“เราอย่ากดดันตัวเองว่า ฉันจะต้องรู้เรื่อง Chat GPT ฉันจะต้องรู้เรื่อง AI เราแค่ไม่กดดันตัวเอง ค่อย ๆ รู้จักมัน เทคโนโลยียังไงมันมีใหม่ขึ้นทุกวัน เราแค่สนใจในสิ่งที่พร้อมจะรับความรู้เรื่องนี้ เพื่อไม่ให้รู้สึกว่ามันเป็นการกดดันตัวเองเกินไป”

เปิด Club ส่งต่อแพชชั่น พร้อมแบ่งปันแรงบันดาลใจในทุกสัปดาห์ สำหรับ Club Pride Day คุยอย่าง Proud เมาท์อย่าง Pride ทอล์คกระทบไหล่กับตัวแม่ กับสองดีเจสุดแซ่บ “ดีเจพี่อ้อย” และ “ดีเจก็อตจิ” ที่ได้เปิดไมค์ต้อนรับแขกรับเชิญสุดปัง “ท็อฟฟี่เป็นตุ๊ดซ่อมคอม” อินฟลูเอนเซอร์สาย IT และเกม ที่เป็นมิตรกับทุกคนด้วยการนำเสนอคอนเทนต์เกี่ยวกับไอทีที่เข้าใจง่าย และสนุกไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้อีกบทบาทหนึ่งของเขา คือ การเป็นเกมเมอร์ที่สามารถหารายได้จากการเล่นเกม สีสันของชีวิต พร้อมข้อคิดแรงบันดาลใจ ถูกส่งต่อไว้แล้วในรายการ
ท็อฟฟี่ ตัวตน กับการยอมรับจากคนรอบข้าง
“การเป็นตัวตนของ ท็อฟฟี่ เราก็เข้าใจว่ามันต้องมีคนต่อต้านบ้างแหละ มันต้องมีคนหัวโบราณ หรือคิดต่างกันบ้าง แต่ปรากฏว่า คนรอบข้างของเราแทบจะไม่มีใครต่อต้านเลย จะมีแค่ช่วงเข้ามหาวิทยาลัย ตอนนั้นเราเป็น LGBTQ+ คนเดียวในคณะ เราก็เลยรู้สึกว่า การที่จะเปิดตัวมันลำบากใจ แล้วเพื่อนก็ห้าม บอกว่าแกอย่าสาวแตกนะ คือด้วยความที่เพื่อนเป็นชายแท้สุด ๆ แล้วเราก็ยังไม่มีเพื่อนเยอะเพราะเพิ่งมาเรียนปี 1 แล้วตอนนั้นอยากเป็นเชียร์ลีดเดอร์ พอเห็นเค้ารับสมัครก็อยากจะอาสาเหลือเกิน แต่ตอนเป็นเฟรชชี่ก็ทำได้แค่อดใจไว้ก่อน พอเรียนไปได้สักพัก มันก็จะมีเริ่มมีการแยกกลุ่มชัดเจน จนสุดท้ายเราก็เก็บตัวตนเราไม่อยู่ เราก็ปล่อยออกมาเต็มที่ ปรากฎว่าแจ้งเกิดเลย เป็นดาวเลยทีนี้
ในส่วนของครอบครัวเค้ารับได้อยู่แล้ว เวลามีเพื่อนมาที่บ้าน ทุกคนเรียก นังท็อฟฟี่ คือจากไม่รู้ ก็ต้องรู้แล้ว เพราะมีแต่เพื่อนกะเทยมาหาทุกวัน ซึ่งครอบครัวเค้ารู้แต่ไม่พูด แต่ว่าเราก็ไม่เคยไปบอกเค้านะว่าเราเป็นอะไร เค้าก็เห็นสภาพแล้ว ก็ปล่อยเลยตามเลย”

IT Support ตำแหน่งนี้ ทำหน้าที่อะไรบ้าง
“คือสโคปงานจริง ๆ มันก็จะกว้างมาก แต่ถ้าสรุปง่าย ๆ ก็คือ การทำให้บุคลากรทุกคนในบริษัทใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ได้อย่างราบรื่น เวลาคอมพิวเตอร์มีปัญหา เค้าก็จะเรียกเรา และหน้าที่เราก็จะครอบคลุมไปจนถึงเรื่อง อินเตอร์เน็ต อุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มันเสียบปลั๊กได้ พนักงานก็จะนึกถึงเราตลอด
