เปิดเส้นทางพิชิตฝัน แบ่งปันแรงบันดาลใจ ของ “เมญ่า ซันซัน” Miss Fabulous Thailand 2023 กับความสวยที่ไม่จำกัดนิยาม

Club Pride Day Recap

เปิดเส้นทางพิชิตฝัน แบ่งปันแรงบันดาลใจ ของ “เมญ่า ซันซัน” Miss Fabulous Thailand 2023 กับความสวยที่ไม่จำกัดนิยาม

09 พ.ค. 2023

รายการ Club Pride Day เปิดไมค์ต้อนรับแขกรับเชิญขวัญใจชาว Fabulous เจ้าของตำแหน่ง Miss Fabulous Thailand 2023 เธอคนนี้สร้างเสียงฮือฮาเป็นอย่างมากตอนคว้ามง เพราะเป็นผู้ที่ก้าวข้าม Beauty Standard จากสังคมที่มองกันแต่เปลือกนอกได้สำเร็จ ซึ่งกว่าจะมีวันนี้ เธอเคยถูกบูลลี่มาตั้งแต่เด็ก

เรื่องราวชีวิตที่เปี่ยมล้นไปด้วยแรงบันดาลใจเริ่มต้นขึ้นเมื่อสองดีเจสุดแซ่บ ดีเจพี่อ้อย และ ดีเจก็อตจิ เปิดไมค์กล่าวต้อนรับ “เมญ่า ซันซัน” นางงามผู้พิชิตความฝัน ที่โรคทางพันธุกรรมไม่ใช่อุปสรรคขัดขวางความสำเร็จของเธอ ซึ่งกว่าจะมาเป็นเธอในทุกวันนี้ มีเรื่องราวมากมายที่เมญ่า ได้เล่าให้ฟังในรายการ

 

 

เมญ่า ซันซัน ชื่อนี้มีที่มา

เรียกว่าเป็นชื่อที่เอกลักษณ์ และค่อนข้างจำง่ายเมื่อได้ยินตั้งแต่ครั้งแรก โดยเมญ่า ได้เผยที่มาของชื่อสุดครีเอทนี้ให้ฟังว่า “ชื่อ เมญ่า หนูได้จาก พี่เมญ่า นนธวรรณ ด้วยความที่เรารู้สึกว่าเราชอบการประกวดนางงาม แล้วเราก็ดูนางงามมาตลอด และพี่เขาเป็นคนใต้ด้วย เป็นคนบ้านเดียวกับหนู หนูก็เลยคิดว่าฉันจะชื่ออะไรดีเพราะกะเทยมันจะมีชื่อในวงการ หนูก็เลย เมญ่าดีกว่า แล้ว เมญ่า อะไรดีล่ะ คือเราเป็นคนที่คลั่งไคล้ในความเป็นฝอมาก แล้วนามสกุลมันก็ต้องแบบฝรั่ง ๆ หน่อย ง่าย ๆ เลย ดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์ โอเค เมญ่า ซันซัน หนูเลยได้ชื่อเลย ซึ่งเป็นชื่อที่หนูคิดเอง และใช้ชื่อนี้ประกวดนางงามตลอด และชื่อจริงๆของหนูชื่อ โกศล แสงวิเชียร ชื่อเล่นว่า ล้าน ชื่อเงินล้านนะ สามารถเรียกได้ค่ะเผื่อรวย และหนูเป็นคนนครศรีธรรมราชค่ะ”

 

“โรคสังข์ทอง” โรคทางพันธุกรรม ที่ไม่ใช่อุปสรรคของความฝัน

แม้ว่าร่างกายของ เมญ่า จะต้องประสบกับโรค ที่ทำให้ตัวเองมีข้อจำกัด และมีความแตกต่างจากคนทั่วไป แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคทางใจที่อยากจะต่อสู้เพื่อความฝัน โดย เมญ่า ได้เล่าความผิดปกติทางร่างกายของเธอให้ฟังว่า “เป็นความผิดปกติของโครโมโซมค่ะ จริง ๆ ไม่ใช่แค่หนูเป็นคนเดียว ในบ้านหนูจะมีพี่ชายด้วยอีกสองคนที่เป็นเหมือนกับหนู คือว่าน้ากับลุงหนูเป็นโรคนี้ พอพ่อกับแม่หนูไม่เป็น ก็เลยจะข้ามมาที่รุ่นลูก เป็นความผิดปกติทางพันธุกรรม หนูก็เลยแบบมีหน้าตาแบบนี้

