เปิดสีสันชีวิต รับข้อคิดแรงบันดาลใจ จาก “ปุ้ย ปิยาภรณ์” และ “แอนโทเนีย โพซิ้ว” สองสาวนักสู้ ผู้พิชิตภารกิจความงามระดับจักรวาล

Club Pride Day Recap

เปิดสีสันชีวิต รับข้อคิดแรงบันดาลใจ จาก “ปุ้ย ปิยาภรณ์” และ “แอนโทเนีย โพซิ้ว” สองสาวนักสู้ ผู้พิชิตภารกิจความงามระดับจักรวาล

16 ก.พ. 2024

Hello Universe!...เปิด Club รวมสีสันของชีวิต พร้อมแบ่งปันข้อคิดแรงบันดาลในในทุก ๆ สัปดาห์ สำหรับ Club Pride Day คุยอย่าง Proud เมาท์อย่าง Pride ทอล์คกระทบไหล่ตัวแม่ กับสองดีเจสุดแซ่บ “ดีเจพี่อ้อย” และ “ดีเจก็อตจิ” ที่ได้เปิดไมค์ต้อนรับสองแขกรับเชิญสุดสวย “ปุ้ย ปิยาภรณ์” และ “แอนโทเนีย โพซิ้ว” รองอันดับ 1 Miss Universe 2023 พร้อมกับ ผู้ที่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จ เป็นแรงซัพพอร์ทของการพิชิตภารกิจแห่งจักรวาล กว่าจะมาถึงวันนี้ ทั้งคู่เคยผ่านหลายดราม่า ฟันฝ่าหลายอุปสรรค และพร้อมแชร์เรื่องราวเหล่านี้ในรายการไว้ด้วย

 

 

จุดเริ่มต้นความฝันการเป็นนางงาม

แอนโทเนีย “ตอนเป็นเด็ก แอนไม่ได้คิดถึงเรื่องนางงามเลย เพราะแอนคิดว่าความงามไม่ได้เป็นเรื่องที่สำคัญ มันเป็นแค่ความงามภายนอก แล้วคุณพ่อกับคุณแม่สอนแอนมาเสมอว่า ทุกอย่างที่แอนจะทำในชีวิต ขอให้มีความสุข แอนก็เลยทำทุกอย่างด้วยความสุข ทั้ง ทำกิจกรรม เล่นกีฬา หรือแม้กระทั่งเรียนหนังสือ จากนั้นปี 2015 เป็นปีแรกที่แอนได้มาติดตาม Miss Universe แอนได้ดูรอบชุดว่ายน้ำ แล้วก็บอกกับตัวเองว่า อยากรู้จังเลยความรู้สึกของคนที่จะได้เป็นผู้หญิงบนเวทีนี้ ได้อย่างมั่นใจในตัวเอง มีความสามารถที่จะโชว์ให้โลกดู ความรู้สึกของพวกเค้าจะเป็นอย่างไร แต่ ณ เวลานั้น แอนไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นผู้หญิงคนนั้น ที่เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้

