Interview

Interview

Talk with BUS กับเพลง “สุขสันต์วันคิดถึง (Happily Missing You)”

30 ธ.ค. 2024

Talk with BUS กับเพลง “สุขสันต์วันคิดถึง (Happily Missing You)”

BUS because of you i shine มาพร้อมซิงเกิลใหม่ส่งท้ายปี “สุขสันต์วันคิดถึง (Happily Missing You)” ที่เป็นสื่ออารมณ์แทนความรู้สึกอบอุ่นของหนุ่ม ๆ BUS ไปหาทุกคน เราเลยถือโอกาสชวนทั้ง 6 หนุ่ม ขุนพล, เอเอ, เน็กซ์, ฮาร์ท, คอปเปอร์ และจินวุค ตัวแทนจาก BUS มาร่วมแชร์เรื่องราวความคิดถึงในเพลงนี้กันกลับมาอีกครั้งกับเพลงใหม่ “สุขสันต์วันคิดถึง (Happily Missing You)” เพลงนี้มีที่มาที่ไปยังไง คอนเซปต์เพลงเป็นยังไงขุนพล - “เริ่มมาจากการที่เราอยากทำเพลงฟีลครบรอบ ฟีล festive อะไรงี้ anniversary นั่นแหละ แบบว่าครบรอบ 1 ปีละที่เราได้เป็นศิลปิน เล่าเรื่องราวว่า 1 ปีที่ผ่านมา เราได้ผ่านอะไรมาบ้าง ถ้าสมมุติให้ relate กับเพลง festive อื่น ก็อย่างเช่น เพลงคริสต์มาสทั่วไป Last Christmas หรืออย่าง EXO ก็จะเป็น First Snow ฟีลนี้ เราก็อยากมีความคล้าย ๆ แบบนี้”เพลงนี้ได้พี่พัดและพี่ปาล์ม วง MEAN มาทำเพลงให้ การทำงานกับพี่ ๆ เป็นยังไงบ้างเอเอ - “ครับ ก็เอาจริงพี่เขาเท่มาก ๆ เลย พวกเราเจอพี่เขาตั้งแต่วันแรกก็รู้สึกว่าพี่เขาเป็นคนเก่งมาก แล้วตอนที่พี่เขามาไกด์การร้องให้พวกเรา เขาก็ไกด์ได้ดีมาก รู้สึกว่าทุกอย่างที่เขาไกด์ทำให้ final product ของเพลงนี้มันดีขึ้น กลายเป็นเพลงที่สมบูรณ์ แล้วเป็นเพลงที่เพราะมากครับ ก็ขอบคุณพี่ปาล์มกับพี่พัดครับ”คอปเปอร์ - “รู้สึกว่าพี่ ๆ เขามีคำในหัวเยอะครับ คำที่แบบเราจะนึกไม่ถึง เช่นคำว่า ‘สุขสันต์วันคิดถึง’ นี่แหละครับ ปกติคนเราก็น่าจะใช้เป็นสุขสันต์วันเกิด แต่พี่เขาคิดคำว่า สุขสันต์วันคิดถึง มาได้ รู้สึกว่าทำให้ความคิดถึงมันสำคัญมากขึ้นไปอีก”แล้วเราได้มีเสนอไอเดียอะไรเพิ่มเติมบ้างไหมจินวุค - “ก็จริง ๆ ตั้งแต่เขาแต่งเพลงมา เราก็ไม่ได้ add in อะไรขนาดนั้น เพราะว่าสิ่งที่เขาแต่งมาดีแล้ว แต่ว่าก่อนที่เขาจะเริ่มแต่ง เราได้มีการเสนอแนวที่เราอยากได้ sound ที่เราอยากได้ อย่างเช่น vibe ของเพลงที่เราอยากได้ครับ เหมือนเราบอกว่าเราอยากให้มีความ festive ตอนเขาแต่งมาให้ มันก็จะมีพวกเสียง jingle เล็ก ๆ น้อย ๆ ข้างหลัง ตอนที่เราได้เจอกันครั้งแรก เราก็ได้บอกอารมณ์ของเพลงที่เราอยากได้ครับ”เน็กซ์ - “ด้วยความที่ตอนแรกมีธีมเป็นฟีลคริสต์มาสใช่มั้ยครับ ก็เลยได้มีการพูดคุยกันว่า พูดถึงคริสต์มาสเนี่ย พวกผมทั้ง 12 คนนึกถึงอะไร เราก็ได้มีการแชร์ประสบการณ์นู่นนี่นั่นอะไร เราเป็นยังไงบ้าง ก็มีการเช็ค range นู่นนี่นั่น”ในพาร์ทของ MV เรื่องราวและคอนเซปต์เป็นยังไงฮาร์ท - “MV นี้ก็เป็นฟีลเหมือนแบบกลับบ้านแล้วมาเจอกัน แล้วก็มี vibe แบบเฉลิมฉลอง celebrate กลับมาเจอกันในรอบปี เหมือนทุก ๆ ปีก็จะกลับมาเจอกัน แล้ว mood ของ MV ก็จะเป็นแบบอบอุ่น ๆ อะไรงี้”บรรยากาศในการถ่ายทำ MV เป็นยังไงบ้าง มีเรื่องสนุก ๆ หรือเรื่องประทับใจที่อยากแชร์ให้ฟังบ้างไหมฮาร์ท - “ก็สนุกนะครับ”จินวุค - “อบอุ่นจริง”เน็กซ์ - “มันเป็น MV แรกที่พวกเราถ่ายแล้วไม่ได้มีการเต้น มันก็เลยอาจจะสบายกว่า MV อื่นหน่อย มันก็จะมีบางซีนที่ถ่ายค่อนข้างยาก อย่างเช่นซีนแรกเลย ตอนที่เห็นพวกผมทั้ง 12 คนยืนอยู่ตรงดาดฟ้า แล้ว block shot ตอนนั้นคือมันยากมาก เพราะกล้องมันอยู่ข้างหน้า แล้วการที่จะถ่ายเสยขึ้นมาเก็บทั้ง 12 คน ตอนนั้นจัดมุมอยู่นานมาก”ขุนพล - “มีน้องหมาด้วย น้องหมาเขาชื่อดูปองท์ฮะ ผมชื่อปองพล ดูปองท์-ปองพล ผมรู้สึกสนิทกับหมาครับ แล้วก็ความจริงในกอง ผมได้ลองอาหารหมาด้วยฮะ”เน็กซ์ - “คือเราต้องเอาอาหารหมามาล่อน้องให้เข้าซีน”ขุนพล - “ใช่ แล้วผมก็เลยอยากลอง ผมอยากรู้ว่าทำไมหมาถึงชอบสิ่งนี้ ก็เลยลองดู”เน็กซ์ - “เอาจริงมันก็หอมนะ”Happy BUSDAY The 1st Year DIARY CONCERT คอนเสิร์ตครบรอบ 1 ปี ที่เพิ่งจบไป เป็นยังไงบ้าง เห็นว่ามีเรื่องเซอร์ไพรส์เยอะมาก ๆ เลย อยากให้เล่าความรู้สึก และความประทับใจให้ฟังหน่อยเอเอ - “เรียกว่าเป็นคอน 1 ปีที่แบบว่า มีหลายเหตุการณ์มาก มีทั้งเซอร์ไพรส์ของพี่อลัน เซอร์ไพรส์จากครอบครัว แล้วก็เซอร์ไพรส์จากแฟนคลับที่ทำคลิป แล้วก็เอาเค้กกับ เขาเรียกว่าอะไร mini figure (ขุนพล: กล่องจุ่ม art toy) ใช่ ๆ ทำ art toy มาให้พวกเรา เอาจริงเป็นคอนที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายครับ ทั้งมีโมเมนต์ที่มีความสุขมาก แล้วก็มีโมเมนต์ที่รู้สึกเศร้าหรือว่าซึ้งอะไรงี้บ้าง”เน็กซ์ - “โดยรวมคอนมันมีความอบอุ่นเป็นแกนหลัก”มีโมเมนต์ไหนที่เราประทับใจเป็นพิเศษไหม เป็นโมเมนต์ที่จำได้ไม่ลืมเลยเน็กซ์ - “ผมชอบโมเมนต์ตอนที่พวกผมได้เดินลงไปหาแฟนคลับตอนเพลง Proud เพราะว่าไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อน ในการเดินลงจากเวที ไปเดินอยู่กับแฟนคลับ เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกว่าได้ใกล้ชิดกับแฟนคลับทุกคนมากๆ ก็รู้สึกประทับใจ”จินวุค - “ก็จริงๆตอนที่พี่อลันได้เซอร์ไพรส์พวกเรา ก็เป็นหนึ่งโมเมนต์ที่ค่อนข้างน่าตกใจเหมือนกัน เพราะมันอยู่นอกสคริปต์ที่เราเตรียมไว้ แล้วก็เหนือความคาดหมายครับ ตอนแรกผมก็มีความรู้สึกงง ๆ คือตอนแรกรู้สึกตกใจ แล้วก็งงว่าอันนี้คืออะไร แต่พอพี่อลันเริ่มร้องเพลง พอได้ฟังสิ่งที่เขาร้องออกมาก็รู้สึกซึ้ง รู้สึกว่าเขาจะปกป้องเรา เขาจะอยู่กับเราตลอด มันเหมือนแบบเมื่อกี้ยังรู้สึกงงอยู่เลย แต่ตอนนี้จะร้องไห้แล้ว เป็นโมเมนต์ที่ประทับใจครับ มองไปที่พี่อลันแล้วรู้สึกดูแข็งแรงและพึ่งพาได้ตลอด”เพลงนี้ชื่อว่า “สุขสันต์วันคิดถึง” แล้วถ้า BUS คิดถึงคนที่เรารัก แต่ละคนจะทำยังไงให้หายคิดถึงขุนพล - “ผมอยากกอด รู้สึกว่าชอบกอด รู้สึกว่าถ้าเราได้กอดคนที่คิดถึง มันจะเหมือนได้ชาร์จแบต”เอเอ - “ครับก็ ถ้ารู้สึกเหงาก็ฟังเพลงที่ทำให้รู้สึกว่าจะเหงาน้อยลง เช่น ‘สุขสันต์วันคิดถึง’ ฟังได้ที่ YouTube: TADA LABELS นะครับ ดู MV ด้วยนะครับ”เน็กซ์ - “ผมก็คล้าย ๆ พี่ขุนครับ คิดถึงใครก็แค่ไปเจอเขา”จินวุค - “ของผมคือ สมมุติเราคิดถึงใคร เราก็แค่ให้เขารู้ไว้ว่าเราจะอยู่กับเขาตลอด ให้เขารู้สึกว่าวันนึงก็จะได้เจอกัน ผมว่าความคิดถึงเป็นความรู้สึกที่ดี ก็ปล่อยให้มีความคิดถึงไว้ก็ได้”คอปเปอร์ - “ครับก็สำหรับผมนะครับ ถ้าคิดถึงก็ชวนไปกินข้าวครับ (จินวุค: กินตลอดเลยคนนี้)”ฮาร์ท - “ของฮาร์ทคือถ้าคิดถึงก็ไปเจอเหมือนกันครับ คือทำอะไรก็ได้ครับ ขอแค่ได้ไปเจอ คงไม่มีอะไรดีไปกว่าได้ไปเจอคนที่เราคิดถึง จะทำอะไรก็ได้ กินข้าว เล่นเกม เล่นกีฬา ได้หมดเลยครับ”เดบิวต์มา 1 ปีแล้ว อยากให้แต่ละคนบอก 1 สิ่งที่คิดว่า ถ้าไม่ได้มาเป็น BUS คงจะไม่ได้ทำคอปเปอร์ - “ดำน้ำครับ ถ้าไม่ได้มาเป็น BUS ก็คงไม่น่าได้ดำน้ำครับ เพราะมันต้องมีเรียนนู่นนี่นั่นไงกว่าจะได้ไปดำ ก็คิดว่าถ้าไม่ได้มาเป็น BUS ก็ไม่รู้ว่าต้องไปทำยังไงถึงจะได้ดำน้ำครับ”จินวุค - “รู้สึกว่า จริง ๆ ถ้าไม่ได้มาเป็น BUS ผมอาจจะไม่ได้รู้จักตัวเองขนาดนี้ก็ได้ เพราะรู้สึกว่าตั้งแต่มาเป็น BUS เนี่ย พอมีแฟน ๆ พูดถึงเรา เขาก็ลงเกี่ยวกับเรา เราก็จะสังเกตุว่าตัวเองเป็นอย่างงี้หรอ ตัวเองมี habit แบบนี้หรอ ก็รู้สึกว่าบางทีตั้งแต่เป็น BUS ก็ทำให้ได้รู้จักตัวเองมากขึ้นครับ”เน็กซ์ - “ถ้าเกิดไม่ได้มาเป็น BUS ก็คิดว่าคงไม่ได้มีแฟน ๆ ที่น่ารักเยอะขนาดนี้”เอเอ - “ก็ถ้าเอเอไม่ได้เป็น BUS ตอนนี้ก็คงจะไม่ได้อยู่เมืองไทยในตอนนี้ น่าจะไปเรียนต่างประเทศ”ขุนพล - “ถ้าไม่ได้เป็น BUS ผมว่าผมน่าจะไม่รู้จักตัวเองในพาร์ทศิลปินอย่างทุกวันนี้ เพราะรู้สึกว่าเด็ก ๆ เราเป็นเด็กเรียนครับ ก็เลยมี mindset ที่แบบว่า ต้องเรียนๆๆๆ แล้วก็สอบเข้าๆๆ แล้วก็หางานทำอะไรแบบนี้ รู้สึกว่าเหมือนพอมาได้เป็น BUS รู้สึกได้ใช้ชีวิตที่มันนอกกรอบที่เราเคยเป็นตอนเด็ก รู้สึกดีนะ แล้วก็รู้สึกดีใจด้วยที่ได้มาทำพาร์ทนี้ครับ”ฮาร์ท - “ถ้าไม่ได้มาเป็น BUS ฮาร์ทก็คง... เหมือนการมาเป็น BUS มันทำให้ได้เข้าใจในพาร์ทของการที่มีคนเห็นเราเป็นไอดอล ก็เลยได้เข้าใจความรู้สึกนั้น”1 ปีผ่านไป นิยามคำว่า “ไอดอล” ของแต่ละคนเปลี่ยนไปบ้างไหม แล้วเปลี่ยนไปยังไงจินวุค - “จริง ๆ แต่ก่อนไม่ได้มีความคิดว่าไอดอลคืออะไร แต่ทุกวันนี้รู้สึกว่าจริง ๆ ไอดอลเป็นสิ่งที่มอบความสุขให้กับคน แล้วก็ควรจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคมและทุกคนครับ”คอปเปอร์ - “เหมือนกันครับ”เน็กซ์ - “ปีที่แล้วคิดไว้ยังไง ปีนี้ก็ยังเหมือนเดิมครับ”ฮาร์ท - “ฮาร์ทเมื่อก่อนสมัยยังไม่ได้มาเป็นเอง รู้สึกว่าไอดอลก็ต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี หรือต้องทำให้คนชอบอยู่ตลอดเวลา จริง ๆ มันก็มีส่วนที่ถูกบ้าง เหมือนเราเป็นไอดอลก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้คนให้ได้ แต่ว่าพอมาเป็นเอง ตรงนั้นก็ยังเป็นสิ่งที่ถูกอยู่ แต่แค่รู้สึกว่าไอดอลจริง ๆ ก็คือคนปกติธรรมดาคนหนึ่งที่ก็มีหลาย ๆ ด้าน ก็คือคนทั่วไปคนนึงเหมือนกัน”เอเอ - “ก็เหมือนพี่จินครับ”ขุนพล - “ผมเหมือนฮาร์ทแล้วก็เหมือนเน็กซ์ครับ”เมื่อต้นปีแต่ละคนได้ตั้ง New Year Resolutions กันไว้ เลยอยากรู้ว่ามีเป้าหมายอะไรที่ตั้งไว้ว่าอยากทำให้สำเร็จ แต่ยังทำไม่สำเร็จในปีนี้ไหมเน็กซ์ - “เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน ผมเพิ่งย้อนกลับไปดู New Year Resolutions ของตัวเอง ก็ไปดูว่าอะไรทำไปบ้างหรือยัง เอาจริงก็เก็บครบแล้ว (ขุนพล: จริงหรอ เก่งจัง) ตอนผมเขียน ผมเขียนคำว่ามากขึ้น ร้องเพลงกับ perform ได้เก่งขึ้น พูดญี่ปุ่นได้เก่งขึ้น ใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น อะไรฟีล ๆ นี้ ก็คือถ้าเรียกว่ามากขึ้น ก็ทำทุกอย่างได้แล้วครับผม”[New Year’s Resolutions 2024 ของเน็กซ์: อยากมีหุ่นที่ดี / อยากเรียนเปียโน / อยากพูดญี่ปุ่นได้เก่งขึ้น / อยากร้องเพลงเก่งขึ้นเต้นเก่งขึ้น / อยากให้ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันมากขึ้น]จินวุค - “เพราะว่าตอนนั้นเขียนความเป็นจริง (เน็กซ์: ใช่สิ / BUS: หัวเราะ) ตอนนั้นเขียนกันเวอร์มากเลย”เน็กซ์ - “จั๋งบอกอยากไว้ผมยาวแบบราพันเซล ภีมบอกอยากสะอาดแบบไม่ต้องอาบน้ำอะไรเงี้ย”จินวุค - “ของผม complete หมดละ เพราะผมไม่ได้เขียนอะไรยากขนาดนั้น”[New Year’s Resolutions 2024 ของจินวุค: I wish we can open a big concert (wish the seat will be sold out) / Perfect teamwork / Wish many more people to know me / I wish all my member would always be happy / Wish I would be happier]เอเอ - “นอนเยอะ ๆ อันนี้ยังทำไม่ได้ เข้าฟิตเนสกับพี่อลันก็เข้าไป 2-3 รอบ ถือว่าเข้าแหละ” (หัวเราะ)[New Year’s Resolutions 2024 ของเอเอ: ไปเที่ยวญี่ปุ่น / นอนเยอะ ๆ / Be Happy! / พูดเยอะ ๆ / เข้า Fitness กับพี่ ALAN]ขุนพล - “ทำบุญปีชง ทำไปแล้ว สวนสัตว์ไม่รู้จะได้ไปไหม แต่อยากไปดูหมูเด้งนะ ยังไม่เคยเห็นแบบตัวเป็น ๆ เลย ของขวัญให้กับ BUS คิดอยู่ครับ เดี๋ยวให้แน่ ๆ (จินวุค: อันนี้ผมรออยู่นะของขวัญอะ / เน็กซ์: ปีใหม่รอเลย) โดนละนี่ไง ส่วนไปคาเฟ่แมว ผมว่าผมไม่ต้องไปแล้ว บ้านผมเลี้ยงแมวเยอะอยู่ 13 ตัว ไม่ต้องไปก็ได้ เหมือนคาเฟ่แล้ว น่าจะเปิดเองเลยดีกว่า”[New Year’s Resolutions 2024 ของขุนพล: ทำบุญ (ปีชง) / ไปสวนสัตว์ / ทำ 1 Day VLOG with ME / ไปคาเฟ่แมว / ทำของขวัญแจกเพื่อน ๆ BUS]ฮาร์ท - “ของฮาร์ทก็ทำได้เกือบครบหมดนะ เหลือชัด ๆ ข้อนึง คือเหลือ 1st concert BUS ครับ แต่อันนี้มันก็กำลังจะมี แต่มันก็ยังไม่ได้เกิดขึ้นในปีนี้ มันจะอยู่ในปีต่อไป ก็รู้สึกว่าเดี๋ยวมันก็คงสำเร็จ รอวันนั้นก่อน แต่ว่าช่วงนี้ก็อยู่ใน process ที่เรากำลังซ้อม กำลังคิดดำเนินการกันอยู่ แล้วก็มีอีกเรื่องนึงที่ฮาร์ทเขียนไว้ ว่าอยากร้อง เต้น perform เก่ง ๆ ก็รู้สึกว่าทำได้ แต่อยากใส่อันนี้ไว้อีกทุก ๆ ปี ก็จะเก่งขึ้นเรื่อย ๆ ครับ”[New Year’s Resolutions 2024 ของฮาร์ท: เที่ยว with my fam / ซื้อของขวัญวันเกิดให้น้องสาว / ร้องเพลง เต้น Perform เก่งๆๆๆๆ / First concert BUS / อยากเที่ยวกับ BUS พักผ่อน ๆ]คอปเปอร์ - “ของเปอร์นะครับ ก็มี 2 อย่างที่ยังทำไม่ได้นะครับ ก็คืออย่างแรกนะครับ แต่งเพลงแล้วให้ทุกคนฟังนะครับ จริง ๆ มีแต่งไว้แล้วครับ แต่ยังไม่ได้ให้ทุกคนฟัง รอก่อนซักวัน ยังไม่รู้ว่าปีไหนนะ แต่คิดว่าน่าจะได้ปล่อย แล้วก็อีกอย่าง ก็คือมีซิคแพคเฟี้ยว ๆ ตอนนี้มันยังไม่ค่อยเฟี้ยวเท่าไหร่ เดี๋ยวรอก่อน ตอนนี้เริ่ม ๆ แล้ว เริ่มมีโครง แต่ว่าปีหน้าต้องชัด ๆ”[New Year’s Resolutions 2024 ของคอปเปอร์: มีสกิลเพิ่ม 1 อย่าง / กินโอมากาเสะ / อยากแต่งเพลงแล้วมาให้ทุกคนฟัง / มีซิคแพคเฟี้ยว ๆ / พาครอบครัวไปเที่ยว]ถ้าสามารถขอพรให้ BUS ได้คนละ 1 ข้อ แต่ละคนจะขออะไรขุนพล - “ขอให้ซนน้อยลงครับ พวกเราซนไปหน่อยครับปีนี้ ปีหน้าก็อยากให้น้อยลง จะได้ทำงานเป็นที่น่ารัก ๆ”ฮาร์ท - “ขอให้บัสมีความสุขในทุกวันครับ”คอปเปอร์ - “ขอให้บัสพักผ่อนเยอะ ๆ ครับ (ขุนพล: อันนี้ขอด้วยแล้วกัน)”จินวุค - “ขอให้บัสอยู่ด้วยกันนาน ๆ”เน็กซ์ - “ขอให้บัสรักกันมากขึ้นครับ”เอเอ - “ก็ขอให้บัสเก่งขึ้นไปเรื่อย ๆ”ฝากผลงานกันหน่อยว่าตอนนี้มีอะไรบ้าง แล้วเร็ว ๆ นี้จะมีอะไรให้เราติดตามกันอีกไหมเน็กซ์ - “ก็ในปีนี้งานหลัก ๆ ก็จะมีงาน AAA เป็นงานประกาศรางวัล Asia Artist Awards วันที่ 27 ธ.ค. นี้ แล้วก็มีงาน countdown 4 ที่ครับผม วันที่ 30 ธ.ค. ที่ ICONSIAM แล้วก็วันที่ 31 ธ.ค. มี 3 ที่ คือ centralwOrld, One Bangkok แล้วก็ Future Park Zpell ครับ ส่วนปีหน้าอย่างที่ทุกคนรู้ก็คือ 1st Concert ของพวกเราครับ”สุดท้ายขอให้ BUS ส่งความคิดถึงให้ BEUS และให้อวยพรปีใหม่ล่วงหน้าให้ทุกคนหน่อยฮาร์ท - “คิดถึงนะครับ”คอปเปอร์ - “ขอให้ BEUS ทุกคนสุขภาพร่างกายแข็งแรง ขอให้พักผ่่อนเยอะ ๆ แล้วก็ขอให้กินข้าวเยอะ ๆ ครับ ขอให้มาหาพวกเราได้ แต่อยากให้มีเวลาให้ตัวเองด้วยครับผม”