คือหนูจะไม่มีรูขุมขน ตัวหนูจะไม่มีขนเลย เวลาเราไปทำกิจกรรมอะไร เราจะร้อนมาก ๆ เลยจะอยู่กลางแดดไม่ได้ ใช่ไม่มีเหงื่อ วิธีการในการดูแลตัวเองก็คือ หนูต้องมีผ้า แล้วก็ซับน้ำแล้วก็เช็ดตัวประมาณนี้ นอกจากนี้คือไม่มีฟัน แล้วก็ไม่มีผม ผมจะขึ้นน้อยมาก หนูก็เลยชอบโกนหัวล้านไงให้มันเฟียร์สไปเลยค่ะ ถ้าในกรณีเรื่องของการกิน หนูก็จะกินอะไรที่เรารู้สึกว่าเรากินได้ เราก็จะกินอะไรที่นิ่มๆ แม่ของหนูบอกหนูว่าเมื่อก่อนเวลาหนูจะกินข้าว แม้แต่ข้าวสวยหนูก็ยังกินไม่ได้ แม่หนูก็ต้องเอาไข่ต้ม มันก็จะมีไข่แดง มีไข่ขาว มีข้าว ข้าวนี่ก็จะต้องหุงให้มันแฉะ ๆ นิดนึง แล้วก็เอามาแบบเน้น ๆ กด ๆ ก่อนกิน ประมาณนี้ค่ะ

ด้วยความที่เป็นแบบนี้ หลายคนเวลาเจอหนู ความรู้สึกแรกก็คือ นี่สังข์ทอง นี่เอ็ดดี้ ซึ่งหนูก็พูดเรื่องนี้ในการประกวดนะ ซึ่งหนูบอกว่า ทุกคนมีชื่อเรียกที่พ่อแม่เราภูมิใจที่ตั้งให้ เราอยากให้ความรู้สึกแรกที่เจอเรา ถึงไม่มีอะไรจะพูด ก็ให้พูดว่าเธอเป็นไงบ้าง สบายดีไหมอะไรอย่างนี้ มันมีเรื่องอื่นได้มากมายให้พูด ซึ่งหนูก็ชอบที่จะให้ทุกคนเรียกหนูว่า เมญ่าเป็นไงบ้าง หรือน้องล้านก็ได้ หนูไม่เคยไม่ภูมิใจกับชื่อที่พ่อแม่หนูตั้งให้ แต่คนก็จะเรียกว่า นี่สังข์ทอง นี่เอ็ดดี้ คือเราไม่ใช่ว่ามันไม่ดี เขาก็เป็นตลกคุณภาพที่เรารู้สึกว่าเราก็ชอบ ก็ติดตาม ก็ดู แต่เรารู้สึกว่าเราก็มีชื่อที่จะเรียก หนูก็เลยพูดเรื่องนี้ในสปีชกับคอนเซ็ปต์ Call Me By My Name เป็นการพูดเพื่ออธิบายในสิ่งที่เราเป็น และอธิบายให้คนอื่นได้เข้าใจว่าคนทุกคนล้วนมีชื่อ ก็ควรที่จะเรียกชื่อเรา เหมือน เมญ่า ก็คือชื่อ เมญ่า ซันซัน ไม่ใช่สังข์ทอง ไม่ใช่เอ็ดดี้ หรือสุเทพ เพราะฉะนั้นคุณเรียกชื่อเราดีกว่าไหม ชื่อของเราก็คือความภาคภูมิใจของพ่อแม่เราที่เขาตั้งใจตั้งชื่อลูกมาให้แบบนี้ เคารพตัวเอง เคารพคนอื่น เคารพกฎเกณฑ์ของสังคม

 

 

