนนั้นก็บอกว่า “สิ่งที่คุณขวัญเห็น เป็นลักษณะของน้องชาย ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว” และบ้านที่คุณขวัญเห็นเป็นบ้านหลังเก่าที่ครอบครัวนี้เคยอยู่ต้อนที่น้องผู้ชายคนนั้นยังมีชีวิตอยู่

       คุณขวัญก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น..

       หลังจากนั้นก็คุยเรื่องดวงต่อ แล้วก็ได้ยินเสียงน้องผู้ชายคนนั้นพูดว่า “พาหนูไปด้วย หนูเหงา” พร้อมกับร้องไห้ออกมา คุณขวัญจึงบอกกับน้องผู้หญิงคนนั้นไปว่าได้ยินเสียงน้องผู้ชายพูดมาแบบนี้ และถามว่า

       “ตอนที่ตัดสินใจย้ายบ้านได้เรียกน้องไหม แล้วตอนเข้าบ้านใหม่บอกเจ้้าที่เจ้าทางที่ใหม่หรือเปล่าเพื่ออนุญาตให้น้องเข้า”

       น้องผู้หญิงคนนี้ก็เล่าให้ฟังว่า “เท่าที่จำได้ ไม่ได้มีการจุดธูป ไม่ได้เรียกน้องแบบจริงจังเลย”

       คุณขวัญคิดว่าน้องน่าจะยังอยู่ที่บ้านหลังเดิมคนเดียวเหงา ๆ แล้วก็น่าจะคิดถึงครอบครัว จึงพยายามมาสื่อสารเพื่อที่จะให้ทางครอบครัวรับรู้ คุณขวัญจึงแนะนำไปว่า

       “ถ้าสมมติมีโอกาสกลับมาบ้านหลังนี้ ให้เรียกน้องกลับไปที่บ้านหลังใหม่ แล้วก็บอกเจ้าที่เจ้าทางให้เขารับรู้และให้เขาอนุญาตให้น้องได้เข้าบ้าน”

       คุณขวัญยังนึกสงสัยว่า ‘ทำไมดวงวิณญาณมาหาถึงหน้าบ้าน’ ก่อนจะวางสายจึงคุยกับน้องผู้หญิงคนนี้ว่า “บ้านเก่าที่เราเจอดวงวิณญาณอยู่ที่ไหน”

       น้องผู้หญิงก็บอกว่าอยู่จังหวัดเดียวกับคุณขวัญ ซึ่งห่างจากบ้านของคุณขวัญแค่ไม่กี่กิโลเมตร แล้วเมื่อ 3 วันก่อนคุณขวัญก็เพิ่งไปหาเพื่อนแถวนั้นมาพอดี คุณขวัญเล่าว่าน้องน่าจะหาคนที่สื่อสารได้เพื่อบอกกับครอบครัวว่าเขายังอยู่ตรงนี้..

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

เจอหลอน! เลี้ยงโต๊ะจีนผีที่สุสานใหญ่อยู่ดีๆ เครื่องเซ็นเซอร์ผีดังรัวๆ เลยเดินไปพูดว่า “สวัสดีครับ เป็นไงบ้าง อยากได้อะไรก็บอก”

22 ธ.ค. 2023

เจอหลอน! เลี้ยงโต๊ะจีนผีที่สุสานใหญ่อยู่ดีๆ เครื่องเซ็นเซอร์ผีดังรัวๆ เลยเดินไปพูดว่า “สวัสดีครับ เป็นไงบ้าง อยากได้อะไรก็บอก”

เมื่อต้องไปเลี้ยงโต๊ะจีนผีที่สุสานใหญ่ซึ่งเป็นธรรมเนียมประจำปีของ The Shock งานนี้จะเจออะไรหลอน ๆ บ้าง รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (19 ธ.ค 2566) วันนี้จะพาทุกคนหลอนไปกับ ‘ตั้น The Shock’ และ ดีเจทั้งสองท่าน ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวของคุณตั้นที่ได้พบเจอกับบางสิ่งบางอย่าง จะเป็นอย่างไรไปอ่านกันเลยยย เรื่องนี้ ‘คุณตั้น’ ได้เริ่มเล่าว่า ทางทีมงาน The Shock ได้เดินทางไปเลี้ยงโต๊ะจีนผี ซึ่งเป็นธรรมเนียมประจำปีของ The Shock ซึ่งปีนี้จะไปจัดกันที่สุสานจังหวัดราชบุรี เวลางานจะเริ่มตั้งแต่ 6 โมงเย็น จนถึง 3 ทุ่ม โดยปีนี้ ‘พี่ป๋อง The Shock’ นำทัพไปจัดโต๊ะหมู่ขึ้นที่สุสานใหญ่ มีอาหารบางส่วนและวงปี่พาทย์ เอาไปตั้งไว้ที่เก็บศพไร้ญาติ ตัวคุณตั้นตามไปทีหลัง ไปถึงประมาณ 2 ทุ่ม เป็นเวลาใกล้จบงาน ช่วงที่วงปี่พาทย์เล่นให้ผีฟัง ซึ่งตรงนั้นจะมีซองเก็บศพประมาณ 300 – 400 ซอง คุณตั้นก็เดินไปยืนตรงหน้าวงปี่พาทย์และซองเก็บศพ ซึ่งปกติธรรมเนียมของ The Shock ที่ทำกันมาเป็น 10 ปี คือ เวลาที่เลี้ยงผี ก็จะมีการนำใบตองมาวางและเอาแป้งมาโรยไว้ เพื่อเป็นการเก็บรอยเท้าว่าเขามาหรือเปล่า ซึ่งก็มีรอยเท้ามาจริง ๆ ในระหว่างที่ทุกคนยืนดูกันอยู่ ก็มีเสียงเครื่องเซ็นเซอร์ดังขึ้น “ตื้อดึง ตื้อดึง ตื้อดึง” ดังอยู่อย่างนี้โดยไม่มีเหตุผลอยู่ตัวเดียว ทุกคนที่ได้ยินดังนั้นจึงเริ่มฮือฮาว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในระหว่างนั้น ด้วยความห่ามของคุณตั้น คุณตั้นได้เดินผ่านซองเก็บศพไป และในขณะที่เดินก็ได้พูดว่า “สวัสดีครับ อยากได้อะไรมาบอกเนาะ อยากได้อะไรก็มาเข้าฝัน แล้วก็มาพูดกับเราแล้วกัน” เมื่อคุณตั้นเดินไปถึง เครื่องจับเซ็นเซอร์ก็เงียบเสียงลง คุณตั้นก็พูดไปว่า “สวัสดีครับ เป็นไงบ้าง อยากได้อะไรก็บอก” แต่ถามด้วยความไม่ลบหลู่ ไม่ได้ท้าทาย แต่ระหว่างที่คุณตั้นเดินย้อนกลับมา ก็มองกวาดสายตาไปเรื่อย ๆ ก็ได้ไปสะดุดสายตาอยู่ที่ผู้ชายคนหนึ่ง เป็นร่างสีขาวในความมืด เขาเดินและหายไป คุณตั้นที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่คิดว่า ‘ตรงนั้นมีอะไร มีทีมงานเอาเครื่องเซ่นไปไว้หรือเปล่า’ เพราะตอนนี้งานก็ใกล้จะเลิกแล้ว คุณตั้นจึงเดินกลับมา คนอื่น ๆ รีบมาถามถามคุณตั้นว่า “มึงไม่กลัวหรอ” แต่คุณตั้นก็ไม่ได้คุยอะไร แต่พูดไปประโยคหนึ่ง คือ “ตรงนั้นมีอะไร เราจะได้ไปช่วยเก็บ” ทุกคนก็หันมาถามคุณตั้นว่า “พี่เห็นหรอ” คุณตั้นก็หันไปบอกว่า “ก็เห็นสิ ตรงนั้นน่ะ มีคนยืนอยู่” แล้วก็มีคนตอบกลับมาว่า “ไม่มีพี่ ไม่มีอะไรด้วย ตรงนั้นคือ เชิงตะกอนเผาศพของมูลนิธิ” คุณตั้นก็รู้ได้เลยว่า นั่นคือผี หลังจากที่ฟังจบ คุณตั้นก็เงียบไป ทุกคนก็กรูกันเข้ามาถามคุณตั้นว่า “พี่เห็นหรอ” หลังจากนั้นก็จะมีเหล่าคนที่มีเซ้นส์มาบอกว่า “เนี่ย ตรงนี้มี ตรงนี้น่ากลัวมาก รู้สึกว่ามี” คุณตั้นก็ได้การันตีว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นคือผีจริง ๆ(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากมิ้ม รัตนวดี 'กุมารของยาย' I อังคารคลุมโปง X มิ้ม รัตนวดี - ลูกหว้า พิจิกา [14 ม.ค. 2568]

19 ม.ค. 2025

เรื่องเล่าจากมิ้ม รัตนวดี 'กุมารของยาย' I อังคารคลุมโปง X มิ้ม รัตนวดี - ลูกหว้า พิจิกา [14 ม.ค. 2568]

