เปิด Club รวมสีสันของชีวิต พร้อมแบ่งปันข้อคิดแรงบันดาลในในทุก ๆ สัปดาห์ สำหรับ Club Pride Day คุยอย่าง Proud เมาท์อย่าง Pride ทอล์คกระทบไหล่ตัวแม่ กับสองดีเจสุดแซ่บ “ดีเจพี่อ้อย” และ “ดีเจก็อตจิ” ที่ได้เปิดไมค์ต้อนรับสองแขกรับเชิญสุดฮา “แมท - สิทธิโชค อินทสุทธิ์” และ “มด - นิศารัตน์ อินทสุทธิ์” ครีเอเตอร์พี่น้องอารมณ์ดี จากสุราษฎร์ธานี ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตประจำวันธรรมด าให้กลายเป็นเรื่องราวที่ตลก และน่าสนใจ โดยมียอดผู้ติดตามจากแพลตฟอร์ม TikTok นับล้านคน
การแสดงออกที่สามารถสื่อสารให้คนดูเข้าใจง่าย และเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้ กลายเป็นความโดดเด่นที่มีเอกลักษณ์ จากจุดเริ่มต้นง่าย ๆ ในสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียว ณ วันนี้ สองพี่น้องกลายเป็นคนดัง ที่เปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปเลยทีเดียว โดยล่าสุดพวกเขาได้ลาออกจากงานประจำ และผันตัวมาเป็น Content Creator เต็มตัว เพื่อที่จะแบ่งปันความสนุกสนานสร้างความบันเทิงให้กับผู้คนได้เต็มที่ แต่กว่าจะมีวันนี้ทั้งคู่ผ่านหลากหลายเรื่องราวของชีวิต และมีข้อคิดแรงบันดาลใจดี ๆ ที่ได้แบ่งปันไว้ในรายการด้วย

คู่พี่น้อง ที่สนิทกันมาก
แมท “ตอนแรกเราก็คิดว่าคงเป็นลูกคนเดียว ซึ่งตอนนั้น 7 ขวบ และเราอยากเป็นลูกคนเดียวเพราะรู้สึกว่าไม่ต้องแชร์เสื้อผ้ากับใคร จนมีน้อง แต่ก็ดีใจที่เป็นน้องสาว แล้วพออายุได้สัก 3-4 ขวบเท่านั้นแหละ น้องสาวก็เริ่มเอาเสื้อผ้าพี่ชายมาใส่ ไม่ชอบใส่กระโปรง ซึ่งผมก็คิดว่าพี่น้องทั่วไปก็คงสนิทกันแบบนี้แหละ แต่เรามารู้ตอนโตว่า มีบางคู่พี่น้องที่เค้าแทบจะไม่ได้คุยกันทุกเรื่องขนาดนี้”
มด “หนูรู้ตัวตั้งแต่เด็กว่าไม่ได้อยากเป็นผู้หญิง และไม่ได้มอง ไม่ได้คิดอะไรกับผู้ชายเลย”
แมท “ตอน ม.6 ผมมีคอมพิวเตอร์ที่บ้าน แล้วเมื่อก่อนเราชอบผู้หญิง ก็คุยกับสาว หลังจากนั้นไปโรงเรียนก็ไปเจอสาว แล้วเค้าก็ทำหน้าแปลก ๆ เหมือนเขิน ผมก็งงว่าทำไมหันมาแล้วก็เขิน ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะเริ่มคุย เพิ่งถามชื่อ จนกลับบ้านแล้วมาเปิดคอมดู ถึงรู้ว่าน้องเป็นคนทักไปคุยกับสาวคนนั้น เหมือนมีทีมงานหลังบ้านเลย”