พี่ชาย คือกำลังใจที่คอยซัพพอร์ท เมญ่า อยู่เสมอ

เพราะมีความผิดปกติเหมือนกัน จึงทำให้เข้าใจ และคอยให้กำลังใจน้องที่ป่วยเหมือนกันอยู่เสมอ โดย เมญ่า เล่าความประทับใจที่มีต่อพี่ชายว่า “ในการดูแลหนู ด้วยความที่พ่อแม่หนูมีประสบการณ์จากพี่ เพราะพี่หนูเคยเป็นแบบนี้สองคน เหมือนกับว่าถ้าพี่หนูออกไปข้างนอก หรือไปเจอเหตุการณ์อะไรมา ถูกคนบุลลี่หรือคนพูดถึง เขาก็จะจำมา พอมีหนูพี่เขาก็จะสอนเราว่าพี่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มานะ เราต้องรับมือแบบนี้ มันก็เลยรู้สึกว่าเราค่อนข้างที่จะโชคดีมากกว่าพี่เรา หรือคนที่มีความผิดปกติเหมือนเราแล้วไม่มีพี่คอยบอกอะไรแบบนี้ ก็เลยรู้สึกว่าไม่ค่อยเป็นปัญหาสำหรับเมญ่าเท่าไหร่ แต่ถามว่ามีโดนบูลลี่ไหม มีค่ะ”

 

เหตุการณ์ฝังใจ ที่ไม่เคยลืม

เรียกว่าผ่านเรื่องราวการถูกบูลลี่มาตั้งแต่เด็ก ๆ และมีหลายครั้งที่กระทบจิตใจของ เมญ่า ซึ่งเธอได้แชร์ให้ฟังว่า “ก็เคยมีหลายคนพูดนะคะ โอ๊ยตายแล้ว เกิดมาก็แปลกแล้ว ยังมาเป็นกะเทยอีก หนูก็เลยงงว่าก็ทำไม คือ เราชอบมาตั้งแต่เด็ก ๆ หนูอยากเป็นนางงาม หนูชอบในความเป็นผู้หญิง หนูชอบใส่ส้นสูง หนูชอบแต่งหน้า ซึ่งมันก็จะโดนเยอะกว่าคนอื่นเพราะด้วยความที่เราแปลกด้วย แต่หนูค่อนข้างที่จะเชิดอยู่พอสมควร อย่างตอนเกิดมา คนแถวก็จะแบบว่าพอมีพี่หนู คนที่หนึ่งแล้วก็คนที่สอง ญาติแถวบ้านก็มาเปิดผ้าดูตอนหนูยังแบเบาะ และบอก อุ้ย เกิดมาเหมือนเดิมอีกแล้วเนาะ ซึ่งแม่หนูก็น่าจะชินเพราะหนูก็เป็นคนที่สามแล้วไง

มีเหตุการณ์หนึ่งที่ เมญ่า รู้สึกว่าอึ้งไปเลย น็อคไปเลย ถ้าเป็นนางงามคือช็อตไมค์ไปเลย เพราะเคยถูกคนเดินมาถามว่า เนี่ยตัวแบบเนี้ย มีกี่ตัวที่บ้าน แล้วชี้หนู เรียกเป็นตัว หนูก็ประชดไปเลยว่า หนูไม่ได้เป็นตัว หนูไม่ได้เป็นสัตว์ หนูไม่ได้เป็นอะไร เรียกหนูเป็นตัวต่อหน้าคนอื่น หนูรู้สึกว่าอุ้ยตายแล้ว หรือว่าจริง ๆ แล้ว เราต่างจากคนอื่นจริง ๆ คือหมายถึงว่าเราไม่สามารถที่จะอยู่ในสังคมนี้ได้จริง ๆ เหรอ หนูก็เลยอึ้งไปเลยเพราะว่าไม่เคยได้ยิน เขาเรียกเราเหมือนหมาเหมือนแมว ทั้ง ๆ ที่เขาไม่รู้จัก อยู่ดี ๆ ก็เดินมาชี้หน้าเรา คือมันอึ้ง หนูก็เลยแบบ เฮ้ย เราจะต่อสู้ยังไงกับสังคมนี้ดี