Talk with "PERSES" ถึงเรื่องราวในซิงเกิลล่าสุด "อย่าฝืน" (Over)

25 ธ.ค. 2024

Talk with "PERSES" ถึงเรื่องราวในซิงเกิลล่าสุด "อย่าฝืน" (Over)

น้ำตาซึมส่งท้ายปีกับ 5 หนุ่ม PERSES จั๋ง, เน, กฤติน, ปาล์ม และปลั๊กกี้ กับผลงานล่าสุด "อย่าฝืน" (Over) ซิงเกิลที่ 2 จากอัลบั้ม ALTERLAND ถ่ายทอดเรื่องราวความรักที่เดินทางมาถึงทางตัน เมื่อคนสองคนต่างฝืนอยู่ในความสัมพันธ์ที่รู้ว่าสุดท้ายจะต้องจบลงด้วยการเลิกรา วันนี้เราเลยได้ชวนพวกเขาทั้ง 5 คน มาพูดคุยเกี่ยวกับเบื้องหลังการทำงานในซิงเกิลนี้ พร้อมเรื่องราวน่ารัก ๆ ที่จะทำให้ทุกคนตกหลุมรัก PERSES ได้แบบไม่ต้องฝืนกันซิงเกิลล่าสุด “อย่าฝืน” (Over) มาในคอนเซปต์อะไรNAY – “เพลง ‘อย่าฝืน’ เราก็จะพูดถึงความสัมพันธ์ที่เรารู้สึกว่ามันมาถึงทางตันแล้ว แต่เราพยายามฝืนไปต่อ สุดท้ายเราก็รู้สึกว่าอย่าฝืนแล้วจะดีกว่ากับทั้งสองฝั่ง”ทำไมถึงเลือกปล่อยเพลงอกหักส่งท้ายปีKRITTIN – “ผมว่าตอนช่วงปีใหม่ มันมีเพลง festive เพลงให้ความสุข เพลง celebration เยอะแล้ว พวกเราก็เลยเลือกที่จะอยู่ข้างคนเศร้า เพราะผมเชื่อว่าตอนท้ายปี ตอนปีใหม่ ต้องมีคนอกหัก มีคนเลิกกับแฟนอยู่แล้วแน่นอน”PLUGGY – “จะมีบางคนที่มีความสุขทุกปีใหม่ แล้วก็จะมีบางคนที่เศร้าตลอดทุกปีใหม่ แล้วปีนี้ก็ยังเศร้าอยู่”KRITTIN – “อันนี้พูดถึงตัวเองหรือเปล่าเนี่ย” (PERSES - หัวเราะ)คิดว่าอะไรเป็นความยาก หรือเป็นอุปสรรคในการทำเพลงนี้บ้างNAY – “จริง ๆ ก็กดดันที่ต้องมารับบทเป็นตัวนำใน MV แล้วก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองจะทำได้ดีมั้ยในตอนแรก แต่ก็ขอบคุณพี่ ๆ ทีมงานที่ให้โอกาสเราได้ลองทำ เรียกว่าได้ explore ตัวเองมากกว่าครับ”แล้วพาร์ทการร้องล่ะ มีตรงไหนยากไหมJUNG – “พาร์ทการร้อง เรื่องสกิลอะไม่ค่อยยาก เพราะเป็นเพลงที่ค่อนข้างเข้าใจง่าย แล้วก็เน้นความหมาย พาร์ทที่ยากคือเรื่องฟีลลิ่งมากกว่าครับ เพราะว่าด้วยความที่เพลงนี้ ถ้าทุกคนได้ไปนั่งอ่านเนื้อ เนื้อทุกท่อนมันจะแบบ นี่ก็โดน นู่นก็โดน ดังนั้นความยากคือการร้องยังไงให้คนเชื่อจริง ๆ กับประโยคที่เราต้องการจะสื่อสาร”มีท่อนไหนมั้ยที่อัดหลายรอบมาก ไม่ได้สักทีJUNG – “ทุกท่อนเลยครับ” (PERSES - หัวเราะ)PLUGGY – “เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมอัดนานที่สุด ใช้เวลาไป 1 ชั่วโมง 40 นาที”JUNG – “ปกติปลั๊กกี้จะเป็นคนอัดคนที่ 2 แล้วอัดเร็วมาก”PLUGGY – “ใช่ เพลงนี้ผมอัดนานสุด เพราะวันนั้นป่วย เสียงขึ้นจมูกนิดนึงด้วย แล้วพอเราอัดไป บางทีพี่เขาบอกว่าได้แล้ว แต่ผมฟังแล้วผมยังไม่รู้สึกกับประโยคนั้น ผมก็จะบอกว่า ‘พี่ครับ ผมว่าคำนี้มันยังไม่ได้นะ ขอใหม่ ๆ’ มีท่อน breakdown ตอนหลังท่อน bridge ที่ผมอัดหลายรอบ มันเป็นท่อนที่เบาที่สุด โวคอลมันจะเด่นมาก แล้วมันเป็นประโยคที่ผมรู้สึกว่ามันเจ็บมาก ผมอัดแล้วผมรู้สึกว่า ‘พี่ ไม่ได้ เอาใหม่ ๆ’ ประโยคนั้นมันจะบอกว่า ‘ให้มันจบตรงนี้ คงดีกว่าต้องกล้ำกลืนใช่ไหม’ ผมรู้สึกว่าประโยคนี้มันเจ็บมากเลย มันเหมือนเราบอกเขาว่า อย่าไปกันต่อเลย ยิ่งฝืนไป มันก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปเรื่อย ๆ”มาที่พาร์ท MV บ้าง เราต้องการจะเล่าเรื่องอะไรNAY – “จริง ๆ ก็พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์แหละครับ เหมือนเราก็ฝืนกันมาจนถึงทางตัน เราพบว่าเราไปต่อกันไม่ได้แล้ว แล้ววันนึงตัวพระเอกก็ได้รับนาฬิกาสำหรับย้อนเวลามา แล้วเราก็ได้ย้อนเวลากลับไปเพื่อแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ที่เราคิดว่าเราเคยทำพลาดไป แต่ว่าพอยิ่งย้อนกลับไป เราก็ยิ่งพบว่า ไม่ว่าเราจะกลับไปแก้ไขมันยังไง สุดท้ายแล้วเราก็ไม่สามารถที่จะทำให้ความสัมพันธ์นี้มันไปต่อได้ เราก็เลยเลือกที่จะกอดเขา ร่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อให้เราจากกันด้วยดีดีกว่า”สิรภพและกานดาใน MV นี้ เขาทะเลาะเรื่องอะไรกันKRITTIN – “ก็สิรภพเขาติดงาน เขาเป็นนักเขียนเพลง นักแต่งเพลง ใช้เวลาอยู่กับตัวเองเยอะ”PLUGGY – “เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนรัก”KRITTIN – “ใช่ เอาง่าย ๆ เป็นผม ผมก็เลิกเหมือนกัน”PALM – “วันเกิดก็ลืม ของขวัญปีใหม่ก็ลืม”NAY – “ปาร์ตี้ก็อยู่แต่กับเพื่อน โดนเพื่อนลากไป”KRITTIN – “นั่นแหละครับ ก็เหมือนแบบละเลยคนรัก”บรรยากาศในการถ่ายทำ MV เป็นยังไงบ้างJUNG – “ของใครครับ” (PERSES - หัวเราะ)KRITTIN – “คือเราจะอยู่กันคนละส่วนของบ้าน ของพวกผมจะอยู่ในห้องแต่งตัว บนเตียง ส่วนของพี่เนจะอยู่แต่ในฉากเลย”NAY – “วันนั้นก็รู้สึกว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ ที่ได้เข้าไปอยู่ในฉาก ได้ไป explore ตัวเอง แล้วก็ดีที่ได้เจนคอยรับส่งอารมณ์ จริง ๆ เราก็เพิ่งเคยเจอกันด้วย ตอนแรกเราก็กลัวเกร็งเหมือนกัน แต่พอเอาเข้าจริง พอเข้าฉากแล้วเหมือนเราเข้าใจตรงกัน ว่ามันเป็นตัวละครสองตัว ที่ต้องมีการปฏิสัมพันธ์ หรืออะไรที่มันแบบว่าสื่อสารกันออกมา”มีซีนไหนที่เรารู้สึกว่ายากไหมNAY – “ซีนที่ยากผมว่าน่าจะเป็นซีนทะเลาะครับ เพราะว่าวันนั้นเราถ่ายช่วงความทรงจำที่ดีกันก่อน แล้วมันต้องตัดฟีลตัวเองเพื่อไปทะเลาะเลย ต้องค่อย ๆ บิ๊วตัวเองขึ้นมา ซึ่งในฉากนั้นก็รู้สึกว่าใช้เวลาในการถ่ายหลายเทคอยู่เหมือนกัน คือให้เราเข้าใจถึงสิ่งที่ตัวละครกำลังทะเลาะกันจริง ๆ”แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ เป็นยังไงกันบ้างJUNG – “รู้สึกว่าเป็นวันที่พวกเราคุยกันเยอะเหมือนกัน”KRITTIN – “ใช่ พวกผม 4 คน คุยกันเยอะมาก เพราะว่าต้องรอเข้าฉาก มีฉากที่เหนื่อยที่สุดคือฉากเต้นในบ้านพี่เน เป็นปาร์ตี้อะครับ เหนื่อยมาก เหนื่อยจริง ๆ เหงื่อออก ผมเต้นแบบโจ๊ะพรึ่ม ๆ เลย”PALM – “เขาบอกให้เอนเตอร์เทนให้เยอะที่สุด”KRITTIN – “ใช่ ผมก็เต้นเอา ๆ แล้วพอใน MV ปุ๊บ ไม่เห็นเลย”PALM – “เขาตีลังกาด้วยนะครับ”KRITTIN – “ใช่ ผมเต้นไปเยอะมาก แต่ไม่มีเลย แต่ผมว่ามันทำให้มู้ดเพลงกระเพื่อมด้วยแหละ สมมุติถ้าเอาเข้าไป ถ้าเกิดมันมีใน MV ปุ๊บ เอ้า คนดูจะงง เมื่อกี้ยังร้องไห้อยู่ มันกระตุกฟีลเกิน ก็เลยเอาออกก็ได้”PLUGGY – “ของผมมีซีนร้องเพลงถอยหลังที่รู้สึกว่ายาก อันนั้นมันจะมีท่าเต้นด้วย ที่พวกเราต้องเดินถอยหลัง แต่พอมันกลับหลังปุ๊บ เราจะต้องเดินขึ้นหน้าแทน แล้วก็จะมีของหล่นด้วย ตอนนั้นคือเราก็จะร้อง ๆ เดิน ๆ ไปอยู่ ก็จะมีของหล่น ปั้ง! ตู้ม! ฟรึ่ม! ตึ้ม! ตลอดเวลา”KRITTIN – “เขาเซ็นซิทีฟกับเสียงดังครับ”PLUGGY – “ใช่ เสียงมันจะเยอะมาก แล้วเพลงเราก็จะเบาลง แล้วเราก็ต้องโฟกัสที่จะร้องเพลงถอยหลัง ที่เป็นภาษาอะไรก็ไม่รู้ให้ถูกจังหวะ แต่เดินก็ต้องให้ตรงจังหวะด้วย”เราร้องเพลงถอยหลังยังไงPLUGGY – “มันคือการเอาเพลงไปรีเวิร์สครับ มันก็จะไม่เป็นคำเลย มันคือแบบ เช่น สมมุติว่า คำว่า ฝืน ปกติต้องเป็น ฝ.ฝา เริ่มก่อน แล้วถึงจะเป็น น.หนู ทีนี้พอถอยหลังก็จะกลายเป็น น.หนู ขึ้นก่อน ผมมีเนื้อที่แกะคำพวกนั้นอยู่ อ่านไม่รู้เรื่องเหมือนกันครับ เราก็ต้องจำแล้วก็ลองร้องให้ถูกจังหวะ”แล้วเราถ่ายซีนนี้กันกี่เทคKRITTIN – “อุ๊ย เยอะอยู่นะครับ แต่ไม่นานมากเว่อร์ขนาดนั้น เพราะว่าจริง ๆ ปลั๊กกี้อะร้องได้แล้ว แต่ว่าน่าจะเป็นเรื่องคิวของที่ตก เอฟเฟค ไม่ก็พวกเราเดินไม่พร้อมกันหน่อย ๆ อะไรงี้ครับ”แต่ละคนมีเรื่องอะไรที่เคยฝืนในชีวิตบ้าง แล้วตอนจบของเหตุการณ์นั้นเป็นยังไง เราได้เรียนรู้อะไรจากมันJUNG – “ส่วนใหญ่จะเป็นชอบฝืนลองอะไรใหม่ ๆ กับตัวเองมากกว่าครับ อย่างเช่น ล่าสุดผมไปสั่งปัตตาเลี่ยนมา มันเป็นแบบถอดหัวเปลี่ยนหัวได้ มีหลายเบอร์มาให้ลอง ผมก็ลองตั้งแต่เบอร์ 2 เพราะว่ามันยาวสุด ลองฝึกปั้นเฟดดีกว่า แล้วก็ กรึ๊บ ขาด เฟดเอาต์เลย (หัวเราะ) เราก็ได้เรียนรู้ว่า บางทีก็ปล่อยให้มืออาชีพเขาทำดีกว่าครับ”NAY – “ของผมเป็นช่วงที่เทรนอยู่ เคยรู้สึกว่าเราอยากทำอาหารกินเอง แล้วเราก็ไปตลาด ซื้อเนื้อมาเก็บไว้ เพื่อที่จะได้มีเนื้อสำหรับทำอาหารตอนกลางคืนอะไรแบบนี้ครับ แต่ว่าพอยิ่งเทรนไปเรื่อย ๆ เราก็เลิกดึกขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็รู้สึกว่า ไม่ไหวอะ ทำอาหารกินเองไม่ไหว ถึงมันจะถูกจริง หรือมันคุมปริมาณอาหารได้เอง แต่เราก็แบบว่า มันเหนื่อยเกินไป เราไปซื้อกินเอาดีกว่า สั่งเอาดีกว่า”PALM – “ผมเคยฝืนไม่นอนครับ เคยคิดกับเพื่อนว่า ถ้าสมมุติเราทำชาเลนจ์ วันนึงเราไม่นอนเลยแบบเต็มวัน มันจะเป็นยังไงบ้าง ซึ่งคืนคืนนั้นผมก็...”KRITTIN – “ง่วง”PALM – “ไม่ใช่ (หัวเราะ) คืนนั้นผมก็เตรียมทุกอย่าง เตรียมเกม เตรียมของกิน เพื่อที่จะอยู่ทั้งคืนให้ได้กับเพื่อน ซึ่งเราก็เล่นเกม กินขนม แต่มันก็ยังไม่ค่อยง่วงสักเท่าไหร่ จนตีสี่ตีห้าแล้วมั้งครับ ที่จะแบบ ครบรอบแล้ว เราก็มานึกว่า เราทำไปทำไมอะ ทำแล้วมันได้อะไร ก็ไม่เห็นได้อะไรสักเท่าไหร่ งั้นเราก็แยกย้ายกันไปนอนดีกว่า จบแค่นี้ครับ”KRITTIN – “ผมเคยฝืนอั้นตดครับ ตอนอยู่โรงเรียน ตอนเด็ก ๆ ไง เพราะว่าไม่มีเวลาไปห้องน้ำ เรียนอยู่แล้วครูก็ไม่ปล่อยไปไหนสักทีอะครับ คือตอนแรกมันไม่ได้หนักขนาดนั้นหรอก คือมันเป็นแบบ มานิด ๆ อะไรงี้ แต่พอเราอั้นไปสักพัก ถ้าสมมุติเราทำอะไรที่มันแบบ หัวเราะ มันจะ ปั้ง! มันจะเสียงดังกว่าเดิมเกทปะ ถ้าเกิดเราอั้นไว้นาน ๆ เสียงมันจะดังกว่าเดิม มันเป็นแบบนี้เลย แล้วเพื่อนก็ถาม ตดเหรอ แล้วผมอะเป็นคนแบบขี้ล่กใช่ปะ ผมก็บอก ไม่นะ ไม่ได้ตด ก็พูดไป ตัดบท จบ แต่ว่าไม่ได้มีกลิ่นอะไรขนาดนั้นนะ มันเป็นเสียงดังมากกว่า”NAY – “เรื่องนี้พูดได้ด้วยเหรอ”KRITTIN – “ได้แหละมั้งครับ เขียนให้มันดูน่ารัก ฝืนอั้นผายลม อั้นลมปราณ อะไรแบบนี้ครับ”PLUGGY – “ของผม ฝืนทำตัวปกติต่อหน้าคนที่เราชอบครับ คืออันนี้อาจจะรวมไปถึงพี่ ๆ ไอดอลในวงการด้วย เราก็ยังเป็นศิลปินหน้าใหม่ใช่มั้ยครับ เราก็จะมีไอดอล มีศิลปินที่เราชอบ แล้วบางทีเราก็ต้องไปร่วมงานกัน หรือว่าเจอกันตามงาน ถ่ายคอนเทนต์ ถ่ายชาเลนจ์กัน บางทีเราก็จะแบบ เราชอบมาก เห็นผลงานเขามาตั้งนานแล้ว เป็นไอดอล เป็นศิลปินในดวงใจ แต่เราก็ทำนิ่ง ๆ สวัสดีครับ ทำเหมือนแบบ เพื่อนกัน ไม่มีอะไร ก็ฝืน แต่ในใจคือ (ดีดนิ้ว) อย่างงี้แล้ว แต่ภายนอกเราต้องแสดงออกมาว่า ไม่มีอะไร ชิล มาได้เลย”ขอ 1 เรื่องที่ไม่อยากให้คนที่นั่งข้าง ๆ ฝืนอีกNAY – “อยากให้กฤตไม่ต้องฝืนตลกครับ จริง ๆ เขาเป็นคนเท่ เขาเรียกว่าอะไรอะ มีความร็อคสตาร์ ความเสื้อหนังอะไรแบบนี้ ที่เห็นเขาตลกคือเขาฝืนอยู่ครับ”KRITTIN – “เพราะในวงไม่ค่อยมีคนตลก ผมก็เลยต้องเป็นคนคนนั้น มันน้อยใจนะพี่ ที่ไม่ได้ใช้สิ่งที่ตัวเองมีจริง ๆ ที่ต้องสร้างอะไรขึ้นมาให้มันฝืน”PLUGGY – “ก็ถือว่าทำสำเร็จนะ ฝืนจนดูเป็นธรรมชาติมากกกก”KRITTIN – “ใช่ครับ มีต้องปรับจูนอยู่ช่วงนึง ช่วงนั้นก็คือกลับห้องไปแล้วนอนร้องไห้ตลอดเลย มันตลกไปอะ เพราะพ่อแม่เลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก ๆ ก็เลี้ยงมาให้เป็นคนหน้าตาดี กิริยามารยาทดี แต่พอโตมาปุ๊บเป็นแบบกักขฬะอะไรงี้ ก็เลยกลัวพ่อแม่ผิดหวังครับ”JUNG – “อะ กฤตพูดถึงปลั๊กกี้”KRITTIN – “ผมไม่อยากให้ปลั๊กกี้ฝืนทำงานของมหาลัยเยอะมาก จริง ๆ เพื่อน ๆ เขาก็พร้อมจะแบ่งเบาให้ เพราะว่าเขาเป็นคนที่แคร์ ไม่อยากให้เพื่อนทำเยอะ เลยต้องไปตลอด ต้องไปอยู่ด้วย จริง ๆ เขาเคยบอกผมว่า เขาต้องไปช่วยตัดงาน แล้วผมก็ถามว่า ‘ตัดเป็นเหรอ’ เขาก็บอกว่า ‘ไปช่วยเป็นกำลังใจให้’ เออ ก็น่ารักดี แต่ไม่ต้องฝืนมาก เพราะตอนเช้าตื่นมาก็บ่นว่าง่วง”PLUGGY – “อันนี้ต้องอธิบายก่อนว่า คือบางทีผมจะชอบมาเสียดาย เวลาที่เห็นผลงานที่เรามีส่วนเกี่ยวข้อง แล้วเรารู้สึกว่า ถ้าเราอยู่ตรงนั้น เราจะบอกให้มันทำอย่างงี้ มันจะได้ดีขึ้นไปอีก เราอยากรู้สึกว่า ถ้ามันออกมาแบบไม่ได้ดีที่สุดอะ อย่างน้อยคือเราก็ได้ทำเต็มที่แล้วในส่วนของเรา”KRITTIN – “อยากใส่ไอเดียเข้าไป อยากให้มีไอเดียในงาน เห็นมั้ย น่ารัก”PLUGGY – “ใช่ครับ อยากให้ผลงานออกมาดีที่สุด แบบว่า at least ถ้ามีชื่อเราอยู่ในเครดิต ผลงานมันก็จะต้องออกมาแบบมีความเป็นเราบ้างนิดนึง คืออยากมีส่วนร่วม ไม่อยากปล่อยให้เป็นแบบ ทำไปเหอะ ไม่ใช่หน้าที่เรา อะไรแบบนี้”KRITTIN – “เนอะ อะปลั๊กกี้พูดถึงพี่จั๋ง”PLUGGY – “พี่จั๋งเหรอครับ ก็อยากให้พี่จั๋งไม่ต้องฝืน alert มากตลอดเวลา คือจริง ๆ เขาจะค่อนข้างแบบ”KRITTIN – “เขาเป็นคนเฉื่อย”PLUGGY – “มาก แบบว่า เหมือนบางทีเจอคนเยอะ เขาต้อง need energy อะไรแบบนี้ บางทีจะเห็นจังหวะที่เขาหัวเราะ แฮะ ๆ แล้วก็เงียบ”KRITTIN – “เออ เขาชอบหัวเราะโช๊คแล้วก็หายไปเลย”PLUGGY – “เป็นหัวเราะแบบมารยาท”NAY – “เข้าสังคมครับ เข้าสังคม”JUNG – “จริง ๆ ไม่ใช่หัวเราะมารยาท มันคือหัวเราะจริง ๆ แต่แบตมันหมด” (PERSES - หัวเราะ)KRITTIN – “เหมือนเล่นเกมแล้วแบบเป็นเกจวิ่งใช่ปะ วิ่งแล้วเหนื่อย แล้วก็หยุด”PALM – “เกจแบบ เขาเรียกอะไรนะ”NAY – “stamina”KRITTIN – “เออ stamina แฮะ ๆ แล้วก็หมด เขาเป็นคนหัวเราะแรงมาก แล้วเขาเป็นคนเส้นตื้นด้วย ผมว่าพลังเขาน่าจะหมดอยู่แหละครับ อะ พี่จั๋งพูดถึงปาล์ม”JUNG – “ไม่อยากให้ปาล์มฝืนเป็นคนเสี่ยว เพราะว่าปาล์มจริง ๆ ลึก ๆ เนี่ยเขาเป็นคนไม่เสี่ยว เขาเป็นคนตลกจริง เขาดูมาเยอะ เขาเสพมาเยอะ เขา born to be ตลก บางทีเขาพยายามตลกเกิน ความธรรมชาติของเขามันจะหายไป”KRITTIN – “ความธรรมชาติของเขาจะออกมาเอง ตอนที่เขาพยายามจะทำอะไรสักอย่างที่มันถูกต้อง”JUNG – “มันไม่เชิงไม่อยากให้ฝืนเสี่ยว ไม่อยากให้ฝืนตลก เพราะบางทีเขาตลกอยู่แล้ว”PLUGGY – “เขาเรียกว่าอะไรอะ เป็นคนโก๊ะ ๆ ตลก ๆ โดยที่แบบเขาไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ว่ามันดูตลก”JUNG – “บางทีไม่ต้องยิงมุกก็ได้ปาล์ม ปาล์มแค่พูดผิดก็ขำแล้ว”PLUGGY – “จริง ๆ เขาเป็นคนพูดน้อย แต่บางทีมันจะมีบางจังหวะที่เขาพูดขึ้นมาแล้วมันตลกบ้าง”KRITTIN – “เป็นจังหวะผิดเวลา แบบเขาชอบผิดจังหวะอะไรแบบเนี้ย เข้าแทรกผิดจังหวะ ปึ้ง ทุกคนก็จะเงียบแล้วก็ขำ อะปาล์มพูดถึงพี่เนบ้าง”PALM – “ของพี่เน เมื่อกี้คิดออกเลยว่า ไม่อยากให้พี่เนฝืนเก็บของกินไว้ คือพี่เนเขาเป็นคนที่เวลาเขากินอะไรไม่หมด เขาจะชอบเก็บไว้ในตู้เย็น แล้วบางทีเขาก็ลืม แล้วเขาก็เอากลับมากินอีก ซึ่งถ้าทิ้งไว้หลาย ๆ วัน มันอาจจะไม่ครบโภชนา มันอาจจะไม่ดีต่อสุขภาพ”KRITTIN – “น้องปาล์ม หนูเก็บก๋วยเตี๋ยวไว้ในตู้เย็นสามวัน เอาใหม่ พูดใหม่”PALM – “ไม่ แต่นาน ๆ ทีไง”KRITTIN – “แล้วกินมั้ย”PALM – “ถ้ากลิ่นไม่ดีก็ไม่กิน”PERSES เดบิวต์มา 2 ปีแล้ว ภาพที่เราวาดไว้ตอนก่อนเดบิวต์กับตอนนี้ มันเหมือนหรือต่างจากที่เราคิดเอาไว้ไหมKRITTIN – “ผมวาดไว้ว่ามันเท่มาก เราเป็นคนเท่ เราเป็นคนคูล”แล้วตอนนี้เราไม่เท่เหรอKRITTIN – “พี่ โคโยตี้บนรถปิคอัพ หัวไหล่ตูด เราเปลี่ยนภาพเลย เพราะตอนแรกนะครับ ค่ายวางเอาไว้ว่าเราเป็นบอยกรุ๊ปที่เท่ แกร่ง แกลม ติดดาร์ค สีดำ แบบเป็นหมุด ๆ อะไรเงี้ย เป็นฟีลนั้นเลยนะ เท่ ๆ แกลม ๆ ปึ้ง มาสักพัก ภาพเริ่มกลายละ”PLUGGY – “แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นเสน่ห์ของทีป๊อปนะ”KRITTIN – “ใช่ มันเป็นเสน่ห์ของเราเรื่องนั้น แต่เราก็มีมุมแบบ bodyguard เท่ ๆ ละ พอสักพักนึง เปลี่ยนมู้ด เราก็มีหลายมู้ดให้คนได้ชิม”PLUGGY – “ผมว่าเรื่องความกันเอง ความรั่ว ๆ ถือเป็นเสน่ห์ของทีป๊อปอีกอย่างนึง ไม่ค่อยเห็นที่ประเทศอื่น ก็รู้สึกว่าอันนี้แหละเป็นเสน่ห์ของทีป๊อป”KRITTIN – “ใช่ ผมว่าทีป๊อป ผู้หญิงผู้ชายคือสนิทกันหมดเลย”PERSES เคยคิดไว้ไหมว่าอยากพาวงไปให้ถึงจุดไหน มี goal ในใจที่เซตร่วมกันไหมJUNG – “ผมว่า goal ไม่ได้เซตร่วมกัน แต่ว่ามีแนวทางที่ไปด้วยกัน อย่างเช่น ผมเชื่อว่าทุกคนในนี้ ปีหน้าอยากมีคอนเสิร์ตด้วยกัน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะไปให้ถึงระดับ international เลย ให้คนต่างชาติได้รู้จักทีป๊อปมากขึ้น แล้วก็ได้รู้จักตัวตนของพวกเรา PERSES มาขึ้นด้วย”อะไรคือความสุขที่สุดในการเป็น PERSES สำหรับเราPALM – “ความสุขก็คือการเป็นปาล์ม PERSES อะครับ การที่ได้เป็นตัวเองในอีกบทบาทนึง ก็คือการเป็นศิลปิน ผมรู้สึกว่าเวลาเราไปเพอร์ฟอร์มบนเวที มันก็เป็นความสุขอีกแบบนึงที่อธิบายได้ยากมากเลยครับ แต่ละเวทีมันก็มีความรู้สึกที่แตกต่างกัน ซึ่งผมคิดว่าตรงนี้เป็นความสุขสำหรับตัวเอง”KRITTIN – “ผมทราบ ๆ สาวกรี๊ด เขาแฮปปี้แล้ว แกเต้นแล้วอยากให้สาวกรี๊ด”PALM – “อันนั้นนานแล้ว ๆ”NAY – “ผมมี ๆ การมาเป็น PERSES ตรงนี้ มันเป็นประสบการณ์นึงที่เราไม่สามารถหาได้จากการทำอย่างอื่น คือมันทั้งพาเราไปโชว์ต่างประเทศ พาเราไปเจอกับแฟนคลับหลาย ๆ ที่ ต่างจังหวัด หรือแม้แต่ในกรุงเทพเอง ที่ในแต่ละวันก็จะมีแฟนคลับหน้าใหม่มาตลอดเวลา ซึ่งมันเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ ที่เราได้เจอคนอื่น แล้วมันพาเราไปในจุดที่เราไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอ แต่พอได้เจอมัน แล้วได้ลองใช้ชีวิตในนั้นแล้ว มันทำให้แบบ เออ มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ ครับ แล้วก็ยิ่งได้ใช้กับอีก 4 คนที่เหลือ มันก็เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำครับ”PLUGGY – “จริง ๆ การร้องเพลงกับการเต้นคือความสุขของผมอยู่แล้วครับ แต่ว่าช่วงหลัง ๆ มานี้ มีแอบคิดว่า ถ้าเกิดมีคนร้องเพลงตามเรา อันนี้เริ่มมีแล้ว แล้วก็เต้นตามเรา เอาท่าเราไปเต้น เช่น หัวไหล่ตูด ผมภูมิใจมาก so proud of หัวไหล่ตูดสุด ๆ เพราะว่าเห็นคนไปต่อแถวกับเพื่อน เต้นตบตูดกันเหมือนเรา ผมแบบ อุ๊ย น่ารักมาก (ปรบมือ) แล้วก็อีกอันนึงที่มีความสุขมาก ๆ เลย ก็คือการที่เราอยู่บนเวทีแล้วเรามองกลับมา เรายังเห็นอีก 4 คนอยู่ตรงนี้ อยู่กับพวกเราอะ เพราะว่าผมเป็นคนที่นึกภาพไม่ออกเหมือนกัน ว่าถ้าต้องเป็นศิลปินเดี่ยว ยืนอยู่คนเดียว มันจะเหงาแค่ไหน ผมเคยมีความฝันว่าถ้าได้เป็นศิลปิน อยากเป็นศิลปินกลุ่มที่ไม่ได้อยู่คนเดียว ก็เลย appreciate ทุกโมเมนต์ที่มองมาแล้วยังมีพวกเราครบ 5 คนอยู่”JUNG – “ความสุขในการเป็น PERSES ของผม คือการที่ได้แชร์ความฝันร่วมกับคนที่เรารัก แล้วก็คนที่รักเรา เพราะว่าทั้งพวกเรา PERSES 5 คน รวมไปถึง PIECES แฟนคลับทุกคน หรือว่าทุกคนในค่าย ทุกคนจริง ๆ คือเรามีความฝันอยากเป็นศิลปิน แล้วเราได้แชร์สิ่งที่เรารักไปพร้อม ๆ กันกับทุกคน นี่คือความสุขมาก ๆ เลยเหมือนกันในการเป็น PERSES ครับ”KRITTIN – “ของผม พื้นฐานผมเป็นคนชอบให้ความสุขคนอื่น แล้วผมก็ชอบให้คนอื่นให้ความสุขกลับมาที่ผม เป็นเหมือนการแชร์เอเนอร์จี้กัน เพราะเวลาเราอยู่บนเวที เราเต้น เราเห็นคนมีความสุข เราก็มีความสุข เราก็มีแรงมากกว่าเดิม เราจะเต้นแรงขึ้น ร้องให้ความสุขมากกว่าเดิม ยิ้มกว้างขึ้น ผมเป็นคนแบบ give and take อะไรฟีลนั้นอะครับ แล้วก็เป็นคนที่ชอบเห็นคนอื่นยิ้มให้ อะไรแบบนั้น นี่เป็นความสุขพื้นฐานหลัก ๆ”ใกล้จะปีใหม่แล้ว มีเป้าหมายสำหรับปีหน้าหรือยังว่าอยากจะทำอะไรให้สำเร็จบ้างJUNG – “อยากปล่อยเพลงบ่อย ๆ แล้วก็อยากมีคอนเสิร์ตของ PERSES ครับ”PLUGGY – “ของผมถ้า as ปลั๊กกี้ PERSES ก็อยากมีคอนเสิร์ตเหมือนกัน แล้วก็อยากให้ทุกคนได้เห็นอะไรในตัวพวกเราแบบเรียลขึ้นมาก ๆ เพราะว่าที่ผ่านมาคือเราเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เลย ก็ไม่คิดเหมือนว่าวันนึงจะมาเต้นหัวไหล่ตูดได้ หรือว่าเพลงโคโยตี้อะไรเงี้ย เป็นอีกมุมนึงที่ผมก็รู้สึกว่า เรายังสามารถ pull out อะไรหลาย ๆ อย่างในตัวพวกเรา PERSES ออกมาได้เรื่อย ๆ ครับ ก็อยากให้ทุกคนได้เห็นกันอีกหลาย ๆ มุม แล้วก็เพลงที่แตกต่างกันออกไปอีก แต่ถ้าของผมแบบ as ปลั๊กกี้เฉย ๆ ก็อยากนอนให้พอ อยากบริหารจัดการอะไรในชีวิตให้ดีกว่านี้ เพราะว่าด้วยความที่ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย คือผมอะถือ mindset ไว้ว่า ฉันจะต้องไม่สูญเสียชีวิตวัยรุ่นอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าช่วงม.ปลายเราก็ติดโควิด ม.6 ผมต้องปัจฉิมออนไลน์ พี่ ผมเศร้ามาก แล้วผมรู้สึกว่า ผมอยากทำให้ทุกอย่างมันออกมาได้อย่างเต็มที่ที่สุด ในฐานะมนุษย์คนนึง เพื่อนคนนึง สมาชิกวง PERSES คนนึง แล้วก็ในฐานะลูกคนนึงด้วย ก็เลยพยายามบาลานซ์ทุกอย่างให้มันออกมาดีที่สุดครับ”KRITTIN – “ผมก็เหมือนเพื่อน ๆ แหละ อยากมีคอนเสิร์ต แต่ถ้าเกิดเป็น goal ปีหน้าที่ตั้งไว้ของตัวเอง ผมอยากบาลานซ์ความสุขกับความเศร้าให้มันมีสมดุล อยากให้อารมณ์มันสมดุลกว่านี้ อยากเป็นคนคอนโทรลตัวเองได้ดีกว่านี้ อยากนิ่งขึ้น อยากเป็นคนที่ stable ขึ้น”ถ้าสามารถอวยพร PIECES ได้คนละ 1 ข้อ อยากจะขอพรอะไรให้กับพวกเขาNAY – “ขอให้รักตัวเองเยอะ ๆ ครับ อยากเห็นทุกคนรักตัวเอง มั่นใจในการเป็นตัวเอง แล้วก็ค่อยมาเจอกับเรา เราจะได้มาสนุกด้วยกันอย่างเต็มที่”KRITTIN – “ขอให้เวลาของพวกเรามันตรงกัน โดยที่ทุกคนไม่ต้องพยายาม ไม่ต้องฝืนชีวิตตัวเองมา เพราะบางคนลางาน ป่วย เจ็บคอ แล้วก็ยังมาหาเราอยู่ เราเลยรู้สึกว่า อยากให้เวลาเราแมตช์กันแบบสบาย ๆ ทั้งสองฝ่ายบ้าง ไม่อยากให้ฝืนมา มาก็โอเค แต่ถ้าเห็นคุณป่วยแล้วส่งใบรับรองแพทย์มา เราก็แอบไม่สบายใจนิดนึง เพราะว่าคุณเป็นขนาดนี้แล้วยังมาหาเราอีก เราก็รู้สึกว่า เออ โอเค เราก็จะทำทุกอย่างให้ดีกว่าเดิม ให้คุณได้รับความสุขกลับไป แต่บางทีแบบ เรารักษาตัวเอง เราไม่ต้องฝืนมา แบบเจ็บป่วยอะไรมา เรามาแฮปปี้ด้วยกันดีกว่าครับ”PLUGGY – “ผมอยากให้ PIECES มีความสุขในทุก ๆ วัน เยอะ ๆ ครับ เพราะเห็นเขาบอกว่า มาตาม PERSES แล้วมีความสุขมากเลย บางคนชีวิตเศร้ามาก แล้วพอเจอพวกเราก็ได้ inspiration ในการทำงานต่อไป ฉันจะทำงานเพื่อมาเจอพวกเราอะไรแบบเนี้ย แต่ว่าก็อยากให้ทุกคนได้มีความสุขไปเรื่อย ๆ แหละครับ ไม่ว่าจะจากพวกเราเอง หรือจากสิ่งรอบข้าง ถ้าเกิดว่าวันนี้พวกเรายังเป็นความสุข เป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนได้อยู่ พวกเราก็จะทำเต็มที่ แล้วก็หวังว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ แต่ถ้าสมมุติว่าวันไหนที่รู้สึกว่า ความสุขของฉันไม่ใช่พวกเธออีกต่อไปแล้ว ก็ไม่เป็นไรครับ ก็ถือว่าอย่างน้อยเราก็เคยได้เป็นหนึ่งช่วงเวลา แล้วก็ความทรงจำดี ๆ ของกันและกัน”JUNG – “อยากให้ PIECES สุขภาพแข็งแรงครับ แบบว่าทั้งกายแล้วก็ใจด้วยครับ ทางกายเนี่ย อย่างแรกเวลาที่เขามาเจอเรา บางทีเราเห็นเขาป่วยอย่างที่กฤตบอก หรือว่าเขาตะโกนจนเขาไม่มีเสียงแล้ว อันนี้ก็อยากให้รักษาตัวด้วย เอาที่ไหวเด้อ สนุกกันได้แหละ แต่ว่าเซฟ ๆ ในด้านจิตใจด้วย คือบางคนเขามีปัญหาเรื่องภาวะจิตใจต่าง ๆ เนี่ยแหละครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเคมีในร่างกายอะไรต่าง ๆ แต่ว่าถ้ายังเห็นว่าพวกเราเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วย cure เขาได้ ทำให้เขาดีขึ้นได้ ก็อยากให้ทุกคนลองมาเจอพวกเรา แล้วก็ลองมาฮีลใจไปด้วยกัน ก็อยากให้ทุกคนสุขภาพแข็งแรงครับ”PALM – “อยากให้ PIECES ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุดครับ รู้สึกอยากทำอะไรก็ทำไปเลย อยากรู้สึกเศร้าก็เศร้าให้เต็มที่ อยากมีความสุขก็มีความสุขให้เต็มที่เลยครับ เกิดมาทั้งทีอะเนอะ ก็ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด เต็มที่ที่สุดครับ”สุดท้ายให้ PERSES ฝากผลงานหน่อย จะมีอะไรให้เราได้ติดตามกันอีกบ้างNAY – “ก็ฝากเพลง ‘อย่าฝืน’ (Over) ที่เพิ่งปล่อยมา เป็นซิงเกิลที่ 2 จากอัลบั้ม ALTERLAND อยากให้ทุกคนได้ลองฟัง แล้วก็สามารถดู MV ได้ทาง YouTube: gnest_official นะครับผม แล้วก็สำหรับปีหน้า เราคิดว่าเราน่าจะแพลนปล่อยเพลงให้ทุกคนได้ติดตามกันเรื่อย ๆ เลย ไม่ทิ้งเวลาให้รอนานแน่นอนครับ”KRITTIN – “อะไรใหม่ ๆ อะไรที่ทุกคนคิดไม่ถึง อะไรที่แบบ เฮ้ย! เซอร์ไพรส์ อะไรแบบนี้ ก็อยากให้รอติดตามกันครับ”

