Talk with "BUS5" กับซิงเกิลใหม่ "แค่ไหนแค่นั้น (NO MATTER WHAT)"

Interview

Talk with "BUS5" กับซิงเกิลใหม่ "แค่ไหนแค่นั้น (NO MATTER WHAT)"

"BUS5" ฮาร์ท, จั๋งธีร์, ภูธัชชัย, จินวุค และมาร์คคริส ยูนิตย่อยแรกจาก "BUS because of you i shine" บอยกรุ๊ปสุดฮอตแห่ง SONRAY MUSIC ได้ปล่อยเพลงช้าเพลงแรกของวง "แค่ไหนแค่นั้น (NO MATTER WHAT)" เล่าเรื่องราวแทนใจคนที่ติดอยู่ใน Friend Zone พร้อมทั้งได้ เลอทัศน์ เกตุสุข (TiTO) หรือที่เรารู้จักกันในนาม โต วง Mirrr มานั่งแท่นโปรดิวเซอร์ เราจึงได้ชวน จินวุค, มาร์คคริส และภูธัชชัย มาพูดคุยถึงเบื้องหลังการทำงานในซิงเกิลนี้กัน

เพลงใหม่จาก BUS5 "แค่ไหนแค่นั้น (NO MATTER WHAT)" มาในคอนเซ็ปต์อะไร

จินวุค – “เป็นเพลงช้าที่เป็นเพลงอกหัก แล้วก็จะมีกลิ่นอายของยุค 90 เข้าไปด้วยครับ”

กว่าจะออกมาเป็นเพลงนี้ เตรียมตัวกันนานไหม

จินวุค – “จริง ๆ ก็ใช้เวลาสักพักเลยครับ ตั้งแต่คุยกับโปรดิวเซอร์ กว่าจะได้เพลงไฟนอลมา เพราะพี่เขาให้เราได้มีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มทำเพลงเลย อย่างจั๋งเองก็ได้มีส่วนในการแต่งแรปด้วย แล้วตอนไปถ่าย MV ต้องมีการเต้นใช่มั้ยครับ เราก็มีไปซ้อมกับครู 4 รอบ แล้วมาฝึกกันเองต่อ ก่อนจะไปถ่าย MV ครับ”

มีเทคนิคการร้องอะไรใหม่ ๆ ที่เอามาใช้กับเพลงนี้บ้าง

มาร์คคริส – “จริง ๆ ก็คล้าย ๆ เดิม แต่ว่าจะมีดีเทลมากขึ้นครับ อาจจะมีลูกเล่นมากขึ้น อาจจะมีช่วงที่สวิตช์ช่อง”

จินวุค - “ท่อนพี่มาร์คนี่ท่อนเดียว 3 ช่อง”

เพลงนี้ได้ “โต วง Mirrr” มาทำเพลงให้ด้วย การทำงานกับพี่โตเป็นยังไงบ้าง

มาร์คคริส - “ทำงานเหมือนพี่ชายคุยกับน้องชายเลยครับ เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน รู้สึกซิงก์กันตั้งแต่วันแรก รู้สึกว่าเขาเป็นกันเอง เขาทรีตเราเหมือนน้องชายด้วย เป็นน้องชายที่ทำงานด้วยกัน”

BUS5 มีส่วนร่วมในเพลงนี้มากน้อยแค่ไหน ได้มีการใส่ไอเดียอะไรเพิ่มเติมเข้าไปบ้างไหม

มาร์คคริส - “จริง ๆ เราได้เสนอไอเดียไปตั้งแต่ดราฟแรกเลย ว่าอยากให้เพลงมันออกมายังไง อยากได้แนวไหน อยากเล่าเรื่องราวแค่ไหน ที่จริงเหมือนเราสื่อสารกันตลอดการทำงานอยู่แล้ว มันก็เลยออกมาเป็นผลลัพธ์ที่ดี แล้วพี่โตก็เข้ามาเช็คตลอดด้วยครับ เขาอยากให้มันเป็นเพลงที่เราชอบจริง ๆ เขาก็เลยเข้ามาคุยกับเราตลอดว่าตรงนี้เป็นยังไงบ้าง เนื้อแบบนี้โอเคมั้ย จนกระทั่งไฟนอลแล้ว เขายังมาถามเลยว่ายังมีตรงไหนที่ฟังดูแล้วไม่ค่อยเป็นน้องหรือเปล่า”

