เปิดมุมมองชีวิต ของ “หยาดพิรุณ ปู่หลุ่น” ยูทูปเบอร์ตัวแม่ เจ้าของวลีดัง “ละแมะ” “อะหรือ” “ว่าซ่าน”

Club Pride Day Recap

เปิดมุมมองชีวิต ของ “หยาดพิรุณ ปู่หลุ่น” ยูทูปเบอร์ตัวแม่ เจ้าของวลีดัง “ละแมะ” “อะหรือ” “ว่าซ่าน”

15 พ.ค. 2023

รายการ Club Pride Day เปิดไมค์ต้อนรับแขกรับเชิญตัวแม่ ที่โด่งดังในชั่วข้ามคืนจากการคัพเวอร์เพลง เธอคือสาวเก่ง สวย เสียงดี และมักจะมาพร้อมความม่วน ความจอย และความฮา

เปิดความสนุก ปลุกความฮา กันตั้งแต่เริ่มรายการ เมื่อสองดีเจสุดแซ่บ ดีเจพี่อ้อย และ ดีเจก็อตจิ เปิดไมค์กล่าวต้อนรับ “หยาดพิรุณ ปู่หลุ่น” ยูทูปเบอร์สาวสายฮา เจ้าของวลีดัง ละแมะ , อะหรือ , ว่าซ่าน ซึ่งกว่าจะมาเป็นเธอในทุกวันนี้ เธอคือผู้ที่ตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อเดินตามความฝัน และแฮปปี้กับทุก ๆ โมเมนต์ที่เกิดขึ้นในชีวิต โดยมีหลากหลายเรื่องราวที่เธอได้มาแชร์ให้ฟังในรายการ

 

 

หยาดพิรุณ ปู่หลุน ชื่อนี้มีเรื่องเล่า

เรียกว่าเป็นชื่อที่ฟังดูหวาน และ ดูมีความหมายอยู่ในชื่อสำหรับชื่อ หยาดพิรุณ ปู่หลุ่น ซึ่งต้องบอกว่าชื่อนี้มีเรื่องเล่า โดย หยาดพิรุณ ได้เผยที่มาของชื่อเพราะ ๆ นี้ไว้ว่า “เป็นชื่อที่คุณตาตั้งให้เลยตั้งแต่เกิด เพราะว่าหยาดเกิดในวันที่ฝนตก ตอนนั้นประมาณตี 4 ตี 5 คุณแม่ปวดท้องมาก คุณพ่อก็ขับรถมาสแตนบายจะไปโรงพยาบาล ปรากฏว่าคุณแม่ทนไม่ไหว ก็เรามันอยากเกิดเต็มทีอะแม่จ๋า ซึ่งแม่บอกว่าเอาจริงยังไม่ทันได้เบ่งเลย ก็หลุดออกมาเลย แบบหลุดออกมาแบบสบาย ๆ ที่หัวกระไดบ้าน ก็เลยต้องตามคุณหมอตำแยมาที่บ้านแทน และก็เหมือนตอนนั้นมีนักข่าวชื่อดังชื่อหยาดพิรุณ แล้วคุณตาก็เลยชอบชื่อนี้ ก็เลยขนานนามเป็น หยาดพิรุณ ให้

ตอนนั้นจริงๆแล้ว คุณแม่อยากได้ลูกชายตั้งแต่เด็ก เพราะว่าหยาดมีพี่สาวคนนึง คนต่อไปคุณแม่ก็อยากได้เป็นลูกชาย ซึ่งคุณแม่เล่าให้ฟังว่า วันที่จะเกิด วันที่จะฝนตกนั่นแหละค่ะ แม่ก็ฝันเห็นพ่อปู่ ก็คือเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้านอะไรอย่างเงี้ย แม่ก็จะมีเซ้นส์อะไรพวกนี้ เสร็จแล้วคุณแม่บอกว่า พ่อปู่ท่านถามว่า ลูกจะมาแล้วนะ จะเอาผู้หญิงผู้ชายก็ตะโกนออกมาดังๆ เลย คุณแม่เราอยากได้ลูกชายอยู่แล้ว เลยตะโกนดัง ๆ ว่า ลูกชาย ลูกชาย (ในความคิดนะคะ) แต่สิ่งที่คุณแม่ตะโกนออกไปนั้นมันออกอากาศไม่ได้ ตะโกนไปว่า หีมมมม หีมมมม (จิมิ) ใช่คุณแม่บอก แล้วเสียงดังก้องกังวาน ก็เลยเกิดออกมาเป็นลูกสาว เป็นหยาดนี่แหละค่ะ 

ซึ่งชื่อเล่นจริงๆ ชื่อ น้องน้ำฝน แล้วหลายคนถามทำไมใช้ชื่อหยาด ก็พอเข้ามหาลัย มันก็ได้จังหวะเปลี่ยนชื่อ รุ่นพี่เขาจะให้เขียนชื่อที่มันห้อยคอ เราก็เอาเลยเลือกใช้ชื่อหยาดพิรุณ ดีกว่า จากนั้นเพื่อนก็เลยเรียก หยาดพิบ้าง พิรุณบ้าง มาตั้งแต่นู้นเลย ไม่มีใครเรียกน้ำฝนแล้วค่ะ

