เปิดเซฟโซนสุดอบอุ่น ของ “เบิร์ดมิล” อินฟลูเอนเซอร์สาว กับเรื่องราวของการเป็น LGBTQ+ ในครอบครัวจีน

Club Pride Day Recap

เปิดเซฟโซนสุดอบอุ่น ของ “เบิร์ดมิล” อินฟลูเอนเซอร์สาว กับเรื่องราวของการเป็น LGBTQ+ ในครอบครัวจีน

24 ก.ค. 2024

“ขอบคุณที่เข้าใจและยอมรับในตัวตนของเบิร์ด ขอบคุณที่สนับสนุนทุกอย่าง เวลาชวนอากงอาม่าไปถ่ายคอนเทนต์ที่ไหนไม่เคยบ่นเลย”

 

 

เมื่อ 'เซฟโซน' ไม่ใช่แค่พื้นที่ แต่คือความรู้สึกที่ต้องสร้างไปด้วยกัน...เปิดคลับให้ได้เรียนรู้วิธีคิด พร้อมฟังสีสันของชีวิตรับแรงบันดาลใจในทุก ๆ สัปดาห์ สำหรับ Club Pride Day คุยอย่าง Proud เมาท์อย่าง Pride ทอล์คกระทบไหล่กับตัวแม่ กับสองดีเจสุดแซ่บ “ดีเจพี่อ้อย” และ “ดีเจก็อตจิ” ที่ได้เปิดไมค์ต้อนรับแขกรับเชิญสุดอบอุ่น “เบิร์ดมิล พร้อม อากง และอาม่า” โดยทั่วไปสำหรับครอบครัวเชื้อสายจีนแล้ว การที่ลูกหลานในบ้านเปิดเผยตัวว่าเป็น LGBTQ+ โดยเฉพาะกับหลานชาย อาจไม่ใช่เรื่องที่คนในครอบครัวอยากจะยอมรับ โดยเฉพาะในบ้านที่ยังคงมี อากง-อาม่า ในวัยเกือบ 90 ปี ที่เป็นเจอเนอเรชันเก่าแก่ แต่นั่นไม่ใช่กับขอบครัวของเบิร์ดมิล สีสันของชีวิต พร้อมข้อคิดแรงบันดาลใจดี ๆ ได้ถูกแชร์ไว้แล้วในรายการ

 

 

“เบิร์ดมิล” หมวยเล็กสุดคิ้วท์ ของครอบครัวสุดน่ารัก

เบิร์ด : “ชื่อเบิร์ดมิล มาจากตอนมัธยม ช่วงนั้นเบิร์ดก็แบบแมน ๆ แล้วชื่อเบิร์ด ก็เลยคิดว่าอยากจะเสริมความหวาน อยากจะมีคำสร้อยนิดนึง เบิร์ดมี่ ก็ดูแปลก ๆ เบิร์ดมิ ก็ไม่ได้ ก็คิดว่าชื่อ เบิร์ดมิล แล้วกันน่าจะลงตัวสุด เป็นชื่อที่อยู่ดี ๆ ก็คิดขึ้นมาเอง แล้วชื่อก็ดูหวานดูมีคำ 2 พยางค์ ก็เลยเรียกติดปากว่า เบิร์ดมิล ตั้งแต่นั้นมา

ครอบครัวของเบิร์ดเป็นแบบจีนแท้ ๆ เลย เบิร์ดมีพี่น้อง 4 คน เบิร์ดมีพี่สาว 2 คน พี่ชาย 1 คน

เราเป็นคนสุดท้องเป็นน้องเล็กค่ะ

ซึ่งบ้านเบิร์ดก็สนิททุกคนเลยนะคะ ตั้งแต่เด็ก ๆ บ้านเบิร์ดจะอยู่รวมกันหมดเลยทั้ง ป๊า ม้า อาแปะ อาโก แล้วก็หลาน ๆ ก็คืออยู่บ้านเดียวกันหมดเลย บ้านมี 4 ชั้น แล้วทุกชั้นก็ต้องมีคนอยู่