คือต้องบอกก่อนว่าแรก ๆ ด้วยความที่เราเรียนสายไอทีมา เราก็จะมีความเข้าใจไอทีหมดเลย แล้วเราก็เลยคิดว่า ทุกคนที่ใช้คอมพิวเตอร์จะรู้เรื่องไอทีหมด แต่พอเรามาทำงานที่แรก เราก็ต้องปรับจูนความคิดตัวเองใหม่ว่า เราจะไปพูดว่าเรื่องแค่นี้ไม่รู้เหรอ พูดแบบนี้ไม่ได้ บางคนเค้าอาจจะใช้เป็นอย่างเดียว แต่เค้าไม่ได้รู้หรอกว่า เปิดคอมพิวเตอร์ใช้งานเสร็จแล้วต้องปิด Shut Down บางคนอยู่กันมา 10 ปี เวลาปิดคอมพิวเตอร์เค้าก็แค่ปิดสวิตซ์ไฟ บางเรื่องที่เราคิดว่ามันเป็นเรื่องพื้นฐานมาก แต่ปรากฎว่าคนไม่รู้ก็มีเยอะ เราเลยมองว่าความรู้เหล่านี้สามารถเอาไปเป็นคอนเทนต์สอนคนอื่นได้ เรื่องเบสิคเราไม่ควรมองข้าม ต่อให้บริษัทจะซื้อคอมพิวเตอร์ 30-40 ล้านบาท ถ้าลืมเสียบปลั๊กไฟ คอมพิวเตอร์ก็เปิดไม่ติด และใช้งานไม่ได้
คำถามยอดฮิตที่ IT Support มักจะเจอคือ ทำไมเน็ตใช้ไม่ได้ ทำไมปริ๊นท์ไม่ออก ทำไมเว็บมันเข้าช้าจังเลย หรือทำไมคอมพี่เปิดไม่ติด เม้าท์ขยับไม่ได้ จะเป็นเรื่องเบสิคหมดเลย ต่อให้เราเปลี่ยนสถานที่ทำงาน ปัญหาเหล่านี้ก็ตามเรามาด้วย”
อินเตอร์เน็ตช้า ปัญหานี้เกิดจากอะไรได้บ้าง?
“ปัญหาอินเตอร์เน็ตช้า เราต้องมาดูหลาย ๆ จุดก่อน ต้องมาดูภาพรวมว่าอินเตอร์เน็ตที่เราใช้ในบริษัทมันเป็นแบบไหน บางคนเกิดคำถามว่าเวลาเราเล่นที่บ้านอินเตอร์เน็ตมันเร็วแรงเหลือเกิน แต่ทำไมพอมาอยู่ในบริษัทแล้วมันช้าจัง มันไม่ทันใจ คือต้องบอกก่อนว่าอินเตอร์เน็ตแบบบ้านจะเป็นแบบ Home Use ก็จะมีการปล่อยสัญญาณที่แตกต่างกัน แต่พอมาเป็นแบบ Corporate มันก็จะมีเรทราคาที่แตกต่างกันไป เพราะการใช้งานก็จะมีความจริงจังมากขึ้น แล้วมูลค่าในการใช้จ่ายรายเดือนก็จะสูงขึ้นด้วย เพราะว่าอินเตอร์เน็ตแบบ Corporate ต้องการความเสถียร ถ้าเกิดปัญหาอินเตอร์เน็ตล่มมันส่งผลกระทบมากกว่า ผู้ให้บริการก็สามารถถูกฟ้องได้ นอกจากนี้อินเตอร์เน็ตแบบ Corporate มันก็ต้องดูที่จำนวนคนใช้ มีกี่อุปกรณ์ ยิ่งหลายอุปกรณ์ก็ยิ่งต้องหารความเร็วอินเตอร์เน็ต สมมติในองค์กรมี 100 คน แต่ละคนใช้คนละ 2 อุปกรณ์ เราก็ต้องหารกันไป ก็จะเป็นเรื่องของฮาร์ทแวร์ต่าง ๆ รวมถึงต้องเช็คว่าพื้นที่จุดนี้อับสัญญาณหรือไม่ อย่างบางครั้งเล่นอินเตอร์เน็ตในห้องน้ำแล้วมันช้า พวกสิ่งก่อสร้าง ก็มีผลต่อสัญญาณหมด
