ทำความรู้จัก “นุ่น - น้อยหนึ่ง” คู่รักนักสร้างมีม ที่ช็อตฟีลกันแบบสุด แล้วหยุดที่ไวรัล

Club Pride Day Recap

ทำความรู้จัก “นุ่น - น้อยหนึ่ง” คู่รักนักสร้างมีม ที่ช็อตฟีลกันแบบสุด แล้วหยุดที่ไวรัล

01 ธ.ค. 2023

เป็น Club ที่คอยเติมสีสัน แบ่งปันแรงบันดาลใจ ในทุก ๆ สัปดาห์ กับ Club Pride Day คุยอย่าง Proud เมาท์อย่าง Pride ทอล์คกระทบไหล่กับตัวแม่ กับสองดีเจสุดแซ่บ “ดีเจพี่อ้อย” และ “ดีเจก็อตจิ” ที่ได้เปิดไมค์ต้อนรับแขกรับเชิญสุดพิเศษ “น้อยหนึ่ง-นุ่น” คู่รักนักช็อตฟีล เจ้าของมีมสุดไวรัลในโซเชียล ที่จับมือกันมาเล่าเรื่องราวสีสันของชีวิต พร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจดี ๆ ในรายการด้วย

 

 

ย้อนวันวาน ของ “น้อยหนึ่ง”

น้อยหนึ่ง : “น้อยหนึ่งเรียนจบปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ภาควิชาการออกแบบอุตสาหกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งจริง ๆ แล้วความฝันของเราคืออยากเป็นครู และหลังจากเรียนจบ เราได้ไปเป็นอาจารย์พิเศษก่อน 2 ปี เราชอบสอน ชอบสื่อสาร จากนั้นก็ได้ไปเรียนต่อปริญญาโท คณะครุศาสตร์ศิลปศึกษา ระหว่างเรียนก็ทำงานไปด้วย ปรากฏว่าพอทำงานได้เงิน ก็ตัดสินใจเลิกเรียนเลย ทั้ง ๆ ที่การเรียนปริญญาโทเหลือแค่เอาวิทยานิพนธ์ไปทดลองก็จะเรียนจบแล้ว แต่เราเลือกที่จะออกมาทำงาน แต่งานที่เราทำอยู่มันก็เหมือนกึ่ง ๆ เป็นครูด้วย เพราะมีการสอนบ้างบางครั้ง

พอมาทำงาน เราก็ได้เอาความรู้จากตอนเรียนมหาวิทยาลัยมาปรับใช้ เช่น ตอนที่เราคิดงาน ก็จะใช้หลักการของสถาปนิก หรือว่าหลักการของนักออกแบบ มาใช้ในการคิดโจทย์ต่าง ๆ หรือเวลามีลูกค้าเข้ามา เราก็พยายามคิด และแปลงโจทย์ออกมาเป็น Presentation เพื่อให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าที่สุด มันกลายเป็นความรู้สึกดีใจ ที่เรายังสามารถเอาทักษะจากการเรียนมาใช้ในการทำงานได้ด้วย

ส่วนที่มาของงานแต่งหน้า มาจากที่เราชอบศิลปะ ชอบวาดรูป แล้วเราได้มีโอกาสทำบอดี้เพนท์ ซึ่งมันเหมือนกับการวาดรูปการ์ตูนบนใบหน้า พอได้ทำก็รู้สึกว่าสนุกดี พอเรามีผลงานก็เอาไปลงในเว็บบอร์ด จากนั้นก็มีคนเข้ามาดูผลงาน แล้วก็จะมีคนคอมเมนต์ถามมาว่าส่วนนี้ทำอย่างไร  แล้วเราก็ต้องไปอธิบายว่าเราทำอย่างไร ท้ายที่สุดเลยตัดสินใจว่า ถ้าอย่างนั้นเราสอนเลยดีกว่า ก็สอนแต่งหน้าเลย สอนแต่งเป็นผี แต่งแฟนซี ซึ่งสอนมาประมาณ 10 ปี ตั้งแต่เริ่มทำบล็อกเกอร์มา”