รายการ ‘อังคารคลุมโปง x’ (14 มกราคม 2568) พบกับ ‘มิ้ม รัตนวดี’ ที่ได้นำเรื่องเล่า ‘กุมารของยาย’ มาเล่าให้ฟัง เป็นเหตุการณ์ที่แม่อยู่บ้านกับคุณยาย คืนหนึ่ง มีเสียงเคาะประตู จึงเปิดประตูออกไปดูปรากฎว่าไม่เจอใคร! เรื่องนี้ทำเอา ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ฟังแล้วต้องอึ้ง! ใครเคาะประตูเรียกเวลานี้? ไปอ่านพร้อมกันเลย! คุณมิ้มได้เล่าว่า ตนได้ฟังเรื่องเล่านี้มาจากคุณแม่ ในตอนนั้นคุณยายไม่สบาย คุณแม่จึงต้องกลับไปที่บ้านหลังเก่าเพื่อดูแลคุณยาย คืนหนึ่ง คุณยายนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงในห้องปกติ เวลาประมาณตี 3-4 อยู่ ๆ คุณแม่ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ก๊อก! ตอนแรกคุณแม่ไม่ได้คิดอะไร แต่สักพักเสียงเคาะประตูก็กลับมาอีก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก!! ดังขึ้นกว่าครั้งแรก คุณแม่จึงตัดสินใจเปิดประตูออกไปดู แต่ปรากฏว่าไม่เจอใคร คุณแม่คิดว่าจะอาจจะเป็นคุณยายมาเรียก ด้วยความเป็นเด็กคุณแม่จึงพูดไปว่า “โอ๊ยมาเคาะอะไรเนี่ย จะนอน” หลังจากนั้น คุณแม่ก็เดินเข้าไปที่ห้องคุณยาย แต่ก็ไม่เจอคุณยาย คุณแม่จึงตามหาว่าคุณยายอยู่ไหน ปรากฎว่าเจอคุณยายล้มอยู่ในห้องน้ำ! คุณแม่ลองนึกย้อนดูก็คิดว่า หรือเสียงเคาะประตูที่ได้ยินนั้น จะเป็นเสียงของกุมารทองที่คุณยายเลี้ยงไว้ เขามาเรียกให้ไปช่วยคุณยาย จากนั้นคุณแม่ก็รีบเรียกรถพยาบาลทันที (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณเเรก 'ทฤษฎีเจอผี' I อังคารคลุมโปง X หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - อ๊อฟ อัครพล [7 ม.ค. 2568]

09 ม.ค. 2025

เรื่องเล่าจากคุณเเรก 'ทฤษฎีเจอผี' I อังคารคลุมโปง X หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - อ๊อฟ อัครพล [7 ม.ค. 2568]

รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (7 มกราคม 2568) พบกับ ‘คุณแรก’ สายแรกของปี ที่นำเรื่องสุดระทึกอย่าง ‘ทฤษฎีเจอผี’ เรื่องราวหลอนปนความสนุกที่เล่าต่อกันในมหาวิทยาลัย เรื่องนี้จะทำให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ขนลุกขนาดไหน ไปอ่านกันเลย! ‘ทฤษฎีเจอผี’ เป็นเรื่องราวที่ ‘คุณแรก’ ได้ฟังมาจากน้องฝึกงาน เป็นเรื่องเล่าของเหล่านักศึกษาในมหาวิทยาลัยซึ่งรุ่นพี่ก็ได้เล่าให้ฟังมาอีกที เรื่องนี้เริ่มต้นที่กลุ่มนักศึกษาในคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์ นักศึกษาคนหนึ่งชื่อ ‘เจอร์รี่’ (นามสมมุติ) เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน พ่อของเขาเป็นทหารเก่าไปต่อสู้ที่เวียดนามและมีประสบการณ์เกี่ยวกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ จึงมักจะนำมาเล่าให้เจอร์รี่ฟังตั้งแต่เด็กทำให้เจอร์รี่สนใจในเรื่องนี้มาตลอด ซ้ำยังชอบเก็บเรื่องราวเกี่ยวกับผีมาจดในสมุดบันทึกของตัวเอง เมื่อเจอร์รี่เข้ามาเรียนในคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์ เขาก็ได้พบกับเพื่อนสนิทสองคนที่สนใจเรื่องผีเหมือนกัน ทั้งสามมักจะสงสัยว่าตึกของคณะมีผีหรือไม่ เพราะตึกนั้นค่อนข้างเก่า อีกทั้งรุ่นพี่ก็มักจะเล่าเรื่องผีให้ฟังอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ เจอร์รี่ยังได้สนิทกับ ‘ลุงสม’ (นามสมมุติ) ภารโรงของตึก เจอร์รี่ที่อยากรู้เรื่องผีจึงถามลุงสมว่า เจอร์รี่ : ตึกของเรามีผีไหม? ลุงสม : ทำไมเด็กฝรั่งอย่างแกถึได้สนใจเรื่องผี? เจอร์รี่ : ผมอยากเห็นผีจริง ๆ ลุงสม : ถ้าลุงทำให้เห็นผีได้ แกจะเชื่อไหม ? เจอร์รี่รู้สึกขำเพราะไม่เชื่อที่ลุงพูด แต่ก็รู้สึกสนใจ จากนั้นลุงสมก็พูดต่อขึ้นมาว่า ลุงสม : เมื่อก่อนลุงเป็นหมอผี ถ้าแกอยากเห็นจริง ๆ ไปซื้อกาแฟร้อนมา เดี๋ยวลุงจะทำให้เห็น เจอร์รี่ไม่รอช้า รีบไปซื้อกาแฟตามลุงบอกมาให้ทันที เมื่อลุงได้ของที่ต้องการ ลุงก็นำผงบางอย่างที่อยู่ในกระปุกเล็ก ๆ เหยาะลงไปในกาแฟ และบอกให้เจอร์รี่ดื่ม เจอร์รี่ได้แต่สงสัยว่าผงนั้นคืออะไร แต่ก็กินเข้าไปด้วยความอยากรู้ หลังจากนั้นเจอร์รี่ได้ถามว่า “แล้วยังไงต่อล่ะลุง” ลุงบอกว่า “เดี๋ยวลุงเอาหมวกกันน็อคมาให้” และเตือนว่า “ถ้าเห็นอะไรแล้วก็บอกลุง..” หลังจากดื่มกาแฟแก้วนั้น เจอร์รี่ก็ไปทำกิจกรรมตามปกติจนเสร็จ เขาเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์เพื่อไปเอาหมวกกันน็อคที่เก็บไว้ใต้เบาะ พอไขกุญแจเปิดเบาะขึ้นมา เจอร์รี่ก็ต้องช็อคกับภาพที่เห็น เพราะหมวกกันน็อคมีศีรษะคนอยู่ในนั้น! เจอร์รี่ตกใจแล้วอุทานว่า “ว้าว โคตรเท่!” และเรียกเพื่อนมาดู แต่เพื่อนกลับบอกว่าไม่เห็นอะไรเลย.. วันรุ่งขึ้น เจอร์รี่ไปเล่าทุกอย่างให้ลุงสมฟัง ลุงสมจึงอธิบายว่า ผงที่ใส่ลงไปในกาแฟคือ ‘ผงเถ้ากระดูกผี’ ซึ่งจะช่วยเปิดประสาทให้เจอร์รี่สามารถมองเห็นผีได้ ส่วนหมวกกันน็อคคือหมวกที่ลุงสมสะสมมา เป็นของที่ได้มาจากอุบัติเหตุของคนที่เสียชีวิต เจอร์รี่รู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเขาชอบเรื่องผี ลุงสมจึงชักชวนเขาไปบ้านของตน เจอร์รี่จึงชวนเพื่อนไปด้วยกัน เมื่อไปถึงบ้านลุง เจอร์รี่ก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้เห็น เพราะมีของบูชาจำนวนมาก และสิ่งที่สะดุดตาคือ ‘หม้อดิน’ เจอร์รี่จึงถามลุงว่า “มันคืออะไรครับ?” ลุงตอบว่า “ลุงเลี้ยงผีไว้ตั้งแต่สมัยหนุ่ม ๆ ในหม้อใบนี้คือผีตายโหงทั้งนั้น” และยังเล่าอีกว่าเมื่อก่อนตนนั้นรับจ้างทำไสยศาสตร์ แต่หลังจากเป็นนักการภารโรงก็ไม่ค่อยได้ทำแล้ว จะทำก็ต่อเมื่อมีคนมาจ้าง เมื่อได้ยินเรื่องราวต่าง ๆ รวมทั้งสิ่งของที่อยู่ในบ้านของลุง เจอร์รี่และเพื่อนก็เชื่อสนิทใจ ว่าลุงนั้นเป็นหมอผีจริง ๆ ไม่นานหลังจากนั้น ทางมหาวิทยาลัยก็ได้ให้นักศึกษาจัดกิจกรรมภายในคณะ เจอร์รี่จึงคิดจะทำบ้านผีสิง เจอร์รี่ได้ว่าจ้างลุงสม 6,000 บาท เพื่อทำให้คนที่เข้ามาได้เห็นผีจริง ๆ ลุงสมตอบรับและบอกให้เจอร์รี่ไปต้มน้ำหวานไว้ข้างหน้าทางเข้าเพื่อจะใส่ผงที่เสกลงไป และเตรียมน้ำมนต์ที่ทางออก เพื่อให้ทุกอย่างจบลงที่ห้องนี้ นอกจากนี้ลุงสมได้กำชับและเตือนไว้ว่า ห้ามเปิดหม้อดินเพราะถ้าเปิดจะทำให้ผีหลุดออกมา แล้วลุงก็เขียนอักระไว้ตามประตู-หน้าต่างเพื่อกันวิญญาณออกจากห้องนี้ เมื่อกิจกรรมเริ่มขึ้น กลุ่มแรกที่เข้าไปเป็นรุ่นพี่ เจอร์รี่ได้ให้พวกเขากินน้ำหวานที่ทางเข้า พร้อมบอกว่า “พี่ค่อย ๆ เดินไปนะ พอถึงตรงออกให้เคาะประตูทางออก แล้วจะเปิดประตูให้” หลังจากที่พวกรุ่นพี่เข้าไป เจอร์รี่ได้สับสวิตช์ไฟเพื่อสร้างบรรยากาศให้น่ากลัวขึ้น สักพัก เสียงวี๊ดว้ายก็ดังออกมาจากห้อง พร้อมกับเสียงตะโกนว่า “ผีหลอก! ผีหลอก!” สาเหตุเกิดจากการที่เจอร์รี่แหกกฎไปเปิดหม้อที่ลุงห้ามไว้ เพราะอยากให้น่ากลัวขึ้นอีกและอยากให้บ้านผีสิงที่เขาสร้างเป็นที่จดจำว่าโหดที่สุด ในขณะนั้น รุ่นพี่ก็ยังคงกรี๊ดกร๊าดโวยวาย เคาะประตูทั้งทางเข้าและทางออก แต่เจอร์รี่ก็ยังไม่ยอมเปิด จนกระทั่งมีรุ่นพี่คนหนึ่งกลัวมาก ถึงขั้นกระโดดถีบหน้าต่างจนพังและปีนออกจากห้องที่อยู่ชั้นสองลงมาข้างล่าง ส่วนรุ่นพี่คนอื่นก็พากันเคาะประตูเสียงดังมากจนเจอร์รี่ต้องยอมเปิด พอเปิดออกมา พวกเขาก็วิ่งกรูกันออกมาจนทำให้น้ำมนต์ที่ตั้งไว้หกจนหมด! ทำให้ไม่มีใครได้กินน้ำมนต์ หลังจากนั้นนักศึกษาในคณะก็เห็นผีกันเกือบทั้งตึก เพราะผีหลุดออกจากห้อง! เมื่อรู้ว่ามีเหตุการณ์ผีหลุดเกิดขึ้น กลุ่มเจอร์รี่และเพื่อนที่ทำบ้านผีสิงก็เงียบกริบ เพราะรู้ว่าพวกตนเป็นต้นเหตุ พวกเขาไม่ยอมบอกใคร แต่แอบไปบอกลุงสมว่า “เดี๋ยวผมมาจ้างเพิ่มนะ ลุงช่วยเก็บผีไปให้หน่อย ตอนนี้มันเฮี้ยนมาก” ลุงสมตอบรับว่า “ได้ เดี๋ยวลุงจัดการเอง” เช้าวันรุ่งขึ้น ลุงสมมาทำงานตามปกติและรอที่จะทำตามที่รับจ้างมาในคืนนี้ ระหว่างนั้น เขายืนตัดต้นไม้อยู่หน้าตึก แต่แล้วก็มีรถเก๋งคันหนึ่งขับผ่านหน้าตึกอย่างช้า ๆ แต่เมื่อใกล้ถึงก็เหยียบคันเร่งจนชนลุงสมกระเด็น ส่งผลให้ลุงสมเสียชีวิตคาที่! ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ช่วยกันล็อคตัวคนขับ ปรากฏว่าเป็นนักศึกษาผู้หญิง เมื่อตำรวจมาสอบปากคำ ก็พบว่า นักศึกษาผู้หญิงคนนี้แค้นที่แฟนของเธอเคยจ้างลุงสมให้ทำคุณไสยให้สาวอื่นมาหลง จนสุดท้าย แฟนก็นอกใจ นักศึกษาหญิงคนนี้จึงตั้งใจมาทำร้ายลุงสมให้เจ็บตัว แต่ไม่คิดว่าลุงสมจะเสียชีวิต สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีใครมาเก็บผี และกลุ่มนักศึกษาที่กินน้ำผสมเถ้ากระดูกก็เห็นผีหลอกจนอยู่ไม่ได้ นอกจากนี้ตึกก็เฮี้ยนขึ้นมาก นิมนต์พระมาทำพิธีแต่ก็ยังอยู่ไม่ได้ ส่วนเจอร์รี่ต้องดรอปเรียนไปบวชเพราะทนเห็นผีไม่ไหว เรื่องนี้ทำเอาดีเจทั้งสองคนขนลุกไปตามกัน ถือว่าเป็นการเปิดประเดิมเรื่องแรกของปีในอังคารคลุมโปงที่ดีทีเดียว!(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากส้ม มัลนิการ์ ‘ตายตกตามกัน’ I อังคารคลุมโปง X ส้ม มัลนิการ์ คนตาทิพย์ [ 11 มิ.ย. 2567]