ปู่หลุ่น จะมีหลายคนคิดว่าเป็นฉายา ไม่คิดว่ามันเหมือนนามสกุล แต่ก็มีบางคนก็เรียกปู่หลุนเหมือนเรียกแทนชื่อเราเลย ซึ่งรายการนี้เขียนนามสกุลหยาดถูก ปู่หลุ่น มีไม่กี่รายการที่เขียนถูก ส่วนใหญ่จะเขียน ปู่หลุน ที่มาของนามสกุลนี้คือ เมื่อก่อนชาวบ้านไม่มีนามสกุล เขาก็ไปหานายทะเบียนแล้วนายทะเบียนก็บอกว่า ไปหามาว่าจะเอานามสกุลอะไรก็เขียนมา บ้านเรา ตระกูลเราก็นึกไม่ออกว่าจะนามสกุลอะไร ก็เลยเอาชื่อปู่แล้วกัน (เป็นทวดของทวดอีกที) ปู่ชื่อ หลุ่น ก็เลยกลายเป็น หยาดพิรุณ ปู่หลุ่น”

 

 

“ว่างแล้วช่วยโทรกลับ” เพลงคัพเวอร์พลิกชีวิตหยาดพิรุณ

ชื่อของ หยาดพิรุณ กลายเป็นที่รู้จักและโด่งดังชั่วข้ามคืน หลังจากที่เธอได้ทำคลิปคัพเวอร์เพลง “ว่างแล้วช่วยโทรกลับ” ของเจ้าหญิงเพลง R&B ลิเดีย ศรัณย์รัชต์ ซึ่งยอดวิวล่าสุดของเพลงคัพเวอร์นี้ทะลุ 22 ล้านวิว ไปแล้ว โดยหยาดพิรุณ ได้เล่าที่มาของคลิปอันโด่งดังนี้ว่า “มันเกิดจากการที่หยาดถ่ายวิดีโอไลฟ์กับพี่สไบรท์ บะบะบิ ชื่อรายการโทรจิตโทรใจ ตอนนั้นเราไปถ่ายรายการกันที่ต่างอำเภอของเชียงใหม่ แล้วพวกเราอยู่บนดอย มันเหงา เลยคิดว่าเราจะทำอะไรกันดี ก็เลยตั้งกล้องไลฟ์มีมือถืออยู่อันนึง ไฟที่ใช้ก็เป็นไฟส่องกบอันเล็ก ๆ หน้าดำมากตอนนั้น แล้วตอนนั้นดันเป็นช่วงโควิดคนเขาก็จะดู ไลฟ์วันละ 3 ชั่วโมง คนโทรเข้าไม่หยุดเลย ทุกคนก็ต่างร้องเพลงให้เราฟัง เราเองก็ถือโอกาสร้องไปร้องมา แล้วปรากฏมีสายหนึ่งร้องเพลงว่างแล้วช่วยโทรกลับ ซึ่งเราชอบเพลงนี้ ชอบพี่ลิเดียอยู่แล้ว เราก็ชมว่าร้องเพลงถูกใจฉัน เดี๋ยวฉันขอร้องเวอร์ชั่นฉันให้เธอฟังบ้าง ปรากฏว่าท่อนที่หนูร้องคนก็ตัดท่อนนั้นไป กลายเป็นไวรัลใน TikTok ดาราอินฟลูเขาก็คัพเวอร์ มันก็เลยโด่งดังขึ้นมา ทีนี้แฟน ๆ ก็เรียกร้องเราว่าอยากฟังเวอร์ชั่นเต็ม เราก็เป็นคนที่เพื่อนให้ทำอะไรก็ทำมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว คือมันเหมือนมีฐานคนรอฟังอยู่แล้วเป็นพื้นฐาน บวกกับความ Check it out yo Check it out boom ของหนูเข้าไปมันก็เลยติดหูคนฟัง

พอหลัง ๆ เราก็เริ่มติดสวย เริ่มติดแกรม เพราะเรารู้สึกว่าเล่นมาเยอะแล้ว และมันก็มีบางคนแบบว่าโอ้ยติดเล่นจังเลย เราก็เริ่มลองจริงจัง ล่าสุดปล่อยเพลงต้องโทษดาวใน TikTok เพลงของพี่เบิร์ด ธงไชย ซุปเปอร์สตาร์ในดวงใจเรา คอมเมนต์ประมาณเกือบ 400 คอนเมนต์ บอกว่า โอ้ะกรู้วหายไปไหน อะหรือไปไหน กลืนหยาดพิรุณออกมาเดี๋ยวนี้ เนี่ยพอเราทำสวย ๆ ให้ก็จะมาเอาโอ้ะกรู้ว คนติดภาพฮาเราไปแล้ว”

 

“ดารานักร้อง” ความฝันของ ด.ญ. หยาดพิรุณ

ด้วยเบื้องหน้าที่มักจะเห็นหยาดพิรุณชอบร้องเพลง ร้องเพลงเพราะ เอนเตอร์เทรนเก่ง แท้ที่จริงแล้ว นี่คือความฝันที่เธออยากทำมาตั้งแต่เด็ก โดยหยาดพิรุณได้เล่าเรื่องราวความฝันนี้ให้ฟังว่า “คืออย่าเรียกว่าใฝ่ฝัน เรียกว่าเป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตั้งแต่เริ่มจำความได้ หยาดจะเข้าใจว่าตัวเองเป็นดาราตลอด อยู่ต่างจังหวัด เกิดที่หนองบัวลำภู คุณแม่เอาขึ้นท้ายมอเตอร์ไซค์ ขับไปตามทุ่งนาเจอหญ้าตามข้างทาง มือมันจะกุยทำเป็นแบบว่าอย่าดึงแรงค่ะ อย่าจับเนอะแขนน้องเจ็บ ทำเหมือนมี FC ตลอดเวลา เหมือนเราคือซุปเปอร์สตาร์ มันไม่รู้ตัวว่าทำไมเราถึงอยากเป็นอย่างงั้น เราอาจจะดูละครดูหนังดูคอนเสิร์ตตอนเด็กเยอะ

