เปิดเรื่องราวชีวิต รับข้อคิดแรงบันดาลใจ จาก “มิกซ์ เฉลิมศรี” จากยูทูบเบอร์ในแก๊งหิ้วหวี สู่ศิลปินคิวทอง เจ้าของเพลง “ฟ้ารักพ่อ”

Club Pride Day Recap

เปิดเรื่องราวชีวิต รับข้อคิดแรงบันดาลใจ จาก “มิกซ์ เฉลิมศรี” จากยูทูบเบอร์ในแก๊งหิ้วหวี สู่ศิลปินคิวทอง เจ้าของเพลง “ฟ้ารักพ่อ”

01 มี.ค. 2024

"My sugar daddy หมดใจเลยที่ฟ้าให้พ่อ รักจริงไม่ได้หลอก แค่อยากจะขอให้พ่อช่วยฟ้าหน่อย เงินในบัญชีไม่พอใช้ พ่อโอนให้ฟ้าหน่อยได้ไหม และอยากได้รถคันใหม่นะคะ นะคะ นะ ฟ้ารักพ่อ"

 

 

รายการ CLUB PRIDE DAY คุยอย่าง Proud เมาท์อย่าง Pride ทอล์คกระทบไหล่ตัวแม่ เปิดไมค์ต้อนรับแขกรับเชิญสุดแซ่บ “มิกซ์ เฉลิมศรี” หรือ “Badmixy” จากบิวตี้บล็อกเกอร์สุดปัง สู่ยูทูบเบอร์ชื่อดังหนึ่งในสมาชิกแก๊งหิ้วหวี และในวันนี้เธอกำลังถูกพูดถึงในอีกหนึ่งบทบาท คือการเป็นศิลปินนักแต่งเพลง หลังจากมีผลงานเพลงสุดจึ้ง “ฟ้ารักพ่อ” เพลงฮิตติดชาร์ตยอดวิวสูงทะลุ 20 ล้านวิว ซึ่งกว่าจะมีวันนี้ เธอผ่านบททดสอบของชีวิตมากมาย และมีหลากหลายแรงบันดาลใจดี ๆ ที่ได้นำมาแชร์ไว้ในรายการด้วย

 

“เฉลิมศรี” & “Badmixy” ชื่อนี้ได้แต่ใดมา

“มันเริ่มจากที่หนูอยากจะสร้างตัวตนขึ้นมาบนโลกอินเตอร์เน็ต สมัยก่อนทุกคนก็มีฉายาของตัวเอง แล้วในแก๊งหิ้วหวีทุกคนมีฉายาอย่าง นิสา สะบัดแปรง หรือ เอแคลร์ จือปาก ซึ่งหนูอยู่ในแก๊งเพื่อนมานานมาก แต่ก็ใช้ชื่อแค่ มิกซ์ หิ้วหวี หลังจากนั้นพอหนูมาทำช่องของตัวเอง ก็เลยอยากมีชื่อที่คนจดจำ

ย้อนกลับไปด้วยชื่อจริงหนูชื่อ วันเฉลิม หนูกลัวว่าถ้าเป็น มิกซ์ วันเฉลิม มันจะเป็นชื่อที่ดูธรรมะไป แล้วตอนเรียน เพื่อนหนูเคยถามหนูว่า ถ้ามีชื่อผู้หญิงจะชื่ออะไร เพราะเวลาเล่นนางงามกันเพื่อน ทุกคนจะมีชื่อเหมือนพระตั้งให้ แต่เป็นชื่อที่คิดขึ้นมาเอง ซึ่งหนูคิดไม่ออก เลยบอกเพื่อนว่าลองตั้งให้หน่อย เพื่อนก็บอกว่า เฉลิมศรี

ส่วน Badmixy มาจากการที่หนูชอบ Rihanna ซึ่งก่อนหน้านั้น Instagram ของหนูโดนแฮ็ค ตอนนั้นหนูใช้ชื่อ มิกซี่บิ๊กเม้าท์ หลังจากโดนแฮ็คหนูก็คิดว่าชื่อต่อไปจะชื่ออะไรดี เพราะหนูไม่อยากเป็น มิกซ์ซี่บิ๊กเม้าท์เวอร์ 2 มันดูเป็นชื่อแอคเคาท์ปลอม ก็เลยใช้ชื่อ Badmixy ก็แล้วกัน”

