เปิดมุมมองชีวิตที่ให้เพราะไม่เคยได้รับ ของ “รัศมีแข” ตัวแม่ที่เอาแน่ในทุกวงการ

Club Pride Day Recap

เปิดมุมมองชีวิตที่ให้เพราะไม่เคยได้รับ ของ “รัศมีแข” ตัวแม่ที่เอาแน่ในทุกวงการ

17 ก.ค. 2023

“บางทีถ้าเราอยากเป็นผู้ได้ความรัก เราลองเป็นผู้ให้ก่อนก็ได้ ให้เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กำลังใจ การให้มันสร้างความสุข มันสร้างความรักได้ ถ้าจะให้แขอธิบายแขก็ไม่เข้าใจ เพราะแขเป็นคนไม่เคยได้ แต่แขก็สร้าง ๆ แล้วเราได้ความรักกลับมาเยอะเลย จากแฟนคลับ จากคนในวงการ แล้วมันก็รู้สึกว่า มันมีความสุข”

 

 

รายการ Club Pride Day กับสองดีเจสุดแซ่บ “ดีเจพี่อ้อย” และ “ดีเจก็อตจิ” เปิดไมค์ต้อนรับแขกรับเชิญสุดสตรอง “รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น” จากเด็กน้อยผู้อ้างว้าง ไร้ฝัน และไม่มีโอกาส พลิกผันสู่ชีวิตที่ต้องเดินทางไกลถึงสวีเดน ต้องต่อสู้ และเอาตัวรอดมาตลอด จนท้ายที่สุดกลายมาเป็นผู้ที่รักในการให้ จนกลายเป็นที่รู้กันในวงคนสนิทว่าเธอคือผู้ที่มักจะมอบสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อสร้างความสุขให้คนรอบข้างเสมอ เบื้องหลังความสตรอง ความร่าเริง ความเฮฮา มีหลากหลายเรื่องราว ที่ รัศมีแข ได้แชร์ไว้ในรายการ

 

รัศมีแข กับ ชีวิตที่โดนบูลลี่ มาตั้งแต่เด็ก

รัศมีแข ได้แชร์เรื่องราวในวัยเด็กให้เราฟัง ซึ่งแขเป็นหนึ่งในผู้ที่เคยมีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการถูกรังแกผ่านคำพูดมาตั้งแต่เด็กจนโต โดยเรื่องที่ถูกล้อเลียนมากที่สุด คือเรื่องเกี่ยวกับสีผิว โดย รัศมีแข เล่าให้ฟังว่า “หนูเกิดที่จังหวัดภูเก็ต แล้วไปโตที่เชียงราย ก่อนที่หนูจะไปสวีเดน ตอนเด็กหนูเป็นเด็กแนวเอ้อระเหย ไม่มีความฝัน ไม่มีอะไร โดนบูลลี่มาตลอด เพราะว่าโตอยู่ในบ้านนอก แล้วมาในลุค ข้าวนอกนา กำลังดัง แล้วก็พี่สาวเป็นลูกครึ่งสวิตเซอร์แลนด์ ก็จะถูกเปรียบเทียบเสมอ เคยโดนตอนนั้นงานแห่เทียน เค้าจับหนูแต่งเป็นเจ้าเงาะทัดดอกดาวเรือง แล้วเอาพี่สาวแต่งเป็นรจนา แล้วจับมาถ่ายรูปคู่กัน หนูฉีกทำลายทิ้งไปละรูปนั้น

 ตอนที่แม่ไปสวีเดน แขก็จะอยู่ในโรงเรียน ซึ่งคนที่เลี้ยงหนูเค้าก็จะเป็น ภารโรงอยู่ในโรงเรียนนั้น หนูก็จะไม่ได้ออกไปไหน แล้วนึกถึงสภาพปิดเทอมสิคะ แดดร้อน ๆ เชียงรายกลางวันไม่มีอะไรทำ ข้างนอกก็เป็นทุ่งนาขี้โคลน เพื่อนเค้าก็ออกไปเล่นกัน ต้องรอเย็น ๆ สักสี่โมงเย็นให้เพื่อนมาที่โรงเรียน หนูถึงจะได้มีเพื่อนเล่น หนูใช้ชีวิตอยู่อย่างงั้น หนูแทบไม่ได้เจอใครเลย พี่ชายของแม่ขับมอเตอร์ไซค์ผ่านไปทุ่งนา หนูก็ชะโงกคอมองผ่านรั้วออกไป ใช้ชีวิตอยู่แบบนั้น”

 

 