 

 

ย้อนวันวาน ของ “นุ่น”

นุ่น : “นุ่นเรียนจบคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ตั้งแต่เรียนจบก็เป็นพนักงานออฟฟิศมาตลอด เพิ่งจะออกมาทำยูทูบเบอร์กับน้อยหนึ่งได้ 2 ปี ซึ่งจริง ๆ เราเรียนจบ บรรณารักษศาสตร์ ซึ่งไม่ตรงกับงานที่ทำด้วยซ้ำ เพราะทำงานเกี่ยวกับสายนำเข้าส่งออกพัสดุ ซึ่งเราทำงานในส่วนของการดูแลลูกค้า แล้วก็ย้ายไปทำเกี่ยวกับการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภค แล้วก็กระโดดเปลี่ยนสายอีกครั้ง ไปทำงานเอเจนซี่โฆษณา ทำได้ประมาณ 1 ปี แล้วน้อยหนึ่งก็ชวนให้ออกมาทำยูทูบเบอร์ด้วยกันไหม เพราะระหว่างที่เป็นพนักงานออฟฟิศ เราก็ทำช่องมาแล้วสักพัก มันก็เริ่มโตขึ้น ๆ แล้วเราก็เริ่มเห็นว่ามันเริ่มมีโอกาสที่จะโตได้มากกว่านี้ ถ้าเราออกมาทำจริงจังก็น่าจะดี ในระหว่างตัดสินใจก็โลเลเหมือนกัน แต่ด้วยความที่ น้อยหนึ่ง ช่วยซัพพอร์ท เค้าบอกว่าออกมาลองดูสักตั้งก่อนก็ได้ ซึ่งเราก็คิดไว้แล้วว่า ถ้าสมมติมันไม่รุ่ง ก็จะกลับไปเป็นพนักงานออฟฟิศเหมือนเดิม

เรื่องความกล้าที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone เรามองว่า มันก็ไม่แปลกถ้าบางคนจะยังติดอยู่ใน Comfort Zone ส่วนตัวนุ่นเอง เราเป็นคนที่ชอบกระโดดไปเรื่อย ๆ มันสนุกกว่า เพราะสิ่งที่มันได้กลับมาคือความตื่นเต้น ถ้าสมมติว่าเราประสบความสำเร็จ เราจะรู้สึกว่ามีพลัง และมีกำลังพอที่จะก้าวต่อไป และถ้าจะให้แนะนำก็คิดว่าควรเริ่มจาก Comfort Zone เล็ก ๆ ก่อนดีกว่า อย่างตอนที่นุ่นลองทำช่องก่อน โดยที่ยังเป็นพนักงานออฟฟิศอยู่ มันเหมือนเป็นการกระโดดไปชิมลางก่อน ถ้ามันทำได้ เราก็เต็มที่ 100% กับตรงนี้เลย แล้วเมื่อมันประสบความสำเร็จแล้ว เราก็สามารถที่จะไปทำอย่างอื่นต่อได้”

 

 

จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ ของ “น้อยหนึ่ง-นุ่น”

น้อยหนึ่ง : “จุดเริ่มต้นที่ได้รู้จักกันคือ จากการที่เราไปโพสต์โปรไฟล์ไว้ในเว็บบอร์ด แล้วก็ได้มีโอกาสแอด msn คุยกัน คุยหมดเลยทุกเรื่อง แล้วเราคุยกับเค้า แต่จำชื่อเค้าไม่ได้ด้วยนะ พอวันที่มาเจอหน้ากัน คุยไปคุยมาจึงรู้สึกว่า คนนี้มีอะไรพิเศษ แล้วด้วยความที่บ้านใกล้กัน แล้วตอนนั้นเราหิวข้าวแต่ไม่อยากกินข้าวคนเดียว ซึ่งเค้าก็อยู่แถวนั้นพอดี ก็เลยชวนมาเจอกัน หลังจากนั้นก็คุยกันประมาณ 3-4 เดือนได้”