มด : “หนูคุยกับผู้หญิง ซึ่งไม่ได้ทักแบบสวัสดีครับ แต่อยู่ ๆ ก็ทักไปว่า เป็นแฟนกันมั้ย พี่เค้าก็ตกใจบอกว่า ยังไม่ทันได้คุยเลยเป็นแฟนกันแล้วเหรอ”
แมท “ด้วยความที่เราสนิทกันมาก ถ้าเราทะเลาะกัน เราจะเคลียร์ให้จบภายใน 15 นาที เราคุยทุกอย่างให้จบ และไม่เคยทะเลาะแบบรุนแรง ที่รุนแรงที่สุดคงเป็นตอนเด็ก เรื่องแย่งขนม”
มด : “แล้วก็ตอนที่พี่แย่งทีวีหนู หนูดูการ์ตูนอยู่ แล้วเค้าเปลี่ยนช่อง หนูโมโหมากจนกำหมัดเลย ซึ่งหนูก็ตัวยังเล็กอยู่ แต่พี่ตัวใหญ่ เราห่างกัน 7 ปี พอต่อยปุ๊บหนูวิ่ง แต่พี่ก็วิ่งตามมาเอาคืนทัน”
แมท “เราปรึกษากันทุกเรื่อง เราวาดฝันสองคนว่า ในอนาคตยังไงบ้านก็ต้องอยู่ติดกัน ต่อให้แก่ไปก็ยังอยู่ 2 คนแบบนี้”
พี่ชายสุดเนี๊ยบ กับน้องสาวสุดแสบ
แมท : “ตอนเรียนผมจะเป็นประธานสี อยู่ในกลุ่มประธานนักเรียน ได้เกียรติบัตร เรียนดี ทำชื่อเสียงให้โรงเรียน พอผมจบ ม.6 ด้วยความที่เราห่างกัน 7 ปีพอดี น้องก็เข้า ม.1 ก็เริ่มแสบเลย”
มด “หนูแสบค่ะ ปกตินักเรียนหญิงจะไว้ผมถึงติ่งหู แต่หนูก็จะเป็นทรงซอยหัวเห็ด เป็นทรงผู้ชายไปเลย ครูก็เลยบอกว่าถ้าเป็นแบบนี้ก็ให้เรียกผู้ปกครองมา แต่หนูก็เถียงว่า หนูชอบที่จะเป็นแบบนี้ ซึ่งครูก็จะบอกว่า มันยังไม่เหมาะ เลยให้หนูใส่เป็นวิกผมสั้นแทน”
แมท “ด้วยความที่คุณแม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว และผมก็ไม่เคยนอกลู่นอกทาง เป็นเด็กที่ทำชื่อเสียง ท่านก็จะเข้าใจและแฮปปี้อยู่แล้ว แต่น้องมันแสบตั้งแต่เด็ก เรื่องอุบัติเหตุทุกอย่าง ไม่ใช่เข้าหามันนะ มันเข้าหาอุบัติเหตุเอง คือถ้าหายไปสักเดือนหนึ่ง รู้เลยว่าต้องมีการมอเตอร์ไซค์ล้ม หรือเดินล้มแน่ ๆ เค้าจะเจ็บตัวของเค้าอยู่แล้วตั้งแต่เด็ก จนเราได้ทำประกันดักไว้ทุกอย่างแล้ว และเวลาเราพาน้องไปโรงพยาบาล ถ้าเจ้าหน้าที่เจอนาง ก็จะบอกว่าทำคอนเทนต์อะไรอีก เลิ่กลั่กมาอีกแล้วเหรอ เวลาเดินไปแผนกกายภาพ ก็จะโดนทักว่า เอาอีกแล้ว เลิ่กลั่กหัวแดงมาอีกแล้ว”

วัยเด็กที่แสนลำบาก แต่มีความสุข
แมท “ตอนเด็กเรียกว่า ไม่มีอะไรกินเลยมากกว่า ผมช่วยหาเงิน คือระหว่างเรียนก็จะออกไปหาปลาหลังบ้าน หรือออกทะเลบ้าง แล้วก็ขี่มอเตอร์ไซค์ที่มีตะกร้าปลาอยู่ตรงกลางไปขายเพื่อจะเอาเงินไปลงเรียน ลำบากแต่มีความสุข ย้อนไปมันไม่ควรจะหัวเราะด้วยซ้ำ แต่เราสองคนกลับไม่คิดว่าตรงนั้นคือปัญหา เรายังมีแรงทำ มีแรงช่วยแม่