ชีวิตที่ต้องเดินทางไกล จากเมืองไทย ไปต่อสู้ที่สวีเดน

จากเด็กที่เกิดจังหวัดภูเก็ต แล้วไปโตที่เชียงราย วันหนึ่งชีวิตของรัศมีแขกับพลิกผัน โชคชะตาทำให้แขต้องเดินทางไกลไปต่อสู้ และ เอาชีวิตรอดที่ประเทศสวีเดน โดย รัศมีแข ได้เล่าเรื่องนี้ให้ฟังว่า “คุณแม่แต่งงานใหม่ แล้วก็ไปมีสามีใหม่ ซึ่งคุณแม่ขายโรงแรมทิ้งทุกอย่าง แล้วก็ไปเริ่มต้นใหม่ที่สวีเดน แล้วก็ไปใช้ชีวิตอยู่โน่นซักพัก พออยู่ตัวแล้วก็ค่อยเอาลูกไป

ด้วยความที่แม่ไม่เคยเลี้ยงลูก ลูกไม่เคยอยู่กับแม่ พอไปอยู่ด้วยกันก็เลยตีกัน มีคนนึงที่แขอยากจะขอบคุณคือ ครูโป้ง เป็นครูภาษาไทยที่เวลาเรามีอะไรเราปรึกษาเค้า แล้วเค้าก็มักเจอปัญหาเด็กไทยที่ไปอยู่ที่นู่น และมักจะมีปัญหาแบบนี้เยอะ ครูบอกให้หนูอดทนเรียนนะ เอาภาษา ต้องขอบคุณครูมาก แล้ววันหนึ่งเราพูด Swedish แบบคล่องแคล่ว มันทำให้เราสามารถอยู่สวีเดนได้ง่าย แล้วหนูจะมีปัญหากับแม่ตลอด จนกระทั่งอายุ 15 ตอนนั้นทะเลาะกัน แล้วแม่ก็บอกว่า ออกไปเลยนี่บ้านฉัน เราก็เลยตัดสินใจ โอเคฉันออกค่ะ

ตอนนั้นแขออกไปนอนโซฟาบ้านเพื่อนสนิทที่สนิทกันมาก แม่เค้าเปิดร้านขายของชำแห่งแรกในสต็อกโฮม แม่ของเพื่อนก็คิดว่าแขเป็นคนติดเพื่อน เห็นมานอนที่บ้านหลายวัน แล้วแขก็ช่วยเค้าทำร้าน ทำโน่นทำนี่ไป แล้วพอวันหนึ่งแขดั งแล้วไปออกรายการสัมภาษณ์แล้วก็บอกให้แม่เพื่อนที่ชื่อป้ามยุรีที่เลี้ยงเรามาดูรายการ เค้าร้องไห้ เค้าบอกว่าทำไมไม่บอกเค้าว่าทะเลาะกับแม่แท้ ๆ  เพราะตอนนั้นเค้าไม่รู้ ถ้ารู้เค้าจะเลี้ยงเราให้ดีกว่านี้

นั่นคือความสัมพันธ์ของหนูกับแม่ ถามว่าทุกวันนี้มันดีขึ้นมั้ย มันเป็นเส้นที่เรียบง่าย มันเป็นเส้นที่คนไม่เคยเลี้ยงลูก กับคนไม่เคยมีแม่ มันทำให้เราเข้าใจชีวิตจริงมากขึ้น”

 

“รัศมีแข” ชื่อนี้มีเรื่องเล่า

เรียกว่าเป็นชื่อที่โดดเด่น และกลายเป็นชื่อที่คนรู้จักไปแล้วสำหรับชื่อ รัศมีแข โดยกว่าจะมาเป็นชื่อนี้ เจ้าตัวได้เล่าให้ฟังว่า “จริง ๆ ชื่อเจมส์ค่ะ แล้วตอนนั้นพี่แท่งมาเจอหนู แล้วก็ชวนมาเข้าวงการ หนูก็กลับมาเมืองไทย แล้วหนูมีพาสปอร์ตสองเล่ม ชื่อกับนามสกุลไม่ตรงกัน ความดัดจริตของหนู หนูก็อยากให้ทุกอย่างมันตรงกับสวีเดน ในตอนแรกหนูก็คิดว่าจะทำยังไงดี ชื่อเดิม นามสกุลเชยมาก แล้วนาวสกุลสวีเดน คือ ฟอเกอร์ลุนด์ หนูเลยเปลี่ยนมาเป็น ฟ้าเกื้อล้น พอนามสกุลตรงเสร็จปุ๊บเราก็คิดว่า ชื่อไม่ตรงก็ได้มั้งไม่น่าจะเป็นไรหรอก ไม่งั้นก็จะมีปัญหาเกี่ยวกับการกรอกวีซ่า เพราะนามสกุลมันตรง แล้วแม่เพื่อนเราที่มาอยู่ด้วยที่ไทย เป็นนางเอกเก่า เรื่องรัศมีแข ที่เล่นกับสรพงษ์ ซึ่งคุณพนมเทียนเป็นคนเขียน หนูก็เลยบอกแม่ว่าหนูขอใช้ รัศมีแข มันเก๋นะ รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น แล้วก็ตอนนั้นก็ได้เซ็นอยู่กับพี่ฉอด ก็ใช้ รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้นไป สักพักไปขอวีซ่า กลายเป็นว่าโป๊ะแตก ไม่ผ่านค่ะ ชื่อไม่ตรง เพราะต้องตรงทั้งชื่อและนามสกุล ก็คิดว่าจะทำยังไงดีล่ะ นั่งเกาหัว คิดตั้งนานเหงื่อแตก ก็เลยได้เป็น นายแจ่ม ฟ้าเกื้อล้น แต่ตอนนั้นมิ้นต์กับมิวที่แขเล่น มันออกไปแล้ว ก็เป็นชื่อรัศมีแข ก็เลยใช้เป็นชื่อเล่นแล้วกัน”