และหนูคิดว่ามันเริ่มมาจากตุณตา คุณตาหนูเป็นกำนัน ทุก ๆ ตี 5 คุณตาจะต้องมาประกาศเสียงตามสาย ซึ่งก่อนประกาศเขาจะต้องเปิดเพลงปลุกชาวบ้านก่อน เป็นเพลงหมอลำที่เปิดนำก่อน เราได้ยินทุกวัน อยู่ดี ๆ มันก็ร้องตามได้ พอโตขึ้นมาคุณแม่ก็ชอบร้องเพลง คุณพ่อก็ชอบฟังเพลง ไปโรงเรียนก็ชอบเป็นเด็กกิจกรรมอีก เหมือนชีวิตวนเวียนอยู่กับการร้องเพลงกับการทำกิจกรรม จนถึงทุกวันนี้ค่ะ”

 

 

จากเด็กนักเรียนทุน สู่เด็กกิจกรรมแถวหน้าของมหาวิทยาลัย

หยาดพิรุณ เป็นคนหนึ่งที่เต็มที่กับทุกช่วงของชีวิต ในเรื่องการเรียนก็ไม่เป็นรองใคร เธอเคยเป็นตัวแทนประเทศไทย ไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ต่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นหัวหน้าสันทนาการหญิงคนแรกของคณะที่เธอเรียน เรื่องราวนี้ หยาดพิรุณ ได้เล่าว่า “หนูเป็นคนทำอะไรแล้วตั้งใจมาก คือเหมือนเราตั้งใจเรียน แล้วพอเริ่มเข้ามัธยมก็เริ่มทำกิจกรรมเยอะ ครูก็รักเรา ส่งไปทำกิจกรรม ส่งไปเรียนแลกเปลี่ยนบ้าง รอบแรกคือตอนม. 5 ไปอเมริกา เป็นการชิงทุนระดับประเทศ แล้วเลือกไปแค่ทุนเดียวเอง นี่ถือเป็นการสอบชิงทุนครั้งแรกในชีวิต แล้วเราก็คิดว่าไม่ได้หรอก เราเป็นเด็กต่างจังหวัดตัวเล็ก ๆ ตอนมาสอบในกรุงเทพ คุณแม่พานั่งรถทัวร์มา ชีวิตเหมือนหนังเลย คือความที่มันตื่นเต้นมาจากต่างจังหวัด ทำให้หยิบกระโปรงนักเรียนมาผิด ที่เอามาเป็นกางเกงพละก็ต้องรีบไปหาซื้อ ตอนนั้นตื่นตี 4 ตี 5 พี่ชายก็พาไปหาซื้อกระโปรงใหม่ แล้วก็เข้าไปสอบ วันต่อมาเขาก็ประกาศผลว่าเราคือท็อป 10 ข้อเขียน ตอนนั้นคุณแม่ที่ไปด้วยน้ำตาไหล เขาคงภาคภูมิใจในตัวเรา เสร็จแล้วกลายเป็นว่าเราได้รับเกียรติให้เป็นตัวแทนของประเทศไทยไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นทุน YFU หรือ Youth for Understanding

มันมีความตื่นเต้น หนึ่งมันขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต แล้วบิน 24 ชั่วโมง เปลี่ยนไฟล์ทบิน 4 รอบ มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาของเด็กอายุ 17-18 แล้วพอไปถึงเราไม่รู้จักคำว่า Homesick เลย เรารู้แค่ว่ามันสนุก ทำทุกวันให้มันสนุก กลายเป็นว่าเราเป็นเด็กแลกเปลี่ยนที่เป็นเอเชีย คือในอเมริกาสมัยก่อนยังมีเรื่องของการเหยียดเชื้อชาติ เด็กเอเชียมาจะต้องโดนบลูลี่ โดนแกล้ง แต่เรื่องพวกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับดิฉันเลย คือหยาดได้ทำทุกกิจกรรมที่เพื่อน ๆ คนอื่นทำ เพราะว่าโฮสต์แฟมิลี่ก็สนับสนุน คุณครูก็สนับสนุน เราได้รับเกียรติถึงขั้นได้ร้องเพลงชาติของอเมริกาเวลาเปิดบาสเก็ตบอลเกมส์ของโรงเรียน ซึ่งมันเป็นเกียรติมาก ปกติเขาต้องให้ดาวโรงเรียนทำ แล้วบังเอิญดาวโรงเรียนเป็นเพื่อนสนิทเราอีก มันก็เลยไม่มีแบบว่า Gossip Girl ไม่มีการแย่งชิง ตอนนั้นภาษาเราไม่ได้เก่งมาก เราอาศัยความอยากรู้อยากเห็นความกล้าแสดงออก 
ความอยากเรียนรู้ ฝรั่งเขาชอบแบบนี้ค่ะ ฝรั่งเขาจะต่างกับคนไทยนิดนึงคือคนไทยจะขี้อาย แต่ฝรั่งคือถ้าเธอไม่พูดเธอคือจมไปเลย ถ้าเธออยากมีเพื่อนเธอต้องกล้าพูด เธอต้องกล้าแสดงออก เธอต้องมีตัวตน เวลาอยากให้ทำอะไร ฝรั่งเขาจะชอบแบบ go go! คือเชียร์ พอโดนเชียร์ฉันเลยฉันตีลังกาไปเลย ฉันไม่กลัว ฉันสวย มั่นใจ ไม่กลัว หนองบัวลำภู ทำทุกอย่างเลยค่ะ