 

 

ย้อนวัยใส ของ ด.ช.วันเฉลิม

“ตอนเด็กหนูไม่มีความสามารถด้านดนตรีเลย หนูเล่นเครื่องดนตรีไม่เป็นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว และไม่มีความสามารถเรื่องโน้ตเลย ซึ่งที่โรงเรียนก็จะมีสอนเป่าขลุ่ย หรือสอนอ่านโน้ต หนูทำไม่ได้เลย แต่หนูเป็นคนที่ชอบกิจกรรม แล้วก็ไม่ได้เป็นเด็กขี้อาย กล้าแสดงออกมาก หนูมั่นใจว่าหนูเป็นเบอร์ต้น ๆ ของห้อง สมมติว่าใครที่ไม่กล้าออกเสียง สามารถป้อนข้อมูลให้หนู แล้วหนูสามารถพูดแทนได้เลย

เชื่อว่ากะเทยทุกคน ความฝันตอนเด็กคืออยากเป็นดารา หนูเป็นหนึ่งในนั้น ชอบดูละคร ชอบแสดงละครกับเพื่อน ชอบนั่งต่อบทกัน เพราะตัวเองอยากเป็นดารา ส่วนการเรียนของหนูอยู่ในระดับปานกลาง แต่หนูเป็นคนชอบไปโรงเรียน ชอบอยู่กับเพื่อน หนูโดดเรียนน้อยมาก หนูเคยโดดเรียนเพื่อไปนอนเล่นกันบ้านเพื่อน แล้วหนูมีความรู้สึกว่าไม่เห็นสนุกเลย แต่พออยู่โรงเรียนได้เห็นรุ่นพี่ ได้พูดคุยแซวคนนั้นคนนี้มันสนุกกว่า หนูเลยชอบไปโรงเรียน”

 

มิกซ์ เฉลิมศรี กับภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงจากครอบครัว

“เรื่องการยอมรับ หนูมั่นใจเลยว่าพ่อยอมรับ 100% พ่อหนูเค้ายังไงก็ได้กับลูกทุกคนเลย เพราะว่าพ่อเค้าไม่ค่อยบังคับ แต่ถ้าแม่จะเป็นแบบคล้อยตามเพื่อน ถ้าสมมติว่าลูกไปทำกิจกรรมอะไรมาแล้วเป็นที่พูดถึง อย่างเต้นแรง เค้าก็จะมาชม พอวันต่อมามีคนมาบอกว่า ลูกตุ้งติ้งเหรอ แม่ก็จะเปลี่ยนไปเป็นอีกคนที่แบบวันหลังอย่ามาตุ้งติ้งนะฉันอายคนอื่นเค้า แต่หนูก็ไม่ได้แคร์อยู่แล้วเพราะพ่อรับได้ แล้วคนอื่นไม่สามารถทำอะไรหนูได้เพราะว่าหนูมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงมากจากครอบครัว ตอนเด็ก ๆ คนอื่นอาจจะมีปมเวลาเพื่อนล้อว่าเป็นกะเทย แต่หนูมีความรู้สึกว่ากะเทยแล้วมันยังไง หนูไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่หนูเป็นมันผิด เพราะว่าที่บ้านไม่ได้ตีหรือด่าหนู แล้วสิ่งที่หนูเป็นมันไม่ผิดหรือไม่ได้เดือดร้อน ต่อให้ครูเขียนในสมุดพกว่าลูกคุณมีพฤติกรรมตุ้งติ้ง หนูก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะว่าพ่อไม่ได้มาบังคับตัวหนู ว่าต้องเป็นแบบนั้นนะแบบนี้นะ

ในเรื่องเพื่อน หนูมีเพื่อนหมดเลยทั้งผู้ชาย ทั้งผู้หญิง ทั้งกะเทย เพราะหนูไม่เคยมีความรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยก และหนูเข้าได้กับทุกคน เวลาเพื่อนล้อ หนูก็ล้อกลับเลย เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันว่า วันหลังอย่ามาแหยมกับฉัน”