แล้วเวลาใช้อินเตอร์เน็ต หรือใช้อุปกรณ์ของออฟฟิศ หากเข้าเว็ปไซต์ต่าง ๆ IT เค้ารู้นะว่าเราเข้าอะไรอยู่ เพราะจะมีทีมเน็ตเวิร์คที่คอยจำกัดไม่ให้เข้าเว็บไซต์บางอย่าง เช่น ถ้าคุณดูหนัง ก็จะมีการทำให้เว็บไซต์ที่เข้าโหลดช้าหน่อย แต่ก็ยังเข้าได้อยู่ และถ้าเช็คประวัติว่า User แต่ละคนเข้าอะไร เค้าก็สามารถเช็คได้ และสามารถเจาะดูได้อีกว่าเป็น IP ไหน เครื่องไหน แต่ยุคนี้ก็จะมีเรื่องของข้อมูลส่วนบุคคล PDPA ซึ่งเราก็ต้องดู และต้องคอยป้องกันไม่ให้องค์กรไปทำผิดเกี่ยวกับระบบ Network และบางครั้งหากเราเอาโทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ตมาใช้ IT ก็รู้นะ แต่เค้าแค่จะไม่รู้ว่าเป็นใคร คือเค้าก็จะมีเลเยอร์ในการป้องกันข้อมูลเบื้องต้นอยู่”

จาก IT Support สู่เพจ ท็อฟฟี่เป็นตุ๊ดซ่อมคอม
“โดยส่วนตัวเราชอบเอาเทคนิคเรื่องไอทีมาโพสลงในโซเชียลอยู่แล้ว คือเราก็จะโพสบ้า ๆ บอ ๆ ของเราไปเรื่อย วันไหนอยากมีสาระ ก็จะมีสาระ แล้วเพื่อนก็เลยบอกว่า แกดูมี Potential ในการทำเพจ ไม่ลองทำเพจดูเหรอ เราก็ลองตัดสินใจลองทำดู ทำไปแบบลองผิดลองถูก จนทุกวันนี้ก็ยังลองผิดลองถูกนะ เพราะว่าคอนเทนต์มันหมุนเร็ว คือปกติเราจะเป็นสายเนิบ ๆ กลายเป็นว่า เราก็ต้องแบบมาลองเล่น และปรับตัวให้ทันกระแส
ตอนแรก ๆ ที่เปิดเพจ เราไม่ได้แต่งหญิงจัดเต็มขนาดนี้ แค่เอาวิกมาใส่ เอาเสื้อมาใส่ให้มันน่ารัก ๆ จนตอนหลังเริ่มจัดเต็มขึ้น ช่วงที่ดังที่สุดคือช่วงที่แต่งเป็นชุดนักเรียนญี่ปุ่น คือเราทำเพจนี้มา ปีนี้เข้าปีที่ 10 แต่ว่า 4 ปีแรก ตอนที่ยังไม่มีสปอนเซอร์ เราก็จะแต่งแบบงง ๆ ยังไม่เป็นคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน พอมาปีที่ 4 เราเริ่มรู้สึกว่า ฉันอยากมีชุดนักเรียนญี่ปุ่น อยากมีสไตล์ทีแสดงตัวตนชัดเจน มีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ก็เริ่มไปใส่ชุดนักเรียนญี่ปุ่น ซึ่งมันเริ่มจากที่เราไปถ่ายแบบ แล้วตากล้องเป็นตากล้องของนิตยาสารชื่อดัง เราก็คุยคอนเซ็ปต์กัน ก็ตกลงกันว่าให้ไปหาชุดนักเรียนญี่ปุ่นมาใส่ ปรากฎว่าภาพนั้นมันกลายเป็นไวรัล คนจำเราได้จากชุดนักเรียนญี่ปุ่น เราก็เลยเลือกแต่งตัวแบบนี้ จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของเราเลย
ส่วนชื่อเพจ คือตอนแรกอยากได้แค่คำสั้น ๆ จำง่ายว่า ตุ๊ดซ่อมคอม แต่ด้วยความที่เราคิดเยอะว่ามันจะดูบูลลี่รึเปล่า บางคนก็ไม่ชอบให้ถูกเรียกด้วยสรรพนามแบบนี้ ก็เลยลองใส่ชื่อเราเข้าไปเลยแล้วกัน กลายเป็น ท็อฟฟี่เป็นตุ๊ดซ่อมคอม อย่างน้อยเค้าจะเรียก ท็อฟฟี่ ก็ได้ หรือไม่ก็ ตุ๊ดซ่อมคอม ก็ได้ สองอย่างนี้สลับกัน”

คอมเมนต์และคำบูลลี่ หลังจากที่เริ่มเปิดเพจ
“ถ้าแรก ๆ ที่เปิดเพจก็จะมีคอมเมนต์ถามว่า เป็นตุ๊ดจริง ๆ ไหม ด้วยความที่คาแรกเตอร์เราไม่โกนหนวด ซึ่งเวลาจะเป็น LGBTQ+ ยุคนั้นมันต้องรักสวยรักงาม ถ้าจะแต่งหญิงจะต้องโกนหนวด ทำอะไรให้มันดูเรียบร้อย แต่เรารู้สึกว่า เรามีความมั่นใจตอนมีหนวดเราก็เลยไม่โกน ส่วนคำบูลลี่แรง ๆ ต้องบอกว่าอยู่มา 10 ปี แทบไม่เคยโดนเลย คือเรากลัวไปเอง เพราะว่าก่อนหน้านั้นเราทำเป็นคอนเทนต์การ์ตูน ไม่กล้าเปิดหน้าเพราะกลัวจะโดนถามว่าทำไมไม่โกนหนวด แต่ปรากฎว่าเราคิดเยอะไป พอเราเปิดตัวเปิดหน้าขึ้นมา ปรากฏว่าคนก็ชอบกว่าเดิม คนก็เริ่มติดตามมากขึ้น
ท็อฟฟี่คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเราทำคอนเทนต์แบบไม่ใช้คำหยาบคาย เราวางตัวแบบเรียบร้อยไม่ได้หวือหวา และเราก็พอใจกับจุดนี้ของเรา พอเป็นคาแรกเตอร์แบบนี้ คนที่จะมาคอมเมนต์ด่าเค้าก็จะเกรงใจ ยกเว้นขาจรที่ก็จะมีมาคอมเมนต์บ้าง แต่เรารู้เลยว่าไม่ใช่คนที่ติดตามเรา เราก็เลยไม่ได้สนใจอะไร
เวลาเจอคอมเมนต์เชิงลบ เราก็อ่านแต่พออ่านเสร็จ ก็จะมามองตัวเองว่าเราเป็นอย่างนั้นจริงไหม ถ้าจริงก็ปรับ ถ้าไม่จริงก็คิดว่าเค้าคงมาคอมเมนต์เอาสนุก บางทีเราก็เคยตอบกลับในยุคแรก ๆ แต่เราก็รู้สึกว่ามันยุ่งยากและวุ่นวาย ก็เลยไม่เสียเวลาตอบดีกว่า”

ท็อฟฟี่ กับการเป็นเกมเมอร์
“ต้องเรียกว่ามันเป็นงานอดิเรก ในช่วงโควิดที่เราไม่สามารถออกไปอีเว้นท์ ก็เลยสตรีมเกม ซึ่งมันก็จะเป็นช่องทางหารายได้อย่างหนึ่ง แต่จริง ๆ แล้ว เราแค่สตรีมแก้เหงาเฉย ๆ เหมือนเราไปร้านเกมสมัยก่อน เวลาเรานั่งเล่นเกมก็จะต้องมีเด็กมาเกาะโต๊ะบอกว่าพี่ทำอย่างนั้นสิ พี่เล่นอย่างนี้สิ ไปทางนี้สิ เราอยากได้ความรู้สึกนั้น ตอนที่เราสตรีมเกม คือเราเล่นเกมอยู่ที่บ้านไม่ได้เจอใคร แต่เจอคนในเกมแทน แล้วก็ทำให้รู้สึกว่ามันไม่เหงาและมีเพื่อนคุย จนรู้สึกว่าการเล่นเกมสนุก ซึ่งเราไม่ได้เป็นคนเล่นเกมเก่ง เราเล่นแบบเด๋อ ๆ ด๋า ๆ แต่คนดูเค้าก็ชอบแบบที่เราเด๋อ ๆ ด๋า ๆ คนเค้าอยากดูตัวเราเวลาอยู่ในสถานการณ์ต่าง ๆ ว่าจะจัดการสถานการณ์ต่าง ๆ ในเกมยังไง