มีอีกหนึ่งเหตุการณ์ตอนเด็ก คือตอนขึ้นชิงช้าสวรรค์ ด้วยความที่เป็นเด็กเราก็อยากนั่งชิงช้า มันจะมีอีกฝั่งหนึ่งเหลือ แล้วก็จะมีผู้ปกครองเขาก็พาลูกเขาขึ้นมานั่งด้วยเพราะต้องนั่งสองฝั่ง พอขึ้นมาปุ๊บเหมือนกับว่าลุกเขากลัวเรา แล้วลูกเขาเหมือนจะร้องไห้ ด้วยความที่คนที่เป็นพ่อ เขาก็ฟึดฟัดใส่เรา ประมาณว่าทำไมถึงต้องมาเจอคนอะไรแบบนี้ลูกกูกลัวหมด ซึ่งตอนนั้นเราก็เด็กอยู่ เราไม่มีภูมิคุ้มกัน หนูร้องไห้ แล้วหนั่งรอให้ชิงช้าสวรรค์มันจบ เราก็ร้องไห้ปาดน้ำตาแล้วก็ลงไปเลย ซึ่งจริง ๆ มันไม่ใช่ความผิดหนู หนูขึ้นไปก่อนด้วยซ้ำ นี่ก็เป็นหนึ่งเหตุการณ์ที่ฝังใจที่สุด ซึ่งหนูมีหลายเหตุการณ์มากที่เราทำไมเราต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้

แม้แต่ตอนประกวดนางงามอีก สำหรับหนู หนูรู้สึกว่าอะไรที่หนูทำแล้วได้เงินหนูทำหมด แล้วการประกวดนางงาม มันก็จะมีรางวัลพิเศษ รางวัลนางงามพยายามสวย ภาคใต้หนูก็จะไปเอารางวัลนี้ และส่วนมากคนที่จัดเขาก็จะให้หนูตลอด พอหนูไปประกวดเวทีหนึ่งเหมือนกับว่า หนูหมายเลขสิบแปด แล้วเขาประกาศผิดเป็นหนูเข้ารอบสิบคน คือมันจะมีประกวดสวย แล้วก็นางงามพยายามสวย ทีนี้เขาประกาศหนูผิดเป็นหนูเข้ารอบ พี่เลี้ยงนางงามก็ตะโกนมาเลยว่า เวทีนี้เขาประกวดสวยนะเขาไม่ได้ประกวดผี ซึ่งตอนนั้นหนูก็ช็อค หนูก็จะเจออะไรแบบนี้เยอะก็เลยไม่รู้ว่าในใจเขาคิดอะไร จริง ๆ แล้วเขาน่าจะรู้แล้วว่ายังไงเขาก็ต้องประกาศผิด เขารู้อยู่แล้วว่าเราต้องได้รางวัลอะไร ซึ่งเราก็รู้อยู่ว่าเราจะไปเอาอะไร แต่ว่ามันไม่สมควรที่เขาจะประกาศผิด ตอนนั้นหนูก็เลยรู้สึกไม่โอเคมาก ๆ สำหรับหนู”

 

 

เจ็บปวดก็แค่ร้องไห้ พอไหวก็ก้าวไปต่อ

ชีวิตมักมีบททดสอบอยู่เสมอ และเราต้องเอาชนะบททดสอบเหล่านั้นให้ได้ ซึ่งก็เหมือนการที่ เมญ่า โดนบูลลี่ แล้วต้องก้าวข้ามคำบูลลี่เหล่านั้นไปให้ได้ โดยวิธีการที่จะจัดการความรู้สึกเวลาถูกคนบูลลี่ เมญ่า แชร์ให้เราฟังว่า “คือหนูผ่านมาได้ยังไงใช่ไหมคะ หนูไม่ได้คิดอะไรมาก มันเจ็บปวดอยู่ข้างในก็จริง แต่เราก็พยายามรับมือให้ได้ เพราะหนูคิดว่าหนูต้องออกมาใช้ชีวิตในสังคมให้ได้ อันนั้นมันแค่ประสบการณ์อย่างหนึ่งที่หนูรู้สึกว่ามันทดสอบเรา เพราะว่าหนูต้องเจออะไรอีกเยอะเลย ซึ่งหนูต้องเจออะไรอีกเยอะจริง ๆ นับจากความคิดตอนนั้นมาถึงตอนนี้ ยอมรับว่าตอนนั้นคิดไม่ได้หรอกค่ะ ร้องไห้ฟูมฟาย บอกพ่อบอกแม่เหมือนกัน มันก็ใช้เวลาผ่านมาเรื่อย ๆ พอเราร้องไห้เสร็จ มันไม่มีใครร้องไห้ตลอดเวลา หนูเลยรู้สึกว่า ถ้าเราเจออะไรที่รับไม่ไหวจริง ๆ เราก็แค่ร้องไห้ แล้วกลับไปบอกแม่บอกพ่อ หรือมีใครที่อยู่ข้าง ๆ ปลอบเรา พอผ่านไปได้ปุ๊บ ถ้าเราเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้อีกเราก็แค่ต้องรับมือให้ได้ มันก็เลยเป็นความเคยชิน มันก็จะผ่านไป” 

