รายการ CLUB PRIDE DAY ต้อนรับแขกรับเชิญสุดจึ๊ง “ม้าม่วง Powerpuff Gay” อินฟลูเอนเซอร์สุดเก๋ ผู้เปลี่ยนคำบูลลี่ให้กลายเป็นชื่อที่ต้องจดจำ กว่าจะมีวันนี้ เขาผ่านหลากหลายเรื่องราว ฝ่าฝันบททดสอบของชีวิตมากมาย และมีหลากหลายแรงบันดาลใจดี ๆ ที่ได้นำมาแชร์ไว้ในรายการด้วย

“ม้าม่วง” จากคำบูลลี่ สู่ชื่อที่แสนยูนีค
“ชื่อม้าม่วง มันเริ่มขึ้นมาตอนที่หนูทำคลิปแรก ๆ มันจะมีคลิปหนึ่งที่เป็นไวรัลก็คือหนุ่มไบค์เกอร์ ตอนนั้นเลยมีคำว่า หนุ่มไบค์เกอร์ ขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นก็จะมีคอมเมนต์เชิงบูลลี่เรื่องหน้าตาเรา คือหน้าของหนูมันยาว คางหนูมันไม่สบกัน เพราะฟันล่างยื่นคร่อมฟันบน แล้วหน้าด้านข้างของหนูมันจะเรียวยาว หลายคนก็จะคอมเมนต์ว่าเหมือนมะม่วงเลย หน้ายาวเหมือนม้าเลย ตอนนั้นมันค่อนข้างกระทบจิตใจมากเพราะว่าเราไม่เคยโดนมาก่อน
จนหนูมาเจอหนักสุดคือ เพื่อนของเพื่อนสนิทหนู เค้าชอบจิกกัดหนูทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้สนิทกัน และไม่เคยมีอะไรผิดใจกัน แล้วเค้าก็ทำบ่อยขึ้น ๆ จนหนูเริ่มนอยด์ แล้วก็กลัวการทำคลิปไปช่วงหนึ่งเลย จากนั้นหนูเลยขอคำปรึกษาจากเพื่อน เพื่อนบอกว่าในเมื่อเธอไม่ได้ทำอะไรให้คนรอบข้าง หรือสังคมเดือดร้อนเลย คลิปที่ทำก็ไม่ได้ไปโหวกเหวกโวยวายให้คนอื่นรำคาญ แล้วจะไปสนใจคนที่มาบูลลี่ทำไม
จากวันนั้นหนูก็เลยเอาคำที่เค้าบูลลี่ว่า หน้าเหมือนมะม่วง กับหน้ายาวเหมือนม้า เอามารวมกันเป็น ม้าม่วง แล้วก็สร้างเพจขึ้นมาเลย”
ก้าวแรกของเพจม้าม่วง
“ในตอนที่เปิดเพจ หนูก็ไม่รู้จะทำคอนเทนต์อะไรดี เลยปรึกษาพี่ใหม่ เค้าก็ถามว่าหนูชอบอะไร พี่เห็นแกแต่งหน้านะ พอพี่ใหม่บอกหนูก็เลยตัดสินใจว่าทำเพจบิวตี้บล็อกเกอร์ดีกว่า แต่คลิปไม่เป็นไวรัลเลย ด้วยความที่ตอนนั้นเราก็แต่งหน้าไม่เก่งด้วย แต่หนูชอบดูบิวตี้บล็อกเกอร์ในไทย และต่างประเทศ หนูชอบเรียนรู้ว่าหน้าแบบนี้ต้องแต่งยังไง หน้ายาวแบบนี้ต้องแต่งยังไงถึงจะสวย แต่พอเราเอาความรู้เหล่านี้มาทำคอนเทนต์ของตัวเองบ้าง มันกลับไม่ปัง ก็เลยกลับมาทำคลิปตลกเหมือนเดิม