14 มิ.ย. 2024

เรื่องเล่าจากส้ม มัลนิการ์ ‘ตายตกตามกัน’ I อังคารคลุมโปง X ส้ม มัลนิการ์ คนตาทิพย์ [ 11 มิ.ย. 2567]

ที่นาหนึ่งผืนที่นำพาความตายมาให้ทั้งตระกูล แถมยังต้องมาเจอสิ่งแปลก ๆ ที่พร้อมจะมาเอาชีวิตทุกเมื่อ เรื่องราวนี้ ‘คุณส้ม’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (11 มิถุนายน 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ในเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ตายตกตามกัน’ จะชวนหลอนจนขนหัวลุกขนาดไหนนั้นไปอ่านกันได้เลย! คุณส้มเล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เกิดขึ้นหลังจากคุณส้มกลับมาทำ The sixth sense เป็นเคสที่คุณส้มต้องเข้าไปสื่อสารและช่วยแก้ไขปัญหาให้กับบ้าน 5 หลัง ซึ่งบ้านทั้ง 5 หลังนี้มีความเชื่อมโยงกันทั้งหมด เพราะมีคนเสียชีวิตไป 2 หลัง หลังที่ 3 กำลังนอนรอความตาย หลังที่ 4 มีสัญญาณบ่งบอกว่าจะเป็นรายต่อไป และหลังที่ 5 คือบ้านร้าง เมื่อไปถึงสถานที่ ในระหว่างที่พักกอง คุณส้มกำลังนั่งกินข้าวอยู่ จู่ ๆ ก็เห็นคุณยายคนหนึ่งที่รู้ว่าไม่ใช่คนแน่ ๆ เป็นวิญญาณยืนใส่เสื้อสีชมพูบานเย็น กางเกงคลุมเข่า คุณส้มก็รู้สึกงงว่า ‘เขาเป็นใคร?’ เพราะเขามายืนยิ้มด้วยท่าทางใจดี แต่ตัวคุณส้มเองรู้สึกได้ว่าคุณยายคนนี้เหมือนกำลังโดนอะไรบางอย่างครอบงำแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เมื่อถึงเวลาถ่ายทำ ทางโปรดิวเซอร์ก็ได้ถามว่าคุณส้มว่า “เห็นอะไรบ้าง” คุณส้มจึงเล่าสิ่งที่เห็นออกไปและพาไปยังจุดที่เจอ แต่เมื่อไปถึงคุณส้มกลับเห็นเพิ่มอีกหนึ่งคน เป็นผู้หญิงใส่เสื้อคอกลมสีขาว มัดผมรวบต่ำ กำลังยืนร้องไห้อยู่ และยืนไม่ห่างกันมากกับคุณยายคนแรก ซึ่งคุณยายเสื้อสีชมพูบานเย็นได้ตะโกนออกมาว่า “อย่าเข้ามา เอามันออกไป” คุณส้มก็รู้สึกว่างงว่าต้องการให้เอาใครออกไป คุณยายคนนั้นจึงชี้ไปที่ ‘ป้าอ้อน’ ป้าเจ้าของเคสนี้ คุณส้มจึงถามกลับไปว่า “เกิดอะไรขึ้น” คุณยายตอบกลับมาว่า “มันอยู่ในนี้ ๆ” ซึ่งสถานที่ที่คุณส้มอยู่คือบ้านร้างที่เป็นหนึ่งในบ้านทั้งหมด 5 หลังของเคสนี้ ทันทีที่คุณยายพูดจบ คุณส้มก็ได้ยินเสียงผู้ชายหวีดร้องเหมือนสัตว์ประหลาดดังออกมาจากบ้านร้าง! คุณส้มจะเดินไปดูที่บ้านร้างหลังนี้ แต่โดนโปรดิวเซอร์ดึงแขนไว้ และบอกว่า “อันตราย อย่าไป พี่รู้เรื่องราวของบ้านหลังนี้” แต่โปรดิวเซอร์ก็ไม่ได้เล่าให้คุณส้มฟัง คุณส้มจึงบอกว่า “ส้มไม่กลัวนะ” แต่คุณโปรดิวเซอร์ก็ยังห้าม คุณส้มจึงเริ่มเอะใจว่าเกิดอะไรขึ้น และรู้สึกว่าต้องไม่ใช่ผีธรรมดา หลังจากนั้นคุณส้มได้อธิบายรูปร่างและลักษณะของวิญญาณที่เห็นให้เจ้าของบ้านฟัง และถามว่ามีใครที่ลักษณะแบบนี้เคยอยู่บ้านหลังนี้ หรือรู้จักไหม เจ้าของบ้านตอบกลับว่า “มีทั้งคู่เลย” คุณยายเสื้อสีชมพูบานเย็นคือแม่ของเจ้าของบ้านหลังกลางที่เสียชีวิตไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว และอีกคนคือ ‘คุณหงส์’ เป็นป้าหรือน้าของเจ้าของบ้านซึ่งเสียชีวิตไปก่อนคุณแม่อีก และคนส่วนมากมักจะเห็นคุณยายมาในรูปแบบของตะขาบ เมื่อเจ้าของบ้านพูดเสร็จ อยู่ ๆ ก็มีตะขาบตัวใหญ่ไต่ขึ้นที่ขาของทีมงาน! และในส่วนของการเห็นวิญญาณ คุณส้มได้เล่าว่าวิญญาณที่กรีดร้องอยู่ในบ้านร้างได้วิ่งออกไปที่บ้านหลังกลาง ที่คุณยายเสื้อสีชมพูเสียชีวิต และวิญญาณตนนั้นก็หัวเราะ คุณส้มได้อธิบายถึงรูปร่างของวิญญาณตัวนั้นว่ามีลักษณะเหมือน ‘กอลลัม (Gollum)’ ตัวใหญ่ คุณส้มจึงเดินไปที่บ้านหลังกลางซึ่งเป็นบ้าน 2 ชั้นที่ข้างล่างเป็นปูนข้างบนเป็นไม้ คุณส้มเดินเข้าไปและรู้สึกถึงพลังงานที่เป็นผู้หญิงยืนอยู่กลางบ้านใส่สไบสีเขียว แต่เขายืนหันข้างแล้วหันคอมาทางคุณส้มทำให้ได้เห็นว่าหน้าของผู้หญิงคนนั้นเละจนจำเค้าโครงไม่ได้ แล้วเขาก็ได้มองไปที่ลูกชายของคุณยายเสื้อชมพูบานเย็น คุณส้มจึงถามพี่ผู้ชายว่า “ช่วงนี้การงานไม่ดีใช่มั้ย เพราะวิญญาณตนนี้เขาจะเอาเราไปให้ได้นะ” พี่ผู้ชายจึงตอบว่า “เมื่อไม่กี่วันมานี้ จะเอาให้ได้เลยใช่มั้ย” เพราะว่าพี่ผู้ชายคนนี้เค้าเจอเหตุการณ์ที่ไม้แหลมจากชั้น 2 ของบ้าน มันผุและจะตกมาทิ่มหัว แต่โชคดีที่วันนั้นตนรู้สึกแปลก ๆ เลยทำให้บังเอิญไปเห็นก่อนที่จะตกลงมา ซึ่งคุณส้มก็ได้สืบไปสืบมาจนได้ความว่า เขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรของพี่ผู้ชายคนนี้ ซึ่งคุณส้มก็สงสัยว่าทำไมวิญญาณตนถึงอยู่ได้อิสระทั้ง ๆ ที่บ้านหลังนี้มีเจ้าที่ คุณส้มจึงไปที่ศาลพระภูมิจุดแรกแต่ปรากฏว่าไม่มีเจ้าที่อยู่เลย ทำให้ชัดเจนแล้วว่าไม่มีอะไรป้องกัน และวิญญาณทั่วไปสามารถมาทำร้ายคนในบ้านได้ คุณส้มกลับมาสืบต่อเรื่องที่ทำไมคุณยายเสื้อชมพูกับคุณป้าเสื้อขาวถึงตายติดต่อกัน และยังมีเรื่องที่แฟนคุณยายเสื้อชมพูตายก่อนคุณยายอีก 2 ปี คุณส้มจึงรู้สึกว่ามีอะไรมากกว่าวิญญาณ เพราะคุณส้มรู้สึกว่าสิ่งที่วิ่งไปวิ่งมาตามบ้านต่าง ๆ เหมือนคุณไสย์มากกว่า โปรดิวเซอร์จึงพาคุณส้มไปบ้านที่เก่าแก่ที่สุดในบ้าน 5 หลังนี้ เมื่อถึงหน้าบ้านทางโปรดิวเซอร์ได้ถามว่าคุณส้มเห็นอะไรหรือไม่ คุณส้มตอบว่า “เห็นผู้หญิงแก่ผมขาวทั้งหัว ดูใจดีเดินออกมาและเรียกให้เข้าบ้าน” ป้าอ้อนตอบกลับมาว่า “นี่คือแม่” คุณส้มจึงเข้าไปพิสูจน์ ที่แรกที่ไปคือใต้ถุนบ้าน สิ่งที่คุณส้มเจอเป็นอันดับแรกคืออัฐิคนตายจำนวนมากตั้งข้างหิ้งพระ ซึ่งหิ้งพระวางอยู่ที่พื้นบ้าน