Ashram Scent ธุรกิจออกแบบน้ำหอม เสน่ห์ของอาศรมแห่งกลิ่น

Beauty & Health

Ashram Scent ธุรกิจออกแบบน้ำหอม เสน่ห์ของอาศรมแห่งกลิ่น

25 ก.พ. 2025

“ในโลกนี้ที่กลิ่นหอมไม่ใช่แค่เครื่องหอมธรรมดา แต่ล้วนเป็นภาษาของอารมณ์ ความทรงจำ และตัวตน”

Ashram Scent เป็นร้านน้ำหอมแบรนด์ไทยและเป็นสถานที่ซึ่งศิลปะแห่งกลิ่น 

ที่ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างวิจิตร อาศรมแห่งนี้ไม่ใช่แค่เพียงร้านน้ำหอมแต่เป็นสตูดิโอแห่งการสร้างสรรค์ ที่ซึ่งศาสตร์และศิลป์ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อสะท้อนตัวตนของแต่ละบุคคล

จุดเริ่มต้นของอาศรมเซ้นท์แห่งนี้ เริ่มมาจากนักปรุงน้ำหอมอย่างคุณเฟิร์ส และ CEO อาศรมเซ้นท์ อย่างคุณแก้ว ที่จับมือกันสร้างธุรกิจที่เรียกว่า การรังสรรค์น้ำหอมเฉพาะบุคคล

คณเฟิร์สสนใจด้านน้ำหอม และได้ค้นพบว่าตัวเองมีความหลงใหลในศาสตร์แห่งกลิ่นอย่างลึกซึ้ง ซึ่งกลิ่นมันไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของ ‘หอมหรือไม่หอม’ อีกต่อไป แต่มันคือศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ความทรงจำ และจิตวิญญาณ

เมื่อความสนใจนี้เริ่มก่อตัวขึ้น คุณเฟิร์สจึงตัดสินใจศึกษาศาสตร์ของน้ำหอมอย่างจริงจัง ตั้งแต่โครงสร้างของกลิ่น วัตถุดิบที่ใช้ วิธีการสกัด จนไปถึงอิทธิพลของกลิ่นที่มีต่อความรู้สึกของมนุษย์ สิ่งที่เขาค้นพบคือกลิ่นไม่ได้เป็นแค่สิ่งที่รับรู้ผ่านจมูก แต่ยังสามารถกระตุ้นอารมณ์ และสร้างประสบการณ์ที่ทรงพลังให้กับผู้คนได้

จากจุดนี้เองที่คุณเฟิร์สรู้ตัวว่า ‘กลิ่น’ ไม่ใช่แค่ความชอบธรรมดา แต่มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของเขา และเขาต้องการแบ่งปันความพิเศษนี้ให้กับคนอื่น ๆ ด้วยการสร้างน้ำหอมที่มีเอกลักษณ์และสะท้อนตัวตนของผู้ใช้

เมื่อมีความชอบในเรื่องของกลิ่น คุณเฟิร์สจึงตัดสินใจเดินหน้าสร้างธุรกิจน้ำหอมของตัวเอง และได้ทุ่มเทเวลาไปกับการออกแบบและผลิตกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ แต่เมื่อธุรกิจเริ่มขยายตัว ก็พบว่าตัวเองไม่ถนัดเรื่องการบริหารเพราะชอบการสร้างสรรค์กลิ่นมากกว่าการดูแลระบบธุรกิจ เช่นนั้น คุณเฟิร์สจึงได้ชักชวน ‘คุณแก้ว’ และ ‘คุณเหวิน’ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ คุณแก้วเป็นนักบริหารที่มีความสามารถในการจัดการระบบธุรกิจและยังมีความหลงใหลในศาสตร์ของกลิ่นเช่นเดียวกัน ขณะที่คุณเหวินก็มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารทำให้ธุรกิจการรังสรรค์น้ำหอมเติบโตขึ้นมา 

และภายใต้บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอม Ashram Scent เชิญให้ทุกคนเข้ามาสัมผัสกับประสบการณ์สุดพิเศษ ผ่านการออกแบบกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผ่านผู้ปรุงกลิ่นน้ำหอม ไม่ว่าจะเป็นความหอมละมุนอ่อนหวาน เย้ายวนชวนหลงใหล หรือกลิ่นที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน กลิ่นทุกกลิ่นล้วนมีเรื่องราว ที่ถูกถ่ายทอดผ่านสัมผัสแห่งการดม

