ซื้อที่ใหม่ไว้สร้างบ้าน หลังจากมาอยู่ก็เจอแต่เรื่องแปลก ๆ ทั้งเจองูตัวใหญ่ เจอผู้หญิงปริศนา ประตูเปิดเอง ทำไรไม่ได้ เลยจำใจต้องอยู่!

อังคารคลุมโปง RECAP

ซื้อที่ใหม่ไว้สร้างบ้าน หลังจากมาอยู่ก็เจอแต่เรื่องแปลก ๆ ทั้งเจองูตัวใหญ่ เจอผู้หญิงปริศนา ประตูเปิดเอง ทำไรไม่ได้ เลยจำใจต้องอยู่!

08 ธ.ค. 2023

        อ่านความแปลกจากเรื่อง ‘บ้านหลังใหม่’ โดย ‘คุณป๊อบ’ ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ในรายการอังคารคลุมโปง X (5 ธันวาคม 2566) เรื่องราวนี้จะหลอนแค่ไหน แล้วคุณป๊อบต้องเจอกับอะไรระหว่างที่อยู่ในบ้านหลังนี้ ไปอ่านพร้อมกันเลย!

        เรื่องราวความสยองนี้ เป็นประสบการณ์ตรงจากคุณป๊อบ ย้อนกลับไปเมื่อ ปี พ.ศ. 2557 ครอบครัวคุณป๊อบอยากได้ที่ไว้เพื่อปลูกบ้าน จึงไปดูที่คลอง 5 จังหวัดปทุมธานี แต่ในปีนั้นเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ จึงตัดสินใจว่าจะหาซื้อแถวบ้านที่ต่างจังหวัดแทน

ช่วงแรก ครอบครัวคุณป๊อบได้แวะไปดูที่ดินแถวบ้านญาติ ในสมัยนั้นที่ดินตรงนี้ยังเป็นป่าต้นยูคาลิปตัส ปรากฏว่าชอบมาก จึงคิดว่าจะซื้อที่ตรงนี้แทน ตอนนั้นก็มีคนต้องการซื้อที่ดินแปลงนี้เหมือนกัน และเสนอราคาที่สูงกว่าครอบครัวคุณป๊อบ ตอนนั้นคิดว่าคงไม่น่าได้ แม่ของคุณป๊อบจึงไหว้ขอเจ้าที่เจ้าทางขอให้ได้ที่ตรงนี้ ไม่นานก็ได้รับการติดต่อมาจากเจ้าของ ทุกคนดีใจมาก จึงรีบตอบตกลงไปทันที

        หลังจากที่ได้ที่ดินนี้มาแล้ว พวกเขาคิดว่าจะถางป่ายูคาลิปตัสออก แต่ในระหว่างวันที่กำลังถางป่า ปรากฏว่าไปเจองูเห่าตัวใหญ่ประมาณ 2 เมตร จึงขอให้คนงานจับไปปล่อยที่อื่น เรื่องราวแปลก ๆ ก็เกิดขึ้นหลังจากนี้ตลอด ทุกครั้งที่ที่ดินตรงนี้นี้มีการเปลี่ยนแปลง ก็มักจะเจอกับงูเง่าทุกรอบ ซึ่งแต่ละรอบขนาดของงูก็แตกต่างกันออกไป คุณป๊อบต้องเจอเรื่องราวแปลก ๆ แบบนี้จนบ้านสร้างเสร็จเรียบร้อย

        วันหนึ่ง ‘คุณแม่อร’ (นามสมมุติ แม่ของคุณป๊อบ) มีธุระจะพูดคุยกับ ‘ป้าอ้าย’ (นามสมมุติ ป้าของคุณป๊อบ) จึงนัดหมายว่าจะมาที่บ้านหลังนี้ ในระหว่างที่แม่อรกำลังเดินอยู่ในบ้าน ก็สังเกตเห็นผู้หญิงใส่ผ้าไหมมัดหมี่ (ผ้าซิ่นในภาคอีสาน) กำลังเดินเข้าไปในห้องนอนของเธอ ตอนนั้นคิดว่าเป็นป้าอ้ายที่นัดกันไว้ จึงรีบเดินตามไป หลังจากที่แง้มประตูเข้าไปก็ไม่เจอใคร จากนั้นแม่อรจึงไปรอที่หน้าบ้าน

        ไม่นานป้าอ้ายก็มาถึง ตอนนั้นเธอไม่เห็นใครจึงเข้ามาในบ้าน ปรากฏว่าระหว่างที่เดินอยู่ก็สังเกตเห็นผู้หญิงใส่ผ้าไหมมัดหมี่เดินเข้าไปในห้องเหมือนกัน จึงรีบตามไป ในระหว่างที่กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตู ป้าอ้ายได้ยินเสียงเรียกของแม่อรจากนอกบ้าน ป้าอ้ายจึงชะโงกหน้าเข้าไปดูในห้อง ก็ไม่เจอใครเลย และรีบออกไปหาแม่อรทันที

        เรื่องราวแปลก ๆ ก็เกิดขึ้นตลอดเวลา ทั้งน้าสะใภ้ คุณตา รวมถึงตัวคุณป๊อบเอง ต่างพากันเจอเรื่องราวสุดขนหัวลุกแบบนี้เหมือนกัน วันหนึ่ง น้าสะใภ้อยู่ในครัว ก็สังเกตเห็นมือปริศนาเปิดประตูเอง หรือแม้กระทั่งคุณตากำลังนั่งสมาธิอยู่ก็ได้ยินเสียงเด็ก “หนูขออยู่ด้วย หนูกลัวผี” คุณตาตอบไปทันที “หนูก็เป็นผีอยู่แล้วหนิ หนูจะกลัวทำไม” ไม่นานเด็กคนนั้นก็ตอบกลับมาว่า “หนูกลัวผีตัวอื่นในบ้านหลังนี้ !” คุณตาจึงตัดสินใจเปิดประตูให้ผีตนนี้เข้ามาอยู่ด้วย รวมถึงตัวคุณป๊อบก็เคยเจอผู้หญิงใส่ชุดสีขาว ตอนแรกก็คิดว่าเป็นแม่ แต่พอสังเกตดูดี ๆ มันคือใครก็ไม่รู้! หรืออีกเหตุการณ์ก็คือประตูเปิดเอง ทั้ง ๆ ที่ล็อกไว้แล้ว ด้วยความที่คุณป๊อบเป็นคนปากไวจึงด่าไปว่า “ไม่มีมารยาทเลยอะ เปิดประตูแล้วไม่รู้จักปิด” จากนั้นประตูก็ค่อย ๆ ปิดเอง !