 

 

เมื่อคำบูลลี่ เริ่มมีผลกระทบต่อจิตใจ

แม้จะย้ายไปใช้ชีวิตที่สวีเดน แต่ชีวิตของ รัศมีแข ก็ยังหนีคำบูลลี่ไม่พ้น และเมื่อถูก
บูลลี่มาก ๆ ก็เริ่มสะสม และส่งผลกระทบต่อจิตใจของรัศมีแข จนเกิดเป็นอาการแพนิกตามมา โดย รัศมีแข ได้แชร์ลักษณะการบูลลี่ที่เจอมาให้ฟังว่า “ตอนที่อยู่สวีเดน ถ้าเวลาแขจะโดนบูลลี่ ลักษณะการบูลลี่คือ เค้าจะนิ่งเงียบไม่มีใครรู้หรอก เหมือนเราไปอเมริกา แล้วไม่ชอบเอเชีย พอคนเอเชียมานั่งข้าง ๆ แล้วเค้าก็ลุกเลยแบบไม่พูด ตอนนั้นถามว่าเป็นอะไร ซึ่งแขว่ามันโอเค เพราะคนเรามีสิทธิ์เกลียดกันได้ เราไม่จำเป็นต้องชอบคนทุกคน แต่เราต้ออยู่ในเงื่อนไขของการ เคารพกัน ซึ่งมันเป็นปกติของมนุษย์ ตอนนั้น แข ไม่สนอะไร เราเรียนอย่างเดียว คิดเสมอว่าเราต้องได้ภาษา ถ้าไม่ได้ภาษาฉันจะทำอะไรต่อไม่ได้ คิดแค่นี้เลย และเตือนตัวเองว่าเชื่อครู ไม่ตอบโต้

 แต่ถ้าเป็นที่ไทยคือบูลลี่แขต่อหน้าเลย คือถ้าเป็นมีด คือถือมีดวิ่งไปแทงจึ้ก อย่างงี้เลย ตอนนั้นแขอายุ 15 ตอนที่กลับมาไทย เคยมีเด็กมาตะโกนใส่แขว่า นิโกรเป็นตุ๊ด แล้วตะโกนหัวเราะกัน ตอนนั้นตกใจแพนนิค ช็อคไปหมด

แล้วพอแขเริ่มมีชื่อเสียง การบูลลี่มันก็ไม่ได้จบนะ ในขณะที่คนกรี๊ด รีฮันน่า ชอบ ไมค์ไทสัน มากเลย หูยชกมวยเก่งมาก แต่ในความชอบก็จะมีคำบูลลี่ว่า ผิวดำจัง มันเลยทำให้เห็นความซับซ้อนของมนุษย์ จนสุดท้ายมันก็เกิดคำถามในใจว่า มันต้องประสบความสำเร็จก่อนเหรอ ถึงจะถูกยอมรับ ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่จำเป็นเลย

พอเราถูกบูลลี่มาก ๆ มันเริ่มมีผลกระทบต่อจิตใจ คือหนูจะเซ็นซิทีฟมากทุกครั้งเวลาที่หนูไปเจอลูก ๆ ของเพื่อนดาราด้วยกัน แล้วเค้าบอกให้อุ้มลูกของเค้าสิ ความรู้สึกหนูแทบจะร้องไห้เลย เพราะว่าหนูเป็นคนที่ไม่เคยถูกกอดตั้งแต่เด็ก คือมันโดนรังเกียจจนเราคิดว่าก็คงไม่มีใครอยากกอดเรา แล้วในวันที่ดาราหลาย ๆ คนให้เราอุ้มลูกของเค้า มันทำให้เราคิดได้ว่า พวกเค้าไม่ได้รังเกียจเรานี่นา

แล้วทุกวันนี้ก็ยังเป็นนะคะ เวลาเจอเพื่อนเรามาเกาะแขน เราจะมีความคิดในหัวตลอดว่าไม่รังเกียจเราเหรอ มันทำให้รู้ว่าคนที่โดนบูลลี่ คำบูลลี่มันไม่ได้หายไปจากใจเลย”

 

 

เริ่มเข้าวงการบันเทิงไทย จากคำพูดของ “แท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง’