เมื่อก่อนหนูเครียดแล้วก็กลัวว่าในสิ่งที่เราชอบ หรือสิ่งที่เราเป็น อากงอาม่า จะยอมรับไม่ได้ ว่าสิ่งที่เราชอบมันดีมั้ย มันถูกต้องมั้ย ช่วงแรก ๆ หนูยังไม่บอกใคร คุยกับตัวเองมากกว่า”

อาม่า : “ตอนเล็ก ๆ อีเหม็นที่สุด รังแกคน รังแกพี่น้อง คนเป็นพี่ยังถูกอีรังแก เราเลยเรียกอีว่า อาเหม็น”

อากง :  ก็เท่าที่บอก มันชอบรังแกเค้า แล้วทีนี้อากงก็เลยตั้งชื่อเค้าว่าชื่อ ไอ้เหม็น เพราะว่าชอบไปรังแกเค้า ก็อยู่บ้านเดียวกัน เรื่องอ้อนมันก็ไม่อ้อนนะ เพราะหลานผมเยอะ ไม่รู้ใครจะมาอ้อน ก็จะมีมานั่งกินข้าว มาคุยกันอย่างเงี้ย”

 

 

เบิร์ดมิล กับการยอมรับตัวตน จากคนในครอบครัว

เบิร์ด : “เบิร์ดรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเพราะว่า เบิร์ดไม่ได้ Come Out เอง แต่ว่าป๊ากับม้าเป็นฝ่ายเลือกเดินเข้ามาคุยกับเบิร์ดก่อน เหมือนเค้าก็เริ่มจะรู้ลักษณะท่าทางของเบิร์ดแล้วว่า สิ่งที่เบิร์ดต้องการเป็น สิ่งที่เบิร์ดชอบ เป็นสิ่งที่เบิร์ดชอบจริงรึเปล่า เลยเป็นการคุยเปิดใจ สุดท้ายเค้าก็เหมือนถามเชิงเป็นห่วงว่าถ้าโตไปเราจะใช้ชีวิตได้มั้ย เราจะอยู่รอดมั้ย แบบนั้นมากกว่า

ส่วน อากง กับ อาม่า เบิร์ดก็ไม่ได้บอก แต่กลายเป็นว่า อากงกับอาม่า อยู่ดี ๆ ก็เรียกเบิร์ดว่า อาเจ้ วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ที่ครอบครัวเรารวมตัวกัน แล้วอากงก็เป็นฝ่ายเรียกก่อนว่า อาเจ้ เราก็งง เลยถามว่าอาเจ้ไหน อากงบอกว่า ก็ลื้อไงเป็นอาเจ้แล้วไม่ใช่เหรอ จุดนั้นมันเหมือนจุดที่ได้ปลดล็อคว่า อากงอาม่าหรือที่บ้าน ยอมรับเราในสิ่งที่อยากเป็นจริง ๆ”

อากง : “ที่เรียก อาเจ้ เพราะว่าเวลาที่เค้าไปไหนมาไหนก็กลายเป็นผู้หญิงไปแล้ว เราก็เลยชอบเล่น เรียกเล่น ๆ ว่า อาเจ้ลื้อไปไหนมา ซึ่งในใจกงคิดว่าเค้ากลายเป็นผู้หญิงก็ดี ไม่เป็นไร เพราะว่า เค้าไม่เป็นคนเกเร พอเค้าเป็น อาเจ้ เราก็ไม่ว่า เพราะว่าหลานผมมีเยอะ มีตั้ง 10 กว่าคน”

อาม่า : “ก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก ก็เห็นอีเป็นอย่างงี้แล้ว ก็เป็นตามอย่างงี้ไปเถอะ ใคร ๆ ก็ถามว่า ลื้อคิดแล้วว่าอยากเป็นอะไร เค้าจะเป็นแบบนี้ก็ให้อีเป็นไป ก็ไม่เสียหายอะไร”