เราเริ่มมาตั้งคำถามว่าครอบครัวเราลำบากขนาดไหนเมื่อตอน ม.ปลาย เหมือนวันนั้นเราไม่มีข้าวกิน แล้วต้องขี่มอเตอร์ไซค์ 3 คน แล้ววิ่งลงไปแย่งต้นผักโขมที่วัวกิน มันท้าทายมาก เพราะว่าวัวแถวบ้านดุมาก ซึ่งผักขมสามารถเอามาผัดกับไข่แล้วกินได้
แล้วตอนนั้นเริ่มเห็นความลำบากคือ เวลาตัวเองกินข้าว น้องกินข้าว แต่ผมงงว่า ทำไมแม่ไม่เคยมานั่งกินด้วยกันเลย คำตอบเดียวของแม่คือไม่หิว แต่ก่อนที่แม่จะไปกรีดยาง แม่ก็จะลุกขึ้นมากินข้าวกับน้ำแกงส้ม ก็กินอยู่แบบนั้น จนพวกเราท่องกับตัวเองไว้ว่า ถ้าโตไป ยังไงก็จะไม่วิ่งไปกินผักโขมแบบนี้แล้ว ตั้งเป้ากับน้องว่าเราต้องทำให้สำเร็จ”
จุดตัดสินใจ ว่าใครจะได้เรียนต่อ
แมท “พอจบ ม.6 ผมสอบได้ที่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ตอนนั้นแม่ก็ยังกรีดยางส่งให้เรียนได้อยู่ แม่ก็บอกว่าถ้าชอบลูกก็มาเรียนเลย ผมก็มาจากสุราษฎร์ธานี พอมาเรียนที่นี่ โดยระหว่างที่เรียนผมก็ทำงานไปด้วยเป็นพนักงานห้าง แล้วในช่วงปี 4 ก็เจอวิกฤตราคายางตกต่ำมาก แล้วการเรียนมันต้องใช้เงินเยอะมาก ซึ่งแม่ส่งไม่ไหว จนถึงจุดที่ต้องตัดสินใจว่าใครจะเรียนต่อ ผมไม่ได้พูดอะไรเลย คุยกัน 3 คน มันนิ่ง มันเงียบมาก แต่สุดท้ายน้องพูดออกมาเอง”
มด “หนูบอกว่าให้พี่เรียนเลย พี่ใกล้จะถึงฝั่งแล้ว มันเหลือสองเทอมเอง ไม่เป็นไร เดี๋ยวหนูออกไปเรียน กศน. ก็ได้ เพราะค่าใช้จ่ายมันไม่ได้เยอะ แม่ก็บอกว่าโอเคให้พี่เรียน หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายเลย แบบไม่ได้พูดอะไรกันอีก”
แมท “มันหนักมาก ผมไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าครอบครัว วันนั้นร้องไห้กัน เหมือนเรากำลังจะถึงฝั่งแล้ว เหลือแค่ทำธีสิสเพื่อที่จะจบ เหลืออีกแค่นิดเดียว แต่มันเหมือนการจบของเรา มันไปตัดฝันของน้องด้วย”
มด “ความคิดตอนนั้น หนูคิดว่าให้พี่เรียนจบก่อน หนูยังเด็กอยู่สามารถที่จะไปต่อที่อื่นก็ได้ ไม่ซีเรียสอะไรขนาดนั้น แต่ก็เข้าใจว่าพี่เรากล้ำกลืนมาก เสียใจมาก”
แมท “ผมเรียนศิลปกรรม เกี่ยวกับการออกแบบ และการวาดรูป เรียนจบก็ทำงาน จนเราพร้อมเริ่มมีเงินส่งให้แม่นิด ๆ หน่อยๆ จากนั้นก็ไปตามน้องมาเรียน กศน.ที่กรุงเทพ ตรงพระราม 9 แล้วน้องก็ทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วย ซึ่งตอนนั้นก็หนักมาก”
