จบลงไปแล้วสำหรับการประกวด Miss Universe Thailand 2023 ซึ่งผู้คว้าตำแหน่งสูงสุดไปครองได้แก่ MUT31 แอน-แอนโทเนีย โพซิ้ว ตัวแทนจากจังหวัดนครราชสีมา ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งในทุกรอบของการแข่งขัน จนชนะใจคณะกรรมการคว้าตำแหน่ง Miss Universe Thailand 2023 พร้อมรับมงกุฎ Light of Glory และเป็นตัวแทนไปชิงมงนางงามจักรวาล ที่ประเทศเอลซัลวาดอร์ปลายปีนี้
ย้อนกลับไปในค่ำคืนวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมาเป็นอีกหนึ่งคืนพิเศษ กับการแข่งขัน “รอบชุดประจำชาติ” (National Costume) โดยสาวงามทั้ง 53 คน ได้เลือกชุดที่มีเอกลักษณ์ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แฟนนางงามอย่างมาก สำหรับโจทย์ของชุดประจำชาติปีนี้คือ ‘Inspiration From Thai Traditional Costume’ ชุดที่มีความสวยงามทั้งด้านสุนทรียะ และมีคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์, ศิลปะ, วัฒนธรรม, เทคนิคทางงานศิลปะเครื่องแต่งกาย สื่อสารผ่านแนวคิด กระบวนการผลิตของนักออกแบบ ซึ่งแต่ละจังหวัดก็ได้นำเสนอเอกลักษณ์ของตัวเองออกมาได้อย่างโดดเด่นและน่าสนใจ โดยมี 5 ชุดที่คว้ารางวัลพิเศษ ตาม 5 ประเภทดังนี้
1.รางวัล Traditional Textile Award (ชุดผ้าไทยโบราณที่ใช้ในงานพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ หรือชุดสำหรับเจ้านายชั้นสูง)
ผู้ชนะ MUT47 กรองทอง-กรองทอง จันทรสมโภช จังหวัดพิษณุโลก ‘ชุดโสกันต์’
ออกแบบโดย ชวัญชัย อรชร
2.รางวัล Cultural Textile Award (ชุดผ้าไทยที่แสดงออกถึงวัฒนธรรมดั้งเดิม สำหรับใส่ในงานประเพณี งานพิธีกรรมของแต่ละท้องถิ่น)
ผู้ชนะ MUT48 เชอร์รี่-จรรยา ต้นงาม จังหวัดมหาสารคาม ‘ชุดนบเถิงแถน’
ออกแบบโดย ธีรวัฒน์ เจียงคำ
3.รางวัล Innovative Textile Award (ชุดผ้าไทยพระราชนิยมมาประดิษฐ์ ตกแต่ง ประดับประดา ด้วยเทคนิคต่าง ๆ ตลอดจนการประยุกต์ใช้นวัตกรรมที่แสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์)
ผู้ชนะ MUT17 เคธี่-แคทริน่า ลลิตา คอสทรูคอฟฟ์ จังหวัดกาญจนบุรี ‘ชุดกาญจนเบญพาด’
ออกแบบโดย ธีร์ ผาสุก
4.รางวัล Sustainable Textile Award (ชุดที่นำเศษขยะอันเกิดจากสิ่งทอหรือกระบวนการทอมาทำเป็นชุดพระราชนิยม เพื่อส่งเสริมการลดของเสียและต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืน)
ผู้ชนะ MUT16 จอย-ศจี คันธยศ จังหวัดสงขลา ‘ชุดทอแสงแยงเงา’
ออกแบบโดย เขม-เขมรินทร์ โชติภาเจริญการ
5.รางวัล Thai Royally bestowed Textile Award (ชุดไทยพระราชนิยมที่แสดงออกถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของความเป็นไทย ซึ่งเป็นชุดที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงฉลองพระองค์ชุดไทยแบบต่าง ๆ ในระหว่างการเสด็จเยือนนานาประเทศเพื่อบ่งบอกถึงความเป็นชาติไทย)