อากง : “ที่รุ่นอากงหนุ่ม ๆ เพื่อน ๆ อะไรไม่เคยเป็นแบบนี้ คือถ้ามีบ้านนึงลูกเป็นกะเทย พ่อแม่เค้าก็จะต้องด่า จะต้องตี ทำให้เค้าเปลี่ยนไปไม่ได้ แต่ว่าสมัยนี้ มันไม่เหมือนกันแล้ว บ้านนี้ก็มีคนนึง บ้านโน้นก็มีคนนึง แล้วเราจะไปพูดอะไร เค้าก็ต้องรับตามแบบนี้ไป”

 

 

เมื่อ ครอบครัว คือเซฟโซนที่ดีที่สุดของ เบิร์ดมิล

เบิร์ด : “สำหรับตัวเบิร์ดเองไม่ค่อยโดนเรื่องบูลลี่สักเท่าไหร่ค่ะ อาจจะมีโดนเค้าแซวบ้าง แต่เบิร์ดก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องเอาเก็บมาคิดว่าเค้าบูลลี่เรา

ถ้ากับเรื่องครอบครัวก็จะมีความเซ้นท์ซิทีฟ เบิร์ดรู้สึกว่าเด็กสมัยนี้จะรู้สึกว่าสิ่งใหม่ ๆ ที่ผู้ใหญ่ไม่รู้จัก ก็ไม่จำเป็นจะต้องมาเล่าให้เค้าฟัง หรือมาปรึกษาให้เค้าฟัง เราคุยกับเพื่อน หรือคุยกับใครก็ได้ที่อยู่ในอายุเจนเดียวกับเรา ไม่จำเป็นต้องมาคุยกับพ่อแม่ แต่เบิร์ดก็ลองมองย้อนกลับ ถ้าเราเป็นพ่อแม่แล้วเรามีลูกมีหลาน เราก็อยากจะได้รับฟังในทุก ๆ เรื่องของลูกหลานเราเหมือนกัน

เบิร์ดก็อยากจะแชร์ว่า คนในครอบครัวของเรา ไม่ว่าเค้าจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย เบิร์ดรู้สึกว่าเราควรจะสนับสนุน หรือซัพพอร์ทเค้า ให้เค้าได้เป็นตัวตน และเป็นตัวเองได้เต็มที่ มันทำให้คน ๆ นั้น ได้มีความสุข และเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่จริง ๆ อยากจะให้ทุกคนสนับสนุนเค้า ในสิ่งที่เค้าชอบและเค้าเป็นค่ะ และที่เบิร์ดมีวันนี้ได้ เพราะว่าครอบครัวเป็นส่วนหนึ่งที่ซัพพอร์ทเบิร์ดตลอดมา”

 

 

ที่มาคลิปสุดไวรัล “ลื้อลืมอั๊วะไว้ที่บางปู”

เบิร์ด : “เหตุการณ์วันนั้นคือ เราไปรถ 2 คัน คันนึงอากงนั่งไป คันนึงอาม่านั่งไป แล้วพอเข้าบางปูเสร็จปุ๊บ อากงออกมาเข้าห้องน้ำแล้วไม่ได้บอกใคร แล้วรถอากงก็คิดว่าอากงขึ้นแล้ว อีกคันก็คิดว่ารถอากงออกไปแล้ว ก็เลยขับออกไป สักพักพี่ชายของอากงโทรมาบอกว่า ลื้อเอาน้องชายอั๊วะไปไหน คืออากงยืมโทรศัพท์แม่ค้าเพื่อโทรหาเบอร์พี่ชาย แล้วพี่ชายก็โทรมาหาอาม่าว่า ลื้อเอาน้องชายอั๊วะไปไหน อาม่าก็งง บอกว่ามาเที่ยวบางปู พี่ชายของอากงก็บอกว่า เค้ายังอยู่ที่บางปูนะ เท่านั้นแหละ เรารีบวนรถกลับมาเจออากงที่บางปู คือเหตุการณ์ที่ไม่ได้ตั้งใจค่ะ และคลิปนั้นคนดูประมาณ 4 ล้านเลย”

