สรุปผลการวิจัยจากสารคดีเกี่ยวกับสุขภาพใหม่ล่าสุด ทางช่อง Netflix ที่ทำการทดลอง ดูความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย หลังกินอาหารที่ต่างกัน 8 สัปดาห์ ในฝาแฝด 21 คู่
ในอดีตมีงานวิจัยต่าง ๆ เกี่ยวกับผลกระทบของอาหารที่มีต่อร่างกายมนุษย์หลายงาน แต่ไม่เคยมีงานวิจัยไหนที่ศึกษาเรื่องผลต่างของอาหารในคู่แฝด
สาเหตุที่ใช้คู่แฝดแท้ในการศึกษา ก็เพื่อตัดความแตกต่างทางพันธุกรรมออกไป ให้เหลือความต่างแค่ อาหาร และ วิถีการใช้ชีวิตเท่านั้น
รายการทีวีนี้เป็นการรวมตัวของผู้เชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ มาร่วมกันศึกษาฝาแฝด เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ โดยแบ่งคู่แฝด ออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่ง กินอาหารจากพืชเท่านั้น และ อีกกลุ่ม กินอาหารที่มีทั้งพืช และ จากสัตว์ โดยมีการเก็บตัวอย่างทางชีวภาพ เช่น เลือด ปัสสาวะ อุจจาระ สแกนร่างกาย ดูมวลไขมัน กระดูก และ กล้ามเนื้อ ความกระตุ้นเร้าทางเพศ สมรรถภาพของร่างกาย
เมื่อเวลาผ่านไป 8 สัปดาห์ ก็นำผลมาเปรียบเทียบก่อน และ หลัง การเข้าโปรแกรมได้ผลดังนี้
ด้านสมอง : ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะใช้เวลาแค่ 2 เดือน แต่ถ้ามีการเปลี่ยนอาหารนานกว่านี้ จะเห็นผลชัดกว่านี้ โดยมีแนวโน้มว่ากลุ่มคนที่กินพืช จะเป็นประโยชน์กับสมองมากกว่า
มีงานวิจัยของ Rush University พบว่า เมื่อคนกินพืชมากขึ้น ความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์ลดลงถึง 53% รวมถึง โอกาสเส้นเลือดในสมองตีบ/แตก ลดลงอย่างมาก
ด้านคลอเลสเตอรอล : กลุ่มที่กินพืช LDL ลดลงอย่างชัดเจน มากกว่า กลุ่มที่กินทั้งพืช และสัตว์
ด้านการอักเสบของร่างกาย (TMAO) : กลุ่มที่กินพืช มีการอักเสบในร่างกายน้อยลง และ น้อยกว่ากลุ่มที่กินทั้งพืช และ สัตว์
ด้านสุขภาพในลำไส้ (Bifidobacterium) : ระบบนิเวศลำไส้พบว่า กลุ่มกินพืช มีแบคทีเรียตัวดีมากกว่า ที่ช่วยเรื่องป้องกันการอักเสบ สร้างวิตามิน และเคมีสำคัญในร่างกาย
ด้านสุขภาพเพศ : กลุ่มที่กินพืช มีการตอบสนอง กระตุ้นเร้าทางเพศได้ดีกว่า กลุ่มกินเนื้อสัตว์ อย่างเห็นได้ชัด
ด้านการชะลอวัย : ตอนเริ่มต้น เทโลเมียร์ของทั้ง 2 กลุ่ม (กลุ่มกินพืช และ กินพืช+สัตว์) มีความยาวเท่ากัน แต่เมื่อผ่านไป 8 สัปดาห์ พบว่ากลุ่มที่กินพืช มีเทโลเมียร์ที่ยาวขึ้นกว่าตอนแรก ในขณะที่ กลุ่มกินสัตว์ เทโลเมียร์ยาวเท่าเดิม และการกินพืช ทำให้แก่ช้าลง หรืออาจย้อนวัยได้
ในสารคดียังพูดถึง ผู้ป่วยความดัน และ เบาหวาน ที่อาการดีขึ้น จนร่างกายกลับมาแข็งแรงด้วยการกินอาหารที่ทำจากพืชมากขึ้น
อาหารจากพืชไม่ได้ดีต่อสุขภาพมนุษย์เท่านั้น แต่ยังดีต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เพราะปศุสัตว์สร้างปัญหามลภาวะสูง วัว ควาย สร้างแก๊สมีเธน ซึ่งเป็นก๊าซโลกร้อนที่รุนแรงกว่า ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ก๊าซโลกร้อนที่อุตสาหกรรมปศุสัตว์ทั้งโลกสร้าง มีมากกว่า อุตสาหกรรมขนส่งทั้งโลกรวมกันเสียอีก
สาเหตุหลักของการทำลายป่าทั่วโลก คือทำเกษตรกรรม ปลูกพืชเพื่อไปเลี้ยงวัว หรือ ฟาร์มทำปศุสัตว์ ไม่เว้นแม้แต่ป่า อเมซอน
ส่วนอุตสาหกรรมฟาร์มปลาแซลมอนในทะเล ก็ทำลายสิ่งแวดล้อม สร้างปลาแซลมอนคุณภาพต่ำ เกิดการหมักหมมของขี้ปลาในทะเล ปลาจากฟาร์มเหล่านี้ส่วนใหญ่อ่อนแอ ติดเชื้อแบคทีเรีย ส่งผลเสียให้ผู้บริโภค และทำลายสิ่งแวดล้อม
ทิ้งท้าย เรื่องอาหาร เฟี้ยตสรุปตาราง เปรียบเทียบระหว่าง นมวัว นมถั่วเหลือง นมโอ๊ต และ นมอัลมอนด์ ทั้งประโยชน์ทางสารอาหาร และ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยดาวแดง หมายถึง ทำคะแนนได้ดี ในหมวดนั้น ได้ผลดังนี้

ด้านสารอาหาร : นมวัวสารอาหารเยอะ แต่ก็มีไขมันเยอะ เพิ่มโอกาสเบาหวาน โรคหัวใจ พาร์กินสัน และ มะเร็ง สร้างมลพิษสิ่งแวดล้อมมากที่สุด
นมถั่วเหลืองมีโปรตีนใกล้นมวัวมากที่สุด แต่ไม่มีแคลเซียม ซึ่งเราหาเสริมได้จากอาหารประเภทอื่น
นมโอ๊ต แป้งเยอะ พอ ๆ กับนมวัว แต่ไฟเบอร์สูงสุด
นมอัลมอนด์ สารอาหารน้อยสุด และ อาจแพงที่สุดในบรรดา นม 4 ชนิด
ด้านสิ่งแวดล้อม : การปลูกถั่วเหลืองทำลายป่า เพราะนำไปทำอาหารปศุสัตว์ แต่โดยรวมถ้าเอาไปทำเป็นนม ถั่วเหลือง โอ๊ต และ อัลมอนด์ชนะ นมวัว เพราะทำลายสิ่งแวดล้อมน้อยกว่ามาก
สรุปภาพรวม : ความคุ้มค่า สุขภาพ ราคา และ สิ่งแวดล้อม นมถั่วเหลืองชนะเลิศจ้าาาา
ชมตัวอย่าง สารคดี You Are What You Eat, Twin Experiment : https://youtu.be/oygkWmXyOaM?si=AdekwxowPTKk6X68
แหล่งข้อมูลเปรียบเทียมนม : https://youtu.be/s6TXDFp1EcM?si=Y5R56UH4qo0lsljO
