เปิดชีวิตส่องหัวใจ ของนักปิ้งไก่ในตำนาน “กัญจน์ ภักดีวิจิตร” จากนักปิ้งไก่ในจอ สู่เจ้าของร้านไก่ย่างในชีวิตจริง

Club Pride Day Recap

เปิดชีวิตส่องหัวใจ ของนักปิ้งไก่ในตำนาน “กัญจน์ ภักดีวิจิตร” จากนักปิ้งไก่ในจอ สู่เจ้าของร้านไก่ย่างในชีวิตจริง

31 พ.ค. 2023

รายการ Club Pride Day เปิดไมค์ต้อนรับแขกรับเชิญเจ้าของฉายา “นักปิ้งไก่ในตำนาน” ที่ได้มาพูดคุยเล่าเรื่องราวจากผู้จัดละครมากฝีมือ สู่บทบาทพรานป่าล่าเสืออังกอร์ ที่ทำให้กลายเป็นที่จดจำและมีชื่อเสียง พร้อมเผยเรื่องราวของรักต่างวัย ที่ทำให้หลาย ๆ คนอิจฉา ความวาไรตี้เริ่มขึ้นเมื่อ สองดีเจสุดแซ่บ ดีเจพี่อ้อย และ ดีเจก็อตจิ เปิดไมค์กล่าวต้อนรับ “กัญจน์ ภักดีวิจิตร” ลูกชายของผู้กำกับชื่อดัง “ฉลอง ภักดีวิจิตร” เจ้าของฉายา “เจ้าพ่อหนังแอ็คชั่น” ซึ่งกว่าจะมาเป็น กัญจน์ ภักดีวิจิตร ในวันนี้ เขาได้ผ่านหลากหลายเรื่องราว หลากหลายประสบการณ์ ที่ได้นำมาแชร์ให้ฟังในรายการ

 

“กัญจน์ ภักดีวิจิตร” ชื่อในวงการบันเทิง ที่คุณพ่อตั้งให้

หลายคนอาจจะคิดว่าชื่อ “กัญจน์ ภักดีวิจิตร” คือชื่อจริงตั้งแต่เกิด แต่ที่จริงแล้วชื่อนี้เป็นชื่อที่ใช้ในวงการบันเทิง โดย กัญจน์ ได้เล่าที่มาของชื่อให้ฟังว่า “กัญจน์ คือชื่อในวงการบันเทิง ชื่อจริงของผมชื่อฉลองบุญ คุณพ่อเป็นคนตั้งให้ทั้งชื่อจริง และชื่อในวงการบันเทิง ที่ชื่อฉลองบุญ เพราะว่าชื่อจะเป็นแบบบุญ ๆ ทั้งบ้านเลย ฉลองบุญ บุญจิรา ส่วนชื่อเล่น ชื่อกอล์ฟครับ”

 

 

เปิดที่มาของฉายา “นักปิ้งไก่ในตำนาน”

กลายเป็นฉายาที่ทำให้หลายคนรู้จัก กัญจน์ ภักดีวิจิตร สำหรับฉายา “นักปิ้งไก่ในตำนาน” 
ซึ่งกว่าจะมาเป็นฉายานี้ มีที่มาที่ไม่ธรรมดา โดย กัญจน์ เล่าให้ฟังว่า “จากเรื่องอังกอร์ 
ตอนนั้นเรทติ้งค่อนข้างจะสูงมาก และก็จะมีฉากในป่า ที่ต้องมีบทพูดคุยกัน ต้องมาก่อกองไฟตั้งแคมป์กัน ตอนนั้นพ่อก็เลยคิดว่าจะเอาอะไรมาปิ้งดี จะเอาหมูมาปิ้งก็ไม่ได้เพราะว่ามันก็จะเปลืองงบไปนิดนึง ก็เลยโอเค ไก่ดีกว่าในป่าจับง่าย ก็เลยกลายเป็นไก่ปิ้งตั้งแต่นั้นมา