เรียกว่า “แท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง’ เป็นบุคคลที่เปิดประตูเส้นทางสู่วงการบันเทิงให้กับรัศมีแข ซึ่งหลังเรียนจบการโรงแรม รัศมีแข ได้ไปสมัครงาน ณ บริษัทเมคอัพสโตร์ และมีโอกาสบิน
มาทำงานที่เมืองไทย เมื่อกลับสวีเดนก็ไปสมัครเป็นตัวแทนขายตั๋วเครื่องบิน ในสวีเดน รัศมีแข จึงกลายเป็นที่รู้จัก และชอบรับจ้างหางานเป็นพิธีกรตามงานต่าง ๆ จนกระทั่งได้มีโอกาสเป็นไกด์นำเที่ยวให้กับ แท่ง ศักดิ์สิทธิ์ และ แท่ง ได้เห็นคาแรกเตอร์ของรัศมีแข จึงชวนให้กลับมาเมืองไทย จากนั้น รัศมีแข จึงตัดสินใจเขียนเรซูเม่เดินเข้าไปที่ตึกแกรมมี่ พร้อมบอกเหตุผลว่าอยากเป็นดารา เจ้าหน้าที่แนะนำให้ขึ้นไปติดต่อส่วนที่เกี่ยวข้อง เป็นความบังเอิญที่ รัศมีแข เจอกับ "พี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา" ซึ่งเห็นแวว และมอบงานพิธีกรรายการ 
สน. Hollywood ก่อนจะตามด้วยละคร Club Friday To be Continued ตอน มิ้นต์กับมิว โดย รัศมีแข ได้เล่าเส้นทางการเข้าวงการบันเทิงของตัวเอง ให้ฟังว่า “แขบังเอิญเจอพี่แท่ง ตอนนั้นทำงานเบียร์ยี่ห้อนึง ซึ่งเราเป็นสายเอ็นเตอร์เทนอยู่สวีเดน แล้วพอดีเพื่อนสนิทแขเป็นเมเนเจอร์ของเบียร์ยี่ห้อนั้น เลยฝากแขดูแลพี่แท่งด้วย พอพี่แท่งเห็นแขอยู่บนเวที เพอฟอร์แม้นซ์ดี เล่นมุกโบ๊ะบ๊ะได้ พี่แท่งก็ชวนว่ามาเมืองไทยเถอะเชื่อพี่

ตอนนั้นแขตัดสินใจซื้อตั๋วบินมาเมืองไทยเลย มาหาพี่แท่ง แล้วพี่แท่งก็พาไปเจอเพื่อนที่เป็นผู้กำกับ แต่บุคลิกตอนนั้นเราก็ล้นไปหมดเลยยังไม่ได้โอกาสเข้าวงการบันเทิง แล้ววันหนึ่ง หนูก็มีความคิดว่า หนูไม่อยากให้พี่แท่งเห็นหนูเป็นคนที่เค้าจะพามาเข้าวงการ แล้วเราไม่ทำอะไรเลย ตอนนั้นหนูตัดสินใจเขียนเรซูเม่ 4 ชุด แล้วก็เดินมาตึกแกรมมี่ แผนกต้อนรับถามว่าติดต่ออะไรคะ เราก็ตอบว่าจะเป็นดาราค่ะ ตอนนั้นเพื่อนสนิทที่มาด้วย ก็บอกว่าให้โทรหาพี่แท่งสิ เค้าอยู่ที่นี่ หนูเลยโทรหาพี่แท่ง พี่แท่งก็ให้รอแป๊บนึง แล้วให้แขติดต่อพี่ชมพู่เอไทม์ แล้วก็มานัดเจอ ที่ลิฟท์ พอลิฟท์เปิดปุ๊บ พี่ฉอดนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ ก็เหลือบมามองปุ๊บ โห ดีเจพี่ฉอด แล้วก็นั่งรอพี่ชมพู่ พอพี่ชมพู่มา แขก็เอาเรซูเม่มาฝากเค้าไว้ นั่นคือจุดเริ่มต้น แล้วสุดท้ายก็ได้อยู่ใน เอไทม์อาร์ดี ได้เซ็นสัญญาอยู่กับพี่ฉอด แล้วพี่ฉอดก็เป็นคนปั้นต่อกับพี่แท่ง

เดี๋ยวนี้แขได้เจอพี่แท่งปีละครั้ง บางทีก็อยากโทรไปหา อยากทักไปหาพี่เค้าบ่อย ๆ แต่เราก็เกรงใจ เราก็ทำงาน พี่เค้าก็ทำงาน ซึ่งเราก็เชื่อว่าพี่เค้าก็รู้แหล่ะ แต่ถามว่าเราลืมเค้ามั้ย เราไม่เคยลืมอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่รู้จะตอบแทนอะไรพี่เค้า ก็เลยรู้สึกว่าทำตัวให้ดี ทำตัวให้น่ารัก ให้อยู่ในวงการให้ได้ อันนี้คงตอบแทนพี่แท่งได้ดีที่สุด”

 

 