 

 

เมื่อต้องหาลู่ทางทำเงินตั้งแต่เด็ก

“หนูไม่เคยทราบเลยว่าครอบครัวลำบาก ตอนเด็กหนูกินแบบเต็มที่ จนมีช่วงประสบปัญหาที่แม่ชอบเล่นหวย ก็จะมีการยืมคนโน้นยืมคนนี้แล้วไม่บอกพ่อ แล้วมันประจวบเหมาะกับช่วงที่พ่อป่วยเข้าโรงพยาบาล มันก็เลยกลายเป็นว่าจากเด็กที่เคยมีเงินใช้ ก็กลายเป็นไม่ได้รวย หนูก็เลยคิดว่าเราจะช่วยตรงนี้ยังไงได้บ้าง

หนูก็เลยเริ่มจาก ยุคนั้นแถวบ้านเรามันยังไม่มีคนใส่บิ๊กอาย แต่หนูชอบเข้าเว็บที่เวลาคนมาเล่นก็จะมีการโพสต์รูปซึ่งต้องตาโตตาสวย หนูก็เลยไปซื้อโดยหาว่าที่ไหนถูกสุด แล้วก็รับมาขายที่โรงเรียนเลย หนูแอบขายไปเรื่อย ๆ จนถึงฤดูหนาวหนูก็ไปสำเพ็ง ไปเอาเสื้อกันหนาวมาขาย หนูจำได้เลยว่ารับมาตัวละ 20 บาท ซึ่งเป็นผ้าสำลี แต่มันต้องเอามาขายที่โรงเรียน แล้วหนูถือถุงมาใหญ่มาก คิดแค่ว่ามันต้องขายให้หมด พอครูรู้ครูก็บอกว่าห้ามเอาของมาขายที่โรงเรียน ซึ่งหนูก็เลยบอกครูว่า หนูจะไม่เอามาขายถ้ามันขายหมด ปรากฎว่าครูก็เลยช่วยกันซื้อ กับเพื่อนที่โรงเรียนช่วยกันซื้อ เพื่อที่จะไม่ให้หนูเอามาขายอีก

แล้วหนูอยากมากรุงเทพเพราะบิ๊กอาย ซึ่งหนูเป็นเด็กต่างจังหวัด เวลามาหาซื้อบิ๊กอายที่กรุงเทพ พี่ที่อยู่ข้างบ้านก็จะพาไปซื้อของ ไปเดินสะพานพุทธ หนูได้กินบุฟเฟต์ที่เป็นอาหารญี่ปุ่น จนหนูมีความรู้สึกว่าทำไมบ้านเราไม่มีอะไรแบบนี้ หนูก็เลยมากรุงเทพทุกอาทิตย์ แล้วคิดว่าตัวเองเหมาะกับการอยู่กรุงเทพ”

 

 

โมเมนต์นี้ ที่ทำให้รู้ว่าความลำบากเริ่มจะมาถึง

“ตอนนั้นคุณแม่ต้องไปเฝ้าคุณพ่อที่โรงพยาบาล คุณพ่อความดันสูง แล้วหน้ามืดไปเลย แล้วมีโมเมนต์ที่หนูอยู่กัน 3 พี่น้อง ซึ่งต้องบอกว่าพี่ชายของหนูเค้าทำงานแล้ว เค้าต้องตื่นเช้าไปทำงาน กลายเป็นว่าพอพ่อป่วยพี่ชายต้องตื่นเช้ามากกว่าเดิม ต้องทำกับข้าวให้หนูกินตอนเช้า แล้วไปส่งไปรับหนูที่โรงเรียน แล้วหนูจำได้เลยว่า วันนั้นหนูไปสอบ GAT/PAT พอหนูกลับมา พ่อกำทองยัดใส่มือหนู ซึ่งหนูดูละครเยอะ แล้วรู้สึกว่าการที่ยื่นอะไรให้สักอย่าง มันเหมือนเป็นการสั่งเสีย หนูกลัวว่ามันจะเป็นลางอะไรรึเปล่า ตอนนั้นหนูก็ใจหวิวแล้วเข้าถึงความคิดว่า ถ้าไม่มีพ่อขึ้นมามันคงลำบากน่าดู เพราะตอนนั้นหนูไม่รู้ว่าจะหาเงินยังไง แล้วเรายังเรียนไม่จบด้วย”