มด “หนูเรียนควบคู่ค่ะ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กับ กศน. แล้วก็ทำงานพาร์ทไทม์ด้วย ก็จะหนักหน่อย”
แมท “ช่วงนั้นมีโควิดด้วย ซึ่งน้องต้องตื่นเช้า 6 โมง ไปเรียน กศน. เสร็จเที่ยง แล้วบ่ายโมงน้องต้องมาทำพาร์ทไทม์ที่เซ็นทรัลพระราม 9 ต่อ จนเลิกเที่ยงคืน แล้วก็กลับมาทำการบ้านต่อ แล้วช่วงที่มาทำงานใหม่ เราเห็นน้องหลับกับชุดทำงานพาร์ทไทม์บ่อยมาก เลยคิดว่านี่เราช่วยน้องจริง ๆ เหรอ หรือพาน้องมาเหนื่อยเพิ่มขึ้น เราก็เลยลองเปิดช่อง Tiktok มาเล่นกัน”

จุดเริ่มต้นของการทำช่อง “เลิ่กลั่ก”
แมท “ของเราเริ่มหลังจากที่เปิดช่อง Tiktok แล้วก็ลองแสดงความเป็นพี่น้อง ให้หลาย ๆ คนเห็น แล้วก็ทำคลิปแนวคัฟเวอร์ จนหลาย ๆ คนก็เห็นว่า ทำไมเป็นพี่น้องที่สนิทกันจัง เป็นพี่น้องที่เฮฮาปาร์ตี้กันจัง ซึ่งตอนแรกเราไม่รู้เลยว่า จุดที่เราเล่นอยู่จะทำให้คนชอบ แต่ทำไปทำมา พอลงคลิปแบบคัฟเวอร์ตลก ๆ ทำหน้าตลก ๆ แล้วคลิปมันกลายเป็นที่นิยม จนเริ่มขายได้ ทั้ง ๆ ที่ นี่คือชีวิตประจำวันของเราสองคนนะ พอลงคอนเทนต์ไปคนก็ชอบ เลยคิดต่อว่าถ้าอย่างนั้นมันก็ขายได้สิ ก็เริ่มลองหาคอนเทนต์สองคนมาทำ เพราะผมก็เรียนเสริมเกี่ยวกับการแสดงบ้าง ตัดต่อบ้าง ก็เลยลองมาถ่ายน้อง แล้วเอาคลิปมาตัดเอง แล้วก็เอามาลงในช่อง”
มด “ชื่อช่อง เลิ่กลั่ก มาจากที่หนู Lip sync เสียงแม่ของน้องชมพู่ แล้วติดคาแรกเตอร์เลิ่กลั่กมา จนคนดูมาคอมเมนต์ว่า ควรตั้งชื่อช่องว่า เลิ่กลั่ก นะ แล้วเราก็มองว่าคำนี้มันใหม่มาก น่าสนใจดี เลยเอามาตั้งเป็นชื่อช่องค่ะ”
แมท “คลิปที่ประสบความสำเร็จที่สุด น่าจะเป็นคลิปมือถือ ช่วงนั้นเราไปเจอมือถือตกอยู่ แล้วมีคนโทรเข้าพอดี เราก็ไปรับสายแล้วโดนปลายสายด่า คลิปนี้คนดูเยอะมากจนเป็นไวรัล”
เปิดทริคการทำคลิปของช่อง “เลิ่กลั่ก”
แมท “พอมีอะไรเป็นกระแส ทุกคนที่เป็นผู้ติดตามหรือแฟนคลับก็จะไปรุมคอมเมนต์กัน แล้วก็แท็กกันว่า เลิ่กลั่กมายัง เลิ่กลั่กต้องคัฟเวอร์แล้ว เราก็จะไปตามแท็กที่มันตลกจริง ๆ เราก็ไปขออนุญาตเจ้าของคลิปที่เป็นต้นฉบับ แล้วเราก็มาวางสคริปต์ วางเช็ตอาหาร หาชุด ทำทุกอย่างให้เหมือน
