เปิดชีวิตหลากหลายรสชาติของ “แต๋ง อาฟเตอร์ยำ” ตัวแม่สายแซ่บ ผู้พลิกตำรายำกับการใช้ “ดาต้า” ผลักดันธุรกิจให้สำเร็จ

Club Pride Day Recap

เปิดชีวิตหลากหลายรสชาติของ “แต๋ง อาฟเตอร์ยำ” ตัวแม่สายแซ่บ ผู้พลิกตำรายำกับการใช้ “ดาต้า” ผลักดันธุรกิจให้สำเร็จ

24 ก.ค. 2023

“แรงบันดาลใจมันอยู่ในตัวทุกคน ทุกคนคือฮีโร่ I Am What I Am คือสิ่งสำคัญที่ทำให้เรายืนหยัดในวงการธุรกิจ อย่าลอกเลียนใคร เพราะไม่มีใครเหมือนเรา และเราต้องไม่เหมือนใคร เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ”

 

 

รายการ Club Pride Day พื้นที่ที่เปิดโอกาสให้คุยอย่าง Proud เมาท์อย่าง Pride ทอล์กกระทบไหล่กับตัวแม่ ไปพร้อมกับ 2 ดีเจสุดแซ่บ “ดีเจพี่อ้อย” และ “ดีเจก็อตจิ” ได้มีโอกาสเปิดไมค์ต้อนรับแขกรับเชิญสุดพิเศษ เธอคือตัวแม่สายแซ่บ ผู้สร้างตำนาน #กะเทยต้องคู่กับยำ ผู้บุกเบิกธุรกิจ อาฟเตอร์ยำ (After Yum) ร้านยำเล็ก ๆ จากเมืองพัทยาที่แจ้งเกิดแบรนด์ด้วยการสร้างปรากฎการณ์คนต่อแถวรอคิวยาวหลังจากเปิดร้านได้ไม่นาน นำไปสู่การคิดค้นเมนู และผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่โดนใจลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จากการนำ “ดาต้า” มาใช้ในธุรกิจจนประสบความสำเร็จ

สีสันชีวิตหลากหลายรสชาติ พร้อมแรงบันดาลใจ ถูกส่งต่อเมื่อสองดีเจเปิดไมค์ต้อนรับ “แต๋ง  กฤษฏิ์กุล ชุมแก้ว” หรือ “แต๋ง อาฟเตอร์ยำ” ที่มาพร้อมกับเรื่องราวชีวิตกว่าจะมีวันนี้ เธอผ่านการคิดค้น ทดลอง และลิ้มรสกับหลากหลายรสชาติของชีวิต ที่เธอได้มาแบ่งปันในรายการ

 

จากปูดำ 3 ตัว ในวันนั้น สู่ร้านยำลูกค้าแน่นในวันนี้

เปิดไมค์พร้อมกับ เปิดที่มาของร้าน After Yum ร้านยำสุดแซ่บที่สร้างปรากฎการณ์ลูกค้าต่อคิวแน่น แห่งเมืองพัทยา ซึ่งจุดเริ่มต้นของร้านนี้เกิดจากการที่สองเพื่อนรัก นัดกันมาปรับทุกข์ และทานอาหารร่วมกันในช่วงปลายปี พ.ศ. 2561 เมื่อ คุณดุจดิว ได้ลองชิมรสฝีมือยำปูของ คุณแต๋ง ก็เกิดการเรียกร้องอยากทานยำทุกวัน จนตกลงกันเพื่อลองทำขาย จึงเริ่มขับรถตระเวนหาสถานที่ทั่วเมืองพัทยา จนมาเจอสถานที่ให้เช่าในปั๊มน้ำมันคาร์ลเท็กซ์ และก็เริ่มเปิดขาย After Yum โดย คุณแต๋ง ได้เล่าจุดเริ่มต้นที่ตัดสินใจทำธุรกิจร้านยำให้ฟังว่า “ตอนแรกเกิดจากความอยากกินเฉย ๆ แล้วก็อยากมีสถานที่ ที่เอาไว้กินยำกันเฉย ๆ แค่นั้นเอง ไม่คิดอะไรเลยค่ะ

ดุจดิว เป็นลูกสาว ซึ่งก่อนหน้าที่จะสนิทกัน เราเป็นหนึ่งในคนเที่ยว แล้ว ดุจดิว ก็เป็นนางโชว์อยู่ที่อัลคาซ่า พัทยา ในช่วงนั้นเรามีบาดแผลชีวิตพอดี เป็นเรื่องสุขภาพเกี่ยวกับการผ่าตัด ตอนนั้นแต๋งรอผลตรวจชิ้นเนื้ออยู่ มันทำให้เรารู้สึกว่า สิ่งที่เราทำมาทั้งหมดในชีวิตมันคืออะไร เลยกลับไปปล่อยวางแล้วทิ้งทุกอย่าง คิดว่ามันอาจจะเป็นวันสุดท้ายแล้วก็ได้ ไม่มีใครรู้ แต่สุดท้ายแล้ว ผลออกมาว่าเป็นชิ้นเนื้อปกติ แต๋ง ก็เลยสนิทกับ ดุจดิว สนิทกับน้องตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา

ช่วงก่อนเปิดร้านยำ เราก็ปรับทุกข์กัน ตอนนั้นปรับทุกข์เรื่องบ้าน ตอนนั้นซื้อบ้านหลังใหม่เหมือนกัน ดุจดิว ก็มีปัญหาอย่างนึง แต๋ง ก็มีปัญหาอย่างนึง หลังจากนั้นแล้วเราก็มาปรับทุกข์ กินข้าวกันทุกวัน แล้วช่วงนั้นเป็นเทศกาลกินเจ แล้วแต๋งก็กินเจ ซึ่งพฤติกรรมการกินแตกต่างกัน  ดุจดิว เป็นคนที่ชอบกินอาหารอย่างเดียว เขียวหวานก็เขียวหวานอย่างเดียวตลอด ส่วนแต๋ง 7 วัน 7 อย่าง จนกระทั่งวันที่ ดุจดิว ต้องมาทำงานที่กรุงเทพทุกวัน ไป ๆ กลับ ๆ หนูก็ทำกับข้าวรอ แล้ววันนั้น ดุจดิว ก็บอกว่า วันนี้กินส้มตำแล้วกันแม่ ง่าย ๆ แต๋งเลยถามว่าอย่างเดียวเหรอ ดูถูกแม่ไปป่าวลูก ก็เลยพากันไปร้านส้มตำ ทำยำปูดำ แล้วก็ไม่ทำเองด้วยนะ เพราะตอนนั้นจับน้ำปลาไม่ได้ แต๋งกินเจอยู่ ก็เลยให้คนอื่นจับใส่ ยำเสร็จก็ให้ ดุจดิว ชิมแล้วนางถูกใจ จากปูดำสามตัววันนั้นจนกลายเป็นร้านยำในวันนี้

ตอนแรกที่ชวนเปิดร้าน ดุจดิว นางอยู่เกาหลี แล้วนางก็ชอบบ่นว่าแม่ทำไมหนูอยากกินยำที่แม่ทำ ตอนนั้นทำให้นางกิน 5 วันติด จาก 3 ตัว เป็นครึ่งกิโล จากครึ่งกิโลเป็น 1 กิโล จาก 1 กิโลเป็น 2 กิโล กินกันแบบ 5 วันติด แต๋ง เลยชวน ดุจดิว ว่าเปิดร้านแล้วกันเนาะ ดุจดิว นางก็บอกว่า งั้นแม่หาที่เปิดเลย คุยกันแค่นี้เลย แล้วก็ลงทุนคนละ 15,000 บาท แต่พอถึงเวลาเปิดจริง ๆ ไม่ใช่ 15,000 มันเพิ่มไปเรื่อย ๆ เพราะในขณะที่เปิดอยู่ ยังต้องวิ่งซื้อโต๊ะ เก้าอี้ ซื้อจาน ซื้อของกันตลอดเวลา”

 

 

After You แรงบันดาลใจของชื่อร้าน After Yum

ในการเลือกใช้ชื่อร้านว่า After Yum คุณแต๋ง ได้เล่าที่มาของแรงบันดาลใจที่ใช้ชื่อนี้ให้ฟังว่า “ Inspiration ของ After Yum มาจาก After You ช่วงนั้นร้านยำชื่อแปลกมีเยอะมาก ทั้ง ยำกะเทย ยำองค์ลง ยำดีออก ยำโน่น ยำนี่ โอ๊ยสารพัดชื่อ แล้วช่วงนั้น Terminal 21 เปิด แล้ว แต๋ง ชอบกิน After You เลยอยากใช้ชื่อร้านเราว่า After Yum ซึ่ง วาย ยู เอ็ม ยำ ภาษาไทย คือ ยำ ส่วนภาษาอังกฤษ คือ Yummy ที่หมายถึงความอร่อย หนูเลยเคาะชื่อเป็น After Yum เลย

แล้ว น้องเมย์ เจ้าของ After You ให้คนติดต่อมา กะเทยก็ไม่กล้าไป กลัวเค้าฟ้อง จนกระทั่งช่วงโควิดก็ได้นัดเจอกันอีกรอบ ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง น้องเมย์บอกว่า พี่แต๋งคะ หนูขอบคุณพี่แต๋งมากเลย ที่ทำให้ After You คนกลับมาพูดถึงในช่วงนั้น จนมาถึงวันนี้ มีอะไรก็จะโทรปรึกษากันตลอด”

 

เปิดร้านวันแรกแบบไม่กล้าขาย แต่กลับขายหมดเกลี้ยงภายใน 2 ชั่วโมง!