ต้นหอม ศกุลตลา เพื่อนสนิทที่เข้าใจชีวิตรัศมีแขที่สุด

เพราะตัวตน ที่น่ารักและจริงใจ จึงทำให้ รัศมีแข มีเพื่อนสนิทในวงการมากมาย และคนที่แขสนิทที่สุดคือ "ดีเจต้น หอมศกุนตลา เทียนไพโรจน์" ที่นับถือกันแบบพี่่น้องมาโดยตลอด และผู้ที่ติดตามจะทราบว่า รัศมีแข รักและเอ็นดู น้องปกป้องลูกบุญธรรมของต้นหอมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ต้นหอม ยังคอยดูแลและให้คำปรึกษา รัศมีแข เรื่องงานในวงการมาโดยตลอด โดย รัศมีแข ได้เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์กับดีเจต้นหอมว่า “แขเจอพี่หอม ตอนประกวดเคพีเอ็น คือก่อนมาแกรมมี่ แขไปประกวดร้องเพลงของเคพีเอ็น ตอนนนั้นพี่หอมปฏิเสธแข เพราะเห็นว่าเรามันล้น หลังจากนั้นพี่หอมก็คงเห็นแล้วว่าแขเริ่มพยายาม พี่หอมก็เลยบอกว่าเอามานี่ ก็ไปอยู่ด้วย พอเริ่มรู้จักกัน พี่หอมก็พาไปดูการทำงาน คอยบ่มเพาะ คอยสอนแข

แขกับพี่หอม ตอนแรกมันเป็นเพื่อน ต่อมาก็กลายเป็นพี่น้องในวงการ จนกลายเป็นเพื่อนสนิท เรื่องบ้าน หมา แม่บ้าน ลูก พ่อ พี่ มาปรึกษาเราหมด เราเลยทำให้รู้ว่าเรากลายเป็นพาร์ทหนึ่งของครอบครัวไปแล้ว

ซึ่งรู้มั้ยว่าทำไมแข ถึงสนิทกับปกป้อง มันเป็นเพราะเราได้อยู่ด้วยกัน อันนี้เป็นสิ่งที่อยากบอกทุกคนเลยว่าสำคัญมาก ความรักเนี่ยมันจะเกิดขึ้นได้ คน ๆ นั้นต้องอยู่ด้วยกันจริง ๆ มันไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อน มันไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นพ่อแม่เดียวกัน ขอแค่มันได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แล้วมันถึงจะค่อย ๆ สร้างเป็นความสัมพันธ์ที่ดี”

 

ความยาก ของวงการบันเทิงไทย

หลังจากที่ได้เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง และได้มีผลงานในวงการนี้อย่างหลากหลาย รัศมีแข ได้แชร์ในเรื่องของความยาก ของวงการบันเทิงให้ฟังว่า “การจะเข้ามาอยู่วงการบันเทิงได้บอกเลยว่า สวย 50 ดวง 50 จะเข้าวงการมันต้องมีเอกลักษณ์ คนอาจจะมอง คนนี้ตลกมาก แต่ในความตลก แค่คำว่า กินข้าว คุณจะพูดยังไงให้คนขำให้ได้ มันเป็นศาสตร์ของการเอ็นเตอร์เทน ซึ่งมันยาก คือถ้ามันไม่ได้อยู่ในสายเลือดเลย หรือว่าพรสวรรค์หรืออะไร มันก็ต้องคอยเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ

แล้วแขมีความรู้สึกว่า การที่จะอยู่ในวงการให้นาน อันนี้ยากมาก คือบางคนเข้ามา แล้วก็ไปเลย แต่การที่จะอยู่ให้นาน ๆ แล้วต้องเป็นที่รู้จักมันยาก ซึ่งมีอยู่วันนึงแขไปเดินจตุจักร แล้วขอทานอยู่กับลูก เค้าบอกลูกว่า นั่นรัศมีแข ตอนนั้นแขร้องไห้เลย แขมองว่ามันเกินกว่าสิ่งที่เราคิดไว้ เรากลายเป็นที่รู้จักในทุกกลุ่ม คนรู้จักรัศมีแข มันทำให้เราได้บทเรียนว่าต่อไปไม่ว่าเราจะทำอะไรต้องคิดเยอะ ๆ ตอนนี้เราเป็นที่รักอยู่ แล้วเราก็ไม่ได้อยากทำให้คนที่ชอบเรามาผิดหวังกับตัวเรา เพราะเรามีวันนี้ทั้งหมดได้ก็เพราะพวกเค้านี่แหล่ะ”

 

 

