เปิดชีวิตจริงของ “ชาล็อต ออสติน” นางฟ้าบนดิน นางงามคู่จิ้นเงินล้าน สู่การเป็นนางเอกคนต่อไป

Club Pride Day Recap

เปิดชีวิตจริงของ “ชาล็อต ออสติน” นางฟ้าบนดิน นางงามคู่จิ้นเงินล้าน สู่การเป็นนางเอกคนต่อไป

15 ธ.ค. 2023

“สิ่งที่ทำให้หนูมาอยู่จุดนี้ได้ คือการไม่หยุดพัฒนาตัวเอง ร้องเพลงไม่ได้ก็ไปเรียน เต้นไม่ได้ก็ไปฝึก หนูไม่ได้เป็นคนมีพรสวรรค์ แต่ถ้าเรื่องพรแสวงหนูก็ไม่ได้แพ้ใคร”

 

รายการ Club Pride Day กับสองดีเจสุดแซ่บ “ดีเจพี่อ้อย” และ “ดีเจก็อตจิ” เปิดไมค์ต้อนรับแขกรับเชิญสุดพิเศษที่สวยมาก ๆ และมีเครื่องการันตีความสวยด้วยมงกุฎจากตำแหน่ง Miss Grand Chumphon 2022 และ รองอันดับ 5 Miss Grand Thailand 2022 แต่กว่าที่จะมีวันนี้ได้ เธอผ่านหลากหลายบททดสอบของชีวิต แต่ด้วยความตั้งใจ และไม่ยอมหยุดพัฒนาตัวเอง จึงพาให้เธอก้าวข้ามปัญหา และคว้าโอกาสที่เข้ามาในชีวิต จากนางงาม ศิลปิน และกำลังจะก้าวสู่การเป็นนางเอกคนต่อไป สีสันแห่งชีวิต และแรงบันดาลใจ ถูกส่งต่อ เมื่อสองดีเจได้เปิดไมค์ต้อนรับ “ชาล็อต ออสติน” นางฟ้าบนดิน นางงามคู่จิ้นเงินล้าน สู่การเป็นนางเอกคนต่อไป พร้อมหลากหลายเรื่องราว ที่ ชาล็อต ได้นำมาแชร์ และพูดคุยกันในรายการด้วย

 

 

ย้อนวัยใส ของ ชาล็อต ออสติน

“ตอนเด็กหนูแมนมาก ๆ เพราะถูกเลี้ยงมากับคุณพ่อ และคุณพ่อเป็นทหาร ก็เลยค่อนข้างเข้มงวดและวิธีการสอนหนึ่งของคุณพ่อคือ เวลาที่อยากได้อะไรก็ต้องซื้อเอง สมมติว่าอยากได้โทรศัพท์สักเครื่องหนึ่ง ก็ต้องไปทำงานแล้วเอาเงินมาซื้อ ซึ่งคุณพ่อก็อาจจะช่วยเติมได้นิดหน่อย เพราะท่านอายุเยอะแล้ว ต้องมีค่าใช้จ่ายของท่าน แล้วหนูทำงานมาหลากหลายมาก ตั้งแต่ ม.5 มีทั้งขายของออนไลน์ เป็นเด็กเสิร์ฟร้านส้มตำ เป็นพนักงานร้านน้ำปั่น แล้วก็เป็นผู้ช่วยช่างสัก เพราะตอนนั้นหนูไม่อยากอยู่บ้านเฉย ๆ อยากไปทำงานหาประสบการณ์ ซึ่งพอมองย้อนกลับไป มันไม่ได้ลำบากเลย หนูรู้สึกว่ามันสนุกด้วยซ้ำที่ได้ทำหลากหลายงาน