อากง : “เรื่องที่ว่าไปทิ้งไว้ที่ไหนเราว่าเดี๋ยวก็กลับได้ ผมคิดแล้วว่า แม้ว่าโทรศัพท์ผมไม่มี แต่ว่าถ้าเค้าไปถึงคลองลาน เพราะว่าวันนั้นจะไปกินข้าวที่คลองลาน เค้าก็ต้องรู้ว่าหายไปคนนึง เดี๋ยวเค้าก็กลับมา แต่เผอิญมีแม่ค้าอยู่แถวนั้น เราเลยถามแม่ค้าว่ามีโทรศัพท์รึเปล่า ขอยืมติดต่อหน่อยได้มั้ย แล้วไม่รู้จะโทรไปไหน เลยโทรไปหาพี่ชาย บอกพี่ชายว่าให้โทรเข้าอาม่าหน่อยว่าลืมผมอยู่ที่บางปู”

เบิร์ดมิล : “หลังจากคลิปเป็นไวรัล ทุกคนก็ชอบใจที่มีอากงอาม่าในคลิป เบิร์ดก็เลยรู้สึกว่างั้นชวนอากงอาม่ามาทำคอนเทนต์ดีกว่า เพราะเราจะได้ใช้เวลาร่วมกันอากงอาม่ามากขึ้น และเหมือนได้แชร์ความรู้สึกว่า พอเราอยู่กับอากงอาม่า แล้วเวลาคนมาดูเค้าก็จะรู้สึกกลับมาคิดถึงอากงอาม่า หรือครอบครัวที่บ้าน และอยากกลับมาใช้ชีวิตกับครอบครัว เหมือนกับเบิร์ดเอง”

 

ล้วงเบื้องหลัง กว่าจะเป็นคอนเทนต์กับอากงอาม่า

อากง : “เวลาอีชวนไปถ่ายคอนเทนต์ ผมชอบพูดเล่นกะอีว่าไม่ไป แต่สุดท้ายก็ไป”

อาม่า : “อาม่าเหนื่อยเพราะว่าอาม่าเป็นโรคหัวใจ ถ่ายนานเกินไป หรือว่าถ้าเดินเร็ว แล้วอาม่าเหนื่อย แล้วถ้าเหนื่อยก็จะพูดไม่ออก พูดไม่ได้เลย ถามว่าสนุกไหมก็สนุก แต่บางทีทำนานเกินไปก็เหนื่อย เลยทำให้ไม่อยากทำนาน ๆ”

เบิร์ด : “คลิปที่คนดูเยอะ ๆ คือ ตอนพาอากงไปถ่ายรูปที่เยาวราชค่ะ ใช่ใส่ชุดจีน แล้วชาวต่างชาติก็เดินมาทักอากง ทักว่าเป็นท่านประธานเหมาเจ๋อตุง ซึ่งอาม่าก็บอกว่าเหมือน ส่วนคอนเทนต์ที่ทำมาแล้วชอบที่สุด คือตอนที่ถ่ายคู่กับอากงอาม่า เบิร์ดตั้งใจทำประเด็นนั้นให้เหมือนเค้าทำพรีเวดดิ้ง เพราะว่ายุคสมัยก่อนได้คุยกับอากงอาม่า เค้าไม่เคยมีพรีเวดดิ้งเหมือนสมัยนี้ แล้วก็ถ่ายเป็นรูปฟิล์ม แล้วก็ได้คุยกับเค้าว่ารู้จักกันได้ยังไง จีบกันยังไง เบิร์ดรู้สึกว่ามันน่ารักมาก ๆ อากงใส่เป็นสูทสีขาว อาม่าใส่เดรสสีขาว ถือช่อดอกไม้น่ารักมาก

เบิร์ดเคยพาอากงอาม่าไปดูขบวน Pride Month พอเบิร์ดเล่าให้อากงอาม่าว่า จะมีขบวนเค้าก็อยากดู แล้วอากงก็ไปเดินขบวนกับเบิร์ด ส่วนอาม่านั่งรอเชียร์ สุดท้ายพอเบิร์ดเดินจนเสร็จ อาม่าบอกว่ายังไม่อยากกลับ อยากดูขบวนต่อ