ที่ Ashram Scent เชื่อว่า “กลิ่น” เป็นส่วนหนึ่งของตัวตน เป็นลายเซ็นที่ไม่เหมือนใคร และยังเป็นเครื่องประดับที่สำคัญและยังสามารถสร้างการจดจำของคนได้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นการออกแบบกลิ่นน้ำหอมเฉพาะตัวมักจะคำนึงถึงความเป็นธรรมชาติ เจาะลึกถึงอารมณ์ ความรู้สึก ไลฟ์สไตล์ และความทรงจำของแต่ละบุคคล เพื่อที่จะสามารถทำการเลือกสรรและผสมผสานวัตถุดิบอย่างประณีตและเกิดเป็นกลิ่นหอมที่สะท้อนตัวตนของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ซึ่งขั้นตอนการสร้างสรรค์กลิ่นหอมของที่นี่เริ่มต้นจากการวิเคราะห์บุคลิกภาพและอารมณ์ของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นความร่าเริงสดใส ความสุขุม หรือแม้แต่ความรู้สึกโหยหาอดีต นักออกแบบจะนำข้อมูลเหล่านี้มาประกอบกับองค์ประกอบของน้ำหอม ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นของดอกไม้ เครื่องเทศ สมุนไพร หรือแม้แต่กลิ่นของธรรมชาติที่ช่วยสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละบุคคล รวมไปถึงมีการสำรวจทางกายภาพที่เช็คไปถึงรูขุมขน ว่าลักษณะรูขุมขนเปิดหรือปิด ผิวแห้งหรือมันช่วงไหนบ้าง และลักษณะของเหงื่อว่าเป็นอย่างไรด้วยเช่นกัน 

น้ำหอมจาก Ashram Scent ไม่ใช่เพียงผลิตภัณฑ์ แต่เป็นประสบการณ์ เป็นการเดินทางที่พาผู้ใช้ไปสำรวจอารมณ์ ความทรงจำ และตัวตน ผ่านมิติของกลิ่นหอม กลิ่นหนึ่งอาจพาผู้ใช้ย้อนกลับไปสู่วัยเด็ก หวนคิดถึงรักแรก หรือสะท้อนความสง่างามที่แฝงเร้นอยู่ภายในใจ

แต่ละกลิ่นที่ออกแบบขึ้นมาล้วนได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของลูกค้า บางคนอาจต้องการกลิ่นที่สื่อถึงการเดินทางในต่างแดน บางคนอาจต้องการกลิ่นที่แสดงถึงพลังของตนเอง หรือแม้แต่กลิ่นแปลก ๆ อย่างน้ำมันรถที่ลูกค้าอยากให้รังสรรค์ ไม่ว่าคุณจะต้องการให้กลิ่นสะท้อนความรู้สึกแบบใด Ashram Scent สามารถรังสรรค์ให้เป็นจริงได้

หากคุณกำลังมองหาน้ำหอมที่ไม่เพียงแต่หอม แต่สามารถบอกเล่าเรื่องราวของคุณได้ Ashram Scent พร้อมเปิดประตูสู่อาณาจักรแห่งกลิ่นที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อคุณโดยเฉพาะ ที่นี่จะช่วยคุณค้นหากลิ่นที่เป็นตัวคุณ… กลิ่นที่ไม่มีใครเหมือน และไม่มีใครแทนที่ได้

เพราะที่นี่ ทุกกลิ่นหอมล้วนเป็นเรื่องราว เป็นงานศิลปะที่ต้องการสื่อถึงอารมณ์และตัวตนของผู้ใช้ ทุกขวดที่ออกแบบขึ้นมาล้วนผ่านกระบวนการคิดและผสมผสานอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้มั่นใจว่ากลิ่นที่ได้จะเป็นตัวแทนของบุคลิกและอารมณ์ของแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง หากคุณพร้อมที่จะค้นพบกลิ่นที่เป็นตัวเองที่สุด Ashram Scent ยินดีต้อนรับคุณเข้าสู่โลกแห่งความหอมที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์และความหมายอันลึกซึ้ง