สิ่งที่ คุณแต๋ง กลัวที่สุดของการเปิดร้าน คือกลัวคนจะไม่ซื้อ หรือทำผิดพลาดตกหล่น จึงมีความคิดที่ไม่กล้าขายจริงในวันแรก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเกินความคาดหมาย โดย คุณแต๋ง ได้เล่าเรื่องราวของการเปิดร้านในช่วงแรกให้ฟังว่า “หนูว่ายอดลูกค้าพุ่งจากโซเชียลมีเดีย เพราะในตอนนั้น ดุจดิว เป็นนักรีวิวอาหารอยู่แล้ว แล้ววันที่เปิดร้านวันแรก วันที่ 4 พฤศจิกายน 2561 วันนั้นไม่กล้าขาย หลังจากทำการเทสกันมาแล้วนะ ตอนนั้นกลัวไม่มีคนมากิน ก็เลยแจก ชวนเพื่อนฝูงที่มีช่องทางโซเชียลมากินกัน ถ้าถูกใจก็กดไลค์กดแชร์ แล้ววันนั้นก็ไลฟ์สดกันไปด้วย

แล้ววันที่สองปุ๊บ เปิดร้านได้ 2 ชั่วโมงของหมดเกลี้ยง ซึ่งในร้านเราทำกันเอง วันที่สองทะเลาะกับ ดุจดิว เลย เพราะนางเพิ่งกลับมาจากเกาหลี กลับมาจากการทำศัลยกรรม นางไปฉีดไขมันมา แล้ว ดุจดิว ต้องมาทอดหมูสามชั้น แล้วน้ำมันกระเด็น แล้วนางก็ไปนั่งร้องไห้ในห้องน้ำ คิดว่าหรือฉันไม่เหมาะกับสิ่งนี้ ซึ่งก่อนเปิดร้านคุยกันแล้วนะ บอกว่าถ้าทะเลาะกันหรือมีอะไรให้คุยกันก่อน หลังจากนั้นก็กลับมาเคลียร์กัน ซึ่งระหว่างทางที่ทำธุรกิจด้วยกัน มันก็มีการทะเลาะเบาะแว้งกันมาบ้าง แต่ทุกอย่างจะจบลงได้ คนเราจะทำธุรกิจเป็นพาร์ทเนอร์กัน สิ่งสำคัญคือการไว้ใจกันทางธุรกิจ และเรื่องเงิน ต่อให้รักกันขนาดไหน ถ้าโกงกันเรื่องเงินแม้แต่บาทเดียวคือไม่ได้เลย”

 

 

ใช้ “ประสบการณ์” ผสาน “ดาต้า” มัดใจลูกค้า สร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จ 

หัวใจสำคัญที่ทำให้ After Yum โดนใจลูกค้า คงไม่ใช่แค่คุณภาพวัตถุดิบ และรสชาติน้ำยำที่แซ่บถูกปากเท่านั้น แต่ยังมาจากการนำเอาประสบการณ์ในธุรกิจโรงแรม การเป็นอินฟลูเอนเซอร์ รวมถึงการเก็บข้อมูลมาปรับใช้ในการสร้างแบรนด์ให้แตกต่าง โดย คุณแต๋ง ได้เล่าเรื่องราวของการผสมผสานความรู้ในด้านต่าง ๆ มาสร้างเป็นกลยุทธ์ในการทำธุรกิจร้านยำให้ฟังว่า “หนูเรียนจบ Food & Beverage มา แต่ว่าความรู้ที่ได้ ไม่เท่ากับอยู่กับตายาย กับพ่อแม่  แล้วแอบชิมอาหารระหว่างเค้าทำ สมมติเค้าทำปลาราดพริก ทอดปลาเสร็จหนูก็จะแอบชิม เราก็จะได้ Process ระหว่างการทานไปเรื่อย ๆ ขั้นตอนนี้รสชาติเป็นแบบนี้โดยที่เราไม่รู้ตัว แล้วหนูชอบดีไซน์อาหารตั้งแต่เด็ก สมัยก่อนเราอยู่ต่างจังหวัด อยากกินสเต็ก ตอนนั้นเรานึกว่า สเต็ก กับสะเต๊ะ มันเหมือนกัน แล้วกะเทยก็อยากได้ซอสครีม เลยไปเอาครีมเทียมมาผสมให้มันคล้าย ๆ แล้วการทำ ขนมเค้ก ก็ไปซื้อครีมเทียม แล้วก็ใส่นมข้น เอามาผสมกัน หนูทำอย่างนั้น ชอบผสมผสานมาแต่เด็ก

ก่อนทำร้านยำ คือ แต๋ง ทำร้านอาหารที่สิงคโปร์มาก่อน ชื่อร้านว่า ครัวคุณนาย ก็จะมีแต่คุณนายมาทาน ค่าจ้างก็ 30 เหรียญ แต่ตอนนั้นหนูก็ตีการลงทุนครั้งนั้นเป็นศูนย์ ตีว่าเป็นการเรียนรู้เพื่อหาวิชาและประสบการณ์ ว่าวิธีการบริหารงานระหว่างประเทศมันเป็นยังไง แล้วหนูก็เก็บข้อมูลมา

จากนั้น แต๋ง ก็ได้มาทำธุรกิจโรงแรม แล้วก็ทำงานอีเว้นท์ออแกไนซ์ไปด้วย แล้วงานอีเว้นท์ออแกไนซ์ของแต๋ง ทุกอย่างมันจบที่แต๋ง ลูกค้ามีหน้าที่จ่ายเงิน แต๋งมีหน้าที่ขอบคุณค่ะ แล้วยิ้มสวย ๆ ตอนที่งานจบ เพราะฉะนั้นหนูต้องคำนวณทุนให้เป๊ะที่สุดเท่าที่จะเป๊ะได้ แล้วตอนทำโรงแรมตอนนั้นก็ตำแหน่ง Director of Sales & Marketing บ้าง เป็น Resident บ้าง แล้วหนูต้อง forecast ตัวเลข สมมติประมาณการ 3 เดือนล่วงหน้า ว่าจะมีตัวเลขเข้ามาเท่าไหร่ หนูต้อง forecast ตัวเลขตรงนั้นให้ได้ หนูก็เลยเอาวิชาออแกไนซ์ วิชาโรงแรม วิชาต่าง ๆ ที่หนูมีจากประสบการณ์ทั้งหมด มารวมในร้านยำ

ก่อนจะขายยำ หนูทำ Research ก่อนนะ ก็คือ มันจะมีราคาตลาดมาทุกวันที่ 1 และ 15 ของเดือน หนูก็เอามาคำนวณเลยว่าต้นทุน พริก มะนาว กุ้งหอยปูปลา ราคาเท่าไหร่ ช่วงนี้หน้าร้อน มะนาวจะแพง อีกสามเดือนราคาจะดีดขึ้นเป็นกี่เท่า ช่วงหน้าฝนปูแพง พริกแพง ช่วงกินเจผักแพง แล้วก็คิดคำนวณออกมาเป็นยำหนึ่งจาน เห็นราคาแล้วตกใจ ทำไมแพงจัง

ถ้าช่วงปกติ ต้นทุนอยู่ที่ 50 บาท แต่ถ้าช่วงที่ไม่ปกติต้นทุนอยู่ที่ 75 บาท มะนาวคือตัวแปรหลัก จากลูกละ 3 บาท 50 สตางค์ ขึ้นจนเป็น 12 บาท 13 บาท แล้วจากหน้าร้อนหน้าแล้งมะนาวไม่มีน้ำ จากที่ใช้ 4 ลูก กลายเป็นต้องใช้ 6 ลูก ก็ต้องลองคำนวณแล้วก็คิดว่าลองใช้วิธีการอื่นมั้ย คั้นแช่ต้องใช้ตู้แช่เท่าไหร่ วันนึง 10 กระสอบ 20 กระสอบ ค่าไฟไม่เท่าไหร่ ค่าตู้ 27,000 บาทแล้ว ต้องใช้ทั้งหมด 20 - 40 ตู้ แล้วพอลองวิธีการนี้ดู ปรากฎว่าไม่มันได้กลิ่นหอมของมะนาว สุดท้ายก็จบไป ก็ต้องยอมสู้กับความจริง สมมติเปิด 1 สาขา หนูต้องถอดทองทิ้งนะ อย่าค่าส่วนต่างมะนาว 700,000 บาท ส่วนต่างอย่างเดียว เท่ากับรถหนึ่งคัน หนูขับรถหนึ่งคันลงทะเล ทิ้งเลย แล้ว 3 เดือนก็ได้รถ 3 คัน ถ้า 3 คัน แล้วตอนนี้มี 3 สาขา กี่คันละที่หนูขับลงทะเล

ดังนั้นในการทำธุรกิจ หนูไม่ได้มี 2 - 3 แผน แต่หนูมี 5 แผน หนูมองว่าถ้าคนมี 5 ขา ล้มไป 1 ขา มันยังยืนได้อีก 4 ขา ซึ่งจะละเอียดมากในเรื่องงาน แล้วการเปิดร้านอาหารมันจะมีต้นทุนแฝงต่าง ๆ อย่างกระดาษทิชชู่แผ่นนึง 0.14 บาท ถ้าแผ่นใหญ่ 0.17 บาท ถุงดำแบบหนา ถุงละ 3 บาท หลอด 1 อัน ตกอันละเท่าไหร่ หนูคิดหมด เราต้องคิดแบบละเอียดมาก