คืออังกอร์ไม่ได้ปิ้งทั้งเรื่องนะครับ ปิ้งแค่ 2-3 ซีนแค่นั้นเอง แล้วพอมีภาค 2 ผมก็ปิ้งอีก คนดูก็เห็นว่าภาคแรกปิ้ง พอภาคสองคนนี้มาอีกแล้ว ส่วนที่รีเมคของช่อง3 อันนั้นผมไม่ได้ปิ้ง แต่มีคนอื่นมาเล่นเป็นตัวผม มาปิ้งแทนผม ซึ่งพอมาครั้งไหนก็ต้องปิ้งไก่ทุกฉาก คนก็เลยตั้งฉายานี้ให้

เมื่อก่อน ผมเห็นเพจลงฉายานี้ ผมก็ไม่ได้ชอบ เหมือนเรายังไม่ชิน อยู่ ๆ มาเรียกเราไอ้ปิ้งไก่ แต่ว่าพอมาหลัง ๆ เริ่มชินละ มันเหมือนคนยังไม่ลืมเราเนอะ เลยโอเคละ ลงไปเลย อยากลงก็ลงไปเลยจ้า”

 

กัญจน์ ภักดีวิจิตร กับชีวิตลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

ด้วยความที่เป็นทายาทของตระกูล ภักดีวิจิตร ทำให้ชีวิตของ กัญจน์ เหมือนลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เพราะต้องเติบโตมาพร้อมกับการทำหนัง ทำละคร ตามคุณพ่อไปกองถ่าย โดยเขาได้เล่าเรื่องนี้ให้ฟังว่า “ตอนนั้นเกิดมาก็เห็นกองถ่ายแล้ว ไปเที่ยวกองถ่ายกับคุณพ่อคุณแม่ ไปกับน้อง ๆ จนมาถึงยุคช่อง 7  ก็ได้ไปเล่นเบื้องหน้าให้คุณพ่อมาหลายเรื่อง หลังจากนั้นก็ได้มาทำให้ ช่อง 3 มาช่วยน้อง ๆ ทำครับ คือน้องผู้หญิงกับน้องผู้ชายเขาเป็นผู้จัดอยู่ที่ ช่อง 3 เราก็มาช่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับตัวผมเองก็รู้สึกเหมือนมันผูกพัน มันก็ชอบนะ”

 

 

จากเด็กหลังห้อง สู่เด็กหน้ากล้อง ภายใต้การกำกับของคุณพ่อ

ย้อนกลับไปในสมัยมัธยม กัญจน์ ได้เล่าว่า ตัวเองเป็นเด็กที่ค่อนข้างเกเร เป็นเด็กหลังห้อง แต่พอก้าวสู่วัยทำงาน ก็ได้ก้าวสู่หน้ากล้อง รับบทบาทนักแสดงในละครของคุณพ่อ โดยเขาได้เล่าเรื่องนี้ให้ฟังว่า “ช่วงมัธยมผมเกเรมาก สมัยเรียนเรายังไม่ได้เล่นละคร จะมีเพื่อนในกลุ่มรู้ มีอาจารย์รู้ ผมชอบไปนั่งคุยกัน ไปนั่งมองสาว หลังจากนั้นก็ไปอยู่ออสเตรเลีย พอเรียนจบแล้วก็ไปเรียน ม.รังสิต ได้ปีนึงคุณแม่ก็อยากให้ไปอยู่เมืองนอก ซึ่งตอนแรกก็ไปอยู่นิวซีแลนด์ก่อน แล้วก็กลับมาอยู่กรุงเทพได้ไม่กี่เดือน ก็ไปอยู่ออสเตรเลียอีก ก็มีเกเรสร้างวีรกรรมไว้เยอะมาก พอกลับมาเมืองไทยก็ไม่มีอะไรทำ เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่คุณแม่เขาคุยกับคุณพ่อว่า เราอยากเล่นละครไหม ก็เลยเริ่มจากตรงนั้น เหมือนเราได้ผ่านอะไรมาเยอะ อย่างเมื่อก่อนเราเที่ยวกลางคืนเก่ง ตอนกลับมาเราก็ไม่เที่ยว ตื่นเช้า 7-8 โมง ลุกขึ้นมาทำงาน ไปช่วยน้องดูทำนู่นทำนี่ คือด้วยอายุด้วยแหละครับ ทำให้เรารับผิดชอบมากขึ้น