เมื่อก่อนเราไม่เคยขออนุญาตก่อน แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เราเคยคัฟเวอร์ แต่เจ้าของคลิปต้นฉบับยังไม่ทันตอบ แล้วเรารีบเกินไป รีคัฟเวอร์รีบลงคลิป แล้วฟีดแบ็คมันไม่ค่อยดี พออ่านคอมเมนต์ก็มีคนมาคอมเมนต์ว่าขออนุญาตเค้ารึยัง เราก็ลืมจนตกใจไปเลย เราลืมดูว่าเค้าตอบรึยัง เราก็เลยทักส่วนตัวไป เจ้าของคลิปต้นฉบับเค้าบอกว่าโอเคมาก แฮปปี้มาก เพราะว่าหลาย ๆ คน ที่ดูเรา เค้าก็จะไปติดตามต้นฉบับอีก ทำให้ยอดติดตามเค้าเยอะขึ้น จนเรารู้สึกว่า ครั้งต่อไปเราต้องขอแล้วนะ ต้องใส่ใจรายละเอียดขึ้น
จนทุกวันนี้เวลามีใครทำคลิปตลก เค้าก็จะส่งมาให้เรา แล้วบอกให้เราคัฟเวอร์ เลิ่กลั่กจัดให้แม่หน่อยนะ เพราะเวลาเราทำเราจะไปใช้เสียงจากคลิปเค้า แล้วเราก็จะให้เครดิต ฝากเข้าไปติดตามหน่อยนะ จนทุกวันนี้เค้าก็ได้ขายของ สินค้าตั้งไลฟ์สดได้ ได้สติ๊กเกอร์จากคนดู จนเค้าก็มีรายได้ของเค้าไปด้วย”

จากหารทำคอนเทนต์ลง Tiktok สู่การตั้งบริษัทของตัวเอง
มด “หนูทำ Tiktok มารวม 6 ปี เริ่มตั้งแต่มี Tiktok ใหม่ ๆ จนมีผู้ติดตาม 300,000 คน เริ่มมีเงินเก็บ 20,000 บาท แล้วก็ย้ายไปอยู่สุราษฎร์ธานีเลยค่ะ”
แมท “พอย้ายไปอยู่สุราษฎร์ธานี แล้วมีเงินเก็บ 20,000 บาท ผมลาออกจากทำงานประจำ แล้วก็พูดกับน้องว่า มากัดฟันกันอีกสักรอบ มันคงไม่ลำบากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว กลายเป็นว่าผมต้องตื่นเช้าแล้วก็มาคิดคอนเทนต์ ทำสคริปต์ พิมพ์บทให้น้อง แล้วก็มาวางสตอรี่บอร์ด ระหว่างนั้นผมก็จะส่งคลิปต้นฉบับไปให้น้องนั่งท่องอยู่ในห้อง
ที่ตัดสินใจลาออกจากงานประจำคือ ในตอนที่ผมทำงานประจำ ช่วงพักเราสองคนก็จะวิ่งออกมาถ่ายคลิป จำได้เลยว่าคลิปโฆษณาครั้งแรกที่ลูกค้าจ้าง 1,000 บาท แล้วเราถ่ายเสร็จ ส่งให้ลูกค้าก็แฮปปี้ แล้วเราก็ได้คนละ 500 บาท เงินเข้าบัญชีทันที เราเลยมองว่าแค่ช่วงพักได้ 500 บาทเลยเหรอ แล้วถ้าเราจริงจังกว่านี้ มันก็จะได้มากกว่านี้ ก็เลยลาออกงานประจำ แล้วตั้งบริษัทเลย ซึ่งมันแลกมากับการที่หลังจากถ่ายเสร็จ ผมก็ต้องมานั่งตัด บางคลิปตัดจนถึงตี 4 ทำงานจนเลือดกำเดาไหล กลายเป็นสุขภาพแย่ไปเลย”
มด “บางคลิปเราตั้งใจมาก กดดันว่าเราต้องสนุกมากกว่านี้ ต้องมากกว่านี้ แล้วอีกวันก็ต้องถ่ายใหม่ นั่นก็คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หนูเป็นซึมเศร้า”
สร้างความตลก จนวันหนึ่งกลายเป็นคนไม่ตลก