สิ่งที่ยากของการไปอยู่ต่างประเทศ คือการที่ทำยังไงให้เราไม่หิว เพราะอาหารเขาอร่อย ตอนนั้นน้ำหนักขึ้น 13 กิโลกรัม ท้อใจมาก ส่วนชื่อไม่ต้องเปลี่ยนเขาเรียกฝน เพราะตอนนั้นยังชื่อน้ำฝนอยู่ แล้วก็สมัยก่อนเหมือนยังไม่ได้มี Facebook , Line ก็จะเป็นโทรหาคุณแม่เดือนละ 1-2 ครั้ง แล้วก็จะกำหนดนาทีด้วยว่าไม่เกินกี่นาที เพราะมันโทรนาทีละ 30-40 บาทเลย สมัยก่อนมันยังเป็นโทรศัพท์บ้านอยู่เลยค่ะ การไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมครั้งนั้น ทำให้เรื่องของภาษาเรา Flow ขึ้น เพราะเราอยู่ตรงนั้นเราต้องพูด เราต้องอ่าน เราต้องเขียน เราต้องเรียน เราก็เข้าใจความหลากหลายวัฒนธรรม เข้าใจว่าประเทศที่พัฒนาก้าวไกลเขาเป็นยังไง ได้เห็นเยอะมากค่ะ ในวัยนั้นรู้สึกแค่ว่าโอ้โหโลกมันกว้างกว่าที่เราคิดเยอะ

พอกลับมาปุ๊บ ก็เข้าโครงการทูบีนัมเบอร์วัน เพราะรู้แล้วว่ากิจกรรมนี้เราจะได้ร้องเพลง เราจะได้เต้น เราจะได้เล่นกีฬา แล้วก็มาถึงจุดที่ต้องเรียนมาหาวิทยาลัย จะเลือกคณะอะไรดี ตอนนั้นนิเทศศาสตร์อยู่ในใจเราอยู่แล้วแหละ แต่เราจะบอกพ่อกับแม่ยังไงดี อันนี้คือปัญหาของเด็กที่จะเข้ามหาวิทยาลัยทุกคนต้องเจอ ที่อยากจะเรียนในสิ่งที่พ่อแม่ไม่อยากให้เรียน เพราะที่บ้านเรียนนิติศาสตร์หมดเลย แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็คงคิดว่าเราก็คงไม่หนีไกลจากนี้ ให้หนีไกลได้มากสุดสองอย่างคือเป็นทูตกับเป็นครู แต่ว่าโชคดีที่คณะนิเทศศาสตร์ที่ มช. ชื่อว่าคณะการสื่อสารมวลชน ก็เลยเอามาให้พ่อแม่ดูว่าเนี่ย เดี๋ยวจะเรียนคณะนี้นะ เค้าก็ถามว่าสื่อสารมวลชนเรียนไปทำอะไร หนูก็ตอบไปเลยว่าเรียนไปเป็นนักข่าว ตอนนั้นเวลาก่อนดูหนังดูละครนักข่าวเขาต้องใส่สูทให้มันดูภูมิฐาน ซี่งถ้าไปบอกว่าจบไปเป็นดารา เป็นยูทูปเบอร์ ไม่มีวันได้เรียน ไปบอกว่าเป็นนักข่าว เขาก็โอเคได้แต่งตัวดูดีใช้ได้ ๆ พอเข้ามาเรียน ได้อ่านข่าวตอนเรียนอยู่วิชาหนึ่งครั้งเดียวเท่านั้นเองค่ะ

คราวนี้โซเชียลมันก็เริ่มมา คุณพ่อคุณแม่ก็เริ่มเห็นเพื่อนแท็กรูปเราบ้าง กิจกรรมที่เราเล่นโอ้โหเราก็ใช่ว่าจะธรรมดา ร้องเพลงสันทนาการนั่นนู้นนี่ คืออยู่ปีหนึ่งก็รับน้องเต็มที่ไม่พอ ขึ้นมาปีสองได้รับเกียรติเป็นหัวหน้าสันทนาการผู้หญิงคนแรกของคณะอีก

