ตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม จนถึงปัจจุบัน อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นไปแล้ว 1.1 องศาเซลเซียส โดยข้อตกลงของนานาชาติ ในสนธิสัญญาปารีส กำหนดว่าอุณหภูมิโลกเรา ไม่ควรสูงเกิน 2 องศาเซลเซียส โดยกำหนดเป้าวิกฤตไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียส เป็นที่มาของมาตรการ และ ทิศทางการบริโภคที่เปลี่ยนไป และต่อไปนี้คือ ส่วนหนึ่งของรายการของใช้ต่างๆ ที่แต่ละประเทศเริ่มแบน เพื่อรักษาสมดุลย์ของโลก
กระดาษทิชชู่เปียก
ซึ่งก็คือ ผ้าใยสังเคราะห์จากพลาสติก โพลีเอสเตอร์ อุดตันทางระบายน้ำ ใช้เวลาย่อยสลายนานกว่า 100 ปี และกลายเป็นไมโครพลาสติก ปะปนอยู่ในสิ่งแวดล้อม
อังกฤษเป็นประเทศแรกที่ออกกฎหมายแบนการใช้ ปี 2024
กาแฟแคปซูล
ทำจากวัสดุหลายชนิด รีไซเคิลยาก เริ่มแบนแล้ว ที่เยอรมัน
ขวดน้ำพลาสติกขนาดเล็กกว่า 1 ลิตร
เริ่มถูกทยอยแบน ห้ามใช้ ห้ามขายในหลายสถานที่ และหลายรัฐใน อเมริกา บางรัฐเริ่มประกาศออกมาเป็นกฎหมายแล้ว
ถุงหิ้วพลาสติก
แบนถาวรในบังกลาเทศ เพราะอุดตันท่อ สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม
หลอดพลาสติก สำลีก้านพลาสติก ที่คนเครื่องดื่มพลาสติก
โดนแบนใน ร้านอาหาร ในอังกฤษ และ ไต้หวัน ตั้งแต่ปี 2020
ช้อน ส้อม ชาม ถาด บรรจุภัณฑ์อาหาร ก้านไม้ลูกโป่ง พลาสติกใช้ครั้งเดียว
ของเหล่านี้ใช้เวลาย่อยในสิ่งแวดล้อม กว่า 200 ปี เตรียมถูกแบนที่อังกฤษ
ส่วนที่ใต้หวัน เพิ่มพลาสติกที่ย่อยสลายในธรรมชาติ เข้าไปในกลุ่มพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง และจะแบนตั้งแต่ สิงหาคม 2023 นี้เป็นต้นไป
รถใช้แก๊ส หรือ น้ำมัน
จีนตั้งเป้าลดการใช้รถแก๊ส/น้ำมันลง 50% ในปี 2035
อังกฤษงดการจำหน่ายในปี 2030 เป็นต้นไป
นอร์เวย์ งดการจำหน่ายในปี 2025
สิงคโปร์ งดจดทะเบียนรถแก๊ส/น้ำมัน ในปี 2030 และ เป็นรถไฟฟ้าทั้งหมดในปี 2040
สินค้าที่มาจากการทำลายป่า
เช่น กาแฟ ถั่วเหลือง โกโก้ น้ำมันปาล์ม ไม้สัก ยาง สหภาพยุโรปเริ่มแบนผลิตภัณฑ์เหล่านี้แล้ว ตั้งแต่ปี 2020
ของใช้ส่วนตัวในโรงแรม
ที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งเช่น ขวดแชมพู สบู่ โลชั่นขนาดต่ำกว่า 180 ml รองเท้าแตะ มีดโกน หวี แปรงสีฟัน จะไม่มีแจกในโรงแรมไต้หวัน เริ่ม 1 กค. 2023
ส่วนประเทศไทย จริง ๆ เรามีการอนุมัติแผน ลด-เลิกผลิตขยะพลาสติก เตรียมประกาศห้ามใช้ พลาสติก 4 ชนิด ได้แก่
โฟม ถุงหิ้ว แก้ว และหลอดพลาสติก แบบเด็ดขาดตั้งแต่ปี 2565 พร้อมตั้งเป้าให้พลาสติกอีก 7 ชนิด เข้าสู่ระบบเศรษกิจหมุนเวียนให้ได้ไม่ต่ำกว่า 50% แต่ก็ยังไม่เห็นการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
ในฐานะผู้บริโภค และผู้ประกอบธุรกิจ อย่างเรา สามารถเลือกบริโภค ลด งด สินค้าทำลายสิ่งแวดล้อมทุกชนิดได้เองเลย ตามความพร้อม เพราะถ้าจะรอภาครัฐมาบังคับใช้ กฎหมาย น่าจะอีกนาน