 

มิกซ์ เฉลิมศรี กับวิธีคิดที่ชอบคุยกับตัวเอง

“เวลาที่หนูอกหัก หรือเศร้า หนูไม่เคยฮึบไว้แล้วไปต่อเลยนะ หนูจะบิ้วท์ให้ตัวเองเศร้าให้มากที่สุด ร้องไห้ให้เต็มที่ ดูซีรี่ส์ให้มันร้องเพื่อให้ได้ระบายออกมา แล้วทุกเรื่องในชีวิต หนูพูดกับตัวเองหมด ทั้งเรื่องแฟน เรื่องงาน หรือเรื่องต่าง ๆ สมมติว่าพรุ่งนี้มีโปรเจกต์ที่จะต้องทำ หนูก็จะนั่งคุยกับตัวเอง หรือซ้อมไปเรื่อยเลย จะพูดแบบไหน ขนาดมุมหน้าหนูก็ซ้อม แล้วก็พูดกับตัวเองว่า พรุ่งนี้เราต้องทำให้เต็มที่นะเธอ หนูไม่เคยด่าตัวเองเลย แล้วหนูจะขอโทษตัวเองเวลาป่วย ขอโทษนะที่ใช้ชีวิตหนัก จนแฟนหนูเคยคิดว่าหนูเป็นบ้า ถามว่าที่รักคุยกับใครทำปากมุบมิบ หนูก็บอกว่าคุยกับตัวเอง”

 

ย้อนเส้นทาง ก่อนจะมาเป็นศิลปินคิวทอง

“หนูเคยทำสไตล์ลิสช่วงสั้นมากเลย เพราะหนูจบสายแฟชั่น จากนั้นก็มูฟตัวเองมาเป็นเน็ตไอดอล แล้วผันตัวสู่การเป็นยูทูบเบอร์ ซึ่งคลิปที่ทำให้คนรู้จักหนู คือคลิปใช้รองเท้าแตะแต่งหน้า เริ่มจากที่เมื่อก่อนมันจะมีบิวตี้บล็อกเกอร์ดังเยอะมาก แล้วส่วนมากจะทำคลิป 15 วินาทีหมดเลย หนูก็เลยลองใช้รองเท้าแตะมาแต่งหน้าบ้าง ซึ่งจริง ๆ มันแต่งไม่ได้ แต่มันก็อยู่ที่การตัดต่อ เพราะว่ายุคนั้นต้องทำยังไงก็ได้ให้คนว้าว แล้วคลิปมันต้องสั้นที่สุด เพื่อให้คนได้แชร์ แต่รองเท้าแตะหนูซื้อใหม่นะ คลิปนั้นมีคนดูประมาณ 2 ล้าน แล้วมีฝรั่งเอาไปคัฟเวอร์ต่อด้วย

จากนั้นหนูก็เข้าวงการบิวตี้บล็อกเกอร์ ขายแบบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสินค้ามันต้องโปรโมทอะไร เพราะว่ายุคนั้นมันเป็นครีมออนไลน์ แต่โจทย์ของเราคือเงิน ดังนั้นทำยังไงก็ได้ให้เราได้เงิน เราต้องทำให้ครีมมันน่าใช้ที่สุด ซึ่งหนูก็รีวิวไปเรื่อยเปื่อยตามที่ลูกค้าอยากได้

แล้วก่อนที่จะมาอยู่ในแก๊งหิ้วหวี หนูแอบกลัวว่าจะเข้ากับเพื่อนได้ไหม เพราะ นิสา เค้าทำอะไรเป็นแพทเทิล แต่หนูไม่เคย หนูเป็นเพื่อนกับทุกคนได้หมด แต่ นิสา เค้าจะเป็นเป็นคนที่ทุกอย่างเป็นแพทเทิล เพราะเค้าโตมากับการทำงาน แล้วพอมาทำรายการหิ้วหวี หนูให้ นิสา ตีลังกา ให้เล่น ให้รำ ซึ่งเค้าก็ทำ พอได้มาทำงาน มาอยู่ด้วยกัน มันเลยกลายเป็นความลงตัวของแก๊งเรา”