ผู้ชนะ MUT04 วีนา-ปวีนา สิงห์ทักวาล จังหวัดภูเก็ต ‘ชุดบุปผาราชินีศรีศิวาลัย’
ออกแบบโดย ดร.สรรค์ สุดเกตุ (ห้องเสื้อวนัชกูตร์)
จากนั้นได้มีการประกาศผล 10 ชุดที่ถูกเลือกให้เป็นชุดประจำชาติยอดเยี่ยม ซึ่งตัดสินโดยคณะกรรมการผู้คร่ำหวอดในแวดวงการออกแบบและตัดเย็บ มีความชำนาญเกี่ยวกับชุดประจำชาติ และหนึ่งชุดจาก 10 ชุดที่ผ่านการคัดเลือกรอบนี้ จะถูกนำไปปรับเพื่อให้ แอนโทเนีย โพซิ้ว Miss Universe Thailand 2023 ใช้ประกวดจริงบนเวที Miss Universe ครั้งที่ 72 ที่ประเทศเอลซัลวาดอร์ ซึ่ง 10 ชุดมีดังต่อไปนี้
1. MUT48 เชอร์รี่ จรรยา ต้นงาม จังหวัดมหาสารคาม ชุด ‘นบเถิงแถน’
2. MUT04 วีนา ปวีนา สิงห์ทักวาล จังหวัดภูเก็ต ชุด ‘บุปผาราชินีศรีศิวาลัย’
3. MUT25 น้ำอิง-สุทธิดา เอียดปู จังหวัดนครศรีธรรมราช ชุด ‘นครหัตถศิลป์’
4. MUT47 กรองทอง-กรองทอง จันทรสมโภช จังหวัดพิษณุโลก ชุด ‘โสกันต์’
5. MUT21 โบอิ้ง-ธัญญ์นภัส มงคล จังหวัดสกลนคร ชุด ‘Kram Silk Sivali’
6. MUT31 แอน-แอนโทเนีย โพซิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ชุด ‘อโยธยาอมรานิรมิต’
7. MUT17 เคธี่-แคทริน่า ลลิตา คอสทรูคอฟฟ์ จังหวัดกาญจนบุรี ชุด ‘กาญจนเบญพาด’
8. MUT18 พิ้งกี้-กรรณิการ์ เสงี่ยมงาม จังหวัดลพบุรี ชุด ‘อรุณราชนารี สตรีศรีสยาม’
9. MUT20 แจ๊สซี่-กิระนา จัสมิน ชูว์เทอร์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ชุด ‘THE KIRANA’
10. MUT27 นลิน-ฉัตร์ณลิณ โชติจิรวราฉัตร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุด ‘เทวสตรี ศรีอโยธยา’
ล่าสุด Green Wave ได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณเขม-เขมรินทร์ โชติภาเจริญการ ดีไซเนอร์ผู้ที่ได้รับรางวัล Sustainable Textile Award เป็นรางวัลจากการดีไซน์ชุดที่นำเศษขยะอันเกิดจากสิ่งทอ หรือกระบวนการทอมาทำเป็นชุดพระราชนิยม เพื่อส่งเสริมการลดของเสียและต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืน จากชุดทอแสงแยงเงา จากแสงและเงาที่ทอดผ่านการแสดงพื้นบ้าน หนังตะลุง ที่คอยเล่าเรื่องราวผ่านเงา ที่เกิดจากชิ้นหนังถูกแยงหรือฉลุในภาษาใต้ฉายกับแสง โดยชุดนี้ใช้วัสดุเหลือใช้ในการผลิตยีนส์ทั้งหมด
ก้าวแรก ที่มาพร้อมความกดดันและไม่มั่นใจ
สวัสดีครับ เขม - เขมรินทร์ โชติภาเจริญการ ปัจจุบันเป็น Creative Director ให้กับกระเป๋าแบรนด์หนึ่ง และกำลังศึกษาระดับปริญญาโท คณะมัณฑนศิลป์ สาขาวิชาศิลปะการออกแบบ มหาวิทยาลัยศิลปากร
