พาทัวร์ BDMS WELLNESS CLINIC ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบครบวงจร บนถนนวิทยุ

Beauty & Health

พาทัวร์ BDMS WELLNESS CLINIC ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบครบวงจร บนถนนวิทยุ

21 ก.ย. 2023

ช่วงนี้เทรนด์สุขภาพกำลังมาแรง เพราะรอบตัวเต็มไปด้วยมลพิษต่าง ๆ ผู้คนก็เลยหันมาสนใจในการดูแลตัวเองมากขึ้น วันนี้เราเลยจะชวนทุกคนมาดูแลตัวเองแบบครบวงจร ตั้งแต่หัวจรดเท้า ที่ BDMS WELLNESS CLINIC ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบครบวงจร บนถนนวิทยุ ปาร์คนายเลิศ

BDMS WELLNESS CLINIC มีทั้งหมด 8 ชั้น ก็จะครอบคลุมหมดเลย ทั้งสุขภาพร่างกาย การเสริมวิตามินต่าง ๆ ทันตกรรม เส้นผม ผิวพรรณ รวมไปถึงภาวะการมีบุตรยากด้วย

 

สำหรับโปรแกรมที่เราได้ทดลองทำ คือโปรแกรม BWC Antioxidants Plus Customized Vitamin เป็นการตรวจเลือด เพื่อวิเคราะห์ปริมาณวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ 10 ชนิด พร้อมรับวิตามินเฉพาะบุคคลออกแบบตามผลเลือด สำหรับ 1 เดือน

 

วิธีการของเขาก็คือจะมีแบ่งเป็นขั้นตอน เริ่มต้นกันที่วัดความดัน ตรวจสุขภาพในร่างกายทางด้านต่างๆ

ต่อมาคุณหมอก็จะทำการสอบถามเช็คประวัติในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ภาวะความเครียด การรับประทานอาหารแต่ละมื้อ และการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อทำการวิเคราะห์ 

ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนถัดไปคือ "การเจาะเลือด" เพื่อตรวจวัดระดับวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย จากนั้นนำผลตรวจไปวิเคราะห์โดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ป้องกัน

หลังจากนั้นทางคลินิคก็จะจัดวิตามินเฉพาะบุคคลมาให้เราทาน 1 เดือน เรียกได้ว่าขาดตรงไหน ก็ทานเสริมตรงนั้นแบบตรงจุดของแต่ละคนเลย 

อีกโปรแกรมที่เราได้ทดลอง และน่าจะถูกใจคนที่กำลังกังวลเรื่องปัญหาผิวพรรณ ก็คือโปรแกรม Skin Analysis การตรวจวิเคราะห์สภาพผิวเฉพาะบุคคล

โปรแกรมนี้จะทำให้เรารู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาผิว โดยใช้กล้องที่มีความละเอียดสูง ตรวจวิเคราะห์ผิวชั้นบนและผิวชั้นที่ลึกลงไป ซึ่งจะช่วยในการประเมินการเกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ตั้งแต่ปริมาณรอยดำ รอยแดง ฝ้า กระ ริ้วรอย ความไม่สม่ำเสมอของผิว ความกว้างของรูขุมขน UV Spots สารที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดสิวบนใบหน้า รวมถึงประเมินอายุผิวของแต่ละบุคคลด้วย

หลังจากที่ได้ใช้กล้องตรวจแล้ว เราก็จะได้พบแพทย์ เพื่อฟังคำอธิบายในแต่ละส่วน แพทย์ที่นี่ก็จะชี้ให้เราเห็นเลยว่า เรามีปัญหาผิวทางด้านใดบ้าง ต้องเสริมตรงไหน ดูแลยังไง ใครมีคำถามอะไรเกี่ยวกับปัญหาผิว ก็สามารถปรึกษาแพทย์ที่นี่ได้หมดเลย เขาพร้อมที่จะให้คำแนะนำอย่างเป็นกันเองสุด ๆ

 

เมื่อรู้ปัญหาผิวแล้ว ก็ตบท้ายด้วยการทำ BWC Royal Bright ทรีตเมนต์ผลักวิตามินและสารอาหารเข้าสู่ผิวพรรณบริเวณใบหน้าและลำคออย่างล้ำลึก โดยไม่ต้องใช้เข็ม สำหรับใครที่กลัวเจ็บ หมดความกังวลทันที เพราะที่ BDMS WELLNESS CLINIC เขาเน้นการดูแลแบบไม่จำเป็นต้องเจ็บตัว

 