 

 

จุดเริ่มต้น บนเส้นทางศิลปิน

“ตอนที่หนูอยู่กับเพื่อนที่ต่างจังหวัด พวกหนูชอบแปลงเพลง ชอบแต่งกลอนให้กัน แต่งกลอนด่ากันใน Facebook ซึ่งหนูเลยคิดว่าทุกคนทำได้ ทุกคนทำเป็น หนูก็เลยไม่คิดว่านี่คือความสามารถด้วยซ้ำ

เพลงแรกของหนูคือ เพื่อนไม่ไหว มันมาเป็นเพลงแรกเพราะอยากมีเพลงเป็นของตัวเองตอนนั้นหนูเห็นยูทูบเบอร์คนอื่นมีเพลงหมดแล้ว เสียเงินไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ เราต้องทำอะไรก็ได้ให้มันดีกว่า ซึ่งเวลาแต่งเพลงหนูก็เริ่มจากเนื้อเพลงและเมโลดี้คู่กันไปเลย หนูก็ฮัมเพลง แล้วก็ส่งไปให้คนทำเพลงเลย

ซึ่งที่เพลงส่วนมากเป็นไวรัล อาจเพราะหนูใช้ภาษาตามยุคด้วย จะเป็นภาษาที่คนเค้าเล่นกันตามคอมเมนต์ ซึ่งภาษาที่หนูใช้บางคนอาจจะมองว่าสวย แต่สำหรับหนู หนูมองว่ามันเป็นภาษาคนที่ใช้สื่อสาร แล้วหนูชอบนั่งมอเตอร์ไซค์ หนูชอบให้ลมโต้ถึงจะนึกคำออก ถ้าอยู่ในห้องอึดอัด น้อยมากที่หนูจะนึกคำออก แล้วถ้าหนูนึกออกก็จะแบบบันทึกเสียงเก็บไว้ จนบางทีพี่ คนขับก็จะคิดว่าหนูแปลก ๆ หนูคุยกับใคร แต่หนูแค่อัดเสียงเก็บไว้ ขนาดแฟนหนูบอกว่าเราไปหาที่พักสบาย ๆ ไหมเผื่อที่รักเขียนเพลง หนูยังบอกว่าคิดไม่ออกหรอก

ช่วงหลัง ๆ เริ่มมีลูกค้าขอให้แต่งเพลงยอะมาก ซึ่งหนูจะเลือกทำให้ก็ต่อเมื่อถ้าชั่วโมงนั้นหนูคิดออกหนูรับ แต่ถ้าหนูคิดไม่ออกคือไม่รับ อย่างเช่นลูกค้าอยากให้ทำเพลงให้ขนม แล้วบรีฟว่าอยากได้เพลงแบบไหน เราก็จะวางสายหายไปชั่วโมงนึง แล้วก็ส่งให้ลูกค้าเลย ถ้าลูกค้าโอเค หนูถึงจะรับทำต่อ”

 

 

กว่าจะเป็น เลือดกรุ๊ปบี เพลงแจ้งเกิด “เอิ้ก ชาลิสา”

“ยายเอิ๊กเค้าเป็นคนชอบร้องเพลงมาก หนูก็เลยถามว่า เจ๊อยากมีเพลงไหมสนุก ๆ  เค้าก็บอกว่ายังไม่อยากสนุก อยากได้เพลงที่หวาน ๆ เศร้า ๆ อยากเป็น อิ้งค์ วรันธร อยากร้องเพลงที่ผู้ชายฟังแล้วรู้สึกว่าเราตัวเล็กน่ารัก คุยกันแค่นั้นเลย แล้วหนูก็บอกว่างั้นเอาเลือดกรุ๊ปบีมาแต่งต่อยอดไหม เพราะว่าใน Tiktok มันกำลังไวรัล เลยถามว่าเลือดกรุ๊ปบี อยากจะให้ตีความเป็นแบบไหน เอิ้ก ก็เลยบอกว่า ที่ไม่มีแฟนอาจจะเป็นเพราะเลือดกรุ๊ปบีรึเปล่า หนูเลยขยายความให้มันกว้างขึ้นโดยการโทษเบอร์ โทษราศี โทษทุกอย่างแต่ไม่โทษตัวเองเลย

