เมื่อเด็กเปรียบเสมือนผ้าขาว พ่อแม่ ผู้ใหญ่ และคนรอบข้าง จึงเปรียบเสมือนสีสันที่จะช่วยชี้นำ และแต่งแต่มเส้นทางชีวิตดี ๆ ให้กับเขา ดังนั้นการมีพื้นฐานครอบครัวอบอุ่น มีความรัก ความเข้าใจ และความเอาใจใส่ของครอบครัว จึงถือเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญ
รายการ Club Pride Day ส่งท้าย Pride Month เดือนแห่งความเท่าเทียมและความภาคภูมิใจ ด้วยแขกรับเชิญสุดพิเศษ ซึ่งเป็นครอบครัวที่มีความอบอุ่น น่ารักและเข้าใจตัวตนของลูกได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเปิดรับและเข้าใจความต้องการของลูก และไม่กดดัน จนทำให้ลูกกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง และมีความสุขกับครอบครัวได้อย่างเต็มที่

สีสันแห่งแรงบันดาลใจ เริ่มขึ้นเมื่อสองดีเจของรายการ “ดีเจพี่อ้อย” ละ “ดีเจก็อตจิ” เปิดไมค์ต้อนรับ “ครอบครัว Augustzii” เจ้าของเพจที่มักจะมีเรื่องราวน่ารัก ๆ ลงโซเชียลมีเดียให้ได้ติดตามกันอยู่บ่อย ๆ โดยจุดเด่นของทางครอบครัวนี้ ก็คือการที่คุณพ่อบอล และคุณแม่จิ๊ฟ ไม่ปิดกั้นการแสดงออกของลูกชายที่เป็น LGBTQ+ เลย แถมยังให้ความสนับสนุนอย่างสุดๆ โดยกว่าจะเป็นเพจที่ได้รับความนิยมในวันนี้ มีหลากหลายเรื่องราวที่ครอบครัว Augustzii ได้นำมาพูดคุยแบ่งปันกันในรายการ


กว่าจะเป็นเพจ ครอบครัว Augustzii เพจสุดคิวท์ ของครอบครัวสุดน่ารัก
เรียกว่าเป็นเพจสุดคิวท์ ที่ปัจจุบันมีคนติดตามกว่า 3.6 แสนคน สำหรับเพจ ครอบครัว Augustzii ที่มักแจกความน่ารักสดใสให้แฟนคลับ กับคลิปน่ารัก ๆ ของ น้องออกัส เด็กชายสิทธา กลิ่นแย้ม วัย 9 ขวบ ผู้ชอบร้องเพลงและเต้นเป็นชีวิตจิตใจ มีความอ่อนโยนและรักสวยรักงาม แถมมีตุ๊กตาโพนี่สีชมพูเป็นเพื่อนรู้ใจ มาพร้อมครอบครัวที่เข้าใจ และพร้อมสนับสนุนในทุกสิ่งที่ลูกชอบ โดย แม่จิ๊ฟ ได้เล่าที่มาของการทำเพจ ครอบครัว Augustzii ให้ฟังว่า “ที่มาของเพจเริ่มจาก เราถ่ายคลิปเล่น ๆ ลงกัน ตอนนั้น ออกัส ใส่ชุดโพนี่ ที่เป็นชุดนอน แล้วเค้าก็ทำท่าเต้นไปหาป่ะป๊า ป่ะป๊าบอกเดี๋ยวเตะตูดเลย แค่นั้นเลยค่ะ หลังจากนั้นคลิปก็เป็นไวรัลเลย ก็เลยลองทำเพจดู ปรากฏว่ามีคนติดตามมาเรื่อย ๆ ค่ะ