ความโชคดีของหนูอย่างหนึ่งคือ หนูจะรู้วิธีการพูดกับคุณพ่อคุณแม่ผู้ใหญ่ การสื่อสารสำคัญมาก เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบทะเลาะกับใคร ไม่ทะเลาะกับที่บ้าน ไม่ทะเลาะกับแฟน ไม่ทะเลาะกับใคร เพราะเรามีวิธีการสื่อสารที่จะทำให้เขาเข้าใจ เรารู้ระหว่างเรากับพ่อแม่มีช่วงอายุที่ค่อนข้างห่างกัน เรื่องของช่วงวัย เรื่องของความเข้าใจอะไรในหลาย ๆ อย่าง เราจะรู้แล้วว่าเขาคิดแบบนี้ เราจะเข้าหาเขายังไง ฉะนั้นใครที่เจอปัญหาคุยกับพ่อแม่ไม่เข้าใจ ลองเข้าใจเขาครึ่งนึง เอาใจเขามาใส่ใจเราครึ่งนึง ลองนึกดูว่าถ้าจะพูดกับเขาควรพูดแบบไหนแล้วเขาจะ say yes อย่าไปใช้อารมณ์ ถ้าใช้อารมณ์ทะเลาะกันแน่นอน ดังนั้นวิธีการอธิบายสำคัญมาก ๆ

 

หยาดพิรุณ เพื่อนสาวของเหล่า LGBTQ+

จะเห็นว่า หยาดพิรุณ มีเพื่อนเยอะมาก แล้วส่วนมากจะเป็นกะเทย กลายเป็นที่มาความสงสัยของใครหลาย ๆ คน ที่นึกว่าหยาดพิรุณ คือกะเทยคนหนึ่ง ซึ่งหยาดพิรุณได้แชร์มุมมองเรื่องนี้ว่า “มันเหมือนพรหมลิขิต หรือเวรกรรมสักอย่างหนึ่ง ที่มันจะหลอมรวมมาด้วยธรรมชาติของกฎแรงดึงดูดอะไรไม่รู้ ตั้งแต่ประถมหยาดมีเพื่อนเป็น LGBTQ+ เป็นสาวสองตั้งแต่ตอนนั้น แล้วก็มีมาเรื่อย ๆ ไม่ว่าเราจะย้ายโรงเรียนหรือเปลี่ยนเพื่อน ก็จะมีเพื่อนเป็น LGBTQ+ ตลอดเสมอมา จนเราโตเราถึงนึกได้ว่าเราชอบเล่นกับคนกลุ่มนี้เพราะเขาสนุกสนาน มันเลยทำให้เราซึมซับส่วนนั้นมาโดยไม่รู้ตัวในบางที แต่จริง ๆ หยาดก็คือผู้หญิงธรรมดา ๆ นี่แหละค่ะ คือหยาดชอบ LGBTQ+ อย่างนึง อันนี้เราไม่ได้แบ่งว่าใครเป็นเพศอะไร แต่แค่รู้สึกว่าคนกลุ่มนี้เขามีความคิดสร้างสรรค์ เขามีความสนุกสนาน เขามีความเฟรนลี่ เขามีดีเอ็นเอบางอย่างที่เข้ากับเราได้ บางคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่สามารถเจอแล้วคุยกันเหมือนเป็นเพื่อนกันมานานได้เลย”

 

ผิดที่ไว้ใจ! บางครั้งเพื่อนที่ร้าย ก็ไม่จำเป็นต้องทนคบ

แม้จะมีเพื่อนเยอะมากแต่ครั้งหนึ่ง หยาดพิรุณ ก็เคยเจ็บจากการไว้ใจ เพราะเคยมีข่าวโดนอดีตผู้จัดการโกงค่าตัวกว่า 3 ล้านบาท! โดยเธอได้เล่าเรื่องราวนี้ให้ฟังว่า “คนนี้เป็นเพื่อนรักที่สุดในชีวิตด้วย 10 กว่าปีแล้ว ตอนนั้นพอเราเริ่มมีกระแสเริ่มดัง เราจะต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพ ซึ่งเราก็รับโทรศัพท์ไม่ไหวก็เลยให้เขามาช่วยรับงานให้  ปรากฎว่าด้วยความไว้ใจเขาก็ใช้ช่องโหว่ตรงนี้ในการรับเงินเข้าบัญชีตัวเอง รับงานโดยไม่บอกเรา บางทีมีงานเข้ามาเขาจะไม่อธิบายให้เราฟังก่อน ซึ่งปกติแล้วเราต้องรับทราบงานก่อนที่เราจะคอนเฟิร์มกับใครก็ตามเพราะว่ามันคือการทำงานของเรา ทีนี้เขาไม่บอกแล้วเขาก็รีบไปรับมา พอมันเกิดปัญหาหนูก็ต้องทยอยคอยแก้ อยู่กันอย่างนั้นประมาณสองเดือนสามเดือนก็มีปัญหามาเรื่อย ๆ จนวันที่มันเกิดเรื่องเกิดราวขึ้น ความแตกขึ้นมา เราก็ใจดีปล่อยเขาไปเพราะว่าเห็นเขาเป็นเพื่อน คือเราปล่อยเขาไปทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาทำผิดกับเรามากขนาดไหน แต่พอปล่อยเขาไปเสร็จเขาก็ยังไม่หยุด เขายังใช้โอกาสตรงที่ไม่มีใครทราบแอบรับงานแล้วก็ไปจ้างลูกค้าปลอมอีก ซึ่งแย่กว่านั้นพอเราไม่พูดไม่จาไม่บอกใครเพราะเป็นเพื่อนสนิท เราก็ไม่อยากจะเล่าให้ใครฟัง แต่พอเราไม่พูดปุ๊บ กลายเป็นว่าเขาก็ไปพูดกับเพื่อนอีกแบบนึง กลายเป็นเรื่องเป็นราว บางคนไม่เข้าใจเราโกรธเราเกลียดเราก็มี หาว่าเราทำร้ายเพื่อน เสียใจที่สุดในชีวิตหนูใช้คำนี้เลย