จุดเริ่มต้นในการเป็นดีไซเนอร์ของ เขม เริ่มจากที่เราเรียนจบปริญญาตรี คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการออกแบบแฟชั่น มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่งก็ได้มีโอกาสดีไซน์ชุดอยู่แล้ว แต่ต้องบอกว่า การก้าวเข้ามาออกแบบชุดประจำชาติครั้งนี้ เขม เริ่มจากความไม่มั่นใจในเรื่องงานดีไซน์ที่เป็นการออกแบบเสื้อผ้าแฟชั่น เพราะเราไม่ได้มีโอกาสได้หยิบจับมากในปัจจุบัน ด้วยงานของ เขม ในปัจจุบันจะเน้นไปในทางการขายมงานมากกว่า เราไม่ค่อยได้มีโอกาสในการทำงานด้านแฟชั่นเท่ากับตอนที่เราได้เรียนมา
จนได้มีเพื่อนของเขม ชักชวนให้มาเป็นหนึ่งในทีมงานกองประกวด Miss Universe Thailand Songkhla เราเลยได้มีโอกาสมาดูแลเรื่องลุค , เสื้อผ้า และเครื่องแต่งกาย ให้กับผู้เข้าประกวดในแต่ละรอบการแข่งขัน เพื่อหาสาวงามที่จะเป็นตัวแทนของจังหวัดสงขลา ไปชิงมงกุฎบนเวที Miss Universe Thailand 2023 เขมรู้สึกดีใจ และขอบคุณทีมงาน Miss Universe Thailand Songkhla ที่คอยซัพพอร์ท และให้กำลังใจเรามาโดยตลอด นอกจากนี้ เขม อยากจะขอขอบคุณ ศูนย์การค้าไดอาน่าคอมเพล็กซ์ หาดใหญ่ ผู้ถือลิขสิทธิ์การประกวด Miss Universe Thailand Songkhla ที่คอยสนับสนุน และเปิดโอกาสดี ๆ ให้กับเขม และนี่คือครั้งแรก ที่เขมได้มีโอกาสออกแบบ และจัดทำชุดประจำชาติ บนเวทีการประกวด Miss Universe Thailand 2023
จากภูมิปัญญาท้องถิ่น สู่ไอเดียในการทำชุดทอแสงแยงเงา
จากการรับโจทย์ในการทำชุดประจำชาติ ที่กองประกวด Miss Universe Thailand 2023 ตั้งขึ้นคือ ต้องเป็นชุดที่มีความสวยงามทั้งด้านสุนทรียะ และมีคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์, ศิลปะ, วัฒนธรรม, เทคนิคทางงานศิลปะเครื่องแต่งกาย สื่อสารผ่านแนวคิด กระบวนการผลิตของนักออกแบบ โดยชุดจะต้องไม่มีการแบกหามลากจูง และควรอ้างอิงจากรูปแบบของชุดไทยพระราชนิยม หรือชุดไทยโบราณ และในเรื่องของเทคนิคอยากจะให้มีการนำภูมิปัญญาของท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อในแต่ละจังหวัด หรือการละเล่นพื้นบ้าน มาประยุกต์กับการออกแบบชุดประจำชาติของนางงามแต่ละคน ที่เป็นตัวแทนของแต่ละจังหวัด
สำหรับจุดเริ่มต้นของการทำ ชุดทอแสงแยงเงา เริ่มจากการที่ได้พูดคุยกับ จอย - ศจี คันธยศเขม ผู้เข้าประกวด Miss Universe Thailand 2023 โดยเป็นตัวแทนจากจังหวัดสงขลา แล้วนำมาบวกกับประสบการณ์ของเขม ที่เคยสัมผัสในตอนเด็ก ณ ตอนนั้นในจังหวัดสงขลา จะมีการโชว์หนังตะลุง ซึ่งเรื่องราวที่เล่า จะไม่ใช่เรื่องราวของนิทานพื้นบ้านเหมือนทั่วไป แต่จะเป็นการหยิบยกข่าวสารปัจจุบัน มาเล่าให้คนดูเข้าใจง่าย และดูได้อย่างสนุกขึ้น ซึ่งประสบกาณ์นี้ตรงกับสิ่งที่ จอย คอยนำเสนอบนเวที Miss Universe Thailand 2023 อยู่ตลอด เพราะเธอทำงานในแวดวงของสื่อ โดยเธอเป็นผู้ประกาศข่าว ซึ่งเรื่องราวที่ จอย ได้นำมาเล่าและแลกเปลี่ยนกับ เขม มันน่าสนใจมาก ๆ