ตอนเริ่มต้นเพจของเราจะพูดถึงครอบครัวของเราในการเลี้ยงลูก แล้วก็ลงความน่ารักของออกัส คอนเทนต์ประมาณนี้เลยค่ะ ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจหรือติดตามเยอะขนาดนี้ ในการเลี้ยงลูกเราไม่มีแนวทางอะไรเลยค่ะ เพราะว่าเรายังไม่รู้ว่าลูกเราจะไปในทางไหน ตอนนี้น้องยังเล็กมาก เพิ่งจะอนุบาล 3 เอง เรามีวิธีการเพียงแค่ดูเค้าไปเรื่อย ๆ ให้เค้าเติบโตในสายตาของเรา นี่คือวิธีการเลี้ยงลูกในแบบของครอบครัวเราค่ะ” พ่อบอล พูดเสริมว่า “ก็ดูไปตามระยะเวลาของเค้า ไม่ได้ปิดกั้นอะไรมากมายครับ”

จุดสังเกต ที่ทำให้ได้เห็นตัวตนของลูก
เมื่อพ่อ และ แม่ คือคนที่อยู่ใกล้ชิดลูกที่สุด จึงเป็นผู้ที่จะสังเกตความเป็นตัวตนของลูกได้ดีที่สุด โดย พ่อบอล กับ แม่จิ๊ฟ ได้เล่าเรื่องราวจุดที่ทำให้ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของ น้องออกัส ให้ฟังว่า “เค้าก็จะมีของเล่นเป็นพวกตุ๊กตา รู้จักชื่อตุ๊กตาพวกเจ้าหญิงต่าง ๆ ครับ และสิ่งที่เค้าชอบมาก ๆ คือการเต้นโคฟเวอร์ BLACKPINK นี่คือจุดสังเกตเลยค่ะ เราไม่ได้สอนเค้า ไม่ได้พาไปเรียน เค้าดูเองใน Youtube แล้วก็เต้นตามแบบเป๊ะมาก เราก็เริ่มรู้ว่าลูกเรามีพรสวรรค์ทางนี้ ก็เลยคิดว่าจะส่งเสริมพรสวรรค์โดยการพาไปเรียนเต้น ซึ่งเราก็ปล่อยให้เค้าดู Youtube ไปเลย เหมือนส่งเสริมพัฒนาการของเค้าไปด้วยค่ะ
อีกอย่างคือเค้าชอบดูนางงามมาก ตอนดูด้วยกันเค้าก็เคาะเลยว่าใครจะได้มง รอบล่าสุดเคาะมิสแกรนด์ 5 คนสุดท้ายแบบตรงเป๊ะ เราก็นึกในใจว่าทำไมเธอเคาะเก่งจังอย่างงี้ จริง ๆ เราไม่ได้ชอบดูนางงาม แต่ลูกเราพาเราดู แล้วก็ติดไปกะเค้าด้วย เค้าจำชื่อนางงามได้แทบทุกคน คนนี้อยู่เกิดประเทศไหน เป็นลูกครึ่งอะไร พูดคำไหนตอนสัมภาษณ์บ้าง เค้ารู้แทบจะหมดเลยค่ะ
ในตอนที่คลิปกลายเป็นไวรัล ตอนแรกก็ไม่ตกใจนะคะ พอดีตอนนั้นออกัสช่วยแม่ขายของค่ะตอนนั้นแม่ขายเสื้อผ้าเด็ก น้องก็แต่งตัวแบบแมน ๆ แล้วน้องก็มีคนติดตามจากตรงนั้นอยู่แล้ว แต่พอมาในแนวที่ฉีกออกไป ตอนแรกคุณพ่อของออกัสเค้าไม่เข้าใจนะคะ จนแฟนคลับในเฟสบุ๊คเค้าโอนเงินมา แบบว่าถ้าป๊าไม่ซื้อตุ๊กตาให้ เดี๋ยวป้าซื้อให้เอง ก็เลยเป็นจุดที่ทำให้คิดได้ว่า เห็นมั้ยคนอื่นเค้ายังเอ็นดูลูกเราเลย เราก็เลยต้องมาคุยกับสามีว่าต้องทำความเข้าใจ แล้วต้องมานั่งเลี้ยงลูกใหม่ ต้องจูนเพศกับลูกใหม่ ถ้าลูกจะเป็นไปในแนวนี้ เราก็ต้องคุยกันแล้วในครอบครัว” ด้านพ่อบอลพูดเสริมว่า “ก็มีแม่เค้านี่แหละครับที่คอยเตือนสติ ว่าถ้าเราปิดกั้นและบังคับลูก ลูกเราจะไม่เปิดเผยกับเรา และจะไม่คุยกับเราในทุกเรื่องนะ จะอยู่บ้านอีกอย่าง ไปโรงเรียนเป็นอีกอย่าง ซึ่งผมเองไม่ได้อยู่บ้านตลอด ต้องไปทำงานเดือนเว้นเดือนกลับบ้าน พอแม่เตือนสติเรา เราก็เอามาคิด แล้วก็ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนเข้าหาลูกครับ” ในเรื่องการยอมรับจากคนในครอบครัว แม่จิ๊ฟ เล่าเสริมอีกว่า “ส่วนมากคนในละแวกบ้านก็จะช่วยเลี้ยงออกัสกันหมดเลย คุณย่าก็สนับสนุนและช่วยเลี้ยงเพราะออกัสเป็นหลานคนแรก จะทำอะไรก็เอ็นดู รัก และสนับสนุนไปหมดทุกอย่าง ส่วนคุณปู่ ช่วงแรก ๆ ก็จะบอกกับหลานให้ทำตัวแมน ๆ หน่อย จนทุกวันนี้สนับสนุนทุกอย่างเลยค่ะ ยิ่งกว่าแม่อีก คุณพ่อก็สปอยล์หนักกว่าแม่ จนเราต้องคอยเตือนคุณพ่อเค้าบ้าง ไม่ให้ตามใจลูกจนเกินไป” ในเรื่องของความใฝ่ฝัน น้องออกัส ได้แชร์ให้ฟังว่า “หนูอยากเป็นมิสแกรนด์ หนูชอบพี่อุ้ม พี่เค้าสวย อยากเป็น มิสทิฟฟานี่ แล้วก็อยากเป็นนักวาดรูป”

อยากให้ลูกเป็นตัวของตัวเอง ให้เหมาะสมกับช่วงวัย
มีหลายครั้ง ที่น้องออกัส มักจะโดนเพื่อน ๆ ล้อ แต่สำหรับคุณพ่อ และ คุณแม่ เข้าใจและยอมรับในตัวตนของลูก จึงสนับสนุนให้ลูกได้ทำในสิ่งที่ชอบ เพื่อใช้ “ความสุข” เป็นเกราะป้องกันจากการบูลลี่ ของสังคมรอบข้าง โดยแม่จิ๊บ ได้เล่าเรื่องราวนี้ให้ฟังว่า “ออกัสเคยมาบอกว่า แม่มีเพื่อนมาล้อหนูนะ มีรุ่นพี่มาล้อหนูว่าหนูเป็นตุ๊ด เราก็เลยถามลูกกลับว่า แล้วออกัสตอบเค้าว่าอะไร ออกัสตอบมาว่า ก็หนูเป็นตุ๊ดไง หนูไม่โกรธ เพราะหนูเป็นจริง ๆ ตอนนั้นเราเลยรู้สึกใจฟูขึ้นมา แล้วบอกกับลูกว่า หนูไม่จำเป็นต้องปกปิดใคร ให้คนอื่นมองว่าเราเป็นคนปกติ และสิงที่ลูกเป็นก็ปกติที่สุดแล้ว ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองอยากเป็น อยากทำอะไร อยากเรียนอะไรบอกแม่ แค่ขอให้อยู่ในช่วงวัยที่เหมาะสม แค่นั้นพอเลยค่ะ จนหลัง ๆ เราสังเกตได้เวลาไปส่งหรือไปรับเค้าที่โรงเรียน จะมีเพื่อนเค้าเดินมาบ๊ายบายตลอดทาง เราก็รู้สึกว่าลูกคงเป็นที่รักของโรงเรียน คุณครูก็รู้จักออกัส เราเลยคิดว่าสิ่งที่เราเลี้ยงลูกด้วยความเปิดใจ มันดีที่สุดแล้ว