ตอนเด็กหนูมีเพื่อนผู้ชายเยอะ เลยเป็นคนแมน ๆ เป็นสายลุยไปไหนไปกัน เวลาที่โรงเรียนมีกีฬาสี หนูก็มักจะเป็นนักกีฬา เคยเป็นเชียร์ลีดเดอร์ เป็นดรัมเมเยอร์ แต่ว่าไม่ชอบซ้อม แล้วมันต้องซ้อม ท่าต้องเป๊ะ เวลาเลิกเรียนต้องไปซ้อม ซึ่งตอนนั้นหนูมองว่าเอาเวลาสองชั่วโมงที่ซ้อม กลับบ้านไปเล่น MSN ไปเล่นเกมดีกว่า หนูชอบไปเตะฟุตบอล เล่นวอลเลย์บอล เล่นบาสเกตบอล อะไรแบบนั้นทำได้หมดเลย แต่ถ้าให้ไปเป็นเชียร์ลีดเดอร์ เต้น หนึ่ง สอง หนึ่ง สอง สาม อันนี้ไม่ได้จริง ๆ”

 

 

ความฝันของคุณแม่ คืออยากให้เป็นแอร์โฮสเตส

“ตอนเด็ก ๆ คุณแม่อยากเป็นแอร์โฮสเตส แต่ว่าคุณยายไม่มีเงินส่งคุณแม่เรียน ก็เลยบอกให้หนูทำเพื่อแม่ได้ไหม แม่อยากเห็นลูกใส่ชุดแอร์โฮสเตสจังเลย ตอนแรกหนูก็อยากเป็นแอร์โฮสเตส เพราะมองว่ามันคืองานที่ได้เที่ยวด้วย ได้ทำงานด้วย ได้เจอผู้คน ได้เจอสิ่งต่าง ๆ ไม่ต้องอยู่กับที่ เพราะหนูไม่ชอบอยู่กับที่ ชอบทำงานที่มันหลากหลาย แต่ว่าพอโตมาแล้วได้มาอยู่ ณ จุดนี้ หนูไม่อยากเป็นเป็นแอร์โฮสเตสแล้ว เพราะทุกวันนี้หนูบินบ่อยกว่าแอร์โฮสเตสอีก แต่เส้นทางนี้มันก็เคยเป็นอีกหนึ่งความฝันของหนู ซึ่งตอนนั้นคิดว่าถ้าไม่ได้เป็นแอร์โฮสเตส หนูก็อยากเข้าวงการบันเทิง

ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นดาราเท่านั้น เพราะพอหนูก้าวสู่การเป็นนางงาม หนูได้รับหลาย ๆ โอกาสจากผู้ใหญ่ จากทางช่อง ทางค่าย หรือแม้กระทั่งลูกค้าที่จ้างเราไปไลฟ์ ซึ่งหนูรู้สึกว่ามันก็เหมือนอยู่ในวงการบันเทิง ได้ร้องเพลง ได้ไลฟ์ขายของ ได้สร้างอาชีพ สร้างงาน สร้างเงินให้เราได้ หนูมี บอสณวัฒน์ เป็นตัวอย่าง บอสเป็นผู้บริหารแต่ว่ายังมานั่งไลฟ์ขายของ เพื่อเอาเงินก้อนนี้ไปซื้อสิ่งที่อยากได้ บอสเคยบอกว่า อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา ซึ่งหนูรู้สึกว่ามันจริงมาก ๆ เพราะว่าตั้งแต่หนูไลฟ์ เงินที่หนูได้ซื้อในสิ่งที่อยากได้ ก็มาจากการที่เราไลฟ์ขายของ จากการที่เราลงมือทำ

หนูอยากเป็นดีเจด้วยนะคะ เพราะเป็นคนที่ชอบฟังเพลง แล้วเวลาหนูไลฟ์ ก็จะร้องเพลงบ้าง แปลงเพลงบ้าง หรือว่าเวลามีเพลงใหม่ ๆ หรือเพลงเก่า ๆ ที่คนไม่ค่อยรู้จัก หนูก็จะเอามาร้องหรือเอามาให้คนฟัง หลังจากนั้นคนก็จะเริ่มบอกว่าตามเพลงนี้มาจากน้องชาล็อต หนูรู้สึกว่าวันไหนไม่ได้เปิดเพลงแล้วจะอยู่ไม่สุข ก่อนขับรถต้องเปิดเพลง ตื่นนอน ก่อนอาบน้ำต้องเปิดเพลง เพลงคือชีวิตจิตใจของหนู ก็เลยอยากลองเป็นดีเจดูบ้าง นั่งในห้องแล้วก็เปิดเพลง ทำงานด้วย สร้างความสุขให้คนฟังด้วย”