คือตอนนี้ Move on จากเรื่องนี้ แล้วปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมาย ใช่ค่ะ เราไม่คิดว่าคนรอบตัวเราเป็นคนไม่ดีไม่เคยคิดอย่างงั้นเลย จนเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเรารู้สึกว่า โอเค คนเรามันมีอีกด้านหนึ่งจริง ๆ ก็ทำให้รู้ว่าจะทำอะไรก็ระมัดระวังมากขึ้น ไม่ได้บอกว่าปิดกั้นตัวเองที่อยากจะคบกับใครนะคะ คือใครดีกับเราเราก็ดีกับเขา แค่นั้นเลยใช้ชีวิตแบบนั้นเลยในทุกวันนี้

ถ้าถามหยาด เรื่องนี้เขาผิดอยู่แล้ว 100% มันผิดทั้งกฎหมาย ผิดจรรยาบรรณศีลธรรม คือทุกอย่างมันผิด แต่มันคือวิธีการของคนที่รับสาร รับสารจากใคร ฟังเรื่องราวจากใครไม่มีใครไปนั่งพูดว่าตัวเองผิด ทุกคนต้องพูดตัวเองในทางที่ดีอยู่แล้ว แต่ว่าอย่างที่บอกเรื่องนี้ไม่อยากให้ซีเรียส หรือเครียดกับมันมาก เพราะว่าตัวหยาดเองปล่อยวางไปแล้วคือจบไปแล้ว แต่ส่วนที่เหลือคือก็ให้กฎหมายจัดการแค่นั้น Move on แล้วแฮปปี้มากตอนนี้”

 

 

จะตายทั้งที ขอให้ได้เจอสามีก่อนเจ้าค่ะ!

มีเรื่องราวสุดพีค ของการฝืนดวงแบบตัวแม่ ซึ่ง หยาดพิรุณ ได้เล่าเหตุการณ์ชวนอึ้งนี้ให้ฟังว่า “ตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจจะไปหาคู่ คือเพื่อนไปดูดวงกับพระรูปนี้มา แล้วท่านแม่น แล้วกะเทยอะแม่ แบบว่าใครไปดูหมอแม่นก็ต้องพาเพื่อนไป หยาดก็ไปด้วย ถึงเวลาท่านก็บอกว่า เดือนนี้มิถุนายนนะที่มาดูดวง เดี๋ยวสักประมาณธันวานี่แหละใกล้ละ หยาดถามว่าทำไมเหรอคะ ท่านบอกเดี๋ยวประมาณธันวาเนี่ย ตาย!! ท่านทักแบบนี้เลย แล้วใครจะไม่กลัว ไอ้เราคิดว่ากลัวเรื่องตายแล้ว พอตอนจะกลับปุ๊บ ก็ถามต่อว่า สรุปหนูจะมีแฟนไหมคะ? ก็ต้องถาม เพราะจากมิถุนาไปธันวามันก็หลายเดือนอยู่นะ ขอมีก่อนได้ไหมล่ะ ท่านบอกว่า ไม่ต้องมีเธอมันชอบทำงานไม่ต้องมีหรอกปวดหัว หยาดก็ถามต่อว่ามันจะไม่มีเลยเหรอคะ คืออยากถามเฉย ๆ ไม่มีไม่เป็นไรแค่อยากรู้ ท่านก็เหมือนรำคาญเลยบอกว่า เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้ จะเจอเด็กหนุ่ม เดี๋ยวเขาจะมาจีบ ซึ่งหยาดไม่ชอบเด็ก เลยคุยกับพระว่า ไม่เอา ๆ แต่ท่านก็บอกกลับมาว่า ชอบ คนนี้เราชอบแน่นอน เราก็ลาท่านมาไม่ได้คิดอะไรเลยตอนนั้น

หลังจากได้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ ตามธรรมเนียมเสร็จสรรพ แม่! มันเจอจริง ๆ ไม่ถึงสองอาทิตย์ คือเราไม่ได้บอกว่าต้องเชื่อเรา แต่ปรากฏว่า พอมันจะเจอก็เจอ ก็เป็นคุณโบ เป็นเด็กหนุ่มคนนี้ที่อายุน้อยกว่าตั้ง 5 –6 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนของเพื่อนค่ะ ตอนนั้นก็เหมือนกับเขาก็นัดปาร์ตี้กันและ เขาก็ชวนหยาดไป รอบแรกหยาดไม่ไป เราไปวันที่สองที่เขานัดกัน ก็ไปเจอ ตอนนั้นรู้สึกว่าเออน้องคนนี้น่ารักนิสัยดีจังเลย พูดคุยถูกปากถูกคอ ก็คุยกันต่อมาเรื่อย ๆ พอเราเจอกันได้ 4 – 5 วันเราก็ต้องแยกกัน เขาจะต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพ ซึ่งเราอยู่เชียงใหม่ เขาซื้อกำไลข้อเท้ากับเคสมือถือมาให้ เพราะเขาสังเกตว่าเคสมือถือเรามันเก่าแล้ว เขาก็ซื้อเป็นสีชมพูพาสเทลหวาน ๆ เราก็รู้สึกเอ๊ะหรือว่าเขาคิดอะไรกับเราหรือเปล่า หลังจากนั้นเขาก็ยังทักมาคุยอยู่เรื่อย ๆ คือมันคุยสนุกค่ะ ทักกันไปทักกันมา ปรากฏว่าครบประมาณเดือนนึง เขาก็เหมือนกลัวว่าเราจะไม่ Say Yes ก็เลยขอเป็นแฟนเลย เดือนเดียว ที่รายการจีบหนูหน่อย รายการของพี่โอ๊ต ตอนนั้นก็เป็นกระแส ก็ Sold out ไปเลย”