บทบาทแรกที่ได้เล่นคือเรื่องระย้า เรื่องแรกเลยของคุณพ่อทำให้ช่อง 7 ตอนนั้นเล่นเป็นเพื่อนพระเอกนี่แหละ มีพระเอกอยู่ 2-3 คน ก็เป็น 1 ใน 3 ซึ่งตอนนั้นมาแบบอ้วนมาก สมัยก่อนไว้ผมยาวแล้วก็มัดผม ตอนแรกก็โดนพ่อด่าจนร้องไห้ เพราะเราเล่นไม่ได้ เหมือนกับว่าเราไม่มีประสบการณ์ทางนี้เลย เข้าไปซีนแรกก็โดนเลย แล้วพ่อเขาเสียงดัง ผมเลยร้องไห้แล้วเดินออกมาฟ้องแม่

หลังจากนั้นอาทิตย์ต่อมาก็ไปเรียน สมัยนั้น ครูแอ๋ว เป็นคนสอน แต่พอมาแสดงก็โดนด่าเหมือนเดิม แต่ไม่ท้อครับลุยใหม่ ไปเรียนอีก พอกลับมาแสดงมันมีมุมกล้องที่เรายังไม่รู้เรื่อง พ่อก็ด่าอีก แต่หลัง ๆ มาชักเริ่มชิน เพราะว่าเขาด่าทุกคนไงไม่ได้ด่าผมคนเดียว พอเขาด่าก็ยิ้มหัวเราะใส่เขา บทตอนนั้นเหมือนต้องเป็นคนรักชาติ แน่วแน่ เล่นเป็นคาแรกเตอร์ที่ไม่ใช่ตัวเองเลย ต้องเล่นเป็นคนมุ่งมั่น เอาจริงเอาจังในชีวิต แล้วก็บู๊ด้วย เราก็เล่นไม่เป็น ถ่ายอยู่หลายเทคครับ เมื่อก่อนไม่รู้มุมกล้องว่าต้องต่อยอะไร แล้วเมื่อก่อนกล้องจะเป็นอนาลอก กล้องสมัยเมื่อ 20 ปีที่แล้วเป็นโอบี สมัยนี้ไม่มีแล้วด้วย”

 

 

บทเรียนชีวิต ที่ได้จากคุณพ่อ

ในการทำงานกับคุณพ่อ ทำให้ กัญจน์ ได้บทเรียนชีวิตที่สามารถถอดมาจากคุณพ่อหลาย ๆ เรื่อง โดยเขาได้แชร์ให้ฟังว่า “อย่างแรกเลยคือ พ่อจะตื่นก่อนเราทุก ๆ ครั้งเลย ตื่นมาตี 5 แล้วก็อาบน้ำแต่งตัว ไปกองคนแรก ไปถึงกอง 6 โมง คุณพ่อก็จะไปวางบล็อก วางมุมกล้อง ก็จะมีคนเดินตามไปด้วย ทีมไฟทีมกล้องเดินตามพ่อไป วางสร็จเรียบร้อยก็ไปทานข้าว ซึ่งเราเห็นการทำงานของพ่อ ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ ซึ่งตอนนี้เขาแก่มากแล้ว ไปไม่ค่อยไหว แต่เวลาที่เขาไปเขาก็มักจะไปเช้ากว่าคนอื่นเสมอ เขาเป็นคนที่มีวินัยสูงมาก