Talk with “bamm” กับภารกิจครั้งใหญ่ “Mission Impossibamm Concert”

18 ธ.ค. 2024

Talk with “bamm” กับภารกิจครั้งใหญ่ “Mission Impossibamm Concert”

ถึงเวลาเตรียมความพร้อม สำหรับภารกิจครั้งใหญ่ ไปกับเหล่า Agents bamm ใน “Mission Impossibamm Concert” เราเลยขอชวน Agents ทั้งสาม Kagemura Mangki หรือ มาง-ปิยธิดา เล็กกลาง, Rotoscope L หรือ อาร์ตี้-ศรุต ลิ่วเกษมศานต์ และ Benjamin PJ หรือ เปา-ธีรภัทร ตรีวิมล มาพูดคุยถึงภารกิจลับในครั้งนี้กัน“Mission Impossibamm Concert” ชื่อนี้มีที่มายังไงอาร์ตี้ – “ที่มาจริง ๆ ก็คือเราชอบเล่นคำกันอยู่แล้ว มาจาก mission impossible เราก็ขโมยมาเลย ใส่ความเป็นตัวเองเข้าไป เป็น Mission Impossibamm ก็เป็นตีมสายลับครับ ชวนทุกคนมาทำภารกิจด้วยกันในคอนเสิร์ตนี้”bamm มีชื่อสายลับกันด้วย ที่มาของชื่อแต่ละคนมาจากอะไรมาง – “เขาบรีฟมาว่าชื่อสายลับของพวกเราเนี่ย อยากให้ลิงก์กับชื่อจริง ๆ แล้วก็ความสามารถของพวกเรา”เปา – “อย่างของผม Benjamin PJ มันก็ถอดมาจากชื่อผม Baoji ก็จะมีตัว B ตัว J ก็เลยกลายมาเป็น Benjamin ที่มีตัว B กับตัว J เหมือนกัน”มาง – “ของมางชื่อ Kagemura Mangki ค่ะ จริง ๆ Kagemura มันไม่เกี่ยว เป็นแค่นามสกุลญี่ปุ่นที่เอาเข้ามา เพราะแค่อยากเบียวเฉย ๆ เท่ดี แล้วชื่อ Mangki ก็เป็นการเอาชื่อตัวเองมาผสมความเป็นญี่ปุ่นแบบที่เราชอบ”อาร์ตี้ – “ของผม Rotoscope L ครับ Rotoscope มันคือวิธีการไดคัทคนออกจากวิดีโอ”เตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตนี้ยังไงบ้าง มีเรื่องที่กังวลกันไหมมาง – “ความกังวลตอนนี้น่าจะกังวลทุกอย่างเลยค่ะ เพราะมันเป็นคอนเสิร์ตแรกของพวกเรา เราก็อยากที่จะทำให้ทุก ๆ ภาคส่วนออกมาได้อย่างเต็มที่”อาร์ตี้ – “แล้วตอนนี้ก็ยังไม่ได้เคาะอะไรให้ลงตัวขนาดนั้น เลยก็ยังมีหลายเรื่องที่กังวลอยู่”มีต้องไปฝึกหรือเรียนอะไรเพิ่มไหมอาร์ตี้ – “ยังไม่ถึงพาร์ทนั้นครับ”เปา – “กำลังระดมไอเดียกันครับ”มาง – “ตอนนี้กำลังเป็นช่วงเริ่มต้นเค้าโครงทุกอย่าง”อาร์ตี้ – “วันนั้นที่คุณใช้คำว่า ระดมปัญญาเรณู”คอนเสิร์ตจะจัดขึ้นวันที่ 22 ก.พ. เลขสวยมาก เรามีการดูดวงอะไรกันก่อนไหมมาง – “ต้องถามคนเลือกวันแล้วล่ะ”เปา – “ตอนแรกอยากจะไปจัดปี 2222 ด้วย แต่ว่ามันต้องรออีกเกือบ 200 ปี”บัตร VIP ขายหมดเร็วมาก รู้สึกยังไงบ้าง เกินความคาดหมายไหมมาง – “หนูตื่นมาดูแล้วหนูแบบ ห้ะ หนูตื่นมาประมาณ 10 โมง 1 นาที แล้วนึกว่าจะยังเหลืออยู่ แต่ว่า เอ้า หมดแล้ว แล้วหนูก็รู้สึกว่าดีจัง ที่ทุกคนให้ความสนใจ แล้วก็อยากมาเจอพวกเรา ก็ดีใจค่ะ”แต่ละคนมี Mission ไหนในใจ ที่ตอนนี้ยัง Impossible แต่อยากทำมันให้สำเร็จจริง ๆ บ้างอาร์ตี้ – “ทำเพลงอะไรออกไปก็แมส เราอยากทำแบบที่เราชอบ แล้วทำยังไงออกมาก็มีแต่คนชอบ เป็นมิชชั่นครับ”มาง – “ที่ตอนนี้มันยัง Impossible อยู่ ก็คือการได้ไปเล่นคอนเสิร์ตที่ต่างประเทศค่ะ ยังไม่เคยไปเลย ก็อยากให้มัน possible งานไหนก็ได้เลยค่ะ แค่อยากไปเจอแฟน ๆ ที่ต่างประเทศด้วย”เปา – “ตัดสกินเฮดครับ ผมขอไปหลายปีมากแล้ว ตั้งแต่จะเดบิวต์เลย ตอนนี้ก็ยัง Impossible อยู่ ถ้าเป็นไปได้อยากตัดสกินเฮด แล้วก็เพ้นท์เยอะ ๆ ครับ”พูดถึงเพลงโซโล่ของแต่ละคนบ้าง เริ่มที่ “เจ็บก็สิอดเอา” ของมาง ทำไมเลือกทำเพลงโซโล่แรกของเราเป็นแนวนี้มาง – “จริง ๆ ตอนแรกมีคิดว่าจะทำเป็นแนว RB จ๋าไปเลยดีมั้ย ไม่ต้องมีกิมมิคอะไร แต่เราก็รู้สึกว่า เราอยากเพิ่มสีสันให้กับเพลงเพลงนี้ แล้วเราก็เป็นคนอีสาน เราก็เลยเพิ่มความเป็นลูกทุ่งอีสานเข้าไปบวกกับ RB กลายเป็นความเป็นมางแบบสุด ๆ”MV “เจ็บก็สิอดเอา” ได้ต้าห์อู๋ออฟโรดมาแสดงให้ด้วย เราเลือกเองไหม บรรยากาศในการทำงานเป็นยังไงมาง – “เราเสนอไปด้วย บรรยากาศวันนั้นสนุกมากค่ะ มันคือการทำงานกับเพื่อนอะเนอะ ตลกเฮฮากันได้ตามสบาย ไม่มีความเกร็งอะไรเลย สนุกค่ะ ปวดหัวดี”มาที่เพลง “A MAZE” ของเปา เพลงนี้ถือเป็นตัวตนของเราเลยไหม มีจุดเริ่มต้นมาจากอะไรเปา – “เหมือนเราแรปมาตลอดกับวง bamm แต่จริง ๆ เราก็ชอบเล่นกีต้าร์ ร้องเพลงชิล ๆ เรารู้สึกผ่อนคลายกับสิ่งนี้ แล้วก็อยากนำเสนอให้คนเห็นมุมนี้เหมือนกัน ที่มาของชื่อเพลงก็คือผมชอบเล่นคำอยู่แล้ว คำว่า ‘A MAZE’ มันสามารถเล่าได้ทั้งความรู้สึกน่าอัศจรรย์ใจ แล้วก็ความสับสนที่ติดอยู่ในเขาวงกต เลยลองเอามาเล่าในมุมมองของความรักความสัมพันธ์ ว่ามันเล่ายังไงได้บ้าง ก็เลยลองเอามาเขียนดู”เพลงนี้ตีความได้หลายแบบเนอะ เลยอยากรู้ว่าในฐานะคนร้อง เปาตีความเพลงนี้ยังไงเปา – “ใช่ ๆ เราอยากให้มันตีความได้หลายแบบ แต่ก็เอาที่ทุกคนฟังแล้วก็ตีความออกมาในแบบของตัวเอง แต่อย่างเรา เราคิดว่ามันคือมุมมองความรักที่เราติดอยู่ในนั้น แต่เราก็ยินดีที่จะอยู่ในนั้น เหมือนเราติดอยู่ในเขาวงกตที่มันลึกลับซับซ้อน แต่ว่าเรายังมีปลายทางเป็นความรักที่เราเชื่อว่ามันมีอยู่ ยังอยากจะอยู่ตรงนั้นต่อไป”ในมุมมองของเปาที่เป็นคนร้อง มองว่าเพลงนี้เป็นเพลงเศร้าไหมเปา – “เป็นเพลงเศร้า แต่ว่าเรายินดีที่จะเศร้า ไม่ได้เศร้าซึมครับ”มาที่ “เพื่อนคนนั้น” ของอาร์ตี้ เราเคยบอกว่าแต่งให้วง แต่ไม่ได้เอามาใช้ เลยหยิบมาทำเป็นเพลงโซโล่อาร์ตี้ – “ใช่ครับ แต่งให้วงก่อน แต่ว่าสุดท้ายแล้ว เพลงที่ปล่อยออกมาในตอนนั้นคือ ‘เกือบเป็นแฟน’ แล้วเพลงนี้ก็ยังไม่ได้ใช้ ก็เลยขอพี่เขา เอามาทำโซโล่ เพราะว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่แต่งเอง จริง ๆ ผมแต่งไว้หลายเพลง แต่ว่าไม่เคยรู้สึกว่าเพลงไหนเป็นตัวเองขนาดนี้ ก็เลยอยากหยิบเพลงนี้มาทำโซโล่ครับ”จากดราฟแรกตอนนั้นที่ทำไว้ จนมาเป็น “เพื่อนคนนั้น” ที่เราได้ฟังกัน มีการปรับเปลี่ยนอะไรบ้างไหมอาร์ตี้ – “ไม่ได้ปรับเลยครับ ก็เป็นแบบนี้เลย”อาร์ตี้มีส่วนร่วมในเพลงโซโล่ของตัวเองหลายพาร์ทมาก เราทำอะไรบ้างอาร์ตี้ – “แต่งเพลง ทำภาพโปสเตอร์ลงสตรีมมิ่ง กำกับ แล้วก็ตัดต่อ MV ครับ”พาร์ทไหนที่ยากที่สุดสำหรับเราอาร์ตี้ – “ไม่ได้มีพาร์ทไหนยากเป็นพิเศษครับ ความยากคือการแบ่งเวลา กับแบ่งสมาธิเพื่อให้ทุกพาร์ทมันไปด้วยกัน แต่ไม่ได้มีพาร์ทไหนยากเป็นพิเศษ ยากสุดก็น่าจะเป็นพาร์ทแต่งเพลงครับ”ขอคนละ 1 Keyword สำหรับ “Mission Impossibamm” คนที่มาร่วมมิชชั่นครั้งนี้จะได้เจอกับอะไรบ้างเปา – “พลังงานดี ๆ”อาร์ตี้ – “ไขรหัส”มาง – “เตรียมตัวไว้ให้ดี ๆ”“Mission Impossibamm” นี่เราจะชวนทุกคนมาทำมิชชั่นอะไรเปา – “บอกไม่ได้ครับ”อาร์ตี้ – “เก็บเวที”มาง – “แต่มีหลายอย่าง เยอะเลยให้ได้ช่วยกัน ช่วยกันดู ช่วยกันทำ”สุดท้ายให้ bamm ฝากผลงาน และชวนทุกคนมา “Mission Impossibamm Concert” หน่อยมาง – “ขอฝากคอนเสิร์ตแล้วกันเนอะ ชื่อคอนเสิร์ตว่า ‘Mission Impossibamm Concert’ นะคะ ก็จะจัดขึ้นในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ The Street Hall, The Street Ratchada ค่ะ ก็สามารถไปจับจองบัตรกันได้แล้ว ที่ ihaveticket.com ตอนนี้บัตรก็เหลือน้อยมาก ๆ แล้ว อยากให้ทุกคนรีบไปจับจองบัตร แล้วมาโดดมาสนุกกับพวกเราวง bamm กันให้ควัก”“Mission Impossibamm Concert” มี dress code ไหมมาง – “เป็นสายลับในแบบของคุณ อยากเป็นสายลับแบบไหน อยากปลอมตัวมาเป็นอะไร มาได้หมดเลยค่ะ”