จนมีโควิด ที่จะมีช่วงเคอร์ฟิวห้ามออกจากบ้าน บวกกับตอนนั้นงานก็เริ่มไม่มี จนหนูตัดสินใจตั้งโทรศัพท์กับไอแพดเพื่อไลฟ์สดแซวฝรั่งผ่านแอพพลิเคชันหนึ่งที่จะเป็นการแรนดอมปัดวีดิโอมาคุยกัน เราเปิดกล้อง เค้าเปิดกล้อง ก็จะสามารถคุยกันได้ แล้วหนูจะเลือกประเทศฝั่งยุโรปเลย แล้วชอบแซวฝรั่งซึ่งพูดภาษาอังกฤษก็ไม่เป็นด้วย เลยพูดแบบ ยูโชว์หน่อย ไออยากเห็นยู แล้วคนเข้ามาดูไลฟ์ก็ชอบ เพราะมันตลกดี ช่วง 5 ทุ่ม คนจะเข้าเตรียมเข้ามารอดูไลฟ์ จนเคยมีคนดูพีคที่สุดหมื่นคน ทำให้ชื่อ ม้าม่วง มีคนรู้จักเพิ่มมากขึ้น แล้วทุกคนในเพจตอนนั้นเค้าจะเรียกว่า ม้าม่วงสะใภ้ตุรกี เพราะหนูจะเลือกแต่โซนนั้น
แต่เวลาไลฟ์แซวฝรั่ง ก็จะมีบางครั้งที่มัน 18+ ฝรั่งก็จะมีความโชว์วับ ๆ แวม ๆ แล้วหนูไลฟ์สดใน Facebook จนโดนบล็อค จากนั้นเพจของหนูที่มีผู้ติดตามอยู่ประมาณแสนห้าคนมันปลิว ตอนนั้นหนูร้องไห้เลย เพราะว่าเพราะเป็นช่วงที่หนูลาออกจากงาน เพื่อมาเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ เป็นคนรีวิว แล้วเพจมันก็เหมือนเป็นที่ทำงานของหนูที่หนึ่ง มันเป็น Facebook หลักที่หนูเล่นมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนโดนไล่ออกจากงาน เหมือนเราไม่มีงานทำ จนท้ายที่สุดคิดได้ว่า เรายังมี Powerpuff Gay นี่นา มันก็เลยคลายความเศร้าลงได้บ้าง”
จากม้าม่วง สู่แก๊ง Powerpuff Gay
“หนูติดตามพี่ใหม่ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ตอนนั้นหนูมองว่า พี่คนนี้ทำไมแต่งตัวเก๋ แต่งตัวแฟชั่นจัง แล้วหนูเป็นเด็กต่างจังหวัด เห็นคนกรุงเทพเค้าแต่งตัวเก่ง หนูก็อยากแต่งเก่งแบบเค้า ก็เลยติดตามเป็นเพื่อนกับพี่ใหม่ใน Facebook จนหนูมีแฟนอยู่ที่กรุงเทพ แล้วหนูก็ย้ายมาอยู่กับแฟน ตอนที่หนูทำคลิปหนุ่มไบค์เกอร์ พี่ใหม่ก็เลยโทรมาชวนว่า หนุ่มพี่จะทำเพจ มาทำกับพี่ไหม แล้วตอนนั้นหนูรู้สึกว่าไม่มีเพื่อนด้วย หนูไม่มีใครเลย หนูมาอยู่กับแฟนสองคน เลยตอบตกลงว่า เอาสิแม่อยากทำ ๆ แล้วพี่ใหม่ก็ชวนคนอื่น ๆ แล้วพามารวมกัน
วันที่ถ่ายทีเซอร์ของ Powerpuff Gay เป็นวันที่หนูไม่หยุดงาน เพราะว่าตอนนั้นหนูทำงานห้าง เป็นพนักงานขายรองเท้าแบรนด์หนึ่ง เสาร์อาทิตย์ห้างจะไม่ให้หยุดอยู่แล้ว แต่เพื่อน ๆ ก็ตัดสินใจว่า งั้นไปหาหนุ่มที่ห้าง ไปถ่ายทีเซอร์ที่ห้างเลย หนูก็ตกลงแล้วก็บอกว่า หนูเข้ากะบ่าย หนูพักช่วงประมาณ 5 โมงเย็น หนูปลีกตัวไปถ่ายได้แค่ครึ่งชั่วโมงนะ เพื่อนก็ตกลง ก็เลยได้เริ่มทำในตอนนั้นเลย”