พอมาทำเพจ มีคอมเมนต์เยอะมากในทำนองถามว่าเลี้ยงลูกยังไงให้เป็นตุ๊ดเป็นกะเทย ซึ่งเราอยากจะคอมเมนต์กลับมากว่า ความเป็นตุ๊ดเป็นกะเทยมันไม่ได้อยู่ที่การบังคับให้เป็นนะคะ ซึ่งคอมเมนต์มาแบบนี้เราก็ปล่อยผ่าน เพราะเราไม่ได้เลี้ยงลูกให้มาเป็นแบบนั้นนะคะ ลูกเราเป็นเอง แล้วเราจะไปบังคับว่า หนูต้องเป็นผู้ชายนะ หนูต้องบวชให้แม่นะ หนูต้องมีหลานให้แม่นะแบบนี้เราคิดว่ามันไม่ใช่ค่ะ
เราอยากเลี้ยงเค้าให้อยู่ในวัยที่เหมาะสม อย่างออกัสมาบอกแม่ว่า หนูอยากไว้ผมยาว เราก็เลยบอกว่ายังไว้ไม่ได้ลูก รอให้อยู่มัธยมปลายในโรงเรียนที่อนุญาต หรือมหาลัย หนูเต็มที่เลยลูก อยากทำอะไรทำ อยากสวยแค่ไหนบอกแม่
มันต้องมีความเหมาะสมในวัย วัยนี้อยากให้ทุกคนที่เข้ามาดูเพจเอ็นดูออกัส อยากให้เห็นความน่ารักของเค้าในช่วงวัย อย่างบางคอมเมนทต์ถามว่า ทำไมแม่ไม่พาน้องไปเทคฮอร์โมน เราก็จะตอบกลับไปว่ามันยังไม่ถึงเวลาค่ะ น้องยังอายุแค่นี้เอง และน้องก็ยังไม่ได้บอกว่าน้องอยากไปเทค และในอนคตน้องอาจจะบอกแม่ว่าหนูไม่เป็นแล้ว หนูอยากเป็นผู้ชาย อาจจะยังไม่มีอะไรที่แน่นอนเลยค่ะ มันบอกไม่ได้ ทั้งหมดให้อยู่ที่จิตใจเค้าเลยค่ะ
ตัวจิ๊ฟเอง เราเติบโตมาในยุคที่เหมือนถูกใส่กรอบเยอะมาก ๆ แบบต้องเรียนวิชานี้ ต้องเรียนอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างงี้ ต้องจบมาเป็นอย่างงี้ แต่ต้องขอบคุณพ่อแม่นะคะที่เลี้ยงดูเรามาในแบบนั้น มันทำให้เรามีจิตใจที่เข้มแข็ง มีอนาคตที่ดี แล้วพอเรามามีลูกเอง เราเอาวิธีการเลี้ยงมาบวกกันค่ะ เอาสิ่งที่เราอยากเลี้ยง บวกกับสิ่งที่เราอยากให้ลูกมีความสุข เราจะไม่กดดันเค้าเลยค่ะ และเราจะเน้นใช้ชีวิตนอกห้องเรียนมากกว่า วันเสาร์อาทิตย์เราไม่ให้ลูกเรียนพิเศษนะ เราจะพาลูกไปข้างนอก ไปทำกิจกรรมกันแบบสุดเหวี่ยง เพราะในห้องเรียนมันเหนื่อยแล้ว มันสุดแล้ว วันหยุดเราอยากพาเค้าไปเปิดโลก ไปให้ลูกรู้โลกกว้างค่ะ เพราะว่าเค้าไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ตลอดไป วันหนึ่งเค้าต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง เราก็เลยต้องสอนให้เค้ารู้จักชีวิต