เขม จึงได้หยิบยกเอาภูมิปัญญาเรื่อง การทำหนังตะลุง โดยนำเทคนิคการฉลุลาย หรือภาษาใต้ใช้คำว่า แยง ซึ่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนของการประดิษฐ์ตัวละครของหนังตะลุงมาใช้ โดยในการทำชุดประจำชาติของเขม เราได้ประยุกต์วิธีในการฉลุเป็นการใช้เทคนิค Laser Cutting ซึ่งได้นำนวัตกรรมมาปรับใช้ในการทำชุดประจำชาติครั้งนี้ด้วย เพื่อให้ทำให้ภูมิปัญญาที่มีอยู่ มาผสมผสานกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน และใส่ความเป็น จอย เข้าไปทั้งในเรื่องของ สรีระ การวางเส้น การออกแบบลาย ให้สามารถเล่าเรื่องราวของ จอย ให้ได้มากที่สุด
จากผ้ายีนส์เหลือใช้ สู่ชุดผ้าไทยอันงดงาม
สำหรับแรงบันดาลใจ ที่ เขม เลือกใช้ ผ้ายีนส์ มาเป็นวัสดุหลักในการทำชุดประชาติ เกิดจากตั้งแต่ตอนเรียน ตอนนั้นที่หาดใหญ่จะมีตลาดมือสองเยอะมาก แล้วเราชอบไปจับจ่ายของมือสองบ่อยมาก และ เขม มักจะเห็นว่ามียีนส์ที่มันเหลือใช้ถูกกองไว้แล้วไม่มีใครซื้อ แล้วเราเองเคยรู้ข้อมูลว่าการผลิตยีนส์ขึ้นมา 1 ตัว มันทำลายโลกไปเยอะมาก ไม่ว่าจะกระบวนการย้อมสียีนส์ การเลี้ยงดูฝ้ายเพื่อให้เกิดเป็นผ้ายีนส์ สิ่งนี้เลยกลายเป็นแนวคิดที่ว่า เราจะทำอย่างไรให้สามารถใช้ประโยชน์จากตัวที่ทำลายโลกให้ได้มากที่สุด เขม จึงตัดสินใจเลือก ผ้ายีนส์ ขึ้นมาเป็นวัสดุหลัก เพราะเรามองว่าการใช้ผ้ายีนส์สามารถเพิ่มอายุการใช้งานของชุดได้ และอีกอย่าง เขม มองว่าการที่เรานำเรื่องราวของหนังตะลุงมาอยู่บนผ้ายีนส์ มันก็เหมือนการยืดเวลาของภูมิปัญญาพื้นบ้านให้ยังอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ เราอยากนำสิ่งที่ทำลายโลกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด และอยากเป็นกระบอกเสียงในเรื่องของการเลือกใช้องค์ประกอบยีนส์มาทำเป็นชุดประจำชาติ ให้เกิดขึ้นจริง เพื่อเป็นตัวอย่างให้คนเห็นว่ามันสามารถทำได้
การทำชุดจากผ้ายีนส์ ทำยาก...แต่ทำได้!
ต้องบอกว่าขั้นตอนการทำชุดทอแสงแยงเงา จริง ๆ แล้วทำยากครับ เพราะในการทำชุดไทยพระราชนิยม ถ้าอยากให้ออกมาสวยงามจริง ๆ ต้องมีการทำให้ชุดเข้ากับรูปร่างผู้สวมใส่ให้มากที่สุด และจะต้องเก็บคัทติ้งให้เนียนที่สุด ซึ่งตัวผ้ายีนส์จะมีความหนา ทำให้เวลาที่เราเย็บมันจะเย็บได้ยากขึ้น ยิ่งเวลาที่เราทบผ้ายีนส์เพื่อเย็บตะเข็บคู่ คือสิ่งที่ยากมาก ในการเย็บชุดนี้ขึ้นมาเราทำเข็มหักไปหลายเล่มมากครับ ณ ตอนนั้นเราเองเกือบท้อ และเกือบจะเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ทำชุด แต่ก็มีเพื่อนในทีมที่คอยให้กำลังใจ และเตือนสติว่าผ้ายีนส์ คือจุดยืนที่เราต้องการจะเล่าเรื่องผ่านชุดที่เราคิดขึ้นตั้งแต่แรก เขม ก็เลยสู้ไปจนสุดทางครับ