สำหรับโปรแกรม BWC Royal Bright ใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที โดยเขาจะใช้นวัตกรรมจากเครื่อง Infusion ทำงานโดยใช้กระแสไฟฟ้าที่มีความถี่และเวลาในการปล่อยที่เหมาะสม เพื่อสร้างช่องว่างชั่วคราวบริเวณเซลล์ผิวหนังชั้นนอกสุด และส่งผ่านวิตามินลงไป

 

ซึ่งวิธีนี้สามารถส่งวิตามินและสารอาหารผิวลงไปได้อย่างล้ำลึก และมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผิวพรรณขาวกระจ่างใส ชุ่มชื้น ลดเรือนริ้วรอย กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้เผชิญมลภาวะมาเยอะ จนทำให้ผิวเสื่อมโทรม และต้องการกู้ให้ผิวกระจ่างใส เปล่งปลั่ง 

เห็นแบบนี้แล้ว เริ่มสนใจกันบ้างหรือยัง สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่ดูแลตัวเองแบบครบวงจร เรียกว่ามีปัญหาสุขภาพตรงส่วนไหน ก็สามารถมาดูแลได้อย่างตรงจุด สามารถแวะมาได้ที่ BDMS WELLNESS CLINIC ถนนวิทยุ ปาร์คนายเลิศ ได้เลย แล้วมาดูแลตัวเองไปด้วยกันนะ

related Beauty & Health

สระผมเวียดนาม คลายเครียด ที่ร้าน Lamer Sleep Salon

16 ธ.ค. 2024

สระผมเวียดนาม คลายเครียด ที่ร้าน Lamer Sleep Salon

ใกล้สิ้นปีแล้ว แอดขอแนะนำร้านLamer Sleep Salon ที่จะทำให้ทุกคนคลายเครียด ด้วยการสระผมสไตล์เวียดนาม ที่กำลังได้รับความนิยมในประเทศไทย เป็นการผสมผสานระหว่างการสระผมแบบดั้งเดิมของเวียดนาม กับเทคนิคการนวดศีรษะ บำรุงผม และดูแลหนังศีรษะในครั้งเดียวร้าน Lamer Sleep Salon ตั้งอยู่ที่ โครงการ The Platinum Place 21 ถ. วัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน โดยร้านจะอยู่ที่ชั้น 2 ของโครงการ ตกแต่งแบบเรียบง่าย สะอาดตา ภายในมีกลิ่นหอมของโรม่าทำให้ผ่อนคลายสำหรับใครที่ต้องการนวดน้ำมัน ทางร้าน Lamer Sleep Salon จะมีกลิ่นน้ำมันให้เลือกทั้งหมด 4 กลิ่น ได้แก่ กลิ่นลาเวนเดอร์ กลิ่นรีแรกซ์ กลิ่นมะพร้าว และกลิ่นกลามมิ่งขั้นตอนแรกทางร้าน Lamer Sleep Salon จะเริ่มจาก การใช้เสียงแบบ ASMR เพื่อทำให้ผ่อนคลายและสงบ ต่อด้วยการสัมผัส และนวดตามจุด เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและสระผม 2 รอบ โดยรอบแรกจะเป็นการสระแบบล้างสารพิษ รอบที่สองเป็นการสระผมเพื่อผ่อนคลาย ลงทรีตเม้นท์พร้อมนวดศรีษะ และผ่อนคลายกับวงแหวนน้ำอุ่น หากใครที่ซื้อคอร์สเพิ่มเติม ก็จะมีการนวดกัวซาหน้า และศรีษะ นวดหน้าด้วยเครื่องนวดหน้า EMS เพื่อยกกระชับ ชะลอวัย และการอบไอน้ำแบ NANOหากใครสนใจสระผมเวียดนาม ตอนนี้ทางร้านกำลังจัดโปรโมชันส่วนลด สำหรับลูกเพจ Atime ดังนี้คอร์สสระผมเวียดนาม 1 ชัวโมง 15 นาที ปกติราคา 590 บาท เหลือ 550 บาท เพียงแลก 5,000 พ้อยท์ จำนวน 30 สิทธิ์คอร์สคอร์สสระผมเวียดนาม 1 ชัวโมง 45 นาที ปกติราคา 990 เหลือ 890 บาท เพียงแลก 8,000 พ้อยท์ จำนวน 30 สิทธิ์*กรณีต้องการใช้สิทธิกรุณาติดต่อ 096-723-3311 เพื่อทำการจองคิวกับทางร้านกรุณายื่นบัตรประชาชน พร้อมหน้า Redeem Points จากแอปพลิเคชัน Atime FungFin ที่หน้าร้าน LAMER SLEEP SALON*เงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเงินสดได้สามารถแลกแต้งเพื่อรับส่วนลดกันได้ทางแอปพลิเคชัน Atime FungFinดาวน์โหลดได้ทาง IOS และ AndroidApple Store : https://apple.co/3uzxw4uGoogle Play Store : https://bit.ly/3qI0LB5พิกัดร้าน : โครงการ The Platinum Place ชั้น 2 21 ถ. วัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯเดินทาง : รถยนต์ส่วนตัว - มีที่จอด หรือ BTS สถานีมัยลาภติดต่อ : 082 098 9168ไลน์ : @lamersleepsalonผู้เขียน : เบญญาภา แนบเนียนภาพ : นินจา ซิมทิม