หนูเป็นคนไม่ชอบกินยำ หนูชอบกินอาหารไทยร้านลุง ๆ ป้า ๆ ร้านอะไรที่ขึ้นชื่อว่าลุง ๆ ป้า ๆ หนูว่าอร่อย อย่างร้าน น้าต้อย ลุงอ๋อย น้าติ๋ม อะไรอย่างแบบนี้มักจะอร่อย แต๋ง ชอบกินอาหารไทยอันดับ 1 แล้วอันดับ 2 ชอบกินอาหารจีน ชอบมากถึงขนาดเคี่ยวน้ำจิ้มเป็ดปักกิ่งเอง 4 ชั่วโมง เพราะอยากได้รสชาติที่เราชอบแค่นั้นเอง

ส่วนการทำยำที่ร้าน ก็ต้อง Research และกลับมาที่ ดาต้า อีก สมมติว่าลูกค้ามานั่งปุ๊บ เวลาทานลูกค้าจะมีรีแอค แล้วหนูมองนะ เพราะอาหารคือความชื่นชอบส่วนตัว ทำไมก๋วยเตี๋ยวต้องมีเครื่องปรุง ก็เพราะแต่ละคนทานไม่เหมือนกัน นั่นหมายถึงว่า อะไรก็ตามแต่มันจะไม่มีทางถูกปากคน 100% แต่เราเลือกรสชาติที่แมส ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มใหญ่ แล้วก็คำนวณ Direction ทันที

ยำของแต๋ง ต้องเป็น 3 รส ซึ่งคนไทยกินยำต้องมี 3 รส ซึ่งถ้าเป็นคนทางใต้จะติดเค็ม ทางอิสานจะไม่เอาหวานเลย คนกรุงเทพก็จะไม่หวานเลย แต่คนชลบุรี พัทยากินหวานเจี๊ยบ มันเป็นวัฒนธรรมย่อยของแต่ละท้องถิ่น นั่นหมายความว่าถ้าเป็นยำ 3 รสจากร้านเราแล้ว ลูกค้าก็สามารถแจ้งรสเพิ่มเติมได้ว่า ไม่เปรี้ยว ไม่เผ็ด ไม่หวาน ไม่พริกนะ ซึ่งหนูทำให้ได้หมด เราไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นรสนี้เท่านั้น แต่คนชอบก็คือคนชอบ คนไม่ชอบก็คือไม่ชอบ แต่เราต้องรู้ว่าอันไหนคือรสชาติหลักที่คนส่วนใหญ่ชอบ ซึ่งก็เกิดจาก ดาต้า นี่แหละ สังเกตง่าย ๆ จากการกิน ถ้ากินซ้ำสองแสดงว่าลูกค้าชอบ

ตอนนี้ครัวกลางของ After Yum อยู่ที่พัทยาค่ะ หนูเอาส่วนต่างมาเป็นค่าขนส่ง เพราะหนู Research แล้วว่า ค่าแรงที่กรุงเทพกับค่าแรงที่พัทยาต่างกัน ทุกวันนี้หนูหุงข้าวเหนียวที่พัทยา ทำให้คุณภาพมันจะออกมาเหมือนกันทุกสาขา กุ้งมาจากบ่อเดียวกันทุกสาขา ทุกอย่างมาจากที่เดียวกัน แหล่งเดียวกัน วัตถุดิบเดียวกัน นั่นหมายถึงว่าคนกินยำต้องกินคำแรกแล้วต้องไม่เอ๊ะ ในการเพิ่ทสาขาเราเพียงแค่ปรับรสชาติ ให้เหมือนว่าไประยองต้องอีกรสนึง มาแถวคริสตัลต้องอีกรสนึง ไปปิ่นเกล้าก็ต้องอีกรสนึง ปรับรสได้ อย่างปิ่นเกล้าเนี่ยพวกของทอดแล้วก็ตัวยำทุกอย่างขายดีหมดเลย แต่ว่าทางฝั่งเลียบด่วนของทอดขายไม่ดีเพราะคนรักสุขภาพ ไปขายดีที่พวก กุ้งแก้ว หรือแซลม่อน อะไรแบบนี้ ซึ่งเราต้องปรับให้เหมาะกับแต่สาขา

ส่วนเรื่องโชว์ เรื่องเอนเตอร์เทนลูกค้า มันเริ่มจากกะเทยต้องตะโกนอยู่ตลอดเวลา ก็เลยคิดว่าต้องใช้ไมค์ พอใช้ไมค์ปุ๊บ เป็นอีกเสียงค่ะ เสียง MC เข้าสิงเลย ขออนุญาตประชาสัมพันธ์กันในรอบแรกค่ะ อาฟเตอร์ยำพัทยาเปิดให้บริการวันไหนถึงวันไหน สำหรับลูกค้าท่านใดจอดรถบริเวณฝั่งตรงข้าม รบกวนขอความกรุณางดสูบบุหรี่ด้วยนะคะ เนื่องจากเป็นหัวจ่ายน้ำมันอะไรประมาณนี้ หนูใช้ศัพท์ภาษากฎหมาย ภาษาแอร์โฮสเตท มาประกาศทุกคำ แบบนี้ทั้งวัน จนลูกค้าชื่นชอบกลายเป็นเอกลักษณ์