ร้าน อาศรมเซ้นท์ Ashram Scent 

  • พิกัด จตุจักร พลาซ่า ล็อค B165
  • โทรศัพท์ 064 224 4289 , 094 632 2616
  • Facebook : Ashram Scent 


 

ผู้เขียน วิภูษิตา ญาติจันทึก 


 

related Beauty & Health

ออกกำลังกายเวทเทรนนิ่ง เพิ่มกล้ามเนื้อ กระตุ้นระบบเผาผลาญ

02 ก.ย. 2025

ออกกำลังกายเวทเทรนนิ่ง เพิ่มกล้ามเนื้อ กระตุ้นระบบเผาผลาญ

หากพูดถึงการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง มีความเข้าใจผิดมากมายเกี่ยวกับการออกกำลังกายประเภทนี้ ด้วยคำนิยามที่เป็นการออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ แต่หลายคนมักจะพูดด้วยคำว่าออกกำลังกายเพิ่มกล้าม ทำให้ตัวใหญ่ ตัวบวม หรือกล้ามใหญ่ จนผู้หญิงหลายคนอาจกลัวการออกกำลังกายประเภทนี้ แต่ความจริงแล้วการออกกำลังการเวทเทรนนิ่ง หากเลือกออกอย่างถูกต้องและพอดี ก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงไปพร้อม ๆ กับรูปร่างที่สวยงามมากขึ้น วันนี้ Chill on กินเที่ยว จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการออกกำลังกายประเภทนี้ให้ละเอียดมากขึ้น และไขข้อเข้าใจผิดที่หลายคนยังไม่รู้ให้ถูกต้องการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง คืออะไร ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คอนเทนต์หรือเทรนด์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและรูปร่างได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สังเกตง่าย ๆ ได้จากโซเชียลมีเดีย โดยหนึ่งในวิธีการออกกำลังกายที่ได้รับความสนใจจากทั้งผู้หญิงและผู้ชายทุกช่วงวัยก็คือ การเวทเทรนนิ่ง”หรือการฝึกกล้ามเนื้อด้วยแรงต้าน ซึ่งหลายคนอาจจะเคยได้ยินคำนี้อยู่บ่อย ๆ แต่ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเวทเทรนนิ่ง คือ อะไร และมีประโยชน์อย่างไรต่อร่างกาย เวทเทรนนิ่ง (Weight Training) คือ การออกกำลังกายที่เน้นการใช้น้ำหนัก ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักตัวหรืออุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เช่น ดัมเบล บาร์เบล หรือเครื่องออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มแรงต้านให้กล้ามเนื้อทำงานหนักขึ้น การออกแรงซ้ำ ๆ และสม่ำเสมอจะช่วยกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ รวมถึงกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากรูปร่างที่ดูดีขึ้นแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมอีกด้วยเวทเทรนนิ่ง ช่วยเรื่องอะไรบ้าง การออกกำลังกายเวทเทรนนิ่ง ไม่ได้มีข้อดีแค่การทำให้รูปร่างผอมเพรียวหรือทำให้เห็นกล้ามเนื้อได้ชัดเจนเพียงเท่านั้น แต่การเวทเทรนนิ่งยังมีประโยชน์อีกหลายประการ ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต เช่นเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ: เมื่อเราอายุมากขึ้น มวลกล้ามเนื้อจะค่อย ๆ ลดลง การทำเวทเทรนนิ่งเป็นประจำจะช่วยชะลอการสูญเสียกล้ามเนื้อ และยังสามารถเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ นอกจากนี้การไม่มีกล้ามเนื้อยังส่งผลเสียต่อความแข็งแรงของกระดูก เมื่อแก่ตัวขึ้นอาจทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงเท่าที่ควรกระตุ้นระบบเผาผลาญ: กล้ามเนื้อมีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญพลังงาน การมีกล้ามเนื้อที่มากขึ้นจะทำให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น แม้ในช่วงเวลาที่ไม่ได้ออกกำลังกายก็ตาม สำหรับใครที่มีปัญหาด้านการเผาผลาญหรือกินน้อยแต่ยังอ้วน สามารถเลือกใช้วิธีออกกำลังกายเวทเทรนนิ่งเพื่อเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก: การฝึกเวทเป็นประจำจะช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อกระดูก ลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน ควรฝึกการออกกำลังกายให้เป็นนิสัยตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อลดปัญหาสุขภาพเมื่ออายุมากขึ้นช่วยควบคุมน้ำหนัก: การเพิ่มมวลกล้ามเนื้อช่วยให้การควบคุมน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะระบบเผาผลาญทำงานดีขึ้น อีกทั้งยังทำให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้นลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง: เช่น โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ฯลฯเพิ่มความมั่นใจในรูปร่าง: เมื่อรูปร่างกระชับ ดูดีขึ้น ย่อมส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเองและภาพลักษณ์ในสังคมเวทเทรนนิ่งจำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสมอไปหรือไม่ คำถามยอดฮิตของคนที่เริ่มต้นออกกำลังกายแรก ๆ คือ การออกกำลังกายจำเป็นต้องมีอุปกรณ์หรือไม่, เวทเทรนนิ่งไม่มีอุปกรณ์สามารถทำได้ เพราะการออกกำลังกายเวทเทรนนิ่งไม่ได้หมายถึงการใช้อุปกรณ์เป็นตัวช่วยเสมอไป การออกกำลังกายเวทเทรนนิ่งไม่มีอุปกรณ์ เรียกกันว่า Bodyweight คือการเอาน้ำหนักตัวมาเป็นแรงต้าน ตัวอย่างของ Bodyweight เช่นSquat เพื่อฝึกต้นขาและก้นPush-up เพื่อฝึกกล้ามเนื้ออก แขน และไหล่Plank สำหรับเสริมความแข็งแรงของแกนกลางลำตัวLunges สำหรับเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของขาแนะนำตารางการออกกำลังกายให้ Balance ระหว่าง Cardio and Weight Trainingข้อควรระวังในการออกกำลังกาย แม้ว่าการเวทเทรนนิ่งจะมีประโยชน์มากมาย แต่หากทำผิดวิธี ก็อาจก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บหรือผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ จึงควรระมัดระวังดังนี้อย่าฝืนมากเกินไป: สำหรับผู้เริ่มต้นออกกำลังในช่วงแรก ควรเริ่มใช้ดัมเบลน้ำหนักเบา หรือเลือกจำนวนครั้งที่พอเหมาะแล้วค่อย ๆ ไต่ระดับเพิ่มขึ้นทีละน้อย อย่าหักโหมเพราะอาจทำให้กล้ามเนื้ออักเสบหรือเกิดการบาดเจ็บวอร์มอัพก่อนและหลังเสมอ: การอุ่นร่างกายช่วยให้กล้ามเนื้อและข้อต่อเตรียมพร้อม ลดโอกาสการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายศึกษาท่าทางที่ถูกต้อง: ท่าทางที่ผิดอาจทำให้เกิดแรงกดที่ไม่เหมาะสม เช่น อาการปวดหลังจากการ Squat ผิดวิธีฟังร่างกายตัวเอง: หากรู้สึกเจ็บ หรือไม่สบาย ควรหยุดทันที ไม่ควรอย่าฝืนออกกำลังกาย เพราะอาจทำให้ร่างกายบาดเจ็บเรื้อรังพักผ่อนและรับประทานอาหารให้เหมาะสม: ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะโปรตีน เนื่องจากกล้ามเนื้อต้องการโปรตีนและการพักผ่อนที่เพียงพอ เพื่อการฟื้นตัวและเจริญเติบโตสรุป เวทเทรนนิ่ง ไม่ใช่แค่การออกกำลังกายสำหรับนักเพาะกาย แต่เป็นหนึ่งในวิธีดูแลสุขภาพที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะต้องการรูปร่างที่ดี เสริมสร้างกล้ามเนื้อ หรือกระตุ้นระบบเผาผลาญ การออกกำลังกายเวทเทรนนิ่ง คือทางเลือกที่ตอบโจทย์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อผสมผสานกับคาร์ดิโออย่างสมดุล จะทำให้ร่างกายแข็งแรง ฟิต และดูดีจากภายในสู่ภายนอก ที่สำคัญคือ ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสมอไป ผู้เริ่มต้นสามารถเริ่มจากการเวทเทรนนิ่งไม่มีอุปกรณ์ได้เลย และเมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น ค่อยขยับไปใช้อุปกรณ์เพิ่มเติมตามความเหมาะสม การดูแลสุขภาพไม่ใช่เรื่องไกลตัว ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็สามารถมีสุขภาพดี และรูปร่างที่แข็งแรงได้ไม่ยากเลย ติดตามอ่านบทความดี ๆ เพิ่มเติมหรืออ่านบทความเกี่ยวกับการคาร์ดิโอได้ที่ Chill on กินเที่ยวจัดทำโดย : พิชชาภรณ์ ผาสุขดี