ในการประกวดเวทีแรก Miss Supranational Thailand 2019 เริ่มจากที่เพื่อนของแอนมาถามว่าอยากลองลงประกวดไหม แล้วแอนเป็นคนที่ชอบอะไรใหม่ ๆ ก็เลยตอบตกลง แล้วก็ลองทำ สุดท้ายแอนกลายเป็นคนที่ชนะ ซึ่งหลังจากนั้นก็มีโควิดเลย ณ ตอนนั้น ในมุมมองของแอน นางงามคือผู้หญิงที่ต้องเป็นกระบอกเสียงสำหรับประชาชน เป็นพลังสำหรับคนที่ต้องการความช่วยเหลือ ตอนที่ทีม Miss Supranational Thailand ถามว่าแอนมาประกวดทำไม แอนก็บอกว่าแอนมาประกวดเพราะว่าอยากมาช่วยเหลือคน ด้วยความที่แอนได้ทำโครงการของแอนมานานแล้ว แอนก็อยากสานต่อตรงนี้ ซึ่งทีมก็หัวเราะ แล้วก็ถามว่า อยากให้พูดจริง ๆ ว่ามาทำไม แล้วแอนก็บอกว่า ทุกอย่างที่แอนพูดมาคือความจริง ความสวยงามที่อยู่ภายนอกมันเป็นอะไรที่เราปรับได้ และเปลี่ยนได้ แต่ว่าทัศนคคติของเรา ความรักในสิ่งที่เราทำ มันไม่สามารถตื่นขึ้นมาแล้วเปลี่ยนได้เลย แอนมองว่าการที่เราเป็นนางงาม เรามีแพลตฟอร์มที่ยิ่งใหญ่ ที่มีผลกระทบต่อผู้คนเยอะ ซึ่งในช่วงเวลาที่แอนได้เป็น Miss Supranational ได้ทำการกุศล การช่วยเหลือคนอื่น แอนเห็นว่ามันมีประโยชน์เยอะมาก แต่ว่าแอนทำด้วยตัวเองคนเดียวไม่ได้ แอนต้องสร้างแรงบันดาลใจให้คนรอบข้าง เริ่มจากก้าวเล็กน้อย เพื่อที่จะสร้างอะไรที่ยิ่งใหญ่สำหรับสังคม แล้วแอนเห็นว่า Miss Universe Thailand เป็นแพลตฟอร์มที่ Impact มาก ๆ และแอนอยากมาสานต่อในเรื่องของการกุศลที่แอนทำ ก็เลยมาลงสมัครและลงประกวดอีกครั้ง”

 

 

ปุ้ย ปิยาภรณ์ กับก้าวแรกในการจัดการประกวด Miss Universe Thailand

ปุ้ย ปิยาภรณ์ “ย้อนกลับไปปี 2018 ตอนนั้นเราไม่รู้เรื่องนางงามเลย เคยแค่ดูตามทีวี เราก็เชียร์ของเราไป จากนั้นมีวันนึงเพื่อนก็ทักมาบอกว่า มาช่วยกันทำหน่อย เพราะตอนนั้นลิขสิทธิ์ของประเทศไทยที่จะเป็นเจ้าภาพ Miss Universe เหมือนกับจะถูกยุติ ตอนนั้นผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่าน ก็คิดว่าจะเอายังไงดี เพราะรัฐบาลก็แถลงข่าวไปทั่วโลกแล้ว ก็เลยชวนกันมาทำ ซึ่งเราไม่เคยทำแต่ก็คิดในใจว่า มันก็คงเหมือนธุรกิจหนึ่งที่เราต้องใส่ใจกับมัน แล้วก็ตั้งใจทำ ณ ตอนนั้นเราทำการบ้านหนักมาก เพราะมีเวลาแค่ 2 เดือนเพื่อประชุมกัน แล้วก็หาเงินจากสปอนเซอร์มาได้ประมาณ 90 ล้าน แต่ที่จะต้องใช้จริง ๆ คือ 200 กว่าล้าน กลายเป็นว่าเราขาดทุน แต่เราก็ให้กำลังใจตัวเอง มองว่าเราขาดทุนวันนี้ แต่สิ่งที่มันจะเกิดขึ้นในอนาคต มันคือกำไร เช่น ความรู้ หรือว่าสิ่งที่เราได้ก้าวเข้ามาในวงการนี้ ได้มาทำต่อในวงการนี้อีกมากมายหลายแขนง มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดี ที่เราถือว่าเป็นกำไรชีวิตเรา