เราแค่อยากทำในสิ่งที่เราชอบ แล้วก็จะเป็นแพชชั่นความสนุกความสนาน มันคือความสุขที่เราอยากจะทำแค่นั้นเอง ไม่ได้คิดเลยว่ามันจะมาไกลหรือเติบโตขนาดนี้

 

 

เสพความสุขและความสำเร็จ แพชชั่นของ แต๋ง อาฟเตอร์ยำ

มีหนึ่งมุมมองจาก คุณแต๋ง ที่ได้แชร์ให้ฟังในรายการ ในเรื่องของการใช้ชีวิตของตัวเองแบบไม่มีแพชชั่น แต่มักจะโฟกัสที่ความสุข และ ความสำเร็จที่เกิดขึ้น โดย คุณแต๋ง ได้เล่าให้ฟังว่า “After Yum ในวันนี้สำหรับ แต๋ง มองว่ายังไม่ประสบความสำเร็จ แต่สำหรับ ดุจดิว นางมองว่าประสบความสำเร็จแล้ว กับการที่มีลูกค้าชื่นชอบ ชื่นชม เพราะ ดุจดิว ไม่ได้คาดหวัง แค่นี้นางก็แฮปปี้แล้ว แต่ แต๋ง ด้วยความที่เราใช้ชีวิตแบบไม่มีแพชชั่น อย่างที่แต๋งบอกกับทุกคนเสมอ ว่าแต๋งไม่รู้เลยว่าความสุขปลายทางของแต๋งคืออะไร ระหว่างทางเดินเราไม่รู้ว่าเราจะเจออะไรบ้าง แต่หนูรู้ว่า วินาทีนี้หนูต้องมีความสุข

หนูเสพความสุข แล้วก็เสพความสำเร็จ เกมเล็ก ๆ ในชีวิตเราแพ้ได้ แต่เกมใหญ่ ๆ เราห้ามแพ้ หนูจะบอกตัวเองเสมอ แล้วหนูจะประเมินสถานการณ์เลยว่าโอกาสชนะแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ในเกม ถ้า 51 ต่อ 49 หนูลง แต่ถ้า 49 ต่อ 51 หนูถอย หนูจะจดอยู่ในสมองกลายเป็นกระบวนการคิดทั้งหมด”

 

“คน” ความยากที่สุดในการทำธุรกิจ

มีหนึ่งคำถามจากดีเจ ที่ได้ถามคุณแต๋งว่า อะไรคือความยากที่สุด ในการทำธุรกิจร้าน After Yum โดย คุณแต๋ง ได้ตอบคำถามนี้ว่า “สิ่งที่ยากที่สุดคือ คน ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นตัวเรา ลูกค้า หรือลูกน้อง ความรู้สึกคือสิ่งสำคัญ ใจคนเรายากที่สุด ไม่มีอะไรสามารถระบุชี้ชัดได้เลยว่าเป็นแบบไหนมันก็เลยยาก แล้วหนูมีนิสัยอยากได้ใจใครให้ใช้หัวใจซื้อ แต่สิ่งนี้มันใช้ไม่ได้กับทุกคน บางที Action มันก็ไม่ได้เท่ากับ Reaction เสมอไป อย่างที่บอกว่า พอน้ำขึ้นไม่ต้องรีบตัก น้ำขึ้นให้เลือกตัก เพราะเมื่อเราตักแล้ว สิ่งที่เราเลือกตักทำให้เราเจ็บปวด อันเนี้ยเจ็บกว่า

Mindset ของหนูคือ เช้ามาหนูต้องมีปัญหาอย่างน้อย 15 ข้อให้หนูได้แก้ ถ้าวันไหนไม่ครบ 15 ข้อคือโบนัส ถ้าวันไหนเกิน 15 ข้อไม่เป็นไรคิดว่าคือของแถม หนูบอกแบบนี้เพราะชีวิตเราเกิดมาเพื่อแก้ปัญหา แล้วหนูก็จะพยายามไขว่คว้าหาความรู้อยู่ตลอดเวลา บางวิชานาทีละ 2,000 บาท บางทีหนูหมดค่าเรียนเป็นล้าน เพราะหนูอยากเติมวิชาให้กับสมอง หนูไม่เคยน้ำเต็มแก้ว เพราะแก้วของหนูขยายได้ตลอดเวลา ต่อให้แก้วเท่าเดิมเนี่ย หนูก็เอาแก้วเนี้ยเทใส่แก้วคนอื่น แบ่งปันให้คนนี้ แบ่งปันให้คนนั้น แบ่งปันให้คนโน้น น้ำในแก้วหนูก็จะว่างใหม่ แล้วหนูก็เติมน้ำเข้าไปอีก นั่นคือวิธีการของหนู ในการทำงานกับคน หรือทำงานกับความรู้สึกบางครั้งหัวใจกับสมองมันจะมารวมกันโดยอัตโนมัติ