โนโรไวรัส (Norovirus) ตัวการท้องเสียระบาดในเจ้าตัวเล็ก

10 ม.ค. 2025

โนโรไวรัส (Norovirus) ตัวการท้องเสียระบาดในเจ้าตัวเล็ก

โนโรไวรัส (Norovirus) เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร ไวรัสชนิดนี้ระบาดได้ง่าย และรวดเร็วแม้ร่างกายได้รับเชื้อในปริมาณเพียงเล็กน้อย ที่สำคัญทนต่อความร้อน และน้ำยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้ดี ดังนั้นเมื่อเกิดการปนเปื้อนของโนโรไวรัสในอาหาร และน้ำดื่ม จึงทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียน และสามารถติดต่อกันได้ง่าย เนื่องจากใช้เวลาเพียงไม่นานในการแพร่กระจายเชื้อ ไวรัสนี้พบระบาดได้มากในฤดูหนาว ติดต่อได้ง่ายในสภาพอากาศเย็น และทำให้เกิดโรคทั้งในเด็กและผู้ใหญ่อาการที่พบบ่อยหากได้รับเชื้อโนโรไวรัสภายใน 24 – 48 ชั่วโมง ได้แก่ถ่ายเหลวเป็นน้ำปวดท้องคลื่นไส้อาเจียนปวดศีรษะไข้ต่ำปวดเมื่อยตามร่างกายอ่อนเพลียการตรวจและรักษาตรวจวินิจฉัยการติดเชื้อโนโรไวรัส ทำได้โดยการเก็บตัวอย่างอุจจาระเพื่อส่งตรวจพิเศษกับห้องปฏิบัติการ หากพบว่าติดเชื้อโนโรไวรัส แพทย์จะทำการดูแลรักษาตามอาการเป็นสำคัญ หากเด็กมีภูมิต้านทานที่ดีอาการจะดีขึ้นและหายได้เองภายใน 2 – 3 วันแต่หากเด็กเกิดการขาดน้ำอาจทดแทนด้วยการดื่มน้ำเกลือแร่หรือการให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด รับประทานอาหารอ่อน ๆ หรือให้ยาแก้อาเจียน และยาแก้ปวดท้อง แต่ถ้าเด็กภูมิต้านทานต่ำ มีอาการรุนแรงถึงขั้นถ่ายตลอดเวลาต้องนำส่งโรงพยาบาลทันทีและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะอาจเกิดการช็อก ความดันต่ำ และเสียชีวิตได้การติดต่อของโรครับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อโนโรไวรัส พบบ่อยในน้ำดื่ม น้ำแข็ง ผักผลไม้สด หอยนางรม เป็นต้นเด็กจับหรือสัมผัสกับสิ่งของที่มีเชื้อโนโรไวรัสแล้วเอานิ้วเข้าปากสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรงป้องกันระวังติดเชื้อก่อนทานหรือหยิบจับอาหารและหลังเข้าห้องน้ำต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งการล้างมือให้สะอาดต้องล้างด้วยน้ำสบู่ โดยให้น้ำไหลผ่านไม่ต่ำกว่า 15 วินาทีดื่มน้ำที่สะอาด เลือกรับประทานอาหารที่สุก สะอาด สดใหม่เลี่ยงการหยิบจับหรือทำอาหารให้ผู้อื่นใช้ช้อนกลางหากต้องรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่นเพราะเชื้อโนโรไวรัสสามารถติดต่อได้ง่าย และปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน รวมถึงยังไม่มียาที่กำจัดเชื้อไวรัสชนิดนี้โดยเฉพาะ จึงควรดูแลเจ้าตัวเล็กอย่างใกล้ชิดในเรื่องของการรับประทานอาหาร และน้ำดื่มที่สะอาด ที่สำคัญล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง คือสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ห่างไกลจากเชื้อโนโรไวรัสขอขอบคุณข้อมูลจาก Bangkok Hospital โรงพยาบาลกรุงเทพ