ยอมออกจากงานประจำ มาทำอินฟลูเอนเซอร์เต็มตัว
“หลังจากนั้นคือหนูก็ทำงานห้างอยู่ประมาณเกือบ 4 ปี แล้วมีทำคลิปกับ Powerpuff Gay ร่วมไปด้วย 5 วันหนูทำงานประจำ อีก 2 วันหนูไปทำ Powerpuff Gay แล้วมันก็มีบางครั้งที่เลิกงานมาก็ต้องมาทำงานเพจด้วย มันต้องแบ่งเวลาและจัดการงานเยอะมาก เลยทำให้หนูรู้สึกว่าอยากออกมาทำอินฟลูเอนเซอร์แบบเต็มตัวจังเลย เพราะว่าเห็นรุ่นพี่แต่ละคนที่เค้าทำช่อง Youtube เค้าก็ทิ้งงานประจำของตัวเอง เพื่อออกไปทำ หนูก็เลยปรึกษาพี่ใหม่ว่า อยากลาออกจากงานประจำ พี่ใหม่บอกว่าคิดดี ๆ ตอนนี้มันโควิด ทำงานประจำยังได้เงินเดือน แต่ถ้าออกมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์เลย สมมติเดือนนี้ไม่มีงานแล้วจะเอาเงินที่ไหนใช้ หนูก็เก็บคำพี่ใหม่มานั่งคิดนอนคิด แล้วเช้ามาหนูไปลาออกเลย พอพี่ใหม่รู้เรื่องคือโดนด่าเลย
แต่หนูต้องขอบคุณพี่ ๆ รอบข้าง ใน Powerpuff Gay ที่ผลักดันให้หนูกลับมาทำเพจใหม่ แล้วก็ต้องขอบคุณน้องแอดมินเพจ จ๊อกจ๊อก เพราะว่าเค้าอยู่กับหนูตั้งแต่ตอนที่ทำเพจม้าม่วงอันแรก น้องให้คำปรึกษาหนึ่งมาบอกว่า ม้าม่วงมันไม่ใช่เพจ แต่มันคือตัวพี่หนุ่ม ถึงมันจะหายไปแล้ว แต่ถ้าทำใหม่ยังไงคนก็กลับมาดู หนูก็เลยสมัครใหม่ ทำเพจขึ้นมาใหม่ แล้วหนูก็ไลฟ์สด ตั้งกล้องวางปกติ แล้วก็คุยเล่นไป แล้วเราก็เห็นการแจ้งเตือนว่า คนที่เคยติดตามเราจากเพจเก่า ก็ตามมาที่เพจใหม่ที่หนูสร้างขึ้น ดีใจค่ะ”

ลอเรน ชื่อสุดเก๋ ที่ ม้าม่วง ตั้งให้
“ชื่อลอเรน มันมาจากคืนก่อนที่จะทำงาน หนูดูหนังเรื่อง The Conjuring ซึ่งในเรื่องจะมีสองสามีภรรยาชื่อ เอส กับ ลอเรน ที่เป็นคู่ปราบผี แล้ววันนั้นหนูจำได้แค่ชื่อลอเรนแล้วพอหนูไปทำงาน ก็แต่งหน้าเล่นกันกับพี่ใหม่ แล้วหนูก็พูดขึ้นมาเลยว่า แม่นบ่ลอเรน แล้วหันไปหาพี่ใหม่ แล้วคนดูก็ชอบ วันนั้นมันกลายเป็นแฮชแท็กใน Tiktok แล้วคนก็แคปไปลงจนผู้ติดตามพุ่ง หลังจากนั้นคนก็เริ่มรู้จักพี่ใหม่ในฐานะ ลอเรน Powerpuff Gay”
จากที่เกือบถอดใจ ก็เจอโอกาสที่อยากให้ก้าวต่อไปอีกครั้ง