 

 

Miss Fabulous Thailand เวทีที่ใช่ เติมเต็มความฝันของการเป็นนางงาม

เมญ่า ได้เล่าเส้นทางสายนางงาม ที่กว่าจะได้เป็นเจ้าของมงกุฎ Miss Fabulous Thailand 2023 เธอผ่านการประกวดมาหลายเวทีมาก ๆ เพื่อค้นหาเวทีที่ใช่ และเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด โดย เมญ่า ได้เผยเส้นทางนางงามให้ฟังว่า “หนูเป็นคนที่นอนดูประกวดนางงามทุกเวทีมาตั้งแต่เด็ก ๆ พอหนูโตขึ้นมีคนเห็นว่าหนูเกิดมาหน้าตาเหมือนพี่ เขาก็เลยพาหนูไปเล่นตลกด้วย หนูเคยบอกแม่ว่า หนูไม่ได้อยากเป็นตลกนะ หนูอยากเป็นนางงาม เดี๋ยวสักวันหนูจะเป็นนางงามให้ได้ ตอนนั้นแม่คงไม่คิดอะไรหรอก เพราะเขารู้ว่านางงามมันต้องสวย แต่มันก็เป็นความฝันเล็ก ๆ ของหนู พอเราเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ เราก็ประกวดมาตลอดก็ได้รางวัลนู่นนี่นั่น ก็เลยทำให้แม่เห็นว่าเออมันเป็นนางงามได้นะ มันก็เลยเป็นความฝันที่เราต่อสู้มาเรื่อย ๆ

จริง ๆ นางงามพยายามสวยมันไม่ได้มีเวทีเยอะมาก หนูก็จะประกวดตลก หนูก็ประกวดมาประมาณสี่ห้าสิบเวที และเรารู้ตัวเองว่า Miss fabulous นี่แหละใช่ คือก่อนหน้านี้หนูเคยสมัคร Miss tiffany ซึ่งตอนนั้นเป็นเวทีที่เรารู้สึกว่าเราดูมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วเราอยากประกวดมากเราไม่รู้หรอกว่า Beauty Standard ของเวทีเขาเป็นยังไง แต่เรารู้สึกว่าปีหน้าเราอยากไปมาก ๆ แล้วก็มีสปอนเซอร์ มีคนส่งก็ไป ก็ไม่ได้ผ่านเข้ารอบ แต่รู้สึกว่ามีคนรู้จักเรามากขึ้น

สำหรับ Miss fabulous เมญ่าดูปีที่แล้วมา รู้ว่ามันเป็นการประกวดแบบไหน เราก็ต้องทำการบ้านก่อน แล้วด้วยความที่เขาประกวดเป็นระดับภาค แล้วหนูดันไปสนิทกับเจ้าของห้องเสื้อที่เขาเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ แล้วทีนี้เขาจิ้มเรา แต่ภาคอื่นเข้าจัดประกวดหมด แล้วทีนี้ภาคหนูด้วยความที่มันยุ่งมาก เขาก็จิ้มว่าเอาใครมาประกวดบ้าง หนูก็เลยโทรไปเสนอเขาเลยว่าแม่หนูอยากประกวดมากเลยหนูคิดว่าหนูทำได้ แม่ลองพิจารณาหนูไหม หรือว่าแม่มีคนอยู่แล้วหนูก็ไม่เป็นไร หรือถ้าไม่มีใครหนูประกวดให้  จนนางก็โทรกลับมาบอกหนูว่ายินดีด้วยนะคะลูกสาวลูกสาวได้เป็นหนึ่งในสาม Miss fabulous ภาคใต้ ก็เลยได้เป็นตัวแทนไปประกวด