ออกกำลังกายเวทเทรนนิ่ง เพิ่มกล้ามเนื้อ กระตุ้นระบบเผาผลาญ

02 ก.ย. 2025

ออกกำลังกายเวทเทรนนิ่ง เพิ่มกล้ามเนื้อ กระตุ้นระบบเผาผลาญ

หากพูดถึงการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง มีความเข้าใจผิดมากมายเกี่ยวกับการออกกำลังกายประเภทนี้ ด้วยคำนิยามที่เป็นการออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ แต่หลายคนมักจะพูดด้วยคำว่าออกกำลังกายเพิ่มกล้าม ทำให้ตัวใหญ่ ตัวบวม หรือกล้ามใหญ่ จนผู้หญิงหลายคนอาจกลัวการออกกำลังกายประเภทนี้ แต่ความจริงแล้วการออกกำลังการเวทเทรนนิ่ง หากเลือกออกอย่างถูกต้องและพอดี ก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงไปพร้อม ๆ กับรูปร่างที่สวยงามมากขึ้น วันนี้ Chill on กินเที่ยว จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการออกกำลังกายประเภทนี้ให้ละเอียดมากขึ้น และไขข้อเข้าใจผิดที่หลายคนยังไม่รู้ให้ถูกต้องการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง คืออะไร ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คอนเทนต์หรือเทรนด์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและรูปร่างได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สังเกตง่าย ๆ ได้จากโซเชียลมีเดีย โดยหนึ่งในวิธีการออกกำลังกายที่ได้รับความสนใจจากทั้งผู้หญิงและผู้ชายทุกช่วงวัยก็คือ การเวทเทรนนิ่ง”หรือการฝึกกล้ามเนื้อด้วยแรงต้าน ซึ่งหลายคนอาจจะเคยได้ยินคำนี้อยู่บ่อย ๆ แต่ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเวทเทรนนิ่ง คือ อะไร และมีประโยชน์อย่างไรต่อร่างกาย เวทเทรนนิ่ง (Weight Training) คือ การออกกำลังกายที่เน้นการใช้น้ำหนัก ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักตัวหรืออุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เช่น ดัมเบล บาร์เบล หรือเครื่องออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มแรงต้านให้กล้ามเนื้อทำงานหนักขึ้น การออกแรงซ้ำ ๆ และสม่ำเสมอจะช่วยกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ รวมถึงกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากรูปร่างที่ดูดีขึ้นแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมอีกด้วยเวทเทรนนิ่ง ช่วยเรื่องอะไรบ้าง การออกกำลังกายเวทเทรนนิ่ง ไม่ได้มีข้อดีแค่การทำให้รูปร่างผอมเพรียวหรือทำให้เห็นกล้ามเนื้อได้ชัดเจนเพียงเท่านั้น แต่การเวทเทรนนิ่งยังมีประโยชน์อีกหลายประการ ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต เช่นเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ: เมื่อเราอายุมากขึ้น มวลกล้ามเนื้อจะค่อย ๆ ลดลง การทำเวทเทรนนิ่งเป็นประจำจะช่วยชะลอการสูญเสียกล้ามเนื้อ และยังสามารถเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ นอกจากนี้การไม่มีกล้ามเนื้อยังส่งผลเสียต่อความแข็งแรงของกระดูก เมื่อแก่ตัวขึ้นอาจทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงเท่าที่ควรกระตุ้นระบบเผาผลาญ: กล้ามเนื้อมีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญพลังงาน การมีกล้ามเนื้อที่มากขึ้นจะทำให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น แม้ในช่วงเวลาที่ไม่ได้ออกกำลังกายก็ตาม สำหรับใครที่มีปัญหาด้านการเผาผลาญหรือกินน้อยแต่ยังอ้วน สามารถเลือกใช้วิธีออกกำลังกายเวทเทรนนิ่งเพื่อเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก: การฝึกเวทเป็นประจำจะช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อกระดูก ลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน ควรฝึกการออกกำลังกายให้เป็นนิสัยตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อลดปัญหาสุขภาพเมื่ออายุมากขึ้นช่วยควบคุมน้ำหนัก: การเพิ่มมวลกล้ามเนื้อช่วยให้การควบคุมน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะระบบเผาผลาญทำงานดีขึ้น อีกทั้งยังทำให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้นลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง: เช่น โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ฯลฯเพิ่มความมั่นใจในรูปร่าง: เมื่อรูปร่างกระชับ ดูดีขึ้น ย่อมส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเองและภาพลักษณ์ในสังคมเวทเทรนนิ่งจำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสมอไปหรือไม่ คำถามยอดฮิตของคนที่เริ่มต้นออกกำลังกายแรก ๆ คือ การออกกำลังกายจำเป็นต้องมีอุปกรณ์หรือไม่, เวทเทรนนิ่งไม่มีอุปกรณ์สามารถทำได้ เพราะการออกกำลังกายเวทเทรนนิ่งไม่ได้หมายถึงการใช้อุปกรณ์เป็นตัวช่วยเสมอไป การออกกำลังกายเวทเทรนนิ่งไม่มีอุปกรณ์ เรียกกันว่า Bodyweight คือการเอาน้ำหนักตัวมาเป็นแรงต้าน ตัวอย่างของ Bodyweight เช่นSquat เพื่อฝึกต้นขาและก้นPush-up เพื่อฝึกกล้ามเนื้ออก แขน และไหล่Plank สำหรับเสริมความแข็งแรงของแกนกลางลำตัวLunges สำหรับเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของขาแนะนำตารางการออกกำลังกายให้ Balance ระหว่าง Cardio and Weight Trainingข้อควรระวังในการออกกำลังกาย แม้ว่าการเวทเทรนนิ่งจะมีประโยชน์มากมาย แต่หากทำผิดวิธี ก็อาจก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บหรือผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ จึงควรระมัดระวังดังนี้อย่าฝืนมากเกินไป: สำหรับผู้เริ่มต้นออกกำลังในช่วงแรก ควรเริ่มใช้ดัมเบลน้ำหนักเบา หรือเลือกจำนวนครั้งที่พอเหมาะแล้วค่อย ๆ ไต่ระดับเพิ่มขึ้นทีละน้อย อย่าหักโหมเพราะอาจทำให้กล้ามเนื้ออักเสบหรือเกิดการบาดเจ็บวอร์มอัพก่อนและหลังเสมอ: การอุ่นร่างกายช่วยให้กล้ามเนื้อและข้อต่อเตรียมพร้อม ลดโอกาสการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายศึกษาท่าทางที่ถูกต้อง: ท่าทางที่ผิดอาจทำให้เกิดแรงกดที่ไม่เหมาะสม เช่น อาการปวดหลังจากการ Squat ผิดวิธีฟังร่างกายตัวเอง: หากรู้สึกเจ็บ หรือไม่สบาย ควรหยุดทันที ไม่ควรอย่าฝืนออกกำลังกาย เพราะอาจทำให้ร่างกายบาดเจ็บเรื้อรังพักผ่อนและรับประทานอาหารให้เหมาะสม: ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะโปรตีน เนื่องจากกล้ามเนื้อต้องการโปรตีนและการพักผ่อนที่เพียงพอ เพื่อการฟื้นตัวและเจริญเติบโตสรุป เวทเทรนนิ่ง ไม่ใช่แค่การออกกำลังกายสำหรับนักเพาะกาย แต่เป็นหนึ่งในวิธีดูแลสุขภาพที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะต้องการรูปร่างที่ดี เสริมสร้างกล้ามเนื้อ หรือกระตุ้นระบบเผาผลาญ การออกกำลังกายเวทเทรนนิ่ง คือทางเลือกที่ตอบโจทย์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อผสมผสานกับคาร์ดิโออย่างสมดุล จะทำให้ร่างกายแข็งแรง ฟิต และดูดีจากภายในสู่ภายนอก ที่สำคัญคือ ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสมอไป ผู้เริ่มต้นสามารถเริ่มจากการเวทเทรนนิ่งไม่มีอุปกรณ์ได้เลย และเมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น ค่อยขยับไปใช้อุปกรณ์เพิ่มเติมตามความเหมาะสม การดูแลสุขภาพไม่ใช่เรื่องไกลตัว ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็สามารถมีสุขภาพดี และรูปร่างที่แข็งแรงได้ไม่ยากเลย ติดตามอ่านบทความดี ๆ เพิ่มเติมหรืออ่านบทความเกี่ยวกับการคาร์ดิโอได้ที่ Chill on กินเที่ยวจัดทำโดย : พิชชาภรณ์ ผาสุขดี