 

 

จุดเริ่มต้น บนเส้นทางนางงาม

“มาริม่า เพื่อนของหนูเป็นคนเปิดประตูเส้นทางนางงามให้ค่ะ เพราะเค้าเป็นนางงามมาก่อนตั้งแต่ปี 2017 แล้วเค้าชวนหนูทุกปีเลยว่ามาประกวดนางงามสิ มันมีตำแหน่งไรซ์ซิ่งสตาร์ที่ได้เซ็นสัญญากับทางช่อง ได้เข้าวงการบันเทิงเลยนะ ซึ่งหนูก็ปฏิเสธมาตลอด จนหนูเริ่มเห็นว่า มิสแกรนด์เริ่มเปิดกว้าง เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้เราเข้าสู่ในวงการบันเทิงได้ เลยตัดสินใจเริ่มประกวด Miss Grand Phuket ได้ตำแหน่งรองอันดับ 1 แล้วไปต่อ Miss Grand Chumphon จนได้มง แล้วได้เข้าประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022

การเข้าสู่วงการนางงาม หนูต้องปรับตัวเองเยอะมาก จากเด็กห้าว ๆ และตอนนั้นหนูจัดฟัน ก็เลยเป็นคนพูดเร็ว หนูไม่ค่อยอ้าปากเวลาพูดเพราะมันติดเหล็กดัดฟัน ต้องพยายามปรับแก้ ซึ่งมันก็ดีขึ้น แต่ก็จะมีบางครั้งเผลอพูดแบบไม่อ้าปากอยู่บ้าง เรื่องการหายใจก็ต้องปรับ เพราะเวลาเดินหนูจะไม่หายใจ จะหายใจแค่ตอนหยุดโพส ถ้าเดินปุ๊ปจะกลั้นหายใจเลย จนกระทั่งได้เรียนเดิน แล้วครูก็สอนว่า เวลาเดินต้องหายใจ ต้องมีเทคนิค ต้องเดินทิ้งสะโพก สายตาต้องโฟกัส ต้องมีจังหวะเป็นของตัวเอง อีกอย่างที่ต้องฝึกคือ การยิ้ม เมื่อก่อนหนูยิ้มแบบคนใส่เหล็กดัดฟัน ต้องฝึกหลายอย่างมากกว่าจะได้รูปองค์ทรงเครื่องแบบนี้ แต่ก็ถือว่าเป็นการพัฒนาตัวเอง ตั้งแต่เริ่มจนมาถึงตอนนี้ได้ หนูภูมิใจมาก

ในช่วงที่ประกวดหนูไม่มีความกดดันเลย เพราะหนูไม่ใช่ตัวเต็ง หนูรู้สึกว่าการไปประกวดนางงามของหนูเหมือนการไปเข้าค่ายกับเพื่อน ๆ จนเข้าสู่อาทิตย์สุดท้ายของการประกวด เริ่มมีแฟนคลับเยอะขึ้น คนเริ่มติดตามมากขึ้นจนกลายเป็นกระแส ยิ่งมาอยู่ในกอง มาเป็นคู่จิ้นกับพี่อิงฟ้าด้วย คนก็ยิ่งเริ่มติดตามมากขึ้นเรื่อย ๆ และการได้อยู่ในแก๊งพลังใบ ที่ทุกคนในแก๊งพลังล้น จัดเต็มทุกรอบ แล้วพออยู่ด้วยกันเป็นแก๊งก็จะยิ่งเพิ่มพูนพลังขึ้นไปอีก แฟนคลับก็ชื่นชอบและคอยเชียร์เต็มที่ จนถึงวันไฟนอล หนูเลยตั้งใจทำเต็มที่ ทำให้ดีที่สุด เพื่อจะได้ไม่เสียดาย และเสียใจทีหลัง จนได้ตำแหน่ง รองอันดับ 5 Miss Grand Thailand 2022 มาค่ะ”