ตอนนั้นเราประชุมกับทางฝั่งอเมริกาทุกวัน คุณพอลลา ชูการ์ต บอกว่า ทำเวทีเป็นตัวเอ็กซ์ได้ไหม ทีมงานเราก็เลยต้องจัดหาเจ้าใหญ่ ๆ ทั้งหลายมาทำทั้ง แสง สี เสียง ไฟ ทุกอย่างต้องมาประชุมกันเลยว่าต้องมีรูปแบบยังไงบ้าง แล้วเราก็คิดว่าการประกวดนางงามมันมีอะไรสนุก ๆ เยอะ แล้วถ้าเอาความเป็นไทยใส่เข้าไป ตอน Opening ด้วยเสียงกลองสะบัดชัย ที่มาพร้อมกับร้องแร็พ มันเข้ากันที่สุด แล้วก็ได้เห็นภาพเจดีย์ มีภาพโคมลอย มันคือความเป็นไทยที่สนุก หลังจากจบการประกวด วันรุ่งขึ้นสำนักข่าวต่าง ๆ อย่าง ซีเอ็นเอ็นก็ขึ้นให้เราเลยว่า เราเป็น The Best ที่เคยจัดการประกวด Miss Universe มาทั้งหมด แล้วทาง ททท.ก็แจ้งเรามาว่าสถิติคนเข้าประเทศไทยในช่วงนั้นเยอะมาก เรียกว่าประสบความสำเร็จมาก

เรื่องราวที่เป็นความภูมิใจอีกอันหนึ่ง คือ กินเนสส์บุ๊กติดต่อผ่านกระทรวงวัฒนธรรมมาว่า ขอขึ้นเร็คคอร์ดตอนนั้นว่า อาหารหวานที่ถูกกล่าวขวัญมากที่สุดในโลก ก็คือ ข้าวเหนียวมะม่วง เพราะ ตอนนั้นดุสิตธานีจัดของหวานเป็นข้าวเหนียวมะม่วงทุกวัน แล้วนางงามก็รับประทานกันจน ลืมตัวไปเลย แล้วก็โพสต์รูปคู่กับข้าวเหนียวมะม่วง มีแฮชแท็กขึ้นมา ข้าวเหนียวมะม่วงเลยกลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกเลย

ตั้งแต่จัดการประกวด Miss Universe Thailand มา เรื่องดราม่ามีแน่นอน แต่ทุกคนต้องคิดไว้เลยว่า โลกนี้มีสองอย่างคือ คนรักกับคนเกลียด สมมติว่าวันนี้นางงามคนที่คุณเชียร์ได้ตำแหน่ง คุณก็จะรักแม่ปุ้ยมากเลย แต่ถ้านางงามที่คุณเชียร์พลาด สิ่งที่ตามมาคือ หาว่าเราล็อคมงบ้าง ดีลมงกับคนนั้นคนนี้บ้าง แต่ขอให้มองว่า นี่เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต เราอย่าไปเอาพลังลบเข้าตัวเรา ตราบใดที่เราตื่นมายังมีข้าวกิน มีบ้านอยู่ ลูกได้การศึกษาที่ดี ชีวิตสุขภาพแข็งแรง แค่นี้ก็โอเคแล้ว จากนั้นก็โฟกัสต่อไปว่า การประกวดครั้งหน้าจะทำอะไรอีกแค่นี้พอ”

 

 

เมื่อแม่ปุ้ย ได้เจอกับ แอนโทเนีย ครั้งแรก

ปุ้ย ปิยาภรณ์ “เคยเจอกันเมื่อนานแล้ว ตอนนั้นเราไปเป็นกรรมการของผู้บกพร่องทางการได้ยิน แล้วเราก็เห็นเด็กคนนี้มีสัมมาคารวะดี เป็นคนนิ่ง ๆ ดูเป็นนางพญาอยู่แล้ว จนได้มาเจอ แอนโทเนีย ในกองประกวด ก็ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ว่า เธอทำโครงการมานานหรือยัง เค้าก็บอกว่า ทำมา 11 ปีแล้ว ซึ่งเค้าก็ตอบได้จริง ได้รู้ว่าจุดประสงค์ของการทำโครงการคืออะไร หลังจากนั้นเราก็ส่งคนไปสืบเลย เพราะเรามองว่า คนที่จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนคนไทย มันต้องทำขับเคลื่อนทุกอย่างให้เกิดความดีงามขึ้นในสังคม ซึ่งเราก็ชื่นชมเค้ามากเพราะว่าไปสืบแล้ว ทุกหน่วยงานตอบตรงกันว่าทำมานานแล้ว และทำจริง สิ่งนี้กลายเป็นจุดที่เราประทับใจในตัวของ แอนโทเนีย ตั้งแต่นั้นมา”