ครอบครัวเราแสดงความรักกันแทบทุกวันเลยค่ะ หอมแก้มกันทุกคืน ก่อนไปทำงานป่ะป๊าก็จะต้องหอมแก้มเรา แล้วบอกว่าไปทำงานก่อนนะ แล้วหอมลูกทุกครั้งที่จะไปทำงาน มันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ครอบครัวเราอบอุ่น เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ค่ะ” พ่อบอล พูดเสริมว่า “ช่วงเสาร์อาทิตย์เราก็พากันไปเที่ยวครับ ใช้ชีวิต เพราะส่วนใหญ่เราไม่อยู่ก็พยายามหาเวลาให้กับครอบครัวให้เยอะที่สุด การได้อยู่กับลูก บางทีเค้าก็มาหยอกล้อเรา ทำแบบผู้หญิงมาหยอกเรา ให้เราแบบโมโหบ้าง บางทีเค้าก็มาแกล้งเรา พอเราก็เห็นความน่ารักของเค้า เราก็ค่อย ๆ เปลี่ยน ค่อย ๆ ปรับ จนเข้าใจลูกมากขึ้นครับ”

“ลูก” เราเลี้ยงได้แค่ร่างกาย แต่ไม่สามารถบังคับจิตใจได้
การได้พูดคุยกับครอบครัวน้องออกัส ทำให้ได้เห็นมุมมองในการเลี้ยงลูกของครอบครัวที่เปิดกว้าง และพร้อมจะเข้าใจในสิ่งที่ลูกเป็น โดย แม่จิ๊ฟ และ พ่อบอล ได้เผยมุมมองของการเลี้ยงลูกในแบบของครอบครัว Augustzii ไว้ว่า “จิ๊ฟไม่ได้คิดว่าลูกจะต้องเก่งเลยนะคะ เราอยากเลี้ยงลูกให้มีกาลเทศะ มีมารยาท ขอแค่นี้จริง ๆ ค่ะ ไม่อยากให้เป็นคนที่เสียงดังโวยวาย หรือต้องทำตัวให้เป็นจุดเด่นของคนอื่น ก็เลยจะบอกเค้าตลอดว่า ทำตัวให้น่ารักนะออกัส คนจะได้เอ็นดูตลอด ถ้าใครเรียกออกัสให้ยกมือไหว้นะลูก เพราะคนที่มารู้จักชื่อหนู คือแฟนคลับของหนู แสดงว่าเค้าติดตามเรา ให้ยกมือไหว้ทุกคน
ต้องบอกเลยว่า ลูก เราสร้างได้แค่ร่างกาย จิตใจเค้าเราไม่สามารถที่จะบังคับเค้าได้ เราไม่รู้เลยว่าเด็กทุกคนที่เค้าเกิดมา จิตใจเค้าจะไปทางไหน เพศมีมากมายหลายเพศบนโลกนี้ และเราก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าลูกจะไปทางไหน อยากฝากถึงพ่อแม่ทุกคนเลยนะคะ ไม่มีบ้านไหนเลี้ยงลูกโดยที่ไม่รักหรอกค่ะ เรารักลูกทุกคน แต่ว่าเราก็ต้องอยู่บนพื้นฐานที่เข้าใจชีวิตเค้า และเข้าใจจิตใจของเค้าด้วย ไม่ใช่บังคับเค้าค่ะ
ไม่ว่าลูกจะเป็นเพศอะไร อยากให้เลี้ยงเค้าแบบเปิดใจ รับฟังปัญหาเค้า เพราะว่าเราไม่อยากให้เค้าไปปรึกษาเพื่อนโดยที่เราไม่รู้เรื่อง หรือว่าเอาไปแก้ปัญหากันเองโดยที่เราไม่ได้เข้าไปดูแล อยากให้ลูกรู้สึกว่ากลับบ้านมาเมื่อไหร่มีพ่อแม่ เจ็บใจมากจากไหน โดนใครทำร้ายมา หันหลังมาก็ยังมีพ่อแม่เสมอ