ต้องบอกว่า แรงใจ คือสิ่งที่ขับเคลื่อน After Yum ซึ่งทุกอย่างเวลาหนูทำอะไร หนูจะคิด Worst cases ไว้ก่อนเลย อะไรคือสิ่งที่เลวร้าวที่สุด แล้วจะแก้ปัญหากันยังไง มันต้องคิดเผื่อทุกอย่างเพื่อหาวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ในช่วงโควิดที่ผ่านมา ร้านหนูโดนทั้งหมด 6 หมัด หมัดน็อคของหนูเลยคือ วันที่ 20 ธันวาคม ที่โควิดลงบ่อกลางกุ้ง เพราะบ่อกลางกุ้งคือศูนย์รวมอาหารทะเล มันเลยกลายเป็นหมัดน็อคสำหรับร้านหนูเลย แต่เรารู้ไว้แล้วว่า เราต้อง forecast ตัวเลข เพื่อให้รู้ว่าเราต้องแก้ปัญหายังไง แล้วก็เรียนรู้จากประสบการณ์ เราปรับตัวให้เร็วที่สุดจากตัวเลข จากดาต้าที่สะสมมา หลังจากที่โดนน็อคหมัดแรก หนูรีเซ็ทตัวเองแค่ 3 วัน จากนั้นหนูเก็บข้อมูล เก็บดาต้า เก็บทุกอย่าง รู้ว่าย่านนี้อยู่ตรงนี้ วิธีการสั่งเป็นยังไงเพื่อหาทางให้ร้านไปต่อได้

สำหรับใครที่ท้อแท้ หรือกำลังเจอปัญหาอยู่ หนูมองว่าทุกคนมีปัญหาหมด และทางออกไม่ได้มีทางออกเดียว สมมติจะไปเชียงใหม่วันนี้ เราสามารถบินไปได้ นั่งรถไปได้ เดินไปได้ ขับรถไปได้ ขี่มอเตอร์ไซค์ได้ มีอีกหลากหลายวิธี แต่องค์ประกอบของมันคืออะไร นั่งเครื่องบินต้องใช้เงินแลกกับการประหยัดเวลา ทุกอย่างมันต้องแลกกัน และมันต้องคำนวณดูว่า อะไรคือสิ่งที่เหมาะสมที่สุด”

 

 

ความรัก ของ แต๋ง อาฟเตอร์ยำ

นอกจากเรื่องราวการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จแล้ว คุณแต๋ง ยังได้เผยเรื่องราวความรักของตัวเองให้ฟังว่า “ก่อนหน้านี้หนูคุยหลายคน แต่ตอนนี้หนูรู้แล้วว่า ตัวหนูคือความรักของพ่อแม่ เพราะแค่หนูโพสเสียใจในเฟสบุ๊ค แม่จะโทรมาถามเลยว่าเป็นอะไรลูก หนูรู้แล้วว่าความรักของหนูคือพ่อแม่ เพราะฉะนั้นหนูจะเซฟตัวหนูมาก มีวันหนึ่งหนูเป็นนิ่วในท่อกรวยไต นอนห้องไอซียู แล้วก็ใส่ท่อไว้ประมาณสิบวัน หลังจากนั้นอีก 6 วัน ไส้ติ่งแตกแล้วหนูสลบ แต่หนูก็ไม่บอกที่บ้านเลย หนูคิดอย่างเดียวว่า ให้รู้ทีเดียวว่าหนูตายเลยดีกว่า หนูไม่อยากให้เค้ามาทรมานกับการเจ็บปวด เพราะฉะนั้นแล้วหนูจะดูแลตัวเองจากเรื่องราวร้าย ๆ

ชีวิตกะเทยมันต้องเคยผ่านเรื่องราวอะไรต่าง ๆ มา ทุกวันนี้เวลาเราเจอใครที่เค้าดี เราก็จะอินกับเค้าด้วย เพราะหนูจะเป็นคนติดคนง่าย ถ้าหนูเปิดใจให้ใครหนูเปิดเลย หนูให้ทั้งใจ แล้วมันก็เกิดการเสียใจอยู่บ่อยครั้ง หนูก็บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร ทุก ๆ การเจอปัญหา มันคือวัคซีนที่ฉีดเข้ามาในหัวใจ เวลาเรายกเวทเราได้กล้าม ดังนั้นเวลาใจมันเจ็บกล้ามเนื้อหัวใจมันจะได้ทำงาน เมื่อทำงานกล้ามเนื้อหัวใจมันจะแข็งแรงขึ้น