 

 

ยุคที่เปลี่ยนไป กับมุมมองความงามที่เปลี่ยนตาม

ปุ้ย ปิยาภรณ์ “เมื่อก่อนคนเป็นนางงาม ก็ต้องจิตใจดีอยู่แล้ว แล้วการเป็นนางงามที่สวย ก็ต้องสวยจริง ๆ แต่สมัยนี้โลกมันเปลี่ยนไป ความสวยมันไม่ใช่ตามแบบพิมพ์นิยมแบบสมัยก่อน มันสวยได้หลากหลายในแบบฉบับของแต่ละคน แต่ว่าภารกิจของการเป็นนางงามมันมากกว่านั้น คือคุณจะต้องเป็น Global Citizen และจะต้องทำสิ่งที่เกิดประโยชน์ให้กับคนอื่น แล้ว แอนโทเนีย ทำงานงานเยอะมาก ทั้งได้เงิน และไม่ได้เงิน อย่างเช่นบางงานที่เกี่ยวกับการศึกษา หรือเกี่ยวกับสาธารณกุศล ไม่ต้องจ้างสักบาทก็ได้ แต่ขอให้มันเกิดประโยชน์เพื่อสิ่งนั้นจริง ๆ เพราะเราก็อยากจะใช้เสียงตรงนี้ ไปช่วยเหลือซัพพอร์ท แล้ว แอนโทเนีย ก็ทำให้ผู้หญิงได้เห็นความสำคัญของการมี Financial Freedom ที่ต้องลุกขึ้นมาสร้างรายได้ให้ตัวเอง เพื่อความสุขของตัวเอง เป็นผู้หญิงมันต้องเข้มแข็ง ต้องลุกขึ้นมายืนได้ด้วยตัวเอง ต้องมีอิสระทางการเงิน”

 

แอนโทเนีย “ก่อนที่แอนจะมาเป็นนางงาม แอนมีแพลนว่าจะเปิด Advertising Agency ของตัวเองเพื่อที่จะมานำเสนอมุมมองของความสวยความงามในสังคม เพราะแอนเห็นว่าในสังคมของไทยเรายังไม่ก้าวไปข้างหน้า ในเรื่องของ Real Size Beauty แล้วก็การยอมรับในตัวตน ของหลาย ๆ คน หลาย ๆ รูปแบบ แอนพยายามพูดกับทุกคนเสมอว่า Be the change you want to see in the world แล้วแอนเห็นว่าในเมื่อมันไม่เกิดขึ้น แล้วทำไมแอนไม่ทำเอง ก็เลยตัดสินใจไปเรียน Advertising & PR ที่มหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ด เพื่อที่จะมาสร้าง Advertising Agency ให้ตัวเอง แต่พอต้องมาเข้าวงการนางงาม แอนก็เลยนำความรู้มาปรับใช้ แอนเชื่อว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันต้องเกิดขึ้นกับตัวเราเองก่อน หลายคนอาจจะบอกว่า ชีวิตนี้แค่ได้สามีรวยก็พอแล้ว จริง ๆ แล้ว แอนไม่ชอบประโยคนี้เลย เพราะว่ามันเป็น The easy way out ทำไมเราต้องอาศัยผู้ชายเพื่อที่จะมาทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น  ทำไมเราไม่เป็นผู้หญิงที่สร้างรายได้ให้ตัวเอง เพื่อที่จะมาสร้างความสุขให้ตัวเอง ทำไมเราต้องให้ผู้ชายมาทำให้เรา ในเมื่อเราอยู่ในยุคของ Strong independent woman เราควรที่จะทำให้ตัวเองเพื่อตัวเอง แล้วก็เป็นตัวอย่างให้คนรอบข้าง แล้วก็ให้คนรุ่นต่อไปเห็นว่า Everything happens if you make it happen”