Talk with "DICE" กับซิงเกิลใหม่ "พูดไม่ฟัง (Comeback No Comeback)"

16 ธ.ค. 2024

Talk with "DICE" กับซิงเกิลใหม่ "พูดไม่ฟัง (Comeback No Comeback)"

DICE กลับมาพร้อมซิงเกิลใหม่ลำดับที่ 5 กับเพลงช้าเพลงแรก “พูดไม่ฟัง (Comeback No Comeback)” ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของการตัดใจเพื่อมูฟออน เราจึงได้ชวนพวกเขาทั้ง 10 คน มาพูดคุยถึงเบื้องหลังการทำงานในเพลงนี้กันกลับมาอีกครั้งกับเพลงใหม่ "พูดไม่ฟัง (Comeback No Comeback)" เพลงช้าเพลงแรกของ DICE เพลงนี้มีที่มาที่ไปเป็นยังไง คอนเซปต์เพลงเป็นยังไงเฟรม – “สำหรับเพลงนี้ก็จะเป็นเพลงช้า จะมาใน mood อกหัก ชื่อเพลง ‘พูดไม่ฟัง’ ก็จะหมายถึงความสัมพันธ์ ที่เราให้โอกาสคนคนนึงไป แต่เขาก็ยังทำผิดหลาย ๆ รอบ ถึงแม้ว่าเราจะเคยเตือนเขาไปแล้ว คือเขาพูดไม่ฟัง”จีซัง – “เพลงนี้ก็เป็นเพลงแรกที่เราทำเพลงช้านะครับ genre ของเพลงก็จะเป็น Pop RB ตัวเพลงก็จะมี element ของเครื่องดนตรีฟีล 90 หน่อย”เพลงนี้ใช้เวลาเตรียมตัวนานไหม แต่ละคนเตรียมตัวสำหรับเพลงนี้ยังไงบ้างเจย์ – “ถ้ารวมอัดเพลงกับเต้นก็ประมาณเดือนนึง ใช้เวลาซ้อมไม่ได้นานมากครับ แล้วก็ก่อนหน้านี้ เราจะมีเรียนแอคติ้งครับ ด้วยความที่เพลงนี้เป็นเพลงช้าครั้งแรกของ DICE เราก็เลยอยากจะเน้นเนื้อหาที่มันชัดเจน และอารมณ์ของแต่ละบรรทัด แต่ละประโยคที่เราร้องออกไป เราอยากให้คนฟังรู้สึกกับมันจริง ๆ เวลาฟังจะได้ทัชใจเขา”เพลงนี้ได้พี่แจ๊ป The Richman Toy ที่เคยทำงานร่วมกันในเพลง TRAP U มาทำให้ ร่วมงานกันอีกครั้งเป็นยังไงบ้าง เราได้มีเสนอไอเดียอะไรเพิ่มเติม หรือได้เทคนิคอะไรใหม่ ๆ ในการร้องจากพี่เขาไหมอาโป – “จริง ๆ การกลับมาทำงานครั้งนี้ก็รู้สึกว่าง่ายขึ้นครับ เพราะเคยทำงานกันใน TRAP U มาแล้วด้วย เหมือนได้เรียนรู้สไตล์เพลงใหม่ ๆ ที่พี่จ๊อบพี่แจ็ปทำให้ด้วย”มิน – “ที่จริงเพลงนี้เขาก็จะมีเข้ามาคุยกับเราก่อน เหมือน first meet ในการทำเพลง เข้ามาคุยเพื่อที่จะเอาเนื้อหาจากพวกเราไปทำเพลงต่อ แต่เขาก็ทำมาแล้วประมาณนึง คือ draft แรก ซึ่งเพลงนี้ก็คืออันนี้เลย พวกเราฟังแล้วก็ชอบเลย เราชอบไปแล้ว แล้วเราก็ไม่ได้อยากจะเปลี่ยนอะไรขนาดนั้น ก็เลยเอาอันนี้เลย”เจย์ - “พี่จ๊อบพี่แจ็ปเขาค่อนข้างที่จะเน้นไปทางอารมณ์มากกว่า เขาอยากให้สื่อสารให้ออกมาเป็นเพลงของพวกเราจริง ๆ แล้วก็เป็นเนื้อหาของพวกเราจริง ๆ ในเรื่องของอารมณ์เพลง เพราะเรื่องร้องเราก็จะมี meeting ที่มาเคลียร์เรื่องร้อง มาดีไซน์การร้องกัน”พาร์ทท่าเต้น นอกจากจะมีทีม THE KHOREO ที่มาออกแบบท่าเต้นให้แล้ว ก็มีสมาชิกของวง มิน อ๊อตโต้ และเจย์ เข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบและดีไซน์ท่าเต้นด้วย เป็นยังไงบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยมิน – “คือทางฝั่ง choreograph จะมีทีมของพี่เค ก็จะได้ท่าเต้นโดยรวมมาจากพี่เคก่อน คือตอนแรกพี่เคเขาก็ทำมาหลาย draft มีหลายช้อยส์ให้เราเลือก คือเขาทำมาดีมาก ๆ แล้ว แต่คราวนี้เรารู้สึกว่ามันยังไม่เป็นพวกเราขนาดนั้น แล้วเราอยากจับนู่นจับนี่ในแต่ละ draft มาผสมกัน เราก็เลยมีการเอาตัวแทนจากพวกเราไปช่วยกันดู ว่าเราชอบท่าไหนใน draft ของเขา แล้วก็เอามารวม ๆ กันครับ”เจย์ – “ส่วนมากเราจะปรับแก้กันในเรื่องน้ำหนักของท่ามากกว่า ให้มันเข้ากับเพลงมากขึ้น”เพลงนี้เป็นเพลงช้าเพลงแรก การร้องและการเต้นมีอะไรที่ยากหรือง่ายกว่าเพลงที่ผ่าน ๆ มาไหมโอโบ – “ผมว่าสำหรับ DICE ที่ผ่านมา เราจะเต้นเพลงเร็วมาตลอดครับ แล้วก็เหมือนตอนเรามาเต้นเพลงช้า กับร้องเพลงช้ามันต้องใจเย็น บางครั้งเราจะเผลอใส่แรงกับทุกท่า เพราะว่าเราชิน แต่บางครั้งเพลงช้ามันไม่จำเป็นต้องเต้นแรงครับ แต่ว่ามันมี dynamic เต้นแบบใจเย็น ๆ ได้ครับ รู้สึกว่าค่อนข้างท้าทาย DICE ครับ เหมือนพวกก็เรียนรู้กันไป แล้วก็พัฒนาตัวเองเรื่อย ๆ ครับ”มาในพาร์ทของ MV กันบ้าง เรื่องราวและคอนเซปต์เป็นยังไงเจย์ – “เหมือนกับว่าทุกคนแต่ละคนก็จะมีคู่รัก แต่ละคู่ก็จะมีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดี อาจจะแฟนนอกใจบ้าง เขาก็จะเข้ามาที่องค์กร ที่จะช่วยลบความทรงจำเกี่ยวกับความรัก ก็จะมีเจย์กับพี่เจนเย่ที่เป็นนางเอก ก็จะเป็นคนคอยลบความทรงจำของแต่ละคน ให้แต่ละคนลืมเรื่องเจ็บปวดไป”การทำงานกับ "เจน รมิดา" นางเอก MV เป็นยังไงบ้างเจย์ – “กับพี่เจนบอกเลยว่าสนุกครับ พอเราใหม่กับเรื่องการแสดง พี่เจนเขาก็ช่วยสอนไปในตัวด้วย ทำให้การสื่อสารอารมณ์ของแต่ละฉากมันง่ายขึ้น พี่เจนเขาจะเล่นก่อนที่ผู้กำกับจะสั่ง จะเรียกเจย์มาแล้วทำเลย ว่าจะคุยเรื่องไหน จะเอาเรื่องอะไรมาเล่น มันเลยทำให้ง่ายขึ้น”วันถ่ายทำ MV มีอุปสรรคหรือเรื่องสนุก ๆ อะไรที่พอจะแชร์ให้ฟังได้บ้างไหมมิน – “สำหรับพวกผมอาจจะง่ายขึ้นมาหน่อย เพราะคนที่หนักจะเป็นเจย์ เจย์จะเป็นคนดำเนินเรื่อง ส่วนพวกผมจะมีเวลาชิลหน่อย แต่ก็จะมีพาร์ทที่หนักในส่วนของตัวเอง ที่ต้องเล่นซีนอารมณ์ ผมว่าทุกคนที่หนัก น่าจะเป็นซีนที่นอนแล้วลบความทรงจำ เพราะอันนั้นต้องใช้ outer สุด ๆ เลยอะ ใช้ energy เยอะ”แล้วแต่ละคนคิดถึงอะไร ตอนที่เล่นซีนอารมณ์ยาก ๆ แบบนั้นออกมาจีซัง – “จริง ๆ เราจะมีบรีฟจากพี่เอสผู้กำกับ เขาจะมาบรีฟเราก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ว่าแต่ละซีนของแต่ละคนมีสตอรี่แบบไหน แต่ละคนอยากให้มันเป็นยังไงบ้าง ก็เลยพอจะมีภาพในหัวอยู่”สำหรับ DICE แต่ละคน คิดว่าใคร ‘พูดไม่ฟัง’ มากที่สุดในวง แล้วพูดไม่ฟังเรื่องอะไรโอโบ – “สำหรับผมพี่อาโปพูดไม่ฟัง หมายถึงหลาย ๆ เรื่องเลย อย่างแบบตอนที่ผมเป็นห่วงเขา แบบเขาชอบเอารองเท้าที่ไม่ใช่รองเท้าเต้นมาใส่เต้น รองเท้าใหญ่ ๆ อะ พอเอามาใส่เต้นมันก็จะไม่สะดวก แล้วเขาก็ล้ม ผมก็เลยไปพูด แล้วเขาก็ไม่ฟัง อะไรเล็ก ๆ แบบเนี้ย เขาดื้อครับ”จีซัง – “ของซังเหมือนโอโบเลยครับ อาโปครับ เจาะจงเรื่องไม่ได้เหมือนโอโบ แต่จะเป็นมวลรวมที่ สมมติว่าพูด ๆ อะไรให้เชื่ออยู่ ก็จะกรี๊ด ๆๆๆๆ แล้วก็คำราม ๆ ใส่ซัง”เจย์ – “ของผมเป็นเฟรมครับ (เฟรม: อันนี้เหมือนแค้นนะเนี่ย / DICE: หัวเราะ) เฟรมเนี่ยเขาเป็นคนชอบร้องเพลงครับ เวลาเฟรมมาถึงที่ค่ายเนี่ย ตัวเขาจะเริ่มบรรเลงเพลงละ แล้วจะมีเพลงต่างกันในทุก ๆ วัน”อเล็กซ์ – “ของผมใครดี... ของผมคิดว่าน่าจะเป็นชีสครับ คือชีสเขาจะมีความแบบว่า เขาจะชอบเข้ามาแกล้งผม แล้วพอผมพูดให้ชีสหยุด เขาจะไม่ยอมหยุดไงครับ จะชอบเข้ามาแกล้งเรื่อย ๆ ยิ่งห้ามยิ่งทำ (เฟรม: เหมือนพี่อเล็กซ์เลยอะ / โอโบ: พี่น่าแกล้งรึเปล่า / ชีส: อาจจะเป็นเพราะพี่น่าแกล้งก็ได้น้า) นั่นแหละครับ ชีสพูดไม่ฟังครับ”อ๊อตโต้ – “ของผมคิดว่าเฟรมครับ (เฟรม: เจ้าคิดเจ้าแค้น 2 ละ) ไม่ว่าจะเป็นแกล้ง จั๊กจี้ หรือว่าจะเป็นเวลาคิดเห็นไม่ตรงกันครับ แล้วเราก็จะพูดไปก่อน เราทั้งคู่ก็จะพ่น ๆๆๆ ไปก่อน แต่ใครถูกไม่รู้นะ (เฟรม: อันนี้อาจจะเป็นทั้งวงเลยครับ)”ชีส – “ของผมเป็นพี่อเล็กซ์เหมือนกันครับ ถ้าคุณบอกว่าผมแกล้งคุณแล้วผมไม่ฟัง ผมไม่เถียงเรื่องนี้ แต่ผมก็เกิดกับคุณเหมือนกัน คุณก็มาแกล้งผม ผมพูดให้หยุด คุณก็ยังแกล้งผมเหมือนเดิม (อเล็กซ์: ก็เอาคืนไง) มันก็จะยอมกันไม่ได้ไง มันเป็นฟีลว่าผมอยู่ในบล็อกกิ้ง แล้วพี่อเล็กซ์เขาก็จะชอบแอบมาแกล้ง ๆ ผม ผมบอกว่าหยุด ๆๆ แต่เขาก็จะแกล้งอยู่เรื่อย ๆ”มิน – “ครับผม ของผมก็เป็นโอโบครับ เพราะโอโบเหมือนอเล็กซ์อะ ยิ่งห้ามยิ่งทำอะ เวลาผมบอก ‘โอโบอย่าเพิ่งเล่น’ มาละ ‘#?$*)%X#$’ (โอโบ: ผมไม่เคยทำแบบนั้นเลยนะ) ไม่ใช่ประมาณนี้ แต่ก็เป็นฟีล ๆ นี้”อาโป – “ของหนูก็โอโบครับ เขาไม่ค่อยชอบฟังหนู เวลาที่หนูจะเตือนอะไรเขา เขาก็เป็นคนไม่ชอบฟังหนูเหมือนกัน”แมดดอค – “ของผมนะครับ พี่โอโบเหมือนกัน คืออันนี้ผมนึกถึงเรื่องนึงได้ เวลาก่อนถ่าย MV หรือก่อนโชว์อะไรอะ เขาจะชอบลงไปวิดพื้นบนพื้น แล้วเขาแต่งตัวเต็มแล้ว แล้วมันจะสกปรก ผมก็บอกว่า ‘พี่โอโบไม่ต้องวิดแล้ว ตอนนี้กล้ามพี่มันไม่ขึ้นหรอก มันจะขึ้นโชว์แล้วมันไม่ขึ้นหรอก’ แล้วเขาก็บอกไม่เป็นไร เป็นความสบายใจ”เฟรม – “ของเฟรมก็พี่โอโบเหมือนกันครับ แถวล่างเนี่ยพี่โอโบกินเรียบ เพราะพี่โอโบเนี่ยเป็นคนเชื่อคนยากแล้วกันครับ เขาจะชอบมาถาม มาเช็คตัวเองว่า ‘อันนี้ดีมั้ย’ แล้วผมบอกว่า ‘ดีนะ อันนี้ดีมาก ๆ’ ด้วยความจริงใจแบบ 100% เขาก็จะถามย้ำ ‘จริงปะเนี่ย จริงมั้ย’ แล้วก็ไปถามคนอื่นอีก ก็แบบพูดไปแล้วก็ไม่ฟัง (โอโบ: อันนั้นคือฟัง แต่ว่าเก็บข้อมูลทีละคนไง)”DICE แต่ละคน มีศิลปินในดวงใจไหมมิน – “ของผม ช่วงนี้ Serious Bacon ครับ”อาโป – “ของหนูคือพี่โบกี้ไลอ้อน ณิชชาฎา วีระสุทธิมาศ”แมดดอค – “ถ้าตอนนี้ผมชอบพี่เจฟ ซาเตอร์ ครับ”เฟรม – “ผมชอบเจย์ ENHYPEN ครับ (ชีส: แล้วเจย์ DICE ล่ะครับ) อันนี้เก็บไว้ก่อนครับ”ชีส – “ของผมชอบพี่อาซาฮิ TREASURE ครับ ชอบในพาร์ทเพอร์ฟอร์มครับ”อ๊อตโต้ – “โต้ชอบ ZEROBASEONE ครับ”อเล็กซ์ – “ผมชอบ ENHYPEN ครับ ทั้งวงเลย”เจย์ – “ผมชอบนิกิ ENHYPEN ครับ”จีซัง – “ผมชอบโดยอง NCT ครับ”โอโบ – “ผมชอบโดยองกับแฮชาน NCT ครับ”อยากให้ DICE พูดอะไรถึง PRIZE หน่อยเฟรม – “จริง ๆ พวกเรารัก PRIZE มากครับ รักแฟนคลับทุก ๆ คนเลยชาว PRIZE พวกเราดีใจมาก ๆ เลยที่ทุกครั้งที่เราปล่อยผลงานอะไรไป หรือแม้กระทั่งจะเป็นการลิปซิงค์ลง TikTok ลง IG แล้วการที่ผมนั่งอ่านคอมเมนต์ แล้วมีคนมาชมเรา มาคุยเล่นกับเรา ผมรู้สึกว่าเป็นอะไรที่น่ารักมาก ๆ เลย ทุกครั้งที่ได้ลงอะไรไป เราก็อยากจะอ่านคอมเมนต์มาก รู้สึกว่ามันดีใจที่ยังมีคนรักเราเหมือนกัน”ขอ 1 เรื่องที่พูดแล้วอยากให้ PRIZE ฟังเฟรม – “ผมอยากให้ชาว PRIZE ทุกคนพักผ่อนเยอะ ๆ อยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพตัวเองมาก ๆ ครับ แล้วก็ช่วงนี้ใกล้สิ้นปีแล้วด้วย ไปเที่ยวไหนก็อยากให้เดินทางปลอดภัย แล้วก็รักษาสุขภาพครับ”สุดท้ายฝากผลงานกันหน่อย เร็ว ๆ นี้จะมีอะไรให้เราติดตามกันอีกบ้าง ทั้งงานวงและงานเดี่ยวมิน – “ก็ขอฝากโซเชียลมีเดียของวง X: DICE_SONRAY Instagram/Facebook: dice.sonray แล้วก็สามารถรับชม MV ของพวกเราทุกเพลงเลย ตั้งแต่ Mona Lisa, โคตรชอบเลยอ่ะ (Hey ! I Like You), TRAP U, YES MAN, พูดไม่ฟัง (Comeback No Comeback) จนถึงต่อ ๆ ไป ก็ดูได้ที่ YouTube: TADA LABELS แล้วก็คอนเทนต์อื่น ๆ ของพวกเรา ดูได้ที่ YouTube: DICE ครับผม”อาโป – “ก็ฝากโปรเจคหนังที่ไปเล่นกับ GDH ด้วยครับ จะเข้าโรงประมาณต้นปีหน้าครับ ชื่อเรื่อง Flat Girl อยากให้ไปดูกันเยอะ ๆ ครับผม เพราะหนังเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแรกของโป แล้วก็ตั้งใจมาก ขอบคุณครับ”