วอลเลย์บอลอาชีพ อีกหนึ่งความฝันที่ยิ่งใหญ่ของ รัศมีแข

นอกจากจะสร้างรอยยิ้ม และลุยงานวงการบันเทิง ทั้งงานพิธีกร ละคร และภาพยนตร์ แต่มีอีกหนึ่งความฝันที่แขมุ่งมั่น ตั้งใจ และคอยสนับสนุนมาโดยตลอด นั่นคือการเป็นนักวอลเลย์บอลอาชีพ โดย รัศมีแข ได้เล่าเรื่องราวนี้ให้ฟังว่า “แขเป็นคนที่ได้คะแนนกีฬาเต็มมาตลอด เพราะตอนที่ไปอยู่สวีเดนแขไม่มีทางออก แขเรียนแต่ภาษาสวีเดนทั้งปี แขไม่ได้เรียนวิชาอื่นเลย แขก็เลยไประบายกับกีฬา วาดรูป งานเย็บปักถักร้อย และมักจะได้คะแนนเต็มตลอด แล้วเราชอบกีฬาวอลเล่ย์บอลมาตลอด พอเรามาอยู่เมืองไทย ก่อนที่จะเข้าวงการเราก็เล่นมาตลอด ไปเล่นที่ กกท. แล้วเราก็ซ้อมจนกระทั่งแขได้รู้จัก พี่เด เจ้าของ ทีมไดมอนด์ ฟู้ด เราเลยได้เข้าไปร่วมทีม และพอเราสนิทกับ 7 เซียนเราไปอยู่กับพี่ ๆ ไปช่วยงานเค้า แล้ววันที่อำลา อาจารย์อ๊อด ก็มาจับมือ แล้วบอกว่า อย่าทิ้งน้อง ๆ รุ่นใหม่นะ เค้าดีใจนะเวลาแขมาช่วยทีม เราก็ไม่เคยทิ้ง

แขก็บอกน้อง ๆ ทีมวอลเลย์บอลหลายครั้ง ว่าเราไม่ใช่ทีมที่จะต้องชนะทุกทีมบนโลก มันมีสลับกันหมด แต่สิ่งสำคัญที่สุดนอกจากความเป็นนักกีฬาทีมชาติแล้ว แขมองว่า นางงามต้องมีเวทีประกวด คุณได้มงแล้วคนถึงจะรู้จัก เพื่อที่จะไปต่อ น้อง ๆ เหมือนกัน เค้าเป็นนักกีฬา แล้วอาชีพนี้ที่ทำให้พวกเค้ามีสนามแข่ง และการได้ไปเล่นลีกต่างประเทศ นั่นเหมายถึงโอกาสได้เงินที่เพิ่มขึ้น แล้วแทบจะเกือบทุกคนมาจากต่างจังหวัด เค้ามีพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงดูแล คุณคิดว่านักกีฬาคนหนึ่งจะเล่นไปได้กี่ปี อย่างมากมันก็แค่ 10 ปี แล้วคน ๆ หนึ่งจะหาเงินให้ได้มากสุดกับสิ่งที่ตัวเองรักศรัทธา แล้วเป็นรายได้ให้กับตัวเองใน 10 ปี มันไม่ง่ายเลย เพราะฉะนั้นเค้าถึงต้องทำเต็มที่ อย่าคิดว่าเล่นแล้วต้องเอาชนะเพื่อเอาใจเรา มองถึงอะไรหลาย ๆ อย่างที่น้อง ๆ เค้าแบกไว้ ไม่มีใครอยากแพ้หรอก ทุกคนอยากชนะหมด ทุกคนอยากให้คนไทยชื่นใจหมด แต่มันมีปัจจัยอีกหลาย

แขอยากต่อยอดกีฬาวอลเลย์บอล แขอยากพูดให้ใครหลาย ๆ คนได้เห็นว่าจริง ๆ แล้วมากกว่าการที่เรามีนักวอลเล่ย์บอลเก่ง มันหมายถึงเรามีทีมงานที่ดี และหมายถึงประเทศไทยสร้างนักวอลเล่ย์บอลที่เป็นเล่นลีกต่างประเทศได้ เพราะฉะนั้นต้องถือว่าทีมของเรามีศักยภาพในการทำงาน และการที่ส่งนักกีฬาไปเล่นวอลเล่ย์บอลต่างประเทศ เค้าไปเจอตัวตีหลาย ๆ คนบนโลก ซึ่งอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน เพราะฉะนั้นถึงบอกว่าคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก เราก็มีนักกีฬาที่ดี เรามีทีมที่ดี ที่สามารถสร้างนักกีฬาแล้วส่งออกตลาดโลกได้ อันนั้นเป็นสิ่งที่แขอยากให้มันยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แขขนลุกมากวันที่แขไปนั่งดูวอลเล่ย์บอล แล้วทีมงานของเนเธอแลนด์เดินเข้ามากอด นุศรา แล้วก็ อรอุมา แล้วก็บอกว่า Best player in the world พวกเค้าเป็นที่ยอมรับมากในสังคมวอลเลย์บอลทั่วโลก แขเลยอยากให้วอลเลย์บอลมันสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น ๆ แข อายุจะ 37 แล้ว แต่ น้อง ๆ หลายคนก็คงไม่ได้โอกาสอย่างเรา แต่ลองพยายาม อย่าท้อกับมัน และแขก็อยากเข้าไปอยู่ในทีมด้วย แขจะได้เรียนรู้ว่าการเป็นนักกีฬาอาชีพ มันเป็นยังไงเพื่อที่จะมาเล่าต่อ เพื่อที่จะมาสร้างแรงบันดาลใจให้ต่อ เพราะเราก็อยากทำโปรเจกวอลเลย์บอลอยู่”