 

 

ภารกิจพิชิตมง 3 กับกลยุทธ์ที่ถูกวางไว้อย่างดี

ปุ้ย ปิยาภรณ์ “คือเราอยากให้คนเข้าถึงนางงามได้ เพราะเมื่อก่อนเราชินกับภาพนางงามที่ต้องเป็นนางงาม 24 ชั่วโมง ซึ่งในความเป็นจริงมันไม่มี แล้วเวลาเดินทางเราจะต้องต่อเครื่องแต่เช้าตรู่ ต้องวิ่งไกลมาก เราก็บอก แอนโทเนีย ว่าไม่ต้องแต่งหน้าหรอก ซึ่งตอนแรกเราก็ไม่รู้เลยว่าจะมีคนมารอรับ แต่พอถึงก็เห็นว่าทำไมกล้องตั้งเต็มไปหมดเลย เราก็หันกลับไปบอกให้แอนโทเนียเข้ามุมไปทาลิปสติก หลังจากนั้นก็มีดราม่าเลยว่าทำไมไม่แต่งหน้า แต่วันนั้น ทุกคนที่เอลซัลวาดอร์ชมแอนว่า ทำไมดูเด็ก ผิวดีจัง แล้วเค้าก็ชมกันใหญ่เลย แต่พอมาอ่านคอมเมนต์ของคนไทย กลับโดนแซะว่าทำไมไม่แต่งหน้าไม่เตรียมพร้อมเลย”

 

แอนโทเนีย “จริง ๆ แล้วนางงามทุกคนที่แอนได้คุยด้วยในวันเข้ากอง ทุกคนบอกว่า เราชอบเธอมากเลยที่มาแบบไม่แต่งหน้า เพราะว่ามันโชว์ความเรียลของการเป็นนางงาม ที่เราไม่ต้องจัดเต็มตลอดเวลา และความเป็นนางงามของเรามันมาจากใจเราจริง ๆ”

 

ปุ้ย ปิยาภรณ์ “มันเป็นกลยุทธ์ที่วางมาหมดแล้วว่าเราจะไปถึงก่อน เพราะเราคิดว่าท่านประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์จ่ายเงินตั้งหลายร้อยล้านเพื่อจะโปรโมทประเทศของเค้า ก่อนเดินทางเราก็ทำการบ้านตั้งแต่อยู่เมืองไทย ว่าอาหารประจำชาติที่นั่นคือ Pupusa ซึ่ง แอนโทเนีย ก็ฝึกทำตั้งแต่อยู่ที่บ้าน แล้วพอไปถึงเอลซัลวาดอร์ ก็มีร้านที่นั่นชวนไปเราก็ไปทันทีเลย แอนโทเนีย ก็ถ่ายคลิปทำอาหารประจำชาติเอลซัลวาดอร์ แล้วคลิปเหล่านั้นทำให้ประธานาธิบดี และคนในเอลซัลวาดอร์รักแอนโทเนียมาก หลังจากนั้นเราก็ไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวของเค้า แล้วเราเอากล้องไปด้วย ตัดต่อทำคลิปออกมาสวยมาก ซึ่งทางเจ้าภาพเค้าพอใจมาก”

 

 