Talk with “MXFRUIT” ถึงซิงเกิลล่าสุด “รักเธอใหม่ได้หรือเปล่า (one more chance)”

04 ธ.ค. 2024

Talk with “MXFRUIT” ถึงซิงเกิลล่าสุด “รักเธอใหม่ได้หรือเปล่า (one more chance)”

ห้าสาว "MXFRUIT" กลับมาพร้อมซิงเกิลใหม่ล่าสุด กับเพลง "รักเธอใหม่ได้หรือเปล่า (one more chance)" เพลงเศร้าที่เป็นตัวแทนของคนที่เคยทำผิดพลาดในอดีต และอยากจะขอโอกาสอีกครั้ง เราเลยถือโอกาสชวนสาว ๆ "MXFRUIT" มาพูดคุยถึงเรื่องราวในเพลงนี้กันกลับมาอีกครั้งกับเพลงใหม่ “รักเธอใหม่ได้หรือเปล่า (one more chance)” เพลงนี้มีที่มาที่ไปเป็นยังไงขนมจีน – “เพลงนี้จุดประสงค์เริ่มแรก คือ MXFRUIT อยากมีเพลงที่ฟังง่ายมากขึ้น ที่ผ่านมาเราก็จะเน้นดนตรีค่อนข้างเยอะเลย ดนตรีแบบตุ้บตั้บ ๆ เพลงนี้ก็อยากจะดาวน์ดนตรีลงมา เน้นที่เมโลดี้ และเนื้อร้องมากขึ้น”เตรียมตัวสำหรับเพลงนี้ยังไงบ้างมิเคลล่า – “ต้องเตรียมตัวในเรื่องของการตีความค่ะ ว่าเราจะเศร้าเลเวลประมาณไหน เศร้ายังไงให้เท่ากัน ให้ทั้ง 5 คนเป็นเรื่องราวเดียวกัน”เพลงนี้มีความยากง่ายต่างจากเพลงที่ผ่าน ๆ มาไหมโรเชล – “ถ้าเป็น vocal range เพลงนี้ง่ายกว่าเพลงอื่น ๆ แต่เพลงนี้ความหมายมันลึก มันต้องสื่อให้ถึง แล้วต้องตีความให้เลเวลเท่ากันเหมือนที่มิเคลล่าบอก”ขนมจีน – “หนูว่าเพลงนี้ยากตรงที่การร้องหรือการเข้าใจจังหวะ ความหน่วงอะไรอย่างนี้ เพราะเพลงนี้โวคอลมันลีด ดนตรีมันมันเพลน ๆ เพลงก่อน ๆ เหมือนดนตรีค่อนข้างช่วยเราเยอะ เราก็จะร้องแบบไม่ได้ยินเสียงร้องชัดขนาดนี้ เพลงนี้ก็เลยจะยากในการปั้นคำ ปั้นอารมณ์ ค่อย ๆ บิ๊ว”เพลงนี้ได้พี่แทน Lipta และพี่ข้าว fellow fellow มาทำเพลงให้ การทำงานกับพี่ ๆ เป็นยังไงบ้างอปป้าเพชร – “มีไปนั่งคุยกันกับพี่แทน”มิเคลล่า – “ใช่ค่ะ จริง ๆ ก่อนที่เราจะเริ่มทำเรื่องเพลง พี่แทนก็จะมี draft lyric มาก่อน มีเนื้อร้องมาให้เราก่อน แล้วก็มาพูดคุยกับเราทุกคนเลยว่า ใครโอเคไม่โอเคตรงไหน หรือว่าเรื่องราวเราชอบไหม อยากเล่าแบบนี้ไหม”เรามีเสนอไอเดียอะไรสำหรับเพลงนี้ หรือได้เทคนิคใหม่ ๆ จากพี่ ๆ บ้างไหมมิเคลล่า – “อย่างที่น้อง ๆ บอก มันเป็นเพลงที่สื่อสารมาก ๆ พวกเราพยายามจะใช้เทคนิคไม่ให้ overload จนเกินไป ไม่เยอะจนเกินไปจนฟังยาก เราพยายามจะให้มัน easy listening ที่สุด ถึงแม้ว่าตอนท้ายจะกรี๊ดกันก็ตาม เพราะตอนนั้นมันเป็นจุดพีคแล้ว แต่ตั้งแต่เริ่มจนจุดพีค เป็นการดำเนินเรื่องผ่านเพลงที่เพราะ แล้วก็ค่อย ๆ บิ๊วขึ้นตามอารมณ์”เพลงนี้มีท่าเต้นด้วย เต้นยากไหมอปป้าเพชร – “เพลงนี้ถึงแม้ว่าเป็นเพลงช้า คนคิดว่าจะเต้นง่าย แต่จริง ๆ ยากมาก ยากกว่าที่ผ่านมา เพราะว่าด้วยเรื่องจังหวะด้วย ที่เราต้องเก็บเท่ากัน พร้อมกัน เราใช้เวลาซ้อมเพลงนี้เยอะอยู่ กว่าที่จะเท่ากัน แต่ว่าตอนนี้ก็ยังไม่ได้เพอร์เฟคเท่ากันขนาดนั้น"มิเคลล่า – “มันเป็นท่าที่ใช้ core control ค่อนข้างเยอะ หมายถึงการเกร็งกล้ามเนื้อค่ะ จะมีความยืด ความย้วยของท่า ที่มันลิงก์กับความเศร้าของเพลง แต่มันทำให้บางทีเราอาจจะใช้คอนโทรลเยอะกว่าท่าเต้นที่ล็อค ๆ ก็ท้าทายเราในอีกพาร์ทนึงดีค่ะ”แล้วการเต้นเป็นอุปสรรคในการร้องและสื่อสารอารมณ์เพลงมั้ยอปป้าเพชร – “เราลองท่าแล้วค่ะ ลองว่าท่านี้ร้องได้มั้ย สำหรับหนูก็ยากอยู่นะคะ หมายถึงว่าช่วงแรก ๆ แต่ไปเรื่อย ๆ ก็ชินขึ้น”ขนมจีน – “จริง ๆ คุณครูเขาเหมือนคิดมาให้ตอบสนอง และสื่ออารมณ์กับเพลงอยู่แล้วค่ะ ก็เลยไม่ค่อยฝืนมากถ้าเป็นเพลงเศร้าแล้วต้องมาเต้น เพราะทุก ๆ ท่า ครูเขาจะบอกเราหมดเลย ว่าอันนี้ความหมายอะไร มือทำท่านี้คือเก็บความทรงจำเอาไว้ แล้วอยู่ดี ๆ มันหายไป ทุกท่ามีสตอรีอยู่ในนั้น เลยไม่ได้ทำให้รู้สึกว่ามาเต้นเพลงเศร้า แล้วมันจะรู้สึกขัดอะไรค่ะ”ในพาร์ทของ MV บ้าง เพลงนี้มาในคอนเซ็ปต์อะไร เล่าให้ฟังหน่อยมิเคลล่า – “สตอรี MV นี้นะคะ setting แรกจะเป็นงาน reunion ค่ะ จาก 2014 มา 2024 ค่ะ ก็จะเป็น reunion ที่พี่ตู กับพี่เก่ง พระเอกนางเอกของเรา ได้กลับมาเจอกัน จากที่เขาห่างหายกันไปในวัยเรียน กลับมาเจอกันอีกครั้ง แล้วก็เกิดคำถามว่า ‘รักเธอใหม่ได้หรือเปล่า’ อยากรู้ว่าเกิดคำถามยังไงต้องไปดูใน MV ค่ะ หนูไม่อยากพูดเยอะเดี๋ยวมันสปอยล์”บรรยากาศในการถ่ายทำ MV มีอุปสรรคหรือเรื่องสนุก ๆ อะไรที่พอจะแชร์ให้ฟังได้ไหมสกาวเดือน – “อุปสรรคน่าจะเป็นความร้อนกับส้นสูงค่ะ หมายถึงว่าวันนั้นเป็นกอง MV ที่หนูรู้สึกว่าสบายที่สุดแล้วเท่าที่ทำมา เพราะ MXFRUIT ไม่ได้มีซีนที่จะต้องเข้าร่วมเยอะ ตอนที่ MV จะออก หนูลุ้นมาก เพราะว่าเกือบจะทั้งหมดพวกเราไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นพี่ตูกับพี่เก่งที่เล่นกัน ก็จะมีที่พวกเราเข้าไปเหมือนเป็นตัวแทนเล่าเรื่องราว”มิเคลล่า – “เราเป็น 5 สาวคิวปิดของพี่ตู”ถ้าให้เลือกชวนใครก็ได้ในวงการทีป๊อปไปพรอมไนท์ แต่ละคนจะเลือกชวนใคร เพราะอะไรขนมจีน – “BUS แล้วกัน”อปป้าเพชร – “12 คนเลยหรอ”ขนมจีน – “ชวนไปทั้งวงเลยชวนง่ายดีค่ะ ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ แบบว่าไปด้วยกันมั้ย ไปทีเดียวเลยทั้งบ้าน”แล้วเวลาเต้นคู่กันเราทำยังไงขนมจีน – “เราก็เลือกซักคนนึง ใครว่างตรงนั้น ยืนอยู่กับเราก็เลือกคนนั้น”อปป้าเพชร – “หรือจะเป็นวง เต้นกับเป็นวงกลม”โรเชล – “คนละ 30 วิ สลับคน”ถ้ามี one more chance แต่ละคนมีเหตุการณ์ไหนที่เราอยากจะขอแก้ตัวอีกครั้งมิเคลล่า – “ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้ค่ะ ตอนเด็ก ๆ รู้สึกว่าตอนเด็กใช้ชีวิตแบบ สุดโต่งไปหน่อย อาจจะเบรคนิดนึง”โรเชล – “สำหรับเชล ส่วนตัวไม่ค่อยชอบคิด regret อะไรซักอย่าง เรื่องที่มันผ่านไปแล้ว เราทำอะไรไม่ได้ but ถ้ากลับไปวัยเรียน มันไม่ได้เหมือนขอโอกาส แต่ว่าอยากเล่นกีฬามากกว่านี้ กล้าที่จะเล่นกีฬามากขึ้น join team เพราะตอนเรียนเราไม่ค่อยกล้าขนาดนั้น แบบ ‘fine you guy join ไปเลย I ขี้เกียจเล่นอะ’ ตอนนั้นเราไม่ค่อยเข้าสังคมมากขนาดนั้น”อปป้าเพชร – “น่าจะเป็นเรื่องขอโอกาสกลับไปตั้งใจเรียนอีกครั้งนึง เพราะพรุ่งนี้สอบค่ะ คือในเวลาเรียนเนี่ย บางทีเราก็ง่วงบ้าง ไม่ได้ตั้งใจฟังอาจารย์ 100% ขนาดนั้น แต่ก็ฟังนะคะ แต่ก็ลืมค่ะ พรุ่งนี้หนูสอบอัตนัยด้วย ข้อเขียน ก็อยากขอโอกาสกลับไปตั้งแต่ต้น ไปตั้งใจเรียนใหม่หน่อยค่ะ”สกาวเดือน – “พูดถึงการเรียนแล้ว หนูก็เป็นการเรียนต่อเลยค่ะ อยากขอโอกาสคุณครูอีกรอบค่ะ ให้หนูกลับไปสอบตะกร้อใหม่ คือครูให้เดาะตั้ง 30 รอบ หนูทำไม่ได้ค่ะ”ขนมจีน – “ถ้าย้อนกลับไปได้ จะขอโอกาสกลับไปนอนเมื่อคืน เมื่อคืนหนูท่องยุทธภพนานไปหน่อย ไม่ได้นอนเลย คือตั้งแต่ตื่นมาเมื่อวานจนถึงตอนนี้ หนูยังไม่ได้นอนเลย เพราะว่าหนูนั่งดูซีรีส์ มันสนุกมาก ถ้าเป็นไปได้หนูอยากกลับไปนอน อยากห้ามตัวเองว่าพอแล้ว ไปนอนเถอะ”มิเคลล่า – “หนูขอเสริมอีกนิดนึง เรื่องที่สุดโต่งคือเรื่องมอเตอร์ไซค์ หนูลืมพูดไป ตอนเด็กหนูชอบขับมอเตอร์ไซค์ แล้วรถล้มบ่อย อยากกลับไปดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้ เมื่อก่อนชอบซิ่งไปโรงเรียน”อยากรู้ว่าอะไรคือเป้าหมายสูงสุดของ MXFRUIT ในเส้นทางการเป็นศิลปินอปป้าเพชร – “global เลยค่ะ มี XG เป็นแรงบันดาลใจ”แล้วเรามีเป้าหมายไหม ว่าเราอยากจัดคอนเสิร์ต หรือแสดงที่ไหนเป็นพิเศษโรเชล – “หนูเพิ่งดู Lollapalooza ที่เป็น music festival หนูว่าน่าไปเล่นนะคะ รู้สึกว่าถ้าได้ไปเล่นก็นี่แหละคือที่สุด”มีอะไรในวงการที่เรายังไม่เคยทำ แล้วอยากลองทำไหม จะเป็นเบื้องหน้าหรือเบื้องหลังก็ได้โรเชล – “อยากลองเป็นผู้กำกับ MV ของตัวเอง ตอนอยู่โรงเรียนเคยเรียน film ค่ะ ก็เลยอยากกลับไปทำอีกครั้ง”อปป้าเพชร – “หนูอยากเป็น camera girl ค่ะ อยากเป็นตากล้อง อยากไปลองงานข้างหลังบ้าง”ขนมจีน – “หนูอยากเป็น producer ค่ะ นักแต่งเพลง อยาก produce เพลง”สกาวเดือน – “อยากลองเป็นนักแสดงอินดี้ดูค่ะ อาจจะเข้า”มิเคลล่า – “หนูอยากลองเป็นครีเอทีฟค่ะ หนูรู้สึกว่าหนูเห็นจากทั้งในค่ายหนู แล้วก็ผลงานเพื่อน ๆ พี่ ๆ T-POP แล้วรู้สึกว่าน่าสนุกดี อยากคิดอะไรใหม่ ๆ”อปป้าเพชร – “อันนี้ 5 คน เราสร้างเพลงได้ 1 เพลงเลยนะ เดี๋ยวเปิดค่ายเลย”ขนมจีน – “ศิลปินคือเรากันเอง”มีแนวเพลงไหนที่เราอยากทำแล้วยังไม่ได้ทำไหมโรเชล – “อยากลองแบบ Electro Pop แต่ไม่ได้ EDM อะไรขนาดนั้นนะคะ จะมีความ upbeat มากขึ้น จริง ๆ เพลงเราก็ upbeat อยู่ถ้าเป็นแบบเพลง ‘นี่นะคะ (I’m Here!)’ หรือ ‘strawberry ice cream’ แต่ว่าอยากให้ sound มีความ electric มากขึ้น”สุดท้ายอยากให้พูดอะไรถึง Smoothies หน่อยมิเคลล่า – “ก็ขอขอบคุณนะคะ Smoothies ทุกคนเลยที่ติดตาม MXFRUIT ตั้งแต่แรกหรือเพิ่งติดตามก็ตามนะคะ พวกเราดีใจมาก ๆ ที่ทุกคนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของเหล่าน้ำปั่นของพวกเรา MXFRUIT แล้วก็หวังว่าจะยังอยู่ด้วยกันตลอดไป แล้วก็อยากให้รอติดตามผลงานภายในปีนี้ ปีหน้า แล้วก็เรื่อย ๆ เลย พวกเรามีอะไรสนุก ๆ ให้ติดตามอีกเยอะแน่นอนค่ะ”

Talk with "BUS" because of you i shine ที่มาพร้อมซิงเกิลล่าสุด "TRANSFORMER"

11 พ.ย. 2024

Talk with "BUS" because of you i shine ที่มาพร้อมซิงเกิลล่าสุด "TRANSFORMER"