“หนูรู้สึกว่า ช่วงโควิด มันหนักที่สุดในชีวิตของหนูแล้ว อินฟลูฯไม่มีงาน งานอีเว้นท์ไม่มี งานจ้างไม่มี งานรีวิวไม่มี งานประจำเราก็ออกมาแล้ว หนูสู้จนต้องเอาของในห้องตัวเองอย่าง เสื้อผ้า รองเท้า มาขายในราคาที่ถูกมาก จากตัวละ 2-3 หมื่นบาท หนูเอาไปขาย 5,000 บาท เพราะตอนนั้นมันต้องขาย แต่หนูไม่เคยบอกใคร Powerpuff Gay หนูก็ไม่เคยบอก แฟนตัวเองก็ไม่บอก แล้วตอนนั้นงานมันเริ่มเงียบเกิน เงินก็ไม่กล้าขอแม่ หนูก็เลยเอารถมอเตอร์ไซค์ของหนูไปเข้าไฟแนนซ์ ได้ประมาณ 40,000 บาท ซึ่ง 40,000 ถ้าอยู่กรุงเทพก็คงไม่พอใช้ เลยตัดสินใจกลับบ้านดีกว่า ที่กลับบ้านตอนนั้นหนูก็ไม่บอกใคร แล้วก็ทำตัวปกติไป จนถึงวันที่ต้องกลับมาทำงาน หนูก็เครียดเพราะไม่มีเงิน หนูเหลือเงินอยู่ประมาณ 3-4 พันบาท แล้วค่าหอหนูก็ต้องจ่าย เพราะถึงแม้หนูอยู่คอนโดแฟนก็จริง แต่หนูต้องมีห้องของหนูเอง หนูต้องเช่าห้องของหนูไว้เผื่อวันหนึ่งเราเลิกกันหนูจะได้มีที่อยู่ หนูก็เลยแบบเช่าห้องทิ้งไว้ แต่ห้องถูกมากเป็นห้องเล็ก ๆ จ่ายค่าเช่าทุกเดือน
จนหนูจะกลับมาทำงาน หนูไม่รู้จะทำอย่างไรก็เลยมูเตลูแบบเต็มที่ ไหว้พญานาค บนบานศาลกล่าว พี่ใหม่ก็ตามว่ากลับมาได้แล้วงานมาแล้ว หนูก็บอกโอเคแม่ แต่ตอนที่รับปากคือไม่มีเงินค่าเครื่องบิน ไม่มีเงินค่าเดินทางเลย ตอนนั้นหนูต้องขอเอารถมอเตอร์ไซค์ของน้องไปเข้าไฟแนนซ์อีก ซึ่งน้องก็บอกว่าได้สิ ฉันไม่มีปัญหาหรอก พอคุยกันเสร็จหนูเลยเอา 3,000 บาทที่เหลืออยู่จองตั๋วเครื่องบิน กลับมาทำงานที่กรุงเทพ แล้วหนูก็เอาของในห้องที่เหลืออีกล็อตออกมาขาย จนได้เงินมาประมาณหนึ่งเพื่อให้อยู่รอดถึงสิ้นเดือน แล้วก็ต้องขอบคุณทุกคนจริง ๆ เพราะอยู่ ๆ งานมันเข้ามารัว ๆ จนเดือนนั้นหนูได้เงินเท่ากับที่เคยบนบานไว้ แล้วก็โทรไปบอกน้องเลยว่า ไม่ต้องเอารถไปเข้าไฟแนนซ์แล้วนะ พี่ได้เงินแล้ว ตอนนั้นหนูร้องไห้เลยเพราะไม่เคยเจอเงินเยอะขนาดนี้ แล้วเพจม้าม่วงอันใหม่ก็เริ่มมีคนติดตามเพิ่มมากขึ้น เพจ Powerpuff Gay ก็เพิ่มมากขึ้น เกิดไวรัลมากมาย ลูกค้าเข้าเยอะมาก มันโล่งใจเหมือนจากที่เราอยู่จุดที่มืดสุด ๆ มองหาอะไรไม่ได้เลย จนมาอยู่จุดที่สว่างมาก หลังจากนั้นหนูคิดไว้เลยว่าทำทุกอย่างต้องมีสติ อย่าทำให้ใครเดือดร้อน หรืออย่าทำอะไรที่มันวุ่นวาย หนูพูดกับตัวเองเสมอ”

คนที่บ้าน กับการยอมรับตัวตนของ ม้าม่วง