ความรู้สึกของการจับมือลุ้นมง Miss Universe ในรอบ 35 ปี

แอนโทเนีย “ณ เวลานั้นเหมือนความรู้สึกหลายอย่างเกิดขึ้นในหัวพร้อมกัน และเรารอให้เค้าประกาศชื่อประเทศไทยของเรา เพราะว่าความตั้งใจของเราคือมาเพื่อที่จะชนะอยู่แล้ว แอนรู้ว่าทุกคนกรี๊ดอยู่ แต่ว่าเราไม่ได้ยินอะไรเลย เราแค่รอให้เค้าประกาศว่าไทยแลนด์ แล้วเค้าก็ไม่ได้ประกาศชื่อไทยแลนด์ก็ไม่เป็นไร ในเวลานั้นมันก็รู้สึกอกหักนิดนึง แต่เรารู้ว่าเราทำดีที่สุดแล้ว แล้วถ้าแอนไม่ได้ชนะวันนี้ มันอาจจะไม่ได้เป็นเส้นทางของเราก็ได้ มันอาจจะเป็นการเรียนรู้ที่เราต้องปรับตัวเอง แล้วก็เห็นอะไรที่กว้างกว่าเดิม ซึ่งไม่ได้เป็นจุดสิ้นสุดของเรา เรายังมีโอกาสทำอะไรอีกหลายอย่างที่จะเกิดประโยชน์ต่อคนรอบข้าง”

 

ปุ้ย ปิยาภรณ์ “ตอนที่เรานั่งเชียร์กัน พอแอนถูกประกาศเข้ารอบ 5 คน เราใจฟูและมีความสุขมากเลยเพราะว่ากว่า 35 ปีที่เราไม่เห็นภาพนี้เลย ยิ่ง แอนโทเนีย ถูกเลือกไปจับมือ ตอนนั้นภาพ พี่ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก โผล่ขึ้นมาเลย แล้วใจเรามันนึกถึงคนไทยทั้งประเทศเลย นึกถึงคนที่ชมอยู่ในโรงภาพยนตร์ ชมผ่านมือถือ วันนั้นเป็นวาระแห่งชาติจริง ๆ เราคิดว่าเราทำสำเร็จแล้ว อย่างน้อยเราได้นำพาชื่อเสียงของประเทศไทย พาธงไทยไปโบกสะบัด พอประกาศคนที่ได้ตำแหน่ง Miss Universe ทุกคนก็เดินมากอดเรา แล้วบอกว่า Almost there คำนี้คือมันที่สุดแล้ว และก็ต้องเคารพกติกาสำหรับผู้ที่เค้าชนะ เราต้องรีบแสดงความยินดีกับเค้า”

 

 

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตล้วนมีเหตุผล และเราต้องเดินต่อ

ปุ้ย ปิยาภรณ์ “ต้องบอกว่า แอนโทเนีย เก่งมาก เพราะหลังจากประกวดเสร็จวันรุ่งขึ้น แอนต้องบินไปปฏิบัติภาระกิจที่เม็กซิโก ซึ่งเค้าก็ร้องไห้ทำใจอยู่ในห้องแค่แป๊บเดียวเท่านั้น แล้ว แอนก็สตรองพร้อมที่จะเก็บของเพราะวันรุ่งขึ้นต้องออกเดินทาง แล้วก็ไม่มีอิดออดเลย นี่คือสปิริตที่ดีมาก”

แอนโทเนีย “แอนเห็นว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเรามันเกิดขึ้นด้วยเหตุผล แล้วมันจะสร้างโอกาสให้เราทำอะไรต่อไปอีก แล้วถ้าเรามัวแต่นั่งอยู่กับตัวเอง แล้วก็บอกว่าทำไมมันไม่เกิดขึ้นแบบนี้ ทำไมมันไม่ไปแบบนั้น เราเสียเวลาสำหรับตัวเองที่จะสร้างความสุขให้ตัวเอง แล้วเราจะไม่มองในมุมมองที่บวก จนไม่มีความรู้สึกอยากจะทำอะไรต่อ ซึ่งแอนเสียใจและมีสิทธิ์ที่จะเสียใจ เพราะว่าเราทำทุกอย่างที่เราจะทำได้แล้ว เราเหนื่อยมามาก ในเวลานั้นแอนก็ร้องไห้แบบร้องทุกอย่างออกมาเลย แล้วก็บอกตัวเองว่า พอแล้ว ไปต่อได้แล้ว”