ก่อนจะปล่อยเลือดกรุ๊ปบี หนูคิดว่าเพลงนี้แมส แต่ไม่คิดว่าดังขนาดนี้ หนูคิดว่าหลาย ๆ คนต้องชอบ เพราะว่าหนูตั้งใจให้มันแมสด้วยเมโลดี้ พอปล่อยเพลงออกมา กลายเป็นว่ายอดวิวสูงมาก แล้วคนก็เล่นใน Tiktok เยอะมาก เจอผู้ชายร้องตามผับ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า เพลงนี้ใครร้อง หรือว่าใครแต่ง จนได้ไปออกตามรายการสัมภาษณ์ เค้าถึงรู้ว่าเพลงนี้หนูเป็นคนแต่ง ซึ่งหนูแต่งชั่วโมงเดียว

หนูรู้สึกดีใจกับเอิ้ก ก่อนหน้านั้นเค้าเป็นคนขี้อายแล้วไม่ทำอะไรเลย เมื่อก่อนกว่าเค้าจะมาออกช่องหนู หนูต้องขอเอาเค้ามาออก จนหนูบังคับเค้าว่า เจ๊ทำช่องตัวเองเถอะ ตัวเองก็เป็นคนพูดสนุก ทำรายการตัวเองได้แล้ว พอเค้าทำรายการตัวเอง เราก็สบายใจแล้ว แต่กว่าจะลุกมาทำรายการตัวเอง กว่าจะอัดแต่ละอาทิตย์ กว่าจะปล่อยเพลงมันนานมาก แต่พอเค้าดังปุ๊บ เค้าจะได้รู้แล้วว่าต้องทำยังไงต่อกับชีวิต ซึ่งหนูก็ดีใจกับเอิ้ก”

 

ฟ้ารักพ่อ เพลงสุดไวรัล จาก มิกซ์ เฉลิมศรี

“หนูเป็นคนที่ชอบฟังเพลงดิสโก้ ก็เลยอยากลองทำเพลงเร็ว แล้วด้วยความที่หนูเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ปล่อยหนึ่งเพลงมันเฉยไป เราต้องปล่อยเป็นอัลบั้ม หนูก็ใช้เทคนิคของหนูไปเรื่อย ด้วยการปล่อยท่อนฮุคไปก่อน ปล่อยไปเรื่อย ๆ ทำให้คนอยากฟังเพลงเรา

หนูปล่อยเพลง ฟ้ารักพ่อตอนตี 2 เพราะคนตัด MV หนูยังไม่เสร็จ แต่พอหลังเที่ยงคืน แฟนคลับทักมาเยอะมากว่าเมื่อไหร่จะปล่อยเพลง แล้วหนูรำคาญมาก เลยโทรบอกคนตัดว่าเอามาปล่อยเลย แล้วไฟล์ที่มาปล่อยลง Youtube ไม่ได้เป็นมาสเตอร์ด้วย ฟังกันไปอย่างงั้น แล้วคนก็ชอบ

แรงบันดาลใจให้หนูแต่งเพลงฟ้ารักพ่อ เริ่มจากหนูไปนั่งกินข้าวกับเพื่อน ในร้านเปิดเพลงลูกทุ่ง แล้วเพื่อนหนูชอบฟังเพลงลูกทุ่ง หนูก็บอกเพื่อนว่า เพลงแม่ผึ้งสมัยก่อนมันเลิศ ดนตรีจังหวะสนุก แล้วเรื่องราวไม่เห็นเกี่ยวกับความรัก แต่ดังทุกเพลงเลย หนูก็เลยมีไอเดียว่า ฉันจะแต่งฟ้ารักพ่อ หนูพูดแค่นั้น แต่มันยังไม่มีไอเดียเลยว่า ฟ้ารักพ่อ มันจะไปในรูปแบบไหน ซึ่งเพลงที่เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงฟ้ารักพ่อ ก็คือเพลงเงินน่ะมีไหม ของแม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์