 

 

มุมมองความรัก ของหยาดพิรุณ

จะเห็นว่าคู่ของหยาดพิรุณเป็นคู่รักที่หวานมาก ๆ หากได้ติดตามความเคลื่อนไหวในโซเชียลของหยาดพิรุณ โดยเธอได้แชร์มุมมองความรักให้ฟังว่า “คุณโบ เป็นทรานส์แมน เขาเป็นผู้หญิงที่ข้ามเพศไปเป็นผู้ชาย เขาจะตัดหน้าอก และมีการผ่าตัดอะไรของเขาเสร็จสรรพ มีการเทคฮอร์โมน มันก็เหมือนผู้ชายที่จะข้ามไปเป็นผู้หญิงเหมือนกันเลย ส่วนจิตใจเขาคือผู้ชายคนหนึ่งเลย เท่าที่เราสัมผัส บอกก่อนว่าวันแรกที่เจอนึกว่าเขาเป็นเกย์ นึกว่าเป็นลูกสาว หุ่นเขาเหมือนผู้ชายแต่ว่าภาษาเขาคือเขาเรียนโรงเรียนหญิงล้วน เขาจะมีมือไม้ความจริตหญิงล้วน เราก็คิดว่าลูกสาวฉันแน่นอน งานเกย์แน่นอน แต่พอคุยไปคุยมาเขาก็มีความแมนขึ้น ความสุภาพบุรุษ เราเลยเข้าใจเขาเรื่องรัก ไม่ติดเลยค่ะเพราะก่อนหน้านี้ก็มีแฟนที่เป็น LGBTQ+ ที่เป็นแบบนี้มาก่อน ที่บ้านเขารักโบมาก แฮปปี้มากคือสองครอบครัวแฮปปี้มาก ครอบครัวโบก็ชอบเรา ครอบครัวเราก็ชอบโบ แล้วเหมือนที่บ้านเขาไม่ค่อยยุ่งเรื่องความรักของลูกเท่าไหร่ ลูกรักใครก็รักตาม ตอนแรกเราก็แอบเกรงใจกลัวพ่อแม่จะไม่โอเค แต่จริง ๆ พ่อแม่เราก็เอ็นดูเขา ตอนนี้คบกัน กำลังจะ 2 ปี แล้วค่ะ แข็งแรงดี เฮลตี้ดี”

 

รักทางไกล ทำให้เข้าใจกันมากขึ้น

ในตอนนี้ ความรักของหยาดพิรุณ เรียกว่าเป็น “รักทางไกล” เพราะคุณโบ ต้องไปเรียนต่อที่ประเทศแคนาดา ซึ่ง หยาดพิรุณ ได้แชร์เรื่องราวรักทางไกลให้เราฟังว่า “รักทางไกลมาก เพราะตอนนี้อยู่แคนาดา เขาไปเรียนต่อค่ะไปประมาณ 7 – 8 เดือนแล้ว แต่อุปสรรคเรื่องระยะทางไม่ได้เกิดขึ้นกับคู่ของเรา เหมือนก่อนไปเราตกลงกันแล้วว่าเขาจะไปทำอะไร คือเขาอายุยังเด็กมาก 25 – 26 เอง เขาถามเราก่อนว่าจะให้เขาไปไหม เรารู้สึกว่าทำไมถึงจะไม่ไป เธอได้โอกาสขนาดนี้ ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับ ทำตรงนั้นให้ดีที่สุด ไปเก็บเกี่ยวเอาประสบการณ์ ไปหาความรู้ ถ้าอีกหน่อยอยากลับมาก็มา ไม่อยากกลับมาอยู่ต่อ ก็เดี๋ยวว่ากันในอนาคต อย่าเพิ่งนึกถึงว่ามันจะต้องห่างกัน นึกถึงอนาคตของตัวเองก่อน เราบอกเขาแบบนี้ คือเหมือนเราคบกันแบบผู้ใหญ่มาก มันก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาอะไร

คือโบเขาจะมี 2 พาร์ท พาร์ทจริงจังเขาคือผู้ใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งโตกว่าหยาดอีก เขาจะมีความคิด คือเขาเรียนเศรษฐศาสตร์มา เขาจะมีความคิดที่ก้าวหน้า เป็นแบบเป็นแผน เป็นระบบมาก แต่ในอีกฝั่งนึงเขาจะมีความกระเทย เขาจะคุยเล่นคุยสนุก คือเขาเป็น อภิชาตแฟน เราไม่ได้จะอวยแฟน แต่เขาเป็นคนดีจริง ๆ ดีมาก ๆ ด้วยเนื้อแท้ เขารักครอบครัว เขารักเพื่อน ใครที่อยู่กับโบจะรักเขาหมดเลย อือ เขาน่ารักมาก เขาสนุกมาก เวลาหนูปาร์ตี้บ้านเพื่อน เราไม่เคยมานั่งนิ่ง เราต้องมีไมค์ เราต้องหยิบจับมาร้องเพลง เขาจะเชียร์ เขาจะถ่ายวิดีโอ เขาจะเป็นสายซัพพอร์ท เขามีความสุขมากที่เราเป็นแบบนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าคู่เราไม่ทะเลาะหรือมีปัญหานะ มันก็จะมีบางมุมที่เขาคิดแบบนึงเราคิดแบบนึง แต่ความเป็นผู้ใหญ่ของโบ ทำให้บางทีจะทะเลาะปุ๊ปมองหน้ากัน ตัวเรามันก็ตลกอีก ตัวเขาก็ขำ ก็ลืมเรื่องทะเลาะไปเลย”