หนูอยากรักนะ เป็นสิ่งเดียวที่หนูขาดในชีวิต มีดอกเตอร์ท่านหนึ่งบอกว่าเราขาดโซลเมทและเนื้อคู่ หนูถามกลับเลยว่าซื้อที่ไหน ต้องไปจบคณะอะไรถึงจะได้โซลเมทได้เนื้อคู่ หรือหนูต้องทำยังไง หนูเป็นคนที่อยากมีความรัก แต่ว่าความรักของหนูต้องมาช่วยซัพพอร์ทในเรื่องงาน ในเรื่องของความคิด แล้วก็หนูเป็นคนไม่สวย หนูบอกเลยว่ารูปลักษณ์ภายนอกกายหยาบหนูดูไม่ดีเลย แต่ข้างในจิตใจและสมองหนูสวยมาก หนูบอกผู้ชายทุกคนเสมอ

แต๋งต้องมีคนฮีล ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วมันต้องฮีลตัวเอง ซึ่ง ดุจดิว คือหนึ่งคนที่รับโทรศัพท์แต๋งตลอดเวลา ตีสอง ตีสาม เวลาหนูโทรไป ดุจดิว จะปล่อยให้แต๋งร้องไห้ก่อนเลย ร้องเสร็จปุ๊บ ดุจดิวจะให้กำลังใจเราว่า หนูไม่รู้นะว่าแม่เกิดเรื่องอะไรหรือเจอเรื่องอะไรมา แต่แม่ของหนูคือคนเก่งที่สุด แม่ผ่านมาได้ทุกอย่าง และแม่จะเซ็ทตัวเองได้ทุกอย่าง แม้จะเกิดอะไรขึ้นแบบไหนก็ตาม แล้ว แต๋ง จะปลดล็อคทันที

อย่างที่สองคือ แต๋ง อยู่กับองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาเจอปัญหา หนูสวดมนต์แล้วก็ฝึกจิต ตั้งสติก่อน สติมาปัญญาเกิด เมื่อปัญญาเกิดมันจะทำให้เรารู้สึกว่าเราสงบ และมองเห็นซึ่งปัญหา แล้วจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง สุดท้ายแล้วก็ฮีลใจตัวเอง กลับมาถามตัวเองว่าสิ่งที่ทำอยู่มันเป็นตัวของตัวเองไหม เป็นทุกข์มั้ย เราทรยศหัวใจเราอยู่ไหม เราห้ามทรยศหัวใจใครแม้กระทั่งหัวใจตัวเอง หนูจะบอกตัวเองแบบนี้เสมอ เพราะฉะนั้นความจริงใจมันเป็นสิ่งสำคัญ กับทุกคน และกับตัวเองด้วย”

 

 

แรงบันดาลใจ จาก แต๋ง อาฟเตอร์ยำ

“ทุกธุรกิจมีปัญหา ทุกปัญหามีทางออก มองย้อนกลับไปว่าที่ผ่านมา เราสู้มาขนาดไหน แข็งแกร่งมาขนาดไหน แล้วถ้าวันนี้มาเจอปัญหา อ่อนล้าแล้วอ่อนแรงมันแค่วันเดียว มันเหนื่อยแค่วันเดียว แต่ที่ผ่านมาลองมองย้อนกลับไปดูตัวเองว่าเราสู้มาขนาดไหน เราต้องให้คุณค่ากับตัวเองว่าเราสู้ อย่าท้อเมื่อต้องลงสนามจริง สู้ให้สุด ทำให้สุด ลุยให้สุด ทำได้อีก สู้ได้อีก ทำได้อีก จนวินาทีสุดท้าย

หนูอยากบอกว่า แรงบันดาลใจมันอยู่ในตัวทุกคน ทุกคนคือฮีโร่ อย่างหนูมาจากดิน หนูมาจากซีโร่ แล้วมากลายเป็นฮีโร่ในใจหลาย ๆ คน ดังนั้นทุกคนคือฮีโร่ และเมื่อมองตัวเองเป็นฮีโร่ เราจะหาวิธีการทำและแก้ปัญหาด้วยจริตและวิธีการของเรา หมั่นเรียนรู้แบบ Passive Income คือฟังรีแคปเยอะ ๆ แล้วก็ Active Income ก็คือใฝ่รู้ ใฝ่เรียน ใฝ่หาแล้วก็เอามาเป็นที่ตัวเรา

I Am What I Am คือสิ่งสำคัญที่สุดที่เราจะยืนหยัดได้ในวงการธุรกิจ อย่าลอกเลียนใคร เพราะไม่มีใครเหมือนเรา และเราต้องไม่เหมือนใคร เป็นกำลังใจให้สำหรับคนที่ท้อแท้ และคนที่ต่อสู้อยู่ หนูเชื่อว่ามรสุมชีวิตไม่นานก็จบ มรสุมไม่ได้อยู่กับเราไปตลอดชีวิต” – แต๋ง กฤษฏิ์กุล ชุมแก้ว

 

 

ติดตามรายการย้อนหลัง

album

0
0.8
1