ไม่ว่าลูกจะเป็นเพศอะไร เราเอาใจไปใส่เค้าค่ะ ลูกอยากเล่นของเล่น เราก็เอาใจไปเล่นกับเค้า หรือว่าลูกอยากเป็นอะไร เราก็เอาใจไปเป็นกับเค้าด้วย ช่วยเค้าหาข้อมูล ช่วยส่งเสริม ลูกเค้าก็แฮปปี้แล้วนะคะ ลูกเค้าก็จะรู้สึกขอบคุณที่ทำให้หนูเกิดมา ไม่ใช่ทำไมแม่ทำหนูเกิดมา ซึ่งเราจะมีความสุข ใจเราจะฟูมาก ๆ ที่ออกัสเดินมาบอกว่า แม่ขอบคุณนะที่ทำให้หนูเกิดมา ความรู้สึกมันตื้นตัน ทุกสิ่งที่เราทำมาทั้งหมดมันอยู่จุดแค่คำพูดเดียวจริง ๆ มันมีแรง มีกำลังใจในการเลี้ยงเค้าต่อไปค่ะ
สิ่งที่ยังเป็นห่วงลูก คือห่วงเรื่องความรักที่สุดแล้วค่ะ สิ่งนี้ยังเป็นคำถามในหัวว่า เราจะเลี้ยงเค้ายังไง ให้เค้ามีภูมิคุ้มกันแข็งแรง เพราะเรื่องความรักเนี่ยมันค่อนข้างพูดยากค่ะ มันอยู่ที่จิตใจ หมายถึง ความรักของ LGBTQ+ เนี่ยค่ะ มันจะค่อนข้างเซนซิทีฟ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยสมหวัง ซึ่งเรากลัวลูกจะผิดหวัง แต่อย่างน้อยลูกต้องมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง มีพ่อแม่ที่คอยซัพพอร์ทใจอยู่เสมอ เพราะมันอาจจะต้องเจอ ผู้หญิงผู้ชาย หรือทุกคนยังมีโอกาสเจอความอกหักได้เหมือนกันค่ะ”

ให้ “ความเข้าใจ” เป็น “เกราะป้องกัน” สำหรับลูก
มีสิ่งที่พ่อบอล กับ แม่จิ๊ฟ อยากจะฝากถึงครอบครัวที่มีลูกเป็น LGBTQ+ โดยพ่อบอล ได้แชร์มุมมองไว้ว่า “อยากให้เปิดใจคุยกับเค้า เพื่อที่จะเป็นเกราะป้องกันให้กับตัวลูกของเราเอง เวลามีเรื่องอะไรให้เค้าปรึกษาเราได้ทุกเรื่อง ไม่ต้องไปตีกรอบหรือว่าปิดกั้นจนเกินไปครับ เพราะว่าอย่างที่เป็นข่าวหลาย ๆ ข่าว มันก็จะความรุนแรง หรือข่าวที่ร้ายแรงได้ แล้วสุดท้ายมันก็จะมาเสียใจกับตัวเราเอง” ส่วนแม่จิ๊ฟ ได้พูดเสริมว่า “แค่เปิดใจกับลูก เพราะเชื่อว่าทุกบ้านอยากให้ลูกได้ดีหมดทุกคน ขอแค่เลี้ยงลูกให้เป็นคนที่ดีของสังคม มีพื้นฐานชีวิตที่ดี เพื่อสร้างสังคมที่มีคุณภาพ และอยากให้สังคมมองว่า LGBTQ+ ก็เป็นเพศปกติ เหมือนผู้หญิงผู้ชายทั่วไปเลยค่ะ”

"ขอบคุณครับที่ติดตามหนู ชอบหนูและครอบครัว Augustzii ขอบคุณป่ะป๊ากับแม่ ที่ซัพพอร์ท ออกัส สิทธา กลิ่นแย้ม Miss Grand พิษณุโลก!” – น้องออกัส

ติดตามรายการย้อนหลัง