BUS because of you i shine กลับมาพร้อมซิงเกิลใหม่ที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตไปอีกขั้นหนึ่ง กับเพลง "TRANSFORMER" ซึ่งเล่าผ่าน Concept ของความ Futuristic เราจึงได้ชวน จั๋งธีร์, เน็กซ์ และจินวุค ตัวแทนจาก BUS มาพูดคุยถึงเบื้องหลังการทำงานในเพลงนี้ และความรู้สึกถึง Knock Knock Knock : BUS 1st THAILAND FANCON TOUR ที่ผ่านมากันกลับมาอีกครั้งกับเพลงใหม่ 'TRANSFORMER' เพลงนี้นับได้ว่าเป็นแนวใหม่ ๆ ของบัสเลยไหมเน็กซ์ – “ใช่ครับ มันจะเป็นเพลงที่มีความ futuristic มีความเป็นอนาคตมากขึ้น แล้วเพลงนี้เป็นเพลงที่ทั้งบีท ทั้งตัวเพลงเองมีความพุ่ง มีความหนักมากที่สุดในบรรดาเพลงของพวกเรา”เพลงนี้มีที่มาที่ไปยังไง คอนเซ็ปต์เพลงเป็นยังไงจินวุค – “จริงๆตอนเดโม่แรกจากต่างประเทศ เพลงไม่ได้เป็นเนื้อหาแบบตอนนี้ แต่ว่าพวกเราได้เปลี่ยนเพลงให้มันเป็น T-POP ใส่ภาษาไทยเข้าไป ผสมกับภาษาอังกฤษด้วย”จั๋งธีร์ – “คือตอนแรกเรามีเพลงที่ MonoTree แต่งมา เราก็ได้นำมาเปลี่ยนเป็นภาษาไทยเป็นเพลง TRANSFORMER ซึ่งเอาจริง ๆ ชื่อเพลงนี้ เป็นชื่อที่เขาตั้งมาอยู่แล้ว แต่เนื้อหาข้างในยังไม่ใช่แบบนี้ แล้วพอจะทำมาเป็นภาษาไทย เราก็ชอบในความที่ชื่อมันเป็น TRANSFORMER เราก็เลยเอาเนื้อหาตรงนั้นมาโยงเป็น TRANSFORMER ที่ทุกคนเห็น ก็คือการที่เราจะสามารถเปลี่ยนให้เธอได้นะ เปลี่ยนจากเขามาอยู่กับเราดีกว่า”จินวุค – “พี่ AUTTA เป็นคนทำออกมา จริง ๆ เป็นเรื่องที่ยากมากนะครับ กับการที่ทำเนื้อเพลงออกมาให้เป็นภาษาไทย แล้วก็ฟังแล้วยังดูเท่อยู่”เน็กซ์ – “เพราะภาษาไทยมันมีวรรณยุกต์”จินวุค – “แล้วพี่เขายังสามารถสื่อความหมายของคำว่า TRANSFORMER ที่เราอยากเก็บไว้ได้ด้วย”เพลงนี้โชว์ครั้งแรกที่ FANCON TOUR ขอนแก่น ก่อนที่เพลง และ MV จะปล่อย ตอนนั้นเรารู้สึกยังไงบ้าง ตื่นเต้นหรือกดดันมากกว่าเพลงก่อน ๆ มั้ยจั๋งธีร์ – “จั๋งไม่ได้ไป FANCON ที่แรก” (หัวเราะ)จินวุค, เน็กซ์ – “วันแรกจั๋งป่วย”เน็กซ์ – “ผมตื่นเต้นมาก เพราะเหมือนกับว่าคนยังไม่เคยเห็นเพอร์ฟอร์ม ยังไม่เคยฟังเพลง เพราะงั้นที่แรกที่เราไป มันจะกลายเป็นภาพจำว่า TRANSFORMER เป็นเพลงยังไง ตอนนั้นเราก็เลยตั้งใจกันมาก ๆ ครับ”จินวุค – “ผมส่วนตัวคือตื่นเต้นประมาณนึง แต่รู้สึกดีใจที่ได้โชว์ก่อนเพลงออกมากกว่า เพราะรู้สึกว่าสำหรับคนที่มาดูวันนั้น คงรู้สึกเซอไพรส์มาก คือเพลงนี้ค่อนข้างเต้นเดือดมาก มันยากมาก แล้วรู้สึกว่าอยากรีบโชว์ให้โลกเห็น ว่าเราทำสิ่งนี้ด้วยนะ”จั๋งธีร์ – “อยากรีบโชว์ให้รู้ว่าเราเก่งแค่ไหน ส่วนผมคือไถทวิตเตอร์ตลอดเลย ไม่น้อยใจฮะ” (หัวเราะ)แล้วจั๋งธีร์ที่ดูเพื่อน ๆ โชว์อยู่เป็นยังไงบ้าง รู้สึกยังไงจั๋งธีร์ – “รู้สึกตื่นเต้นแทนเพื่อน เห็นแล้วรู้สึกขนลุกเลย ขนาดนั่งดูในโทรศัพท์ รู้สึกภูมิใจ เอาจริงเพิ่งเคยเป็นมุมมองคนดูครับ คิดว่าเป็นบีอัสคงภูมิใจมาก ขนาดผมดูเองผมยังรู้สึกเห้ยเพื่อนเก่งจังเลย ภูมิใจในตัวเพื่อน แล้วก็อยากไปอยู่ตรงนั้นเหมือนกัน รู้สึกอย่างนั้น ตอนนั้นผมก็ตามดูตลอดว่าถึงโชว์ไหนแล้วนะ โชว์ 1, 2 ไปโชว์ 3 หรือยัง ถึงไหนแล้วนะตอนนี้”ในพาร์ทการร้องและการเต้น มีจุดไหนที่รู้สึกว่ายากหรือง่ายกว่าเพลงก่อน ๆ มั้ยจินวุค – “พาร์ทเต้นค่อนข้างยากขึ้นประมาณนึง เพลงมันเร็ว เราก็จะต้องเต้นสับ เต้นไม่หยุดเลย แล้วท่ามันค่อนข้างกว้าง ซึ่งการที่เต้นท่ากว้างให้ไลน์เป๊ะมันยากมาก”เน็กซ์ – “คือมันต้องเต้นให้กว้าง ให้เร็ว ให้คม ให้พร้อมกัน ให้เท่ากัน มันเลยยากตรงนี้”จินวุค – “เป็นเพลงที่ออกแบบมาให้ดูจะเต้นพร้อมกันยากมาก ๆ แต่เราก็ทำได้อยู่”แล้วยากไหมกับการที่ต้องเต้นแบบนี้แล้วร้องไปด้วยเน็กซ์ – “เอาจริง ๆ มันก็ยากนั่นแหละ เพราะด้วยตัวเพลงเองมันเร็ว แล้วก็บวกกับท่าเต้นด้วย พอร้องออกมามันค่อนข้างยากพอสมควรเลย”จินวุค – “ส่วนตัวผมไม่ค่อยยากครับ เพราะว่าท่อนผมมาช่วงแรก ๆ แล้วท่อนผมจริง ๆ เพื่อน ๆ จะเป็นคนเต้น แล้วผมก็แค่แรปชิล ๆ ท่อนที่ 2 ของผมก็แค่เดินร้อง ทุกคนจะเต้นแทน”มาที่พาร์ท MV บ้าง MV นี้มีคอนเซ็ปต์ยังไง เล่าให้ฟังหน่อยเน็กซ์ – “คอนเซ็ปต์อย่างที่บอกไปตอนแรกเลยว่าคือ futuristic ใช่ไหมครับ ก็บอกไปเลยแล้วกันว่าตอนแรกเราได้ inspiration มาจาก The Matrix ก็จะมีความแว่นดำ มีสีเขียว มีโค้ดวิ่ง ๆ มีความ future อยู่ ก็เอาคอนเซ็ปต์นั้นมาเป็นหลัก ก็จะมีฉากที่ให้มันลิงก์กับ TRANSFORMER ก็จะมีพี่ขุนแปลงร่างเป็นรถ กระโดดไปเป็น TRANSFORMER”วันถ่ายทำ MV มีอุปสรรคหรือเรื่องสนุก ๆ อะไรที่พอจะแชร์ได้บ้างมั้ยเน็กซ์ – “ฝนตก”จั๋งธีร์ – “วันถ่ายวันแรกไม่ค่อยมีอุปสรรคอะไร เพราะเราถ่ายในสตูดิโอ ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่เราเซ็ตได้ แต่พอวันที่ 2 ที่เราไปถ่ายที่ม.กรุงเทพ มันอยู่กลางแจ้ง แล้วสภาพอากาศเราก็คุมไม่ได้ ก็มีฝนตกครับ เอาเป็นว่าเขาจุดธูปกันนานอยู่ครับ คือมันไม่ได้ตกก่อนถ่าย มันตกระหว่างที่เราถ่ายทำพอดี เราเลยเริ่มคิดหนักว่าทำไงดี เพราะเราก็ถ่ายไปแล้วประมาณนึง เราจะเริ่มจากศูนย์ใหม่เลยไหม หรือว่าจะรอแล้วถ่ายต่อ กลัวจะไม่ต่อเนื่องกันด้วย ก็จุดธูปกันจนฝนหยุดตก แต่ก็ใช้เวลาอยู่ แล้วเราก็รีเซ็ตถ่ายกันใหม่”เน็กซ์ – “พวกผมก็นั่งเล่น นั่งกินรอ”จินวุค – “กินขนมปังรอ”เน็กซ์ – “แล้วก็มีอีกนิดนึง ตอนฝนมันตก แล้วพอเรามาถ่ายหลังฝนตก มันก็ยังมีฟ้าผ่าอยู่ ผมก็หวังว่าขอให้ตอนถ่ายฟ้ามันผ่าลงมา”จั๋งธีร์ – “Magic moment”เน็กซ์ – “มันจะได้แบบ เปรี้ยง ๆ แต่สรุปไม่มี”จั๋งธีร์ – “มีฟ้าผ่าสีเขียว CG ใส่แทน”แล้วการเล่นกับ CG ยากไหมสำหรับเราจินวุค – “เอาจริง ๆ ไม่ได้ยากกับเรา ยากกับพี่ที่เขาตัดมากกว่า”จั๋งธีร์ – “เราก็เล่นของเรา ไม่ได้มีตัวละครสมมติขึ้นมา เราเล่นแล้วเขาใส่ CG เพิ่มเข้ามาในฉากมากกว่า”จินวุค – “ถ้ามีบางอย่างก็จะแบบว่า มีบางฉากที่เราจะบินลอยแบบช้า ๆ เราก็แค่ทำท่าเร็ว ๆ ปกติ แต่พยายามค้างให้นานเท่าที่ได้ แล้วเขาก็เอาไปทำให้ช้า หรือมีฉากอันนึงของผมกับจั๋ง วิ่งเป็น The Flash เลย ซึ่งอันนั้นพวกเราก็วิ่งจริง ๆ แต่ไม่ได้วิ่งเร็วขนาดนั้น แล้วเขาก็เอาไปทำให้เร็ว”จั๋งธีร์ – “แต่ผมวิ่งเร็วจริงนะวันนั้น”รู้สึกยังไงบ้างที่เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่ MV 1 ล้านวิวภายใน 24 ชม. แรกที่ปล่อยออกมาเน็กซ์ - “เกินความคาดหวังมาก เอาจริงได้ 1.4 ล้านวิว ซึ่งตอนแรกเราก็จะเห็นว่าแอคดำ แอคบัสออฟฟิเชียลมาบิ๊วว่า เรามาทำ 1 ล้านวิวให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมงแรกกัน แต่ว่าส่วนตัวแล้วผมอะ เวลาทำผลงานออกไปแล้ว ไม่ได้คาดหวังแล้วกันว่าจะต้องไปแตะเท่าไหร่ ผมแค่ทำระหว่าง process การทำงานให้เต็มที่ มีความสุขดีที่สุดก็พอ ส่วนเรื่องเป้าหมาย ถ้ามันได้เท่าไหน เราก็ appreciate กับทุกอย่างที่มันออกมาครับผม อย่างครั้งนี้ได้ 1.4 ล้าน ก็รู้สึกดีใจมาก ๆ”เพลง TRANSFORMER เล่าถึงการที่เราจะเป็นฮีโร่ปกป้องคนนึงจากคนไม่ดี แล้วพวกเราแต่ละคนมีฮีโร่ในดวงใจเป็นใครกันบ้างจินวุค - “ของผมคือ Iron Man ครับ เขา sacrifice แล้วก็ช่วยโลกใบนี้ให้ทุกอย่างมันกลับมาดีขึ้นได้ ทั้ง ๆ ที่เขายังมีครอบครัวที่รักมาก แต่เขายอมเสียสละ เป็น my hero ตั้งแต่เด็กเลยครับผม love มาก ถ้าโตขึ้นก็…”จั๋งธีร์ – “อยากเป็น Iron Man”จินวุค – “ใช่ครับ” (หัวเราะ)เน็กซ์ – “ของผมเป็น เจฟ ซาเตอร์ ครับ เขาเป็น my hero เป็น my idol ของผม ชื่นชอบแล้วก็แบบว่า เขาเป็น inspiration ให้ในชีวิตจริง ๆ ของผม”จั๋งธีร์ – “ฮีโร่ของผมคือผมเองครับ จั๋งเอง เพราะผมอยากเป็นฮีโร่ไปปกป้องทุกคน รู้สึกว่าอยากจะเป็นคนที่ทำให้ทุกคนมีความสุข คนที่ปกป้องโลกนี้ได้ โห เบียวมากเลยแต่ชอบนะ” (หัวเราะ)ในเพลงเราบอกว่าเราเป็น TRANSFORMER แล้วแต่ละคนอยากแปลงร่างเป็นตัวอะไรหรือใคร เพราะอะไรจินวุค – “ผมอยากแปลงร่างเป็นนกแล้วกัน เพราะว่าอยากลองเป็นนก แล้วก็มองโลกในมุมอีกแบบนึง”จั๋งธีร์ – “ผมอยากเป็นปลาที่อยู่ในน้ำลึกเหมือนกันครับ จะได้มองเห็นโลกในอีกแบบนึงเหมือนกัน แบบว่ามีข้างบนแล้ว มีข้างล่างด้วย”จินวุค – “เราก็เคยดำน้ำนะ”จั๋งธีร์ – “ไม่ ลึกแบบว่า ลึก ๆ มองไม่เห็นเลยอะ อยากรู้ว่าโลกใต้น้ำมันเป็นยังไง เพราะตอนนั้นไปดำน้ำแล้วชอบไง”เน็กซ์ – “เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้อยากเป็นใคร เป็นตัวเองดีที่สุดแล้วครับ”ถ้าให้เลือก 1 คนในวงที่คิดว่าเป็น TRANSFORMER มาปกป้องเรา จะเลือกใคร เพราะอะไรเน็กซ์ – “ผมเลือกพี่อลัน เพราะว่าทุกวันนี้เขาปกป้องพวกเราอยู่แล้ว แล้วก็ได้เขามาเขาน่าจะทำหน้าที่เป็น TRANSFORMER ที่คุ้มครองผมได้ดี”จั๋งธีร์ – “ผมเลือกคอปเปอร์ครับ ผมเชื่อว่าเขาจะปกป้องผมได้ คือไม่รู้ แต่ปกป้องได้แน่นอน เชื่อใจคอปเปอร์ เขาเป็นรุ่นพี่ผมไง เขาอาจจะดูแลผมเป็นน้องที่ดีได้”จินวุค – “อืม นึกไม่ออก… พี่ย้งครับ น่าจะปกป้องผมได้จากหลาย ๆ อย่างครับ เขาเป็นพ่อที่คอยสอน ว่าเราไปเจอโลกความจริงแล้วเราจะต้องทำยังไง”เน็กซ์ – “ปกป้องจากองุ่นนี่ไง เปลี่ยนเป็นแอปเปิ้ลแทน” (หัวเราะ)จั๋งธีร์ – “องุ่นไชน์มัสแคท” (หัวเราะ)จินวุค – “อ๋อใช่ เปลี่ยนเป็นแอปเปิ้ลแทน” (หัวเราะ)BUS 1st THAILAND FANCON TOUR กับ FANSIGN ทั้ง 5 ที่ รวมไปถึงกรุงเทพที่เพิ่งจบไป เป็นยังไงบ้าง เล่าความรู้สึกให้ฟังหน่อยได้ไหมจินวุค – “รู้สึกภูมิใจมากครับ ภูมิใจที่เราทำออกมาได้ค่อนข้างโอเค แล้วก็รู้สึกเห็นได้ชัดเลยว่า ทุกคนดูพอใจ และแฮปปี้กับการได้มาดูโชว์พวกเราครับ แล้วก็ไม่ใช่แค่กับการโชว์ด้วย ดีใจที่ Thailand Tour รอบนี้ เราได้เจอแฟนคลับใกล้ ๆ เราได้เจอบีอัส เราได้คุยกับบีอัสในแฟนไซน์ แล้วก็ตอน hi-bye หลังจบ Thailand Tour มาครั้งนี้รู้สึกสนิทกับแฟนคลับมากขึ้น”จั๋งธีร์ – “ผมรู้สึกว่าได้ไปเจอกับบีอัสในหลาย ๆ ที่ด้วย คนที่ไม่มีโอกาสได้มาเจอเราที่กรุงเทพ เราก็ไปหาถึงที่เลย ถือว่าได้ interact กับทุกคนมากขึ้น”ในระหว่างทัวร์มีโมเมนต์ไหนที่เรารู้สึกประทับใจเป็นพิเศษไหม หรือเป็นโมเมนต์ที่เราจำได้ไม่ลืมเน็กซ์ – “มีครับ เป็นที่เชียงใหม่ครับ ที่สุดท้าย แล้วก็เป็นเพลงสุดท้ายด้วย ตอนนั้นร้องเพลงภาพเรา เป็นท่อนท้าย ๆ ด้วย ผมบอกตอนที่ใกล้จะจบคอนเสิร์ตละ ผมบอกทุกคนว่า ‘ทุกคนครับ ผมขอทะเลดาวหน่อยได้ไหม’ แล้วด้วยความที่เชียงใหม่คนเยอะมาก 5,000 คน ทุกคนพร้อมใจกันทำทะเลดาวให้ ตอนนั้นมันเป็นภาพที่สวยมาก ตื้นตันมาก โห นึกแล้วจะร้องไห้ ทะเลดาวที่แบบ ไม่เคยเจอเยอะขนาดนั้นมาก่อน แล้วทุกคนพร้อมใจทำให้มันสวยงามมาก”จั๋งธีร์ – “ใช่ครับ ผมด้วยครับ ชอบครับ ผมร้องไปแล้วครับตอนนั้น รู้สึก powerful รู้สึกตื้นตัน หันไปเห็นคนอื่นร้องผมก็ร้องตาม”จินวุค – “สวยจริงครับ ไม่รู้ทำไม แต่เห็นแล้วอยู่ ๆ ก็รู้สึกได้รับพลังบางอย่าง แล้วมันก็ซึ้ง หันไปอีกทีพี่ฮาร์ทร้องแล้ว ผมก็ร้องตาม”BUS แต่ละคนมีส่วนร่วมมากน้อยแค่ไหนกับการคิดโชว์ การเลือกเพลงต่าง ๆ ใน FANCONจินวุค – “เราก็มีส่วนร่วมในการออกไอเดีย คือเราพยายามทำให้ 5 ที่ มีความ fresh ขึ้นมาเรื่อย ๆ เพราะมันก็เป็นโชว์เพลงเดิมแหละ แต่เราอยากเปลี่ยนกิมมิกข้างใน พอเราโชว์ที่นึงเสร็จ เราก็จะมีวันซ้อม กลับมารวมกัน เราก็จะมาคุยกันเองว่ารอบนี้เราจะเปลี่ยนยังไงดี เราก็อาจจะมีเปลี่ยนท่าเล็กน้อย เปลี่ยนบล็อกกิ้ง หาอะไรมาเล่น เล่นละครอะไรแบบนี้ก็ได้ ให้มันตลก ๆ หน่อย”เน็กซ์ – “คนที่มีส่วนร่วม ก็คือคนที่แต่งแรปด้วยครับผม แรปแทบทุกอันใน Fancon ก็แต่งกันเอง”จั๋งธีร์ – “แล้วเรื่องที่เปลี่ยนท่าเต้น ก็จะมีทีม ONAIR คอยช่วยอยู่ เราก็จะคิดไปก่่อนเสนอให้เขาดู ถ้าเป็นเรื่องเพลง ส่วนของยูนิตแรป เรามีส่วนร่วมในการเลือกเพลงเอง เพราะว่าเอาจริงตอนแรกสรุปที่เราเคาะเป็น ใจนักเลง ก็เพราะเราเลือกกันเองทั้ง 3 คนครับ”จินวุค – “เราเหมือนเสนอกันหลายเพลง แล้วเราก็ตั้งว่าเราชอบเพลงไหนมากสุด แล้วเราก็จะมี priority ว่าถ้าเพลงนี้ไม่ได้ ก็จะโชว์เป็นเพลงนี้ ด้วยเรื่องลิขสิทธิ์ (เน็กซ์, จั๋งธีร์ หัวเราะ) แต่ ใจนักเลง คืออันดับ 1 ที่เลือกนะ เพราะเราอยากลองทำอะไรใหม่ ๆ ดู ปกติถ้ามองจินวุค จั๋ง อลัน แรปกันแบบนี้ คนอาจจะคิดว่าเราแรปแต่เท่ ๆ”จั๋งธีร์ – “จะดูเหมือน ๆ เดิม”จินวุค – “แต่เราอยากลองเป็นเพลง 90 ที่ใช้อารมณ์ความรู้สึก”จั๋งธีร์ – “ได้เป็นฟีลใหม่ ๆ เพราะใครจะคิดว่าใจนักเลงจะแต่งเป็นแรปขึ้นมา”เดบิวต์มายังไม่ถึงปีเลย แต่เราได้ทำอะไรไปเยอะมาก มีอะไรที่เราได้เรียนรู้จากระยะเวลาที่ผ่านมาเกือบปีนี้ไหมจินวุค - “จริง ๆ เราได้เรียนรู้อะไรกันเยอะมาก ได้เรียนรู้ว่ามันมีคนหลาย ๆ แบบมากในโลกนี้ พอเราเดบิวต์มาได้จะ 1 ปีแล้ว เราได้เจอกับโลกความเป็นจริงเยอะมากเลย ทั้ง ๆ ที่เพิ่งผ่านมาแค่ 1 ปีเองนะ ได้รู้ว่ามีคนรักเรามาก แฟนคลับเราอย่างบีอัส ก็จะมีคนหลายแบบมากเหมือนกันครับ อีกอย่างเรารู้สึกว่าเราวางตัวได้เหมาะสมมากขึ้นครับ พอเราเจอคนหลาย ๆ แบบ เราได้รู้ว่าแต่ละคนคิดยังไง พูดอะไร มันช่วยให้เราเรียนรู้และปรับตัว แล้ววางตัวได้ดีขึ้นครับ”เน็กซ์ – “ก็ได้เรียนรู้มาหลายอย่าง แต่รู้สึกว่า ณ ตอนนี้ คิดว่าเรื่องที่เรียนรู้มาทั้งหมด จะต้องเอามาตกตะกอน แล้วก็ลงลึกไปกับมัน ให้เข้าใจอีกเยอะ ๆ เลยครับ เพราะมันก็มีหลายสิ่งหลายอย่างเข้ามา ก็ต้องใช้เวลาไปเรื่อย ๆ ไปต่อที่จั๋งครับผม อยากพูดหลายอย่างเลยนี่”จั๋งธีร์ – “ผมมีสติมากขึ้น หมายถึงก่อนทำทุก ๆ อย่างผมจะมีสติมากขึ้น เมื่อก่อนผมอาจจะทำก่อนคิด แต่ตอนนี้เวลากำลังจะทำ มันจะหยุดคิดก่อน”จินวุค – “พอเราเริ่มเป็นคนที่มีชื่อเสียง”จั๋งธีร์ – “พอเราเริ่มเป็นต้นแบบให้คนหลาย ๆ คน เราก็อยากเป็นต้นแบบที่ดี อยากเป็นไอดอลที่ดีของเขา”ฝากผลงานกันหน่อย เร็ว ๆ นี้จะมีอะไรให้เราติดตามกันอีกบ้างเน็กซ์ - “ก็ขอฝากเพลง TRANSFORMER นะครับ ฝาก MV ด้วยครับที่ YouTube ช่อง TADA LABELS ฟังเพลงได้ทุกสตรีมมิงแพลตฟอร์ม แล้วก็เร็ว ๆ นี้ วันที่ 6 ธันวาคม ครบรอบเดบิวต์ 1 ปีของพวกเรา ก็จะมี Happy BUSDAY The 1st Year DIARY CONCERT ครับ เป็นคอนเสิร์ตครบรอบ 1 ปีของพวกเรา”จินวุค – “เราก็อยากให้ทุกคนมารวมกัน แล้วก็นึกถึงวันนั้น”เน็กซ์ – “เป็นความอบอุ่น”จินวุค – “ความคิดถึงของพวกเรา”จั๋งธีร์ – “ใน 1 ปีที่ผ่านมา”เน็กซ์ – “แล้วก็มีคอนเสิร์ตปีหน้าครับ”จั๋งธีร์ – “หลังจากที่เราจบ Anniversary แล้ว เราก็ยังมีคอนเสิร์ตใหญ่ของเราอีกครั้งนึง ช่วงเดือนมีนาคมครับ”จินวุค – “ช่วงนี้เราก็เริ่มซ้อม Anniversary กัน แล้วก็มีซ้อมอีกหลายอย่างแต่ยังบอกไม่ได้ครับ”สุดท้าย ให้ทุกคนพูดอะไรถึงบีอัส (BEUS) หน่อยจินวุค – “ก็อยากบอกบีอัสว่าขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ แล้วก็ขอให้อยู่ด้วยกันไปอีกนาน ๆ เลย คือก็บอกรักไปหลายรอบแล้ว แต่ก็บอกอีกก็ได้ครับ”เน็กซ์ – “ก็ดีใจครับที่ได้เจอทุกคน ก็ไม่มีอะไรจะพูดมาก เพราะว่าอยากตอบแทนทุกคนด้วยผลงานที่จะออกมาครับ”จั๋งธีร์ – “อยากขอบคุณที่ทุกคนอยู่กับเรา แล้วก็รักพวกเราได้มากขนาดนี้ ขอบคุณที่ทุกคนสนับสนุน แล้วก็คอยเตือนเรา คอยบอกรัก คอยให้กำลังใจเราในทุกครั้งที่เรามีปัญหา หรือทุกครั้งที่เรามีความสุข ทุกคนก็ให้ความสุขกับเรามากกว่าเดิมอีก ก็อยากขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันกับเรามาตลอดครับ”

Talk with "JustmineNika (JMNK)" กับประสบการณ์ "เพื่อนเตือนแล้ว (Ignore)"

29 ต.ค. 2024

Talk with "JustmineNika (JMNK)" กับประสบการณ์ "เพื่อนเตือนแล้ว (Ignore)"