นุ่น : “คุยกันใน msn ตอนแรกเรายังไม่เห็นหน้าเค้า เพราะเค้าไม่ได้โชว์รูป ตอนนั้น น้อยหนึ่ง อยู่ ม.6 นุ่น อยู่ ปี 3 แต่พอได้คุยกันรู้สึกถูกคอ นุ่นก็ขอเค้าเป็นแฟน ด้วยความที่เค้าเป็นคนที่มีความคิดแปลก ๆ ซึ่งแปลกในที่นี้คือ เค้าชอบคิดเรื่องนิยาย คิดเรื่องผี แล้วพอเค้าคิดอะไรได้ในหัว เค้าก็มาเล่าให้เราฟังหมด และด้วยความที่นุ่นเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่เค้าเป็นคนพูดเก่ง เราก็รู้สึกว่า แม้เรื่องที่เล่ามันค่อนข้างที่จะส่วนตัวสำหรับเค้า แต่เค้าก็กล้าที่จะมาเล่าให้เราฟัง ตอนนั้นมันเลยรู้สึกว่า เค้าคิดอะไรกับเรารึเปล่านะ เหมือนว่าเราโทรศัพท์คุยกันทุกวัน แต่เค้ามีเรื่องมาเล่าให้เราฟังได้ทุกวัน มันก็เพลินเหมือนกัน”

 

 

“ผัวน้อย” ชื่อช่องนี้ ได้แต่ใดมา

นุ่น : “ตอนที่จะตั้งชื่อช่อง ก็ถาม น้อยหนึ่ง ว่าจะตั้งชื่อช่องยังไงดี ให้มันนำเสนอความเป็นตัวเรา แล้วก็เป็นตัวเค้าด้วย เพราะว่าเป็นช่องที่เราทำกันสองคน น้อยหนึ่งบอกว่าก็เป็น ผัวน้อย ก็ได้ เรียกแทนตัวเองว่าเป็นผัวน้อยของคนอื่นด้วย แล้วก็อีกส่วนหนึ่งก็เป็นผัวของน้อยหนึ่งด้วย”

 

น้อยหนึ่ง : “จริง ๆ ชื่อ น้อยหนึ่ง นุ่น ก็เป็นคนตั้งให้นะ เพราะปกติชื่อหนึ่งเฉย ๆ แล้วตอนนั้นอยากได้ชื่อ เพื่อเอาไปตั้งเป็นชื่อเฟสบุ๊ค เราอยากได้ชื่อที่มันอ่านแล้วรู้สึกไร้กาลเวลา และดูเด็กอยู่ตลอด”

 

นุ่น : “ชื่อ น้อยหนึ่ง ตอนแรกที่เมมเบอร์โทรศัพท์ ด้วยความที่เรามีเพื่อนชื่อหนึ่งหลายคน พอเค้าเป็นแฟน ถ้าจะเมมว่าหนึ่งเฉย ๆ มันก็ไม่แตกแต่ง เราก็เลยเติมเป็น น้อยหนึ่ง จะได้ดูแบบน่ารักกุ๊กกิ๊ก”

 

เป็นแฟนกัน ทำงานด้วยกัน ทะเลาะกันไหม ?