 

 

#อิงล็อต ไม่ใช่แค่คู่จิ้น แต่คือพาร์ทเนอร์ที่ดีต่อกันในทุกเรื่อง

“เริ่มจากการขึ้นไลฟ์ด้วยกัน ด้วยความที่พี่อิงฟ้าอยู่ในกลุ่ม LGBTQ+ เค้าก็ถามว่า หนูอยู่ในกลุ่ม LGBTQ+ ไหม หนูก็บอกว่า จริง ๆ แล้วหนูก็อยู่นะ แต่หนูไม่เคยลองคบผู้หญิง เพราะว่าไม่เคยมีผู้หญิงมาจีบเลย ก่อนหน้านี้เคยคบแต่ผู้ชาย แล้วพี่อิงฟ้าก็บอกว่า งั้นก็ลองสิ แฟนคลับก็กรี้ดว่าสองคนนี้เค้าจีบกัน หลังจากนั้นก็ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ยาว กลายเป็นแฮชแท็ก #อิงล็อต มาถึงทุกวันนี้

ณ ตอนนั้นหนูไม่ได้เตรียมรับมืออะไรเลย หนูแค่รู้สึกว่าแฮปปี้ที่มีคนชอบเราสองคนเวลาอยู่ด้วยกันแล้วเราสร้างความสุขให้กับแฟนคลับได้ แต่ก็จะมีความกดดันจากแฟนคลับทุกวันที่อยากให้เราคบกันจริง ๆ ด้วยความที่มันเกิดขึ้นจากความรู้สึกจริง ๆ ของคนคนหนึ่ง จากพี่อิงฟ้าที่เค้าชอบเราจริง ๆ คนก็เลยคาดหวังว่าต้องลองคบกัน แต่เราสองคนคุยกันว่า ให้มันเป็นแบบพี่น้องดีที่สุดแล้ว รักกันในจุดที่เราสองคนต่างรู้ว่ามันเป็นยังไงก็พอ

เคยมีช่วงที่เราสองคนกดดันมาก ๆ จนไม่คุยกันเลย เพราะเวลาเข้าใกล้ก็จะโดนจับจิ้นตลอด กลายเป็นว่าเราก็ต่างคนต่างถอยออกมา ไม่คุยกัน เคยเคลียร์กัน 7 รอบเลยนะ จนได้มาคุยกันถึงรู้ว่าปัญหาที่มันเกิดขึ้น เพราะเราไม่ได้สื่อสาร ไม่ได้ถามกันให้มันตรง ๆ เรามักจะเงียบใส่กัน ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นผลดีอะไรเลย หลังจากนั้นเราเลยได้คุยกันเยอะขึ้นจนอยู่เป็น #อิงล็อต ของแฟน ๆ มาจนถึงวันนี้

มันไม่มีนิยามให้ความสัมพันธ์ มีแต่ความหวังดีที่มีให้กัน คือเราไม่ได้กำหนดเจาะจงไว้ว่า เธอจะต้องเติบโตไปกับฉันในฐานะคู่จิ้นนะ ฉันยินดีที่จะเห็นเธอเติบโตในเส้นทางของที่เธออยากไป เธออยากเล่นหนังเธอก็ไปในเส้นทางนั้นเลย ฉันอยากเล่นละครฉันก็ไปเส้นทางนี้เลย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีงานด้วยกัน เราก็ยังคงเป็นอิงล็อตแบบนี้ เป็นพาร์ทเนอร์ที่ต่างคนต่างให้คำปรึกษากัน แล้วก็คอยดันแต่ละคนไปในเส้นทางที่ตัวเองอยากไป