“ตอนที่เรียนหนังสือหนูไม่กล้าบอกที่บ้านเลย แล้วครูก็ชอบไปบอกปู่ซึ่งเป็นผู้ปกครองว่าหนูเป็นกะเทย ปู่ก็บอกว่าไม่มันไม่เป็นหรอก จนปู่มาถามเราที่บ้านว่าเป็นกะเทยใช่ไหม ด้วยความที่ตอนนั้นหนูกลัว ก็เลยบอกว่าไม่เป็น จนเวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง พ่อรู้ว่าเราเป็นกะเทย ซึ่งพ่อเค้าเป็นพวกทำธุรกิจปล่อยเงินกู้ ก็มีนักเลงเป็นพรรคพวก แล้วก็มีคนไปฟ้องว่าลูกเป็นกะเทย จนพ่อมางานวันเกิดหนู เค้าก็มาถามว่าเป็นกะเทยเหรอ พ่อเป็นนักเลงแทบตายลูกมาเป็นกะเทยอายเค้า ฟังคำนี้หนูร้องไห้เลย หนูรู้สึกว่าคน ๆ นี้ไม่รักเราในแบบที่เราเป็นอยู่ตอนนี้เลย จนปู่เข้ามาห้ามว่า เป็นก็ให้มันเป็น ก็เรื่องของมัน หนูฟังคำนั้นมันใจฟู อุ่นใจแบบมาก ๆ จากนั้นหนูก็เลยแบบกล้าที่จะเป็นตัวเองแต่ไม่ได้กระโตกกระตากในบ้าน ตอนอยู่ข้างนอกกับเพื่อนจะสุดเหวี่ยง กลับบ้านก็เงียบ ไม่ได้ขึงขังเหมือนเมื่อก่อน หลังจากนั้นที่บ้านก็เริ่มรู้และเริ่มรับได้”

ม้าม่วง กับความรักที่ขาดสติ
“หนูมีแฟนคนแรกตอนอยู่ปี 1 คบกับเค้าได้ประมาณ 3 เดือน เพราะหนูจับได้ว่าเค้าไปมีคนใหม่ แล้วหนูก็รู้สึกว่าทำไมเค้าต้องทำกับเราแบบนี้ แล้วก็ร้องไห้หนักมาก จำได้เลยว่าหนูเรียนเสร็จ ก็รีบหนีกลับบ้าน ไปซื้อยาพารากระปุกใหญ่ แล้วพอหนูถึงบ้านหนูกรอกใส่ปากจนยาเหลือไม่กี่เม็ดอยู่ในกระปุก จากนั้นหนูเวียนหัวแล้วหลับไปประมาณชั่วโมงนึง จนตื่นมาแล้วรู้สึกกลัวตาย ก็เลยล้วงคออ้วกออกมามันมีแต่น้ำสีขาว จนที่บ้านกลับมา ก็ไม่กล้าบอก หนูนั่งมองคนที่บ้านกินข้าว เค้าถามว่าไม่สบายเหรอ กินยาแล้วนอนนะ หนูก็เลยนอน แต่ทุกสองนาทีหนูต้องลุกขึ้นอ้วกทั้งคืน เพราะยาเริ่มเป็นพิษต่อร่างกายแล้ว หนูเลยโทรหาเพื่อนให้พาไปคลินิก แล้วคลินิกก็ให้ไปโรงพยาบาล ตอนนั้นตาหนูเหลืองเป็นเส้นเลือดสีแดงเหมือนผีซอมบี้ ถึงโรงพยาบาลก็ต้องถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลประจำจังหวัด จนล้างท้องได้ทัน ตอนนั้นแม่กับยายเค้าอยู่ไต้หวัน แล้วเค้าก็บินกลับมาในวันต่อมาเลย เค้าบอกว่าทำไมต้องทำแบบนี้ หนูเห็นว่าคนรอบข้างมีแต่คนที่บ้านกับเพื่อนสนิท จากวันนั้นหนูปฏิญาณไว้เลยว่า หนุ่มคนเดิมมันตายไปแล้ว นี่คือหนุ่มคนใหม่ มันจะไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้คนในบ้าน หรือคนที่เป็นเพื่อนเสียใจแบบนี้อีกเป็นอันขาด หนูรู้สึกว่าบนโลกนี้มีอะไรที่เรายังไม่เคยเห็นอีกเยอะ เรายังไม่เคยศึกษาอีกเยอะ เรายังไม่เคยพบเจออะไรอีกเยอะ ดังนั้นเรายังตายไม่ได้”