จากการทำชุดทอแสงแยงเงา เขม ก็ได้เรียนรู้ปัญหาของการทำชุดจากผ้ายีนส์ เพราะเขมทำชุดนี้มา 2 รอบ รอบแรก เขม ได้เลือกผ้ายีนส์เหลือใช้ที่เป็นกางเกงยีนส์มาต่อกัน แต่สุดท้ายผลที่ออกมามันไม่โอเค เพราะการนำผ้ายีนส์มาต่อแพทเทิร์นกัน มันทำให้สีที่ได้ไม่ตรงกัน เขม ก็เลยลองไปหาวัสดุใหม่ และไปเจอผ้ายีนส์ที่เป็นเดรสสต๊อก ซึ่งจะเป็นผ้ายีนส์ที่อยู่ในโรงงานการผลิตที่ไม่ได้ใช้ หรือมันอาจจะมีปัญหาจากการผลิตแต่เราสามารถนำมาใช้ได้ต่อ เขมก็เลยเลือกเดรสสต๊อกเหล่านี้มาทำชุดต่อ
เขม ใช้เวลาในการทำชุดทอแสงแยงเงา ราว ๆ 1 เดือนเต็ม เริ่มตั้งแต่การหาผ้า
วางแพทเทิร์น ฉลุลาย ไปจนถึงงานปัก การทำชุดประจำชาติครั้งแรกยอมรับว่าเรากดดันมาก ด้วยความดื้อของเราที่เราอยากทำ แต่ก็มีแรงซัพพอร์ทจากเพื่อนในทีมที่เชื่อว่าเราทำได้ เขม
ก็พยายามหาจุดกึ่งกลางของดีไซน์ระหว่าง ความเป็นนางงาม กับ มุมมองของแฟชั่น ที่มีหลายมุมที่คนอาจจะไม่เข้าใจ จนสุดท้ายก็ได้เป็นชุดทอแสงแยงเงา ที่หลาย ๆ คนได้เห็นครับ
‘ฟูลฟิล’ เมื่อ จอย ศจี นำเสนอชุดทอแสงแยงเงาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
วินาทีแรกที่ได้เห็น จอย สวมใส่ชุดของเราแล้วเดินออกมา เขมรู้สึกดีใจมาก ว่าชุดที่เราลงแรงลงทุนเหนื่อยทำกันมา มันได้อยู่บนเวที Miss Universe Thailand 2023 แล้ว และ จอย สามารถนำเสนอชุดเราออกมาได้สมบูรณ์แบบมาก ก่อนหน้านั้นเราได้บอกกับจอยว่า อยากได้ความเท่ เพื่อนำเสนอความเป็นสาวไทยยุคใหม่ อยากให้ จอย เดินล้วงกระเป๋าออกมา ซึ่งจอยนำเสนอได้ตรงกับที่เราคาดหวังไว้
ชุดทอแสงแยงเงา ได้รับรางวัล Sustainable Textile Award ชุดที่นำเศษขยะอันเกิดจากสิ่งทอหรือกระบวนการทอมาทำเป็นชุดพระราชนิยม เพื่อส่งเสริมการลดของเสีย และต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่ง เขม ภูมิใจที่ได้เป็นกระบอกเสียงของการเลือกใช้วัสดุทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นวัสดุมือสอง หรือวัสดุที่มีความยั่งยืน และเวที Miss Universe Thailand 2023 ก็ได้เล็งเห็นความตั้งใจของเราและได้มอบรางวัลนี้มา ในวันนั้น คนรอบข้างของเขม โทรเข้ามาเยอะมากว่าทำได้แล้วนะ เก่งมาก เรารู้สึกขอบคุณทุกคนที่คอยอยู่ข้าง ๆ เราตลอด และรู้สึกภูมิใจกับก้าวแรกของตัวเองมาก ๆ
โมเดลเพื่อความยั่งยืน กับการประกวดนางงาม
มีโมเดลหนึ่งที่ เขม ได้ลองใช้กับการประกวดนางงามของ จอย และเราได้ตกลงกับทีมกองประกวด Miss Universe Thailand Songkhla นั่นก็คือ ในการประกวดแต่ละรอบของ จอย