และมีอัฐิที่อยู่ตรงกลางหนึ่งอันที่ทำให้คุณส้มรู้สึกว่าผู้หญิงที่เรียกเข้าบ้านเค้าตั้งใจให้มาที่อัฐินี้ คุณส้มจึงเดินไปใกล้ ๆ และเห็นรูปภาพที่เป็นคน ๆ เดียวกับคนที่เรียกคุณส้มเข้าบ้านซึ่งเป็นแม่ป้าอ้อน และวิญญาณที่เป็นแม่ป้าอ้อนพูดว่า “พวกมันอยากได้ แต่พวกมันไม่ได้หรอก มันเลยทำสิ่งไม่ดีใส่บ้านนี้” พูดราวกับว่ามีประเด็นกับใครสักคนหนึ่ง.. ในระหว่างที่จะสืบกันต่อ โปรดิวเซอร์ได้ท้าทายกับวิญญาณที่วิ่งไปวิ่งมาเหมือนกอลลัมว่า “ถ้ามีฤทธิ์จริงก็แสดงให้เห็น หรือได้ยินก็ได้” และเมื่อทีมงานทุกคนกำลังจะเดินออกจากบ้านก็ได้ยินเสียงคนวิ่งจากมุมหนึ่งไปอีกมุมหนึ่งทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีใครอยู่บนชั้น 2 คุณส้มจึงออกมาจากห้องที่อยู่ชั้นล่างและเดินไปที่ชั้น 2 เมื่อขึ้นไปก็ไม่เห็นมีสิ่งชีวิตอยู่เลย สิ่งแรกที่คุณส้มเห็นคือวิญญาณที่วิ่งไปวิ่งมากำลังยืนหัวเราะเหมือนสะใจที่หลอกให้คุณส้มขึ้นมาได้ และพูดออกมาคำหนึ่งว่า “ก็เค้าขอดี ๆ แล้วพวกมึงไม่ให้เอง” ซึ่งตรงกับสิ่งที่คุณแม่ป้าอ้อนพูดมา ทีมงานจึงเรียกป้าอ้อนขึ้นมาและถามไปว่าเคยมีใครขออะไรแล้วเราไม่ให้มั้ยเพราะของถูกส่งมาจากฝั่งนั้น ป้าอ้อนตอบว่า “มี เป็นที่นาของพ่อที่ใช้วัวแลกกับป้ามา” ซึ่งป้าอ้อนได้ขายที่นาตรงนั้นไปและได้เงินมาก้อนหนึ่ง แล้วลูกหลานฝั่งป้าที่เคยเป็นเจ้าของที่นามาขอแบ่งเงิน แต่ป้าอ้อนไม่ให้เพราะว่าก็แลกวัวกับที่นาไปแล้ว จึงทำให้มีข้อพิพาทกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และป้าอ้อนไปได้ยินบุคคลที่ 3 เล่าให้ป้าอ้อนฟังว่าบ้านที่มาขอเงินสาปแช่งบ้านป้าอ้อน และคนต่อไปคือป้าอ้อน ซึ่งเป็นสิ่งที่เค้าทำมานานและคนที่จะได้รับเคราะห์จะเป็นคนในบ้านหลังนี้เสมอ เมื่อไขปมตรงนี้ได้แล้วก็มีการทำพิธีไล่สิ่งไม่ดีออกไป..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album
ฉันต้องคู่กับเธอ

Artist: Room39

0
0.8
1
Contact usGreenwave02-665-8377EFM02-665-8373
Advertise with usมัลลิกา ปราบอริพ่าย (กบ)(Atime Showbiz, Online Content)063-282-6915จุฑา วนศานติ (บี) (EFM)02-669-9512, 081-923-9823
อังคณา พองาม (นุก) (Greenwave)02-669-9444-7
ดาวน์โหลด Application ได้แล้ววันนี้ที่atime online application download from app storeatime online application download from play storeติดต่อสอบถาม / แจ้งปัญหาการใช้งานatimeplatform@atimemedia.com
บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน)เลขที่ 50 อาคาร จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส ถนนสุขุมวิท21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขต วัฒนา กรุงเทพ 10110