พอไปประกวดปุ๊บก็ไปทำกิจจกรรมทั่วไปถ่ายเป็น reality แล้วทีนี้ตอนแรกหนูไป หนูแต่งเป็นหนังตะลุงเลย คงคิดว่าหนูไม่ได้มาเอามงหรอก มันมาขายขำ หาซีนอะไรเล่น ๆ ซึ่งหนูก็บอกว่า จริง ๆ ทุกการประกวดหนูหนูตั้งใจหมด เพราะหนูคิดว่า หนึ่งหนูมาหนูเสียเงินค่าเดินทาง ค่าชุด ทุกอย่างมีค่าใช้จ่าย สองคือ เราเหนื่อยเราไปอยู่เชียงใหม่เป็นสิบวัน เรารู้สึกว่าเราตั้งใจแต่เราจะพยายามค่อย ๆ ให้เจ้าของเวทีเขาเห็น หนูเชื่อเลยว่าวันแรกที่หนูเจอพี่ไบรอัน พี่เขาแทบจะไม่ชายตามองหนูเลยด้วยซ้ำ ซึ่งหนูรู้สึกว่าเราทำหน้าที่ของเราให้ดีพอ เพราะว่าก่อนที่จะไปประกวด ด้วยความที่เราเป็นคนที่จิ้มไปก็จะมีดราม่าจากภาคอื่นว่า เนี่ยจิ้มมาแบบไม่ได้ใช้ความสามารถตัวเอง ตอนนั้นเราก็น้ำท่วมปากมาก ๆ เราจะพูดอะไรก็ไม่ได้ สิ่งที่เราจะทำได้ที่สุดเลยเราต้องทำผลงานให้ดี ให้เขาเห็น วัดด้วยความสามารถ จนหนูได้มงมาในที่สุด”

 

 

นางงามที่พร้อม ต้องรู้จักขายงานให้เป็น

มีเคล็ดลับดีๆจาก เมญ่า ที่แชร์ให้กับคนที่อยากเป็นนางงาม ว่าต้องขายความเป็นตัวเองให้เป็น เมื่อจะต้องถูกสัมภาษณ์เชิงลึก โดยเธอได้แบ่งปันประสบการณ์ในตอนที่ประกวด Miss Fabulous Thailand 2023 ให้ฟังว่า “ในรอบห้องทอง ซึ่งก็เหมือนห้องดำ พี่ไบรอัน ก็นั่งคุยเลยว่า เมญ่า เธอนำเสนอมาสิเธอเป็นคนแบบไหน แต่หนูเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครถามหนูฝ่ายเดียวหนูจะถามกลับด้วย หนูก็บอกพี่ไบรอันว่า หนูสมควรที่จะได้มงไหม อะไรบ้างที่หนูควรไปปรับ หนูถามแบบนี้เลยนะ แล้วหนูบอกพี่ไบรอันเลยว่า พี่ไบรอันลองนึกภาพดูนะคะ ถ้าพี่เลือกหนูมง หนึ่ง Beauty Standard ของเวทีจะเปลี่ยนไป สอง คลิปใน TikTok จะเป็นไวรัลคนจะพูดถึงพี่ไบรอัน และคนจะรู้จักเวทีพี่ไบรอันเยอะแค่ไหน สาม ขึ้นเทรนทวิต ซึ่งที่หนูขายเขาไปทั้งหมดมาหมดทุกอย่าง หนูอยากจะให้แนะนำนางงาม คนที่ได้เข้าห้องทองหรือห้องดำ ขายงานเขาเยอะ ๆ ว่าเราทำอะไรให้เขาได้บ้าง พูดให้เขาเห็นภาพเลยว่าแบบนี้ ๆ เชื่อเถอะว่าคุณจะอยู่ในสายตาเขาแน่นอน”  