งานสตรีมเกมมันสร้างรายได้จริง ๆ แต่ ท็อฟฟี่ บอกก่อนว่าในยุคนี้ เราจะไม่เชียร์ให้เค้าลาออกจากงานแล้วมาทำ แต่ให้มองว่ามันคืองานอดิเรกที่สร้างรายได้เสริมได้เพราะว่ามันหมดยุคสตรีมเกมไปแล้ว หลังจากช่วงโควิดทุกอย่างมันเริ่มอยู่ตัวกันหมดแล้ว ซึ่งรายได้ของการสตรีมเกมมาจากแฟนคลับของเราบริจาคให้ เหมือนเราซื้อของขวัญใน Tiktok ถ้าแม่ยกเราเยอะ เราก็ได้เยอะ
ส่วนการแคสเกม คือเราเล่นเกมอะไรก็ได้ หรือแค่สตรีมอะไรก็ได้ขึ้นมา แล้วก็แค่พูดคุยกับแฟนคลับหรือคนที่ดูเราอยู่ บางครั้งไม่มีคนดูก็เล่นไปเถอะเพราะว่าเราก็จะมีโปรแกรมที่เอาคนมารวมกันอยู่ในที่เดียวแล้วก็พูดคุยกับเรา แล้วก็คุยไปเล่นไป เพื่อที่จะทำให้ไม่รู้สึกว่าการสตรีมของเรามันเหงา หรือมันเงียบเกินไป”

ท็อฟฟี่ กับเส้นทางสายอินฟลูเอนเซอร์
“ด้วยความที่เราทำเพจมา 10 ปี เราเริ่มรู้แล้วว่าความชอบของเราคืออะไร เรื่องไอทีมันกลายเป็นว่าเราชินกับมันไปแล้ว เริ่มอยากจะไปสนใจเรื่องอื่น ในรูปแบบไลฟ์สไตล์มากขึ้น อย่างช่วงนี้ชอบงานแฮนด์เมด ก็ไปหาคอร์สเรียนทำเทียนหอม ทำยาดม ทำน้ำหอม ซึ่ง ท็อฟฟี่ ใช้เวลาสร้างตัวถึง 4 ปีเลยนะ จาก 10 ปีที่ผ่านมา 4 ปีแรกเป็นช่วงที่ต้องสร้างตัวตนนานมากอยู่เหมือนกัน แต่อินฟลูเอนเซอร์สมัยนี้ ถ้าสมมติโพสคลิปหนึ่งแล้วผลตอบรับดี ยอดปัง แล้วสามารถจัดการคอนเทนต์ตัวเองได้ เค้าก็อยู่ได้ยาว มันแล้วแต่จังหวะ เรามองว่า ทุกคนมีนาทีทองของตัวเอง จังหวะไหนที่มันปัง มันก็จะปังไปเลย แต่บางครั้งมันยังไม่ถึง ก็อย่าเพิ่งท้อ
หลายคนที่จะรู้สึกผิดหวังเวลาเราเริ่มทำช่องหรือทำคอนเทนต์ บางครั้งทำแล้วรู้สึกว่าทำไมมันไม่ปังสักที สำหรับเราที่ทำคอนเทนต์มา 10 ปี แล้วเรารู้สึกว่ามันจะมีบางช่วงจังหวะที่ท้อ ผู้ติดตามไม่เยอะขึ้นเลย แต่เราจะคิดอยู่เสมอว่า จุดเริ่มต้นของเราในการทำคอนเทนต์ เราไม่ได้ทำคอนเทนต์เพื่อที่จะต้องปังแล้วต้องมีสปอนเซอร์เข้า แต่เราทำเพราะว่าเราอยากทำ พอคิดแบบนั้นเราจะไม่รู้สึกดดันตัวเอง ดังนั้นอย่าหยุด เพราะว่าการที่จะเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราก้าวเข้ามาบนเส้นทางนี้แล้ว เมื่อหยุดปุ๊บ มันก็จะมีดาวดวงใหม่ มีครีเอเตอร์หน้าใหม่เกิดขึ้นมาตลอด