เก้าอี้สุขภาพ (Ergonomic) อุปกรณ์เสริม สร้างการนั่งที่ดี

15 ก.ย. 2025

เก้าอี้สุขภาพ (Ergonomic) อุปกรณ์เสริม สร้างการนั่งที่ดี

Chill on กินเที่ยว วันนี้จะมาพูดถึงการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ที่ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของใครหลายคน แต่รู้หรือไม่ว่า พฤติกรรมดังกล่าวอาจเป็นต้นเหตุของ “อาการปวดหลัง” ที่สร้างความไม่สบาย และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อใช้อุปกรณ์ที่ไม่รองรับสรีระ เช่น เก้าอี้ทั่วไปที่ไม่ถูกออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ปัญหาสุขภาพจากการนั่งทำงานที่ไม่ถูกต้อง ในยุคที่การทำงานส่วนใหญ่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ การนั่งทำงานต่อเนื่องหลายชั่วโมงกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของชาวออฟฟิศจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานในสายไอที งานบัญชี งานเขียน หรืองานบริการลูกค้าทางโทรศัพท์ ถึงแม้ว่าการนั่งจะดูเหมือนไม่ใช่พฤติกรรมที่ส่งผลร้ายต่อร่างกาย แต่ในความเป็นจริง การนั่งที่ผิดท่าติดต่อกันเป็นระยะเวลานานสามารถก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพเรื้อรังโดยเฉพาะ อาการปวดหลัง ปวดคอ และปวดไหล่ จนนำไปสู่ภาวะที่เรียกว่า ออฟฟิศซินโดรม หากเราไม่ใส่ใจในท่านั่งหรือไม่ใช้เก้าอี้สุขภาพ ที่ออกแบบมาอย่างเหมาะสมกับสรีระร่างกาย อาการเหล่านี้อาจพัฒนาไปสู่โรคร้ายแรง เช่น หมอนรองกระดูกเสื่อม เส้นประสาทถูกกดทับ หรือกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรังได้ ดังนั้นการเลือกใช้อุปกรณ์สำนักงานที่ส่งเสริมการนั่งอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะเก้าอี้ Ergonomic หรือ เก้าอี้ทำงานสุขภาพ จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นมากกว่าทางเลือกออฟฟิศซินโดรม โรคยอดฮิต Office Syndrome หรือออฟฟิศซินโดรม คือกลุ่มอาการที่เกิดจากพฤติกรรมซ้ำ ๆ ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานโดยไม่มีการขยับเปลี่ยนอิริยาบถ ซึ่งสาเหตุหลักมักเกิดจากการนั่งในท่าที่ไม่ถูกต้อง หรือใช้อุปกรณ์สำนักงานที่ไม่รองรับสรีระของผู้ใช้งาน อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ปวดเมื่อยคอ บ่า ไหล่ และหลังปวดศีรษะจากความเครียดของกล้ามเนื้อชาปลายมือหรือแขนจากการกดทับเส้นประสาทการหายใจตื้นเนื่องจากกล้ามเนื้อทรวงอกเกร็ง การใช้เก้าอี้ทำงานเพื่อสุขภาพ จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่สามารถลดความเสี่ยงจากออฟฟิศซินโดรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะถูกออกแบบมาให้รองรับการนั่งที่ถูกต้องตามหลักสรีระศาสตร์ ช่วยกระจายน้ำหนัก ลดแรงกดทับ และปรับท่าทางให้นั่งได้ในระยะเวลานานอย่างปลอดภัยแนะนำเก้าอี้สุขภาพหรือ เก้าอี้ ergonomic สำหรับการนั่งทำงาน เก้าอี้สุขภาพหรือที่เรียกกันว่า เก้าอี้ Ergonomic เป็นเฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่ถูกออกแบบมาด้วยหลักการทางสรีรศาสตร์ (Ergonomics) มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนท่าทางการนั่งที่เหมาะสม ช่วยลดภาระของกระดูกสันหลัง และป้องกันการบาดเจ็บจากการนั่งนาน ๆ คุณสมบัติสำคัญของเก้าอี้ Ergonomic ที่ควรมองหาพนักพิงหลังที่รองรับกระดูกสันหลัง - ควรมีพนักพิงที่โค้งเว้าตามแนวกระดูกสันหลัง โดยเฉพาะช่วงเอว เพื่อช่วยพยุงหลังส่วนล่าง ลดอาการปวดหลังเบาะนั่งปรับระดับได้ - สามารถปรับความสูงของเบาะให้เหมาะสมกับโต๊ะทำงาน และความสูงของผู้ใช้งาน เพื่อให้เท้าสัมผัสพื้นได้อย่างเต็มที่พนักพิงศีรษะและที่รองแขน - ช่วยลดแรงตึงของกล้ามเนื้อบริเวณคอ ไหล่ และต้นแขน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องนั่งประชุมหรือพิมพ์งานต่อเนื่องวัสดุระบายอากาศ - เบาะและพนักพิงควรผลิตจากวัสดุที่มีความยืดหยุ่น และระบายอากาศได้ดี เพื่อลดการสะสมความร้อนล้อเลื่อนและระบบหมุนรอบตัว - เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนไหว ลดแรงบิดของร่างกายขณะเอื้อมของหรือหันซ้ายขวาข้อดีของเก้าอี้ทำงานเพื่อสุขภาพ การลงทุนในเก้าอี้ทำงานสุขภาพ ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของความสบาย แต่ยังเป็นการดูแลสุขภาพระยะยาวอย่างแท้จริง ซึ่งข้อดีหลักของเก้าอี้สุขภาพ มีดังนี้ลดอาการปวดเมื่อยและป้องกันออฟฟิศซินโดรม - เก้าอี้ Ergonomic ถูกออกแบบให้รองรับโครงสร้างร่างกายของมนุษย์อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะช่วงคอ บ่า ไหล่ และกระดูกสันหลัง ช่วยลดแรงกดทับจากการนั่งในท่าเดิมนาน ๆ ทำให้กล้ามเนื้อไม่เกร็งหรือเมื่อยล้าเกินไป จึงลดความเสี่ยงในการเกิดออฟฟิศซินโดรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นอาการยอดฮิตของคนที่ต้องนั่งทำงานตลอดวันเพิ่มสมาธิและประสิทธิภาพในการทำงาน - เมื่อร่างกายรู้สึกสบายและไม่ต้องเผชิญกับความปวดเมื่อย สมองก็สามารถจดจ่อกับงานตรงหน้าได้ดีขึ้น ความเหนื่อยล้าที่สะสมจากท่านั่งที่ไม่เหมาะสมจะถูกลดทอนลง ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการทำงาน ผู้ใช้งานจะมีสมาธินานขึ้น ทำงานได้ต่อเนื่อง และมีพลังงานเหลือเฟือในช่วงท้ายของวันปรับท่าทางการนั่งให้ถูกต้อง - หลายคนไม่รู้ว่าท่านั่งที่ผิดเพียงเล็กน้อย เช่น การนั่งหลังงอ การห่อตัว