แต่ละคนเคยมีความรู้สึก “แค่ไหนแค่นั้น” กับเรื่องอะไรในชีวิตบ้าง

จินวุค - “สมมุติว่ากินบุฟเฟ่ต์อะครับ แล้วจริง ๆ อยากกินอีก แต่ว่ามันอิ่มแล้ว ก็กินแค่ไหนแค่นั้นครับ”

มาร์คคริส – “ล่าสุดเมื่อวานผมไปสอบมา สอบแบบสิบกว่าหน้าอะครับ ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ก็เลยแค่ไหนแค่นั้น แต่ผมคิดว่าผมน่าจะผ่านอยู่ครับ”

ภูธัชชัย – “อย่างผมก็คล้าย ๆ กันครับ เวลามีสอบ บางทีอ่านหนังสือจนจะเช้าแล้ว เราก็เลยบอกตัวเองว่า แค่ไหนแค่นั้นแล้วกัน ตื่นมาค่อยว่ากัน”

เพลงนี้เป็นเพลงช้า อกหัก แต่ว่าเต้นทั้งเพลงเลย การเต้นเป็นอุปสรรคในการสื่อสารอารมณ์เพลงไหม

มาร์คคริส – “รู้สึกว่าไม่นะครับ”

ภูธัชชัย – “ท่าเต้นที่ทำออกมา ก็ดีไซน์ให้สอดคล้องกับอารมณ์ที่เราต้องการสื่อสาร ตอนแรกก็แอบคิดว่าถ้าเราเต้นเก็บทุกบีทขนาดนี้ เราจะได้สื่อสารอารมณ์กับคนดูมั้ย แต่พอเอามาเพอร์ฟอร์มจริง ๆ รู้สึกว่าท่าเต้นมันส่งเสริมให้เราสื่อสารอารมณ์เพลงนี้ออกมาได้ดีขึ้นครับ”

มาร์คคริส - “พอเรามาเป็นไอดอล เรารู้สึกว่าการร้องกับเต้นสำคัญมาก แล้วการทั้งร้องทั้งเต้น ทำทั้งคู่ให้ช่วยสื่อสารอารมณ์ออกมา เป็นสิ่งที่เราต้องทำให้ได้อะครับ”

รู้สึกว่าการเต้นยากไหม

มาร์คคริส - “ถ้าร้องอย่างเดียวไม่ยาก เต้นอย่างเดียวก็ไม่ยาก แต่ทั้งร้องทั้งเต้นด้วย อาจจะมีจังหวะที่ยากนิดนึง แล้วถ้าเต้นแรง ๆ เต้นเยอะ ๆ ก็อาจจะมีเหนื่อยบ้าง แต่มันขึ้นอยู่กับเราเอง ว่าเราต้องแข็งแรงกว่านี้ ต้องซ้อมเยอะขึ้น เรายังมีหลาย ๆ อย่างที่ต้องพัฒนา เราเจอปัญหามาตลอด เราก็เรียนรู้ไปกับมัน”

MV นี้ ได้ร่วมงานกับ พี่โอ๋ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ผู้กำกับ หนังจากค่าย GDH เรื่อง Homestay, ชาร์เลท วาศิตา แฮเมเนา นางเอก MV และ extra อีก 30 กว่าคน เป็นยังไงบ้าง เล่าบรรยากาศให้ฟังหน่อย