ปุ้ย ปิยาภรณ์ “แอนซ้อมหนักมาก แล้วตอนที่ต้องตอบคำถาม เราไม่รู้ว่าคำถามจะเป็นอะไร แต่คุณต้องมีเรื่อง Global Issues ในสมองเยอะที่สุด แต่ด้วยความที่แอนเป็นคนชอบอ่านหนังสือ เป็นคนชอบเรียนรู้ ความรู้รอบตัวดี อันนี้มันก็ช่วยได้เยอะ กับการซ้อม ไม่ว่าอะไรที่มันเป็นจุดอ่อนของเค้า แอนก็พยายามซ้อม อาจจะมีบางวันที่ท้อ แต่เค้าก็ดีดตัวขึ้นมาอีกได้ มันต้องทำทุกอย่าง ออกกำลังก็ต้องหนัก ซ้อมก็ต้องซ้อม เวลานอนก็น้อย หน้าผมต้องแต่งเอง เราอย่ามาคาดหวังว่าจะมีพี่เลี้ยงเราต้องช่วยตัวเองหมด แล้วอาจจะต้องช่วยเพื่อน ๆ ด้วย ซึ่งแอนก็ทำได้ดีตรงนี้ แล้วก็กำลังใจห้ามตก เราบอกแอนเลยว่า ไม่ต้องคิดมาก ทำไปเลยให้เต็มที่ แล้วแอนก็พยายามเป็น Soft Power ให้กับประเทศไทยมากเลย”

 

 

อย่าลืมตัวตนของตัวเอง และสิ่งเล็กๆ สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้

แอนโทเนีย : “แอนพูดมาตั้งแต่ก่อนเข้าประกวดว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรามีเหตุผล เราอาจจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ว่าขอให้เราตั้งใจแล้วก็ตามความฝันของเรา แล้วการที่เรามีความฝันมากกว่าแค่อันเดียว อันนี้คือโอเคมาก เราไม่ต้องจัดเป้าหมายให้เราแค่ไปถึงจุดนี้ แล้วก็ไม่มีอะไรต่อจากนั้น เพราะว่ายังมีอะไรอีกหลายอย่างที่อยู่รอบข้างเราที่สร้างความสุขให้เราได้ และทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเรามันเกิดขึ้นเร็วมาก ภายใต้ความรวดเร็วของโซเชียล แล้วเราลืมตัวตนของตัวเองเพราะว่าเราอยากเป็นเหมือนคนอื่น อยากให้ทุกคนจำไว้ว่า Authenticity ของตัวเองคืออะไร แล้วสิ่งเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต อย่างเช่น การกุศลหรือว่าการช่วยหลือสังคม ช่วยเหลือคนรอบข้างแล้วสร้างรอยยิ้มให้เค้าในวิธีที่เล็ก ๆ มันยังมีผลประโยชน์ยิ่งใหญ่ให้คนอื่น”

 

ปุ้ย ปิยาภรณ์ “นี่คือสิ่งที่แม่ปุ้ยชอบ แอนบอกตั้งแต่แรกเรื่อง Little steps ว่าบางคนคิดแต่จะทำเรื่องราวใหญ่ ๆ แล้วมันใช้แรงเยอะมาก จนในที่สุดมันไม่ได้ทำ แต่หากเราเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ มันจะขยายวงออกไป จากก้าวเล็ก ๆ มันจะก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ที่ยั่งยืนได้”

 

แอนโทเนีย “ถ้าถามว่ามีฝันอะไรอีกไหมที่อยากทำ ณ ตอนนี้ยังไม่มีค่ะ เพราะว่าแอนชอบโฟกัสในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ณ เวลานั้น อย่าลืมที่จะเห็นคุณค่าของความสุข ณ ช่วงเวลาปัจจุบัน ตอนนี้ที่แอนยังไม่อยากบอกว่ามีความฝันอีกอันหนึ่ง เพราะว่าตอนนี้แอนกำลังอยู่ในความฝันในการเป็นนางงามอยู่ แอนได้รับโอกาสเยอะมาก ที่แอนยินดีที่จะทำ ได้รู้จักคนจากหลายประเทศ จากหลายมุมมอง ได้ทำพรีเซ็นเตอร์ ถ่ายแบบ ได้ทำโฆษณา ได้เป็นนักพูด ได้เป็นพิธีกร ได้ทำหลายอย่างที่แอนไม่เคยคิดว่าแอนจะทำ”