แมท “เมื่อตอนที่เราสองคนเริ่มมีรายได้จาก Tiktok เราก็เลยลาออกจากงานประจำกัน แล้วเราก็มาจริงจังกับงาน เราก็จะมีเวลาว่างทั้งวัน แปลว่ามีเวลาทำงาน 30 วัน แล้วเราจะลงคลิปทุกวันเพื่อให้ทันกับกระแส จนเราบ้ากระแสมาก ทำทุกวัน จนวันหนึ่งอยู่ ๆ น้องก็ร้องไห้ ตอนถ่ายคอนเทนต์”
มด “หนูถ่ายงานไม่ได้เลย คือมันจะตลกแต่มันตลกไม่ออก แล้วหนูก็กดดันตัวเองว่าทำไมถึงทำไม่ได้ ทำไมถึงตลกไม่ได้ หนูก็ปล่อยโฮกลางกองเลย แล้วก็บอกพี่ว่าพาไปหาหมอหน่อย ไม่ไหวแล้ว เราเหมือนเป็นซึมเศร้าเลยค่ะ
เหมือนกับว่าทุกคลิปหนูจะตลกมาก ๆ แต่พออยู่ ๆ หนูตลกไม่ออก หนูก็จะเครียด พอเครียดก็นั่งคิดกับตัวเองในห้องไม่ออกไปไหนเลย คิดวน ๆ ว่าทำไมไม่ตลก ทำไมทำไม่ได้สักที แล้วปล่อยโฮออกมา จนต้องไปหาหมอแล้วกินยา ตกใจมากค่ะ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะเป็นแบบนี้ แต่อยู่ ๆ วันนั้นก็เป็นขึ้นมา ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย”
แมท “ผมเองก็ใหม่มาก ด้วยความที่น้องไม่เคยเล่าอะไรเลย เพราะปกติเค้าจะบอกตลอด แต่เพิ่งมาสังเกตช่วงหลัง ๆ ว่าน้องเริ่มเครียด จนมาถึงคราวนั้นที่เค้าปล่อยหมดเลย ผมก็ถามเค้าว่าเป็นอะไร เค้าก็บอกว่าเค้าเครียดสะสมมานานแล้ว กับการที่ตื่นเช้ามาต้องทำอะไรดี กระแสวันนี้มีอะไร ทำยังไงให้ตลก ผมก็ชวนน้องไปหาหมอ สุดท้ายน้องก็อยู่ในภาวะซึมเศร้า ก็ต้องรับยา จนเราก็มาจับเข่าคุยกันว่า ถ้าอย่างนั้นเราหยุดไปสักอาทิตย์นึงนะ ก็หยุดไปแต่มันรู้สึกกระวนกระวาย แล้วกลับมาทำงานกันต่อเพราะเราก็บ้างานมาก แต่สุดท้ายน้องดีขึ้นได้เพราะแม่”
มด “แม่ก็จะมาหาทุกวัน มาเล่นด้วย มานอนด้วย คอยถามว่าเป็นยังไงดีขึ้นบ้างไหม มากอดไหม แล้วหนูก็ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ”

ดราม่าครั้งแรก ที่ตั้งรับไม่ทัน
แมท “ดราม่าครั้งแรก ด้วยความที่เราเป็นคนที่ชอบตอบคอมเมนต์มาก ๆ แล้วมันมีอยู่วันหนึ่งที่น้องเล่นฟิลเตอร์ตาเอียงไปอีกฝั่ง”
มด “มันเป็นฟิลเตอร์ที่เหมือนตาเหล่ แล้วหนูคัฟเวอร์เป็นแคทเธอรีน ในหนังเรื่องไฉไล ซึ่งเป็นตัวละครที่ตาเหล่”
แมท “ซึ่งตอนนั้นทุกคนเล่นหมดเลย เพราะเป็นฟิลเตอร์ติดกระแสและเป็นไวรัล แต่พอวันนั้นเราเล่นแล้วลงคลิป ผ่านไป 5 ชั่วโมงกลับมาดูอีกที กลายเป็นดราม่า โดยไม่ได้มีใครทักมาเตือนเราเลย คนดูเค้าก็ด่าว่าทำไมถึงลงคลิปนี้ คิดได้ยังไง ทำไมทำแบบนี้”