และคุณพ่อเขาใจดีมาก เวลาอยู่ที่บ้าน อยู่กับลูก ๆ ก็จะพูดเพราะ แต่อยู่ในกองก็จะเหมือนเป็นอีกคนหนึ่ง แม้จะชอบด่า แต่ว่าพอเขาด่าเสร็จ เขาก็มาอารมณ์แบบพูดมุกตลกของเขาต่อ เขาไม่เอามาซีเรียส เหมือนเป็นอารมณ์ของเขา ณ เวลานั้น และพอผ่านเวลานั้นไปอีกสักแป๊บ เขาจะเปลี่ยนอารมณ์ละ เวลาโดนด่าผมไม่ได้ร้องไห้ต่อหน้าเขา ผมจะเดินออกมาจากหน้ากล้องนิดนึงผ่านเขาไปแล้วค่อยร้อง ตอนนั้นดาราเห็นเยอะครับ ที่ผมโดนพ่อด่า”

 

จากนักปิ้งไก่ในจอ สู่ธุรกิจไก่ย่างในชีวิตจริง

จากคาแรกเตอร์นักปิ้งไก่ในจอที่คนจดจำ ล่าสุดดูเหมือนว่าสกิลการปิ้งไก่ของ กัญจน์ จะไม่ได้อยู่แค่ในจอทีวีซะแล้ว เพราะตอนนี้เขากำลังทำธุรกิจไก่ย่างอยู่ด้วย ซึ่งเขาได้เล่าที่มาของการทำธุรกิจนี้ว่า “เริ่มจากมีเพื่อน ๆ น้อง ๆ นี่แหละครับ เขาก็ถามว่า เมื่อไหร่จะทำไก่ย่างขายเนี่ย ทำแล้วขายดีเลยนะเนี่ย ผมก็เอ้อละเหยลอยชาย เดี๋ยวค่อยทำก็ได้ จนเมื่อสัก 2-3 เดือนที่แล้วก็ไปถ่าย TikTok พาทัวร์โรงงานไก่ย่างกับแฟน คลิปเป็นไวรัลเลย ก็มีคนถามว่าโรงงานอยู่ที่ไหน คนเริ่มสนใจ

ผมทำน้ำซอสเองครับ คิดเองทำเองชิมเอง นานอยู่กว่าจะทำให้มันอร่อย แล้วก็ตอนนี้ให้ทางบ้านแฟนเขาทำครับ ตอนแรกขายดีใน TikTok แต่ TikTok เขาไม่ให้ส่งแบบขนส่งทั่วไปเพราะมันร้อนพอส่งไปไก่มันก็เสีย หลัง ๆ ก็เลยส่งรถเย็น คือเราทำแบบแช่แข็งไป แต่ว่าอาจจะทำรสให้มันเข้มขึ้นกว่าเดิม สามารถที่จะทานแบบไม่ต้องจิ้มก็ได้อะไรแบบนั้น”

 

 

ค้นพบตัวเอง ว่าเป็น LGBTQ+

เรื่องราวของการค้นพบรสนิยมทางเพศของตัวเอง กัญจน์ ได้เล่าให้ฟังว่า “เมื่อก่อนสมัย ม.4 ผมมีแฟนเป็นผู้หญิงอยู่ แต่ผมก็คิดว่าเวลาไปดูหนัง ทำไมฉันไม่จับมือ ไม่มีอารมณ์ ไม่แฮปปี้ ไม่แตะไม่ต้อง ไม่อะไรเลย ตอนนั้นเหมือนยังไม่รู้ตัว แต่ว่าพอ ม.6 ก็เริ่มรู้ตัว เพราะแอบชอบรุ่นพี่อยู่คนนึง ตอนนั้นรู้สึกเหมือนเราอยู่ ม.5 พี่เขาอยู่ ม.6 คือแบบอยู่ดี ๆ เห็นหน้าเขาแล้วชอบ คิดว่าตัวเองใช่แล้วล่ะ ซึ่งสมัยก่อนมันยังไม่เปิด แต่ว่าเพื่อนพผมก็รู้นะ แต่เพื่อนเขาไม่ล้อเรา