เรื่องสมรสเท่าเทียม เบิร์ดเล่าให้อากงอาม่าฟังค่ะ แล้วท่านก็ติดตามตลอด วันที่ประกาศ เรากลับมาบ้าน อาม่าอากงบอกเราว่า เค้าประกาศออกมาแล้วนะสมรสเท่าเทียม”

อากง : “เวลานี้ประเทศเราก็เจริญ คนเรามันก็เจริญด้วย แล้วพูดถึงว่าเค้าสนับสนุนเราก็เห็นดีด้วย รัฐบาลสนับสนุนมันก็ดี ไม่ต้องไปกังวลอะไรต่ออะไร ปล่อยให้เค้าเสรีไป เราก็เห็นดีด้วย”

 

 

ย้อนความรัก 63 ปี ของ อากง และ อาม่า

อากง : “ผมแต่งงานตั้งแต่อายุ 27 ปี เวลานี้ก็ 90 ก็ 63 ปี แล้วครับ เจอกับอาม่าเพราะอยู่บ้านติดกัน”

อาม่า : “ไม่ใช่ข้างบ้าน ห่างกัน 10 กว่าห้อง เราคิดว่าคนนี้เป็นยังไง ยังไม่ค่อยรู้นิสัยเค้า แต่ทำไมเวลาเราเจออี ทำไมชอบมองอีก็ไม่รู้ เวลารถอีขับมาเราก็จำเสียงรถอีได้”

อากง : “สมัยนั้นไม่รู้ว่าเค้ามอง ก็เหมือนกับว่าได้เจอกันทุกวัน ๆ เพราะว่าเช้าผมก็ขับรถอยู่ เค้าก็ไปทำงานนั่งรถเราไป เจอกันทุกวัน บ้านก็ใกล้กัน ว่าง ๆ ก็มาคุยกัน เพราะว่าเพื่อน บ้าน 10-20 คนรู้จักกันหมด ว่าง ๆ ก็ชวนกันไปเที่ยว”

อาม่า : “ไปดูหนังบ้าง ไปกันเป็นกลุ่ม 6 ปีเคยออกไปกับเค้า 2-3 ครั้งเอง”

อากง : “สมัยนั้นไม่ค่อยกล้าไป 2 คนหรอกไม่เหมือนสมัยนี้ สมัยนี้มันอิสระ สมัยก่อนเวลาเราจะทำอะไรมันต้องคิดเผื่อว่า บ้านคนนี้มันจะมาด่าเรารึเปล่า บ้านคนนี้มันจะมาว่าเรารึเปล่า ทีนี้เราก็เลยไม่ค่อยกล้าไปไหน เวลาไปก็ไปกันหลายคน

ก็เรามีลูกแล้ว เรามีงานทำแล้ว พอคุยกันรู้เรื่องก็ทำให้เรารักกัน แล้วพ่อแม่เค้ากับพ่อแม่เราก็สนิทกัน เราก็ต้องอยู่ด้วยกัน สมัยก่อนยิ่งเป็นครอบครัวคนจีน ถ้ามีลูกก็ต้องมีภาระ เราก็ต้องดูแลกัน

เจ้าเบิร์ด ยังไม่มีผัว เค้าบอกเค้าจะแต่งผัวจะไม่แต่งเมีย ก็ถ้าเค้ามีก็แต่งมาดิ หาผัวก็ต้องหาผัวดี ๆ หน่อย หาผัวไม่ดีหาไปทำไม”

อาม่า : “ก็โอเค ถ้ามีก็รีบ ๆ แต่งมา”

อากง : “หลาน ๆ ตั้ง 10 กว่าคนนะ มีแต่งคนเดียวเอง นอกนั้นก็อายุมากแล้ว 30 กว่ายังไม่ได้แต่งสักคน มีแต่งคนเดียวคือพี่ชายเบิร์ด คนเดียวเอง”

 

 