มด “แต่มีหลายคนที่เค้าก็จะรู้ว่าซีนที่เราเล่นมาจากหนัง ไม่ได้มีเจตนาที่จะเมคฟัน มี 90% ที่ปกป้องเรา แต่เรากลับไปโฟกัส 10% ที่ด่าเรา เพราะว่าตอนนั้นมันใหม่มาก ๆ”
แมท “วันนั้นเราร้องไห้กัน 2 คนเลย รับไม่ได้กับคอมเมนต์ 10% ที่ด่า เรารับไม่ได้ เราเตรียมตัวรับมือไม่ทันกับปัญหานั้น แต่ตอนนั้นผมก็ออกมาอธิบายว่า อยากให้ดูที่เจตนามากกว่า เราก็ไม่ได้เจตนาบูลลี่ใครขนาดนั้น”

ชีวิตเปลี่ยนไป ในวันที่มี “เลิ่กลั่ก”
มด “คือเมื่อก่อนมันไม่มีอะไรกินเลยค่ะ แต่ตอนนี้อยากกินอะไรก็สั่ง แม่อยากกินอะไร แม่กินได้หมดเลย ตอนนี้แม่แฮปปี้มาก แม่ไม่ต้องทำงาน ไม่ต้องกรีดยาง แม่ไม่ต้องไปไหน ให้อยู่บ้านอย่างเดียวแค่นั้นเลย”
แมท “ตอนนี้เราซื้อที่ สร้างบ้าน เพราะเราเคยไม่มีเงิน ในตอนที่เรามีเงิน เราก็จะเตือนตัวเองว่า ควรทำอะไรที่มันเป็นทรัพย์สิน เราก็ไปซื้อที่ในสุราษฎร์ธานี แล้วก็ซื้อบ้าน แล้วตอนนี้กำลังซื้ออีกที่เพื่อสร้างบ้าน แล้วก็สร้างบริษัท”
มด “เราได้รางวัลรางวัล POPULAR CREATOR OF THE YEAR จากงาน TikTok Awards Thailand 2023”
แมท “แล้วก็มีของ Japan Expo Thailand รางวัล Best Creator แล้วสิ้นเดือนเดี๋ยวเราจะบินไปรับรางวัลที่สิงคโปร์อีกครับ”

“เลิ่กลั่ก” กับการยอมรับตัวตนจากคนในครอบครัว
แมท “เมื่อก่อนไม่ได้เลย เวลามีคนมาถามแม่ว่า ลูกเป็นแบบนี้ทั้งสองคน แล้วจะหาหลานจากไหน แต่แม่ก็ไม่ชอบตอบ แม่ก็จะฟังแล้วยิ้ม ไม่ค่อยพูดอะไร”
มด “แต่รู้ว่าแม่พารานอยด์มาก ๆ เพราะแรงกดดันมันมาจากนอกครอบครัว ในครอบครัวคือแม่ยังไงก็ได้ เป็นแบบนี้ก็ได้แค่เป็นคนดีก็พอ ไม่ต้องทำให้ใครเดือดร้อนใคร”
แมท “ตอนแรกเรารู้สึกว่า ความเป็น LGBTQ+ คือปัญหาของเรา เราก็ได้แต่เก็บไว้ในใจ พอมาเจอ Tiktok แล้วเราได้เป็นตัวเอง เรารู้สึกว่านี่คือพรสวรรค์นะ”
มด “เราแสดงออกได้หลากหลายคาแรกเตอร์ จะมีความเป็นทอม เหลือบ ๆ ไปทางหญิงแท้บ้าง ชายแท้บ้าง บางวันก็จะมีความเป็นกะเทยบ้าง หนูเป็นเด็กที่ชอบจำคาแรกเตอร์ แล้วมาคัฟเวอร์ต่อ แล้วมันตลกแล้วคนดูชอบ”

“เลิ่กลั่ก” กับเรื่องความรัก
แมท “ความรักก็แฮปปี้ดี เรากลับมามีความรักแบบผู้ใหญ่ เหมือนแฟนก็ทำบริษัทบัญชี เราก็ทำ Tiktok แล้วก็ซัพพอร์ตกันทุกอย่าง คบกันหลายปีแล้ว น้องก็มีคนซัพพอร์ตทางด้านร่างกาย หัวใจ แล้วก็เรื่องงานด้วยเหมือนกัน”