 

น้อยหนึ่ง : “ก็มีตีกันบ้าง แต่มันเป็นการตีกันเรื่องงาน พอจบงานแล้วก็คุยกันเลย แล้วเราก็มีกฎคือ เราไม่ทะเลาะกันเกิน 1 วัน เป็นกฎที่ตกลงตั้งแต่แรกตอนคบกัน เพราะว่าเราเคยทะเลาะกันเกิน 1 วันแล้ว สุดท้ายเราก็ต้องมาคุยกันอยู่ดี มันรู้สึกว่าเสียเวลา เราคุยกันเลยดีกว่า บังคับตัวเองหน่อย เอาอีโก้ออกก่อน เพราะถ้านอนไปทั้ง ๆ ที่ใจมันขุ่นมัว พรุ่งนี้มันก็จะขุ่นมัว ก็เลยตั้งกฎเอาไว้เลยว่า เวลาทะเลาะกันเรื่องอะไร จะเรื่องเล็ก หรือเรื่องใหญ่ 1 วันต้องเคลียร์ให้จบ”

 

นุ่น : “ที่น้อยหนึ่งพูดว่า 1 วันต้องให้จบ บางทีมันอาจจะไม่ได้จบ แต่ความหมายจริง ๆ คือ ถ้าทะเลาะกันไม่ควรจะเงียบ ต้องคุยก่อน บางที 1วัน มันอาจจะแก้ปัญหาไม่ได้เลย แต่อย่างน้อยเราเริ่มคุยกันก่อนว่าเธอโกรธฉันเพราะอะไร หรือฉันงอนเธอเพราะอะไร เราจะได้รู้ เพราถ้าต่างคนต่างเงียบ มันก็ไม่รู้ว่าคนนี้โกรธอยู่ หรือว่าคนนี้งอนเรื่องนี้อยู่ มันก็จะไม่จบ”

 

น้อยหนึ่ง : “ด้วยความที่บางทีเราติดความเป็น Perfectionist ทำอะไรมันต้องเป๊ะ แต่ว่าบางครั้งงานมันหลุดบ้าง ซึ่งพอมันไม่ได้อย่างที่เราคิด บางครั้งเราก็เป๋ แล้วถ้าไลฟ์ไหนทะเลาะกันแรง เราลบไลฟ์ไปเลยก็มี แต่จริง ๆ พอหยุดไลฟ์ปุ๊บ อารมณ์ก็หยุดเลย แล้วเราก็มานั่งคุยกัน บางทีเราน้อยใจ บางทีเค้าน้อยใจ มันก็ต้องมาฮีลใจกันไป”

 

 

ปรับจูนเข้าหากัน เพื่อให้งาน และความสัมพันธ์ปังขึ้น

น้อยหนึ่ง : “มันเหมือนกับว่า เราทำยูทูบเบอร์มาก่อนเค้า และเค้าก็เป็นเบื้องหลังให้เราด้วย พอทำงานด้วยกัน เค้าก็จะเรียนรู้ได้เร็ว แต่อาจจะมีบางเรื่องที่เราอาจจะต้องสอนเค้านิดนึง อย่างเวลาเราจะเล่นมุก มันจะต้องแบบนี้นะ มันจะขำด้วย ไม่ใช่ว่านั่งนิ่ง ประมาณนั้น”

 

นุ่น : “มันถึงเป็นที่มาของ นักช็อต ก็คือบางทีเค้าอาจจะยิงมุกมา แล้วเราไม่ได้ขำตาม เค้าก็จะบอกว่าจะช็อตทำไม แต่จริง ๆ เอาเป็นว่า ให้คิดว่า นุ่น เป็นซาวด์เอ็ฟเฟ็กต์แล้วกัน คือถ้าเล่นมุกแล้วไม่มีคนขำ ก็คิดว่าให้เสียงขำของนุ่น เป็นซาวด์เอ็ฟเฟ็กต์ของน้อยหนึ่ง”

 

น้อยหนึ่ง : “เวลาไลฟ์แล้วเริ่มรู้สึกว่าคลิปไม่สนุก ก็จะตีกันไปเลย เพื่อให้กราฟมันไม่นิ่ง แต่บางครั้งเราไม่ได้เตี๊ยมเค้าก่อน แล้วบางทีเค้าโกรธจริง เราก็จะทำให้เค้าเย็นลง แล้วค่อยมาเฉลยว่า เมื่อกี๊หลอกนะ”