        มีอยู่วันหนึ่ง หมู่บ้านมีการทำบุญใหญ่ และจะมีหมอธรรมมาทำพิธีรดน้ำมนต์ให้บ้านทุกหลังในหมู่บ้าน พอจังหวะที่หมอธรรมมาถึงบ้านของคุณป๊อบก็ว่าทักขึ้นว่า “เคยเจอเรื่องราวแปลก ๆ กันบ้างมั๊ย อย่างคนเดินอยู่ในบ้าน รู้ไหมว่าที่นี่เป็นทางผ่าน บ้านหลังนี้เป็นเมืองบังบด” ทุกคนเงียบกันหมด และต้องจำใจอยู่เพราะตอนนั้นก็ลงทุนกันไปเยอะมาก จึงไม่คิดจะย้ายไปไหน เพราะตั้งแต่อยู่มาก็ไม่ได้เกิดเรื่องร้ายอะไรกับครอบครัว ซ้ำยังได้โชคถูกหวยกันบ่อยครั้ง จึงไม่ได้กลัวอะไรมาก..

 (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณต้น ‘ของฝาก จากเพื่อนเก่า’ I อังคารคลุมโปง X ครูตรีมีเรื่องเล่า [ 21 พ.ค. 2567]

26 พ.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณต้น ‘ของฝาก จากเพื่อนเก่า’ I อังคารคลุมโปง X ครูตรีมีเรื่องเล่า [ 21 พ.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ‘คุณต้น’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอน มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (21 พฤษภาคม 2567) เตรียมตัวขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเคเบิ้ล’ กับเรื่องราวทีมีชื่อว่า ‘ของฝากจากเพื่อนเก่า’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! คุณต้นเล่าว่านี่เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง ประกอบไปด้วยสมาชิก 3 คน คือ ลุงชัย เมียลุงชัย และลูกสาว (นามสมมุติ) ชาวบ้านในระแวกนั้นมักจะรู้กันดีว่าลุงชัยมีอาชีพเป็นช่างทำมีดและดาบที่เก่ง วันหนึ่งมีเพื่อนสมัยวัยรุ่นมาหาลุงชัย ชื่อว่าลุงแดง (นามสมมุติ) เมื่อเจอหน้ากันก็ทักทายกันตามประสาเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน หลังจากที่พูดคุยกันไปสักพัก ลุงแดงก็นำสิ่งของบางอย่างมาให้ลุงชัย ลักษณะเป็นแท่งเหล็กสีหม่น ๆ ยื่นให้ลุงชัย แล้วลุงแดงก็บอกกับลุงชัยว่า “ข้าได้ยินฝีมือการตีมีดของเอ็งมานาน วันนี้ที่มามีเรื่องจะวานให้เอาเหล็กท่อนนี้ไปเปลี่ยนเป็นมีดได้ไหม?” ลุงชัยเห็นเหล็กก็รู้สึกสงสัย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่ามันก็คือเหล็กทั่วไป จึงรับมา จากนั้นลุงแดงก็บอกลุงชัยว่า “เดี๋ยวกลับก่อนออกมานานไม่ได้ อาทิตย์หน้าจะมาเอามีด” แล้วลุงแดงก็กลับไป ลุงชัยเล่าว่าลักษณะนิสัยของลุงแดงจะเป็นคนชอบดื่ม อีกทั้งยังเป็นคนเล่นของ มีคาถาอาคมเป็นของตัวเอง ซึ่งคืนแรกหลังจากที่ลุงชัยรับเหล็กแท่งนั้นมา ในระหว่างที่ลุงชัยกำลังนอนอยู่นั้นก็รู้สึกว่าเหมือนมีคนเดินอยู่บนบ้าน สักพักหนึ่งก็ได้ยินเหมือนเสียงคนวิ่ง จนเมื่อเสียงเงียบไปลุงชัยจึงหลับ เมื่อถึงตอนเช้าลุงชัยก็ตื่นขึ้นมาเพื่อที่จะไปตีมีดตามปกติ ลุงชัยได้ไปนำเหล็กที่ลุงแดงเอามาให้มาตี แต่เมื่อตีไปตีมา แกก็รู้สึกว่าทำไมมีดเล่มนี้ตียาก ขึ้นรูปยาก แต่ลุงชัยก็พยายามตีต่อไป แต่ด้วยความที่มันขึ้นรูปยาก ทำให้ไม่ว่าจะตียังไงมีดเล่มนี้ก็เบี้ยว คด ไม่เป็นรูปเสียที เมื่อถึงช่วงเวลาพักของลุงชัย ลูกสาวของลุงชัยมักจะนำอาหารมาให้ แต่ในระหว่างที่ลูกสาวเดินมานั้นก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่าง ทำให้อาหารที่ลูกสาวถือมาร่วงหล่นไปทั้งหมด ลุงชัยจึงถามลูกสาวว่า “เป็นอะไร ใจลอยไปไหนข้าวหกหมดแล้ว” เพราะเห็นหน้าลูกสาวที่ซีดแปลกตาไป เมื่อเก็บอาหารที่ตกเสร็จ ลูกสาวก็รีบออกไปทันที ลุงชัยสังเกตเห็นว่าข้าวที่ตกลงไปที่พื้นนั้นค่อย ๆ หายไปทีละเม็ด ลุงชัยรู้สึกแปลกใจแต่ก็ไม่ได้อะไร คืนนั้นลุงชัยเข้านอนปกติ แต่นอนไม่ค่อยหลับ เพราะรู้สึกปวดเมื่อยตามตัว ลุงชัยก็ได้ฝันว่าในขณะที่ลุงชัยตีมีดอยู่นั้น