ที่เรามาทำสายอินฟลูเอนเซอร์ เพราะว่าโควิด ช่วงนั้นเราไม่สามารถเข้าออฟฟิศได้บวกกับช่วงนั้นงานกำลังมา แต่พอเราเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ มันจะมีจุดหนึ่งที่เราบาลานซ์ชีวิตไม่ได้ งานประจำเราก็ทำไม่ได้ดี งานเพจในพาร์ทอินฟลูเอนเซอร์ก็ทำไม่ได้ดี เราก็เลยรู้สึกว่าต้องตัดสินใจ เลยหันมาทำแต่งานอินฟลูเอนเซอร์ แล้วโชคดีที่ตอนนั้นมันต้อง Work From Home ก็จะเริ่มมีพวกขายของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นกล้อง หรือ ไมโครโฟน เพื่อมาทำคลิป แล้วก็จะมีการทำ Affiliate แบบแปะลิงค์รีวิวไมโครโฟน รีวิวกล้อง รีวิวโน้ตบุ๊ค เริ่มกลายเป็นกระแส คนเริ่มหาพวกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มาใช้ Work From Home ช่วงนั้นมันก็เลยทำให้เราได้ค่าคอมมิชชั่นจากการแปะลิงค์ บวกกับสปอนเซอร์เข้ามาเยอะ เลยกลายเป็นช่วงพีคของเราเลย แต่การมีสปอนลูกค้าเข้ามาเยอะ มันทำให้สินค้าบาง เราก็ไม่ได้อยากจะรีวิวแปะลิงค์ขายของทุกอย่าง เราแค่อยากให้คนได้ใช้สินค้าที่เรารู้สึกว่าเราใช้แล้ว เราเลือกให้แล้วว่ามันดี มันราคาไม่แพง แต่คอนเทนต์มันต้องบาลานซ์ไปด้วยการหารายได้ เราเลยคิดว่าบางคอนเทนต์เราไม่ได้อยากมีสปอนเซอร์ เราแค่ทำเพื่อที่อย่างน้อยคนที่ได้ดูในอนาคตมันอาจจะมีผลกับเค้าและเราบ้าง”
ทำอย่างไรให้ก้าวทัน และรู้เท่าทันโลก IT
“เราอย่ากดดันตัวเองว่า ฉันจะต้องรู้เรื่อง Chat GPT ฉันจะต้องรู้เรื่อง AI ค่อยๆ รู้จักมัน ถ้าวันนี้ยังไม่พร้อมอยากจะรู้ ก็ขอแค่ให้รู้ว่ามันมีไว้ก่อน อาทิตย์หน้าถ้าอยากรู้ ก็ค่อยไปศึกษาก็ได้ เพราะว่าเทคโนโลยียังไงมันมีใหม่ขึ้นทุกวัน เราแค่สนใจในสิ่งที่เรารู้สึกว่าพร้อมที่จะรับความรู้เรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการกดดันตัวเองเกินไป
อยู่กับเรื่องไอทีมานาน ถามว่าเบื่อไหม ยังไม่เบื่อ แต่แค่รู้สึกว่าเวลามีการเปิดตัวอะไรใหม่ ๆ มันจะไม่มีความรู้สึกว้าวแล้ว แต่เราจะไปตื่นเต้นกับยาดมที่มีแพ็คเกจน่ารักมากเลย มันข้ามสายไปเลย ความสนใจมันเริ่มเปลี่ยน แต่ไอทีมันเป็นสิ่งที่เราเสพเป็นชีวิตประจำวันมา 10 ปีแล้ว การทำไอทีของเรามันคือการทำงาน แต่ความสนใจอื่น ๆนั่นคือสิ่งใหม่ของเรา