 

“หน้าจริง” เพลงนี้ที่เข้ากับ เมญ่า

หนึ่งเพลงที่ เมญ่า เคยร้องในคลิปแนะนำตัวเองตอนประกวดนางงาม จนสร้างความประทับใจจากคนดูคือเพลง หน้าจริง โดย เมญ่า ได้ร้องเพลงนี้ให้ฟังสดๆในรายการด้วย “เปิดให้เห็นหน้าจริง ไม่ใช่เพียงสิ่งที่ไม่ใช่เธอ แบบที่สวยเลิศเลอ เพียงแค่ตามความหมายของใคร ๆ ใจเธอเป็นของจริง สวยยิ่งกว่าสิ่งที่เคลือบ ไว้แต่งให้สวยเท่าไหร่ คงไม่สวยเท่าตัวของเธอเอง ท้ายที่สุดแล้ว เราต้องอยู่กับความเป็นตัวเอง เราแต่งให้เยอะให้สวยแค่ไหน ยังไงหนูก็ยังเป็นน้องล้านเหมือนเดิม”

 

แม้มีมง แต่ก็ยังคงจะประกวดต่อไปเรื่อยๆ

เมญ่า ซันซัน คือหนึ่งคนที่มีแพชชั่นในการประกวดนางงามเยอะมาก ๆ แม้จะสามารถคว้าตำแหน่ง Miss Fabulous Thailand 2023 มาครองได้ แต่เธอก็ยังไม่หยุดความตั้งใจที่จะประกวดนางงามต่อไป โดยเธอเล่าว่า “หนูคิดว่าหนูยังอยากประกวดนางงามต่อ ประกวดไปเรื่อย ๆ แล้วบางคนเขาก็จะมีความคิดว่า ได้มงใหญ่แล้วจะเอาตำแหน่งไปทิ้งทำไม ทุก ๆ เวทีคือความภูมิใจนะ มันไม่ใช่ขยะ หนูไม่เคยเอาตำแหน่งไปทิ้ง แต่หนูรู้สึกว่าหนูชอบประกวดนางงาม หนูอยากจะประกวดนางงามจนหนูคิดว่าไม่อยากประกวดละ เราพอใจละ คือหนูชอบ ถ้ารู้สึกว่ามีเวทีไหนที่มันตรงกับเรา เราจะไม่ไปเปลี่ยน Beauty Standard เวทีไหนนะคะ เพราะทุกเวทีเขาจะมี Beauty Standard ของตัวเอง ถ้าเวทีไหนที่มันเหมาะกับหนู หนูก็ยังจะประกวดอีก หนูคิดว่าการประกวดให้ความสุข มันเป็นความสุขจริง ๆ ที่หนูพูดไปทั้งหมด พี่สองคนสามารถรู้สึกได้ ว่าหนูชอบมันจริง ๆ แล้วหนูมีความสุขทุกครั้งที่หนูประกวด เพราะฉะนั้นสุขใดเล่าจะเท่าการประกวด”

 

 