 

 

ความรัก 16 ปี กับสามี ของรัศมีแข

นอกจากเรื่องราวชีวิตแล้ว รัศมีแข ยังได้มาอัพเดทสถานะหัวใจด้วย หลังจากที่ได้มีข่าวที่ทำเอาชาวโซเชียลตกใจ เมื่อ รัศมีแข ออกมาประกาศพร้อมหย่า จบความสัมพันธ์กับ โจนัส สามีชาวสวีเดน หลังแต่งงานใช้ชีวิตคู่ด้วยกันมานาน 4 ปี แต่ต่อมา รัศมีแข ก็ได้ออกมาได้โพสต์ภาพหวานคู่สามีชาวต่างชาติ ว่าคืนดีกันแล้ว งานนี้ รัศมีแข ได้เผยเรื่องราวที่โพสต์ตัดพ้อไว้ว่า “ที่โพสต์ตัดพ้อ มันเป็นความงอแงของเรา แล้วพอเรามานั่งคิด เหมือนเราน่าจะผิดด้วยแหละ ที่เราสปอยทุกอย่าง คนไม่รู้ว่าเวลา โจนัส มาเมืองไทย ตั๋วเครื่องบินเราเป็นคนจัดการหมด เรื่องที่อยู่ ที่พัก จัดแจงหมดเพราะเรามีความรู้สึกว่าเราอยากเทคแคร์เค้า

อย่างเรื่องบ้าน ก่อนที่แขจะมาอยู่ไทย งานบ้านเค้าไม่ต้องทำอะไรเลย บ้านสำหรับเค้าก็คือกินนอน ตื่นเช้า ที่เหลือเราจัดการหมดทุกอย่าง เพราะอยากให้เค้ากลับมาที่บ้านแล้ว ผ้าปูที่นอนมันเรียบ แบบตึงเป๊ะ รู้สึกสดชื่น ทุกอย่างสะอาด แขเป็นคนจัดเองหมด

ที่โพสต์ไป จริง ๆ แขอัดอั้นมา 2 ปีแล้ว กับเรื่องความงอแงเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะเวลาเรากลับมาอยู่เมืองไทย เราคิดถึงเค้านะ แต่ด้วยงานในวงการ ครอบครัวแข รวมถึงสามีจะไม่รู้ว่าถ่ายละครถ่ายยังไง เค้าจะเห็นแต่ใน IG เราลงแค่ตอนแต่งหน้า แต่เค้าไม่รู้ถึงความยากลำบากเวลาเราเล่นละคร แล้วเวลาจะมาให้ดูเราถ่ายละครก็ไม่มีใครมาดู ไม่มาทำงานกับเรา แต่เราก็จะไม่เอาความรู้สึกนี้ไปใส่ให้เค้าว่าทำไมไม่มีใครมาสนใจฉันเลย เราห่วงมากกว่าว่าโอเคไม่มาไม่เป็นไร แต่ชีวิตพวกเธอมีความสุขเราก็โอเค เพราะนี่มันคือหน้าที่ฉัน นี่คือความสุขของฉันนะ

แต่เค้าก็บินมาหาเรานะ แต่ก็เป็นการมาที่ตกลงกันว่าปีนี้เธอจะมาช่วงไหน เราไม่ได้อยากให้เค้ามาแล้วเราก็ไปวิ่งถ่ายละคร มันจะกลายเป็นช่วงเดี๋ยวจะเล่นวอลเล่ย์บอลอีกไง แล้วก็จะเริ่มหาช่วง แล้วบางช่วงไปพอดีที่เค้าจะไปอเมริกากับเพื่อนอย่างเงี้ย ช่วงเราว่าง กลายเป็นเวลาไม่ว่างชนกัน พอพักหลังเราเริ่มงอแง แล้วเค้าไม่ได้สามารถบินมา 3-4 วันได้อย่างเรา แล้วกลายเป็นเราบินไป 3-4 วันให้เค้า เราทำได้ มันเป็นความไม่เข้าใจ

แล้วหนูก็เคยอธิบายกับเค้านะ บอกว่าเวลาถ่ายละคร แม้แต่เราอยากลองเปลี่ยนทรงผม แต่ทำไม่ได้ 7-8 เดือน หรือแม้กระทั่งทาสีเล็บ หรือว่าไปฉีดหน้า แล้วมันเหลืออีกนิดเดียวจะถ่ายเสร็จแล้ว ฉันจะเป็นอิสระแล้ว ฉันไม่อยากยืด แล้วอีกเหตุผลหนึ่งคือ คนที่ทำงานในกองหลายคนเค้ารับเงินเป็นวัน ฉันไม่อยากให้เค้ามาเสียเวลาอะไรตรงนี้ เราทำงานกันหลายคน หมดเรื่องนี้เค้าจะได้ไปเอาเรื่องหน้า ไปหาเรื่องอื่นต่อ ไม่ใช่มายืดเพียงเพราะฉันมาสวีเดน 4 วัน เพื่อมาหาคุณ คือมันไม่ใช่ตัวฉันคนเดียว มันเป็นความรับผิดชอบที่เป็นกลุ่มเป็นก้อน ให้เรารับงานตรงนี้ดีที่สุดก่อน แล้วเดี๋ยวพอละครเสร็จปุ๊บ สิ้นปีเราก็จะไม่รับแล้ว กลายเป็นเราต้องอธิบาย