 

 

รับสายสุดเซอร์ไพรส์  ส่งต่อกำลังใจให้กัน

หนึ่งสายที่โทรเข้ามาเซอร์ไพรส์ แต่หยาดพิรุณก็จำได้ตั้งแต่คำทักทายแรก ว่านี่คือเสียงของ คุณโบ แฟนหนุ่มของเธอที่โฟนอินมาจากแคนาดา โดยคุณโบ ได้เล่าเรื่องราวความประทับใจ พร้อมส่งต่อความรักจากทางไกลมาให้หยาดพิรุณด้วย “หยาดเป็นคนที่ถ้าคิดอะไรแล้ว เขาจะโฟกัสแล้วมุ่งมั่นกับสิ่งนั้นมาก ๆ  ก็อยากให้เขาเริ่มวางแผนชีวิตระยะยาว ค่อย ๆ วางแผนก็ได้ ไม่ต้องรีบ ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทำไป อยากให้มองไกล ๆ มากขึ้น เพราะว่าอายุเราก็ไม่น้อยกันแล้วทั้งสองคน

โบคิดว่า การดูแลซัพพอร์ทตอนนี้ทำได้แค่ความรู้ครับ อาจจะไม่ได้ไปดูแลได้มากเท่าเดิม เหมือนที่หยาดบอกเลยครับ ก็เราก็คุยกันแล้ว บางทีโบก็บอกหยาดว่า บางครั้งโบเองก็ไม่มีเวลาที่จะคุยกันนะ ตื่นเช้าออกไปทำงาน บางทีกลับมาไม่ตรงเวลากัน บางทีเหนื่อยไม่อยากจะคุยกัน นอนหลับก็มี เพราะฉะนั้นการที่รักทางไกลมันอาจจะไม่ได้ลำบากก็ได้ อยู่ที่เราสองคนจะดูแลกันและกันได้มากแค่ไหน”

 

คนเราเลือกเกิดได้ แต่เลือกที่จะไม่เกิดก็ไม่ได้

กลายเป็นประโยคไวรัลที่คนชื่นชอบมาก ๆ เมื่อครั้งที่หยาดพิรุณ ได้ไปประกวดนางสาวเชียงใหม่ในดวงใจ เมื่อปี 2561 คำตอบนี้สร้างความประทับใจให้กรรมการและแฟนนางงาม จนเธอสามารถคว้ามงกุฎมาได้ โดยเธอเล่าเหตุการณ์นี้ว่า “หนูแค่จะขอบคุณเวที ที่เขาเปิดโอกาสให้คนทุกเพศทุกวัยให้มาแสดงศักยภาพ หนูก็เลยตบท้ายไปว่า คนเฮาเลือกเกิดบ่ได้นะเจ้า แต่สิว่าจะเลือกบ่เกิดก็ไม่ได้คือกันจ่ะ ก็คนเรามันเลือกเกิดไม่ได้จริง ๆ คนมันจะเกิดก็เลี่ยงไม่ได้ เมื่อเกิดมาแล้วก็ใช้โอกาสนั้นให้คุ้ม นี่แหละคือสิ่งที่จะพูดต่อ คนก็ดันไปแคปแค่ตรงนั้น ก็ไปกระจายกันเต็มกลายเป็นไวรัลยิ่งใหญ่ คนก็เลยเริ่มรู้จักหยาดตั้งแต่ตอนนู้นแล้ว จริง ๆ ประมาณปี 2561 แล้วค่อยมาคัพเวอร์เพลงตอนปี 2563”

 

 

“ม่วนไผม่วนมัน” ซิงเกิลแรกเติมเต็มความฝันของหยาดพิรุณ

“ความฝันของเด็กอิสานทุกคนที่อยากจะเป็นนักร้อง แล้วก็อยากจะเป็นตัวแทนหมู่บ้าน ส่วนมากคนจะเข้าใจว่าเราชอบร้องสากล ชอบ R&B รึเปล่า แต่ความจริงแล้วคือหนูเติบโตมากับเพลงลูกทุ่งอิสาน ใครจะบอกว่าลูกทุ่งมันไม่เลิศ มันไม่แพง สำหรับหยาดไม่คิดอย่างนั้นเลย ลูกทุ่งมันคือจิตวิญญาณของเราเลย เราอยากจะทำเพลงให้มันสนุกสนาน ออกมาให้ทุกคน ได้สนุกให้ม่วนกันก็เลยเกิดมาเป็น ม่วนไผม่วนมัน ติดตามได้นะคะ ฟังได้ใน Youtube : YARDPIRUN แล้วก็สตรีมมิ่งทุกช่องทางเลย ขอบคุณมากค่ะ” - หยาดพิรุณ ปู่หลุ่น

 

 

ติดตามรายการย้อนหลัง

album

0
0.8
1