เหมือนมีคนเดินผ่านไปผ่านมาเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างในบริเวณที่ลุงชัยตีมีดอยู่ ลุงชัยจึงสะดุ้งตื่นและคิดว่าฝันแปลก ๆ เมื่อตื่นขึ้นมาลุงชัยก็ไปตีมีดต่อและนึกในใจว่า ‘วันนี้ก็วันที่ 2 แล้วยังไงก็ต้องตีให้เสร็จให้ได้’ แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนกับเมื่อวาน คือไม่สามารถขึ้นรูปได้ จนถึงเวลาเที่ยง ลุงชัยรู้สึกตาพร่ามัว รู้สึกหนักแขนเหมือนมีคนฉุดรั้งไว้ ซึ่งตอนนั้นก็เป็นเวลาเดิมที่ลูกสาวของลุงชัยจะเอาอาหารมาให้ จังหวะที่ลูกสาวเดินเข้ามาในประตูแล้วเห็นลุงชัย ลูกสาวก็กรี๊ดออกมา ลุงชัยก็ถามลูกสาวว่า “เป็นอะไร!” ลูกสาวจึงเล่าว่า “เห็นคนกำลังจับแขนซ้ายและแขนขวาของพ่ออยู่!” เหมือนกับว่าพยายามไม่ให้ลุงชัยตีมีด และแต่ละคนสภาพเป็นศพที่มีคราบเลือดและคราบน้ำเหลือง คนหนึ่งพยายามจับแขนลุงชัย อีกคนขี่คอและเอามือปิดตาลุงชัยไว้ ในตอนแรกลุงชัยไม่เชื่อลูกสาว ลุงชัยจึงไปกินข้าวตามปกติ หลังจากกินเสร็จก็กลับมาตีดาบต่อ พอตีไปได้สักพักลุงชัยก็รู้สึกเจ็บหน่วง บริเวณหน้าอกจึงตัดสินใจเลิกตีมีด แล้วรีบกลับไปนอนในช่วงหัวค่ำ ในระหว่างที่นอนลุงชัยก็รู้สึกไม่สบายตัว เจ็บหน้าอก และไอ อาการคล้ายกับคนจะไม่สบาย แต่เมื่อถึงกลางดึกลุงชัยก็สะดุ้งตื่น สิ่งที่ลุงชัยเห็นเป็นอย่างแรกเมื่อลืมตา คือผู้หญิงยืนเหยียบอยู่บนหน้าอกของลุงชัย และเมื่อหันไปฝั่งซ้ายก็เห็นผู้ชายสูงอายุนั่งทับแขนลุงชัยอยู่ ฝั่งขวาเป็นผู้หญิงตาแดงก่ำจ้องมาที่ลุงชัย! ในตอนที่ลุงชัยกำลังตกใจ ผู้หญิงที่เหยียบหน้าอกลุงชัยอยู่ก็ค่อย ๆ ยื่นมือมาล้วงปากลุงชัยเหมือนจะดึงลิ้นของลุงชัยออกมา ลุงชัยก็อาเจียนออกมาเป็นเลือด ส่วนร่างที่ทับแขนลุงชัยอยู่ทั้งสองฝั่งเหมือนขึงลุงชัยไว้ ก็เอาค้อนมาทุบที่มือลุงชัยจนเลือดไหลออกมา ลุงชัยกำลังจะหันไปเรียกเมียแต่ก็ไม่สามารถเรียกได้เพราะร่างที่เหยียบบนหน้าอกล้วงปากอยู่! ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงลูกสาวเดินมาดู บรรดาร่างที่อยู่ด้านซ้ายและขวาของลุงชัยก็หายไปเหลือเพียงแต่ร่างที่เหยียบหน้าอกของลุงชัย ลูกสาวลุงชัยบอกว่า “ได้ยินเสียงคนเดินไปเดินมาทั้งบนบ้าน และข้างล่างเพราะนึกว่าพ่อตีมีดอยู่” แต่ความเป็นจริงกลับเห็นพ่ออาเจียนออกมาเป็นเลือด มือทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยเลือด ในขณะนั้นเมียของลุงชัยก็ตื่นและบอกว่าได้ยินเสียงลุงชัยไอแต่ลุกขึ้นมาดูไม่ได้เพราะมีคนแก่สองคนจับตัวเมียลุงชัยไม่ให้หันไปช่วย! จนตอนเช้าลุงชัยก็รีบไปหาหลวงตาที่วัดและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ซึ่งในระหว่างที่เล่าอยู่ลุงแดงก็ตามมาที่วัด เพราะลุงแดงไปหาที่บ้านแล้วไม่เจอ หลวงตาจึงบอกให้ลุงชัยถามลุงแดงว่าให้อะไรมา เพราะถ้ามาช้ากว่านี้เขาเอาถึงตายนะ ลุงชัยจึงพยายามถามลุงแดง ลุงแดงจึงตัดสินใจบอกว่า “เหล็กที่ให้ไป เป็นเหล็กที่เอามาจากตะปูตอกฝาโลงศพ” เพราะลุงแดงเป็นคนเล่นของจึงสะสมตะปูมานาน และงานที่ลุงแดงทำ คือสัปเหร่อ และแกคิดว่าถ้าเอาตะปูที่ใช้ตอกฝาโลงศพมาทำมีดน่าจะขลัง หลวงพ่อจึงบอกให้เอาเหล็กชิ้นนี้ไปทิ้งหรือทำลาย ด้วยคาวมที่ลุงแดงเสียดาย จึงนำเหล็กนั้นกลับไป ส่วนลุงชัยก็ขอให้หลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้ หลังจากวันนั้นลุงแดงก็หายหน้าหายตาไป แต่ลุงชัยก็ได้ข่าวหลังจากนั้น 4-5 เดือนว่าลุงชัยนั้นเสียสติไปแล้ว เวลาเดินผ่านตะปูที่ไหนก็จะงัดออกมาทุกครั้ง..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณนุ่น ‘ห้อง 404’ l อังคารคลุมโปง X เนตร คืนปล่อยผี [ 16 ก.ย.2568 ]