ต้องขอบคุณพี่อิงฟ้ามาก ๆ ที่พยายามทำทุกอย่างมาด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของงาน ในเรื่องของซีรีส์ ในเรื่องของการใช้ชีวิต ในเรื่องของบทเรียนต่าง ๆ พี่อิงฟ้า เป็นคนที่สอนหนูในหลาย ๆอย่าง อยากจะขอบคุณที่คอยเป็นพี่ที่ปรึกษาที่ดี ทุกครั้งที่เราได้ทำงานด้วยกัน ก็ยังเป็นความสุขของกันและกันอยู่ และอยากจะให้เป็นความสุขแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เป็น #อิงล็อต ที่เป็นความสุขให้กับทุกคน”

 

 

จากคู่จิ้นสุดฟิน สู่ซีรีส์สุดอิน

“Show Me Love ก็เหมือนซีรีส์ที่มาจากชีวิตจริงเลย จากการประกวดนางงาม เริ่มชอบกัน อีกคนหนึ่งไม่ได้ชอบผู้หญิง แล้วสุดท้ายอีกคนหนึ่งก็ทำให้หวั่นไหว แล้วกลายเป็นลงเอยแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ถือว่าเป็นการเสิร์ฟความสมหวังให้เหล่าสาววาย ซึ่งหนูมองว่า ซีรีส์เรื่องนี้มันสะท้อนเรื่องราวหลายอย่าง เช่น ต่อให้เราไม่ได้ชอบผู้หญิง หรือไม่ได้ชอบเพศที่สามมาตั้งแต่แรก เราก็สามารถที่จะคบกันได้ แค่เปิดใจยอมรับในความรู้สึกของตัวเอง แล้วก็ยอมรับหัวใจตัวเองว่าชอบจริงไหม ถ้าคำตอบมันโอเค มันสบายใจ แค่นั้นก็จบ ซึ่งมันมีหลายปัจจัยมากในเรื่องของความสัมพันธ์ ที่ซีรีส์ Show Me Love ได้ถ่ายทอดเอาไว้”

 

Miss Grand Thailand เวทีที่มอบหลากหลายโอกาส

“ทำงานกับบอสณวัฒน์ ท่านดุค่ะ ถ้าหากเราดื้อ บอสจะคอยสอนตลอดว่า งานต้องมาที่หนึ่ง ทำงานก่อน เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในเรื่องของเรื่องเงิน เรื่องงาน เรื่องโอกาส แล้วก็อย่าไปหมิ่นเงินน้อย ให้ทำอะไรก็ทำ ซึ่งหนูเชื่อว่า บอสได้ปูเส้นทางให้เด็กหลาย ๆ คนเอาไว้แล้ว และจะคอยเตือนให้มีสติในกรอบที่วางไว้

หนูมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะ Miss Grand เลยค่ะ มีทั้งชื่อเสียง เงินทอง โอกาสต่าง ๆ มีคนรู้จัก มีแฟนคลับ ซึ่งย้อนกลับไปช่วงแรก ๆ ที่เข้าวงการ หนูเคยไม่อยากอยู่จุดนี้แล้ว เพราะมันเหมือนไม่ใช่หนูเลย มันรู้สึกว่าไปไหนก็มีแต่คนมอง มีแต่คนมากดดัน แต่พอเราอยู่ในวงการไปสักพัก ก็รู้สึกว่านี่แหละมันคือวงการบันเทิง มันคือการทำงาน มันคือหน้าที่ที่ต้องแลก คุณอยากมีชื่อเสียง คุณอยากมีแสง พอแสงส่องมา คุณต้องแลกชีวิตส่วนตัวในบางส่วนที่มันอาจจะหายไป ต้องถามตัวเองก่อนว่ารับได้ไหม ถ้ารับได้ก็อยู่ ถ้ารับไม่ได้ก็ไป ซึ่งทุกวันนี้หนูรับได้ หนูได้เติบโตไปพร้อม ๆ กับแฟนคลับที่อยู่กับหนูมาตั้งแต่วันแรก เติบโตในด้านของการทำงาน ได้เจอกับผู้ใหญ่ที่ให้โอกาส หรือว่างานต่าง ๆ ที่เราได้รับมา และยังคงไปต่อไหวในเส้นทางนี้