หรือการนั่งเอียงตัวซ้ำ ๆ เป็นระยะเวลานาน จะสะสมจนกลายเป็นพฤติกรรมที่ส่งผลเสียในระยะยาว เก้าอี้สุขภาพจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการบังคับทางอ้อมให้ผู้ใช้งานนั่งในท่าที่ถูกต้อง ลดการโค้งงอผิดธรรมชาติของหลัง และส่งเสริมโครงสร้างร่างกายที่สมดุลมากยิ่งขึ้นปรับระดับให้เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละคน - ไม่ว่าคุณจะเป็นคนรูปร่างเล็กหรือใหญ่เก้าอี้ทำงานสุขภาพก็สามารถปรับระดับความสูง ความลึกของเบาะ ที่วางแขน พนักพิงหลัง หรือแม้แต่พนักพิงศีรษะให้เหมาะสมกับสรีระเฉพาะบุคคลได้อย่างลงตัว ความยืดหยุ่นในการปรับใช้นี้ ทำให้เก้าอี้สามารถรองรับผู้ใช้งานทุกประเภท และช่วยให้การนั่งทำงานในแต่ละวันรู้สึกพอดีอย่างแท้จริงช้งานได้นาน คุ้มค่าการลงทุน - แม้ว่าเก้าอี้สุขภาพจะมีราคาสูงกว่าเก้าอี้สำนักงานทั่วไป แต่ด้วยวัสดุคุณภาพสูง ระบบการปรับที่ซับซ้อน และดีไซน์ที่ผ่านการวิจัยด้านสรีรศาสตร์มาอย่างดี ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าเก้าอี้ทั่วไปหลายเท่า อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาอาการปวดหลัง ค่ากายภาพบำบัด หรือค่าเวชภัณฑ์อื่น ๆ เมื่อนำมาคำนวณในระยะยาวแล้ว ถือว่าเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่เห็นผลจริงและคุ้มค่าที่สุดสรุป การดูแลสุขภาพจากการทำงาน ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การออกกำลังกายหรือพักผ่อนให้เพียงพอเท่านั้น แต่ “การนั่งให้ถูกวิธี” ก็เป็นพื้นฐานสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม การเลือกเก้าอี้สุขภาพ หรือ เก้าอี้ทำงานสุขภาพ ที่ดีสามารถช่วยป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรมและบรรเทาอาการปวดเมื่อยต่าง ๆ ได้อย่างเห็นผล อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตในการทำงานที่ยั่งยืน โดยสามารถเลือกซื้อเก้าอี้สุขภาพได้ตามโชว์รูม หรือร้านขายเฟอร์นิเจอร์ชั้นนำที่สนใจ ด้วยราคาของเก้าอี้เพื่อสุขภาพในยุคนี้ที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่าเดิม ทำให้ทุกคนสามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้อย่างง่ายดาย สำหรับใครที่อยากอ่านบทความไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมเกี่ยวกับการตกแต่งบ้าน การกินเที่ยว หรือรีวิวอุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถเข้ามาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ Chill on กินเที่ยว บนแพลตฟอร์มเว็บไซต์ Atime มีบทความหลากหลายให้คุณได้ติดตาม รับรองว่าได้ทั้งความรู้และความบันเทิงในเวลาเดียวกันจัดทำโดย : พิชชาภรณ์ ผาสุขดี