26 ก.ย. 2025

เรื่องเล่าจากคุณนุ่น ‘ห้อง 404’ l อังคารคลุมโปง X เนตร คืนปล่อยผี [ 16 ก.ย.2568 ]

อาถรรพ์เลขหลอน ณ ห้อง 404 เรื่องนี้ถูกถ่ายทอดโดย ‘คุณนุ่น’ ที่เข้ามาเล่าเรื่องของ ‘คุณน้อง’ ที่ได้ไปเจอเสียงปริศนาห้องชั้นบนของอะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ประสบการณ์ระทึกขวัญที่คล้ายจะโดนผีหลอกแต่ผีกลับบอกว่าจะช่วย! เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X เนตร คืนปล่อยผี’ (16 กันยายน 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ห้อง 404’ เรื่องราวนี้เป็นเรื่องของ ‘คุณน้อง’ เธอเล่าว่า ในตอนที่เรียนจบ น้องได้ขอไปอยู่กับแฟนที่อะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ลักษณะของอะพาร์ตเมนต์นี้จะมีทั้งหมด 4 ชั้น และห้องที่น้องอยู่คือชั้นที่ 3 หมายเลขห้อง 304 วันแรกของการเข้าอยู่ ทุกอย่างยังคงปกติ แฟนของน้องทำงานเป็นนักดนตรีในร้านเหล้าแห่งหนึ่งใกล้ที่พัก ในระหว่างที่แฟนของเธอออกไปทำงาน น้องจึงต้องอยู่ที่ห้องคนเดียว แต่ปรากฏว่าเธอมักจะได้ยินเสียงคนจากห้องข้างบนซึ่งก็คือ ‘ห้อง 404’ คล้ายกับว่าเป็นเสียงของคู่รักทะเลาะกัน แรก ๆ ที่ได้ยินน้องก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าคงเป็นเรื่องปกติของคู่สามีภรรยา แต่เมื่อผ่านไปได้ประมาณ 1 เดือน เธอก็ยังคงได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทของห้องชั้นบนทุกวัน จนเกิดความรำคาญในการใช้ชีวิตเพราะมันค่อนข้างรบกวนการนอนหลับของเธอ น้องจึงต้องบอกให้แฟนช่วยไปแจ้งคนดูแลเรื่องปัญหาการส่งเสียงรบกวนจากห้องชั้นบน แต่เมื่อแฟนเอาเรื่องนี้ไปแจ้งป้าที่ดูแลอะพาร์ตเมนต์ก็ได้รับคำตอบชวนขนหัวลุกกลับมา เพราะป้าได้บอกกับแฟนของน้องว่า “ชั้นบนไม่มีคนอยู่นะลูก” เมื่อเห็นท่าทีสับสนของชายหนุ่ม ป้าจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวของห้อง 404 ให้กับแฟนของน้องฟัง “เมื่อก่อนห้อง 404 เนี่ยมันมีคนอยู่ ผู้หญิงเขาตั้งท้องและอยู่กับแฟนสองคน แต่แฟนเขาพลั้งมือทำร้ายร่างกายที่คอ จนฝ่ายหญิงเสียชีวิต” นอกจากนี้ ป้ายังเล่าต่อว่าฝ่ายชายพยายามหนีความผิด จึงกระโดดตึกจบชีวิตตนเองตามไป แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้นอกจากน้อง แฟนของน้องที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อนก็ไม่เคยเจอเช่นเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้น แฟนของน้องก็รู้สึกเป็นห่วงน้องที่จะต้องอยู่คนเดียวในช่วงที่แฟนต้องออกไปทำงาน แฟนของน้องจึงเก็บเรื่องราวนี้ไว้ ไม่ได้นำไปบอกน้องในทันที เวลาผ่านไป น้องก็ยังคงได้ยินเสียงนั้นอยู่บ่อย ๆ อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ในช่วงเวลานั้นน้องจึงเลือกที่จะออกไปซื้อของ แต่ในทันใดนั้นเองก็ได้บังเอิญพบกับ ‘น้องน้ำ’ นักศึกษาสาวรุ่นน้องที่อาศัยอยู่ที่ห้อง 405 และด้วยความที่คุยกันถูกคอ มีการไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยครั้งจึงทำให้เกิดความสนิทชิดเชื้อกัน อยู่มาวันหนึ่ง ในระหว่างที่น้องกำลังเดินไปที่ห้องของน้ำ น้องก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องออกมากจากห้อง 404 “ช่วยด้วย ช่วยด้วย…” เสียงพร่ำร้องของหญิงสาวที่เหมือนกับว่ากำลังจะขาดใจ ในคราแรกน้องตั้งใจจะโทรแจ้งตำรวจ แต่เมื่อรวบรวมสติได้จึงตัดสินใจโทรแจ้งป้าเจ้าของหอเป็นคนแรกว่าตนนั้นได้ยินเสียงผู้หญิงถูกทำร้ายมาจากห้อง 404 “ห้องอะไรนะ!” ป้าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “ห้อง 404 ค่ะ” “ไม่มี! เป็นไปไม่ได้ ห้องข้างบนมันไม่มีคนอยู่” ป้ารีบตอบทันควัน เมื่อเกิดความสับสนในปลายสาย ป้าจึงบอกให้น้องกับน้ำรอพรุ่งนี้แล้วตนจะไปเปิดห้องยืนยันให้ดูว่าห้อง 404 นั้นไม่มีคนอยู่ เช้าวันใหม่ ตามคำสัญญาของคืนก่อน ป้ามาไขประตูห้อง 404 ให้ดู ซึ่งก็ทำให้น้องเห็นกับตาว่าภายในห้องแห่งนี้ไม่มีคนอยู่จริง ๆ นั่นแปลว่าเสียงที่เธอได้ยินอยู่บ่อย ๆ ก็ไม่ใช่เสียงของคนเหมือนกัน! ภายในห้องว่างเปล่า คงเหลืออยู่เพียงแค่เตียง โต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า ป้าเห็นน้องยืนดูด้วยสีหน้าไม่สู้ดีจึงเอ่ยถาม “หนูอยู่ห้องไหน เป็นแฟนของน้องผู้ชายคนนั้นรึเปล่า” ป้าเอ่ยถาม “ใช่ค่ะ ที่หนูให้แฟนไปบอกว่าได้ยินเสียงจากห้อง 404 ทะเลาะกัน” น้องตอบกลับไป “แล้วแฟนยังไม่ได้เล่าให้ฟังเหรอ” จบประโยคนั้น ป้าก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้น้องฟัง แต่ในขณะเดียวกันนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของน้ำดังออกมาจากตรงบริเวณตู้เสื้อผ้า “กรี๊ดดดดดดดดด!” สิ้นเสียง น้องกับป้าก็เดินไปดูที่ตู้เสื้อผ้าก็พบกับกระถางธูปและกระทงถวายเครื่องเส้นไหว้ผี ด้วยความตกใจกลัวของน้อง ป้าจึงเล่าให้ฟังว่าเขาจำเป็นต้องทำพิธีแบบนี้เพื่อที่จะให้ต่างคนต่างอยู่ เพราะเขาก็ต้องทำมาหากินเหมือนกัน อยู่ไปอยู่มา น้องก็ตั้งท้องได้ประมาณ 3-4 เดือน และด้วยเหตุนี้ก็ทำให้เรื่องราวความรุนแรงประทุขึ้นมาอีกครั้ง เพราะน้องกับแฟนเกิดการทะเลาะจนถึงขั้นทำร้ายร่างกายกัน บ่อยขึ้น บ่อยขึ้นและบ่อยขึ้น จนเย็นวันหนึ่ง ในขณะที่น้องต้องเดินไปซื้อข้าวก็ได้ไปพบเข้ากับหญิงสาวในชุดเดรสสีแดงนั่งกอดเข่าอยู่ตรงบันได “เป็นอะไรรึเปล่าคะ?” น้องถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อสาวปริศนาคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาก็ทำให้น้องเห็นว่า ผู้หญิงคนนั้นมีเลือดอาบคอตัวเองเต็มเสื้อไปหมด! และคิดได้ว่าตรงหน้าคงไม่ใช่คนแน่ ๆ จึงรีบวิ่งลงไปและนั่งรถไปหาแฟนที่ทำงานและนั่งรอจนถึงช่วงประมาณตีสาม แต่ตัวของเธอก็ไม่กล้าพูดอะไรได้แต่เก็บเรื่องนั้นไว้ในใจ และก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ในตอนที่ทั้งสองลงจากรถ ก็ได้เกิดเสียงวัตถุใหญ่ร่วงหล่นลงมาจากที่สูงดัง ตุ้บ! เหมือนเสียงคนกระโดดตึกลงมา แม้ตอนนั้นจะเกิดความสงสัยว่าเสียงมากจากไหนแต่ด้วยความกลัวทั้งสองจึงเลือกที่จะเดินขึ้นห้องไป หลายเดือนต่อมา น้องฝันเห็นผู้หญิงมาพูดกับตนเองว่า “หนีไป! อย่าอยู่ที่นี่” ถึงอย่างนั้นน้องก็ไม่ได้คิดอะไร จนสถานการณ์น้องกับแฟนทะเลาะกันรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ถึงขั้นที่ทำให้น้องต้องสูญเสียลูกในท้องไปจากการทำร้ายร่างกายของแฟน หลังจากนั้นน้องก็ฝันเห็นผู้หญิงคนเดิมมาบอกว่า ‘เขาไม่ได้เห็นหน้าลูก แต่ตัวเธอเองยังโชคดีที่ได้เห็นลูกอย่างน้อยก็ในตอนที่คลอดออกมาแม้ว่าหลังจากนั้นเด็กจะเสียชีวิตก็ตาม’ เวลาผ่านไป แฟนของน้องก็ยังคงทำร้ายร่างกายและตบตีน้องเหมือนเดิม จนอยู่มาวันหนึ่ง แฟนก็เกิดอาการหลอน เห็นหน้าน้องแล้วมีท่าทีหวาดกลัว “อย่าเข้ามาใกล้กู กูกลัวแล้ว” ชายหนุ่มตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว “กูจะไม่ทำอีกแล้ว กูขอโทษ” เมื่อเห็นแบบนั้นน้องจึงพยายามเข้าไปจับแขนเพื่อเรียกสติแฟนกลับมา แต่มันก็ไม่ได้ผล เกิดการฉุดกระชากลากถูกันสักพัก แฟนของน้องก็เดินหนีไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งพลัดตกลงมาจากตึกสูงและเสียชีวิตทันที! ความเศร้าเกาะกินหัวใจ น้องเกิดคำถามมากมายในหัวว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเธอกันแน่ ไม่เพียงแต่เสียลูกไปแต่เธอยังเสียคนรักไปด้วยอีกคน หลังจากเสร็จธุระงานศพ น้องเดินทางมาเก็บของที่ห้องและได้ผล็อยหลับไป ในยามหลับน้องก็เล่าว่าฝันเห็นผู้หญิงคนนั้นมาบอกกับน้องว่า เขาช่วยได้แค่นี้นะ เขายินดีด้วยที่ผ่านเรื่องนี้มาได้และก็ดีใจที่ได้กำจัดผู้ชายแบบนี้ออกไปจากชีวิตเธอ คำบอกกล่าวจากผู้หญิงคนนั้นเพียงแค่ต้องการจะสื่อว่าตนได้มาช่วยน้องแล้ว เพราะเขาไม่อยากให้น้องต้องมาเผชิญปัญหาเดียวกับเขา ต้องมาโดนทำร้ายและเสียชีวีตไปเหมือนกับเขา เช้ามาน้องจึงได้ทำบุญ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้แก่หญิงสาวคนนั้นเป็นการขอบคุณที่ช่วยให้น้องหลุดพ้นจากผู้ชายพรรค์นั้นและขอบคุณที่ทำให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้น ส่วนน้ำก็ได้มาเฉลยว่าจริง ๆ เธอเป็นน้องสาวของผู้หญิงที่อยู่ห้อง 404 และการมาอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์แห่งนี้ก็เป็นเพราะพี่สาวถูกฆ่าตาย สุดท้ายอาถรรพ์เลขห้อง 404 ก็ได้เปลี่ยนชีวิตของน้องไป จากความกลัวแปรเปลี่ยนเป็นการขอบคุณ ความหวังดีจากคนที่ไม่รู้จักที่ถึงแม้ในตอนนี้จะไม่ได้มีลมหายใจอยู่แล้วก็ยังรู้สึกขอบคุณ..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเต็ม ๆ ได้ที่