มด “มีวีรกรรมความรักก็คือ ตอนนั้นหนูขับรถมอเตอร์ไซค์ แล้วแฟนก็ซ้อนท้าย ซึ่งฝนตก แล้วฝนมันเข้าตาหนูจนมองไม่เห็น แล้วถนนมันลื่นทราย รถหนูก็ล้ม แล้วกระจกรถมันแตกเสียบเข้าที่ขาของหนู แต่แฟนหนูไม่เป็นไรเลย แล้วหนูก็บอกว่าขอโทรศัพท์หน่อยจะโทรหาแม่ ให้มารับไปโรงพยาบาล พอได้โทรศัพท์อยู่ ๆ แชทโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมา ชื่อที่เม็มไว้คือ อนาคตแฟน หนูก็งงว่านี่คือแชทเก่าของเราเหรอ ซึ่งไม่ใช่ เป็นอีกแชทนึง จากที่หนูเจ็บแผล หนูก็ร้องไห้ขึ้นมาเพราะเจ็บใจ ทำไมทำอย่างงี้ ทำไม่นอกใจ หลังจากนั้นหนูเลิกเลยค่ะ”
แมท “อย่างของผม แฟนคนนี้เคยคุยตั้งแต่ม.ปลายแล้ว พอขึ้นปี 1 กลับไปเจอเค้าอยู่กับมือที่สาม ตอนนั้นมันคือรักแรก ฝังใจมาก ๆ ก็เลยเลิกกันไปแบบไม่ดี แล้วก็ไปแช่งเค้า ขอให้คบกับใครแล้วเลิก จนสุดท้ายก็ห่างหายกันไป ผมไม่มีแฟน จน 7 ปีผ่านไป เค้าก็กลับมา เพราะเค้าบอกว่าเค้าคบกับใครเค้าก็เลิก จนกลับมาหาเรา ด้วยความที่เราก็แช่งไว้ไง ก็ไม่คิดว่าจะมาจบกับตัวเอง จากนั้นก็คบยาวเลย แฟนก็เลยสนิทกับน้องไปด้วย เพราะรู้จักตั้งแต่เด็ก ๆ”

คำขอบคุณจากสองพี่น้อง “เลิ่กลั่ก”
มด “เราผ่านทุกอย่างมาตั้งแต่เราไม่มีอะไร จนมาถึงวันที่เรามี คือเรายังมีแม่อยู่ข้างๆ จะเศร้าหรือสุข ก็ยังมีแม่อยู่ รักแม่ค่ะ จะขุนแม่ต่อไป”
แมท “อยากบอกแม่ว่าสบายแล้วนะ แม่ก็ไม่ต้องเครียดแล้ว ขอให้แม่รักษาสุขภาพแค่นั้นเลย แล้วเดี๋ยวเราจะดูแลไปเรื่อย ๆ”
แมท “ขอบคุณน้องมาก ๆ ครับ เพราะว่าจุดนี้เรามีเงินแล้ว เราได้ไปซัพพอร์ตเด็ก ๆ ส่งเด็ก ๆ เรียนหลายคน แล้วก็ให้ทุนการศึกษา มีการช่วยเหลือเด็กที่เป็นมะเร็ง กลายเป็นว่าเราก็มีโอกาสถึงวันนี้ แล้วก็สามารถที่จะให้โอกาสกับเด็กคนอื่น ๆ ด้วย ขอบคุณน้องมาก ๆ”
มด “ขอบคุณพี่เหมือนกันค่ะ ถ้าไม่มีพี่ก็ไม่มีหนูเหมือนกันนะ เพราะว่าหนูไม่รู้จะคิดคอนเทนต์อะไร ก็ยังมีพี่อยู่ เหมือนทำงานอยู่ด้วยกัน สู้ ๆ นะ รักพี่ค้าบ”

พบเรื่องราวชีวิตหลากสีสันใน Club Pride Day คลับที่เต็มไปด้วยแบ่งปันข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับแขกรับเชิญพิเศษ และสองดีเจสุดแซ่บ “พี่อ้อย” และ “ก็อตจิ” ได้ในทุกสัปดาห์
ติดตามชมรายการย้อนหลัง