ไม่รู้อนาคตจะเป็นอย่างไร แต่หนูรักตัวเองในตอนนี้

จากคำถามที่ว่า ในอนาคตมีแผนจะทำศัลยกรรมบ้างไหม? เมญ่า ได้ตอบคำถามนี้ไว้ว่า “หนูไม่เคยพูดว่าหนูไม่อยากทำศัลยกรรม เพราะว่าหนูรู้สึกว่าคนเราความคิดมันเปลี่ยนกันได้ แต่หนูรู้สึกว่าตอนนี้หนูชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้ เหมือนล่าสุดมีสปอนเซอร์ให้หนูไปทำฟัน แล้วมันเป็นเงินจำนวนเยอะมาก ทีนี้หนูบอกว่าหนูไม่ทำแล้ว หนูก็คุยกับพี่ไบรอัน แล้วก็ให้สัมภาษณ์ไปว่าตอนที่หนูไม่มีฟันหนูยังได้มงเลย แล้วการที่หนูไปประกวดอินเตอร์ หนูไม่มีฟันทำไมหนูจะไม่มีสิทธิ์ได้มงใหญ่อีก ก็พูดให้เขาฟังแบบนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราไม่ขอบคุณที่เขาให้โอกาสเราสปอนเซอร์เรา เรารู้สึกว่าต่อไปในอนาคต ถ้าหนูแก่ขึ้นหนูอาจจะมีปัญหาในเรื่องของการเคี้ยว ก็ค่อยทำตอนนั้น หนูคิดว่ามันเป็นมุมมองที่อยากจะให้ทุกคนมองว่า ต่อให้อนาคตเขาไปทำอะไรมาก็แล้วแต่ มันเป็นเรื่องของเขาเนอะ หนูจะให้มองแบบนี้ว่าเขาจะไปทำจมูกมา จะเบี้ยวจะอะไรยังไงก็เขาไปทำมาเขาจะจัดการเอง เราแค่รู้สึกว่าอวยพรสิขอให้สวย ๆ นะ อะไรอย่างเงี้ย และหนูชอบตัวเองตอนนี้แล้ว”

 

รับสายโฟนอิน ส่งต่อแรงบันดาลใจ

มีหนึ่งสายที่โทรเข้ามาในรายการ แต่พอเริ่มพูด เมญ่า ก็จำเสียงได้ ซึ่งเป็นสายของ “ไบรอัน ตัน” เจ้าของเวที Miss Fabulous Thailand ซึ่งในการพูดคุย ไบรอัน ได้พูดความประทับใจที่มีต่อ เมญ่า ไว้ว่า “ผมคิดว่าเป็นความสวยที่มาจากข้างในจริง ๆ แล้วน้องรู้ว่าน้องจะใช้ยังไงกับเวทีเรา ผมบอกได้เลยว่า ไฟนอลเนี่ยหรือพักหลัง ๆ น้องเริ่มจับทางถูก น้องเริ่มจับเกมถูกว่าเราต้องการอะไร แล้วหลังจากนั้นคือกราฟพุ่งคะแนนพุ่ง ดังนั้นเนี่ยไม่แปลกใจเลยครับ ตั้งแต่รอบที่สัมภาษณ์คนตกหลุมรักน้องเยอะมาก แล้วคะแนนโหวตมันก็มาจริง ๆ มันมาแบบโค้งสุดท้ายแล้วถ้าดูแค่เฉพาะไฟนอลอะครับ ถอดวิกขนาดนั้น ร้องเพลงแล้วมันไม่ตลกนะ มันเป็นอะไรที่แบบ คือคนน้ำตาไหลได้ ตากล้องต่าง ๆ คือน้ำตาไหลได้ คือมันทัชใจ แล้วตอนเดินออกมานี่คือมันโอ้โห้ ถ้ามองความงามเป็นในอีกมิติหนึ่ง น้องเขาคือตุ๊กตาลอยเดินออกมาเลยอะ เป็นตุ๊กตาที่มีชีวิตที่สามารถเดินได้พูดได้อะครับ มันเป็นความสวยในแบบ เมญ่า”

 

 

ในช่วงท้าย เมญ่า ได้ให้กำลังใจ และฝากข้อคิด ให้กับคนที่กำลังด้อยค่าตัวเองจากการถูกบูลลี่ไว้ว่า “ยากหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะก้าวผ่านไม่ได้ เพราะฉะนั้นอยากจะให้ทุกคนรู้สึกว่า ตื่นขึ้นมาไปหาดูอะไรที่มันเป็นพลังบวกที่จะไม่ทำให้เราเฟลลงเรื่อยๆ เราต้องอย่าลืมนะคะว่า เราต้องออกมาใช้ชีวิตในสังคม เราต้องใช้ชีวิตตัวคนเดียวให้ได้ ไม่มีพ่อแม่อยู่กับเราตลอดเวลาไม่งั้นเราจะแบบไม่ก้าวผ่านตรงนี้ ก็อยากจะเป็นกำลังใจให้กับทุกชว่าเราต้องเป็น Someone ให้ได้” – เมญ่า ซันซัน

 

 

ติดตามรายการย้อนหลัง

 

 

album

0
0.8
1