กลับกันเวลาเค้ามาเมืองไทย เราซัพพอร์ททุกอย่าง ตั๋วเครื่องบินอะไรจ๊ะที่รักมาเลยจ้า 3ใบ 4 ใบ นั่ง BC มาเลยจ้า โรงแรมสแตนบายรอ คือเราเต็มใจทำให้ทุกอย่าง แล้วพอทะเลาะกันเลยเลยตัดสินใจโพสต์ เหมือนเราขอหย่า ฉันพร้อมนะ แต่เค้าก็สวนกลับมาว่า ไม่หย่า แล้วเค้าก็หาตั๋วมาเลย พอเราเห็นความตั้งใจของเค้า ตอนนั้นเราก็คิดว่าเอาอีโก้เล็ก ๆ น้อย ๆ ทิ้งไปก่อน ไหน ๆ  เค้ามาแล้ว อย่างน้อยท้ายสุดได้เจอกันและ คือเค้าไม่ผิดที่ไม่เห็นการทำงานของหนู หนูก็เลยรู้สึกว่า ถ้าวันหนึ่งทุกคนได้เห็นการทำงานของเรา อันนี้มันจะเป็นคำตอบให้ทุกอย่าง”

 

 

การเป็นผู้ให้เพราะไม่เคยได้รับ

มีเหตุการณ์ที่ รัศมีแข ได้แชร์ให้ฟัง เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้อยากเป็นผู้ให้ โดย รัศมีแข เล่าว่า “แปลกเหมือนกันจากคนที่ไม่เคยได้ความรักมาตั้งแต่เด็ก จากคนที่โดนทำร้ายทุกอย่างมาตั้งแต่เด็ก แล้ววันหนึ่งมันไปเปลี่ยนตรงจุดที่แขมีหลานคนแรก พอดีเพื่อนของแขพลาดแล้วท้อง แขเลี้ยงหลานคนนั้นแล้วก็เรียนไปด้วย ตอนนั้นแขอายุ 16  อันนั้นเป็นความรักแรกที่แขได้รู้ว่าความรักมันมีความสุขขนาดนี้ มันเลยทำให้รู้ว่าบางทีเราอยากเป็นผู้ได้ความรัก เราลองเป็นผู้ให้ก่อนก็ได้ ให้เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กำลังใจ มันสร้างความสุข มันสร้างความรักได้ เพราะแขเป็นคนไม่เคยได้ แต่แขก็สร้าง ถามว่าแขเคยได้อะไรกลับมาบ้าง กลายเป็นว่าแขได้กลับมาเยอะเลย จากแฟนคลับ จากคนในวงการ แล้วมันก็รู้สึกว่ามันมีความสุข เพราะเราไม่อยากใช้ชีวิตบนโลกด้วยความเกลียดชัง เราอยากใช้ชีวิตบนโลกด้วยความรัก มันแฮปปี้มาก แล้วแขจะเป็นคนที่ร้องไห้บนโทลเวย์ตลอด แขจะร้องไห้เวลามองบนท้องฟ้า เวลาเห็นเครื่องบิน แขก็เลยบอกขอบคุณนะที่ทำให้เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ที่มันมีความรู้สึก แล้วมันเป็นพาร์ทเดียวในชีวิต เพราะตายเสร็จแล้วเราไม่รู้แล้ว เพราะฉะนั้นเราขอบคุณมาก เราจะ deserve ความเป็นมนุษย์ เราจะใช้ชีวิตโดยไม่มีความเกลียดชังให้มากที่สุด”

 

 

“การที่เราเป็นมนุษย์ บางทีเราเสียใจ เราทุกข์บ้างอะไรบ้าง จงดีใจกับสิ่งนั้น เพราะเราเป็นมนุษย์ที่มีความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นการอกหัก การเสียใจ การรู้สึกผิดหวัง การท้อแท้ จง deserve  กับความเป็นมนุษย์ และดวงชะตาของเรามันไม่เท่ากัน เราไม่ต้องเอาชีวิตไปวัดกับใคร ใช้ชีวิตให้มีความสุขดีกว่า เพราะเราไม่รู้ว่าโลกมันจะระเบิดเมื่อไหร่ เราไม่รู้ว่าเราจะไปวันไหน เพราะฉะนั้นแขว่า มีความสุขกับการได้เป็นมนุษย์ แล้วก็ deserve ตรงนั้นดีกว่า” - รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น

 

ติดตามรายการย้อนหลัง

album

0
0.8
1