ความรักอีกครั้ง ที่ทำให้ม้าม่วงเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น
“ตอนนี้มีความรักแล้ว มีความรักใหม่ แต่ระหว่างทางที่จะเจอคนล่าสุดนี้ หนูเลิกกับคนที่หนูคบมาด้วยอีก 4 ปี คือคนที่หนูย้ายมาอยู่กรุงเทพก็เพราะเค้า แต่หลังจากที่หนูเริ่มดัง เค้าก็บอกว่าหนูสาวไป แล้วเค้าบอกเลิกวันปีใหม่ พอทุกคน Happy New Year ไลน์โทรศัพท์หนูเด้งขึ้นมาว่า เราเลิกกันเถอะ ตอนนั้นเค้ากลับบ้านที่ต่างจังหวัด หนูก็เลยบอกว่ามาเจอกันก่อน เพราะว่าหนูเลี้ยงแมวของเค้าอยู่ พอกลับมาก็เลยนั่งคุยกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น เค้าก็บอกว่าเหมือนเธอไม่มีเวลาให้ฉันแล้ว จนหนูก็เลยบอกว่าตกลงจะเลิกใช่ไหม เค้าก็บอกว่าใช่เลิกจริง หนูก็เลยขนของย้ายหอให้มันดีกว่าเดิม เพื่อที่เราจะได้ใช้ชีวิตประจำวันของเราให้ดีขึ้น เพราะเราก็เริ่มมีรายได้ขึ้นมาแล้ว ก้าวไปอีกหนึ่งขั้น แล้วทุกวันนี้หนูก็ยังเป็นเพื่อนกับเค้าอยู่”

พลังใจจาก ม้าม่วง Powerpuff Gay
“หนูภูมิใจกับคนรอบข้าง หนูจะให้เครดิตกับคนรอบข้าง และคนที่มีพระคุณกับหนูเสมอ อย่างเช่น เจ้าของแบรนด์ ครอบครัว แก๊ง Powerpuff Gay เพราะถ้าไม่มี Powerpuff Gay ก็ไม่มีม้าม่วง แล้วก็ขอบคุณตัวเองที่มันสู้ คนพยายามมันต้องมีวันสำเร็จอยู่วันข้างหน้า
หนูอยากบอกว่า คำว่าสู้ ๆ นะ บางคนอาจจะรู้สึกว่ามันเป็นคำธรรมดา แต่อย่าคิดว่ามันคือคำพูดส่ง ๆ เพราะมันทำให้เรารู้ว่าเค้ายังให้กำลังใจเรา แต่ถ้าไม่มีใครส่งให้เรา เราต้องมองที่กระจก เห็นไหมว่าฉันยังมีเธอ หนูจะทำแบบนี้ตอนที่หนูอยู่คนเดียว แล้วหนูจะบอกตัวเองว่า ต้องสู้นะ เพื่อทำให้ตัวเองสุขสบาย เพื่อเลี้ยงครอบครัว เพื่อคนรอบข้างที่เคยมีพระคุณกับเรา หนูก็เลยสู้มาจนถึงทุกวันนี้” - ม้าม่วง Powerpuff Gay

พบเรื่องราวชีวิตหลากสีสันใน Club Pride Day คลับที่เต็มไปด้วยแบ่งปันข้อคิดแรงบันดาลใจ และมีคลังความรู้ที่พร้อมแชร์ ไปกับแขกรับเชิญพิเศษ และสองดีเจสุดแซ่บ “ดีเจพี่อ้อย” และ “ดีเจก็อตจิ” ได้ในทุกสัปดาห์
ดูรายการย้อนหลัง