ทีมเราจะลองไปหาเสื้อผ้าจากร้านเช่ารายวัน เพราะเรารู้สึกว่านี่คือธุรกิจที่ดีมาก ๆ เขมมองว่า Sustainable จะเกิดขึ้นได้เมื่อเรามีการส่งต่อกัน หรือเมื่อเราใช้สิ่ง ๆ หนึ่งให้คุ้มค่าที่สุด สมมติว่ามีเสื้อตัวหนึ่งที่เค้าไม่ใส่แล้วทิ้งไปเลย เสื้อตัวนั้นจะกลายเป็นขยะ แต่ร้านเช่ารายวันได้นำเสื้อเหล่านี้มาต่อยอดเป็นธุรกิจให้นางงามใส่ มันก็จะยิ่งทำให้เราสามารถใช้งานเสื้อตัวนี้ได้คุ้มที่สุด จนถึงจุดคุ้มทุน แล้วทำให้เกิดความยั่งยืนได้จริง
เรื่องกรีน ๆ ที่ เขม อยากต่อยอด
เนื่องจาก เขม เป็นคนที่ทำงานกับเสื้อผ้า บวกกับการที่เราชอบแต่งตัว เมื่อก่อน เขม ก็เป็นผู้บริโภคเสื้อผ้าที่เป็น Fast Fashion เพราะเราไม่ชอบใส่เสื้อผ้าซ้ำ จนเริ่มรู้สึกว่ามันเสียนิสัย เพราะเราทำให้เกิดขยะที่สุดท้ายต้องหาวิธีการจัดการอันยุ่งยาก จนเริ่มตั้งแต่ ม.ปลาย เราก็หันมาใช้เสื้อผ้าที่เป็นมือสองหมดเลย มีครั้งหนึ่งเราสนุกกับการเดินทางจากสงขลา ไปสระแก้ว เพื่อเลือกซื้อเสื้อผ้ามือสอง และมีหลาย ๆ ครั้ง ที่เราได้เลือกใช้เสื้อผ้ามือสองมาใช้กับงานที่เลือกเรียนด้วย และพยายามใช้เสื้อผ้ามือสองมาตลอด
เขม เลยอยากเป็นกระบอกเสียงให้คนที่อยากแต่งตัว หรือคนที่ทำงานเกี่ยวกับแฟชั่น ได้ตระหนักว่าจริง ๆ แล้ว เสื้อผ้ามันควรจะถูกใช้ให้คุ้มค่าที่สุด และถ้าสมมติคุณไม่ได้ใช้มัน ก็อาจจะต้องส่งต่อ โดยในปัจจุบันนี้จะมีกลุ่มคนที่จัดตลาดที่เรียกว่า Free Market ที่ให้คนนำเสื้อผ้ามาแลกกัน ซึ่ง เขม มองว่าเป็นกิจกรรมที่ดีมาก ๆ เราไม่รู้ว่าวิธีนี้จะช่วยรักษ์โลกได้มากขนาดไหน แต่เชื่อว่าถ้าเราลงมือทำ และช่วยกันเยอะ ๆ น่าจะช่วยรักษ์โลกได้จริง ๆ
ก้าวต่อไป ของ เขมรินทร์ โชติภาเจริญการ
มีสิ่งหนึ่งที่ตอนนี้เป็นวิทยานิพนธ์ ปริญญาโท ของเขม และเขมจะนำเรื่องนี้มาต่อยอดเปิดแบรนด์ในอนาคต ซึ่งจะเป็นแบรนด์ที่พูดถึง Sustainable ที่ไม่ได้เป็นการนำวัสดุทางเลือกที่เป็นมือสอง หรือ วัสดุที่สามารถใช้งานได้มากขึ้นแล้ว แต่มันจะพูดถึงมุมมองของการส่งต่อเพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โดยจะนำเรื่องนี้มาเป็น Key หลักของแบรนด์ ที่ เขม กำลังจะทำในอนาคตอันใกล้นี้ ฝากติดตาม และให้กำลังใจ เขม ด้วยนะครับ
นอกจากการพูดคุยกับดีไซน์เนอร์ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการทำชุดทอแสงแยงเงา Green Wave ยังมีโอกาสได้พูดคุยกับ จอย - ศจี คันธยศ สาวงามตัวแทนของจังหวัดสงขลา ในการประกวด Miss Universe Thailand 2023 ผู้อยู่เบื้องหน้า และนำเสนอชุดทอแสงแยงเงา ให้แฟนนางงาม และคนที่ติดตามการประกวดได้เห็น
ทอแสงแยงเงา ชุดที่รวมตัวตนของ จอย ศจี และ ดีไซเนอร์ ไว้ด้วยกัน
