ในงาน "Overheadted" งานที่ศิลปิน ดีไซน์เนอร์ และนักกิจกรรมสิ่งแวดล้อม มารวมตัวกัน เพื่อหาทางแก้ปัญหาสภาวะอากาศแปรปรวนที่กรุงลอนดอน สัปดาห์ที่ผ่านมา
บิลลี่ ไอลิช นักร้องชื่อดังซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งงาน พูดถึงเสื้อผ้าที่เธอใส่ในชีวิตประจำวัน และในการแสดงของเธอว่า ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้ามือ 2 ซึ่งทั้งเธอ และพี่ชายก็เติบโตมากับการใช้เสื้อผ้ามือ 2
เธอบอกว่า เธอรักอิสระของการเลือกเสื้อผ้าใส่เอง ซึ่งในร้านเสื้อผ้ามือ 2 เสื้อผ้าจะมีทุกแบบ ทุกสไตล์ เธอจะเลือกใส่แบบไหนก็ได้ โดยไม่ต้องมาถูกกำหนดว่า ฤดูกาลนี้ ฉันต้องใส่เสื้อผ้าแบบนี้ เพศนี้ ต้องใส่ สไตล์นี้ ซึ่งหลายครั้งเราให้ความสำคัญกับความคิดของคนอื่นมากไป และทำให้เราซื้อเสื้อผ้า เพียงเพราะมันกำลังอยู่ในเทรนด์ แต่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าในแบบที่เราต้องการจริง ๆ
แม้จะมีแบรนด์เสื้อผ้าดังต่าง ๆ ส่งเสื้อผ้าใหม่มาให้เธอใส่เป็นประจำ แต่เธอคิดว่านั่นไม่ใช่สไตล์ของเธอ เธอไม่มีวิถีชีวิตแบบนั้น
เสื้อผ้าทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างไร?
องค์การสหประชาชาติเพื่อสิ่งแวดล้อม UNEP เผยว่าอุตสาหกรรมเสื้อผ้า และสิ่งทอใช้น้ำมากเป็นอันดับ 2 ของโลก และปล่อยคาร์บอนมากถึง 10% จากทั้งโลก มากกว่าอุตสาหกรรมการบิน และขนส่งทางน้ำ รวมกันซะอีก และ Fast Fashion หรือ แฟชั่นแบบด่วน คือตัวการสำคัญ!
Fast Fashion คืออะไร?
คือ เสื้อผ้าตามกระแสที่มาไว ไปไว เน้นสวมใส่เพียงไม่กี่ครั้ง มีต้นทุนต่ำ วัตถุดิบคุณภาพต่ำ ผลิตง่าย เน้นความรวดเร็ว เพื่อให้เสื้อผ้านั้นราคาไม่แพง ซื้อง่าย เป็นแฟชั่นวงจรสั้นๆ เปลี่ยนรูปแบบไว เน้นขายปริมาณมากในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งเสื้อผ้าบางยี่ห้อ ทำสถิติจากเริ่มต้นออกแบบ จนออกวางขายได้ในเวลาน้อยกว่า 2 สัปดาห์ ไวเว่อร์
มันทำลายโลกตรงไหน?
1.สร้างขยะได้เร็วขึ้น
ในยุคที่ผู้คนซื้อของออนไลน์ ไม่ได้ลองใส่ก่อนซื้อ หลายครั้งเมื่อซื้อมาใส่ แล้วไม่พอดี ไม่พอใจ ก็ทิ้งได้ทันที เพราะราคาไม่แพง หรือ แม้หลายเจ้ามีข้อเสนอรับคืนสินค้า หากไม่พอใจ แต่สินค้าที่ส่งคืนจะถูกส่งไปเป็นขยะฝังกลบทันที เพราะถ้าส่งกลับเข้าระบบไปขายใหม่ มีต้นทุนที่สูงกว่า
2.สร้างไมโครพลาสติกมหาศาล
สินค้า Fast Fashion ส่วนใหญ่ ใช้วัตถุดิบที่มาจาก เส้นใยพลาสติก ไม่มีความแข็งแรงคงทน พังง่าย และปล่อยไมโครพลาสติกทุกครั้งที่มีการซัก
IUCN ระบุว่า ไมโครพลาสติก มากถึง 35% ในทะเล มาจากการซักผ้าใยโพลีเอสเตอร์
3.ปล่อยสารพิษลงน้ำ
การผลิตเสื้อผ้าใช้น้ำในปริมาณมาก เช่นเสื้อยืดผ้าฝ้ายหนึ่งตัวใช้น้ำ ถึง 700 แกลลอน กางเกงยีนส์ 1 ตัว ใช้น้ำผลิต 2,000 แกลลอน นอกจากนี้ อุตสาหกรรมย้อมสีผ้าใช้น้ำมากที่สุด และปล่อยสารพิษลงสู่แหล่งน้ำมากที่สุดจาก กระบวนการย้อม และ การเตรียมเส้นด้าย และ การผลิตเส้นใย แม้แต่ฝ้ายที่ปลูกเพื่อทำเส้นใย ก็ใช้น้ำปริมาณมาก และยังใช้ยาฆ่าแมลงจำนวนมาก เป็นพิษทั้งดิน แหล่งน้ำ และเกษตรกร
4.สิ้นเปลืองพลังงาน
อุตสาหกรรมสิ่งทอใช้พลังงานสูง โรงงานผลิตมักอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งใช้พลังงานจากถ่านหิน และน้ำมัน
5.สนับสนุนการค้ามนุษย์
อุตสาหกรรมสิ่งทอที่กดต้นทุน มักอยู่ในประเทศด้อย หรือ กำลังพัฒนาที่ใช้แรงงานราคาถูก กดค่าแรง ที่มาของแรงงานและวัตถุดิบผิดกฎหมาย คุณภาพชีวิตชองแรงงานต่ำ
แล้วเราทำอะไรได้บ้าง?
1.ใช้งานให้คุ้มค่าที่สุด ด้วยการ mix and match ก่อนที่จะซื้อใหม่
2.ใช้เสื้อผ้ามือสอง (Circular Economy) หรือ เช่าชุด แทนการตัดใหม่ ถ้าไม่ได้ใช่้บ่อย
3.ถนอมเสื้อผ้าให้ใช้ได้นาน ด้วยการซักที่ไม่รุนแรง ซ่อมแซมเสื้อผ้าเมื่อชำรุด แทนการซื้อใหม่
4.สนับสนุน เสื้อผ้าคุณภาพดี ทนทาน อายุการใช้งานยาว ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Credits:
https://www.imoverheated.com
https://www.unep.org/news-and-stories/press-release/un-alliance-sustainable-fashion-addresses-damage-fast-fashion
https://earth.org/fast-fashions-detrimental-effect-on-the-environment/
https://www.independent.co.uk/climate-change/news/billie-eilish-grammy-london-finneas-australia-b2402027.html?fbclid=IwAR3oLfVsKZt1K6Zn3G4VqzBUNho-IennO3ySCfvoekyGiFVX5cJFGQvkMzE_aem_AWfmGDzTb7f8JbUdHpWKosAe-wlfBwAFwfQDZuES_OtCXv8OWVueyA5oSxSWDAaNnuY