มาร์คคริส - “รู้สึกว่าบรรยากาศไม่เหมือนกับ MV ที่ผ่าน ๆ มา เพราะ MV ที่ผ่าน ๆ มาจะเน้นเต้น เน้นเพอร์ฟอร์ม แต่ MV นี้ จะเน้นที่การเล่าเรื่อง การทำงานกับทั้งพี่โอ๋ทั้งชาร์เลทเลย รู้สึกว่าเขามีความโปรเฟสชันนอลมาก ๆ เราทั้ง 5 คน ยังไม่เคยเวิร์คในฟีลนี้เลย ไม่เคยเวิร์คในฟีลการแสดงเท่าไหร่ แล้วพอได้มาทำครั้งแรก เรารู้สึกว่าเราเลือกถูกคน เรามีคนไกด์เราที่ดี เรามีตัวอย่างที่ดี เราอยู่ในบรรยากาศที่ดี ที่มันพาเราไปในจุดจุดนั้น อย่างเช่นตอนผมแสดง ผมรู้สึกว่ามันยากสำหรับผมมาก แต่ว่าการที่มีชาร์เลทที่เขาเก่งอยู่แล้ว มีพี่โอ๋ที่รู้ว่าต้องบิ๊วเรายังไง มีภาพในหัวของเขาว่าอยากให้ภาพออกมายังไง เหมือนทุกอย่างตรงนั้นมันพาให้ไปถึงจุดที่ดีครับ ถึงจุดที่เราสามารถทำในสิ่งนั้นให้สำเร็จได้”

ทำงานแบบแบ่งยูนิตย่อย 5 คน กับทั้งวง 12 คน ให้ความรู้สึกต่างกันไหม

ภูธัชชัย – “ ต่างกันเยอะเหมือนกันครับ เพราะว่าตั้งแต่เดบิวต์มา เราก็อยู่ด้วยกันตลอด พอมีวันนึงที่เราต้องแยกยูนิต ก็รู้สึกว่าบางทีบรรยากาศในห้องซ้อมมันก็เงียบเหงาลงไปบ้าง เหมือนห้องมันใหญ่ขึ้นครับ รู้สึกว่าตอนอยู่กับเพื่อนครบ 12 คน มันมีความวุ่นวายที่มันดูน่ารัก มันร่าเริง แต่พอมาเหลือ 5 คน มันก็ยังมีความสดใสอยู่ แต่ว่าแค่บางทีก็คิดถึงเพื่อนเหมือนกันครับ”

รู้สึกกดดันมากขึ้นไหม

ภูธัชชัย -  “ก็กดดันมากขึ้นเหมือนกันครับ เพราะว่าจากภาพ 12 คน มาเป็น 5 คน เราก็ต้องพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นด้วย เพราะจำนวนมันน้อยลง มีอะไรให้เจาะจงเรามากขึ้น เราก็เลยต้องมาพัฒนาทุกด้านให้มันดีขึ้น”

มาร์คคริส  -  “พอตอน 12 คน เหนื่อยก็ยังมีกัน คือ 5 ก็ยังมีกันเหมือนกัน แต่ว่าเราจะหันมามองหน้ากัน แล้วแบบ ทำยังไงดีเนี่ย รู้สึกว่าตอน 12 คนมันวุ่นวายมาก แต่เป็นความวุ่นวายที่น่ารักครับ ส่งเอเนอร์จี้ให้กันตลอด แต่ตอนนี้ก็ยังส่งเอเนอร์จี้ให้กันอยู่ แต่ 5 คน มันก็น้อยกว่า 12 คนอะครับ”

มีอะไรอยากพูดถึง BEUS ไหม

จินวุค – “ก็อยากให้เพลงแค่ไหนแค่นั้น (No Matter What) โดนใจ BEUS และทุก ๆ คนที่อยู่ในความสัมพันธ์ที่เขาให้เราเป็นได้แค่ไหน เราก็ยอมเป็นแค่นั้น หวังว่า BEUS ฟังเพลงนี้แล้วจะรู้สึกอินไปกับพวกเราครับ”

มาร์คคริส – “หวังว่าจะชอบซิงเกิลที่ 3 ของเราครับ พวกเราตั้งใจทำกันมาก ก็อยากให้ทุก ๆ คนชอบกัน แล้วก็ฝาก BUS7 ด้วย เพลงจะปล่อยวันที่ 5 เดือน 6 ครับ”

ภูธัชชัย – “ฝาก BUS ทั้ง 12 คนด้วยนะครับ พวกเราจะพัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อย ๆ ให้ทุกคนภูมิใจในตัวพวกเรา รักนะBEUS”

you may also like

album

0
0.8
1