“JustmineNika (JMNK)” กลับมาพร้อมซิงเกิลล่าสุด “เพื่อนเตือนแล้ว (Ignore)” เล่าเรื่องราวของเพื่อนที่เตือนกันแล้วแต่ไม่ฟัง เราจึงได้ชวนสองสาวเสียงดี “จัสมิน-มะลิ มาริสา ฮิวส์” และ “ณิก้า-อาณิก้า ฮอร์แมน” มาพูดคุยถึงเบื้องหลังการทำงานในเพลงนี้ และเรื่องราวประสบการณ์เพื่อนเตือนแล้วกันซิงเกิลล่าสุด "เพื่อนเตือนแล้ว (Ignore)" มาในคอนเซ็ปต์อะไรจัสมิน – “ถ้าให้เล่าถึงคอนเซ็ปต์เพลง ก็จะเป็นฟีลเหมือนตามตัวเพลงเลยค่ะ เวลาที่เรามีกลุ่มเพื่อน มีอะไรเราก็จะพยายามเตือนกัน สมมุติเจอคนคนนึง คนนี้อย่าไปยุ่งเลย ดูแล้วน่าจะเป็นคนร้าย ๆ แต่เพื่อนก็ขอลองสักหน่อย สรุปเพื่อนก็เจ็บเอง เพื่อนเตือนแล้วก็ไม่ฟัง ถ้าเป็นในพาร์ทของเพลงมันก็ตรงตัวเลยค่ะ”JustmineNika ได้เตรียมตัวสำหรับการคัมแบ็กครั้งนี้ยังไงบ้างณิก้า – “สำหรับการคัมแบ็กครั้งนี้ แนวเพลงคล้าย ๆ เดิม มีความเป็น RB แต่สำหรับหนู หนูเวิร์คกับการร้องมากขึ้นค่ะ เพราะว่าอยากเปลี่ยนเทคนิคในการร้องให้มากขึ้น ด้วยการใส่ลมลงไปมากขึ้นค่ะ”จัสมิน – “คือรู้สึกว่า JustmineNika มาถูกทางแล้ว ในแนวของ RB สิ่งที่เตรียมตัวคือทุกคนน่าจะคาดหวังความ RB เราก็เลยต้องเตรียมตัวเรื่องลูกคอ การประสานเสียง ให้มันคงความเป็น JustmineNika เอาไว้”ณิก้า – “ใช่ค่ะ เหมือนคงซิกเนเจอร์ของพวกเราไว้”มาที่พาร์ทของ MV บ้าง MV นี้ มาในคอนเซ็ปต์อะไรณิก้า – “ใน MV นี้ หนูจะเป็นเพื่อนค่ะ ซึ่งจัสมินเขาจะมีพระเอก MV ก็คือพี่มีน นิชคุณ จัสมินก็เป็นสาวที่ไปชอบพี่มีน รู้สึกว่าพี่มีนเป็นผู้ชายที่ตรงสเป็ค ซึ่งหนูเป็นเพื่อน หนูก็เตือนเพื่อนว่า เขาดูร้ายนะ ดูมีผู้หญิงคนอื่นอยู่นะ คราวนี้เพื่อนก็ไม่เชื่อ ไม่หรอกมั้ง เขาคงไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก แต่สุดท้ายก็ต้องเจอด้วยตัวเอง ก็คือเห็นเขานั่งอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เราก็บอกเตือนแล้วนะ ไม่ฟังเอง ต้องเจ็บเอง”บรรยากาศในการถ่ายทำเป็นยังไงบ้าง มีอุปสรรคอะไรในกองบ้างไหมณิก้า – “สนุกมากค่ะ วันนั้นแฮปปี้กับการทำงานมาก หนูเล่นเป็นเพื่อน ก็จะมีพี่ ๆ extra หนูก็จะนั่งเม้าท์กับเขา ซุบซิบ ๆ แบบจริง ๆ เลย พอเข้าเซตก็คุยกันต่อในเรื่องนั้น สนุกมาก”จัสมิน – “สนุกค่ะ เป็นการถ่าย MV ที่ค่อนข้างเหนื่อย เพราะถ่ายลากยาวทั้งวัน แต่ว่าด้วยความที่พี่มีนน่ารักมาก เขาเล่นสนุกมาก เพื่อนที่เล่นด้วยทั้งทีมมันเอ็นจอย มันก็เลยแค่เหนื่อยข้างนอก เหนื่อยกาย แต่ว่าสนุกที่ได้ทำค่ะ”JustmineNika ชอบซีนไหนที่สุดใน MVจัสมิน – “เอาจริงหนูชอบฉากที่ตัวเองผมสั้น เพราะหนูอยากตัดผมสั้นมานานมาก ตั้งแต่ MV แรก หนูขอพี่เขาว่าอยากผมสั้น จนมา MV นี้ หนูก็ได้ทำผมสั้น แล้วก็ชอบฉากร้องไห้ กับฉากเต้นค่ะ”ณิก้า – “ชอบฉากเต้นเหมือนกันค่ะ แล้วก็ชอบฉากเปิด ที่เป็นตัวหนูนั่งอยู่กับแก๊งค์เพื่อน ๆ แล้วจัสมินก็เดินเข้ามา รู้สึกว่าภาพมันสวย”รู้สึกยังไงบ้างกับกระแสตอบรับของเพลงนี้ณิก้า – “ก็รู้สึกแฮปปี้ค่ะ เพราะเราสองคนก็ตั้งใจมาก ๆ แล้วก็อยากให้เพลงนี้มันตอกย้ำเข้าไปอีกว่า แนวนี้คือแนวที่ใช่สำหรับเราแล้ว แล้วก็คนชอบในความเป็นเรา การร้องแบบ RB ก็รู้สึกแฮปปี้มาก ๆ ค่ะ”จัสมิน – “แฮปปี้กับกระแสตอบรับค่ะ เพราะว่าคือเอาจริง ๆ เพลงนี้มันยังไม่เคยมีใครทำ express มันออกมาในแนวนี้ แล้วพอเราเอาไปทำ ก็มีคนเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกัน หนูเชื่อว่าเพื่อนทุกคนเตือนเพื่อนด้วยกันเองตลอด แต่ว่าเพื่อนไม่ฟัง ก็เลยรู้สึกว่ามันแฮปปี้ที่คนใช้เพลงนี้ในจุดประสงค์ที่เราตั้งใจจะ express ซึ่งพี่แอ้มเขาก็ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ด้วยค่ะ”ทั้งคู่มีเรื่องอะไรที่เพื่อนเตือนแล้วชอบไม่ฟังกันบ้างไหมจัสมิน – “เยอะค่ะ ส่วนมากของหนูจะเป็นแต่งหน้าเกินค่ะ ก้าจะชอบบอกว่า จัสดรอปลงมั้ย แต่หนูว่าเติมได้อีก เติมหน่อย ก้าจะบอก ไอว่าได้แล้วแหละ แต่หนูจะบอกออกกล้องแล้วจะดรอป ต้องเติมหน่อย พอออกกล้องปั๊บ ซีด เราก็จะบอก ฉันเตือนแล้ว”ณิก้า – “ใช่ค่ะ เขาก็จะชอบเติมให้หนู หนูก็จะบอก พอแล้ว พอ ๆ เพราะคนนี้เขาจะเติมตลอด สายเติมค่ะ”ถ้าเป็นเรื่องความรัก ปกติเพื่อนเตือนแล้วเราฟังไหม หรือต้องรอให้เห็นกับตาตัวเองถึงจะเชื่อณิก้า – “หนูว่าถ้าเพื่อนเตือนแบบมีเหตุผลหรือมีหลักฐาน อันนี้เป็นไปได้ว่าจะเชื่อเพื่อน เพราะเรารู้สึกว่าเพื่อนของเราที่เราคบมา เราคัดสรรมาแล้ว เราเชื่อว่าเพื่อนเราจะไม่โกหกเรา เขาคงจะไม่ทำให้ความรักของเรามันพังอะค่ะ ก็เลยรู้สึกว่า ถ้าเขารู้สึกว่ามันไม่โอเคจริง ๆ เขาก็คงเตือนเราในสิ่งที่ดีแล้ว เขาก็คงหวังดีกับเรามาก ๆ แล้ว”จัสมิน – “อาจจะไม่ฟังตอนแรก”ณิก้า – “แรงมาก”จัสมิน – “ดื้อค่ะ เพราะว่าเราเป็นคนที่ต้องเห็นอะไรกับตาตัวเอง เป็นเหมือนใน MV เลย ที่คนนี้เตือน แต่เราขอลองเองก่อน แต่เราก็มั่นใจในตัวเพื่อนเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าไม่ฟัง 100% หรอกค่ะ ถ้าเพื่อนเตือนแล้วมีหลักฐาน หนูคิดว่าถ้าไม่ฟังเพื่อนเลยก็คงจะแปลกละ”ขอ 1 เรื่อง ที่ JustmineNika อยากเตือนกันและกันณิก้า – “ก็อยากให้จัสมินกินน้ำเยอะ ๆ เพราะเขาเป็นคนกินน้ำค่อนข้างน้อยค่ะ แล้วเขาก็จะผิวแห้งนิดนึง เราก็อยากให้เขากินน้ำเยอะ ๆ หน่อยระหว่างวัน”จัสมิน – “อยากให้เขากินข้าวเพิ่มขึ้นค่ะ เวลาสั่งข้าวมา ข้าวมาวางอะ มันน่ากินมาก เขากินไปได้ครึ่งจานแล้วก็อิ่ม”ณิก้า – “เพราะว่ามันอิ่มแล้วอะพี่ มันอิ่มแล้วจริง ๆ มันไม่ใช่ว่าเราไม่อยากกิน”จัสมิน – “เราก็จะบอกว่า ก้าอันนั้นกินปะ ขอกินหน่อย”ณิก้า – “คนนี้ก็จะกินแทน”จัสมิน – “ใช่ค่ะ คือเขาเป็นคนอิ่มง่าย”ณิก้า – “เขาจะแบบ กินอีกนิดเถอะ”จัสมิน – “หนูเป็นสายเสียดาย”มีจุดไหนของตัวเองที่รู้สึกว่าอยากพัฒนามากขึ้นอีกมั้ยณิก้า – “ที่จริงหนูอยากเรียนการใช้ลมเพิ่มในการร้อง เพราะหนูรู้สึกว่าการใช้เสียงลมเป็นอะไรที่สำคัญเหมือนกันในการเป็นนักร้อง เราจะได้ร้องได้หลาย ๆ แบบ เมื่อก่อนหนูค่อนข้างติดใช้แต่เสียงเต็ม พอได้มาร้องเพลงนี้ มันเหมือนเราได้ลองอีกแบบนึง ในการใช้เสียงมิกซ์ ทั้งเสียงลมและเสียงเต็ม รู้สึกว่าเราก็ทำได้นี่หว่า มันไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวเลย ตอนแรกเรากลัวการใช้เสียงลม เรารู้สึกว่ามันยังไม่แข็งแรง แต่พอได้มาทดลองในเพลงนี้ ก็เลยรู้สึกว่าเราอยากเรียนรู้กับมันมากขึ้นค่ะ”จัสมิน – “อยู่ในฐานะศิลปินมันต้องพัฒนาหลายเรื่องมากค่ะ เรื่องร้องก็อยากพัฒนาขึ้นไป หนูไม่รู้ว่าอะไรคือเก่ง แต่ว่าอยากพัฒนาความเป็นตัวเองให้ได้มากที่สุด พัฒนาบุคลิกต่าง ๆ อยากเก่งขึ้นไปเรื่อย ๆ เรียนรู้จากคนรอบข้างให้ได้เยอะ ๆ ค่ะ”ในมุมมองของทั้งคู่ คิดว่าเสน่ห์ของ JustmineNika คืออะไรจัสมิน – “ร้องค่ะ ตลกด้วยมั้ย”ณิก้า – “ตลกธรรมชาติ (หัวเราะ) คือการร้องของเรามันมีความแตกต่างกันค่ะ แต่พอมารวมกันดันเป็นอะไรที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง รวมกันแล้วมันมีความกลมกล่อมในเสียงเพลงของเรา”อะไรคือความสุขที่สุดในการศิลปินสำหรับ JustmineNikaณิก้า – “มันเป็นการที่เราได้แสดงศักยภาพของเราออกมาค่ะ ในการได้ร้องเพลงให้คนฟัง แล้วก็แฟนคลับค่ะ มันเป็นอะไรที่เหมือนเราได้รับความรักจากคนที่บางทีเราไม่เคยรู้จักเขามาก่อนเลย แต่ว่าเขามอบความรักให้กับเรา การที่อยู่ในวงการบันเทิงมันเป็นอะไรที่แฮปปี้สำหรับหนูมากค่ะ เพราะว่ามันเป็นความฝันของหนูตั้งแต่เด็กแล้วด้วย”จัสมิน – “หนูแฮปปี้ในสิ่งที่หนูได้ถ่ายทอด แฮปปี้ที่มีคนฟัง มีคนยอมรับในสิ่งที่ตอนแรกเราไม่มีความมั่นใจ แล้วพอเราทำสิ่งนี้ออกมาแล้วมีคนชื่นชอบ มีคนซัพพอร์ต พอเราได้เห็นฟีดแบคจากผู้ฟังต่าง ๆ รู้สึกว่ามันมาฟูลฟีล มาเป็นแรงผลักดันในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะทำ สิ่งที่จะทำให้แฮปปี้เพิ่มสุด ๆ เลยคือมีคนซัพพอร์ต มีคนชื่นชม มีคนคอยแนะนำต่าง ๆ รู้สึกว่าสิ่งที่เราตั้งใจทำมันมีคนเห็นนะ”พูดอะไรถึงแฟนคลับที่ติดตามผลงานของ JustmineNika กันอยู่หน่อยจัสมิน – “ขอบคุณจริง ๆ ขอบคุณมาก การที่มีเขาอยู่ด้วยมันเหมือนมีเพื่อน แล้วเป็นเพื่อนที่คอยซัพพอร์ตศิลปินอย่างเราอะ หนูพยายามที่จะไม่ left out แฟนคลับ หรือทุกคนที่ฟังเพลงหนู ทุกครั้งที่เจอเราพยายามที่จะ express ว่าเราขอบคุณเขาจริง ๆ ที่เขาชอบสิ่งที่เราทำนะ เพราะว่ามันมีความหมายมากกับศิลปิน”ณิก้า – “ก็อยากขอบคุณพวกเขาค่ะ เพราะว่าเขาเป็นอีกหนึ่งกำลังใจของเรามาก ๆ ขอบคุณที่คอยสนับสนุน คอยตามไปงานต่าง ๆ บางคนก็ไม่ได้ไปบางงาน แต่ก็ไม่เป็นเลย เรารู้สึกว่าขอบคุณที่ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้มา แต่คุณก็ซัพพอร์ตเรา อยากให้คุณโฟกัสกับสิ่งที่คุณทำ เช่น การทำงานของคุณ บางคนไม่ได้มาก็ยังมีมาคอมเมนต์ เรารู้สึกว่าไม่เป็นไรเลย แค่เขาเป็นกำลังใจให้เรา เราก็รู้สึกแฮปปี้แล้วค่ะ”สุดท้ายให้ JustmineNika ฝากผลงาน ช่วงนี้มีอะไรให้เราติดตามกันบ้างณิก้า – “ตอนนี้ก็ฝากเพลง ‘เพื่อนเตือนแล้ว’ ซิงเกิลใหม่ล่าสุดของ JustmineNika สามารถฟังได้ทุกสตรีมมิงแพลทฟอร์ม และดู MV ได้ทาง YouTube XOXO ENTERTAINMENT ค่ะ”จัสมิน – “เดี๋ยวปลายปีนี้อาจจะมีโปรเจ็คพิเศษมาด้วย ก็อยากให้ติดตามกัน แล้วก็ขอฝาก ‘เมืองลับแล’ เป็นซีรีส์ที่ออนทางช่องเวิร์คพอยท์ 23 แล้วก็ Netflix ค่ะ ตอนนี้ใกล้จะจบแล้ว ก็ขอฝากทุกคนด้วยค่ะ”

Talk with "ATLAS" ที่กลับมาพร้อมซิงเกิลใหม่ "ฉันคนเก่า (Let Me Try Again)"

07 ต.ค. 2024

Talk with "ATLAS" ที่กลับมาพร้อมซิงเกิลใหม่ "ฉันคนเก่า (Let Me Try Again)"

ไม่ปล่อยให้ ALIS รอนาน ทั้ง 7 หนุ่ม ATLAS จูเนียร์ เจ็ท ภูมิ ไนซ์ เออร์วิน มิวอ้อน และแทด ก็ได้ส่งผลงานล่าสุด "ฉันคนเก่า (Let Me Try Again)" เพลงช้าอ้อน ๆ ขอโอกาสกลับตัวอีกครั้ง มาให้แฟน ๆ ได้ชมกัน เราจึงได้ชวนทั้ง 7 คน มาพูดคุยถึงเบื้องหลังซิงเกิลนี้ และมุมมองต่อการเป็นศิลปินของพวกเขากันซิงเกิลล่าสุด "ฉันคนเก่า (Let Me Try Again)" มาในคอนเซ็ปต์อะไรภูมิ – “เพลงนี้ถือว่าเป็นเพลงช้าอีกเพลงนึงครับ คือทุกปีเราจะมีเพลงช้า เพลงนี้ความหมายคือประมาณว่า เหมือนความสัมพันธ์อะครับผม พอบางทีเรารักกันไปนาน ๆ มันเริ่มมีความละเลยกันเกิดขึ้น อาจจะทำตัวไม่ดีบ้าง เผลอลืมอะไรบางอย่างไปบ้าง จนกระทั่งวันนึงเรามาตระหนักได้ว่า เราทำอย่างงี้มันไม่ถูกนะ เราอยากแก้ตัว เราอยากกลับไปเป็นคนดี เหมือนเป็นฉันคนเก่าตอนแรก ๆ ที่เราคบกันครับ”พาร์ทไหนของซิงเกิลนี้ ที่รู้สึกว่ายากต่างจากซิงเกิลก่อน ๆ บ้างไนซ์ – “สำหรับผม ผมว่าพาร์ทที่ยากที่สุดในซิงเกิลนี้ คือพาร์ทของการซ้อมเต้นครับ คือในเรื่องของการเล่น MV เนี่ย พวกเราจะมีพื้นฐานในเรื่องการแสดงอยู่แล้ว แล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องร้องก็มีโปรดิวเซอร์และโวคอลโค้ชที่คอยไกด์ให้อยู่แล้ว แต่เรื่องของท่าเต้นเนี่ย รอบนี้จะเป็นท่าเต้นที่มีดีเทลเยอะมาก ๆ มีรายละเอียดเยอะ มีการที่ทำท่าเต้นไม่เหมือนกัน แต่ว่าเต้นเหมือนกัน ก็คือเป็นดีเทลที่มันเยอะมาก ๆ มากกว่าเพลงอื่น ๆ เลยด้วยซ้ำ”แทด – “ถึงมันอาจจะเป็นเพลงช้า แต่จริง ๆ มันยากกว่าเพลงเร็วบางเพลงอีกนะ เพราะเราต้องใจเย็น ๆ แล้วก็โฟกัสมาก ๆ เลยครับผม”แล้วมีพาร์ทไหนไหมที่รู้สึกว่าง่าย หรือว่าสบายใจที่จะทำบ้างไหมเออร์วิน – “เล่น MV ครับ ผมว่าตอนเล่น MV สนุก”ไนซ์ – “พาร์ทร้องด้วยครับ การอัดเสียง”มาที่ MV บ้าง ทีเซอร์กับ MV เรียกว่าสับขาหลอกกันสุด ๆ เป็นความตั้งใจของเราไหมที่อยากให้ออกมาเป็นแบบนี้ภูมิ – “เป็นความตั้งใจครับผม เพราะเรารู้สึกว่าจะน่าสนใจมากขึ้น ถ้า MV ตัวจริง ไม่เหมือนกับที่ทุกคนเดาไว้ แล้วก็ผมชอบสตอรีของ MV มาก ผมว่ามันค่อนข้างที่จะทัชใจเราตั้งแต่ตอนที่เราเล่นแล้ว”เล่าให้ฟังหน่อยว่า MV นี้ สตอรีเป็นยังไง มาในคอนเซ็ปต์อะไรเออร์วิน – “มันเป็นเรื่องของความรักครับ ซึ่งผมว่ามันก็รีเลทได้กับความรักของหลาย ๆ คู่ พระเอกก็คือมีแพชชั่นกับการขี่มอเตอร์ไซค์ แต่ว่าในขณะเดียวกัน เขาไม่มีเวลาให้แฟน เวลานัดไปไหนก็ไปสาย ทำให้มันเกิดความขัดแย้งกันในความสัมพันธ์นี้ แล้วพอมันมากขึ้น ๆ เขาก็ไม่ไหวแล้ว เลือกที่จะเลิกกับเรา แต่ลึก ๆ ข้างในของตัวพระเอกเนี่ย เขาตั้งใจที่จะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ เพื่อที่จะนำเงินรางวัล นำความสำเร็จไปขอผู้หญิงแต่งงาน แต่มันดันไม่เกิดขึ้น เพราะระหว่างทางเขาดันเกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิตก่อน”ระหว่างถ่าย MV มีอุปสรรคอะไรบ้างเจ็ท – “ฝนตกครับ แล้วตกตอนถ่ายซีนที่เออร์วินรถล้มด้วย เลยต้องรีบวิ่งหลบ แต่สุดท้ายก็ถ่ายตอนฝนตกปรอย ๆ”ภูมิ – “แต่ผมว่ามันเป็นมู้ดที่ดีนะ”แทด – “แล้วเขาแก้ปัญหาได้ดี โดยการที่เอาซีนที่อยู่ in door มาถ่ายก่อนครับ ก็เลยถ่ายทุกอย่างได้ราบรื่นมากครับ”คิดว่าซีนไหนใน MV ยากที่สุดมิวอ้อน – “ผมว่าแล้วแต่คนเลย อย่างผมก็จะยากตรงซีนที่ต้องเอาแหวนไปให้พี่แพรวครับ เพราะว่ามันเป็นซีนอารมณ์ แล้วผมไม่ค่อยมีประสบการณ์เรื่องการแอคติ้งขนาดนั้น ก็เป็นซีนที่เราจินตนาการว่าเพื่อนเราในวงไม่อยู่แล้ว แล้วเราก็ขึ้นคอนเสิร์ตไม่ได้แล้ว พอไม่มีเขาแล้ว มันก็เลยดึงอะไรออกมาในตอนที่เราแสดง MV ได้”ได้อ่านฟีดแบคจากแฟน ๆ ไหม มีคอมเมนต์ไหนที่ถูกใจเราเป็นพิเศษบ้างเออร์วิน – “มีครับ ของผมมี 1 อัน เขาเขียนว่า ขนาดเออร์วินใส่เซฟตี้ ใส่หมวกกันน็อค ยังรถล้มเสียชีวิตเลย แล้วสายซิ่งตามท้องถนนที่ขี่มอเตอร์ไซค์เขาไม่กลัวเสียชีวิตกันบ้างเหรอ โยงเข้าเรื่องสังคมไป”ขอ 1 สิ่ง ที่รู้สึกว่า "ฉันในวันนี้" แตกต่างกับ "ฉันคนเก่า" ที่สุดภูมิ – “แต่ก่อนทำสีผมบ่อยครับ สังเกตว่าตอนที่ผมเดบิวต์แรก ๆ จะมีฟ้า มีส้ม มีม่วง ตอนนี้ดำยาว ๆ แล้ว เพราะต้องขอดูแลผมก่อนครับ”เจ็ท – “ของผม ฉันคนเก่าเคยชอบอยู่นอกบ้านครับ แต่ฉันในวันนี้ไม่ออกนอกบ้านแล้ว เพราะผมแก่แล้วครับ เอาจริงทุกวันนี้เวลาผมออกไปนอกบ้านอะ ผมไม่ชินนะที่ต้องเรียกคนอื่นว่าน้อง เพราะปกติผมจะเรียกทุกคนว่าพี่”มิวอ้อน – “สำหรับผม ฉันคนเก่าเคยชอบอยู่บ้านครับ แต่ฉันตอนนี้ผมไม่อยากอยู่บ้านแล้ว สลับกันกับพี่เจ็ท ผมชอบออกไปข้างนอก ไปหาอะไรทำครับ ช่วงนี้ก็จะต่อยมวยบ่อย ๆ”จูเนียร์ – “เอาเร็ว ๆ นี้แล้วกัน ฉันคนเก่าเคยมีซิกแพค แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว”ไนซ์ – “ฉันคนเก่าเคยฟันเหยินครับ แต่ว่าตอนนี้ฟันไม่เหยินแล้ว เรียกว่ามันเป็นปมนึงในชีวิตที่แบบว่า เคยถูกหลายคนพูดถึงสิ่งนี้ เราก็รู้สึกว่าผ่านมันมาได้แล้ว แล้วก็รู้สึกแฮปปี้มาก ๆ กับเรื่องนี้ครับ”แทด – “ฉันคนเก่าเคยชอบทำอะไรผาดโผนครับ สมัยก่อนผาดโผนกว่านี้อีก ชอบเรียนโดดน้ำ โดดจากแพลทฟอร์ทอะไรแบบนี้ แต่เดี๋ยวนี้แค่กลับขึ้นมายืนก็กลัวแล้วครับผม”เออร์วิน – “ของผม ฉันคนเก่าอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ อยากเป็นด็อกเตอร์ครับ อยากเป็น scientist เรื่องอวกาศ แต่ว่าตอนนี้อยากเป็นศิลปิน แล้วก็ได้เป็นแล้ว”คำว่า "ประสบความสำเร็จ" ในแง่ของการเป็นศิลปิน สำหรับ ATLAS คืออะไรจูเนียร์ – “ส่วนตัวผม ผมรู้สึกว่าการประสบความสำเร็จคือการที่ร้องเพลงแล้วคนรู้จักเพลงเรา คนชื่นชอบในผลงานของพวกเรา ผมว่าแค่นั้นมันก็ประสบความสำเร็จมาก ๆ แล้ว ที่แบบอยากที่จะเอาเราเป็น role model อยากที่จะทำตาม อันนั้นคือคำว่าประสบความสำเร็จในมุมมองของผมนะ”ไนซ์ – “สำหรับผม ผมว่าคล้าย ๆ กันครับ ของผมจะเป็นในส่วนของ ถ้าวันนั้นเราทำได้ดี เรารู้สึกว่าเราแฮปปี้ รู้สึกว่าเราสามารถ success ได้ในทุกวัน วันนี้เราทำงานได้ดี เราไปเล่นงาน festival แล้วเราทำได้ดี เราก็จะรู้สึกว่าเราประสบความสำเร็จแล้วครับ”แทด – “ของผมก็จะคล้าย ๆ พี่ไนซ์ครับ จะเป็นเรื่องความสุข ความสำเร็จของผมคือการที่เราทำสิ่งที่เรารัก แล้วยังมีความสุขอยู่ และสามารถส่งต่อความสุขนี้ให้กับคนอื่นได้อีกเยอะ ๆ แล้วก็ inspire คนไปเรื่อย ๆ ก็เป็นสิ่งที่ success แล้วครับ”เออร์วิน – “ของผมมี 2 จุด จุดแรกคือการเป็นศิลปิน ซึ่งอันนี้ success แล้ว อันที่สองคือการได้ทำงานทุกวันแล้วรู้สึกว่า เราตื่นมาทำงานได้อย่างแฮปปี้ แล้วก็ทำผลงานวันนั้นออกมาได้ดี คือสำเร็จแล้ว”ภูมิ – “นอกจากเรื่องงาน ผมว่าหลัก ๆ คือการเห็นน้อง ๆ ทุกคนเติบโตมาเป็นศิลปินที่ดี เก่งขึ้นทุกวัน ผมว่ามันเป็นการประสบความสำเร็จอีกอย่างนึง นอกจากความเป็นอาชีพศิลปิน มันรู้สึกว่าครอบครัวของเรามันแข็งแกร่งขึ้น โตขึ้น”เจ็ท – “ใช่ครับ ผมเสริมต่อจากคนอื่น อีกหนึ่งอย่างที่รู้สึกว่า success คือ การเป็นศิลปินของ ATLAS อะ ทำให้ทุกคนสามารถดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัวได้มากขึ้น ก็เลยรู้สึกว่ายิ่ง success ครับ”มิวอ้อน – “ความสำเร็จอย่างนึงที่ตอนนี้ฝันไว้ คืออยากขึ้นรับรางวัลบนเวทีครับ”แล้วเราเคยตั้งเป้ากันไว้ไหม ว่าอยากจะพาวง ATLAS ไปให้ถึงจุดไหนจูเนียร์ – “ตั้งแต่ day 1 ของพวกเราเลย เรามองกันว่า ไม่รู้ว่า ATLAS จะไปได้ไกลขนาดไหน แต่ผมรู้สึกว่าเราจะสนุกไปในระหว่างทาง จะมีความสุขกับมันให้มากที่สุด และพากันไปให้ได้ไกลที่สุดแหละครับ รอดู รอสนุกไปด้วยกัน ต่อจากนี้จะมีเรื่องอะไรที่เข้ามาอีกเยอะมาก ๆ เราก็เตรียมตัวรับมือกับมันตลอดเวลาครับผม”เจ็ท – “ความสุขไม่ได้อยู่ที่ปลายทาง แต่อยู่ที่ระหว่างทางครับ”อยากให้ ATLAS พูดถึง ALIS หน่อยแทด – “รักนะ”เออร์วิน – “เพิ่งปล่อยเพลงใหม่ไปด้วยครับ ก็หวังว่าทุกคนจะมีความสุขไม่มากก็น้อยกับเพลงเพลงนี้ แล้วก็ระหว่างทางหลังจากนี้ มันมีอะไรน่าตื่นเต้นรอเต็มไปหมดเลยครับที่อยากให้ ALIS เห็นเร็ว ๆ เหมือนกัน ก็อยากให้ทุกคนอดทน อยู่กับเรา เป็นปีกให้กับพวกเราต่อไป แล้วก็สัญญาว่าจะเต็มที่กับทุก ๆ งาน ให้ทุกคนมีความสุขที่สุดกับพวกเรา ATLAS ครับ”สุดท้ายให้ ATLAS ฝากผลงานหน่อย ทั้งซิงเกิลนี้ ผลงานในอนาคต แล้วก็ผลงานเดี่ยวของแต่ละคน มีอะไรให้เราติดตามกันบ้างแทด – “ก็ฝากเพลงใหม่ล่าสุดของพวกเราด้วยนะครับ ‘ฉันคนเก่า (Let Me Try Again)’ เป็นเพลงที่ผมบอกเลยว่าผมชอบมาก ๆ แล้วก็หวังว่าแฟน ๆ ทุกคนจะได้ฟังมัน แล้วก็เอ็นจอยไปกับมัน เหมือนที่พวกเราเอ็นจอย แล้วก็ผลงานที่จะตามมาในอนาคต ก็ฝากติดตามทางช่องทาง ATLAS official ได้ทุกช่องทางเลยครับผม จะคอยอัปเดตตารางงาน แล้วก็โปรเจ็คที่กำลังจะมีในอนาคต ก็รอติดตามกันครับ น่าจะสนุกมาก ๆ ครับปีนี้”เจ็ท – “ของผมตอนนี้มีละครที่กำลังออนอยู่ครับ ชื่อว่า ‘เมืองลับแล’ ก็ออนทางช่อง Workpoint 23 เวลา 2 ทุ่มนะครับ ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ แล้วก็สามารถดูย้อนหลังได้ทาง Netflix ครับผม”