 

ปุ้ย ปิยาภรณ์ “ได้เป็นนางสงกรานต์คนแรกด้วยนะ เพราะกระทรวงวัฒนธรรมแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ให้ แอนโทเนีย เป็นนางสงกรานต์ในปี 2567 นี้ เป็นนางมโหธรเทวี
ของปีนี้”

 

 

ต้องสวยก่อน ถึงจะสำเร็จ จริงไหม?

แอนโทเนีย “แอนคิดว่า ความคิดนี้เป็น Easy way out ของการไม่อยากยอมรับในความจริงในชีวิต ในเรื่องการด้อยคุณค่าของตัวเอง หรือคิดว่าตัวเองไม่สวยเท่ากับคนอื่น แอนก็จะบอกเสมอว่า ความสวยความงามมันมาจากภายใน มีบางคนที่หน้าตาสวยมาก ๆ แต่ตอนพูดกับเค้า กลับรู้สึกว่าเค้าไม่มีความน่ารัก เค้าไม่มีเสน่ห์ เค้าพูดจาไม่เพราะ แล้วความสวยเค้าก็จะน้อยลง มันไม่ควรมีมาตรฐานความสวย เพราะว่าจริง ๆ แล้ว ความสวยมันมาจาก Authenticity ของแต่ละคน”

 

ปุ้ย ปิยาภรณ์ “คำว่า Beauty privileges มันมีก็จริง แต่ว่าบางทีมันก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเสมอไป หลายครั้งที่คนสวย พอคนอยู่ใกล้ ๆ ไปนาน ๆ แล้วรู้สึกว่าความสวยเค้าลดลง แต่อีกคนที่เค้าบอกตัวเองว่าไม่สวย แต่ จริง ๆ เค้ามีเสน่ห์ คิดว่าความสวย อย่าไปนิยามว่าต้องเป็นแบบนั้นสิ แบบนี้สิถึงเรียกว่าสวย”

 

 

แรงบันดาลใจจาก ปุ้ย ปิยาภรณ์ และ แอนโทเนีย โพซิ้ว

ปุ้ย ปิยาภรณ์ “ทุกอย่างในโลกนี้ พี่ปุ้ยคิดว่าไม่มีคำว่าสุด มันก็จะมีการพัฒนา มีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ มันอยู่ที่ตัวเราว่า ตื่นมาทุกวันเราต้องดูว่าวันนี้โลกมันเปลี่ยนไปยังไง มีเทรนด์อะไรเกิดขึ้น แล้วก็ปรับตัวเราเนี่ยให้เข้ากับโลก เราก็ไม่รู้ว่าอีกสิบปีข้างหน้าวงการนางงามจะเป็นยังไง แต่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แน่นอน”

 

แอนโทเนีย “เวลาที่หนูท้อ ส่วนมากหนูจะบอกตัวเองว่า จำที่เราโดนมา ทุกอย่างตอนที่เราล้ม ตอนที่เราไม่มีใคร ว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เราโดนมาขนาดไหน แล้วเราจะยอมแพ้ตอนนี้เหรอ แล้วแอนเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ ยิ่งกับตัวเองยิ่งไม่ยอม กว่าจะมาถึงจุดนี้เพราะเรามีตัวเอง เราต้องรักตัวเอง แล้วต้องเข้าใจว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา มันไม่ได้มาง่าย ๆ”

 

 

พบเรื่องราวชีวิตหลากสีสันใน Club Pride Day  คลับที่เต็มไปด้วยแบ่งปันข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับแขกรับเชิญสุดพิเศษ และสองดีเจสุดแซ่บ “ดีเจพี่อ้อย” และ “ดีเจก็อตจิ”  ได้ในทุกสัปดาห์

 

ดูรายการย้อนหลัง

album

0
0.8
1