ฟ้ารักพ่อ หนูจำได้ว่าตัวเองแต่งไว้นานมาก จนหนูก็ไปอัดเพลง น้องเบน วง LUSS บอกว่าไปอัดไว้ก่อนเผื่อหนูได้ยินดนตรีจะได้รู้ว่าอยากใส่อะไรเข้าไปในเพลง แล้วหนูก็ร้องว่า It's me yyy ป๋าสั่งอะไรหรือยัง หนูก็ร้องขึ้นมาแบบนี้ แล้ว พัมกิ้น น้องที่ไปด้วยก็ชอบ เลยให้หนูลองโทรไปชวนพี่ยุ้ย ญาติเยอะ มาฟีทเจอริ่ง หนูก็โทรเลย ซึ่งพี่ยุ้ยก็ตกลง เพราะหนูรู้สึกว่า พี่ยุ้ย เป็นอีกคนที่ชอบร้องเพลงเกี่ยวกับป๋า เกี่ยวกับเสี่ย แล้วหนูอยากให้เพลงนี้เป็นเพลงที่นักร้องกลางคืนได้เอาไปร้อง เพื่อเล่นกับลูกค้า หนูว่ามันน่ารัก”

 

 

“ถ้าไม่มีฉัน” อยากจะรู้จริง ๆ ว่าเธอจะอยู่ได้หรือเปล่า

“เพลง ถ้าไม่มีฉัน มันเริ่มจากหนูป่วยเป็นโรคตับอักเสบแบบเฉียบพลัน เพราะว่าหนูเป็นไวรัสตับอักเสบบีมาก่อน แล้วเป็นช่วงที่หนูภูมิตกก็เลยต้องไปนอนโรงพยาบาล แล้วคุณหมอบอกว่าคนไข้มีสิทธิ์ไตวาย ที่อยู่ ๆ ก็หลับไปเลยได้ พอแฟนหนูรู้เค้าก็โทรไปบอกเพื่อน ๆ หนู แล้วทุกคนมาเยี่ยมหนูเต็มห้อง เค้าก็มาคุยมาเล่น แล้วมันคือช่วงเวลาที่หนูมีความสุขมาก แล้วแอบคิดในใจว่าถ้าสมมติเมื่อกี๊เราตาย เราคงเห็นแก่ตัวมาก เพราะเรามีความสุขแล้วหลับไปเลย แต่ถ้าสมมติว่าเราไม่อยู่แล้ว สงสารเพื่อนนะ มันคงเศร้ากันน่าดู ก็เลยมาเป็นเพลง ถ้าไม่มีฉัน

ส่วนไอเดียการทำ MV เพลงถ้าไม่มีฉัน คือหนูอยากทำ MV เดียว เพราะเปลืองเงิน แล้วก็เกิดไอเดียวว่า ถ้าเอาคนมานั่งรถน่าจะง่าย เล่าว่าชีวิตคนเรานั่งรถมาด้วยกัน ระหว่างทางก็ต้องมีคนลงรถก่อน หนูอยากเล่าแค่นี้ แล้วก็ปรึกษาน้องผู้กำกับ น้องบอกว่าไม่ได้พี่พูดมาเยอะมาก ในทางของผู้กำกับ แล้วก็ลองคิดต่อว่าถ้าเป็นคนจริงมาเล่น คนดูจะต้องรู้สตอรี่ของแต่ละคนอยู่แล้ว อย่าง พี่มิวกี้ กับ พี่แดน ก่อนถ่ายทำหนูแค่บิ้วท์บอกว่า ลองคิดว่าไปเที่ยวด้วยกัน แล้วระหว่างทางจะมีคนหนึ่งลงรถ แล้วพอถ่ายทำเค้าก็ร้องไห้กันเอง หนูซึ่งนั่งอยู่หน้ามอนิเตอร์ หนูก็ร้องไห้ทั้งวัน เราอินกับเรื่องราวของคนที่มาเล่น MV มาก”

 

เปิดหัวใจ ส่องความรัก ของ มิกซ์ เฉลิมศรี

“ความรักกับแฟนคนปัจจุบันดีนะคะ เค้าก็น่าจะชินกับชีวิตหนูแล้ว เพราะหนูเป็นคนแบบไปไหนไปเลย โดยไม่บอก แล้วค่อยมาบอกอีกทีตอนถึงแล้ว เราคบกันมา 3 ปีแล้วค่ะ เริ่มต้นความสัมพันธ์แบบนัดเจอเลย แต่มันเป็นช่วงที่หนูไม่อยากมีแฟนแล้ว คิดว่าตัวเองเหมาะกับการอยู่คนเดียว เพราะไปไหนก็ไม่ต้องพึ่งพาใคร จนหนูมาเจอคนนี้

เพลง Next love คือเพลงที่หนูแต่งให้แฟนปัจจุบัน คือต้องบอกว่าหนูมีความสัมพันธ์แบบว่านัดเจอกัน แล้วหนูก็ไม่ได้เจอ แต่เค้าชอบโทรหาหนูบ่อยมาก แต่หนูก็บอกเค้าว่าช่วงนี้ไม่อยากมีแฟน ซึ่งเค้าก็บอกว่าไม่อยากมีเหมือนกัน แต่แค่อยากโทรคุยด้วย เห็นว่าเธอน่ารัก หนูก็คุยรับบ้างไม่รับบ้างตามสไตล์ จนเค้าก็มาหา อยู่ดี ๆ เค้าก็สารภาพมาว่า เค้ามีแฟนนะ แต่ก็เหมือนไม่มีเพราะเค้าไม่ได้อยู่กับแฟน แล้วเป็นช่วงที่เค้ารู้สึกว่าแฟนไม่รักเค้าเหมือนเดิมแล้ว หนูก็เลยบอกว่าถ้าจะทำให้ถูกต้องควรไปบอกเลิกกับแฟน เธอไปเคลียร์ตัวเอง เค้าก็หายไปแล้วเค้าก็กลับมาบอกว่าเค้าเลิกแล้ว แล้วเค้าก็มาอยู่แบบนี้กับหนูไปเรื่อย ๆ  อยู่ดี ๆ เค้าก็บอกว่า ถ้าอยากขอเป็นแฟนต้องทำยังไง หนูก็เลยรับปากส่ง ๆ ว่า ถ้าอยู่ถึงปีก็เป็นแฟน ซึ่งไม่มีการขอเป็นแฟนใดใด แล้วตอนที่หนูป่วยเค้าก็มานอนเฝ้า ตอนนั้นเค้าเป็นวิศวกรสายก่อสร้าง หนูก็จะเหมือนเดิมที่จะบอกว่าไม่ต้องมา ไปทำงาน หนูอยู่ได้ แต่เค้าก็จะมาเฝ้า จน ณ วันนี้เค้าก็ยังอยู่ในชีวิต แล้วก็แฮปปี้ดีค่ะ”

 

แรงบันดาลใจจาก มิกซ์ เฉลิมศรี

“หนูอยากบอกน้อง ๆ ทุกคน ที่อยากจะทำอะไรก็ตาม แค่มองเห็นว่าสิ่งที่เราทำมันเป็นผลดีกับตัวเราแค่นั้นพอเลย แล้วก็ลงมือทำเลย เดี๋ยวทุก ๆ ก้าวที่เราลงมือทำ มันจะพาเราเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ เอง”มิกซ์ เฉลิมศรี

 

 

พบเรื่องราวชีวิตหลากสีสันใน Club Pride Day  คลับที่เต็มไปด้วยแบ่งปันข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับแขกรับเชิญพิเศษ และสองดีเจสุดแซ่บ “ดีเจพี่อ้อย” และ “ดีเจก็อตจิ”  ได้ในทุกสัปดาห์

 

ติดตามรายการย้อนหลัง

album

0
0.8
1