ช่วงแรก ๆ กดดันเพราะว่าพ่อแม่ไม่รู้ แล้วตอนนั้นเราคบแฟนคนแรก ก็บอกแม่ก่อน ว่าผมเป็นแบบนี้นะ ไม่ได้ชอบผู้หญิง แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเลย คือแม่เป็นคนใจดีมาก แม่บอกว่าไม่เป็นไรลูก อะไรที่มีความสุข ลูกก็ทำไปเลย

จริง ๆ ผมว่าแม่ก็น่าจะรู้ตั้งแต่เป็นแรก ๆ ตั้งแต่ ม.5 ม.6 ละ เขาก็เลยเฉย ๆ คืออยู่บ้าน ผมจะไม่ค่อยแสดงออก ไม่เหมือนอยู่กับเพื่อน ส่วนพ่อไม่เคยพูด แต่ก็เคยถามแม่นะว่าพ่อรู้มั้ย แม่ก็บอกว่าพ่อเขาคงรู้แหละแต่เขาไม่พูด”

 

 

จุดเริ่มต้นของรักต่างวัย ที่หลายคนอิจฉา

เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งคู่รักที่ตั้งแต่เปิดตัวก็หวานไม่แพ้ใคร สำหรับคู่ของ “กัญจน์ ภักดีวิจิตร” กับแฟนนอกวงการ “สปาย ธัชพงศ์พัชร์” ซึ่งแม้อายุจะห่างกัน 20 ปี แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคของทั้งคู่แต่อย่างใด ซึ่งเมื่อได้มาพูดคุยในรายการ กัญจน์ เลยได้เล่าจุดเริ่มต้นของความรักครั้งนี้ให้ฟังว่า “เจอกันที่ผับ ๆ หนึ่ง แล้ววันนั้นน้องเขาผิวขาว ซึ่งก็ดูค่อนข้างเด่นหน่อย แล้วพอดีเพื่อนผมกับเขารู้จักกัน ก็เลยให้เพื่อนไปขอเบอร์ให้ แล้วผมก็เลยเดินเข้าไปขอชนแก้ว แล้วก็นั่งคุยกัน แล้วตอนจะกลับก็ขอไลน์คุยกัน  แล้วก็วันรุ่งขึ้นเราต้องกลับกรุงเทพก็เลยชวนไปกินข้าวกัน ซึ่งเขาก็มา

ก่อนหน้านี้ตัวผมเองเป็นคนชอบอยู่คนเดียว ยังไม่คิดจะคบใครจริงจัง เพราะยังชอบไปเที่ยวกับเพื่อน ก่อนหน้านี้เคยมีแฟนแป๊บ ๆ ก็เลิกกันหมด แต่พอมาคนนี้รู้สึกว่าพอคุยไปเรื่อย ๆ แล้วเหมือนเข้ากันได้  ทั้ง ๆ ที่คบกันแรก ๆ ก็ทะเลาะกันบ่อย เพราะเขาก็อารมณ์ร้อน ผมก็อารมณ์ร้อน

แต่พอคุยกันมากขึ้น มันรู้สึกแฮปปี้ คุยแล้วมันสนุก ก็เลยขอเขาเป็นแฟน แล้วก็ค่อย ๆ ปรับความเข้าใจกัน ช่วงที่เปิดตัว เพื่อนวงการบันเทิง แล้วก็แฟนคลับทั่วไป ก็มาแซวเยอะ ซึ่งก็มีทั้งคอมเมนต์ดี และคอมเมนต์แบบไม่ดี แต่คอมเมนต์ไม่ดีมันก็ส่วนน้อย สมมติสัก 100% มี 10% แล้วพอโดนคอมเมนต์ไม่ดี พวกคนที่เขาชื่นชมเราก็จะไปด่ากลับเลย เราไม่ต้องไปทำอะไรเลย พวกเขาไปตอบเลยก็ขอขอบคุณมาก