Talk with “Mirrr” กับเรื่องราวในซิงเกิลล่าสุด “ย้ำคิดย้ำทำ (OCD)”

03 ต.ค. 2024

Talk with “Mirrr” กับเรื่องราวในซิงเกิลล่าสุด “ย้ำคิดย้ำทำ (OCD)”

“Mirrr” ศิลปินภายใต้สังกัดค่าย What The Duck กลับมาพร้อมซิงเกิลใหม่ “ย้ำคิดย้ำทำ (OCD)” ที่พูดถึงการอยากลบใครสักคนออกจากสมองและหัวใจ แต่ต้องคิดถึงเขาซ้ำไปซ้ำมา ไม่สามารถเอาเรื่องเขาออกจากความคิดได้ เราจึงได้ชวน "โต-เลอทัศน์ เกตุสุข" และ "นาว-วิชชานนท์ ว่องวีรชัยเดชา" จากวง Mirrr มาพูดคุยถึงเรื่องราวในเพลงนี้กันจุดเริ่มต้นของเพลง “ย้ำคิดย้ำทำ (OCD)” เริ่มมาจากอะไรโต – “จุดเริ่มต้นมาจากตอนนั้นคิดอะไรในหัวเยอะ ๆ ก็เลยเอาสิ่งที่คิดในหัวเขียนออกมาเป็นเพลง ทำเป็นเดโม่ขึ้นมา แล้วก็เอาไปเสนอขายนาวอีกที”เพลงนี้ใช้เวลาทำนานมั้ยนาว – “ประมาณเดือนนิด ๆ ครับ เกือบสองเดือน”เพลงไฟนอลที่ได้ฟังกัน มีการปรับแก้จากดราฟแรกที่ส่งไปขายเยอะไหมนาว – “จริง ๆ ไม่เหมือนดราฟแรกเลย”โต – “พอเอาจากที่ผมทำเดโม่มา เราก็ไปเวิร์คกันต่อให้เป็นสไตล์ที่เราสองคนชื่นชอบ”คิดว่าอะไรคือพาร์ทที่ยากที่สุดในการทำเพลงนี้นาว – “ทุกตอนครับ เหมือนทำ ๆ ไปก็จะมีอุปสรรคเข้ามา”โต – “อุปสรรคคือการเถียงกัน (หัวเราะ) ไม่ใช่ อันนั้นคือเรื่องปกติ”นาว – “แต่ว่าป่วยกันครับตอนนั้น แล้วต้องอัดร้อง ก็เลยยากนิดนึง”ช่วยเล่าแนวคิดของ MV นี้ให้เราฟังหน่อย สตอรีเป็นยังไงโต – “MV ตอนแรกมันคือสิ่งที่ผมเห็นในหัวครับ เป็นภาพของครอบครัวนึง แล้วก็เกี่ยวกับคนที่เติบโตมา ได้มาเจอเรื่องราวต่าง ๆ จนพาเขาไปพบกับจุดจบที่ไม่ค่อยสวยงาม แล้วผมก็เอาเรื่องทั้งหมดนี้เล่าให้ พี่แพน ผู้กำกับฟัง แล้วเขาก็เอาเรื่องเหล่านี้ไป develop ใหม่ แล้วก็ทำมันออกมาเป็นสตอรีแบบที่ทุกคนได้เห็นกันครับ”ตอนแรกที่ฟังแค่เพลง คนจะตีความไปแบบนึง พอดู MV ก็จะเห็นอีกเรื่องราวนึง เป็นความตั้งใจของ Mirrr ไหมที่อยากให้ภาพออกมาเป็นแบบนี้โต – “อาจจะเป็นทั้งความตั้งใจและไม่ตั้งใจครับ ที่ตั้งใจคือตั้งใจให้ดู MV และฟังเพลงแยกกัน แล้วชอบทั้งเพลง ชอบทั้ง MV นั่นหมายความว่างานสองชิ้นนี้เป็นปัจเจคต่อกัน ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดกัน เขาจะเลือกฟังเพลงอย่างเดียวก็ได้ หรือดู MV อย่างเดียวก็ได้ ก็ถือว่าถ้าเราตั้งใจที่จะทำงานสักอย่างนึง มันก็น่าจะประสบความสำเร็จ ในอีกแง่นึงก็คือ ทีมงานทุกคนที่สร้างงานชิ้นนี้มาก็น่าจะดีใจที่มีคนชื่นชอบมัน ถ้าในเวย์ความไม่ตั้งใจอาจจะเป็นเรื่องที่แบบว่า ถ้ามันเป็น MV แล้วมันสามารถอยู่ด้วยกันได้ ไม่ว่ามันจะ contrast หรือไม่ contrast อันนี้อาจจะเป็นเรื่องปัจเจคอีกเช่นกันครับ ว่าคนดูสิ่งนี้แล้วจะรู้สึก contrast มั้ย อาจจะไม่ใช่คีย์ที่เรานั่งคุยกันในที่ประชุมว่าเราจะมาทำ MV ที่ contrast กัน แต่ตอนแรกที่คุย ผมคุยกับพี่แพน ผู้กำกับ ว่าผมอยากนำเสนอในเวย์ที่ว่า ให้คนที่ได้ดูงานชิ้นนี้ มีความรับผิดชอบต่อคนรอบตัว เทคแคร์คนรอบข้างบ้างสักนิดนึงก็ยังดี หรือถ้าใครที่เป็นพ่อกับแม่ ดูแล้วก็อยากให้คิดถึงว่าเราได้ทำอะไรบางอย่างกับลูกไปโดยไม่ได้ตั้งใจบ้างหรือเปล่า หรือว่าการที่เราเห็นใครบางคนที่เรามองว่าเขาไม่ปกติ แต่ว่าจริง ๆ แล้วเขาอาจจะเป็นอย่างงั้นโดยธรรมชาติของเขา แล้วเขาไม่ได้ผิดอะไร มันอาจจะไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนอื่น แต่สำหรับเขามันอาจจะกวนใจเขาอยู่ เขาอาจจะพยายามปรับอยู่ อย่างเช่น คนที่เป็นย้ำคิดย้ำทำ เขาอาจจะไม่ได้อยากเป็นอย่างงั้น แต่ว่าเขาอาจจะต้องเผชิญกับสิ่งที่เขาแก้ไม่ได้ หนีไม่ได้จากคำพูดบางอย่าง คำสัญญาบางอย่าง หรืออะไรบางอย่างที่เขาเชื่อใจ เขาก็ไม่ได้ผิด ซึ่งถ้าเป็นอย่างใน MV ตัวนี้อะครับ ก็อาจจะเป็นการที่ลูกสักคนนึงจะยึดมั่นถือมั่นกับคำสัญญาของคนเป็นแม่ ก็ไม่ได้ผิด แต่สุดท้ายทางที่เขาเลือกนั้นถูกหรือผิด ก็เป็นเรื่องของคนที่ดูเป็นคนตัดสินครับ”ส่วนตัว Mirrr เคยมีโมเมนต์แบบในเพลงมั้ย ที่อยากลืมอะไรสักอย่าง แต่ลืมไม่ได้สักที จัดการกับความรู้สึกตอนนั้นยังไงนาว – “ผมว่าทุกคนน่าจะเคยมีโมเมนต์แบบนั้นนะครับ ด้วยความเป็นมนุษย์ปกติธรรมดา ก็จะเจอเรื่องดีบ้าง ไม่ดีบ้างในชีวิต มันเป็นเรื่องปกติ เรื่องแย่ ๆ บางทีเราก็ไม่ได้อยากจำ แต่มันก็จำ เราไม่ได้เหมือนคอมพิวเตอร์ที่อยากลบทิ้งแล้วลบได้ เราก็เลยต้องหาวิธีเรียนรู้เพื่อที่จะอยู่กับมัน”โต – “แต่ถ้าเป็นผมอะ ผมจะไม่ค่อยอยากลืม จะอยากจำมากกว่า เพราะผมจะจำไม่ค่อยได้ คือเวลาเราจำอะ มันจะมีบางเรื่องเหมือนเราจำได้ คำว่า จำฝังใจ มันอาจจะเป็นความรู้สึกที่มันฝังใจ แต่ถ้าเราจำได้ แต่ความรู้สึกมันไม่ได้ฝังใจ มันก็อาจจะไม่ได้จำฝังใจ แต่ว่าบางครั้งเราอยากจะจำ เพราะเราอยากรู้สึกนึกถึงมันก็ได้ เช่น เก็บของอันนี้ไว้ที่ไหน คนนี้พูดว่าอะไร หรือว่าเขาทำอะไร สถานการณ์ไหน ในความรู้สึกคือผมอยากจำได้ทุกเรื่องแหละ แต่มันเป็นไปไม่ได้ คือมีช่วงนึงบางทีจำเรื่องวัยเด็กขึ้นมาได้เรื่องนึง มันก็รู้สึกดีมากเลย ต่อให้มันเป็นเรื่องธรรมดาในตอนนั้น แต่พอมันนึกขึ้นมาได้ มันก็รู้สึกดีครับ แต่ถ้าอยากลืมจะนึกไม่ค่อยออกว่าอยากลืมเรื่องอะไร”นาว – “ผมเป็นฟีลอยากเข้าใจตัวเอง อยากใช้ชีวิตให้มีความสุขมากกว่า เหมือนต่อให้เรามีเรื่องแย่ ๆ ถึงเราจะคิดถึงมันบ้างบางที แต่โดยรวมเราคิดถึงมันแล้วเราไม่ทุกข์ก็พอแล้ว เราก็ไม่ต้องพยายามจะลืม”ถ้ามีคนตกอยู่ในสถานการณ์แบบในเพลง จะแนะนำพวกเขายังไงบ้างโต – “ถ้ามีคนถามเรื่องมูฟออน สำหรับผมนะ ผมมักจะบอกว่า ถ้าเรายังมูฟออนไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรครับ มันเป็นปกติที่เราจะเสียใจกับเรื่องอะไรก็ตาม แค่อยากให้เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องปกติ ที่มันไม่สมบูรณ์ ที่เราผิดพลาด มันเป็นธรรมดา แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่สังคมหรือคนรอบข้างมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ รู้สึกว่ามันต้อง take serious มันจะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้คนเป็นทุกข์ได้ เพราะเราต้องอยู่ในสังคม สุดท้ายแล้วถ้ามีใครสักคนตกอยู่ในสถานการณ์แบบใน MV ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ลูก หรือว่าใครก็ตามนะครับ ผมรู้สึกว่าอย่างน้อยทำความเข้าใจกับบริบทที่เราเป็นอยู่ ระลึกว่าเรามีหน้าที่ที่ต้องทำอะไร เราอยู่กับปัจจุบัน เราเอาอดีตเป็นบทเรียน ผมคิดว่าผมเองก็ทำไม่ได้ 100% แต่ก็หวังว่าวันนึงเราจะทำให้ได้ คือเอาอดีตมาเป็นบทเรียน เป็นสิ่งที่เตือนใจเรา แต่ไม่ได้จมอยู่กับมัน เหมือนเราเรียนประวัติศาสตร์ คือเราทำปัจจุบันให้ดี เพื่อจะได้วางแผนอนาคต”Mirrr ทำเพลงเศร้าซะเยอะ ทำไมพาลงตลอดเลย ถือเป็นแนวที่ Mirrr ถนัดด้วยหรือเปล่าโต – “อันนี้เราอาจจะไม่ได้เลือก มันไม่ได้เป็นคอนเซ็ปต์ว่าเรามาทำเพลงเศร้ากันดีกว่า มันอาจจะเป็นอะไรที่แบบ เราคิดว่ามู้ดนี้ได้ เราก็จะคุยกัน แล้วก็เลยทำเพลงออกมา”การทำเพลงตัวเอง กับทำเพลงให้คนอื่น มีความยากง่ายแตกต่างกันตรงไหนบ้างโต – “ต่างเยอะครับ ทำเพลงตัวเองน่าจะยากกว่า ความยากน่าจะเป็นเดดไลน์ มันดูเหมือนเป็นเรื่องตลกนะ เดดไลน์ แต่ว่าพอเราทำให้คนอื่น มันจะมีเดดไลน์ครับ แล้วเรารู้สึกว่าเราโอเคกับการมีเดดไลน์ เพราะจะหยุดคิดได้ เราจะ priority ได้ว่า โอเค ตอนนี้เราจะหยุดคิดละ นี่คืองานที่โอเคละ เราไม่ต้องคาดหวังความเพอร์เฟ็ค ความดีไปกว่านี้ นี่คือดีที่สุด ณ ช่วงเวลานี้แล้ว แต่ถ้าเกิดว่าเป็นงานของวง เราอาจจะมีเดดไลน์กันก็จริง แต่เราจะขยับเดดไลน์ บางทีเรารู้สึกว่า อันนี้เปลี่ยนใจได้มั้ย อันนี้รู้สึกว่ามันไม่ได้ในฟีลลิ่งตอนนี้แล้ว ขอเก็บไว้ก่อน ขอไปทำเพลงใหม่ก่อน เราก็เลยจะมีเพลงเก็บเยอะมาก แต่ยังไม่ได้ทำอัลบั้มที่ 2 ออกมา”Mirrr เพิ่งจัดแฟนมีตครั้งแรกไปด้วย เป็นยังไงบ้างโต – “ครบทุกอย่าง ทั้งตื่นเต้น ดีใจ แล้วก็แฮปปี้”นาว – “มีเสียใจมั้ย”โต – “ไม่มีนะ”นาว – “ก็ไม่ครบสิ”โต – “อ่าว เราต้องเอาเสียใจเข้ามาด้วย ถึงจะครบทุกอารมณ์งี้เหรอ งั้นเสียใจมั้ยวันนั้น”นาว – “เสียใจครับ เสียใจ”โต – “เล็ก ๆ มันมีความเสียใจอยู่นิดนึงด้วยนะ คือมันเป็นสิ่งที่ผมคิดอยู่ในใจมาตลอดเลย คือตอนที่เราจะคัดเลือกคนมาอะครับ เราก็คุยกันตั้งแต่จุดเริ่มต้นเลยว่าแฟนมีตคืออะไร ก็ได้ความกันว่า แฟนมีตคือเราอยากทำกิจกรรมอะไรก็ได้ที่ให้ giveaway แฟน ๆ ที่เขาซัพพอร์ตเรามาตลอด ได้ทำกิจกรรมเพื่อขอบคุณเขา มีสิ่งของที่ตอบแทนเขาบ้าง ตอนนั้นก็ได้ลองปรึกษาค่ายครับ เพราะเราไม่เคยจัดแฟนมีตที่เป็นแฟนมีตจริงจังเลย อาจจะมีได้เจอกับแฟน ๆ บ้าง แต่มันไม่ได้เป็นงานแบบออฟฟิเชียลเนอะ อันนี้น่าจะเป็นงานแบบออฟฟิเชียลครั้งแรก ก็เลยมาศึกษากับมันตั้งแต่ต้น จนแบบ โอเค เราต้องใกล้ชิดกัน เราจะได้ใช้เวลาร่วมกับทุกคน จำนวนคนเราก็เลยสรุปกันมาที่ 40 คน แต่มีน้อง ๆ ให้ความสนใจ ส่งข้อความเข้ามากันเยอะมากครับ เกินกว่าที่เราคาดหวังไว้เยอะมาก แล้วก็ตอนแรกเหมือนผมก็คุยกันว่าเราจะคัดเลือกจากข้อความที่ทุกคนเขียนมา 40 คน แล้วปรากฎว่าพอเรามานั่งอ่านกันดูจริง ๆ แล้ว เราเลือกไม่ได้ครับ เพราะทุกคนเขาซัพพอร์ตเราหมด ทุกคนเขาตั้งใจกับเราหมด มันไม่ได้อยู่ที่ว่าข้อความที่เขาเขียนมามันคืออะไร มันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นเลย เราไม่สามารถเลือกได้ เราก็เลยปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาแล้วกันครับ เราก็เลยบอกทุกคนที่ส่งเข้ามาว่าเราขอเปลี่ยนกติกา จากตอนแรกที่เราบอกว่าจะคัดเลือกจากข้อความที่ส่งเข้ามา ก็เป็นการสุ่มแทน แต่เราได้อ่านของทุกคนนะครับ ซึ่งก็รู้สึกว่าผมอยากจะจัดอีกนะ แล้วถ้าได้จัดอีกก็อยากจะขยายให้ใหญ่ขึ้น รองรับคนให้มากขึ้น น้อง ๆ คนที่ไม่ได้มาก็ยังมีฝากเค้กฝากของมาให้ด้วย ก็เลยรู้สึกว่าถ้าได้มีโอกาสจัดงานครั้งหน้า ก็อยากจะทำให้ดีขึ้นกว่านี้ครับ”พูดถึงแฟนคลับที่ติดตามวง Mirrr กันอยู่หน่อย เรามีความประทับใจอะไรในตัวพวกเขาบ้างโต – “ผมคิดอยู่ว่าจะเริ่มที่ตรงไหน คือมันเยอะ มันทุกจุดอะครับ ย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนแรก ถ้าไม่มีแฟนเพลงเอาเพลงไปเล่น เพลงเราก็ไม่เป็นที่รู้จัก แล้วเราก็จะไม่มีโอกาสได้มีทัวร์แรกเลยด้วยซ้ำ แล้วพอเรามีทัวร์แรก เราก็เริ่มมีคนเข้ามาทำความรู้จัก เราเริ่มไลฟ์แล้วมีคนดู มีคนมาพูดคุยด้วย มีคนมาแลกเปลี่ยน มีคนมาสอนเราว่าด้อมคืออะไร มีคนมาตั้งไลน์สแควร์ให้ทั้งที่เราก็ไม่รู้ ซึ่งตอนนี้ไลน์สแควร์มีพี่มีน้องมาทำหน้าที่แอดมินให้แล้วด้วย กลายเป็นว่าเส้นทางจากจุดเริ่มต้นจนวันนี้ ครอบครัวของพวกเราใหญ่ขึ้นมาก ๆ แล้วเราไม่มีทางที่จะทำเพลงมาจนถึงทุกวันนี้ได้เลย ถ้าไม่มีทุกคนที่สนับสนุนอยู่ เพราะงั้นความประทับใจมันน่าจะเป็นการมีอยู่ของพวกเขา น่าจะตอบทุกมิติได้ครับ”สุดท้ายให้ Mirrr ฝากผลงานหน่อย ทั้งผลงานเพลงนี้ แล้วก็ในอนาคตจะมีอะไรออกมาให้เราติดตามกันอีกบ้างนาว – “ก็มีเพลงนี้นะครับ ‘ย้ำคิดย้ำทำ’ ที่เพิ่งปล่อยมา ก็ตั้งใจจะปล่อยอีกหลาย ๆ เพลงเลยครับ อยากให้ทุกคนได้ติดตามกัน แล้วก็ตอนนี้กำลังคุยกันเรื่องที่ว่าจะจัดคอนเสิร์ตอะไรสักอย่างนึง ซึ่งอยากให้รอติดตามกันมาก ๆ เลยครับ เพราะว่าเราก็คุยกันแบบเป็นจริงเป็นจังกันมาก”ใบ้ได้ไหมว่าภายในปีนี้จะมีซิงเกิลใหม่ปล่อยออกมาให้เราได้ฟังกันอีกไหมนาว – “อยากให้มีครับ แล้วก็อยากให้ติดตามกัน”

album

0
0.8
1