 

นุ่น : “เรื่องโกรธก็มีบ้างที่อาจจะงอนเค้า เพราะบางครั้งเวลาไลฟ์ เราเองก็ไม่รู้ตัวว่าเราทำอะไรผิด แล้วเค้าชอบยุชอบแกล้งในไลฟ์ จนสุดท้ายเค้ามาเฉลยว่า จริง ๆ เค้าแค่อยากจะบิ๊วท์เราให้ไลฟ์มันไม่นิ่ง”

 

น้อยหนึ่ง : “เรื่องโปรดักชั่น เราสองคนทำกันเองทั้งหมด แต่ก็มีทีมงานเบื้องหลังที่เป็นเอเจนซี่ช่วยเราเรื่องการหางานด้วย ซึ่งเป็นบริษัทที่เราสังกัดอยู่ เค้าจะดูแลเราแบบอินฟลูเอนเซอร์ และจะมีเป็นร้อย ๆ ชีวิตเลยที่เค้าดูแลอยู่ เวลามีงานจ้างเข้ามา เค้าก็ดูว่าใครเหมาะสมกับงานไหน ถ้าเราเหมาะกับงานนั้น เค้าก็จะติดต่องานให้เรา”

 

นุ่น : “เรื่องหน้าที่ในการทำงาน เราผลัดกัน บางทีอาจจะขับรถกันอยู่ น้อยหนึ่ง คิดไอเดียขึ้นมาได้ เค้าก็จะเป็นคนเล่าไอเดีย แล้วนุ่นก็จดไว้ หรือบางครั้งเราเป็นคนขับ มีไอเดียขึ้นมา ก็ให้น้อยหนึ่งจด แล้วก็มาทำคลิปกัน ในอนาคตมีคลิปที่อยากทำแต่ยังไม่เคยทำก็คือ คลิปที่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน ซึ่งยังไม่เคยลอง ซึ่งคนดูส่วนใหญ่ชอบ vlog ของน้อยหนึ่ง เพราะเค้าเป็นคนตลก เห็นอะไรก็ขำไปหมด เลยเป็นคลิปที่อยากทำถ้ามีโอกาส”

 

 

“น้อยหนึ่ง-นุ่น” กับการยอมรับตัวตนจากคนในครอบครัว

นุ่น : “ที่บ้านฝั่งนุ่นค่อนข้างเปิดกว้าง เค้าไม่ได้ห้ามไปนั่น ห้ามไปนี่ แล้วตัวนุ่นเอง ก็จะประพฤติตัวเป็นเด็กดีมาตั้งแต่เด็ก อยู่ในร่องในรอย ตั้งใจเรียน ครอบครัวเลยเข้าใจ และเปิดโอกาสให้เราได้ทำในสิ่งที่ชอบ”

 

น้อยหนึ่ง : “เราก็ค่อนข้างเป็นเด็กเรียน เราเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนจะต้องรู้ว่าลูกเป็นหรือไม่เป็น พ่อแม่รู้อยู่แล้ว แต่บางคนเค้าไม่พูด หรือบางทีเค้าไม่แน่ใจ เค้าก็อาจจะมีวิธีทดสอบเรา ซึ่งเราเองค่อนข้างโชคดีที่ครอบครัวไม่ได้บังคับ และสนับสนุนเราทุกอย่าง ไม่ค่อยมีดราม่าตอนเด็ก”

 

นุ่น : “ตอนคบกับน้อยหนึ่งแรก ๆ พ่อแม่รู้อยู่แล้ว พอเราเริ่มพาเค้าเข้าบ้าน พ่อกับแม่ก็คงเข้าใจไปได้โดยปริยายว่านี่คือแฟนที่เราคบอยู่ หลังจากนั้นมาก็อยู่แบบนี้มาตลอด น้อยหนึ่งก็ไปมาหาสู่อยู่ตลอด ซึ่งจะต่างกับบ้านน้อยหนึ่งในตอนแรก ๆ”

