งานวิจัยล่าสุดพบ ภาวะโลกเดือด ทำให้โรคทางระบบประสาท และ สมองมีอาการแย่ลง ในการศึกษาพบว่า อุณหภูมิ และ ความชื้นที่สูงขึ้น ทำให้โรคต่างๆมีอาการแย่ลง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคจิตเภท ไมเกรน ลมชัก อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน
โดยปกติแล้วระบบต่างๆของร่างกายมนุษย์ทำงานต่างกันไปตามอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม ซึ่งร่างกายมนุษย์ทำงานได้ดีในอุณหภูมิระหว่าง 20-26˚C และที่ความชื้น 20-80% โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมองที่อ่อนไหวต่ออุณหภูมิ ซึ่งสมองเองก็มีหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิร่างกายด้วยอยู่แล้วอาจจะรวนได้
โรคบางชนิด รวมถึง ยารักษาโรคทางระบบประสาท และโรคทางจิตบางชนิดจะรบกวนการขับเหงื่อ และการควบคุมอุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้นไปอีก
และยิ่งถ้าไปโดนคลื่นความร้อนซ้ำเข้าไปอีก ก็จะยิ่งไปรบกวนการนอน และเมื่อนอนไม่พอ ก็ทำให้อาการโรคต่างๆแย่ลงได้ เช่น โรคลมชัก คลื่นความร้อนทำให้ระบบในสมองทำงานแย่ลง และนี่คือเหตุผลว่า ทำไมคนไข้โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งถึงมีอาการแย่ลง เมื่ออยู่ในความร้อน หรือ อากาศที่ร้อนขึ้นทำให้เสียน้ำ เลือดข้นขึ้น และเพิ่มโอกาสให้กับโรคหลอดเลือดสมอง
มีหลักฐานชัดเจนว่าภาวะโลกร้อนกระทบผู้ป่วยโรคทางระบบประสาทในหลายด้าน สถิติก็ฟ้องว่าเมื่ออุณหภูมิยิ่งสูงขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีผู้ป่วยความจำเสื่อมเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลมากขึ้น หรือ ผู้ป่วยโรคลมชักมีอาการชักมากขึ้น โรคทางระบบประสาทอาการแย่ลง และพบว่ามียอดผู้เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองมากขึ้น หรือ แม้แต่คนไข้โรคจิตเภทก็มีอาการกำเริบ และเข้าโรงพยาบาลสูงขึ้น
ในปี 2003 ตอนที่ยุโรปมีคลื่นความร้อนปกคลุม พบว่า 20% ของยอดผู้เสียชีวิตเฉียบพลัน เสียชีวิตจากโรคระบบประสาท
สภาพอากาศแบบสุดเหวี่ยง เช่นอุณหภูมิเหวี่ยงขึ้นลงจัดในระหว่างวัน คลื่นความร้อน,พายุ หรือ น้ำท่วม ล้วนทำให้อาการทางระบบประสาทแย่ลง
และยิ่งถ้าเป็นสภาพอากาศในเมืองใหญ่ ที่ไม่มีพื้นที่สีเขียว ระบายอากาศไม่ดี ยิ่งเป็นสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะกับผู้ป่วย
ในปัจจุบันผู้ป่วยระบบประสาท และผู้ป่วยทางจิตที่มีโอกาสได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนมีจำนวนสูงมาก ตอนนี้มีคนเป็นโรคลมชักทั่วโลกประมาณ 60 ล้านคน และมีผู้ป่วยโรคความจำเสื่อม ประมาณ 55 ล้านคน
โดยที่กว่า 60% ของคนไข้เหล่านั้น อยู่ในประเทศที่ยากจน ไปจนถึงรายได้ปานกลาง และยิ่งประชากรโลกเป็นคนวัยชรามากขึ้น ตัวเลขของคนไข้ที่มีความเสี่ยงอาจเพิ่มไปมากกว่า 150ล้านคนในปี 2050 และจะตามมาด้วย การเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุหลักของผู้ป่วยจำนวนมากในอนาคต
ถ้าจะหวังให้ภาครัฐและทั้งโลกลดสภาวะโลกเดือดลงได้ในเร็ววัน คงเป็นเรื่องเพ้อฝัน ทางออกที่ทำได้เร่งด่วนในขณะนี้คือ ให้บุคลากรในระบบสาธารณะสุข ทั้งหมอ พยาบาลและผู้ดูแลคนไข้ ให้ความรู้ และเตือนคนไข้ถึงความเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้น เพื่อคนไข้และครอบครัว เร่งเรียนรู้ ปรับตัว การใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อดูแลตัวเองในสภาพอากาศสุดขั้วที่กำลังเกิดขึ้น และจะอยู่กับเราไปอีกนาน
ข้อมูล:
-Sciencedirect.com
-The Conversatin