ต้องบอกว่า ชุดทอแสงแยงเงา เป็นการผสมผสานประสบการณ์ของตัวนางงาม กับตัวดีไซน์เนอร์ มาให้อยู่ในชุดนี้ด้วยกัน นั่นคือการเอาเรื่องราวของ จอย ที่มีความเป็นผู้ประกาศข่าว มาผสานกับเรื่องราวของหนังตะลุง ที่ดีไซน์เนอร์ได้เจอมา แล้วหาจุดตรงการร่วมกัน แต่เราทั้งสองคนต้องการเน้นในเรื่องของความยั่งยืนเป็นหลักอยู่แล้ว และปกติ จอย เป็นคนที่ชอบสวมใส่ผ้ายีนส์ เลยรู้สึกว่าเป็นไอเดียที่ดี ในการนำเศษผ้ายีนส์ที่เหลือจากการผลิต ซึ่งอาจจะมีปัญหาบ้างแต่เราเอามาใช้ต่อได้ และยิ่งเป็นเรื่องราวของหนังตะลุง ที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวที่เกี่ยวกับจังหวัดสงขลาด้วย จอย เลยรู้สึกว่าเป็นชุดที่ได้เห็นทั้งตัวตนของนางงาม และตัวตนของดีไซเนอร์ เรื่องราวของเราอยู่ในชุดนี้ด้วยกัน
นำเสนอชุดที่ใช่ ในรูปแบบที่ตัวเองชอบ
วันแรกที่ได้เห็นชุดทอแสงแยงเงา จอย รู้สึกประทับใจว่าผ้ายีนส์สามารถทำเป็นชุดผ้าไทยได้ขนาดนี้เลยเหรอ เพราะในชีวิตของจอย ก็ยังไม่เคยเห็นชุดไทยที่ทำมาจากผ้ายีนส์มาก่อน แล้วยิ่งเป็นผ้ายีนส์ที่มีการฉลุลวดลาย มีการเย็บและปักให้เป็นลวดลายหนังตะลุง เลยประทับใจมากค่ะ
ในตอนที่ จอย ยังไม่ได้สวมใส่ชุด เราได้ลองจับดูก็รู้สึกว่าผ้ายีนส์จะมีความหนัก ซึ่งพอเราได้สวมใส่ก็หนักจริง ๆ แต่มันเป็นความหนักที่เหมือนกับเราใส่เสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ หรือว่าชุดยีนส์ ที่มันจะมีความหนักอยู่แล้วระดับหนึ่ง แต่ยิ่งชุดทอแสงแยงเงา เราจะต้องมีการห่มเป็นสไบ มันก็มีความหนักขึ้น แต่ก็เป็นความหนักที่เรายังสามารถเดินได้ ยิ่งใส่แล้วยิ่งดูอ่อนหวาน และเท่ในเวลาเดียวกัน
ในการประกวดรอบชุดประจำชาติ ตอนที่เดินออกมาพร้อมชุดทอแสงแยงเงา จอย ตั้งคาแรกเตอร์เป็นเหมือนสาวย้อนยุคที่บุกมาโลกอนาคต ที่ยังมีอ่อนหวาน แต่ต้องการนำเสนอความสมัยใหม่ เลยใส่อินเนอร์ความเท่ลงไป แต่ก็ไม่ลืมความเป็นไทยที่อ่อนหวานด้วย
จอย รู้สึกดีใจ และภูมิใจมาก ๆ ที่ได้สวมใส่ชุดทอแสงแยงเงา เพราะมันเท่มาก ตอนเราอยู่หลังเวทีเพื่อน ๆ นางงาม ก็ชมว่าเท่จัง ทำไมชุดไทยของเราดูทันสมัย ยิ่งตรงปลายสไบมีลายฉลุเป็นหนังตะลุง เรายิ่งภูมิใจที่เราได้ใส่ชุดที่อยู่ในเรื่องราวของการสื่อสารระหว่างภูมิปัญญาหนังตะลุง กับความเป็นคนข่าวในตัว จอย ด้วยค่ะ
จอย ศจี กับมุมมองเรื่องสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน
มุมมองเรื่องสิ่งแวดล้อม หลายคนอาจจะยังมองข้ามอยู่ หลายคนอาจจะมองว่าเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเดี๋ยวคนอื่นก็ทำ เราไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ หลายคนคิดว่าเรื่องสิ่งแวดล้อม ให้มันเป็นเรื่องขององค์กรใหญ่ ๆ เพราะเราตัวเล็ก ๆ อาจจะจัดการไม่ได้ แต่จริง ๆ แล้ว จอย มองว่ามันต้องเริ่มต้นจากทุกคน เพราะสิ่งแวดล้อมจะต้องอยู่กับเรา และคนใน Generation ต่อไป