สิ่งที่อยากเตือนคนใช้โซเชียลมีเดีย อย่างเรื่องเวลามีดราม่าในโซเชียล ให้ใจเย็น ๆ แค่ให้รู้ว่ามันมี แต่บางครั้งไม่ต้องไปคอมเมนต์อะไร หรือไม่ต้องอยากจะไปด่าคนนั้นคนนี้โดยที่เราไม่ได้รู้ที่มา เพราะว่าเราก็อาจจะโดนหมายศาลได้ สมัยนี้เวลาแจ้งความมันง่ายมากเลย เสียเงิน เสียเวลา เสียประวัติอีก แล้วก็อีกอย่างก็คือเรื่องของเว็บปลอม หรือเวลาเราซื้อของแล้วโดนหลอกจากการช็อปปิ้งออนไลน์ ก็อยากให้ใจเย็น ๆ อย่าเพิ่งหลงของถูก เวลาเราจะซื้อของออนไลน์ต้องระแวดระวังไว้ด้วย
เรื่องความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI ตอนนี้มันมีเทคโนโลยีที่สามารถเลียนแบบเสียง ได้ ซึ่ง ท็อฟฟี่ เชื่อว่าอีกหน่อยมันจะพัฒนาไปได้มากกว่านี้ AI มันมีประโยชน์เยอะก็จริง แต่มันต้องให้เวลามันได้เรียนรู้ มันต้องป้อนชุดข้อมูลลงไป ตอนนี้มันสามารถเลียนแบบเสียงเราได้ ยังไม่สามารถเลียนแบบพฤติกรรมเราได้ สิ่งที่เราต้องระวังคือ อย่าพิมพ์ข้อมูลส่วนตัวลงไปในแพลตฟอร์มต่าง ๆ มากเกินไป ข้อมูลเหล่านี้มันสามารถค้นหาได้ใน Search Engine ต่าง ๆ จาก Digital Footprint การที่มีข้อมูลอยู่ในโซเชียลเน็ตเวิร์คเยอะ ๆ มันก็น่ากลัวเหมือนกัน ถ้าเจอคนที่ไม่หวังดี และเรามองว่า AI มันนำมาใช้ได้กับหลาย ๆ อาชีพ แต่อาชีพสายบริการ เราว่ามันก็ต้องพึ่งพาคนอยู่ดี เพราะมันจะอาศัยเรื่องอารมณ์ และบางอาชีพจำเป็นต้องมาเจอหน้าเจอตากัน แต่ถ้าเป็นพวกแรงงาน หรือบางธุรกิจอยากจะตัดข้อผิดพลาดจากการทำงานของคน อย่างการแพ็คของ ก็อาจจะใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย
เรารู้สึกว่าไม่ต้องห่วงว่า IT Support จะตกงาน อาชีพสาย IT ยังไปได้อีกไกล เพียงแต่ว่า เราต้องมีทักษะมากขึ้น อย่างถ้าเราถนัดซ่อมคอม แต่เราไม่รู้เรื่องเน็ตเวิร์ค เราก็จะต้องรู้เรื่องเน็ตเวิร์คมากขึ้น สมัยนี้มันมีที่ให้เรียนเยอะมาก แล้วก็ง่ายมากขึ้น มันมีคอร์สเรียนออนไลน์ ที่ทำให้เราสามารถเพิ่มทักษะพิเศษได้อีก เราสามารถทำงานได้มากขึ้น และความรู้ด้าน IT ถ้ามีติดไว้ก็ไม่เสียหาย”

“ภาษี” เรื่องนี้ที่ท็อฟฟี่อยากทำคอนเทนต์
“คอนเท้นท์ที่อยากทำ และล่าสุดเพิ่งลองทำไปคือ เรื่องภาษี โดยเฉพาะภาษีย้อนหลัง เพราะครีเอเตอร์หลายคนเค้าจะต้องมองข้ามเรื่องนี้ไปว่า เรารับเงินมาแต่คิดว่าไม่ต้องแจ้งสรรพากร ไม่ต้องยื่นภาษีหรอก ซึ่งมันเป็นความเข้าใจที่ผิด ด้วยความที่ครีเอเตอร์มันเยอะขึ้น รายได้ก็ได้มาจากหลากหลายช่องทาง มันก็กลายเป็นว่า พอเรามีรายได้เยอะ สิ่งสำคัญที่ตามมาเลยคือ ภาษี การยื่นภาษีอะไรต่าง ๆ สมัยนี้สรรพากรเค้าทันสมัย แค่มีการยื่นบัตรประชาชน มันก็ขึ้นหน้าระบบแล้วว่าเงินมาจากไหนบ้าง ซึ่งเราก็เคยโดนเก็บภาษีย้อนหลัง ซึ่งเรายื่นภาษีก็จริง แต่เราไม่รู้ว่าเราต้องยื่นรูปแบบวงเล็บไหน มันเลยกลายเป็นว่าเรายื่นผิดประเภท เพราะว่า 10 ปีที่แล้ว มันยังไม่มีฟรีแลนซ์ มันไม่มีมาตราให้ว่า ฟรีแลนซ์ต้องวงเล็บไหน โดยความเป็นจริงมันคือ 40 วงเล็บ 2 พอเรายื่นผิด แล้วสะสมมาเรื่อย ๆ ก็มีเบี้ยปรับทบไปเรื่อย ๆ สิ่งที่ต้องระวังคือ เค้านับตั้งแต่วันที่มีข้อมูลแล้วมันจะคูณดอกเบี้ยเข้าไปอีก ซึ่งดอกเบี้ย มันนับตั้งแต่วันแรกที่เรายื่นผิด พอเรามีประสบการณ์ที่เคยยื่นภาษีผิดประเภทมาแล้ว ก็มาคิดว่าฉันเสียเงอนไปเป็นล้าน ฉันก็ต้องได้คอนเทนต์ อย่างน้อยก็เป็นประโยชน์ให้กับคน เพราะขนาดเราระวังแล้ว มันก็ยังเกิดความผิดพลาดได้เลย”

ความรู้พื้นฐาน คือ The Best
“ตั้งแต่ทำคอนเทนต์มา คอนเทนต์ที่ปังที่สุดคือ คอนเทนต์ให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้ปลั๊กไฟ อย่าใช้ปลั๊กไฟราคาถูก ใช้ปลั๊กไฟที่มี มอก. ได้มาตรฐาน เพราะว่า 90% ของเหตุไฟไหม้ในประเทศไทย มาจากการใช้ปลั๊กไฟที่ไม่ได้คุณภาพ
เราแค่มองว่า ความรู้พื้นฐาน คือ The Best ทุกอย่างมันเริ่มจากพื้นฐานหมด จะเปิดคอมพิวเตอร์ก็ต้องเสียบปลั๊ก หรือบางคนชอบซื้อคอมพิวเตอร์มา 2-3 แสน แต่ใช้ปลั๊กไฟ 50 บาท เวลาฝนตก ฟ้าผ่า ถ้าเกิดไฟกระชากมันก็ดึงไปหมดเลย พวกอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่พังจากการใช้ปลั๊กไฟที่ไม่ได้มาตรฐาน
เรื่องความเป็นตัวเรา เราก็รู้สึกว่า เราอยากจะรีวิวแบบนี้ คนอื่นเค้าจะมีการตะโกน แต่เราเองจะรีวิวเนิบ ๆ ที่เป็นคาแรกเตอร์ของเราเหมือนเดิม เพราะเรารู้สึกว่าสุดท้ายแล้วคนมันต้องเบื่อการตะโกนบ้างแหละ สุดท้ายคนก็จะโฟกัสที่คอนเทนต์ ซึ่งการทำคอนเทนต์มันก็เหมือนแฟชั่น คือ เทรนด์มันเป็นแบบไหน มันก็จะไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวมันก็วนกลับมาเป็นสไตล์ดั้งเดิม” – ท็อฟฟี่เป็นตุ๊ดซ่อมคอม

พบเรื่องราวชีวิตหลากสีสันใน Club Pride Day คลับที่เต็มไปด้วยแบ่งปันข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับแขกรับเชิญพิเศษ และสองดีเจสุดแซ่บ “พี่อ้อย” และ “ก็อตจิ” ได้ในทุกสัปดาห์
ติดตามชมรายการย้อนหลัง