 

น้อยหนึ่ง : “คบกันแรก ๆ เราต้องแอบแม่ แต่บางครั้ง นุ่น ก็มาเจอในแบบที่เราไม่สบาย แล้วเค้ามาเยี่ยมเรา แล้วแม่ก็ถามว่านี่ใคร เราก็ดันมีพิรุธบอกไปว่าเป็นพี่ที่รู้จักกันที่โรงเรียน แต่พี่ที่รู้จักจะมาทำไม คนอื่น ๆ ไม่เห็นมา ซึ่งเราว่าแม่ต้องรู้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเค้าอาจจะอยากให้เราบอกเค้าเอง พอเราบอก เค้าก็รับได้ ไม่ได้เป็นเรื่องยากเลย”

 

 

“น้อยหนึ่ง-นุ่น” กับความรู้สึกที่มีต่อ #สมรสเท่าเทียม

น้อยหนึ่ง : “รู้สึกว่า มันเป็นอีกก้าวที่ค่อนข้างสำคัญ อย่างเราไม่ได้มองว่าสมรสเท่าเทียมแล้วเราอยากจะแต่งงานกัน อยากจะใส่ชุดเจ้าสาว เราไม่ได้มองไปตรงนั้น แต่เรามองในเรื่องข้อกฎหมาย ที่จะมาคุ้มครองคู่เรามากกว่า”

นุ่น : “อย่างเวลาเซ็นผ่าตัด คือน้อยหนึ่งเค้าเป็นลูกคนเดียว ถ้าหากว่าเค้าไม่มีญาติ นุ่นก็จะได้มีโอกาสเซ็นแทนหากเค้าเป็นอะไรไป หรือแม้แต่เรื่องกู้ยืม หรือว่าเรื่องบ้าน เราเองก็อยากจะมีอนาคตที่มันร่วมกัน”

 

 

วิธีดูแลความรัก ของ “น้อยหนึ่ง-นุ่น”

 

น้อยหนึ่ง : “คุย และ สื่อสารกันเยอะ ๆ ถ้าไม่พอใจ หรืออยากได้อะไรต้องพูด เพราะเราไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน ฉะนั้นบางเรื่องเค้าอาจจะไม่รู้ก็ได้ ต้องการอะไรต้องบอก อย่างเราเป็นคนค่อนข้างไม่โรแมนติกเลย แต่ว่าเค้าจะโรแมนติกมาก จนช่วงหลัง ๆ มาก็ปรับจูนกัน ก็ทำให้เข้าใจเค้ามากขึ้น”

 

นุ่น : “ความชอบของเราเปลี่ยนไปทุกวันอยู่แล้ว เราก็หมั่นอัพเดทเค้าหน่อย เพราะเค้าอยู่ข้างๆ เรา จะไปอัพเดทคนอื่น ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่อง คุยกับคนที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนดีกว่า นุ่น อยากบอก น้อยหนึ่งว่า ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่เป็นทั้งแฟน ทั้งเพื่อน และเป็นเพื่อนร่วมงานด้วย ขอบคุณที่อยู่กันมาถึง 17 ปี อาจจะมีทั้งสุขบ้าง ทุกข์บ้าง แต่โดยรวมแฮปปี้ ขอบคุณนะครับ”

 

น้อยหนึ่ง : “จริง ๆ ก็ไม่ค่อยพูดอะไรหวาน ๆ ก็รักนะ อยากให้ดูแลสุขภาพด้วย เพราะว่าอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย แล้วถ้าใครชื่นชอบคู่เรา ก็อย่าลืมติดตามช่องหนึ่งเมคอัพ แล้วก็ช่องผัวน้อยชาแนลด้วยนะคะ เป็นกำลังใจให้กันค่ะ”

 

 

ดูรายการย้อนหลัง

album

0
0.8
1