สิ่งที่ จอย มองว่าสำคัญที่สุด คือการที่เราต้องปลูกฝังให้ทุกคน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ให้รู้จักรักษาสิ่งแวดล้อมให้ได้มากขึ้น อย่างคนที่ จอย ชอบมากคือ เกรต้า ธันเบิร์ก เด็กผู้หญิงตัวเล็กที่ขับเคลื่อนเรื่องของสิ่งแวดล้อม มันทำให้เราเห็นได้ชัดมากว่า การที่มีใครคนหนึ่งขึ้นมาเป็นหัวเรือ และกระบอกเสียงในเรื่องของสิ่งแวดล้อม มันทำให้คนสนใจ และตระหนักมากยิ่งขึ้น
ซึ่งหากเราเงียบ ทุกคนในสังคมเงียบ เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนไม่ให้ความสนใจ แต่ถ้าเราทุกคนช่วยกัน และเป็นกระบอกเสียงให้แก่กันและกัน มันจะทำให้เสียงนั้นดังมากขึ้น และทำให้เรื่องของสิ่งแวดล้อมก้าวไปข้างหน้าได้มากขึ้นค่ะ
เรื่องราวกรีนๆ ในตัวของ จอย ศจี
จอย เป็นผู้หญิงที่ชอบแต่งตัว แล้วก็เป็นนางงามด้วย ซึ่งพอเป็นนางงามหลายคนก็จะมองว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าบ่อยรึเปล่า ใส่เสื้อผ้าซ้ำกันไหม แต่ส่วนตัวแล้ว จอยเป็นคนที่ชอบใช้เสื้อผ้ามือสอง และ จอย ค่อยข้างให้ความสนับสนุนการใช้เสื้อผ้าหมุนเวียน เพราะเรารู้สึกว่าเสื้อผ้ามือสองมีเสน่ห์ การใช้เสื้อผ้าซ้ำ ๆ มันจะเห็นถึงความคลาสสิค และยังช่วยในเรื่องของการลด Fast Fashion ได้ด้วย แล้ว จอย เป็นคนที่มีเสื้อผ้าเยอะมาก แต่ไม่ได้ใช้แล้วทิ้ง แต่เราจะชอบ มิกซ์แอนด์แมทช์ ให้เกิดลุคที่หลากหลายมากขึ้น เราจะได้เป็นตัวแม่แฟชั่น และเป็นตัวแม่ด้านสิ่งแวดล้อมด้วยค่ะ
ก้าวต่อไป ของ จอย ศจี คันธยศ
ถ้าพูดถึงเส้นทางนางงาม จอย อาจจะจบลงเพียงเท่านี้ แต่ว่าความฝันของจอย มันยังไม่จบลงอยู่แล้ว เพราะว่า สิ่งที่จอยชื่นชอบมาตลอด คือการเป็นสื่อบุคคล ผู้ประกาศข่าวคือความฝันที่ จอย ไม่เคยละทิ้ง จอย มีความสุขทุกครั้งเวลาที่ได้พูด เรารู้สึกว่าคำพูดของเรามันสามารถส่งต่ออะไรหลาย ๆ อย่างให้กับคนฟังได้ อย่างน้อย ๆ ถ้ามันสามารถสร้างแรงบันดาลใจ หรือทำให้ชีวิตของคนฟังดีขึ้นได้ เราจะรู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์กับโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นความฝันในการการเป็นผู้ประกาศข่าว จึงเป็นสิ่งที่ จอย อยากให้ทุกคนติดตาม เพื่อที่ในวันหนึ่ง จอย อาจจะเป็นคนที่สามารถสื่อสาร และสะท้อนปัญหาสังคม หรือถ่ายทอดประเด็นสำหรับโลกใบนี้ได้ และถ้าทำให้ชีวิตทุกคนดีขึ้นได้ จอย ก็รู้สึกว่ามีความสุข และอยากให้ทุกคนติดตามเส้นทางนี้ของ จอย ค่ะ
สามารถติดตามความวิจิตรงดงามในการนำเสนอ ชุดประจำชาติ (National Costume) ของสาวงามผู้เข้าประกวด Miss Universe Thailand 2023 ทั้ง 53 คนได้ที่
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Facebook : Miss Universe Thailand , MUT Songkhla
Instagram : khem.jpg , jjoysajee