หลอนหลังจอสู่หน้าจอ! เบื้องหลังพี่นาค 4 หลอนจริงจากใจผู้กำกับ!

16 ก.พ. 2024

หลอนหลังจอสู่หน้าจอ! เบื้องหลังพี่นาค 4 หลอนจริงจากใจผู้กำกับ!

เรื่องนี้ ‘แปลน รัฐวิทย์’ และ ‘ไมค์ ภณธฤต’ นักแสดงและผู้กำกับจากภาพยนตร์เรื่อง ‘พี่นาค 4’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (13 กุมภาพันธ์ 2567) ฟังพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นขณะกำลังถ่ายทำภาพยนตร์ที่ต้องบอกเลยว่ามาพร้อมกับความหลอน เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปอ่านกันได้เลย! โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องของ ‘แปลน รัฐวิทย์’ นักแสดงจากภาพยนตร์เรื่องพี่นาค 4 คุณแปลนเล่าว่า วันนั้นเป็นวันที่ต้องถ่ายภาพยนตร์คนเดียว ซึ่งถ่ายทำที่วัดบางลี่ จังหวัดลพบุรี สถานที่แห่งนี้มีโบสถ์เก่าแก่อายุร้อยกว่าปี คุณแปลนถ่ายทำตั้งแต่เช้าและทุกอย่างก็ราบรื่นปกติ จนถึงซีนหนึ่ง เวลาประมาณตี 2.22 น. เป็นซีนที่ต้องใช้สลิง หลังจากถ่ายเสร็จสิ้น พี่ไมค์ (ผู้กำกับ) ก็อยากจะถ่ายอีกเพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามเพิ่ม จากนั้นคุณแปลนก็ไปรอบนนั่งร้าน หลังจากนั้นเมื่อนับ 3 2 1 แอคชัน! คุณแปลนก็วูบหมดสติไปและจำอะไรไม่ได้ นาทีนั้นคุณแปลนยังอยู่บนสลิงแต่ไม่มีใครรู้ว่าคุณแปลนวูบอยู่ ด้วยความที่ทรงตัวไม่ได้ก็ทำให้รัดแน่นจนหายใจไม่ออกและเกิดอาการชัก จากนั้นผู้กำกับจึงสั่งคัท ทีมงานก็เข้ามาช่วยเหลือ เมื่อคุณแปลนรู้สึกตัวสิ่งแรกที่พูดคือ “พี่ครับ ผมขอโทษครับ ผมเผลอหลับหรอ?” เพราะคุณแปลนรู้สึกว่าตัวเองฝันเห็นอะไรเต็มไปหมดและฝันนานมาก แต่เมื่อพอมาดูฟุตเทจปรากฎว่าที่วูบไปนั้นเป็นเวลาเพียงครู่เดียว หลังจากนั้นทีมงานก็ให้ดื่มน้ำแดง และดมยาดมเพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย ซึ่งหลังจากจบวันนั้นไปคุณแปลนก็ไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น เมื่อกลับมาจากสถานที่ถ่ายทำ คุณแปลนก็เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด ภายในห้องจะเป็นเตียงเดี่ยว 2 เตียง ซึ่งคุณแปลนพักคนเดียว จึงนำของไปวางให้เต็มแล้วจึงซื้อที่โดยการนำเงินไปวาง แล้วคุณแปลนก็พูดว่า “ผมขอซื้อนะตรงนี้” ซึ่งเตียงที่คุณแปลนซื้อนั้นปลายเตียงจะมีกระจกเงา จึงนอนอีกเตียง คืนนั้นคุณแปลนนอนไม่ค่อยหลับเพราะได้ยินเสียงคนเดินไปมาอยู่หน้าห้องตลอด แต่คุณแปลนก็ไม่ได้ลุกขึ้นไปดูว่ามีคนหรือไม่ เพราะคิดว่าตราบใดที่เสียงยังอยู่หน้าห้อง คุณแปลนจะไม่ไปยุ่ง จากนั้นคุณแปลนก็นอนคลุมโปง พยายามสวดมนต์แล้วเผลอหลับไป เช้าวันต่อมา คิวถ่ายวันนี้ยังคงเป็นโบสถ์เดิม และมีอุปสรรคในการถ่ายทำคือฝนตกทั้งวันจนถ่ายทำไม่ได้ จนเวลาผ่านไปถึงวันสุดท้ายที่จะต้องถ่ายทำ คืนนั้นคุณแปลนเดินออกมาจากโบสถ์คนเดียว ด้วยความน่ากลัวจึงดู TikTok เพลิน ๆ สักพักก็ได้ยินเสียงผู้ชายมากระซิบว่า “มึงอยากตายหรอ?” หลังจากนั้นก็วูบไปอีกรอบ แล้วทีมงานก็มาบอกว่า “แปลนไปขอทีมงานถอดเสื้อ ไปนั่งเหม่อแล้วก็ร้องไห้ มองโบสถ์ฝั่งตรงข้าม” ซึ่งตอนนั้นคุณแปลนไม่รู้ตัว พี่ทีมงานก็ถามว่า “แปลนไหวไหม แปลนเป็นลมไหม” คุณแปลนก็ยังไม่กล้าเล่าเกี่ยวกับสิ่งที่เจอ จนหลังจากนั้นก็ตัดสินใจเล่าให้พี่ทีมงานฟัง พี่ทีมงานบอกว่า “แปลนคิดในแง่ดี เขาอาจจะมาเตือนว่าการที่เราไปถ่ายทำคราวที่แล้ว อยากตายหรอ อย่าไปทำอะไรที่มันพิเรนทร์” หลังถ่ายทำเสร็จคุณแปลนบอกกล่าวว่า “ทุกอย่างที่พูดออกไป มันเป็นเรื่องตัวบทไม่ใช่ตัวผม เป็นตัวละคร แปลน รัฐวิทย์ ไม่เกี่ยวข้อง” หลังจากนั้นคุณไมค์ก็ได้เล่าเรื่องลี้ลับในกองถ่าย โดยคุณไมค์เล่าว่า สถานที่ถ่ายทำที่ยากที่สุดในภาพยนตร์เรื่องพี่นาค ภาค 4 คือ ‘โบสถ์’ เพราะต้องหาโบสถ์ที่มีการตายเกิดขึ้น มีการเผาโบสถ์ มีทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโบสถ์ แต่ไม่รู้ว่าจะหาโบสถ์จากที่ไหนที่จะให้ทำได้ขนาดนี้ จึงใช้เวลาหาประมาณ 3-4 เดือนในการหาโบสถ์ที่จะอนุญาตให้ถ่ายทำ เพราะทุกที่มีโจทย์ว่า ถ้าไปขอแล้ว อย่าให้มีผลกระทบกลับมา จนกระทั่งมาเจอโบสถ์ที่วัดนางลี่ วันที่เดินทางไปถึงวัดแห่งนั้น ก็เห็นว่าสถานที่ตรงตามที่ต้องการ มีป่าล้อมรอบ เดินเข้าไปเป็นโบสถ์เก่า ซึ่งเป็นโบสถ์ร้างที่นำพระประธานออกไปแล้ว คุณไมค์รู้สึกว่าตรงนี้ต้องแรงแน่ ๆ แต่คิดว่าต้องถ่ายที่นี่ เมื่อเดินเข้าไปจะเจอเจดีย์ใส่กระดูกของเจ้าอาวาสรูปเก่า ถัดเข้าไปจะเป็นโกฏิกระดูก 2 โกฏิ ซึ่งเป็นของคนที่บริจาคเงิน แล้วจึงจะถึงตัวโบสถ์ คุณไมค์เชื่อว่าหนังของตนสอนคนดูและคิดว่าตนคิดดีแล้ว แต่สุดท้ายทุกคนก็ได้รับบาดเจ็บจากที่นี่จริง ๆ จึงทำให้รู้สึกว่าตนเลือกโลเคชันที่แรงชนิดที่ไม่เคยเจอขนาดนี้มาก่อน นักแสดงในกองอย่าง ‘คุณเจมส์ ภูรพรรธน์’ เข้าฉากพายุลมฝน ทำให้ขาพลิกจนต้องส่งโรงพยาบาล ‘คุณเอม วิทวัส’ เดิน ๆ อยู่โดนบุ้งต่อยแพ้ทั้งตัว ส่วน ‘คุณแปลน รัฐวิทย์’ สลบไปกลางอากาศ และ ‘คุณมีน พีรวิชญ์’ แมงป่องไต่ขึ้นขาแต่โชคดีที่มีทีมงานเห็นจึงไม่เป็นอะไร ไม่อย่างนั้นอาจจะเข้าโรงพยาบาลอีกคน นี่คือเหตุผลที่ต้องต่อธูปตลอด ซึ่งจะมีฝ่ายสวัสดิการมาดูธูปไว้ ถ้าไม่ต่อธูปฝนจะตก จนกระทั่งคุณเจมส์ไปเจอพระรูปหนึ่ง และพระก็ทักว่า “ไปถ่ายหนังอะไรมา ไปสถานที่ที่แรงใช่ไหม รู้ไหมเขาไม่โอเคต้องไปขอขมา” ซึ่งตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พระท่านพูดเป็นฉาก ๆ มีโบสถ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านเห็น คุณเจมส์จึงบอกว่า “พี่ไมค์ เราต้องไปขอขมา” หลังจากนั้นอันดับแรกคุณไมค์ก็รดน้ำมนต์ นำนักแสดงทุกคนไปรดน้ำมนต์ด้วย และถือพานบายศรีขอขมา สุดท้ายคุณไมค์พูดว่า “ต่อให้เราจุดธูปให้เราทำอะไรก็ตามแต่ ตราบใดที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บางทีเขาไม่รู้หรอกว่าเรามาทำงานหรือเรามาทำอะไร แต่บางครั้งถ้าเกิดเราทำอะไรที่มันเกินขอบเขตในความรู้สึกเขา มันก็อาจจะมีการลงโทษกันบ้าง ก็เลยไปขอขมาเป็นวันที่เราขอโทษจากใจจริง บางทีเราอาจจะต้องเตรียมเครื่องขอขมาตั้งแต่วินาทีแรกที่ไป เพราะถ้าเรารู้ว่าเราจะทำอะไรไม่ดีต้องไปขอเลย ไม่ใช่ไปทำแล้วค่อยไปขอ อันนี้ก็เป็นการสอนให้เรารู้จากการที่เราถ่ายที่จริงมาเยอะมาก แต่ที่นี่ภาคนี้กับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่โดนหนักสุดแล้ว”(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากเต๋อ ฉันทวิชช์ 'มือบอน' I อังคารคลุมโปง X เต๋อ ฉันทวิชช์ - เสือ พิชย [ 3 ธ.ค. 2567 ]