โนโรไวรัส (Norovirus) ตัวการท้องเสียระบาดในเจ้าตัวเล็ก

10 ม.ค. 2025

โนโรไวรัส (Norovirus) ตัวการท้องเสียระบาดในเจ้าตัวเล็ก

โนโรไวรัส (Norovirus) เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร ไวรัสชนิดนี้ระบาดได้ง่าย และรวดเร็วแม้ร่างกายได้รับเชื้อในปริมาณเพียงเล็กน้อย ที่สำคัญทนต่อความร้อน และน้ำยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้ดี ดังนั้นเมื่อเกิดการปนเปื้อนของโนโรไวรัสในอาหาร และน้ำดื่ม จึงทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียน และสามารถติดต่อกันได้ง่าย เนื่องจากใช้เวลาเพียงไม่นานในการแพร่กระจายเชื้อ ไวรัสนี้พบระบาดได้มากในฤดูหนาว ติดต่อได้ง่ายในสภาพอากาศเย็น และทำให้เกิดโรคทั้งในเด็กและผู้ใหญ่อาการที่พบบ่อยหากได้รับเชื้อโนโรไวรัสภายใน 24 – 48 ชั่วโมง ได้แก่ถ่ายเหลวเป็นน้ำปวดท้องคลื่นไส้อาเจียนปวดศีรษะไข้ต่ำปวดเมื่อยตามร่างกายอ่อนเพลียการตรวจและรักษาตรวจวินิจฉัยการติดเชื้อโนโรไวรัส ทำได้โดยการเก็บตัวอย่างอุจจาระเพื่อส่งตรวจพิเศษกับห้องปฏิบัติการ หากพบว่าติดเชื้อโนโรไวรัส แพทย์จะทำการดูแลรักษาตามอาการเป็นสำคัญ หากเด็กมีภูมิต้านทานที่ดีอาการจะดีขึ้นและหายได้เองภายใน 2 – 3 วันแต่หากเด็กเกิดการขาดน้ำอาจทดแทนด้วยการดื่มน้ำเกลือแร่หรือการให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด รับประทานอาหารอ่อน ๆ หรือให้ยาแก้อาเจียน และยาแก้ปวดท้อง แต่ถ้าเด็กภูมิต้านทานต่ำ มีอาการรุนแรงถึงขั้นถ่ายตลอดเวลาต้องนำส่งโรงพยาบาลทันทีและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะอาจเกิดการช็อก ความดันต่ำ และเสียชีวิตได้การติดต่อของโรครับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อโนโรไวรัส พบบ่อยในน้ำดื่ม น้ำแข็ง ผักผลไม้สด หอยนางรม เป็นต้นเด็กจับหรือสัมผัสกับสิ่งของที่มีเชื้อโนโรไวรัสแล้วเอานิ้วเข้าปากสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรงป้องกันระวังติดเชื้อก่อนทานหรือหยิบจับอาหารและหลังเข้าห้องน้ำต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งการล้างมือให้สะอาดต้องล้างด้วยน้ำสบู่ โดยให้น้ำไหลผ่านไม่ต่ำกว่า 15 วินาทีดื่มน้ำที่สะอาด เลือกรับประทานอาหารที่สุก สะอาด สดใหม่เลี่ยงการหยิบจับหรือทำอาหารให้ผู้อื่นใช้ช้อนกลางหากต้องรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่นเพราะเชื้อโนโรไวรัสสามารถติดต่อได้ง่าย และปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน รวมถึงยังไม่มียาที่กำจัดเชื้อไวรัสชนิดนี้โดยเฉพาะ จึงควรดูแลเจ้าตัวเล็กอย่างใกล้ชิดในเรื่องของการรับประทานอาหาร และน้ำดื่มที่สะอาด ที่สำคัญล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง คือสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ห่างไกลจากเชื้อโนโรไวรัสขอขอบคุณข้อมูลจาก Bangkok Hospital โรงพยาบาลกรุงเทพ

อาการสมองเมา หลังเกิดแผ่นดินไหว

01 เม.ย. 2025

อาการสมองเมา หลังเกิดแผ่นดินไหว

โรคสมองเมาหลังแผ่นดินไหว หรืออาการสมองเมาที่เกิดหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว อาจเกิดจากผลกระทบทางจิตใจและร่างกายจากสถานการณ์ที่ตึงเครียดและท้าทายแบบฉับพลัน เช่น แผ่นดินไหวที่ทำให้เกิดความวิตกกังวล ความกลัว และความเครียดสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมอง ทำให้เกิดอาการสมองเมาความเครียดและความวิตกกังวล หลังจากแผ่นดินไหว คนจำนวนมากอาจรู้สึกเครียดและวิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัว สถานการณ์เช่นนี้อาจทำให้สมองรู้สึกเหมือนถูกคลุมเครือ หรือไม่สามารถคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพการนอนหลับไม่เพียงพอ ความเครียดและความวิตกกังวลอาจทำให้คนนอนไม่หลับ หรือมีการนอนหลับที่ไม่ลึก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสมองและทำให้เกิดอาการสมองเมาผลกระทบทางจิตใจ จากเหตุการณ์ที่กระทบใหญ่ การเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น แผ่นดินไหว สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการทางจิตใจที่คล้ายกับอาการ PTSD (โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ) ซึ่งอาจรวมถึงอาการสมองเมา, ความจำแย่ลง, และรู้สึกเหนื่อยล้าการขาดสารอาหาร หรือการดูแลตัวเอง หลังจากแผ่นดินไหว อาจมีการขาดแคลนอาหาร น้ำ และการดูแลสุขภาพที่เพียงพอ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพทั่วไปและการทำงานของสมองขอบคุณข้อมูลจาก www.bangkokinternationalhospital.com