เรื่องคอมเมนต์เชิงลบ ก็มีบางคอมเมนต์ที่กระทบจิตใจถึงขั้นที่หนูต้องไปบำบัดจิต เพราะหนูรู้สึกว่าโซเชียลมันท็อกซิกมาก แต่ถึงยังไงหนูก็ขาดโซเชียลไม่ได้อยู่ดี เพราะเรามีชื่อเสียงได้เพราะโซเชียล และต้องใช้ชีวิตกับโซเชียล เราก็แค่เลือกว่าอันไหนดีเราก็รับ อันไหนไม่ดีเราก็ตัด ไม่จำเป็นจะต้องให้คนมาคอยข่มตลอด มีผู้เข้าประกวดคนหนึ่งเคยพูดว่า อย่าสนใจน้ำลายราคาถูก เพื่อแลกกับความฝันตัวเอง หนูชอบมาก เพราะรู้สึกว่ามันจริง ความฝันของเรามันไกลแค่ไหน ยากแค่ไหนที่จะไปถึงจุดนั้นได้ แล้วทำไมเราถึงจะต้องผลักตัวเองออกจากเส้นทางความฝัน ทำไมต้องมาสนใจกับคำพูดเชิงลบ มันทำให้หนูเลือกที่จะฮึดสู้ แล้วก็อยู่ต่อได้”

 

 

Charlotte Possible คอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรก ของ ชาล็อต ออสติน

“ตอนที่บอสถามว่า อยากมีคอนเสิร์ตเดี่ยวไหม ในใจหนูตอนนั้นคืออยากมี เพราะเป็นโอกาสเดียวที่หนูจะสามารถมีได้ ซึ่งตอนแรกกลัวเพราะว่าหนูร้องเพลงไม่เพราะ บอสก็เลยบอกว่า ถ้าอยากมี เดี๋ยวพาไปเรียนกับครูก้อย หนูก็ไปเรียนกับครูก้อยอยู่ 3 เดือน ก็เริ่มมั่นใจขึ้น จากที่หนูมีปัญหาเรื่องการหายใจ เรื่องการอ้าปาก ครูก้อยก็สอนพื้นฐานก่อนเลยว่า ต้องอ้าปากเวลาร้อง ต้องหายใจให้ตรงจังหวะเป็นท่อน ๆ เราต้องฟังเยอะ ๆ โชคดีตรงที่ว่าหนูเป็นคนฟังเพลง หนูก็เลยจะรู้เมโลดี้ รู้จังหวะว่าขึ้นตอนไหน แล้วพอมีคอนเสิร์ตครั้งแรก ก็ตั้งใจเลยว่า เราจะปล่อยจอย แฮปปี้ไว้ก่อน เอนจอยไว้เลย พอคอนเสิร์ตจบกลายเป็นว่าผลลัพธ์ดีมาก ๆ มีหลายเพลงที่หนูก็คิดว่าตัวเองทำได้ยังไง เรียนแค่สามเดือน จากเด็กที่ขึ้นผิดคีย์ หายใจก็ไม่ตรงจังหวะ มีคอนเสิร์ตเดี่ยวได้ แล้วพอแฟนคลับบอกว่าภูมิใจ บอสภูมิใจ หนูก็แฮปปี้มาก ๆ”

 