14 ธ.ค. 2024

เรื่องเล่าจากเต๋อ ฉันทวิชช์ 'มือบอน' I อังคารคลุมโปง X เต๋อ ฉันทวิชช์ - เสือ พิชย [ 3 ธ.ค. 2567 ]

‘เต๋อ ฉันทวิชช์’ นำเรื่อง ‘มือบอน’ มาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (3 ธันวาคม 2567) ฟังกัน มาดูกันว่า ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจโจเซฟ’ ฟังแล้วจะรู้สึกอย่างไร เรื่องราวจะหลอนขนาดไหน ไปอ่านพร้อมกันเลย!! ‘เต๋อ ฉันทวิชช์’ ได้เล่าว่า ตนนั้นมีโอกาสไปที่จังหวัดหนึ่งในภาคเหนือ ไปกับน้องที่คอยดูแลที่ชื่อ ‘แนน’ ได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ที่พักจะเป็นห้อง 2 ห้อง บรรยากาศภายในโรงแรมรู้สึกได้ถึงความหลอน ความวังเวง จากการตกแต่งที่ทำให้รู้สึกว่าต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน เมื่อเข้าห้องพักไป ก็จะเป็นห้องพักแบบ Connecting Room คุณเต๋อได้ไปนั่งเล่นอยู่ในห้องของคุณแนน จนถึงดึก แล้วคุณแนนก็ได้บอกกับคุณเต๋อว่า “จะมีเพื่อนมาหา เดี๋ยวแนนจะออกไปหาเพื่อนหน่อย” จากนั้นคุณแนนก็ออกไปหาเพื่อนตามที่บอกไว้ ส่วนคุณเต๋อนั้นกลับไปที่ห้องพักของตัวเอง หลังจากกลับมาที่ห้องได้สักพักใหญ่ ตอนนั้นก็เป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว คุณเต๋อได้ยินเสียงว่าเหมือนกับว่าคุณแนนจะกลับมาถึงห้อง คุณเต๋อเป็นคนที่ชอบแกล้งคนและคุณแนนเป็นคนที่กลัวผีมาก คุณเต๋อจึงคิดแผนการแกล้งคุณแนน โดยที่คุณเต๋อจะแอบซ่อนตัวอยู่ตรงประตูเพื่อที่จะรอให้คุณแนนเดินผ่านแล้วตกใจ คุณเต๋อนั่งตรงบริเวณประตู รอให้คุณแนนเปิดประตูเข้าห้องมา ผ่านไป 10 นาที คุณเต๋อเอะใจขึ้นมาว่า ‘ทำไมแนนไม่เดินผ่านมาสักที’ คุณเต๋อจึงค่อย ๆ ชะเง้อหน้าออกไปดู ปรากฏว่าประตูทุกอย่างปิดหมด! ไม่มีคนอยู่ในห้อง! ยังไม่มีใครกลับมาที่ห้อง! แต่เสียงก่อนหน้านี้ที่ได้ยินก็มั่นใจชัดเจน มีคนเปิดประตูเข้าห้องมาอย่างแน่นอน คิดในใจว่าสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดี จึงถอยกลับเข้าห้องตัวเองและปิดประตูที่เชื่อมต่อระหว่างห้อง แล้วพยายามข่มตานอนหลับไป เช้าวันรุ่งขึ้น คุณเต๋อตั้งใจที่จะเล่าเรื่องนี้ให้คุณแนนฟัง จึงเปิดประตูเชื่อมข้ามไปที่ห้องของคุณแนน ทั้งสองคุยกันจนเข้าประเด็น ขณะนั้นก็กำลังจะเปิดโทรทัศน์ในห้องของคุณแนนเพื่อดู แต่ก็สังเกตเห็นใบกระดาษที่บอกช่องของโทรทัศน์ คุณเต๋อเห็นเหมือนมีคนเอาปากกามาขีดเขียนเต็มกระดาษทั้งแผน จนกระดาษบางจุดขาด คล้าย ๆ คนโมโหมาขีดเขียนเพื่อระบายอารมณ์ ซึ่งคุณเต๋อจำได้ว่าเมื่อคืนยังไม่มีสิ่งนี้เกิดขึ้น ทำให้คุณเต๋อรู้สึกว่าโดนหลอกแล้วแน่นอน จนถึงทุกวันนี้ คุณเต๋อก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่เจอในตอนนั้นคืออะไร แต่รู้ว่า เขามือบอน!!!(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1