เปิดเคล็ดลับดูแลสุขภาพของอากงอาม่า

อาม่า : “กินข้าว 2 ช้อน ต่อมื้อ มีผักก็กินผัก มีปลาก็กินปลา มีหมูก็กินหมู 2-3 ชิ้น แล้วมีไปเดินสวนลุมไปทุกวัน เดี๋ยวนี้เดินไม่ค่อยไหวแล้ว สมัยก่อนเดินเยอะ ตอนนี้เดินได้ประมาณ 3-4 ร้อยเก้าเอง ต้องเข็นรถนะ พอเหนื่อยแล้วก็ให้ลูกเข็น อั๊วะก็นั่งดูต้นไม้เขียว ๆ เวลา 7 โมง อั๊วะชอบออกมารับแดด”

อากง : “ที่ไปเดินสวนลุมไปนานแล้ว อย่างต่ำก็ 20-30 ปีแล้ว การดูแลสุขภาพของผมคือ ผมไม่ได้กินเหล้าแล้ว สมัยก่อนกินก็จริง ผมกินก็กินมีเพื่อนฝูงมากินกันนะ กินสังสรรค์ แต่ตอนนี้ไม่กินแล้ว”

 

 

สีสันแรงบันดาลใจจาก เบิร์ดมิล

เบิร์ด : “เบิร์ดว่าการที่จะทำคอนเทนต์ในโลกโซเชียล คิดแล้วต้องทำเลยค่ะ ทำแล้วดูว่ากระแสตอบรับเป็นยังไง คนชอบหรือไม่ชอบ แต่ว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องทำเป็นประจำ ห้ามหยุด เบิร์ดคิดว่าเป็นหลักสำคัญเลย

และถ้าใครคิดอยากจะทำคอนเทนต์กับครอบครัว เบิร์ดคิดว่ามานั่งคุยกับอากงอาม่าหรือคนในครอบครัวได้หมดเลยค่ะ เริ่มแรกก็ทำสิ่งที่บ้านเราเป็น โชว์ความเป็นตัวเองให้ทุกคนเค้ารู้ว่า บ้านเราอยู่กันแบบนี้นะ บางคนเค้าดูก็อาจจะคิดว่าทำเหมือนครอบครัวเราเลย แต่เบิร์ดว่าต้องเริ่มทำก่อนถึงจะดีที่สุด ต้องลองค่ะ”

 

คำขอบคุณจากใจ เบิร์ดมิล

เบิร์ด : “เบิร์ดต้องขอขอบคุณอากงอาม่าค่ะ ที่เข้าใจและยอมรับในตัวตนของเบิร์ด แล้วก็อยากบอกว่าเบิร์ดรักอากงอาม่านะที่สนับสนุนทุกอย่างเลย ชวนแบบไปถ่ายคอนเทนต์ที่โน่นที่นี่ อากงอาม่าไม่เคยบ่น ไม่เคยรู้สึกว่าเหนื่อยเลย ต้องขอขอบคุณอากงอาม่า ในทุก ๆ เรื่องค่ะ”

อากง : “เค้าเป็นแบบนี้แล้วเราก็ต้องสนับสนุน ขอให้เค้าเป็นคนดี แม้ว่าจะเป็นผู้ชาย หรือผู้หญิง มันก็เหมือน ๆ กันแหละ เราก็ไม่ต้องไปบังคับเค้า เค้าจะเป็นผู้ชายก็ดี เป็นผู้หญิงก็ดีอย่าเกเร อย่าออกไปก่อเรื่อง ทำมาหากิน เป็นคนบริสุทธิ์ ก็ชื่นใจแล้ว”

อาม่า : “อากงพูดหมดแล้ว รู้สึกเหมือนกัน”

 

 

พบเรื่องราวชีวิตหลากสีสันใน Club Pride Day คลับที่เต็มไปด้วยแบ่งปันข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับแขกรับเชิญพิเศษ และสองดีเจสุดแซ่บ “พี่อ้อย” และ “ก็อตจิ” ได้ในทุกสัปดาห์

 

ติดตามชมรายการย้อนหลัง

album

0
0.8
1