มีบ้างที่หลายคนมองว่าน้องจะเข้ามาเพื่อผลประโยชน์รึเปล่า สำหรับผม ตอนเจอกันวันแรกที่ไปขอเบอร์ที่ แล้วก็วันรุ่งขึ้นที่ไปกินข้าวกัน ผมบอกน้องเลยว่านี่ไม่ใช่คนเปย์ไม่ใช่สายเปย์ ทุกอย่างคนละครึ่ง ซึ่งเขาบอกโอเค เขามีงาน เขาทำงานแล้ว วันนั้นไปกินส้มตำก็ยังแชร์เลย ซึ่งเราจริงใจแล้วก็อยากให้รู้ด้วยว่า เราไม่ได้มาสายเปย์นะ แต่ถ้าอย่างสมมติว่าเขาเป็นคนไม่ชอบกินอาหารญี่ปุ่น เราชอบกินอาหารญี่ปุ่น เราก็เลยบอกว่าเดี๋ยวเลี้ยงมื้อนี้เองอะไรแบบนั้น

ในการทำธุรกิจ น้องก็เป็นคนชวนทำ ตอนแรกเขาเป็นคนเริ่มก่อน เพราะเขาเป็นคนชอบทำนู่นทำนี่ พอเขาชวนผมก็โอเค จริง ๆ เมื่อก่อนผมไม่มีเลยนะเรื่องทำธุรกิจ ไม่มีในหัวเพราะเราเน้นทำวงการบันเทิง แต่ก็อยากลองดู พอได้เริ่มทำเราเห็นว่ามันมีรายได้ ก็เลยรู้สึกว่า ให้น้องเสนอมาเลย อยากทำไรทำ ทำหมด ตอนนี้ก็มีไลฟ์สดครับใน TikTok แล้วก็ทำเป็นครีมผลิตภัณฑ์ของเราสองคน ตอนนี้ก็ผ่าน อย. ละ

ตอนนี้น้องอยู่เชียงใหม่ครับ เป็นรักระยะไกล ผมก็อยู่แบบ ไป ๆ กลับ ๆ เชียงใหม่ 6-7 ปีแล้ว ชอบเชียงใหม่มากเลย”

 

 

รับสายคนรู้ใจ ส่งต่อความรักทางไกลให้กัน

มีหนึ่งสายส่งตรงมาจากเชียงใหม่ ที่ได้โทรเข้ามาพูดคุยกันในรายการ ซึ่งเพียงแค่ปลายสายเริ่มพูด กัญจน์ ก็จำเสียงได้ เพราะเป็นเสียงของ สปาย แฟนหนุ่มของเขานั่นเอง โดยทั้งคู่ได้เผยเรื่องราวความรัก พร้อมส่งต่อความคิดถึงกันไว้ด้วย

“ก็ไม่เคยพูดคำว่ารักกับเขาเลยตั้งแต่ครั้งแรก ไม่เคยพูดไม่เคยหลุดจากปากผมเลยเป็นเวลาปีกว่า ๆ ก็ครั้งนี้ก็จะบอกว่ารักนะจ๊ะ” - กัญจน์

“ปายก็ขอบคุณเขาครับที่อยู่ในช่วงเวลาที่ดิ่งที่สุดในชีวิต แล้วก็ช่วงเวลาที่ชีวิตมันเริ่มดีขึ้นมาแล้ว ขอบคุณที่อยู่ข้าง ๆ กันตลอดครับ” – สปาย

 

“อยากให้เป็นตัวของตัวเองให้เต็มที่ที่สุดครับ ผมคิดว่าถ้าเราเป็น LGBTQ+ เราก็แสดงออกไปเลย ให้ที่บ้านรับรู้ ให้เพื่อนรับรู้ไปเลย จะได้สบายใจกว่า และอยากให้พ่อแม่ลองเปิดใจกว้าง ๆ เพราะว่าสมัยนี้โลกมันเปิดกกว้างแล้ว ถ้าลูกเราเป็นคนดี มีงานการทำที่ดี ควรสนับสนุนเขา มากกว่าที่แบบไปทำร้ายให้ลูกเจ็บตัว” - กัญจน์ ภักดีวิจิตร

 

 

ติดตามรายการย้อนหลัง

album

0
0.8
1