ดนตรีบำบัดความเครียด มหัศจรรย์ของเสียงเพลงสู่ร่างกาย

26 ก.พ. 2025

ดนตรีบำบัดความเครียด มหัศจรรย์ของเสียงเพลงสู่ร่างกาย

ดนตรีบำบัด คือ ศาสตร์การบำบัดที่มีประโยชน์ทั้งในด้านความเพลิดเพลิน การศึกษา และการบำบัด สำหรับผู้ป่วยที่มีความไม่สมดุลทางด้านอารมณ์ จนเกิดอุปสรรคในการใช้ชีวิตดนตรีบำบัดความเครียด, ดนตรีบำบัดจิตใจ คืออะไรดนตรีไม่ใช่แค่สิ่งที่ฟังเพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ดนตรีบำบัดเป็นศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับกันมากมายและมีการนำไปใช้ในทางการแพทย์อย่างแพร่หลาย ทั้งในด้านจิตเวช กายภาพบำบัด และสุขภาพจิตทั่วไป เนื่องจากมีความเชื่อกันว่าเสียงเพลงมีอิทธิพลต่ออารมณ์ ช่วยลดความเครียด กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และสร้างความสมดุลให้กับร่างกาย หากคุณเคยรู้สึกสงบเมื่อได้ยินเสียงเพลงที่ไพเราะ หรือสามารถหลับได้ง่ายขึ้นจากเสียงดนตรีเบา ๆ เช่น ทำนองกล่อมนอน หรือเสียงธรรมชาติ นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงพลังของดนตรีบำบัดจิตใจที่ส่งผลต่อร่างกายโดยตรง ซึ่งบทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า ดนตรีบำบัด คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และใครบ้างที่ควรเข้ารับการทำดนตรีบำบัด รวมถึงแนะนำวิธีการฟังเพลงเพื่อการผ่อนคลายอารมณ์และจิตใจที่คุณสามารถทำได้เองในชีวิตประจำวันดนตรีบำบัด (Music Therapy) เป็นศาสตร์ที่ใช้ดนตรีในการช่วยฟื้นฟูร่างกายและจิตใจให้กลับมาสู่สมดุล โดยมีนักดนตรีบำบัดที่ผ่านการฝึกอบรมเป็นผู้ให้คำแนะนำและออกแบบการบำบัดให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล การใช้เสียงเพลงและจังหวะสามารถกระตุ้นอารมณ์ ความคิด ความจำ และพฤติกรรมของผู้รับการบำบัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหลักการทำงานของดนตรีบำบัด มีดังนี้ส่งผลต่อสมอง - เสียงเพลงสามารถกระตุ้นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และความจำ เช่น ระบบลิมบิก (Limbic System) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์ ทำให้สามารถช่วยลดความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าได้กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท - ดนตรีสามารถช่วยกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้ร่างกายตอบสนองต่อเสียงเพลงโดยอัตโนมัติ เช่น ลดอัตราการเต้นของหัวใจหรือช่วยให้การหายใจเป็นจังหวะที่สม่ำเสมอมากขึ้นปรับอารมณ์และช่วยให้ผ่อนคลาย - เสียงเพลงที่มีทำนองช้าและนุ่มนวลสามารถลดระดับฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) และเพิ่มสารเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้รู้สึกมีความสุขผู้ที่ควรเข้ารับดนตรีบำบัด มีใครบ้าง?ดนตรีบำบัดไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตหรือร่างกายเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นอีกด้วย การบำบัดด้วยดนตรีสามารถช่วยให้บุคคลในกลุ่มต่าง ๆ มีอารมณ์ที่ดีขึ้น ลดภาวะเครียด และเพิ่มสมดุลให้กับจิตใจและร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้ที่ควรเข้ารับดนตรีบำบัดมีดังนี้ผู้ที่มีความเครียดและภาวะวิตกกังวลในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความกดดันจากการทำงาน ภาระครอบครัว และปัญหาส่วนตัว ความเครียดกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ดนตรีบำบัดความเครียด สามารถช่วยให้จิตใจสงบลง ลดความวิตกกังวล และทำให้ร่างกายผ่อนคลายมากขึ้น การฟังดนตรีที่มีจังหวะช้าและนุ่มนวล เช่น เพลงบรรเลงแนวคลาสสิกหรือเสียงธรรมชาติ สามารถลดระดับฮอร์โมนความเครียด (Cortisol)ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าและปัญหาสุขภาพจิตผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าหรือความผิดปกติทางอารมณ์มักมีระดับสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับความสุข เช่น โดพามีน (Dopamine) และเซโรโทนิน (Serotonin) ต่ำกว่าปกติ การบำบัดด้วยดนตรีสามารถช่วยเพิ่มระดับของสารเคมีเหล่านี้ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้น นอกจากนี้การฟังเพลงที่มีเนื้อหาสร้างแรงบันดาลใจ หรือเพลงที่ให้พลังบวก ยังช่วยปรับสภาพจิตใจให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม หรือโรคอัลไซเมอร์ดนตรีเป็นสิ่งที่สามารถกระตุ้นความทรงจำของมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์มักมีปัญหาเรื่องความจำและการรับรู้ การฟังเพลงที่คุ้นเคยจากอดีตสามารถช่วยกระตุ้นสมองให้จดจำเรื่องราวในอดีตได้ดีขึ้น ทำให้พวกเขามีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ง่ายขึ้น ลดอาการสับสน และช่วยให้มีอารมณ์ที่ดีขึ้นผู้ที่มีปัญหาด้านพัฒนาการ เช่น เด็กออทิสติก และเด็กที่มีภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้เด็กที่มีภาวะออทิสติก (Autism Spectrum Disorder) มักมีปัญหาด้านการสื่อสารและการแสดงออกทางอารมณ์ ดนตรีบำบัดสามารถช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารของเด็กเหล่านี้ได้ โดยการใช้จังหวะและเสียงเพลงเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงระหว่างอารมณ์และพฤติกรรมผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ หรือโรคทางระบบประสาทผู้ป่วยที่เผชิญกับโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ หรือโรคพาร์กินสัน มักมีภาวะเจ็บปวดเรื้อรังและความเครียดสูง ดนตรีบำบัดสามารถช่วยบรรเทาความเจ็บปวดทางร่างกายและช่วยให้จิตใจของผู้ป่วยสงบขึ้นได้ การศึกษาพบว่า การฟังเพลงสามารถช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดตามธรรมชาติผู้ที่ต้องการพัฒนาสมาธิ และความคิดสร้างสรรค์ดนตรีบำบัดไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยเสริมสร้างสมาธิและความคิดสร้างสรรค์ให้กับผู้ที่ต้องใช้ความคิดในงาน เช่น นักเรียน นักศึกษา นักเขียน ศิลปิน หรือผู้ที่ต้องทำงานที่ต้องใช้จินตนาการการฟังดนตรีคลาสสิกหรือดนตรีที่มีจังหวะสม่ำเสมอ สามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ทำให้สามารถคิดวิเคราะห์และสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ ได้ดีขึ้นผู้ที่มีปัญหาด้านการนอนหลับดนตรีสามารถช่วยให้ผู้ที่มีปัญหานอนไม่หลับ (Insomnia) รู้สึกผ่อนคลายและหลับได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการฟังเพลงที่มีจังหวะช้า เช่น เสียงบรรเลงเปียโน หรือเสียงธรรมชาติ เช่น เสียงฝนตก หรือเสียงคลื่นทะเล งานวิจัยพบว่า ดนตรีสามารถช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต ทำให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะผ่อนคลายและหลับได้สนิทขึ้น นอกจากนี้ ดนตรีบำบัดยังสามารถช่วยลดอาการฝันร้ายและภาวะตื่นกลางดึกได้อีกด้วยประโยชน์ของดนตรีบำบัดลดความเครียดและช่วยให้ผ่อนคลายในยุคที่เต็มไปด้วยความกดดันจากการทำงานและปัญหาส่วนตัว ดนตรีบำบัดความเครียด กลายเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เสียงเพลงสามารถช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด ทำให้ร่างกายและจิตใจเข้าสู่ภาวะผ่อนคลาย เพลงที่มีจังหวะช้า ทำนองนุ่มนวล เช่น ดนตรีบรรเลง เสียงธรรมชาติ หรือเพลงแนวอะคูสติก สามารถช่วยให้สมองปล่อยสารเซโรโทนิน (Serotonin) และเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) ที่ช่วยสร้างความสุขและความสงบทางอารมณ์ นอกจากนี้ การฟังเพลงยังสามารถลดอัตราการเต้นของหัวใจและทำให้ระบบหายใจเป็นจังหวะที่สม่ำเสมอ ซึ่งส่งผลให้ร่างกายลดอาการตื่นตัวและความกังวลปรับปรุงคุณภาพการนอนปัญหานอนไม่หลับ (Insomnia) เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะในผู้ที่มีความเครียดสะสม ดนตรีบำบัดสามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้โดยการทำให้สมองเข้าสู่สภาวะที่สงบลงและพร้อมสำหรับการพักผ่อน เสียงเพลงที่มีจังหวะช้า เช่น เพลงคลาสสิก เสียงบรรเลงเปียโน หรือเสียงธรรมชาติ อย่างเสียงฝนตกหรือเสียงลมพัด สามารถช่วยลดคลื่นสมองที่เกี่ยวข้องกับความตื่นตัว และกระตุ้นคลื่นสมองที่ส่งผลต่อการนอนหลับลึก ทำให้คุณสามารถหลับได้ง่ายขึ้นและตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกสดชื่นมากขึ้นเพิ่มสมาธิและความจำสมองของเราสามารถได้รับการกระตุ้นจากดนตรีได้อย่างมีประสิทธิภาพ การฟังดนตรีที่มีโครงสร้างซับซ้อน เช่น ดนตรีคลาสสิก หรือดนตรีที่มีจังหวะสม่ำเสมอ สามารถช่วยให้สมองจดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่ได้ดีขึ้น งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) ระบุว่า ดนตรีสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้และความจำ ส่งผลให้ผู้ที่ฟังดนตรีสามารถจดจำข้อมูลได้ดีขึ้นกระตุ้นอารมณ์และเสริมสร้างสุขภาพจิตดนตรีมีอิทธิพลต่ออารมณ์ของมนุษย์อย่างมาก เสียงเพลงที่มีจังหวะเร็วและมีเนื้อหาสดใสสามารถช่วยเพิ่มพลังงานและทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉง ในขณะที่ดนตรีที่มีจังหวะช้าและทำนองอ่อนโยนสามารถช่วยให้จิตใจสงบลง สำหรับผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าหรือความเครียดสะสมการฟังเพลงเพื่อการผ่อนคลายทั่วไปถึงแม้ว่าบทความนี้จะกล่าวถึงการใช้ดนตรีเพื่อเป็นการบำบัดร่างกายและจิตใจ แต่ในขณะเดียวกันการฟังเพลงทั่วไปนั้นก็สามารถช่วยในการผ่อนคลายจิตใจในวันที่เหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี เพราะเพลงเป็นดนตรีที่มีความหลากหลายทั้งในส่วนของรูปแบบและแนวเพลง แน่นอนว่าแต่ละคนมีความชื่นชอบที่แตกต่างกัน อีกทั้งการฟังเพลงหลายครั้งก็มักจะเลือกแนวเพลงให้เข้ากับสถานการณ์หรือกิจกรรมที่ทำ เช่น เปิดเพลงสบาย ๆ ในตอนทำงาน, เปิดเพลงมันส์ ปลุกใจ เร้าอารมณ์ สำหรับการออกกำลังกาย, เปิดเพลงที่มีทำนองช้า ๆ หรือซาวน์ธรรมชาติเพื่อกล่อมนอน สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาทางด้านอารมณ์หรือจิตใจ การฟังฟังเพลงผ่านวิทยุออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ Atimeดนตรีบำบัด เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการช่วยฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการลดความเครียด กระตุ้นความจำ หรือช่วยบรรเทาความเจ็บปวด ซึ่งการฟังเพลงไม่จำเป็นต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อการทำดนตรีบำบัดเพียงอย่างเดียว เพราะคุณยังสามารถฟังเพลงเพื่อเป็นการผ่อนคลายแบบง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ในชีวิตประจำวัน เพื่อความเพลิดเพลินระหว่างทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างสบายใจมากขึ้น หากคุณกำลังมองหาสถานีวิทยุที่มีเพลงไพเราะให้ฟังตลอดทั้งวัน ที่เว็บไซต์ Atime ของเรา เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการฟังวิทยุออนไลน์ทั้งสดและย้อนหลังจากคลื่นวิทยุชื่อดัง เช่น EFM, Green Wave และ Chill Online ให้คุณเพลิดเพลินกับเสียงเพลงที่ช่วยบำบัดจิตใจได้ทุกที่ทุกเวลา ที่สำคัญนอกจากจะมีดีเจเปิดเพลงให้ฟังแล้ว ภายในเว็บไซต์ยังมีคอนเทนต์น่าสนใจอื่น ๆ เช่น Club Friday, บทความรีวิวภาพยนตร์, พุธทอร์ค พุธโทร, รายการคุยข่าว, บทความเพื่อสุขภาพ และอีกมากมายให้เลิกรับชมตามความชอบ ไม่ว่าคุณจะต้องการผ่อนคลายหลังเลิกงาน หรือฟังเพลงก่อนนอนเพื่อให้จิตใจสงบ ดนตรีบำบัดความเครียด เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถช่วยให้คุณมีความสุขและใช้ชีวิตได้อย่างสมดุลมากขึ้น