มนต์รักลูกทุ่ง 2567 ก้าวต่อไปของ ชาล็อต ออสติน

“ด้วยความที่เป็นละครถูกรีเมกมาหลายรอบ มันก็เลยมีความกดดัน พอรู้ว่าจะต้องมารับบท ทองกวาว หนูทำการบ้านเยอะมากโดยการกลับไปย้อนดูมนต์รักลูกทุ่งที่ผ่านมาในหลาย ๆ เวอร์ชัน เพื่อดูว่า ทองกวาว แต่ละเวอร์ชันมีอะไรที่เหมือนกันบ้าง แล้วบอกเลยว่าเวอร์ชันนี้ ทองกวาว จะไม่เหมือนเวอร์ชันอื่นเลย จะมีความทันสมัย ความแสบ ความซน ความดื้อ แล้วก็จะเป็นฝ่ายที่เข้าหา พี่คล้าว ตลอด ซึ่งทางผู้จัดบอกว่าอยากได้ ทองกวาว ที่แตกต่าง ให้คนเดาไม่ได้ว่าจะมาเวอร์ชันไหน ก็อยากให้เปิดใจติดตาม มนต์รักลูกทุ่ง 2567 กันนะคะ”

 

 

ส่องหัวใจเผยเสปกที่ใช่ ของ ชาล็อต ออสติน

“หนูชอบคนสูง เพราะหนูสูง 173 ซม. หนูเลยชอบคนสูง แล้วก็ชอบคนที่นิสัยเหมือนพ่อหนู ซึ่งพ่อเป็นคนที่ไม่ดุ ไม่งี่เง่า ไม่มาเข้มงวด หนูชอบคนที่ดูแลตัวเองได้ แล้วก็ดูแลเราได้ด้วย แล้วช่วงที่หนูต้องการกำลังใจมาก ๆ เขาต้องอยู่ เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่เขาไม่อยู่ แล้วทำให้หนูรู้สึกว่าหนูอยู่คนเดียว หนูจะไม่เอาเลย เพราะหนูเป็นคนที่โตมากับพ่อแม่ที่แยกทางกัน ถ้ามองลึก ๆ คือเหมือนขาดความอบอุ่นในเรื่องของความรัก หนูโตมาคนเดียว มาอยู่กรุงเทพคนเดียว ไม่มีใครคอยฮีลใจเลย หนูแค่อยากมีเซฟโซน เวลาเหนื่อยงานมาเจอ กินข้าวด้วยกัน นอนดูหนังด้วยกัน ซึ่งตอนนี้ยังไม่มี ความรักตอนนี้ ขอโฟกัสเรื่องงานก่อนก็แล้วกัน แล้วที่เหลือก็ค่อยว่ากันอีกทีว่าเมื่อไหร่”

 

 

คำขอบคุณ จาก ชาล็อต ออสติน
หนูภูมิใจที่ตัวเองไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค มีสำนักข่าวหนึ่งเคยบอกว่า ชาล็อต ออสติน ในอนาคตกำลังรอ ชาล็อต ออสติน คนนี้เดินไปหาอยู่นะ มันเลยรู้สึกว่า ฉันต้องไปให้ถึงในสิ่งที่อยากทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็แล้วแต่ หนูมองว่าสิ่งที่ทำให้หนูมาอยู่จุดนี้ได้ คือการไม่หยุดพัฒนาตัวเอง ร้องเพลงไม่ได้ก็ไปเรียน เต้นไม่ได้ก็ไปฝึก หนูไม่ได้เป็นคนมีพรสวรรค์ แต่ถ้าเรื่องพรแสวงหนูก็ไม่ได้แพ้ใคร

ขอบคุณทุกคนมาก ๆ นะคะ ที่ยังอยู่ซัพพอร์ตแล้วก็พยายามผลักดันเด็กคนนี้ให้ไปในเส้นทางความฝัน เคยมีคนบอกว่า พี่จะอยู่จนกว่าพี่จะตะโกนชื่อน้องแล้วน้องไม่ได้ยิน หนูจะทำตัวให้ดี จะดื้อให้น้อยลง แล้วก็จะสร้างผลงานดี ๆ ให้ทุก ๆ คนได้แฮปปี้ ฝากผลงานไว้ และอยู่กันเป็นครอบครัวแบบนี้ไปนาน ๆ นะจ๊ะ SMILEY แดง ชิงชิง แล้วก็พี่ฟริ้งด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ” - ชาล็อต ออสติน

 

 

ดูรายการย้อนหลัง

album

0
0.8
1